ห ลั ก สู ต ร ก า ร ฝึ ก อ บ ร ม
การทำเสื่ อกก
ส า ข า สั ง ค ม ศึ ก ษ า ค ณ ะ ม นุ ษ ย ศ า ส ต ร์แ ล ะ สั ง ค ม ศ า ส ต ร์
ม ห า วิ ท ย า ลั ย ร า ช ภั ฎ สุ ริน ท ร์
หลักสูตรระยะสั้น
การทอเสื่ อกก
สาขาสังคมศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุริทร์
พืชที่ชาวบ้านในแถบภาคอีสาน นิยมนำมาสอยตากแดดให้แห้งและทอเป็น
เสื่อเป็นวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่นและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีลักษณะลำต้นกลมลู่
ดอกสีขาวนวลเป็นพวง ผิวมันเรียบ คือ กก กกเป็นพืชตระกูลหญ้า ซึ่งบางคนก็จะ
ถือว่าเป็นวัชพืชธรรมดาแต่สำหรับชุมชนบ้านเขวาใหญ่กกเป็นพืชอันทรงคุณค่าที่นำ
มาผลิตเป็นเครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวันในระหว่างฤดูฝนของทุกปีชาวบ้านจะพา
กันไปเก็บกกในนาของตนที่ปลูกไว้มาสอยแล้วนำมาผึ่งแดด มัดเก็บไว้ในที่แห้ง มีลม
โกรก ในเกือบทุกใต้ถุนเรือนจะมีกิจกรรมต่ำสาดหรือทอเสื่อนั่นเอง เสื่อผืนงามที่ได้
จากการทอจะเอาไว้ปูนั่งกันในครอบครัวและหมู่ญาติ รวมทั้งเป็นของฝากสำหรับผู้มา
เยือน นำไปถวายวัดทำบุญในเทศกาลต่างๆและบางทีก็มีเหลือสำหรับขายเป็นรายได้
เสริมให้กับครอบครัวซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชุมชนที่มีผลผลิตจากภูมิปัญญาชาวบ้านโดย
มีกลุ่มจักรสานกก บ้านเขวาใหญ่ ตำบลเขวาใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ที่
มีกิจกรรมการทอเสื่อจากวัสดุธรรมชาติมาเป็นเวลาช้านาน วัตถุดิบและแรงงานอยู่ใน
ชุมชนเป็นภูมิปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นปู่ย่า ตายาย
การทอเสื่ อกกเป็นภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่นที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยนำ
เอาต้นกกมาแปรสภาพให้เป็นเส้น ย้อมสีแล้วสานทอให้เป็นแผ่นผืนเพื่อนำมาใช้ปู
ลาดรองนั่งหรือนอนหรือทำธุรกรรมต่างๆตลอดจนทำพิธีกรรมทางศาสนาและความ
เชื่อต่างๆ
เสื่ อกกเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีใช้กันอยู่ทั่วไปทั้งในประเทศหรือต่างประเทศทั้งนี้
เพราะต้นกกเป็นพืชธรรมชาติที่ขึ้นอยู่ทั่วทุกภูมิภาค และภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น
ที่นำต้นกกมาแปรสภาพก็มีลักษณะคล้ายกัน หรือได้อิทธิพลทางความคิดจากกันและ
กัน ทำให้เสื่อกกถูกจัดได้ว่าเป็นปัจจัยจำเป็นอย่างหนึ่งต่อการดำรงชีวิตของผู้คนใน
อดีตจนถึงปัจจุบัน
สารบัญ 2
เรื่อง หน้า
หลักสูตรการฝึกอบรม 3
เนื้ อหาการฝึกอบรม
5
ความรู้เกี่ยวกับการทอเสื่ อกก 5
อธิบายเกี่ยวกับการทอเสื่ อกก 6
ขั้นตอนหรือวิธีการปลูกต้นกก 8
วัสดุอุปกรณ์ การย้อมสี ประโยชน์
ชนิดของเสื่ อ 9
การทอเสื่ อกกลายต่างๆ 10
11
แบบทดสอบ 12
บรรณานุกรม 14
ประวัติวิทยากร
3
หลักสูตรระยะสั้น
การทอเสื่ อกก
สาขาสังคมศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุริทร์
วัตถุประสงค์
1.เพื่ อพัฒนาชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
2. เพื่อนำองค์ความรู้เกี่ยวกับ การย้อมสีธรรมชาติ การทอเสื่อ การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเสื่อ
กก มาใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมให้ชุมชนผลิตเพื่อจำหน่าย
3. เพื่อส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกลุ่มทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก เพื่อให้เกิดอาชีพที่ยั่งยืน
4. เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำสื่อออนไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าในท้องถิ่นเป็นการสร้าง
รายได้อย่างยั่งยืน
5 เพื่อสร้างแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชนเกี่ยวกับ สีย้อมจากธรรมชาติการทอเสื่อกก และการทำ
ผลิตภัณฑ์จากเสื่ อกก
6. เพื่อให้นักศึกษาได้ประยุกต์องค์ความรู้ในการปฏิบัติงานจริง มีความสามารถในการค้นคว้า
คิดวิเคราะห์ ประมวลผล มีความคิดสร้างสรรค์สามารถออกแบบระบบงาน
ระยะเวลาการฝึกอบรม
ผู้เข้าอบรมจะต้องเข้าฝึกอบรมในภาคทฤษฎี จำนวน 3 ชั่วโมง และฝึกทักษะภาคปฏิบัติ
จำนวน 5 ชั่วโมง ระยะเวลาการฝึกอบรมทั้งหมด จำนวน 8 ชั่วโมง
คุณสมบัติผู้ฝึกเข้าอบรม
1.นักศึกษาที่มีความสนใจในโครงการและอบรมหลักสูตรระยะสั้น
2. ผู้เรียนสามารถนาความรู้ไปประกอบอาชีพสร้างรายได้
3. ผู้เรียนสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
4. ผู้เรียนสามารถนาความรู้ที่ได้พัฒนาตนเอง พัฒนางานให้ดียิ่งขึ้น ละสามารถนำไปเผยแพร่
ต่อได้
หัวข้อเนื้ อหาการฝึกอบรม
4
เนื้ อหาการฝึกอบรม
1.ข้อควรรู้ในการ ทอเสื่อกก
วัตุถุประสงค์ มีความรู้ความเข้าใจ ในการทอเสื่อกกยก ลาย
2.ขั้นตอนการทอ เสื่อกก
วัตถุประสงค์ สามารถนำความรู้ ไปประกอบอาชีพ เสริมได้
3.เสื่ อกกลายต่างๆ
วัตถุประสงค์ มีความรู้ ความเข้าใจ ขั้นตอนการทอเสื่อ กก
4.การทอเสื่ อกก
วัตถุประสงค์ ทอเสื่อกกในแบบ ต่างๆ ตามความ ต้องการ
5.การวัดและประเมินผล
1.การประเมินความรู้ทั้งภาคทฤษฎี และจากการปฏิบัติระหว่างเรียน โดยใช้แบบ
ทดสอบ สังเกต สอบถาม การมีส่วนร่วม การบันทึกผลการเรียนรู้ ตามจุดมุ่งหมายของ
หลักสูตรอาชีพเพื่อประกอบอาชีพและสืบสานภูมิ ปัญญาพื้นบ้าน
2.ทำแบบทดสอบหลังการฝึกอบบรม
6.ผู้จัดทำหลักสูตร
นางสาวจินตนา รักชาติ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาสังคมศึกษา
ลงชื่อ...........................ผู้ขออนุมัติหลักสูตร
( นางสาวจินตนา รักชาติ)
ลงชื่อ............................ผู้อนุมัติหลักสูตร
(อาจารย์ภัทระ อินทรกำแหง)
อาจารย์ประจำวิชาสังคมศึกษา
5
เนื้ อหาการฝึกอบรม
ความรู้เกี่ ยวกับการทอเสื่ อกก
ความหมายของการทอเสื่ อกก
การทอเสื่อกก เป็นภูมิปัญญาของคนในทอ้งถิ่น ที่นำเอาต้นกกมาแปร
สภาพให้เป็นเส้น ย้อมสีแล้วสาน ทอใหเ้ป็นแผน่ ผืน เพื่อนำมาใช้ปูลาดรองนั่ง
หรือนอน หรือทา ธุรกรรมต่างๆ ตลอดจนทำพิธีกรรมทางศาสนา และความเชื่อ
เสื่อกก เป็นผลิตภัณฑ์ท ่ีมีใชก้ นัอยทั่วไปทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ
ทั้งนี้เพราะตันกกเป็นพืชธรรมชาติที่ข้ึนอยู่ทั่วทุกภูมิภาคและภูมิปัญญาของคนใน
ท้องถิ่นที่นำต้นกกมาแปรสภาพก็มีลักษณะคลา้ยกัน หรือไดอ้ิทธิพลทางความคิด
จากกนัและกันทำให้เสื่อกกถูกจดัไดว้า่ เป็นปัจจัยจำเป็นอย่างหน่ึง ต่อการดำรง
ชีวิตของผู้คนในอดีต
การทอเสื่อ เป็นไปเพื่อการใช้สอยในครัวเรือน โดยทอ้งถิ่นใดมีต้นกกก็ทอ
เสื่อกก ทอ้งถิ่นใดมีต้นกระจูดก็ทอเสื่อกระจูด เสื่อในอดีตเป็นของใช้ทที่สำคัญ
อย่างหนึ่งสำหรับปูนั่งหรือนอน จนถึงกับมีคำกล่าว วา่ บา้นใดไม่มีเสื่อใช้ถือวา่ พ่อ
แม่ลูกเกียจคร้านไม่มีฝีมือ หนุ่มสาวที่แต่งงานตั้งครอบครัวใหม่หรือขึ้นเรือน ใหม่
จะตอ้งเตรียมที่นอน หมอน มุ้ง ส่วนเสื่อฝ่ายหญิงจะจดัเตรียมทอสะสมไวเ้ป็นของ
ข้ึนเรือน นอกจากนั้ยัง ทอเพื่อถวายเป็นไทยทานให้กับวัด เพื่อบำรุงศาสนาในฤดู
เทศกาลต่างๆ และยังนำเสื่อที่ทอไปซ้ือขายแลกเปลี่ยน กบั หมู่บา้นใกลเ้คียงอีกด
ว้ย
ส่วนในดา้นการอนุรักษ์และถ่ายทอด ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากแนวนโยบาย
ของรัฐบาลทำให้ชุมชนเล็งเห็น ความสำคัญของภูมิปัญญาของทอ้งถิ่น มีการเชิญ
ให้ผู้ประกอบการเป็นวิทยากรสอนความรู้แก่นักเรียนในชุมชน และผู้สนใจทั่วไป
จนกระทั่งบางโรงเรียนสร้างเป็นหลักสูตรการเรียนรู้ดา้นการทอเสื่ อใหแ้ก่นกัเรียน
ดงัที่พบเห็นได้ทั่ว ไปตามแหล่งข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับการทอเสื่อ
6
อธิบายเกี่ ยวกับการทอเสื่ อกก
กก เป็นไม้ล้มลุกในวงศ์ Cyperaceae ขึ้นในที่ชุมแฉะ มีพัวเหมือนข่า
แต่เล็กกวา่ และแตกแขนงเป็นต้น คำ เรียกพ้ืนเมืองมักเรียกตามลักษณะ
ลำต้นว่ากกเหลี่ยม กกกลม ชนิดลำต้นกลมนิยมใช้ในการทอเสื่อ เพราะผิว
จะเหนียวและอ่อนนุ่ม เมื่อทำเป็นเสื่อแล้วจะนิ่มนวลน่าใช้หากขัดถูก็จะเป็น
มันน่าดู ส่วนกกเหลี่ยมลำต้นมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม ผิวของกกชนิดนี้จะ
แข็งกรอบและไม่เหนียว ไม่นิยมนำมาใช้ทำเสื่อเพราะไม่ทน
การทอเสื่อกก ก็เป็นเช่นเดียวกับการสร้างสรรคส์ ง่ิ อื่นๆ ด้วยภูมิปัญญาของ
คนในท้องถิ่นที่มีพืชชนิดน้ีขึ้นอยู่ ซ่ึงสามารถพบเห็นได้ทั่วไปทุกภูมิภาค จนยากที่
จะระบุได้ว่า เสื่อผืนแรกของโลกถูกทอขึ้นเมื่อไร หรือชนชาติไหนเป็นชาติแรกที่ทอ
เสื่ อขึ้นใช้อย่างไรก็ตามในปัจจุบนัการทอเสื่ อกกได้กลายเป็นภูมิปัญญาของทอ้ง
ถิ่น ต่างๆ ในประเทศไทย และได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบแปรรูป ให้มี
ลกัษณะต่างๆ และใช้ นอกเหนือไปจากการปูนั่ง หรือนอน เช่นในอดีตที่ผา่นมา
7
ส่วนการทอเสื่อกกของชาวบา้นตำบลดงนอ้ย อำเภอราชสาส์น จังหวัด
ฉะเชิงเทรา ก็ถูกจัดนับเป็นภูมิปัญญา ชาวบา้นของทอ้งถิ่นน้ีที่มีการทำ และ
สืบทอดความรู้จากคนรุ่นหน่ึงสู่คนรุ่นต่อมาอย่างสืบเนื่องยาวนาน จนการ
ทอเสื่อกกกลายเป็นวถิีชีวติในยามว่างจากงานเกษตรกรรม เพื่อทำ ขึ้นใช้เเ้
องในครัวเรือน และซื้อขายแลกเปลี่ยน เป็นรายได้เสริม
ยิ่งได้รับการส่งเสริมพัฒนาจากหน่วยงานของรัฐ ก็สามารถพัฒนา
คุณภาพของวัตถุดิบ และฝีมือการทอจน กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถ
ทำรายได้ใหแก่กลุ่มแม่บา้นที่รวมตัวขึ้นเพื่ อประกอบการทอเสื่ อตามแนว
นโยบาย ธุรกิจชุมชน จนมีความเข้มแข็งและอยู่รอดได้ท่ามกลางกระแส
ความผันแปรของวัฒในธรรม และค่านิยมในการใช้สอย
ส่วนมูลเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้ภูมิปัญญาการทอเสื่ อกกยังคงดำเนิน
อยู่ได้ในนชุมชนดงน้อยแห่งนี้อาจจำแนก แยกแยะออกได้ว่า
1การทอเสื่ อของชาวตำบลดงน้อยนี้ เป็นส่วนหน่ึงของวิธีชีวิตที่ดำเนินสืบ
ต่อกันมาเป็นปกติ วิสัย คือเมื่อมีเวลาว่างก็ทอเพื่อใช้หรือขายเป็นรายได้
เสริม แม้บางช่วงเวลาและโอกาส อาจทำรายได้มากกวา่ อาชีพหลัก แต่ก็ไม่
ทำ ให้วิถิีชีวติของผู้ประกอบการเปลี่ยนไปตามกระแส ธุรกิจ หรือกระแสค่า
นิยมในเรื่องหน่ึงตำบลหน่ึงผลิตภัณฑ์หรือการท่องเที่ยว ชาวบา้นก็ยังมี
ชีวิตตามปกติเหมือนเดิม ยังอนุรักษแ์ละสืบทอดเหมือนที่ผ่านมา
2.แมค้นรุ่นใหม่ของชุมชนจะมีค่านิยมในการประกอบอาชีพเปลี่ยนไป
ตามกระแสของสังคม คือ เขา้สู่โรงงาน แต่พ่อ แม่ปู่ยา่ ตายาย ยังคงเป็ น
เกษตรกรที่ทำนาเลี้ยงสัตว์เมื่อมีเวลาวา่างก็ทอ เสื่อตามปกติปัญหาขาดผู้
สืบทอดดูมิใช่ปัญหา เพราะลูกหลานกลุ่มผู้ระกอบการเหล่านี้ล้วน ซึมซับรับ
รู้การทอเสื่ออยเู่ต็มตัวตั้งแต่เล็ก ซึ่งเมื่อไรที่โรงงานปิดตัวลงหรือคนรุ่นใหม่
มีอายมุากขึ้น และเบื่อชีวิตโรงงาน ก็สามารถหนักลับ มาจับงาน
เกษตรกรรม และใชเ้วลาว่างทอเสื่อได้ทุกเวลา
3.ด้านเยาวชนในชุมชน ภูมิปัญญานี้ได้ถูกปลูกฝังด้วยระบบของการศึกษา
ที่กลุ่มแม่บ้านออกไป เป็นวิทยากรสอนแก่นักเรียนและผู้สนใจ นอกเหนือ
จากการปลูกฝัง ความรู้ทางระบบครอบครัว อีกทางหนึ่ง
8
4.ปัจจุบันการทำนากก เพื่อขายต้นกกสดหรือเส้นกกแห้งใหเ้ป็นวัตถุดิบแก่
ผู้ทอนับเป็นการช่วยย่นระยะเวลาของผู้ประกอบการ ไม่ต้องมาเสียเวลาทำนากก
สามารถซื้อเส้นกกไปใช้ขายได้เลย ทำใหก้ารทอเสื่อยังคงดำรงอยู่ได้อีกรูปแบบ
หนึ่งแต่อาจก่อปัญหาในภูมิปัญญาการทำนากก ในวันข้างหน้า แก่คนรุ่นใหม่ได้
5.เส้นทางของการทอเสื่ อนอกจากทำเป็นแผ่นผืนไว้ใช้สอยแล้วยังมีอีกใน
การประยุกต์ผืนเสื่อแปรเป็นรูปผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น กระเป๋ า ซองจดหมาย จาน
รอง รองเท้า ฯลฯ ซ่ึงผปู้ระกอบการในชุมชนนี้ยังกา้วมาไม่ถึง จึงนับวา่ยังมีช่วงเวลา
ของการสืบสาน ภูมิปัญญาในการทออีกระยะหนึ่ง กว่า จะถึงจุดเปลี่ยนของภูมิ
ปัญญาทอ้งถิ่นสู่ธุรกิจชุมชนและการตลาด
6. ตราบใดที่ภูมิปัญญาทอ้งถิ่นยังเป็นเรื่องของวิถีชีวิตในชุมชน ตราบนั้น
ภูมิปัญญายังอยู่ได้เพราะเป็นส่วนหนึ่งของ
ชีวิตประจำวัน แต่ถ้าตราบใดภูมิปัญญาทอ้งถิ่นถูกผผลักดัน ให้เป็นจุดนำวิถีชีวิต
เพื่อหวังผลในเชิงธุรกิจและผลประโยชน์ แล้ว อันตรายของภูมิปัญญาคือการถูกตี
ค่าเป็นเรื่องของวัตถุ มิใช่มีผลต่อจิตใจตราบนั้นความเสื่อมสูญก็จะเร่งวันให้ผ
ผันแปรไป ตามกระแสทันที
9
ขั้นตอนหรือวิธีการปลูกต้นกก
1.การปลูกกกหรือทำนากก นับเป็นจุดเริ่มตน้ ของการร้างวัสดุในการทอ
เสื่อ โดยเตรียมที่ดินด้วยการไถ แล้วปักดำหัวกกลงในน้ำเหมือนการดำนาข้าว
จากนั้นมีการบารุงรักษา ถอนหญ้าใส่ปุ๋ย ปลูกแซม ด้วยเวลา 3-4 เดือน ก็
สามารถเก็บเกี่ยวได้
2.การตัดต้นกกจะใช้มีดเล็กตัดเกือบถึงโคนต้นกก แล้วนำมากองเรียง
เพื่อคัดแยกขนาด ตั้งแต่ความยาว 9 คืบ 8คืบ เรื่อยลงมาจนถึง4คืบ จากนั้นนำ
แต่ละกองที่ มีขนาดเท่ากันมัดเก็บไวด้วยกันตัดดอกทิ้งเพื่ อทาการกรีดเป็นเส้น
3.การกรีดจะใช้มีดปลายแหลมที่ทำมาจากใบเลื่อย กรีดแบ่งคร่ึงกกแต่ละ
เส้นถ้าเป็นต้นเล็ก ถ้าเป็นต้นใหญ่ก็กรีดเหมือนกันแต่จะมีส่วนที่กรีดทิ้ง เพื่อ
ให้แห้งง่าย
4.หลังจากได้เส้นกกแล้วก็นำไปตาก โดยแผ่วางเรียงเป็นแนวยาว วันแรก
จะตากเต็มวัน จากนั้นนำมามัดเป็นมัดเล็กๆ แล้วตากอีกราว 2 วัน ให้เส้นกก
นั้นแห้ง
5.การย้อมสีนำกกที่ตากแห้งแล้วมามัดแช่น้าราว 10 ชั่ว โมง เพื่อให้เส้น
กกนิ่ม จากนั้นต้มน้ำให้เดือด ใส่สีย้อมแล้ว นำเส้นกกที่มัดเป็นกำแช่ลงไปใน
น้ำสีที่กำลังเดือดทิ้งไว้ 10-15 นาที จึงนำไปแช่น้า แล้วนำขึ้นตากในที่ร่มมีลม
พัดผ่าน 3-4 วัน เมื่อเส้นกกสีแห้ง ก็สามารถนำไปใช้ในการทอได้
6.การทอจะร้อยเส้นเเอ็นกับฟืมเป็นเส้นยืนตามขนาดของคืบที่กำหนด
แล้วใช้เส้นกกใส่กระสวยทอเรียงเป็นเส้นนอนคล้ายการทอผ้า การใส่ลายสีใน
การทอนิยมใส่ตอนแรก และตอนสุดท้ายของการทอ เมื่อจะเต็มผืน
7.เมื่อทอได้เต็มผืนก็มัดริมเสื่อ ตัดเสื่อออกจากกี่ และตัดริมอีกครั้ง
พร้อมแต่งเสื่ อให้มีความเรียบร้อยสวยงาม
8.ส่วนราคาในการขาย ถ้าเป็นเสื่อธรรมดา 5 คืบ ผืนละ80 บาท, 6 คืบ
ผืนละ 100 บาท,7 คืบ ผืนละ 120 บาท, 8คืบ ผืนละ 150 บาท และ 9 คืบ ผืน
ละ 180 บาท ถ้าเป็นเสื่อสีจะทำตั้งแต่ 7 คืบ ในราคาผืนละ 250 บาท, 8 คืบ
ผืนละ 300 บาท และ 9 คืบ ผืนละ 350 บาท
วัสดุอุปกรณ์ในการทำ 10
1.กรรไกร
2. กกหรือไหล
3. เชือกไนลอนหรือเชือกเอ็น
4. ฟืมทอเสื่อ 1 เมตร5. โฮมทอเสื่อ กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร
6. ไม้สอดกก
7. สียอมกก
การย้อมสี
1. การต้มน้ำให้ร้อนและผสมสีลงไป
2. นำต้นกกที่เตรียมไว้เอาลงต้มให้สีเข้ากับเนื้อกก
3. กลับด้านเพื่อให้สีเข้ากัน
4. เอาขึ้นมาตากให้แห้ง
5. ตากให้แห้ง ( สามารถนำมาทอได้ )
ประโยชน์ของการทอเสื่ อกก
1.ใช้ปูพื้นสำหรับนั่ง หรือทำกิจกรรมต่างๆ
2.สร้างรายได้จากการจำหน่าย
3.มีความคิดสร้างสรรค์ในการคิดค้นลายของเสื่ อ
4.มีความอดทนในการทอเสื่ อ
5.นำไปบริจาค เช่น การงานมงคลสมรส ทอดกฐิน
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ทอเสื่ อกก
ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น ประณีต สวยงาม
มีหลากหลายชนิด ผลิตจากเส้นใยที่มีคุณภาพเหนียวแน่น
ทนนาน ผิวมันละเอียด ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น และสามารถ
ปลูกเองในพื้ นที่
ชนิดของเสื่ อ 11
1. เสื่อกก เป็นเสื่อที่ผลิตจากต้นกก ซึ่งเป็นพืชล้มลุกมีหัวคล้ายข่า แต่เล็กกว่า
ปลายลำต้นมีดอก แพร่พันธุ์ด้วยหัว ด้วยการแตกแขนงเป็นหน่อ กกจัดเป็นพืชเส้นใย
ปลูกและเจริญงอกงามได้ดีในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากต้นกกพันธุ์ต่างๆ
ได้แก่
1.1 เสื่อจันทบูร เป็นเสื่อที่ผลิตจากกกจันทบูร ซึ่งเป็นกกที่มีลักษณะลำต้น
กลม จึงอาจเรียกว่ากกกลม หรือกกเสื่อ ลำต้นเรียวคล้ายต้นคล้า ผิวสีเขียวแก่ ข้างใน
ลำต้นมีเนื้ออ่อน สีขาว เป็นกกที่ปลูกกันมานานแล้วในภาคตะวันออก คือ จังหวัด
จันทบุรี ระยองและตราด ซึ่งมีการปลูกมากที่สุดในจังหวัดจันทบุรี ทั้งนี้หากเป็นกกที่
ปลูกในแหล่งน้ำจืด เส้นใยกกจะไม่เหนียว แต่หากปลูกในแหล่งน้ำกร่อย (ที่แถบ
ชายฝั่ งทะเล) จะได้เส้นใยที่เหนียว
1.2 เสื่อกกที่ทอจากกกลังกา เป็นกกที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ต้นค่อนข้างกลม
ใช้ทอเสื่อในบางจังหวัด เช่น สกลนคร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ กกจันทบูร กกกลมและกก
ลังกา มีลักษณะลำต้นกลมคล้ายกัน บางครั้งอาจมีความสับสนในการเรียกชื่อ
1.3 เสื่อกกที่ทอจากกกสามเหลี่ยม ซึ่งพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนำกก
ชนิดนี้มาใช้ ซึ่งชาวบ้านจะเรียกว่า กกผือ หรือต้นปรือ หรือกกควาย เช่นในพื้นที่จังหวัด
อุบลราชธานี มหาสารคาม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ หนองคาย
กกสามเหลี่ยม มีลักษณะลำต้นเป็นรูปสามเหลี่ยม ด้านทั้งสามเว้าเข้าหา
แกนกลาง ผิวสีเขียวอ่อน สูงประมาณ 1 เมตร ผิวแข็งกรอบและไม่เหนียว
2. เสื่อกระจูด (กะจูด) หรือสาดจูด ทอจากกกกระจูด ซึ่งเป็นพืชน้ำจำพวกกก
ชนิดหนึ่ง แหล่งที่มาพบมากอยู่ทางหมู่เกาะมาดากัสการ์ มาริเซียส ลังกา สุมาตราและ
แหลมมลายู ในประเทศไทยจะมีทางภาคใต้และภาคตะวันออก ปลูกตามหนองบึง หรือ
บริเวณที่มีน้ำขัง หรือที่เป็นดินโคลนชื้นแฉะหรือที่เรียกว่า พรุ ลำต้นกระจูดคล้ายกับต้น
กกที่ใช้ทอเสื่อ แต่กกกระจูดจะมีลำต้นกลมกว่าและข้างในกลวง เมื่อโตเต็มที่จะสูง
ประมาณ 2 เมตร ก่อนนำกกกระจูดมาสานต้องนำมาทุบให้แบนเสียก่อน ผลิตภัณฑ์ที่
ทำจากกกกระจูดสามารถทำได้หลายประเภท เช่น ทำเป็นเสื่อรองนั่งและปูนอน ทำ
กระสอบใส่ข้าวสารหรือของแห้งต่างๆ ทำเชือกมัดของและทำเป็นใบเรือเดินชายฝั่ ง
ทะเล การปลูกต้นกระจูดและผลิตภัณฑ์เสื่อกระจูดมีมากในหลายอำเภอของจังหวัด
สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และนราธิวาส
3. เสื่อเชียงราย เป็นเสื่อที่ผลิตจากกกยูนาน ซึ่งได้นำเข้ามาพร้อมกับการ
อพยพของจีนฮ่อ จากมณฑลยูนานทางตอนใต้ของจีนเข้ามาในภาคเหนือของไทย เมื่อ
ราวร้อยกว่าปีมาแล้ว ปลูกมากที่ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
การทอเสื่ อกกหลายต่างๆ 12
การทอเสื่ อกกลายขิด
ความหมา
ย
ผ้าขิด เป็นผ้าที่ใช้ห่อพระคัมภีร์และพระไตรปิฎกในอดีตใช้ในทาง
พิธีกรรมทางศาสนาโดยเฉพาะคนโบราณในภาคอีสานลุ่มน้ำโขง
ความเชื่อ
ผ้าขิดเป็นของสูงสามารถปกป้องสิ่งชั่วร้าย ภูตผีปีศาจ คุณไสยไม่ให้เข้าสู่
ร่างกายของตนเองได้
ลักษณะรูปแบบขิด
เป็นผ้าที่ทอด้วยการเก็บขิดโดยการยกลายที่เส้นยืน นิยมทอด้วยเส้นไหม
และเส้นฝ้าย
ลักษณะการใช้งาน
ในอดีตผ้าขิดนำไปห่อพระคัมภีร์และพระไตรปิฎกประดิษฐ์เป็นของใช้
เช่น ที่นอน หมอนขิด ผ้าไหม
และเป็นเครื่องแต่งกายผ้าปกหรือผ้าคลุมหัวนาคในพิธีกรรมบวช ใช้เป็นผ้า
เบี่ยง(ผ้าคลุมไหล่) ใช้เป็นหัวซิ่นของสุภาพสตรี
13
แบบบทดสอบ
1.อุปกรณ์ใดใช้ในการจักกก 6. ไม้ส่งกกควรมีลักษณะเช่นใด
ก. มีดเล็ก ก. ไม้เหลากลม ปลายมน
ข. เคียว ข. ไม้เหลากลม ปลายแหลม
ค. คัตเตอร์ ค. ไม้เหลาแบน ปลายมน
ง. มีดพร้า ง. ไม้เหลาแบน ปลายแหลม
2. ข้อใดไม่ใช่อ
ุปกรณ์ที่สำคัญในการทอเสื่อ 7. ในการร้อยเส้นด้ายเข้ากับฟืม จะ
ทราบได้อย่างไรว่าจะต้องใช้ความ
ก. ไม้ส่งกก กว้างเท่าใด
ข. เทียนไข ก. คาดคะเน
ค. เส้นเอ็น ข. ใช้ความกว้างเท่ากับฟืม
ง. ฟืม ค. นำกกมาวัดขนาด ให้กกกยาว
กว่าด้านละ 1 คืบ
ง. กางแขนออกเพื่อวัดขนาด
3. การจักกกเป็นเส้นเล็กๆ มีข้อดีอย่างไร
ก. ใช้ทอเสื่อได้ง่าย
ข. ตากแห้งได้ง่าย
ค. มีความคงทน 8. ในการย้อมสีกก
ทำไมต้องใส่เกลือ
ง. เสื่อที่ทอมีลวดลายสวยงาม
ลงในน้ำย้อมกก
4. ข้อใดเป็นอุปกรณ์ในการย้อมสีกกทั้งหมด ก. เพื่อให้มีความเค็ม
ก. ไม้คน ปิ๊บน้ำ เตา ข. เพื่อให้กกคงทน
ข. มีดบาง ปิ๊บน้ำ ไม้ส่งกก ค. เพื่อไม่ให้กกขึ้นเชื้อรา
ค. ไม้ส่งกก ปี๊ บน้ำ เทียนไข ง. เพื่อให้กกมีสีสดและเป็นเงางาม
ง. มีดบาง เตา ปิ๊บน้ำ
5. ใครปฏิบัติได้ถูกต้องในการย้อมสีกก 9. ก่อนทอเสื่อทำไมต้องนำกกไปแช่น้ำ
ก. นิดเติมสีหลังจากใส่กกลงย้อม ก. เพื่อให้มีสีสวย
ข.หน่อยเติมน้ำเพิ่มขณะย้อมสีกก ข. เพื่อให้กกนิ่มทอได้ง่าย
ค. น้อยเติมสีในน้ำเดือดก่อนใส่กก ค. เพื่อให้มีความคงทน
ง. หนิงใส่กกกับสีพร้อมๆ กัน ง. เพื่อให้เกิดความคงทน
10. ข้อใดคือขั้นตอนสุดท้ายของการ
ทอเสื่ อ
ก. เก็บริม
ข. ตัดตกแต่ง
ค. หงายฟืม
ง. ส่งกก
14
บรรณานุกรรม
"ความหมาย อธิบาย ขั้นตอน", สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2565
จากhttp://www.nonsilaloeng.go.th/files/dynamiccontent/file-188984-
15983273881475491463.pdf
"ประโยชน์และการย้อมสีเสื่อกก" , สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2565
จาก http://www.chaiwbi.com/2563student/m5/webpro/5506c/106.html
"จุดเด่นของการทอเสื่อกก", สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2565
จาก https://www.m-culture.go.th/roiet/ewt_news.php?nid=1588&filename=index
"ชนิดของเสื่อ" , สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2565
จาก (วิวัฒน์ชัย บุญศักดิ์ .2532 : 14)
https://sites.google.com/site/karthaseux/home/chnid-khxng-seux
"การทอเสื่อกกหลายต่างๆ", สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2565
จาก http://culture.neu.ac.th/phumipayya-thxng-
thin/phumipayyakarthxseuxkklaykhiddoybuycanthrphechrmeuxngleylaeakhna
15
เฉลยแบบทดสอบ
1.อุปกรณ์ใดใช้ในการจักกก 6. ไม้ส่งกกควรมีลักษณะเช่นใด
ก. มีดเล็ก ก. ไม้เหลากลม ปลายมน
ข. เคียว ข. ไม้เหลากลม ปลายแหลม
ค. คัตเตอร์ ค. ไม้เหลาแบน ปลายมน
ง. มีดพร้า ง. ไม้เหลาแบน ปลายแหลม
2. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ที่
7. ในการร้อยเส้นด้ายเข้ากับฟืม จะทราบ
สำคัญในการทอเสื่ อ
ก. ไม้ส่งกก ได้อย่างไรว่าจะต้องใช้ความกว้างเท่าใด
ข. เทียนไข
ค. เส้นเอ็น ก. คาดคะเน
ง. ฟืม
ข. ใช้ความกว้างเท่ากับฟืม
3. การจักกกเป็นเส้นเล็กๆ มีข้อดีอย่างไร
ก. ใช้ทอเสื่อได้ง่าย ค. นำกกมาวัดขนาด ให้กกกยาวกว่า
ข. ตากแห้งได้ง่าย
ค. มีความคงทน ด้านละ 1 คืบ
ง. เสื่อที่ทอมีลวดลายสวยงาม
ง. กางแขนออกเพื่อวัดขนาด
4. ข้อใดเป็นอุปกรณ์ในการย้อมสีกก
ทั้งหมด 8. ในการย้อมสีกก ทำ
ไมต้องใส่เกลือลงในน้ำ
ก. ไม้คน ปิ๊ บน้ำ เตา
ข. มีดบาง ปิ๊บน้ำ ไม้ส่งกก ย้อมกก
ค. ไม้ส่งกก ปี๊ บน้ำ เทียนไข
ง. มีดบาง เตา ปิ๊บน้ำ ก. เพื่อให้มีความเค็ม
5. ใครปฏิบัติได้ถูกต้องในการย้อมสีกก ข. เพื่อให้กกคงทน
ก. นิดเติมสีหลังจากใส่กกลงย้อม
ข.หน่อยเติมน้ำเพิ่มขณะย้อมสีกก ค. เพื่อไม่ให้กกขึ้นเชื้อรา
ค. น้อยเติมสีในน้ำเดือดก่อนใส่กก
ง. หนิงใส่กกกับสีพร้อมๆ กัน ง. เพื่อให้กกมีสีสดและเป็นเงางาม
9. ก่อนทอเสื่อทำไมต้องนำกกไปแช่น้ำ
ก. เพื่อให้มีสีสวย
ข. เพื่อให้กกนิ่มทอได้ง่าย
ค. เพื่อให้มีความคงทน
ง. เพื่อให้เกิดความคงทน
10. ข้อใดคือขั้นตอนสุดท้ายของการทอ
เสื่ อ
ก. เก็บริม
ข. ตัดตกแต่ง
ค. หงายฟืม
ง. ส่งกก
16
ประวัติวิทยากร
นางสาวจินตนา รักชาติ
นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาสังคมศึกษา
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
Contact
จินตนา รักชาติ
0942807284
[email protected]
0942807284
ขอบคุณค่ะ