เครื่องถม เมืองนคร
นครหัตหัถกรรม ที่ตั้ง : 1 ถนนสระเรียง ตำบลในเมือง อำ เภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช 80000 ภาพที่ 1 นครหัตถกรรม แหล่งที่มา : https://th.readme.me/p/25957 สืบค้นเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2566 ภาพที่ 2 ภายในนครหัตถกรรม แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยปณิตา ชุมแก่น เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566
ครูช่า ช่ งถมแห่ง ห่ เมือมืงนคร ชื่อ-สกุล : นายนิคม นกอักษร วัน เดือน ปีเกิด : 29 มิถุนายน พ.ศ. 2492 สถานที่เกิด : 1 หมู่ที่ 7 ตำ บลปากแพรก อำ เภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช การศึกษา - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดหอยกัน อำ เภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช - ชั้นมัธยมศึกษา ม.1 - ม.6 ที่โรงเรียนปากพนังวิทยา อำ เภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช - ระดับประโยควิชาชีพ (ปวช.) โรงเรียนศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช (วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช) อำ เภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช - ระดับประโยควิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จากโรงเรียนเพาะช่าง (สถาบันเทคโนโลยี ราชมงคล วิทยาลัยเพาะช่าง ) ถนนตรีเพชร อำ เภอพระนคร กรุงเทพฯ - ระดับปริญญาตรี วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช (คบ. สาขาวิชาการบริหารโรงเรียน) ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัย ราชภัฏนครศรีธรรมราช อำ เภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่อยู่/ที่ทำ งาน : 1 ถนนสระเรียง ตำ บลในเมือง อำ เภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช 80000 ภาพที่ 3 นายนิคม นกอักษร แหล่งที่มา : https://shorturl.asia/sFURL สืบค้นเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2566 รับราชการครู ตั้งแต่ พ.ศ. 2515-2542 ที่วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช อำ เภอเมือง ประธานกลุ่ม "นครหัตถกรรม” สังกัดพัฒนาชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช อำ เภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดร้านจําหน่ายผลิตภัณฑ์หัตถกรรมชื่อ “นครหัตถกรรม เป็นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านเครื่องถม เครื่องหนัง และงานแกะสลักดุนโลหะ ให้แก่เรือนจำ จังหวัดตรัง ประวัติการทำ งาน จังหวัดนครศรีธรรมราช ภายในบริเวณศูนย์จำ หน่ายสินค้าพื้นเมือง วัดพระมหาธาตุ นครศรีธรรมราช เทศบาลนครจังหวัดนครศรีธรรมราช ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จังหวัดนครศรีธรรมราช และสถาบันวิจัย จุฬาภรณ์ ตำ บลเขาพระ อำ เภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช
ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทประติมากรรม (การปั้นภาพคนเหมือนลอยตัวครึ่งท่อน) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ได้รับการเชิดชูเกียรติในงาน “68 ปี อาชีวะไทย ก้าวไกลสู่อนาคต” เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2522 ผลงานได้รับการคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 4 ดาว พ.ศ. 2549 และ 2553 ได้รับคัดเลือกรับรางวัล "ผู้อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย” ประจำ ปี 2553 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมสโมสรวัฒนธรรมหญิง สาธิตการทำ เครื่องถม ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับพระราชทาน “เข็มช่างพื้นถิ่น” จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทำ กระเป๋าถือถมทอง ถวายแด่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ผลงาน รางวัล และเกียรติประวัติ ระดับประชาชนทั่วไป ในงานการแสดงศิลปหัตถกรรมของนักเรียนและประชาชน ในงานเทศกาลเดือนสิบประจำ ปี จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ. 2512 นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2544 ในพระบรมราชินูปถัมภ์ฯ และหนังสือพิมพ์เส้นทางผู้นำ เกียรติประวัติและผลงานที่ภาคภูมิใจ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 2 เมษายน (วันอนุรักษ์มรดกไทย) พ.ศ. 2553 ที่กรุงเทพมหานคร ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ภาพที่ 5 รางวัลเกียรติคุณ แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566 ภาพที่ 6 รางวัลเกียรติคุณ แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566
เครื่อรื่งถมเมือมืงนคร "เครื่องถม" หรือมักเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ถมนคร” เป็นงานศิลปหัตถกรรมชั้นสูงที่คน นครศรีธรรมราชและคนไทยภาคภูมิใจมาตั้งแต่ สมัยโบราณ ในอดีตใช้เป็นเครื่องราชูปโภคของ กษัตษัริย์ริหย์รือรืเป็นป็เครื่อ รื่ งยศของขุนขุนางชั้น ชั้ สูงสูทั้ง ทั้ ยังยั ใช้เป็นเครื่องราชบรรณาการสำ หรับกษัตริย์ ประเทศต่าง ๆ ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๒๕ ได้ให้ความหมายคำ ว่า "ถม" ว่าว่ "เรียรีกภาชนะหรือรืเครื่อ รื่ งประดับดัที่ทำ ที่ ทำโดย ใช้ผงยาถมผสมน้ำ ประสานทอง ถมลงบนลวดลาย ที่แกะสลักบนภาชนะหรือเครื่องประดับนั้น แล้วขัดผิวให้เป็นเงางามว่าเครื่องถม เช่น ถมนคร ถมเงิน ถมทอง" สำ หรับความเป็นมาของเครื่องถมนั้น สันนิษฐานว่าน่าจะเริ่มผลิตมาตั้งแต่สมัยอยุธยาในสมัยสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ ๒ หรือราว พ.ศ. ๒๐๖๑ ส่วนที่มาของการผลิตเครื่องถม ปัจจุบันยังคงเป็นที่ถกเถียงกันบ้างก็ สันนิษฐานว่าอาจได้รับอิทธิพลมาจากโปรตุเกส เนื่องจากโปรตุเกสเป็นชาติแรกที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำ การ ค้าขายในราชอาณาจักรไทยได้ ๔ เมือง คือ กรุงศรีอยุธยา นครศรีธรรมราช ปัตตานี และมะริด ขณะที่สมเด็จฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงมีความเห็นว่า ชาวนครศรีธรรมราชได้รับรู้เรื่องเครื่องถมจากชาวอินเดีย ส่วน ศาสตราจารย์วิศาลศิลปกรรมให้ความเห็นว่ายาถมไทยมิได้รับต้นตำ รับมาจากประเทศใดเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยแท้คือเกิดที่นครศรีธรรมราช ภาพที่ 7 เครื่องถม แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566 ภาพที่ 8 เครื่องถม แหล่งที่มา : https://bit.ly/3LgGH3Ce สืบค้นเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2566
"....เรื่องเครื่องถม หม่อมฉันพบหลักฐานใหม่อีกแห่ง ๑ ในกฎมณเฑียรบาลว่า ขุนนางศักดินา ๑๐,๐๐๐ กินเมือง “กินเจียดเงินถมยาดำ รองตะลุ่ม" ดูตรงกับเจียดรัชกาลที่ ๑ ถ้าเป็นแบบมาตั้งแต่กฎมณเฑียรบาลครั้ง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ราว พ.ศ. ๒๐๐๐ ก่อนรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราว ๒๐๐ ปี ตำ นานที่ หม่อมฉันคาดไว้ดังทูลไปก็ผิด แต่นึกว่าจะเพิ่มลงในกฎมณเฑียรบาลเมื่อภายหลังก็เป็นได้..." นอกจากนั้นยัง กล่าวอีกว่า "...จะทูลบรรเลงต่อไปถึงเรื่องถมเมืองนครฯ การทำ เครื่องถมในเมืองไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นี้ ทำ แต่ในกรุงเทพฯ กับที่เมืองนครศรีธรรมราช ๒ แห่งเท่านั้น คนนับถือกันว่าฝีมือช่างถมเมืองนครฯทำ ดีกว่าใน กรุงเทพฯ จนเครื่องถมที่ทำ ดีมักเรียกกันว่า “ถมนคร” เลยมีคำ กล่าวกันว่าช่างถมเดิมมีแต่ที่เมืองนครฯ ชาว กรุงเทพฯไปเอาอย่างมาก็สู้ฝีมือครูไม่ได้..." และ "...เมื่อหม่อมฉันเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยลงไปเมือง นครศรีธรรมราชอยากดูการทำ เครื่องถม การนั้นพวกช่างก็ทำ ตามบ้านเรือนของตนอย่างเดียวกับที่บ้านพานถม ในกรุงเทพฯ พวกกรมการพาไปดูหลายแห่ง สังเกตดูช่างถมแต่งตัวเป็นแขกมลายูทั้งนั้น ที่เป็นคนไทยหามีไม่ หม่อมฉันประหลาดใจถามเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (หนูพร้อม) เมื่อยังเป็นพระยานครฯ ท่านกล่าวความหลัง ให้ฟังจึงรู้เรื่องตำ นานว่า เมื่อตอนปลายรัชกาลที่ ๒ เจ้าพระยานคร (น้อย) ยังเป็นพระยานครฯ ลงไปตีเมือง ไทรได้เฉลยมลายูมามาก จึงเลือกพวกเฉลยให้หัดทำ การช่างต่างๆ บรรพบุรุษของพวกนี้ได้หัดเป็นช่างถมสืบ กันมาจนทุกวันนี้..." เรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องถมในเมืองนครนี้ ปรากฏ ในเอกสารสำ คัญหลายฉบับ เช่น ในหนังสือชุด "สาส์น สมเด็จ" ซึ่งเป็นลายพระหัตถ์ของสมเด็จเจ้าฟ้ากรม พระยานริศริรานุวันุดวัติวติงศ์กัศ์บกัสมเด็จด็พระเจ้าจ้บรมวงศ์เศ์ธอ กรมพระยาดำ รงราชานุภนุาพร มีเมีนื้อ นื้ หาเกี่ย กี่ วกับกักาโต้ตต้อบ ปัญปัหาและแลกเปลี่ย ลี่ นความรู้เรู้กี่ย กี่ วกับกัศิลศิปะ วรรณคดี โบราณคดี และประวัติวัศติาสตร์ เริ่ม ริ่ แต่ พ.ศ. ๒๔๗๐ ถึงถึ พ.ศ. ๒๔๘๖ โดยพระราชหัตหัถเลขาของสมเด็จด็พระเจ้าจ้ บรมวงศ์เศ์ธอ กรมพระยาดำ รงราชานุภนุาพ เรื่อ รื่ งเครื่อ รื่ งถม ไว้ ดังดัความว่าว่ ภาพที่ 9 เครื่องถม แหล่งที่มา : https://bit.ly/426xnW1e สืบค้นเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2566 ภาพที่ 10 เครื่องถม แหล่งที่มา : https://bit.ly/3ysXskN สืบค้นเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2566 ประวัติวั ติความเป็นมาของเครื่อรื่งถม
เครื่องประดับถมเงิน ถมทอง สืบเนื่องจากอดีตถึงปัจจุบัน เครื่องถมเป็นที่รู้จักกันในฐานะศิลปะ หัตถกรรมขั้นสูงที่เก่าแก่ สีดำ สนิทของน้ำ ยามแทรกอยู่บนร่องนิ้วอันอ่อนช้อยงดงามของลวดลายไทย ส่งผล ให้ภาชนะเนื้อเงิน เนื้อ ทองดูโดดเด่นสูงค่าขึ้นทำ ให้เครื่องถมเป็นหัตถศิลป์ชิ้นเอกอีกชิ้น หนึ่งที่ควรคู่กับการ ดำ รงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ แห่งความเป็นไทยให้คงอยู่สืบไปนาน เท่านาน และแม้ว่าปัจจุบันยังไม่สามารถหาข้อ ยุติได้ว่าเครื่องถม ของไทยได้รับอิทธิพล หรือความรู้มาจากที่โต หากแต่ในประวัติศาสตร์ของไทยพบว่า เครื่องถมมีมาแต่ครั้ง กรุงศรีอยุธยาเป็น ราชธานีแล้ว ดังปรากฏเป็นหลักฐานในกฎมณเฑียรบาลที่ตราขึ้นใน แผ่นดินสมเด็จพระ บรมไตรโลก นาถว่า ขุนนางศักดินา 10,000 กินเมือง กินเจียดเงิน ถมยา รองตะลุ่ม ซึ่ง แสดงว่า คนไทยในสมัยนั้นทำ เครื่องถมใช้กันแล้วจนมีกฎให้ใช้เป็นเครื่องยศของขุนนางชั้นสูง และตามพระ ราช พงศาวดารก็ได้กล่าวถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงส่งเครื่องบรรณาการถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งประเทศฝรั่งเศส เป็นเครื่องถมลายอรหันต์, และนอกจากนั้นเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ยังได้สูง บรรณาการ กางเขนถม ซึ่งเป็นฝีมือช่างชาวนครศรีธรรมราชถวายต่อพระสันตปาปา ณ กรุงโรมอีกด้วย ข่าง ถมที่ถือกันว่า ฝีมือดีที่สุดคือ ช่างถมเมืองนครศรีธรรมราช เราจึงมักได้ยินชื่อเสียงของเครื่อง ถมในนาม เครื่องถมนคร ด้วย ชาวนครเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์และจินตนาการในด้านการผลิตเครื่องถมจนมี อเสียงลือเลื่องไปทั่วแผ่นดินไทย ในขณะนั้นสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงทรงโปรดรับสั่งให้ช่างถมที่มี ฝีมือ เข้าไปถวายงานประจำ ในเมือง หลวง เครื่องถมทั้งหลายที่เป็นเครื่องราชูปโภครวมถึงของใช้ขั้นสูง ล้วนมาจากฝีมือช่างเมืองนครทั้งสิ้น หลัง จากนั้นประวัติของเครื่องถมก็เริ่มเลื่อนลางจนถึงในสมัย 6 สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่ง กรุงรัตน โกสินทร์ ได้มีการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมและ หัตถกรรมของไทยเครื่องถมจึงกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง และได้มีการถ่าย ทอดกันเรื่อยมาจนถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ก็ยังทรงพระราชทาน เครื่องถมแก่แขกบ้านแขก เมืองของ พระองค์เช่นกัน และเมื่อเวลาผ่านไปช่าง เก่าแก่ต่างก็ค่อย ๆ ล้มหาย ตายจากทีมีฝีมือดีก็เหลือน้อยลงไป ทุกที ดังนั้นในปี พ.ศ. 2456 พระรัตนธัชมุนี เจ้าอาวาสวัดท่าโพธิ์ จังหวัด นครศรีธรรมราช จึงได้ จัดตั้งโรงเรียนช่างถมขึ้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ ศิลปหัตถกรรมแขนงนี้ไว้ โดยได้นำ ช่าง ฝีมือดีที่มีชีวิตอยู่มา เป็นครูสอนในระยะเวลาต่อมาได้เปลี่ยน ชื่อเป็น วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมจังหวัด นครศรีธรรมราช เปิด สอนสาขาวิชาเครื่องถมมาจนถึงปัจจุบัน เครื่อง ถมที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง เป็นพลังสำ คัญที่เสริมให้หัตถศิลป์ ขึ้นเอกนี้ยังคงเป็น ศิลปหัตถกรรมที่ทรงคุณค่าจนถึงชนรุ่นหลังให้ได้เห็น และ รู้จัก และกว่าข้างหนึ่งคนจะสรรสร้างปั้นแต่ง เครื่องถมให้มีลักษณะดัง กล่าวต้องใช้ความประณีตในการ แกะสลักลวดลาย และความชำ นาญในการถม นายฯ ซึ่งน้ำ ยาถมที่ดีนั้นต้องติด แน่นกับเนื้องานที่แกะสลัก พื้น จากสีของนํ้ายาถมตามความนิยม ทั่วไปต้องไม่มีตามดคือ ผิวเรียบเนียนไม่มีรู พรุน เครื่องถมแบ่งออกได้ เป็น 3 ประเภท คือ ภาพที่ 11 ส่วนผสมเครื่องถม แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566
1. ถมเงินหรือถมดำ เป็นถมที่เก่าแก่ที่สุดตาม ความนิยม ถมที่ดีนั้นต้องมีสีดำ สนิทไม่มี ตามด (ตามดคือ จุดขาวบนสีดำ ) ถมเป็นกรรมวิธีในการผสมของโลหะสาม อย่างเข้าด้วยกัน คือ เงิน ตะกั่ว และทองแดง นำ มาปั่นจน เป็นผงละเอียดเพื่อโรยลงบนพื้นแผนเงินที่ขูดร่อง หรือ ตอก เป็นลวดลายไว้แล้วการที่จะให้ผงถมเกาะแน่นอยู่ที่ การเหยียบพื้น (คือการแกะหรือตอกร่องลงบนเนื้อเงิน ที่เป็นพื้นของลายที่ดอก) ถ้าเหยียบพื้นให้มีรอยขรุขระ มากเท่าใดผงถมก็เกาะได้มากเท่านั้น 3. ถมตะทอง เป็นศัพท์ของช่างถมหมายถึง วิธีการระบายทองคำ ละลายปรอทหรือแต้มทองเป็นแห่งๆ เฉพาะที่ ไม่ใช่ระบายจนเต็มเนื้อที่เช่นเดียวกันกับการทำ ถมทอง โดยเอาทองคำ แท้ใส่ลงในปรอททองละลายอยู่ ในน้ำ ปรอท เมื่อเอาน้ำ ปรอทที่มีทองคำ ละลายปนอยู่ ไปแต้มตามแห่งที่ต้องการให้เป็นสีทองในขั้นแรกปรอท จะยังคงอยู่เมื่อไล่ด้วยความร้อนปรอทจะหนีทองก็จะติด แน่นอยู่ บนตำ แหน่งหรือลายที่แต้มทองนั้น การแต้มทอง หรือระบายทองในที่บางแห่งของถมดำ เป็นการเน้นจุดเด่น หรือต้องการแสดงอวดภาพ หรือลายเด่นๆ ฉะนั้นเครื่อง ถมตะทองจึงเป็นของที่หายากกว่าถมเงินหรือถมทองและ ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีความนิยมในถมตะทองมากกว่า ถมทอง 2. ถมทอง คือถม แต่แตกต่างที่ลวดลายคือ ลายสีเงินได้เปลี่ยนเป็นสีทอง ช่างถมจะเปียกหรือ ละลายทองคำ ให้เหลวเป็นน้ำ โดยใส่ทองแท่งลงใน ปรอทปรอทจะละลายทองแท่งให้เป็นน้ำ ข้างถมจะ ชุบน้ำ ทองผสมปรอทด้วยพู่กันเขียนทับลงบน ลวดลายสีเงิน ภาพที่ 12 ถมเงิน แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566 ภาพที่ 13 ถมทอง แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566 ภาพที่ 14 ถมตะทอง แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566 ประเภทของเครื่อรื่งถม
เครื่องถมมีขั้นตอนวิธีการทำ โดยย่อย คือ ขั้นแรกต้องเตรียมเงินซึ่งเป็นเงินเม็ด เป็นเงินแท้ 100 เปอร์เร์ซ็นซ็ต์นำต์ นำมาผสมเป็นป็เงินงิบริสุริทสุธิ์ 95 เปอร์เร์ซ็นซ็ต์ ผสมกับกัทองแดง 5 เปอร์เร์ซ็นซ็ต์ เพื่อ พื่ ให้ไห้ด้เด้นื้อ นื้ งานที่แ ที่ ข็งข็ หากเป็นเงินบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ จะได้เนื้องานที่นิ่ม เป็นรอยและบุบได้ง่าย เมื่อได้เงินผสมแล้วนำ มาหลอม โดยความร้อร้น แล้วล้เทลงในภาชนะที่ทำ ที่ ทำเป็นป็ลักลัษณะกลมๆ แล้วล้ค่อค่ยๆ ดีขึ้ดีน ขึ้ รูปรูโดยใช้ค้ช้อค้นทุบทุ ๆ ไปให้ไห้ด้ขด้นาดตามที่ ต้อต้งการหลังลัจากขึ้น ขึ้ รูปรูเสร็จร็ก็เก็ก็บก็ผิวผิให้เห้รียรีบ แล้วล้นำ มาใส่ ชันชัซึ่ง ซึ่ เป็นป็ยางไม้ที่ม้มี ที่ คมีวามแข็งข็ต้อต้งนำ มาเคี่ย คี่ วกับกัน้ำ มันมัผสม ให้ได้ความพอเหมาะพอดี ที่สามารถยืดหยุ่นได้ ไม่นิ่มหรือแข็งจนเกินไปเทลงใส่ในรูปที่เราขึ้นไว้เรียบร้อยแล้ว รอ ให้เย็น และแข็งตัว จากนั้นจึงนำ มาเขียนลาย ซึ่งมีทั้งสายไทยและลายในเทศเมื่อเขียนลายเสร็จก็นำ นา เคาะลายอีก ครั้งหนึ่งเรียกว่ากดลาย เพื่อให้ลายเรียน แล้วจึงใส่ขอบที่ด้านบนของขันหรือปากขัน โดยการนำ เงินที่ผสมแล้วมาตี เป็นลักษณะหวายผ่าซีกครอบที่ปากขัน ดีอัดให้แน่นใช้ตะไบแต่ง ให้แนบกับตัวขัน หลังจากเข้าขอบเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการลงลม ผมนี้ได้จากการผสมกันขึ้น จากเงิน ตะกั่ว ทองแดง และกำ มะถัน จะได้ผมออกมามีสีดำ ๆ การลงถมนั้นจะใช้ความร้อนเป่าลม ให้ละลายแล้วค่อยๆ เขี่ยไปเรื่อยๆ บนลายที่ต้องการให้เรียบเสมอกัน ตอนที่เรา ลงถมนี้จะมอง ไม่เห็นลาย เพราะน้ำ ยาถมจะละลายเต็มไปหมด หลังจากที่ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นจึงใช้ตะไบลูกให้ถึงรอย ที่เราสลักจนกระทั่งเป็นลาย หลังจากนั้นก็ใช้กระดาษทรายอย่างหยาบขัดก่อน แล้วจึงขัดตามด้วย กระดาษทราย ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ขั้นตอนต่อไปก็จะนำ มาขัดด้วยลูกผ้า ซึ่งลูกผ้านี้ ทำ มาจากเศษผ้า ที่นำ มาซ้อนกันเย็บเป็นลูก กลมๆ นำ ลูกผ้านี้มาปัดด้วยดินขัดเพื่อให้เกิดความเงา ดินชัดนี้จะมีขาย 25 ตามร้านทำ เงินทำ ทองทั่วไป หลังจากปัด ด้วยลูกผ้าแล้วก็มาถึงวิธีการทำ ผม และถมทอง การทำ ลมทองนั้นจะต้องใส่ชันลงไปในขันอีกทีหนึ่งแล้วรอให้ชั้นเย็น และแข็งตัว นำ ทองคำ ผสมกับปรอททาลง บนผิวของเครื่องถม แล้วนำ ไปรมความร้อนเพื่อให้ปรอท ระเหยออกทองคำ ก็จะติดกับเนื้อเงินแน่นจากนั้นจึงนำ มาแรเงาเพื่อให้รัศมีของลาย นั้นเด่นชัดขึ้นส่วนพื้นที่ ลงแมก็ยังคงเป็นสีดำ เหมือนเดิมเมื่อแรเงาเสร็จแล้วก็นำ ไปให้ความร้อนเพื่อเอาชันออกแล้วล้างด้วยน้ำ มันเบนซิน เพื่อให้ชันละลายออกให้หมดส่วนด้านในของขันที่ไม่ได้ ถมทองจะนำ น้ำ กรด ซึ่งเป็นกรดกำ มะถัน 5 เปอร์เซ็นต์ เทใส่ด้านในแช่ไว้เพื่อให้ได้ความขาวนั้น ตอนสุดท้ายคือ การนำ ขันมาแปรงกับลูกประคำ ดีควาย ซึ่งลูกประคำ ดี ควาย นี้เมื่อแช่น้ำ แล้วจะเกิดฟองขึ้นมาเมื่อแปรง เสร็จ แล้วจึงนำ ไปปัดด้วยลูกปัด เป็นการเสียดสีเพื่อให้เกิดความเงาเป็นมันวาวเป็นอันเสร็จสิ้น กระบวนการผลิตทั้งหมด ตฤณ สุขนวล และวิเชียร ไทยเจริญ, 2549, หน้า 37-39) ภาพที่ 15 ส่วนผสมเครื่องถม แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566 ภาพที่ 16 กระบวนการแกะลายเครื่องถม แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566 ขั้นขั้ตอนการทำ เครื่อรื่งถม
ขั้นขั้ตอนการทำ เครื่อรื่งถม ปัจจุบันการทำ เครื่องถมนคร มี 2 แบบ คือ ถมเงิน และถมทองหรือถมตะทองโดยนิยมทำ ตามขั้นตอน ดังนี้ 1. การทำ ถมเงิน 1.1 การทำ น้ำ ยาถม เป็นหัวใจสำ คัญในการทำ เครื่องถม ลักษณะเด่นเป็นเอกลักษณ์ของยาถมของช่างนคร คือมีลักษณะแข็ง สีดำ เป็นนิล ขึ้นเงา ประกอบด้วยโลหะ 3 ชนิด คือ ตะกั่ว ทองแดง และเงิน ตำ ราถมโบราณ ท่านมีไว้ว่า “วัว 5 ม้า 6 บริสุทธิ์ 4 ผสมกันแล้วขัดด้วยกำ มะถัน ได้ยาถมแล” ภาพที่ 17 ตะกั่วดำ แหล่งที่มา : http://bit.ly/3ZDUpSA สืบค้นเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2566 ภาพที่ 18 ทองแดง แหล่งที่มา : http://bit.ly/3Ldhibj สืบค้นเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2566 ภาพที่ 19 เงิน แหล่งที่มา : https://bowinssilver.wixsite.com/mysite สืบค้นเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2566
ขั้นขั้ตอนการทำ เครื่อรื่งถม 1.2 การทำ รูปพรรณ หรือ การขึ้นรูปให้ได้รูปทรงตามต้องการ เช่น สร้อย แหวน กำ ไล ขัน เป็นต้น วัตถุดิบสำ คัญที่ต้องใช้ คือ เนื้อเงินบริสุทธิ์ร้อยละ 92.5 และทองคำ บริสุทธิ์ร้อยละ 99.99 ภาพที่ 20 เครื่องถมรูปพรรณต่าง ๆ แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566 1.3 การเขียนและแกะลาย การวาดภาพหรือลวดลายลงบนภาชนะที่ขึ้นรูปเสร็จแล้ว และลงมือ แกะสลักด้วยสิ่ว ภาพที่ 21 การเขียนและแกะลาย แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566
ขั้นขั้ตอนการทำ เครื่อรื่งถม 1.4 การลงยาถม คือการนำ ยาถม ถมลงในร่องที่แกะลาย ใส่จนเต็มร่อง แล้วเกลี่ยให้เสมอกันทุกส่วน จาก นั้นใช้ไฟเป่า หรือเรียกว่าวิธี “เป่าแล่น” ลงบนภาชนะนั้น รอให้เย็นแล้วใช้ตะไบถูบนส่วนที่ไม่ต้องการให้มียา ถมนั้นออกไปให้เห็นเนื้อเงินที่พื้น ซี่งเรียกว่า “พื้นขึ้น” ภาพที่ 22 วิธีการเป่าแล่น แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยชลธิชา หนูชูแก้ว เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566 1.5 การปรับแต่งรูป ในขั้นตอนลงยาถมจะต้องใช้ไฟด้วยความร้อนสูงเพื่อเผาภาชนะอยู่เป็นเวลานานพอ สมควร อาจทำ ให้ภาชนะบิดเบี้ยว ขั้นตอนนี้จึงจำ เป็นต้องปรับแต่งรูปทรงให้คงสภาพเดิมอีกครั้ง และแต่ง ผิว/ขัดผิวของภาชนะด้วยกระดาษทรายละเอียด เมื่อผิวเกลี้ยงแลดูเงาสวยแล้วจึงขัดด้วยยาขัดโลหะ จากนั้น นำ ไปล้างทำ ความสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง 1.6 การแกะผิวและแกะแร วิธีการแกะผิวแกะแรหรือการเพลาลาย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำ คัญที่สุดก็ว่าได้ เพราะจะช่วยให้รายละเอียดของลายบนภาชนะมีความโดดเด่นขึ้น ขึ้นเงา ต้องแสงเป็นประกายสวยงาม โดยขั้นตอนนี้ต้องอาศัยฝีมือ ประสบการณ์ และความชำ นาญของช่าง
ขั้นขั้ตอนการทำ เครื่อรื่งถม ภาพที่ 23 การขัดเงา แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566 1.7 การขัดเงา เป็นการทำ ความสะอาด ขัดเงา โดยการเช็ดกับผ้าที่นุ่มๆ ให้สะอาดและขึ้นเงาสวยงาม ภาพที่ 24 ถมเงิน แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566
ขั้นขั้ตอนการทำ เครื่อรื่งถม ๒.การทำ ถมทอง หรือ ถมตะทอง การถมทองเป็นการทำ ให้เครื่องถมมีคุณค่าสูงขึ้นกว่าถมเงินธรรมดา ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องอาศัยฝีมือช่างที่ชำ นาญและมี ประสบการณ์อย่างมาก โดยในขั้นตอนที่ ๑ – ๔ ใช้วิธีการเดียวกับการทำ ถมเงิน แต่เมื่อเสร็จขั้นตอนที่ ๔ คือ ลงยาถมและขัดยาถมส่วนเกินออกแล้ว ในส่วนของการทำ ถมทองจะเพิ่มวิธีการทาทอง หรือเรียกว่า “การเปียก ทอง” เป็นการนำ ทองคำ แผ่นบริสุทธิ์ ๙๙.๙๙ บดจนเป็นผงแล้วเทปรอทบริสุทธิ์ลงไปผสมกับผงทอง บดด้วยครก หินจนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน และใช้สำ ลีชุบทองเปียกถูบนภาชนะ เมื่อทาทองผสมปรอทเสร็จแล้วจึงนำ ไปตาก แดดให้แห้งหรืออบด้วยความร้อนอ่อนๆบนเตา ประมาณ ๓ – ๔ ครั้ง และครั้งสุดท้ายใช้ความร้อนสูงกว่าเดิม เมื่อปรอทระเหยออกหมด ก็จะเหลือแต่เนื้อทองเคลือบติดแน่นบนภาชนะ นำ ไปขัดเงาให้ผิวทองเกลี้ยงใสขึ้น ถือเป็นอันเสร็จขั้นตอนการทาทอง จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอน ที่ ๕ – ๗ เช่นเดียวกับการทำ ถมเงิน ในปัจจุบันเครื่องถมไม่ได้มีใช้กันเฉพาะชั้นเจ้านายชั้นสูงเหมือนในอดีต แต่มีการปรับเปลี่ยนให้ร่วมสมัย ขึ้นเพื่อให้เข้าถึงคนทุกช่วงวัย โดยการทำ เป็นของชิ้นเล็ก เช่น ต่างหู แหวน ที่ติดผม ล๊อกเกต กำ ไล จากการทำ ถมนครสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน การได้รับการทำ นุบำ รุงจากพระมหากษัตริย์ในยุคสมัยต่างๆ นับเป็นเป็นระยะ เวลาหลายร้อยปี รวมถึงมีการพัฒนาฝีมือการออกแบบลวดลายให้วิจิตรสวยงาม ด้วยลวดลายที่ยังคงแสดงถึง เอกลักษณ์ความเป็นไทย จึงถือว่างานเครื่องถมเป็นงานที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้คู่คนไทยสืบต่อไป ภาพที่ 25 เครื่องถม แหล่งที่มา : https://bit.ly/3ysXskN สืบค้นเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2566
สมัยกรุงศรีอยุธยาราว พ.ศ. 2032 - 2072 สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีรับสั่งให้เจ้าเมือง นครศรีธรรมราชในสมัยนั้น จัดหาช่างถมที่ฝีมือเยี่ยมที่สุดของจังหวัดนครศรีธรรมราชส่งไปยังกรุงศรีอยุธยา เพื่อทำ ไม้กางเขนถมส่งไปถวายพระสันตปาปา ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี และทำ เครื่องถมดำ ลายอรหันไป บรรณาการพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งประเทศฝรั่งเศส ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยของพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) การทำ เครื่องถมได้รับ การทำ นุบำ รุงเป็นอย่างดีในช่วงสมัยนี้ ถือเป็นของสูงศักดิ์ ใช้เป็นเครื่องราชูปโภค และเครื่องราชบรรณาการ ได้รับความนิยมอย่างสูงในราชสำ นัก จากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เจ้าพระยานคร (น้อย) นอกจากจะมีฝีมือทางการรบแล้วยังเป็นช่างทำ ถมฝีมือดี ได้ทรงทำ พระแท่นเสด็จออก ขุนนางกับพระเสลี่ยงถวาย สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เจ้าพระยานคร (กลาง) เป็นผู้อุปถัมถ์ช่างถม คนสำ คัญในนครศรีธรรมราชและชักชวนช่างถมหลายคนเข้าไปอยู่ในวังช่างเหล่านี้ได้ทำ เก้าอี้ถมอนุโลมจาก พระแท่นและพนักเรือพระที่นั่ง และในโอกาสที่กรุงสยามได้แต่งตั้งราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศ อังกฤษ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้ช่างถมนครจัดทำ เครื่องราชบรรณาการส่งไปถวาย แด่พระนางเจ้าวิคตอเรีย ซึ่งปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังบัคกิ้งแฮม ประเทศอังกฤษ สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เมื่อสร้างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรง พระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (หนูพร้อม) เป็นแม่กองให้ช่างถมนครทำ พระราชอาสน์ ราชบัลลังก์ พระที่นั่งพุดตานถม ซึ่งเป็นพระราชอาสน์ที่ประดิษฐานอยู่ในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และเป็น ศิลปกรรมเครื่องถมชิ้นเอกของประเทศไทย ใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และในโอกาสเสด็จออกมหา สมาคมวันเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้คณะบุคคลถวายพระพรชัยมงคล สมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) โปรดเกล้าฯ ให้ช่างทำ หีบบุหรี่ ถมทองสำ หรับพระราชทานแก่ประธานาธิบดีไอเซนเฮ้าว์ และ ดร.ริสบอร์ นายแพทย์ที่ถวายการประสูติ และ พระราชทานตลับแป้งถมทองแก่นางพยาบาลที่โรงพยาบาลในเมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ความสำ คัญของเครื่อรื่งถมในแต่ละยุคยุสมัยมั กระทั่งถึงยุคสมัยปัจจุบัน ช่างถมนครก็ยังได้รับความ ไว้วางใจให้สร้างผลงานสู่ราชสำ นัก เช่น ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงปัจจุบัน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้ประสานงานจัดหาช่างถมฝีมือดีในนครศรีธรรมราช จัดทำ เครื่องราชูปโภคและเครื่องใช้ในพิธีต่างๆ เพื่อ ถวายแด่สำ นักพระราชวัง เช่น ชุดขันพานตักบาตร ถมทอง เป็นต้น ภาพที่ 26 เครื่องถม แหล่งที่มา : ถ่ายภาพโดยอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566
บรรณานุกนุรม ครูศิลป์ของแผ่นดิน. นิคม นกอักษร ครูช่างถมแห่งปากพนัง. (ม.ป.ป.). วันที่สืบค้นข้อมูล 12 มีนาคม 2565, จาก : https://www.sacit.or.th. สำ นักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช. องค์ความรู้ : เครื่องถมนคร. (ม.ป.ป.). วันวัที่สื ที่ บ สื ค้น ค้ ข้อ ข้ มูล มู 12 มีน มี าคม 2565, จากhttps://www.finearts.go.th.
คณะผู้จั ผู้ จัทำ นางสาวชลธิชา หนูชูแก้ว รหัสนักศึกษา 634110004 นายดนุพร พริกแก้ว รหัสนักศึกษา 634110009 นางสาวปณิตา ชุมแก่น รหัสนักศึกษา 634110012 นายอาริยะวัฒน์ ชำ นาญกิจ รหัสนักศึกษา 634110017 นางสาวณิชาภัทร เลี่ยนกัตวา รหัสนักศึกษา 634110020 นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา