The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสืออยุธยาศึกษา (บทที่ 7-8) บทเรียนออนไลน์ที่ 9

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กศน.อำเภอบางบาล, 2021-05-12 02:39:23

หนังสืออยุธยาศึกษา บทเรียนออนไลน์ที่ 9

หนังสืออยุธยาศึกษา (บทที่ 7-8) บทเรียนออนไลน์ที่ 9

บทเรียนออนไลนท์ ่ี 9

คำนำ

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา สค03128 อยธุ ยาศกึ ษา นบั ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 1893 เป็นต้นมา
ในครั้งสมัยอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา มีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนมี
การสะสมถึงขนบธรรมเนียมประเพณี รวมถึงประวัติบุคคลสำคัญ ๆ ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจน
กระทั้งได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองแห่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม สมควรที่ชนรุ่นหลังจะต้องศึกษา การ
เรยี นรู้เพ่ือใหต้ ระหนักถงึ พระคณุ ของบรรพบุรุษ และสามารถนำความรไู้ ปพฒั นาประเทศชาติ

คนไทยทุกคนควรจะต้องศึกษาเรียนรู้ ความเป็นมาของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คณะครู
กศน.ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ร่วมกัน ได้ศึกษา ค้นคว้าจากเอกสาร หนังสือต่าง ๆ และเว็บไซด์
เป็นจำนวนมากซึ่งทำให้เอกสารประกอบการเรียนรู้มีความสมบูรณ์ครบถ้วน ทั้งเนื้อหาสาระทางด้าน
ประวตั ศิ าสตร์ บุคคลสำคญั การเปน็ มรดกโลก และมหาอทุ กภยั ของจังหวดั พระนครศรีอยุธยา

สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารประกอบการเรียนรายวิชา สค03128 อยุธยาศึกษา จะช่ วยให้ผู้สอน
นักศึกษา และผู้สนใจในการศึกษาค้นคว้า นำไปสู่การพัฒนากระบวนการเรียนรู้และกระบวนการคิด
วิเคราะห์ สมดงั เจตนารมณ์ของการปฏริ ปู การศกึ ษาอย่างครบถ้วนทกุ ประการ

สำนกั งาน กศน.จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
พฤศจกิ ายน 2558

รายวิชาอยธุ ยาศึกษา สค03128 1

สารบัญ

หนา้

คำนำ 1

สารบญั 2

บทท่ี 7 โบราณสถาน โบราณวตั ถทุ ่ีสำคัญของจังหวัดพระนครศรอี ยุธยา 153

1. ความหมาย ความสำคัญ และแนวทางอนุรักษโ์ บราณสถาน โบราณวตั ถุ

2. โบราณสถานทีส่ ำคญั ของจังหวดั พระนครศรีอยุธยา

3. โบราณวัตถุทีส่ ำคญั ของชาวจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา

4. โบราณสถาน และโบราณวัตถุทสี่ ำคัญในท้องถ่นิ

บทท่ี 8 พระอารามหลวง 185

1. ความหมาย ความสำคญั และประเภทของพระอารามหลวง

2. ชอื่ ประเภท และประวัติความเปน็ มาของพระอารามหลวงในจังหวดั

พระนครศรีอยธุ ยา

รายวชิ าอยธุ ยาศึกษา สค03128 2

บทท่ี 7
โบราณสถาน โบราณวตั ถแุ ละศลิ ปวัตถุท่ีสำคญั

ของจังหวดั พระนครศรีอยุธยา

แนวคดิ
โบราณสถานโบราณวัตถุและศิลปวัตถุเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าต่อประเทศในด้าน

ต่างๆทั้งความสำคัญในแง่ของการศึกษาเชิงวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี
รวมถงึ คณุ ค่าด้านจติ ใจ และการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ของคนในทอ้ งถิ่นด้วย
ตัวชวี้ ัด

1. อธิบายความหมายและความสำคญั ของโบราณสถานโบราณวตั ถุและศลิ ปวัตถุ
2. บอกโบราณสถาน โบราณวัตถแุ ละศลิ ปวัตถุท่ีสำคญั ของจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา
3. บอกแนวทางการอนุรกั ษ์โบราณสถาน โบราณวัตถแุ ละศิลปวัตถุ
เนอื้ หา
1. ความหมาย ความสำคัญและแนวทางการอนุรกั ษ์โบราณสถาน โบราณวัตถแุ ละศลิ ปวตั ถุ
2. โบราณสถานโบราณวตั ถแุ ละศิลปวตั ถุท่ีสำคญั ของจงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา
3. โบราณสถาน โบราณวัตถแุ ละศลิ ปวตั ถุท่สี ำคญั ในทอ้ งถนิ่

รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 153

โบราณสถาน หมายถึง

“อสังหาริมทรัพย์ซึ่งโดยอายุหรือโดยลักษณะแห่งการก่อสร้าง หรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับ
ประวตั ิของอสงั หาริมทรัพยน์ ัน้ เปน็ ประโยชน์ในทางศลิ ปะ ประวตั ศิ าสตร์ หรอื โบราณคดี ท้งั นใ้ี หร้ วมถึง
สถานท่ีท่เี ปน็ แหลง่ โบราณคดี แหลง่ ประวตั ศิ าสตร์ และอุทยานประวตั ศิ าสตรด์ ว้ ย

จากความหมายดังกล่าว การพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นโบราณสถานจะต้องประกอบด้วย
หลกั เกณฑ์ ดงั ต่อไปนี้คือ

1. พิจารณาถึงการเปน็ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้แก่ ที่ดิน ทรัพย์อันติดกับที่ดิน และกรรมสิทธ์ิ
ในทางตรงและทางอ้อม

2. พิจารณาโดยอายุ หรือ โดยลักษณะแห่งการก่อสร้าง หรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับ
ประวตั ขิ องอสังหาริมทรพั ยน์ ้นั เป็นประโยชนใ์ นทางศลิ ปะ ประวัตศิ าสตร์ หรือโบราณคดี ซ่งึ ต้อง
สอดคล้องในหลักการสำคญั น้ี ในหลกั การใดหลักการหน่งึ

โบราณวตั ถุ หมายถงึ

“สังหาริมทรัพย์ที่เป็นของโบราณ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์หรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตาม
ธรรมชาติ หรือที่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของโบราณสถาน ซากมนุษย์หรือ ซากสัตว์ ซึ่งโดยอายุหรือโดย
ลักษณะแห่งการประดิษฐ์หรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นประโยชน์ในท าง
ศิลปะ ประวัตศิ าสตร์หรอื โบราณคดี”

ความสำคัญของโบราณสถานโบราณวตั ถแุ ละศิลปวตั ถุ

ทง้ั โบราณสถานและโบราณวัตถจุ งึ มีประโยชน์อนั สำคญั อยา่ งยิง่ ต่อประเทศชาตถิ ึง 2 นัย คอื

1. นัยทเ่ี กยี่ วเน่ืองกับจติ ใจของประชาชน กลา่ วคือโบราณสถานและโบราณวัตถุยอ่ มแสดงความ
เป็นมาของประเทศชาติเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจของคนในชาติเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงเหตุการณ์ใน
อดีต กับปัจจุบันเข้าด้วยกัน และเป็นสิ่งที่กระตุ้นเตือนจิตสำนึกของอนุชนไทยให้ตระหนักรู้ถึงพระคุณ
ของบรรพชนทไี่ ดส้ ร้างสรรค์และมอบมรดกอนั ทรงคุณคา่ นี้ไว้เป็นสมบัติของชาตบิ า้ นเมอื ง

2. นยั ทีเ่ กย่ี วเน่ืองกับเศรษฐกิจของประเทศ กล่าวคือ โบราณสถาน และโบราณวตั ถุน้นั เปน็ ''
มรดกวัฒนธรรม' ' ทแ่ี สดง ' 'เอกลกั ษณ์' ' ของประเทศจึงทำใหเ้ กิดมี ' 'การท่องเทย่ี วเชงิ วัฒนธรรม' '
ทำรายไดใ้ ห้แก่ ท้องถนิ่ ท่ีมีมรดกวฒั นธรรมของตนเอง

รายวิชาอยธุ ยาศึกษา สค03128 154

ประโยชนข์ องโบราณสถานและโบราณวัตถุ

กระแสพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และความเห็นของ
ม.ล.ปน่ิ มาลากุล เกย่ี วกบั ประโยชนข์ องโบราณสถาน และโบราณวตั ถุ สรปุ ไดด้ ังน้ี

1. แสดงความเป็นมาของประเทศ
2. เปน็ เกียรตแิ ละความภาคภมู ิใจของคนในชาติ
3. เปน็ สง่ิ ทโ่ี ยงเหตุการณ์ในอดตี และปจั จุบันเข้าดว้ ยกนั
4. เป็นสิ่งท่ีใช้อบรมจติ ใจของคนในชาติได้
คำวา่ อนุรกั ษ์ หมายความวา่ การดูแล รกั ษา เพอ่ื ใหค้ งคณุ คา่ ไว้ และใหห้ มายรวมถึงการป้องกัน
การรักษา การสงวน กาปฏิสงั ขรณ์ และการบรู ณะดว้ ย
1. การสงวนรักษา หมายถึง การดูแลรักษาไว้ตามสภาพของเดิมเท่าที่เป็นอยู่และป้องกันมิให้

เสียหายต่อไป
2. การปฏิสังขรณ์ หมายความถงึ การทำใหก้ ลบั คืนสสู่ ภาพอย่างทเ่ี คยเปน็ มา
3. การบูรณะ หมายความถึง การซ่อมแซม การปรับปรุงให้มีรูปทรงลักษณะกลมกลืนเหมือน

ของเดิมมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ต้องแสดงความแตกต่างของสิ่งที่มีอยู่เดิมและสิ่งที่ทำ
ข้นึ ใหม่
ศิลปวตั ถุ หมายความว่า สิ่งที่ทำดว้ ยฝีมอื และเปน็ สิ่งทีน่ ิยมกนั วา่ มคี ุณค่าในทางศลิ ปะ
แหล่งโบราณคดี หมายถึง บริเวณที่มีหลักฐานของพฤติกรรมมนุษย์ในอดีต ทั้งที่อยู่บนดิน ใต้
ดิน และใต้นำ้ เชน่ ท่อี ยูอ่ าศัย สุสาน ศาสนสถาน หรือสถานทป่ี ระกอบอาชพี และเรอื อบั ปาง
อุทยานประวัติศาสตร์ หมายถึง บริเวณที่มีหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์สมัยใดสมัยหนึ่ง
ของประเทศ หลกั ฐานและความสำคญั ดังกล่าวอาจเป็นทางวัฒนธรรมการเมือง และสังคมวิทยาก็ได้

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์โบราณสถานและโบราณวัตถุ มี 2 ฉบับด้วยกัน คือ
พระราชบัญญัติเกี่ยวกับโบราณสถาน โบราวัตถุ และระเบียบว่าด้วยการอนุรักษ์โบราณสถาน
พ.ศ. 2528 สิ่งที่ควรทำเพื่อการอนรุ กั ษ์โบราณสถาน และโบราณวัตถคุ อื

1. ไมเ่ กบ็ โบราณวัตถหุ รือเบยี ดบงั โบราณวัตถเุ ป็นของส่วนตัว
2. ไม่รับซือ้ รับจำนำ โบราณวตั ถุที่ไดม้ าโดยผดิ กฎหมาย
3. ไม่บกุ รกุ รกุ ลำ้ ทำลาย หรือทำให้โบราณสถานเสียหาย

รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 155

2. โบราณสถาน โบราณวตั ถุและศิลปวัตถทุ ส่ี ำคญั ของจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา

พ้นื ที่จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา เต็มไปด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ จากการเป็นราชธานมี า
417 ปี ตราบจนเสยี กรงุ การทำลายร้าง การขนย้ายหนีภยั การบุกรกุ ทำลาย หาสมบัติซ้ำเตมิ ท้งั การ
สรา้ ง สง่ิ ปลูกสรา้ งทับซ้อนจงึ สญู เสียสภาพไปจนแทบจะหาเคา้ โครงเดมิ ไม่ได้ หากแต่คนรนุ่ ใหมไ่ ม่
ตระหนัก ชว่ ยกนั อนรุ ักษ์ไว้เราจะสญู เสยี ไปอยา่ งถาวร

2.1 โบราณสถานที่สำคญั ของจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา

โบราณสถานเหล่านี้มีอยู่ทั้งในเขตกำแพงพระนครและปริมณฑล ส่วนในอำเภออื่นทั้ง 15
อำเภอ เฉพาะทีเ่ ป็นวัดพระยาโบราณราชธานนิ ทรส์ ำรวจได้บันทึกไว้ในบันทึกการสำรวจของท่านว่ามี
ถึง 543 แห่ง ยากที่จะนำมาศึกษาได้ทั้งหมดจึงนำมากล่าวไว้พอเป็นสังเขปในส่วนที่ยังไม่ได้เสนอไว้ใน
บทอ่ืนๆมากอ่ นดงั นี้

1. วัดบรมพุทธาราม

วัดบรมพุทธาราม ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาทางด้านทิศตะวันตกเป็นวัดที่สมเด็จ
พระเพทราชากษัตริย์อยุธยาองค์ที่ 28 แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวงโปรดให้สร้างขึ้นในบริเวณย่านป่าตอง
อันเคยเป็นนวิ าสสถานเดิมของพระองค์ จึงมฐี านะเปน็ พระอารามหลวงมีช่ือสามัญวา่ “วดั กระเบ้ือง
เคลอื บ” เพราะพระอุโบสถมุงหลงั คากระเบ้ืองเคลือบสเี หลอื งต่างจากวดั อ่ืน เมื่อพ.ศ. 2499

รายวิชาอยธุ ยาศึกษา สค03128 156

2. วดั ไชยวัฒนาราม

วัดไชยวัฒนาราม ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา ซึ่งก็ตั้งอยู่ริม แม่น้ำ
เจ้าพระยาทางฝั่งตะวันตกของเกาะเมือง สถาปัตยกรรมวัดนี้จัดวางในผังที่มีระเบียบงดงาม ในกำแพง]
ล้อม 3 ชั้น ตามคติไตรภูมิ วัดไชยวัฒนารามหรือ“วัดไชยยาราม” เป็นพระอารามหลวงท่ีสมเด็จพระ
เจ้าปราสาททอง โปรดใหส้ ถาปนาข้นึ เป็นวัดอรญั วาสี เมื่อปมี ะเมยี พ.ศ.2173 เพอื่ อุทศิ ถวาย พระ
ราชชนนี ทีต่ งั้ นวิ าสสถาน ณ ที่นัน้

-พระพทุ ธรูปรายรอบระเบยี งคด-
พระอุโบสถอยูด่ ้านริมน้ำทางด้านทิศตะวันออกนอกระเบียงคด มี สภาพปจั จบุ ันเหลือเพียงฐาน
เสา และฐานเสมาเทา่ น้ัน

-ซากพระประธานปางสมาธิประดิษฐานอยู่บนฐานชกุ ชี-
รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 157

3. วดั พระศรีสรรเพชญ์

ที่ตั้งของวัดพระศรีสรรเพชญ์ คือเขตพระราชฐานเมื่อแรกสร้างกรุงครั้งแผ่นดินสมเด็จพระ
รามาธิบดีท่ี 1 ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าสามพระยาเกิดเพลิงไหม้ 2 ครั้งซ้อน พระที่นั่งหลายองคน์ า่ จะ
ชำรดุ ลง ประกอบกนั เรมิ่ เกดิ ความคบั แคบพ้ืนท่ีไม่พอใชส้ อยในราชการ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ

-เจดยี ์วดั พระศรสี รรเพชญ์ยามค่ำ- -พระโลกนาถวดั พระเชตพุ น-

รายวิชาอยุธยาศกึ ษา สค03128 158

4. วดั สุวรรณดาราราม

ด้านหน้าพระอุโบสถวัดสุวรรณดาราราม และด้านหลังพระอุโบสถมีพระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมอัฐิ
สมเดจ็ พระปฐมบรมราชชนก(ทองด)ี

ก่อนเสียกรงุ บริเวณท่ีวัดสวุ รรณดารารามในสมยั อยธุ ยาตั้งอยู่คือย่านถนนจีนใกล้หัวสะพานใกล้
ป้อมเพชร หลวงพินิจอักษร(ทองดี) สมเด็จพระปฐมบรมราชชนกในสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราช ได้สรา้ ง “วดั ทอง” ขนึ้ ใกล้กับบริเวณนวิ าสถานของท่านและภรยิ าชอื่ ดาวเรือง ครั้นกรุง
ศรีอยุธยาแตก วัดทองก็ถูกเผาทำลายกลายเป็นวัดร้างมานานถึง 18 ปี เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธ
ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงปราบดาภิเษกและสรา้ งราชธานใี หม่แล้ว 3 ปตี อ่ มาใน พ.ศ. 2328 ได้ทรง
โปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์วัดทองขึ้นใหม่ทั้งอาราม โดยสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระ
อนุชาได้ทรงร่วมปฏิสังขรณ์โดยใช้ช่างวงั หน้าทังส้ิน เมื่อการบูรณปฏสิ ังขรณแ์ ล้วเสร็จจึงพระราชทาน
นามใหม่ตามพระนามเดิมของพระราชบิดา(ทองดี)และพระราชมารดา(ดาวเรือง)ว่า “วัดสุวรรณดารา
ราม” โดยประดิษฐานพระบรมอัฐขิ องสมเดจ็ พระปฐมบรมราชชนกในพระเจดยี ์ ทรงลังกาด้านหลังพระ
อุโบสถ โดย พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี ได้บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะและทำนุบำรุงคณะสงฆ์วัดน้ี
สืบเนื่องมาเป็นลำดบั

เปรยี บเทียบจติ รกรรมในพระอโุ บสถและพระวิหารวัดสวุ รรณดาราราม
รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 159

5. วัดพุทไธศวรรย์

วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอ
พระนครศรอี ยุธยาเปน็ วัดหนง่ึ ท่ีควรจับตาในการการสรา้ งส่งิ แปลกใหม่ในวดั ท่เี ปน็ โบราณสถานสำคญั

นับเนื่องมาจากในสมัยอยุธยาตอนต้น วัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกที่สร้างขึ้น
เมื่อพ.ศ. 1896 ในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ณ“ตำบลเวียงเล็กหรือเวียงเหล็ก”
ซึ่งเป็นที่ประทับชั่วคราวในช่วง 3 ปีระหว่างรอการสร้างพระราชวังหลวงที่ริมหนองโสนจะแล้วเสร็จคอื
ในพ.ศ.1893

ตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ที่สมเด็จพระเพทราชาทรงสร้างเป็นท่ี ประทับของประมุข
สงฆ์ฝ่ายคามวาสี เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ฐานอาคารมีลักษณะโค้งแบบศิลปะอยุธยาตอน
ปลาย ช่องหนา้ ต่างชั้นล่างโคง้ ยอดแหลมแบบตะวนั ตก ช้ันบนมีภาพจติ รกรรมฝาผนังเร่ืองทศชาติชาดก
ไตรภูมิ และภาพตำนานสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ไปนมัสการพระพุทธบาทที่ลังกาทวีป ปัจจุบันภาพ

รายวชิ าอยุธยาศึกษา สค03128 160

จิตรกรรมมีสภาพเลือนลางริมกำแพงวัดมีพระเจดีย์ทุกสมัยหลายองค์บ่งบอกถึงการอุปถัมภ์ดูแลในยุค
ต่างๆตลอดมาไมข่ าดตอน

-

พระพทุ ธรปู ในระเบยี งคด-และพระพุทธไสยาสน์
6. วัดหน้าพระเมรุ

วัดหน้าพระเมรุ เป็นวัดมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยาเนื่องจากเคยเป็นวัดท่ี
ข้าศึกใช้ตั้งกองกำลังปิดล้อมพระนครจึงเป็นวัดหนึ่งท่ีไม่ได้ถูกพม่าทำลาย และยังคงปรากฏ
สถาปตั ยกรรมแบบอยุธยาและอยู่ในสภาพสมบรู ณ์มากทส่ี ุด มีตำนานกลา่ วถงึ พระองค์อินทร์เจ้านาย
ในสมเดจ็ พระรามาธิบดที ่ี 2 ทรงสร้างเมอ่ื จ.ศ. 864 หรอื พ.ศ. 2046 ชือ่ วดั พระเมรรุ าชกิ ารราม” พระ
ยาไชยวิชิต (เผือก) ได้ปฏิสังขรณ์วัด และอัญเชิญพระคันธารราฐยุคทวาราวดีมาจากวัดมหาธาตุมา
ประดิษฐานในวิหารเขียน(วิหารน้อยหรือวิหารศรีสรรเพชญ์) พระพุทธรูปองค์นี้เป็นหินทรายเขียว

รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 161

จำหลัก ซึ่งมีประวัติน่าสนใจ เพราะเคยประดิษฐานที่มณฑปวัดพระเมรุร้างที่จังหวัดนครปฐม

ได้ถูกชะลอมายังกรุงศรีอยุธยาในครั้งสมเด็จพระมหาจักรพรรดิด้วยเหตุของสงครามพร้อมกับ

พระพุทธรูปหินทรายขาวอีก 2 องคส์ ว่ นอกี ๒องค์ทเ่ี หลอื ไดย้ ้ายมาทีว่ ดั พระปฐมเจดยี ์

-พระคันธารราฐในวหิ ารนอ้ ย พระนาคปรกยา้ ยมาเกบ็
7. วดั มเหยงคณ์ รักษาท่ีพช.เจ้าสามพระยา

ประวัติการสร้างวัดมเหยงคณ์มีหลักฐานกล่าวถึงอยู่ 3 ช่วง จากลักษณะทางศิลปกรรมของ
เจดีย์ประธานของวัดเป็นเจดีย์ทรงระฆังบนลานประทักษิณ ที่ฐานมีรูปช้างรอบฐานด้านละ 20 เชือก

รายวิชาอยธุ ยาศึกษา สค03128 162

ซึ่งอยุธยาได้รบั แบบอย่างการสร้างเจดีย์ช้างล้อมในศลิ ปะสุโขทัย โดยที่สโุ ขทัยรบั มาจากคติจากตำนาน
ของศรีลงั กามาอกี ทอดหนึง่

-ฐานของเจดีย์ท่ีมีรปู ชา้ งประดับและพระอโุ บสถ

ศลิ ปากร กรม, พระราชวงั โบราณ, โรงพมิ พ์สำนกั ทำเนยี บนายกรฐั มนตรี, พ.ศ. 2511

ผงั วัดมเหยงคณ์

พระฉนวนกบั เจดยี ์ทองแดง
รายวิชาอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 163

8. วดั ใหญช่ ัยมงคล

วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่ง สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น เมื่อสมเด็จพระ
รามาธิบดีที่ 1 สถาปนากรุงศรีอยุธยาแล้วพ.ศ.1900 พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯให้ขุดศพเจ้าแก้วเจ้าไทย
ขน้ึ ปลงศพสถานทนี่ ัน้ โปรดใหส้ ถาปนาเป็นพระอาราม ใหช้ ื่อ วดั ปา่ แกว้

การวางผังศาสนสถานในแบบแนวแกนในสมัยอยุธยาตอนต้น

รายวชิ าอยธุ ยาศึกษา สค03128 164

รายวชิ าอยธุ ยาศึกษา สค03128 165

9. วัดพนญั เชงิ วรวิหาร

https:/ /warongkorn16.wordpress.com/page/2/
พงศาวดารเหนือกลา่ ววา่ พระเจา้ สายน้ำผึ้งกษัตรยิ ์แห่งกรงุ อโยธยา วา่ ทรงเปน็ ผูส้ ร้าง วัดพ
นญั เชิงในทีซ่ ึง่ พระราชทานเพลงิ พระศพพระพระนางสร้อยดอกหมากพระมเหสีท่ีชาวจีนเรยี กว่า ซูแจ
เนี้ย ในบรเิ วณแหลมบางกะจะ เพือ่ อทุ ศิ ถวายกุศลแกพ่ ระนางและปรากฏศาลเจ้าของ พระนางสร้อย
ดอกหมากมาตราบทกุ วันนี้
หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายกคือ พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ศิลปะอู่ทองตอน
ปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้างกว่า 14 เมตรและ สูงกว่า 19 เมตร มีชื่อเรียกไป
ต่างๆกันตามกลุ่มคนและยุคสมัย เช่นเรยี กว่า หลวงพ่อโต ตามภาษาปากของชาวบา้ นทัว่ ไป เรียกวา่
เจ้าพแนงเชิง ตามบันทึกในพงศาวดารกรุงเก่า ส่วนชาวจีนเรียกกันว่า “ซำปอกง” ที่แปลว่าพระ
รัตนตรัยหรือแกว้ ท้ัง 3

รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 166

10. วดั ราชบูรณะ

เจ้าสามพระยาเสดจ็ มาถึงกรงุ ศรีอยธุ ยา รบั การถวายราชสมบตั ิเป็นพระมหากษตั รยิ ์ลำดับท่ี๗
ในราชวงศ์สุพรรณภูมิ พระองค์โปรดให้สร้างพระเจดีย์คู่ที่ใกล้สะพานในที่ชนช้างสิ้นพระชนม์ของพระ
เชษฐานัน้ ตอ่ มาเรยี กว่าเจดียเ์ จา้ อ้ายเจ้ายี่ สว่ นในบรเิ วณวัดท่ีถวายพระเพลิงนั้นโปรดให้สถาปนาพระ
ปรางค์ใหญ่ แล้วให้น้ำเครื่องทองซึ่งน่าจะเป็นของสมเด็จพระนครินทราชาทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์
เคร่ืองราชปู โภคและฉลองพระองคท์ ั้งปวงรวมท้งั เครอื่ งอทุ ิศตา่ งๆมีพระพมิ พ์พระบชู าท้ังของเกา่ และทรง
โปรดสร้างใหม่บรรจุในกรุถึง๓ ชั้นที่ตกแต่งด้วยจิตรกรรมอันงดงามยิ่ง เพื่อเป็นพุทธบูชาโดยแท้
แตช่ ือ่ วัดในพระราชพงศาวดารกล่าวว่าชื่อวัดราชปุณ หมายถึงวัดน้ีสร้างเพื่อเป็นพระราชอุทิศ คือสร้าง
อทุ ิศใหพ้ ระราชบดิ ากับพระเชษฐา ตา่ งจากความหมายราชบรู ณะที่หมายถึงการทรงปฏสิ งั ขรณ์

กรวุ ัดราชบรู ณะทางลงชมกรุทีท่ างการทำใหม่กับทางที่คนร้ายเจาะลงมาจากเพดานกรุ

การพบเครื่องทองครงั้ น้ีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้เสด็จ
ทอดพระเนตรทรัพย์แผ่นดินทีย่ ังไม่ตกลงกนั วา่ จะดำเนนิ การอย่างไรจึงเปน็ ท่ีมาของพระราชดำรัสว่า

รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 167

“ โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุที่พบในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะนี้ สมควรจะได้มีพิพิธภัณฑสถานเก็บ
รักษา และตั้งแสดงให้ประชาชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยานี้ หาควรนำไปเก็บรักษา และตั้งแสดง
ณ ทีอ่ ื่นไม่”

กรมศิลปากรจึงได้สร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ขึ้นเพื่อเก็บรักษาจัดแสดง
โบราณวัตถุที่พบจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ และโบราณวัตถุพบในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อาคารก่อสร้างด้วยเงินบริจาคจากประชาชน ซึ่งผู้บริจาคได้รับพระพิมพ์ที่พบจากกรุพระปรางค์วัดราช
บูรณะเป็นการสมนาคุณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระนามสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2
(เจา้ สามพระยา) ผู้ทรงสรา้ งพระปรางค์วัดราชบูรณะเปน็ นามพพิ ิธภัณฑ์ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
เม่อื วนั ท่ี 26 ธันวาคม พ.ศ. 2504

http://main.library.tu.ac.th/km/?p=14313

รายวิชาอยธุ ยาศึกษา สค03128 168

11. วดั มหาธาตุ

วดั มหาธาตุ และ เศยี รพระพุทธรูป ท่ีสำนักงานมรดกโลกนำไปเผยแพรเ่ ปน็ สญั ลักษณ์ของมรดกโลก
ในประเทศไทย

วัดมหาธาตุอยู่ตรงข้ามเชิงสะพานป่าถ่าน ริมคลองประตูข้าวเปลือก พระราชพงศาวดาร
ฉบับพระราชหัตถเลขากล่าวว่า “เมื่อ พ.ศ. 1912 หลังจากเสร็จศึกทางเหนือและสมเด็จพระราเมศวร
เสร็จกลับเข้าสู่พระนครแล้ว วันหนึ่งเสด็จออกทรงศีลยังพระที่นั่งมังคลาภิเษก เมื่อเพลาสิบทุ่ม
ทอดพระเนตรไปทางทิศตะวันออกเป้นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จปาฏิหาริย์ จึงทรงเรียกปลัดวังให้เอา
พระราชยานทรงเสด็จออกไป แล้วโปรดให้เอากรุยปักขึ้นไว้ตรงที่ที่พระบรมธาตุเสด็จปาฏิหาริย์
แลว้ สถาปนาพระมหาธาตขุ นึ้ ทนี่ น่ั สงู 19 วา ยอดสูง 3 วา ให้ชื่อวัดมหาธาตุ”

12. วัดพระราม

วัดพระรามน้ันเข้ากันโดยทั่วไปว่าน่าจะสร้างขึ้นในปี พ.ศ.1912 ในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร ซ่ึง
ครองราชย์ครั้งที่ 1 ใน บริเวณที่เป็นสถานท่ีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
(พระเจา้ อู่ทอง) พระราชบิดา

ปรางคป์ ระธาน

13. วิหารมงคลบพิตร

วหิ ารพระมงคลบพติ ร

พระมงคลบพิตร เปน็ พระพทุ ธรปู ปางมารวิชยั ภายในองคก์ อ่ อฐิ เป็นแกนแล้วบุด้วยทองสัมฤทธิ์
มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตร ส่วนสูงเฉพาะองค์พระไม่รวมฐานบัว 12.50 เมตรภายในพระพาหา
เบื้องซ้ายบรรจุพระพุทธรูปหลากหลายที่มาและสมัย มีหลากหลายปางและหลายขนาดซึ่งพบในการ

รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 169

ปฏิสังขรณ์ภายหลังพณฯอูนุแห่งสหภาพพม่าได้มานมัสการและมอบเงินให้ทางประเทศไทยดำเนินการ
ปฏิสังขรณพ์ ระมงคลบพิตรให้กลับมางดงามดังเดิม พระพุทธรูปดังกล่าวนี้ปจั จุบันเก็บรวบรวมและจดั
แสดงไว้ทีพ่ พิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาตเิ จา้ สามพระยา พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติจนั ทรเกษม
http://kokoyadi.com/2011/02/ayuthyatour/

3. โบราณวัตถุท่ีสำคัญของจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา
โบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ 9 ชิ้น ที่ห้ามทำเทียมและห้ามนำออกนอกประเทศ ได้แก่ ศิลาจารกึ

พ่อขุนรามคำแหง ธรรมจักร พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พระอิศวร ตู้พระธรรม
ช้างทรงเครื่องพระคชาธาร พระเต้าทองคำ และพระแสงขรรค์ 3 ชิ้นสุดท้ายนี้ คือโบราณวัตถุและ
ศิลปวัตถุของ” กรุงศรีอยุธยาโดยแท้และยังเก็บรักษาและจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสาม
พระยาซ่ึงอยู่ในจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา

ชา้ งทรงเครือ่ งพระคชาธาร
ช้างทรงเครื่องพระคชาธารทองคำประดับพลอย ในท่าหมอบบนแทน่ งวงชูใบปรอื สร้างขึน้ ในสมยั
อยธุ ยาตอนต้น พบในกรุวัดราชบรู ณะในแผน่ ดินสมเดจ็ พระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจา้ สามพระยา)

รายวชิ าอยธุ ยาศึกษา สค03128 170

พระเต้าทองคำ (สุวรรณภิงคาร)พระเต้าทองคำชิ้นเดียวที่พบในกรุพระปรางค์ วัดราชบูรณะ ซึ่งเป็น
ตัวอย่างของการศึกษาลวดลายฝีมือช่างทองอยุธยาโดยเฉพาะยอดเป็นรูปพรหมพักตร์ซึ่งคล้ายคลึงกับ
ลวดลายของศลิ ปะขอมเปน็ หลักฐานแสดงว่ามคี วามนิยม ในลัทธิพราหมณ์ในราชสำนกั ของ กรงุ
ศรีอยุธยาแลว้ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ทีพ่ ิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา

พระแสงขรรค์ เป็นโบราณวัตถุลักษณะเป็นอาวุธมีคมสองด้านที่หมายถึงพระราชอำนาจของ
พระมหากษัตริย์ จึงเป็น1ใน5 ของเบญจราชกกุธภัณฑ์ ฝักพระแสงขรรค์ทำด้วยทองคำ
ประดบั อญั มณอี ยา่ งวิจิตรและมีคุณค่าทางศลิ ปะและประวัติศาสตร์ที่อาจเป็นพระแสงขรรค์ของสายพระ
ราชวงศ์สพุ รรณภูมิและอาจผ่านพระราชพธิ สี ำคัญเชน่ พระราชพิธีศรีสัจปานการมาแลว้ กไ็ ด้ พบใน
กรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
เจา้ สามพระยา จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา

รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 171

เศยี รพระพุทธรปู สำรดิ ขนาดใหญ่
ศิลปะสมยั อ่ทู องไดจ้ ากวดั ธรรมกิ ราช
เศียรพระธรรมิกราชนี้ขนาดสูงเกอื บ 2 เมตรแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความเก่าแกข่ องวัด และฝีมอื ชา่ ง
โลหะกรรม

บานประตไู มจ้ ำหลักรปู เทวดาทรงพระขรรค์
สถปู วดั พระศรีสรรเพชญ์

เคร่ืองทองทีค่ น้ พบจากกรุวัดราชบรู ณะ
รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 172

ตลบั ทองรูปสิงโต

ปรางค์วดั ราชบูรณะแสดงใหเ้ หน็ ส่วนของแผน่ ทองทีย่ งั เหลืออยู่
รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 173

เครอื่ งทอง ซึ่งพบในกรุวัดราชบูรณะ เชน่ เครื่องประดบั เคร่ืองราชปู โภค
เครือ่ งราชกุธภณั ฑ์ เครือ่ งประดบั ศรี ษะ กำไล แหวนพาหรุ ัด

แผน่ ทองรปู สตั ว์ ในเทพนิยาย (ศลิ ปอยุธยาพุทธศตวรรษที่ 10 ไดจ้ ากกรุพระปรางค์วัดราชบรู ณะ)
รายวิชาอยธุ ยาศึกษา สค03128 174

เครอื่ งประดับศีรษะสตรีทองคำ
ศลิ ปอยธุ ยาถักสานด้วยเสน้ ทองคำเปน็ เส้นเล็กๆ ทำเป็นลวดลายดอกไม้ ใชค้ รอบมวย
ผม ได้จากกรวุ ดั ราชบูรณะ

ภาชนะรูปหงสท์ องคำ ตลับกลม จอกน้ำ เปน็ เครื่องราชูปโภค
(ศลิ ปอยุธยาพุทธศตวรรษที่ 10 ได้จากกรพุ ระปรางคว์ ัดราชบรู ณะ)

รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 175

4. โบราณสถาน และโบราณวัตถุทีส่ ำคญั ในท้องถนิ่ จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา
อำเภอท่าเรือ

ท่าเจ้าสนกุ ทา่ เกย เส้นทางรถไฟสายพระพุทธบาท ถนนฝรง่ั สอ่ งกลอ้ ง วัดตำหนักพระ
เจ้าทรงธรรม และบ่อนำ้ พระเจา้ ทรงธรรม ล้วนเป็นโบราณสถานท่ีอย่ใู นเส้นทางนมสั การพระพุทธ
บาททแ่ี ม่น้ำปา่ สักไหลผา่ น
อำเภอนครหลวง

เป็นทต่ี ้งั ของปราสาทนครหลวงทสี่ มเดจ็ พระเจ้าปราสาททองทรงนำแบบแผนปราสาทขอมมาสรา้ ง
ไว้ใกล้กบั พระตำหนักนครหลวงซ่ึงเป็นตำหนกั ประทบั ร้อนในเส้นทางชลมารคสู่พระพุทธบาทสระบุรรี ิม
แมน่ ้ำป่าสกั ในพระตำหนกั ประดิษฐานแผน่ หินโกลนเป็นวงกลมขนาดใหญจ่ งึ เรยี กว่าพระจนั ทร์ลอย
อำเภอบางไทร
วัดสนามไชย หมทู่ ่ี 6 ตำบลสนามชัย

รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 176

พ.ศ. 2548 สำนักงานศิลปากรที่ 3 ตรวจพบเจดีย์ที่วัดสนามไชย หมู่ 6 ตำบลสนามไชย อำเภอบางไทร
ถูกปล่อยทิ้งรกร้างกลางสวนริมน้ำเจ้าพระยา ใกล้สามแยกบางไทร ลักษณะของเจดีย์เป็นเจดีย์ย่อมุม
ไม้ยี่สิบ ซึ่งนิยมกันในสมัยอยุธยาตอนปลายก่อบนั ไดรับกับซุ้มจรนำท้ัง4ด้านองค์ระฆังเปน็ เหล่ียมย่อมมุ
ไมส้ ิบสอง
วดั ทา่ ซุงทักษิณาราม หมทู่ ่ี 6 ตำบลไม้ตรา

วัดท่าซุงทักษิณาราม มีศิลปะโบราณ คือเจดีย์ ทรงเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง อายุประมาณ 200 ปี
ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดท่าซุง เนื่องจากบริเวณดังกล่าว เป็นที่จอด พักของแพซุง เพื่อให้ด่านตรวจไม้
เพอ่ื ตีตราไม้ ไดเ้ ปล่ียนเปน็ “ไมต้ รา” ซ่งึ เปน็ ตำบลหน่ึงของ อำเภอบางไทร
อำเภอบางบาล
คา่ ยสีกกุ หมทู่ ี่ 6 ตำบลน้ำเต้า อำเภอบางบาล

รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 177

ค่ายสีกกุ และวัดสีกกุ
ที่ต้งั คา่ ยสีกกุ ก็เป็นเหมือนค่ายโพธส์ิ ามตน้ ท่ีมีการรือ้ อฐิ ลงไปสร้างกำแพงเสรมิ ความแข็งแรงให้กรุงธนบุรี
หลังการกู้อิสรภาพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแล้ว ค่ายนี้เป็นค่ายของมังมหานรธาแม่ทัพที่ยก
มาจากดา้ นทิศใตใ้ นสงครามเสียกรงุ เมื่อพ.ศ. 2310 โดยมอบหมายเมขลาโบดูแลค่ายเล็กเสริมกำลังทาง
น้ำที่บางไทร โบราณสถานแบบนี้แม้ไม่มีเศษซากตัวอาคารมีก็แต่เพียงประวัติของพื้นที่แต่ก็สามารถ
นับว่าเป็นโบราณสถานในแบบพื้นที่ประวัติศาสตร์ได้ จากเกร็ดประวัติศาสตร์เล่าว่า ศพของมัง
มหานรธา ได้ทำการฝังและมีการสร้างเจดีย์ไว้ที่วัดสีกุก ค่ายสีกุกที่สร้างนั้นเป็นกำแพงอิฐและดิน
สันนิษฐานวา่ ไดร้ ้อื อฐิ มาจากวดั สีกุกและวัดใกลเ้ คยี งเพื่อมาสรา้ งค่าย
เกาะมหาพราหมณ์ หมู่ 1 ตำบลมหาพราหมณ์ อำเภอบางบาล เคยเปน็ ที่ตั้งโรงเรยี นของครสิ ตศาสนิก
ชาวสยามรุ่นเยาว์เรียกว่าสามเณราลัย ในยามมีเหตุอันตรายฉกุ เฉินพระมหากษัตริยจ์ ะลงเรอื มาคอยที

ลำน้ำน้อย หน้าวดั สกี ุก อยธุ ยา แม่น้ำเจ้าพระยา(คลองบางบาล)

รายวิชาอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 178

อำเภอบางปะหนั
ค่ายโพธิ์สามต้น หมู่ที่ 1 ตำบลโพธิส์ ามตน้

วัดวรนายกรงั สรรค์เจดีย์บรรพตาราม หม่ทู ่ี1 ตำบลบางปะหันเดมิ ช่อื

\

วัดเขาดนิ ต้ังอยรู่ มิ น้ำลพบุรใี นสมยั อยุธยาเปน็ ทพ่ี ำนกั ของพระอาจารยพ์ รหมท่สี มเด็จพระนารายณ์และ
เจา้ ฟ้าอภัยทศผู้เปน็ พระอนชุ าให้ความเคารพมากและถวายคำแนะนำในเรื่องต่างๆอยู่เสมอ นายธนิต

รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 179

อยู่โพธิ์อดตี อธิบดีกรมศิลปากร อธิบายว่าวดั ปากคลองช้าง อาจเปน็ วดั เขาดินที่มีนามในบดั นว้ี า่ วัดวร
นายกรงั สรรค์ ซ่ึงมีผูย้ นื ยนั วา่ แต่เดิมเป็นวัดปากน้ำประสบ หรือวัดปากนำ้ โพสพเป็นวดั เดียวกัน
อำเภอบางปะอิน
พลบั พลาท่ีประทับทส่ี ถานีรถไฟบางปะอิน หมทู่ ี่ 3 ตำบลบ้านเลน

พลับพลาสถานีรถไฟบางปะอิน เป็นสถานีรถไฟพิเศษแห่งแรก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจา้ อย่หู ัว ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างขึ้น เพอื่ เป็นที่ประทับเม่อื เสดจ็ พระราชดำเนนิ แปร
พระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน ตามแบบสถาปัตยกรรมประดับกระจกสีตะวันตก บน
เส้นทางรถไฟสายแรกของประเทศไทย วันที่ 26 มีนาคม 2439 คือวันที่ทรงเปิดเส้นทางน้ีเสด็จพระราช
ดำเนินมาเปิดพลับพลา สถานรี ถไฟบางปะอินแห่งนด้ี ้วย
ประภาคาร หมทู่ ่ี 12 ตำบลบา้ นเลน
ประภาคารแห่งน้ีสร้างขึ้นพร้อมวัดนิเวศธรรมประวัติ พ.ศ. 2421 ในความสูง 22 เมตร ยามค่ำคืนจะมี
แสงไฟเป็นสญั ญาณเตือนชาวเรือท่ีขน้ึ ลอ่ งในลำน้ำเจา้ พระยา เน่ืองจากบรเิ วณเกาะบ้านเลนนี้ยังห่างไกล
ชุมชนทรงให้เรือกลไฟนำเสบียงมาส่งที่วัดทุก 15 วันในระยะแรกมีเจ้าหน้าที่สำหนักพระราชวังเฝ้า
ต่อมาจึงใช้เด็กวัดชกั รอกตะเกียงเพื่อเติมนำ้ มันมะพร้าวและจุดไฟไวบ้ นยอดประภาคารทกุ วัน ภายหลงั
ได้บูรณะเปลี่ยนเป็นตะเกียงไฟฟ้า และเมื่อกิจการเดินเรือในแม่น้ำลดลงไป จึงเลิกใช้งานประภาคารไป
ในทสี่ ดุ ”

รายวิชาอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 180

ตำหนกั เจา้ ฟ้าสรา้ ง หมูท่ ี่ 1 ตำบลบา้ นแปง้ สมเด็จพระศรีสวรนิ ทริ าบรมราชเทวที รงสรา้ งท่ีประทบั ที่
บางปะอนิ พระราชทานพระราชธิดาคอื สมเด็จพระปิตุฉาเจ้ากรมหลวงเพชรบรุ ีราชสริ นิ ธร
เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ นรนิ ทรเทพยกุมารี ซ่งึ มีพระกรุณาธิคุณตอ่ การศึกษาไทยทรงรบั อปุ การะโรงเรียน
และสถาบนั การศึกษาไว้มากมาย ตอ่ มาขุนวรกิจโกศล นายอำเภอบางปะอิน ได้กราบบังคมทูลขอ
พระราชทานทีด่ ินในทสี่ รา้ งพระตำหนกั สร้างโรงเรียน จึงทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พร้อมกบั พระราชทาน
โรงแถว 6 ห้องและโรงเรือดว้ ย พระราชทานช่ือว่า โรงเรียนสมเดจ็ ต่อมาได้โปรดเกลา้ ฯเรยี กว่า
โรงเรียนเจ้าฟา้ สร้าง
อาคารพระตำหนกั จดั เปน็ พพิ ิธภณั ฑ์ภาพท่ีนา่ ชมมาก

อาคารพระตำหนักกบั อาคารเรียน
คา่ ยขนอนหลวง วัดโปรดสัตว์ ตำบลขนอนหลวง
โบราณสถานสำคญั ของบางปะอินมอี ยมู่ ากมายทค่ี วรกล่าวไว้เพือ่ ศึกษาเพมิ่ เติมเชน่ วัดชุมพลนกิ ายา
รามราชวรวิหาร และสะพานข้ามคลองบา้ นเลน วดั นเิ วศธรรมประวตั ิ วัดโปรดสตั ว์ วดั ทองบ่อฯลฯ

รายวิชาอยุธยาศกึ ษา สค03128 181

อำเภอบา้ นแพรก
คลองนอ้ ย ซึ่งเป็นลำคลองเก่าแกต่ ง้ั แต่สมัยกรุงศรอี ยธุ ยา ลำคลองน้อยแยกมาจากแมน่ ้ำลพบุรีทวี่ ดั หมสู ี
ทางประวตั ิศาสตร์ทีแ่ สดงถงึ ความเจรญิ รงุ่ เรอื งของชมุ ชน อาทิ เคร่ืองปัน้ ดนิ เผาทม่ี ีจำนวนมากมาย
ตุ๊กตาโบราณ สมัยสโุ ขทัย และอยธุ ยา รวมท้งั ของใชอ้ ืน่ ๆ นบั พนั ๆช้ิน ที่โคลนจมดินอยู่ตามแนวคลอง
จนสามารถรวบรวมโบราณวัตถไุ วท้ ี่พิพธิ ภณั ฑ์ทอ้ งถิ่นบ้านแพรกจำนวนมาก

วดั หลวงพ่อเขียวต้งั อยู่ทหี่ มู่ที่ 2 ต.สำพะเนยี ง อ.บ้าน เดิมชือ่ วดั ขา้ วเขยี วหรอื วดั พมุ่ ข้าวเขียว ชาวบ้าน
นิยมเรียกว่า วัดพระเขียว ตามลักษณะพระพุทธรูปหินทรายสีเขียวแกมเทา ที่ขุดพบประดิษฐานอยู่ใน
พระวิหารปจั จุบนั

รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 182

อำเภอผกั ไห่

ผักไห่เป็นย่านอุดมสมบูรณ์ชื่อวัดลาดชะโดคงบอกเล่าถึงลำน้ำที่มีปลาชุกชุม โบราณสถานสำคัญมี
มากมายเช่น วัดย่านอา่ งทอง วดั ชีโพน วดั ลาดชะโด และยังมบี า้ นเขียวที่รจู้ ักไปทั่ว บ้านเขียว เป็น
บ้านขุนพิทักษ์บริหาร (พึ่ง มิลินทวนิช)อดีตนายอำเภอผักไห่ บ้านโบราณนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5
อายุเกินกว่าร้อยปี สถาปัตยกรรมเป็นบ้านไทยที่ได้รับอิทธิพลทางตะวันตก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย หมู่ที่ 2
ตำบลอมฤตอำเภอผกั ไห่ บริเวณท่ีตัง้ มีเนื้อทป่ี ระมาณ 1 ไร่ 1 งาน

บา้ นของหมน่ื ปฏิพทั ธภบู าล (นายช้าง) เพ่ือนตน้ ชาวผักไห่
อำเภอมหาราช

ท่ีอำเภอมหาราชเส้นทางโบราณสเู่ มืองลพบรุ ีพระตำหนกั เจ้าปลุกเป็นพระตำหนักประทับร้อน
ระหว่างทางปจั จบุ นั คือวดั หน้าวัว มีวัดโบราณหลายแห่ง

รายวิชาอยุธยาศกึ ษา สค03128 183

อำเภอเสนา
วัดรางจระเข้ ต.บา้ นโพธ์ิ

สันนิษฐานว่าเป็นวดั เก่าแก่วัดหนึ่ง อายุไม่ต่ำกว่า 400 ปีเศษ เจ้าอาวาสวัดรางจระเข้ ได้นำอิฐ
ไปใหน้ ักโบราณคดีพสิ ูจน์ และนกั โบราณคดีก็ยืนยนั วา่ เปน็ อฐิ โบราณเกา่ แก่สมยั กรุงศรีอยุธยา
วัดรางจระเข้ ต้ังอย่ตู ำบลบา้ นโพธิ์
อำเภออุทัย
บ้านพรานนก หมู่ท่ี 2 ตำบลโพสาวหาญ

อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ระลึกถึงเป็นเส้นทางเดินทางออกจากกรุงศรีอยุธยาเพื่อไป
เตรยี มการกลับมากู้ชาติตอ่ ไป

รายวชิ าอยุธยาศึกษา สค03128 184

บทที่ 8
พระอารามหลวง

แนวคดิ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ สถานที่ชุมนุม

ของพุทธศาสนิกชนหรือสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของพุทธศาสนาก็คือวัด วัดในจังหวัด
พระนครศรีอยุธยา แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาและสำนักสงฆ์
คำว่าวิสุงคามสีมาในที่นี้หมายถึงเขตที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่สงฆ์เพื่อใช้เป็นที่สร้างโบสถ์
ดังนั้นวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาคือวัดทีม่ ีอุโบสถเป็นที่ทำสังฆกรรม ส่วนสำนักสงฆ์คือวัดทีย่ งั
ไม่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาจึงไม่มีอุโบสถ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีวัดเป็นจำนวนมาก
รวมถึงมี พระอารามหลวงซึ่งเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์ทรงสร้างหรือทรง
บูรณปฏิสังขรณ์หรือมีผู้สร้างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นวัดหลวง หรือวัดที่ราษฎรสร้างหรือ
บรู ณปฏสิ งั ขรณ์และขอพระราชทานให้ทรงรบั ไว้เปน็ พระอารามหลวง

ตวั ชีว้ ดั
1. อธิบายประวัติความเป็นมา และความสำคัญของพระอารามหลวง
2. จำแนกประเภทพระอารามหลวงชั้นเอก ชั้นโท และช้นั ตรี
3. บอกชือ่ พระอารามหลวงในจังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา

เนือ้ หา
1. ความหมาย ความสำคัญของพระอารามหลวง
2. ช่อื ประเภท และลำดบั ช้นั ของพระอารามหลวง
3. ประวัติความเป็นมาของพระอารามหลวงในจงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา

รายวชิ าอยุธยาศึกษา สค03128 185

เรอ่ื งท่ี 1 ความหมาย ความสำคญั และประเภทของพระอารามหลวง

พระอารามหลวง คือ วัดท่ีพระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์ทรงสร้างหรือทรง
บูรณปฏิสังขรณ์ หรือมีผู้สร้างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นวัดหลวง และวัดที่ราษฎรสร้าง หรือ
บูรณปฏิสังขรณ์ และขอพระราชทานให้ทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวง แต่เดิมนั้นยังไม่มีการจัดแบ่ง
พระอารามหลวงอย่างเป็นทางการ เพียงแต่มีการจัดแบ่งพระอารามหลวงออกเป็นหลายชั้นตาม
ความรู้สึกหรืออาศัยการคาดเดาตามสถานการณ์ เช่น ดูจากการพระราชทานเทียนพรรษาขี้ผึ้งหรือไม้
เล่มเดียวหรือมากกว่านั้น ในปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าให้มีการจัดระเบียบแบ่งชั้นพระอารามหลวงขึ้นอย่างเป็นระบบ ทรงจัดลำดับชั้นของพระ
อารามหลวงออกเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นเอก ชั้นโท และชั้นตรี แต่ละชั้นยังแยกระดับออกไปอีกหลายระดับ
โดยมีสรอ้ ยต่อท้ายช่อื วัดตามฐานะดงั นี้

1. พระอารามหลวงช้ันเอก ได้แก่วดั ท่มี ีเจดยี สถานบรรจุพระบรมอัฐิหรือเป็นวัดท่ีมเี กียรติสูง
มีเจา้ อาวาสเปน็ พระราชาคณะผใู้ หญ่ขนึ้ ไปมี 3 ชนิด คือ

- ชนิดราชวรมหาวิหาร
- ชนิดราชวรวหิ าร
- ชนดิ วรมหาวิหาร
2. พระอารามหลวงชั้นโท ได้แก่ วัดที่มีเจดียสถานสำคัญ มีเจ้าอาวาสเป็นพระราชาคณะ
สามญั ขึน้ ไปมี 4 ชนดิ คือ
- ชนิดราชวรมหาวหิ าร
- ชนดิ ราชวรวหิ าร
- ชนดิ วรมหาวหิ าร
- ชนิดวรวหิ าร
3. พระอารามหลวงชัน้ ตรี ได้แก่ วดั ประจำหัวเมอื ง หรือวดั ทีม่ ีความสำคญั ชนั้ รอง มี
เจ้าอาวาสเป็นพระครชู ้ันสงู ขน้ึ ไป มี 3 ชนดิ คอื
- ชนดิ ราชวรวิหาร
- ชนดิ วรวหิ าร
- ชนดิ สามญั (ไม่มีสร้อยนามตอ่ ทา้ ย)

รายวิชาอยธุ ยาศึกษา สค03128 186

ชนิดและขนาดแหง่ พระอารามหลวง
1. ราชวรมหาวิหาร คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช
ทรงสรา้ งและปฏิสังขรณเ์ ปน็ การส่วนพระองค์
2. วรมหาวิหาร คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช
ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์และพระราชทานเป็นเกียรติยศแก่ผู้ต่ำศักดิ์ลงมา รวมทั้งวัดที่ประชาชนสร้าง
หรือปฏสิ งั ขรณแ์ ละทรงรบั ไว้เป็นพระอารามหลวงซึง่ จดั ไดว้ า่ เปน็ วัดที่มีเกียรติ
3. ราชวรวหิ าร คอื พระอารามท่ีมีสิ่งปลูกสรา้ งขนาดใหญโ่ ตสมพระเกียรติ
4. วรวหิ าร คอื พระอารามทม่ี ีสิง่ กอ่ สร้างใหญโ่ ต แต่มคี วามสำคญั น้อยลงมา
5. สามัญ คือ พระอารามหลวงที่ไม่เข้าในหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะไม่มีสร้อยต่อท้ายชื่อ คงใช้
เฉพาะชื่อวดั เทา่ นน้ั

เรอ่ื งท่ี 2 พระอารามหลวงท่สี ำคญั ในจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา

1. ประวตั ิความเป็นมา และความสำคญั ของพระอารามหลวงชั้นเอก
1.1 วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร เดิมชื่อวัดเสื่อ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราช

วรวิหารตั้งอยู่ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรี
อยธุ ยา ไดร้ บั การปฏสิ ังขรณ์โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว รัชกาลท่ี 4 โดยปฏสิ งั ขรณ์ ทั้ง
วดั แลว้ เสรจ็ เม่ือปี พ.ศ. 2406 และพระราชทานนามใหม่ว่า วัดเสนาสนาราม เปน็ วดั ธรรมยุติกนกิ าย
ศาสนสถานที่สำคัญของวัดได้แก่ พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา หน้าบันด้านหน้าและ
ดา้ นหลงั เป็นไม้แกะสลักปดิ ทอง ประดับกระจกรูปช้างเอราวณั ขนาบดว้ ยฉัตร เหนือเศยี รช้างเอราวัณมี
พระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือรูปพระมหามงกุฏ ภายในพระอุโบสถมี
ภาพวาดจติ รกรรมฝาผนงั ซ่ึงเป็นภาพวาดในสมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั

ภาพ วัดเสนาสนารามราชวรวหิ าร
ที่มา : http://watsenasanaram.blogspot.com/

รายวชิ าอยธุ ยาศึกษา สค03128 187

นอกเหนือจากพระอุโบสถ ยงั มพี ระวิหารพระพทุ ธไสยาสน์ และพระวหิ ารพระอนิ ทรแ์ ปลง
ซึ่งเป็นสิ่งศักดิส์ ทิ ธข์ิ องวัด ภายในพระวิหาร มภี าพจติ รกรรมฝาผนงั สมยั รชั กาลท่ี 4 ซึง่ ยงั คงความงดงาม
จนถงึ ปัจจุบัน

พระสัมพุทธมุนีเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ประดิษฐานอยู่ในซุ้มเรือนแก้วยอดพระ
มหามงกุฎ มีขนาดหน้าตักกว้าง 2 ศอก 2 นิ้ว สูงตลอดพระรัศมี 3 ศอก 1 นิ้ว ที่ซุ้มเรือนแก้วมีอักษร
ขอมจารกึ ไว้ รอบๆมจี ติ รกรรมฝาผนงั รูปเทพชุมนุม

1.2 วัดสวุ รรณดารารามราชวรวหิ าร ( รายละเอยี ดอยใู่ นโบราณสถาน บทที่ 7 )

ภาพ จิตรกรรมฝาผนงั การยุทธหตั ถภี ายในพระอโุ บสถ วัดสวุ รรณาดาราราม
จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา

ถา่ ยโดยวลัยภรณ์ นาคพนั ธ์ุ เมอื่ 25 มีนาคม 2549

1.3 วดั นิเวศธรรมประวตั ริ าชวรวิหาร ( รายละเอียดอยู่ในแหล่งท่องเท่ยี ว บทท่ี 3)

ภาพ ภายนอกพระอโุ บสถทรงกอทกิ
ทม่ี า : th.wikipedia.orgWatNiwesDharmaPrawati

รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 188

2. ประวัตคิ วามเปน็ มา และความสำคญั ของพระอารามหลวง ชัน้ โท
2.1 วดั ชมุ พลนกิ ายารามราชวรวิหาร เปน็ พระอารามหลวงช้ันโทชนดิ ราชวรวิหาร ตั้งอยู่

ที่หัวเกาะบางปะอิน ตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีอาณาเขตติดกับ
พระราชวงั บางปะอิน

วัดชุมพลนิกายาราม สร้างโดยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5 (พระเจ้าปราสาททอง) ในสมัย
กรงุ ศรอี ยธุ ยาเป็นราชธานี เม่อื พ.ศ. 2175 ตรงบรเิ วณที่เป็นเคหสถานเดิมของพระราชชนนขี องพระองค์

ภาพ วดั ชมุ พลนกิ ายารามราชวรวิหาร
2.2 วัดพนัญเชงิ วรวิหาร ( รายละเอียดอยใู่ นแหล่งเรยี นรู้ บทที่ 3 )

ภาพ พระพุทธไตรรัตนนายก วัดพนัญเชิงวรวิหาร

รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 189

2.3 วดั ศาลาปนู วรวหิ าร เป็นพระอารามหลวงชน้ั โทชนิดวรวิหาร ตัง้ อยูเ่ ลขทีห่ มู่ 4 ตำบล
ท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดโบราณตั้งอยู่ริมคลองเมือง
พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำลพบุรีเดมิ ) ฝั่งตรงกันข้ามกับเกาะเมือง ห่างจากปากคลองหวั แหลมประมาณ
10 เส้น มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 28 ไร่ อาณาเขตติดต่อดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อคลองมหานาค ทิศใต้
ติดต่อคลองเมือง ทิศตะวันออก ติดต่อที่ดินราษฏร ทิศตะวันตกติดต่อวัดพรหมนิวาสวรวิหาร (วัดขุน
ยวน ) วัดศาลาปูนเป็นที่สถิตของพระราชาคณะตำแหน่งพระธรรมราชา สืบต่อกันมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1
จนถงึ รัชกาลที่ 6 ในสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 วัดศาลาปนู เปน็ ท่ีสถิตของพระราชาคณะชั้นสมเด็จ
คือสมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชาคณะเพียงรูปเดียวที่ได้รับพระราชทานตั้งขึ้นใน
เขตหวั เมอื งชั้นนอกเมื่อมกี ารประกาศใช้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พทุ ธศักราช 2445

ภาพ วัดศาลาปนู วรวิหาร

ศิลปกรรมและโบราณวัตถุที่สำคัญ พระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านเรียกว่าหลวง
พ่อแขนลายเป็นศิลปสมัยก่อนอยุธยา เป็นพระพุทธรูปนั่งขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 29 นิ้ว ลักษณะ
คล้ายพระอัครสาวกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือพระโมคคัลลา พระสารีบุตร เป็นพระพุทธรูป
ศักดิ์สิทธิ์สามารถบันดาลโชคลาภความสำเร็จ ปัดเป่าให้หายจากทุกข์ภัยไข้เจ็บ เคยถูกโจรกรรมหลาย
ครง้ั แต่ไมป่ ระสบผล พระอุโบสถจติ กรรมฝาผนังคล้ายคลึงกับวัดหนา้ พระเมรุ พระอุโบสถวัดศาลาปูนน้ี
เคยเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระประธานในอุโบสถวัดไร่ขิงมาก่อนเนื่องจากสมเด็จพระพุฒาจารย์
(พุก) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดศาลาปูนและเป็นชาวเมืองนครชัยศรี ได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ วัดไร่ขิง
หอไตรปิฎกมีความงดงามเป็นเอก มีคณุ ค่าทางศลิ ปกรรมสมยั อยธุ ยา หน้าบันประดบั ปนู ปั้นรูปนารายณ์
ทรงครุฑเหยียบนาค เป็นอาคารที่เก็บพระไตรปิฎกพระคัมภีร์และใบลาน ซึ่งเป็นหนังสือสำคัญของ
พระพุทธศาสนาคือหอสมุดของพระภิกษุสงฆ์นั่นเอง ธรรมาสน์เป็นศิลปกรรมเครื่องไม้จำหลักในสมัย
อยุธยาตอนต้น รูปทรงงดงามจำลองมาจากพระแท่นประทับของพระมหากษัตริย์ มีช่อฟ้า ใบระกา
บราสี หางหงส์ซุ้มรังไก่ ยอดเหมปราสาทเช่นเดียวกับปราสาทจริงๆ สังเค็ดเป็นธรรมาสน์สำหรับ

รายวิชาอยุธยาศกึ ษา สค03128 190

พระสงฆ์ขึ้นไปเทศน์พร้อมๆ กันหลายองค์ แต่ไม่เกิน 4 องค์ซึ่งเรียกการเทศน์แบบนี้ว่าปุจฉาวิสัชนา
ธรรมาสน์จึงต้องขยายยาวออกไปส่วนหลังคานิยมทำเป็นหลังคาปราสาทซ้อนขึ้นไปเป็นชั้นๆ คล้าย
หลังคาโบสถ์ สังเค็ดของวัดศาลาปูนเก่าแก่ที่สุด และงดงามที่สุดแต่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมตาม
กาลเวลา

2.4 วัดบรมวงศ์อิศรวราราม เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ทางฝ่ัง
ตะวันตกของแม่น้ำป่าสกั ในทอ้ งท่หี มู่บา้ นเพนยี ด ตำบลสวนพริก จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา มเี นอื้ ที่ ๒๙
ไร่และมีที่ธรณีสงฆ์ตดิ เป็นผืนเดยี วกบั วัดอีก 43 ไร่ ทำให้วัดดูมีพ้ืนทีก่ ว้างขวาง แต่เดิมวัดแห่งนีเ้ รียกกนั
ตามประสาชาวบ้านว่า วัดทำเลหญ้า หรือ วัดทะเลหญ้า เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างเม่ือถึงฤดู
นำ้ แต่ละปี น้ำจะท่วมนองทงั้ ท้องท่งุ คร้นั น้ำลดต้นหญา้ กข็ ึน้ งามจงึ เป็นทีม่ าของชือ่ วัดแห่งนี้

วัดทะเลหญ้า เป็นวัดโบราณตั้งแต่ครั้งกรุงศรีเป็นราชธานี แต่ต่อมาได้กลายเป็นวัดร้าง
โบสถว์ ิหารตา่ ง ๆ พงั ทลายหมด เหลือเค้าแต่เพยี งเจดีย์ให้เหน็ เท่านั้น ในสมยั รัชกาลที่ 4 สมเด็จพระเจ้า
บรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ามหามาลากรมพระบำราบปรปักษ์ซึ่งเป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 ทรงว่าราชการ
กรมพระคชบาลและทรงเป็นพระหมอเฒ่าผู้รอบรู้ศิลปศาสตร์เกี่ยวกับช้างทำให้ต้องทรงมาดูแลช้างใน
พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่เสมอและทรงพักที่พระตำหนักเพนียด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดร้างแห่งน้ี
พระองค์ทรงพอพระทัยกับบรรยากาศอันเงียบสงบเหมาะแก่การบำเพ็ญสมณะธรรมอีกทั้งบริเวณ
ดังกล่าวยังเป็นที่เล้ียงชา้ งมาแต่โบราณกาล จึงได้ทรงสถาปนาวัดทะเลหญ้าข้ึนใหมท่ ั้งหมดจนกระทัง่ มา
เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ระหว่างสร้างวัดพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 5 ทรงบริจาคทรัพย์ร่วมด้วยหลายครั้ง เมื่อสร้างแล้วเสร็จได้พระราชทานนามว่าวัดบรมวงศ์
อศิ รวราราม พระองค์ไดเ้ สด็จพระราชดำเนินโดยทางชลมาสจากกรุงเทพมายงั พระราชวังบางปะอินและ
เสด็จตอ่ มายังวดั เพือ่ รว่ มบอกสมี าวางลูกนิมิตและถวายผา้ พระกฐนิ หลายคร้ัง

ภาพ วัดบรมวงศ์อิศรวรารามพระอารามหลวงชน้ั โทชนิดวรวหิ าร

รายวชิ าอยธุ ยาศึกษา สค03128 191

3. ประวตั คิ วามเป็นมา และความสำคัญของพระอารามหลวง ชั้นตรี
3.1 วดั หน้าพระเมรุ ( รายละเอียดอย่ใู นแหลง่ ท่องเทย่ี ว บทท่ี 3 )

ภาพ วดั หนา้ พระเมรุ
3.2 วัดพรหมนิวาสวรวิหาร ตั้งอยู่ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา วัดพรหม-
นิวาสวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เดิมชื่อวัดขุนยวน เป็นวัดโบราณสมัยกรุงศรี
อยุธยา มิได้มีหลักฐานการบันทึกประวัติความเป็นมาที่ชัดเจน ต้องอาศัยการบอกเล่าสืบต่อกันมาว่า
ผู้สร้างวัดมียศเป็นขุนได้เป็นแม่ทัพไปรบข้าศึกที่เมืองโยนก (นครเชียงใหม่) และมีชัยชนะกลับมาจึงได้
สรา้ งวัดขนึ้ เปน็ อนุสรณ์ ในสมยั รชั กาลท่ี 4 ได้ทรงปฏิสงั ขรณ์วัดพรหมนวิ าสนเ้ี มื่อครั้งทรงผนวชอยู่ และ
ในปี พ.ศ. 2485 พระครูกุศลธรรมธาดา (สุดใจ เขมสีโร) เจ้าอาวาสวัดสมัยนั้นได้ขอพระราชทานนาม
วัดใหมว่ า่ “วัดพรหมนวิ าส” ซงึ่ หมายถงึ ท่สี ถิตของพรหม

ภาพ วดั พรหมนิวาสวรวิหาร ทีม่ า : travel.edtguide.com
รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 192

3.3 วดั กษตั ราธริ าชวรวหิ าร ( รายละเอยี ดอย่ใู นแหล่งทอ่ งเทีย่ ว บทที่ 3 )

ภาพ วัดกษตั ราธริ าชวรวิหาร
3.4 วดั วรนายกรังสรรคเ์ จติยบรรพตาราม (รายละเอียดอย่ใู นโบราณสถาน บทท่ี 7 )

ภาพ วดั วรนายกรงั สรรคเ์ จตยิ บรรพตาราม
3.5 วัดวิเวกวายุพัด เดิมชื่อ วัดช่องลม ตั้งอยู่ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน สร้างเมื่อ
พ.ศ. 2400 ดว้ ยความศรัทธาของบรรพชนชาวบ้านจิก ตอ่ มาปี พ.ศ. 2435 ได้ย้ายขา้ มมาอยู่ท่ีในปัจจุบัน
ซึง่ นายเอ่ียม มีจติ ศรัทธายกท่นี าให้ จำนวน 11 ไร่ เนอ่ื งจากทเ่ี ดมิ ถกู นำเซาะจนตลิ่งพงั ถึงเสากฎุ ิ ปี
พ.ศ. 2440 ในช่วงเวลาน้ำท่วม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว (ร. 5) ได้เสด็จมาประทับแรม ณ พระราชาวังบางปะอิน และได้เสด็จโดยทางชลมารคมา
ประพาสที่วัดนี้เนืองๆ เพราะวัดนี้ตั้งอยู่ในที่ที่รมณียสถาน เป็นที่สราญพระราชหฤทัยมาก พระองค์จึง

รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 193

ทรงพระราชทานนามวดั นใี้ หม่ว่า “วดั วเิ วกวายุพดั ” และทรงเหน็ วา่ พระอธกิ ารเมฆ เจ้าอาวาสวดั นเี้ ป็นผู้
ที่เอาใจใส่ในหน้าที่เป็นอย่างดี และประชาชนทั่วไปให้ความเคารพศรัทธา จึงทรงพระราชทานสัญญา
บัตรแต่งตั้งให้เป็น “พระครูวิเวกาภิราม” และได้บูรณปฏิสังขรณ์อาคาร เสนาสนะต่างๆ เรื่อยมาและ
ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปีพุทธศักราช 2440 ตลอดรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ
ปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงโปรดเกล้าอุปถัมภ์วัดวิเวกวายุพัดมาโดย
ตลอด เช่น ก่อสร้างศาลาการเปรียญ กุฏิ และพระสถูปโดยพระราชทานนามว่า “ราชูทิศเจดย์” และ
โปรดเกล้าให้ย้ายพระอุโบสถหลังเดิมจากวัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ มาสร้างแทนพระอุโบสถหลังเดิม
ของวัดที่มีขนดเล็กและต่ำ แลดูไม่สง่า ปีพุทธศักราช 2470 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิ
ปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีนาถ พร้อม
ด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคมาพระราชทานผ้าพระกฐินต้น โดยจัด
ขบวนแห่ตั้งแต่พระราชวังบางปะอินจนถึงวัดวิเวกวายุพัด มีขบวนเรือโดยเสด็จเป็นจำนวนมาก นับเป็น
เกยี รติประวตั ิอันยิ่งใหญ่ ในสมัยพระสมุห์สังวาลยธ์ มฺมาลโย เป็นเจ้าอาวาส วัดวิเวกวายุพัดเจริญรุ่งเรือง
มาโดยลำดับ ในปี พ.ศ. 2510 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธียกฉัตรประจำองค์พระ
ประธานในพระอุโบสถ พร้อมทั้งได้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างอาคารเรียนวัดวิเวกเกวายุพัด
ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2515 และพระราชทานนามอาคารว่า “อาคารนวราชบพิตรนุ
เคราะห์” พระอารามแห่งนี้มีความสะอาด ร่มรื่น เป็นระเบียบเรียบร้อย หอสวดมนต์ ศาลาการ
เปรียญ หอระฆัง กุฏิ ได้รับการปฎิสังขรณ์ให้มีความมั่นคง เป็นที่เจริญตาเจริญใจแก่ผู้พบเห็น และเป็น
ศูนยร์ วมจิตใจของพทุ ธศานกิ ชนตำบลคลองจกิ

ภาพ วัดวเิ วกวายุพดั
ท่ีมา : travel.edtguide.com

รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 194

3.6 วัดตูม พระอารามหลวงช้นั ตรี ชนดิ สามัญ ตัง้ อย่ตู ำบลวัดตมู อำเภอพระนคร- ศรี
อยุธยา ห่างจากตัวเมืองอยุธยาประมาณ 6-7 กิโลเมตร วัดนี้ใครจะเป็นผู้สร้างและสรา้ งตั้งแต่เมือ่ ไร ไม่
ปรากฏในหลักฐานทราบกันแต่ว่าเป็นวัดโบราณคร้ังเมืองอโยธยาสร้างมากอ่ นที่จะตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็น
ราชธานีและวดั นีค้ งจะเป็นวัดรา้ งมาครั้งหน่ึงแล้ว เมื่อคราวเสียกรุงในปี 2310 หรือก่อนหน้านัน้ เพราะ
เป็นวัดอยู่เกาะนอกเมือง เมื่อข้าศึกเข้าล้อมกรุงฯ ผู้คนก็พากันอพยพหลบหนีกันหมด แม้พระสงฆ์องค์
เจ้าก็คงอยู่ไม่ได้จึงร้างมาแต่ครั้งนั้น ครั้งถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ในรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จ- พระ
พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจงึ ได้มีผู้ปฏิสงั ขรณข์ ้ึนอกี และเปน็ วัดที่พระสงฆ์จำพรรษามาจนทุกวนั นี้

ในรชั กาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยก
ฐานะเปน็ พระอารามหลวง วดั ตมู เปน็ วดั โบราณ และเป็นวัดสำหรับลงเคร่ืองพชิ ัยสงครามมาแต่ก่อน ใน
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้ารัชกาลที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดน้ี
หลายครั้ง วัดนี้จึงเป็นพระอารามหลวงที่มีความสำคัญวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาแต่ใน
รัชกาลที่ 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญภายในวัดตูม คือ "หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์" เป็นพระพุทธรูปสำริด
ทรงเครอื่ งปางมารวิชยั โดยมีลักษณะพิเศษ คือ บนพระเศียรขององค์พระสามารถเปดิ ออกและมีน้ำไหล
ซึมออกมาตลอดเวลา เชื่อกันว่าเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคภัยให้หายได้ และผู้มาขอพร
มักจะประสบผลสำเรจ็ โดยเฉพาะในด้านอาชพี หนา้ ทก่ี ารงาน

ภาพ หลวงพ่อทองสขุ สมั ฤทธ์ิ

รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 195

3.6 วัดชูจิตธรรมมารามตั้ง อยู่เลขที่ 57 หมู่ที่ 1 ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา ระหว่าง กม. 7374 ถนนพหลโยธิน ในมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลยั (วัดชูจิตธรรม
รามกอ่ สร้างทหี่ ลงั วิทยาลยั สงฆ์) ซึ่งเป็นสถานทศ่ี ึกษาของพระภิกษุสามเณรเร่มิ เปิดรบั พระภิกษุสามเณร
เข้ามาศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา นักธรรมตรี โท เอก และศึกษาภาษาบาลีตั้งแต่วันที่ 16
พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นต้นมา ในปี 2513 วัดชูจิตธรรมารามได้รับบริจาคที่ดินจากนายฉบับ นาง
สงวน ชูจิตารมย์ ถวายที่ดินจำนวน 5 แปลง ๆ ละ 36 ไร่เศษ รวม 185 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 2 ตำบล คือ
ตำบลชะแมบและตำบลสนับทบึ แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลสงั ฆปรนิ ายก
(อุฎฺฐายีมหาเถร) วัดมกุฏกษัตริยารามสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
วดั บวรนเิ วศวิหาร ทรงวางเสาเอก เร่มิ กอ่ สร้างสถานศึกษาก่อนต้ังเปน็ วัดในพระพุทธศาสนาได้จัดต้ังเป็น
วิทยาลัยสงฆ์เรียกว่า “วิทยาลัยสงฆ์วังน้อย” ในปี พ.ศ. 2516 ได้ก่อสร้างหอสวดมนต์ อาคารเรียน
หอพัก และโรงครัว ด้วยไม้เบญจพรรณ ฝากั้นด้วยหญ้าแฝกหลังคามุงด้วยหญ้าแฝก ได้ใช้มาเป็น
ระยะเวลา 3 ปีกห็ มดสภาพ

วัดชูจิตธรรมาราม เป็นวัดที่มีความสำคัญ เพราะเป็นวัดที่ประชาชนใช้เป็นที่จัดงานตาม
วัฒนธรรมประเพณีประจำปี และเป็นสถานศึกษาสำหรับพระภิกษสุ ามเณรและประชาชนทวั่ ไปได้ศึกษา
เล่าเรยี นจนถงึ ระดบั ปริญญาตรี

ภาพ วดั ชจู ิตธรรมมาราม ที่มา : tiger's nest

รายวิชาอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 196


Click to View FlipBook Version