เกยี รตปิ ระวตั ิกรุงศรอี ยุธยาในอดตี
จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในวันนี้ ถือกำเนิดและวิวัฒนาการต่อเนื่องกันมาเป็นเวลายาวนาน
ผ่านการสร้างสรรค์ พัฒนา และประคับประคองกนั มาด้วยพลังกาย พลังใจ หรือแมแ้ ต่เลอื ดเน้อื และชีวิต
ของบุคคลหลายฝา่ ย หลายท่านเป็นลูกอยุธยาโดยกำเนิด ทนี่ อกจากจะสรา้ งคุณงามความดเี พอ่ื จรรโลง
แผ่นดินถิ่นเกิดแล้ว ท่านยังได้สร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศชาติในส่วนอื่นๆ
บางท่านเสียชีวิตไปแล้วหลายท่านยังดำรงชีวิตอยู่ แต่ทุกท่านล้วนเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณให้แก่
เยาวชนชั้นลูกหลานที่จะเดินตามรอยแห่งคุณความดีของท่านสืบไป ควรที่อนุชนชาวอยุธยาจะ
แสดงถึงความกตัญญกู ตเวทีต่อท่าน ดว้ ยการยกยอ่ งประกาศเกียรติคุณให้เป็นที่ปรากฏท่ีนอกจากจะ
เป็นการแสดงความซาบซึ้งถึงพระคุณปูชนียบุคคลเหล่านั้นส่วนหนึ่งแล้ว ยังชี้นำให้อนุชนรุ่นหลัง
ได้ตระหนักได้เข้าใจเห็นในคุณค่าและเจริญรอยตามคุณความดีของท่านสืบไป จึงสมควรกล่าวถึง
บุคคลสำคัญที่มีพระคุณก่อสร้าง ปกปักรักษากรุงศรีอยุธยา และบุคคลสำคัญในท้องถิ่นที่มีส่วนจรรโลง
วัฒนธรรมภมู ิปัญญาทอ้ งถิน่ ให้ปรากฏแก่สายตาของคนทวั่ ไป ดงั น้ี
1. ช่อื และผลงานของบคุ คลสำคัญในจงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา
1.1 บคุ คลสำคัญในอดีต
1.1.1 สมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี ๑ หรอื พระเจา้ อู่ทอง
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทองทรงเป็นปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรอยุธยาผู้ทรง
สถาปนากรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 1893 ในราชวงศ์อู่ทอง ในฐานะพระราชบุตรเขยของ ราชวงศ์แห่ง
สุพรรณบุรีทำให้ ทั้งสองราชวงศ์นี้ได้ร่วมมือกันสถาปนาอาณาจักรอยุธยาให้มีอํานาจสูงสุดในลุ่มน้ำ
เจ้าพระยา-ท่าจนี มาถึง 417 ปี ช่วงเวลา 19 ปีที่พระองค์ครองราชสมบตั ิ ทรงวางระบบการปกครอง
รายวิชาอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 115
และกฎหมายเปน็ ฐานรากแห่งความมน่ั คงของราชอาณาจักร และยังแผพ่ ระบารมีออกไปทางตะวันออก
โดยโปรดให้ พระราชโอรสคอื สมเด็จพระราเมศวร ไปตีกมั พูชาแต่เกิดเพล่ยี งพลำ้ ต้องทูลเชญิ ขุนหลวงพะ
งั่วผู้เป็นพี่ของพระมเหสีไปช่วยแก้การทัพให้พระราเมศวร ครั้นสิ้นรัชกาลพระราชบิดาสมเด็จ
พระราเมศวรจึงต้องสละราชบัลลังก์ยกราชสมบัติให้พระปิตุลาทั้งที่ทรงครองราชย์ได้ เพียงปีเดียว
จากนั้น 18 ปีก็เกิดศึกสายเลือดสำเร็จโทษพระเจ้าทองลันรัชทายาทของสมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี1
(ขุนหลวงพะงั่ว) และจบราชวงศ์อู่ทองลงที่พระรามราชาธิราชทรงถูกถอดจากราชสมบัติ แม้เวลาของ
ราชวงศ์อู่ทองจะมีเพยี ง 40 ปี แตส่ ิ่งทสี่ มเด็จพระเจา้ อู่ทองทรงฝากไว้ในแผน่ ดินคือชัยภูมิทีต้ังราชธานี
สยามที่เอื้ออำนวยความสุขสมบูรณ์ด้วยความมั่งคั่งทางการค้า แก่กรุงศรีอยุธยา ทั้งยังได้ส่งผ่าน
วัฒนธรรมและภูมิปัญญามาจนถึงยุคปัจจุบันในหลายด้าน ทั้งการพระพุทธศาสนา วัดในรัชสมัยของ
พระองค์คือวัดพุทไธศวรรย์ วัดใหญ่ชัยมงคลก็ยังคงเป็นวัดที่มีชีวิตมีคนรู้จัก งานศิลปกรรมที่
หลงเหลือในพระราชวังที่ต่อมาคือวัดพระศรีสรรเพชญ์ ด้านวรรณกรรม คือลิลิตโองการแช่งน้ำใน
พระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาซึ่งใช้คำที่ล้วนให้ความหมายอันลึกซึ้งและเป็นกระจกส่องภาษาในยุคนัน้
ว่าใช้ถ้อยสำนวนอย่างไร แม้พระบรมรูปหล่อของพระองค์ก็ยังประดิษฐานในมหาปราสาทในวัด
พระศรีรตั นศาสดารามเป็นพระเทพบดิ รที่คนไทยทกุ คนยังกราบไหวร้ ำลกึ ถึงสบื ไป
(ปรบั ปรุงจากwww.ayutthayastudies.aru.ac.th. สืบค้น เม่อื 28เมษายน 2558)
รายวิชาอยุธยาศกึ ษา สค03128 116
1.1.2. สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ
สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระบรม ราชาธิราชที่ 2
(เจ้าสามพระยา) กับพระนางสาขาพระราชธิดาของพระมหาธรรมราชาที่ 2 แห่งสุโขทัย ทรงประสูติ
กลางท่ีประชุมทพั ในทุ่งพระอุทยั (ทงุ่ หันตรา) ขณะพระราชบิดาเสดจ็ ไปตีกัมพูชา
พระราชกรณียกจิ ที่สำคญั
1. การผนวกอาณาจักรสุโขทัยเข้ากับอยุธยาเมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงโปรดให้
พระราชมารดา ของพระองค์ ปกครองเมืองพิษณุโลกแทนพระยายุทธิษเฐียรพระญาติที่ไปหันไป
สวามิภักดิ์กับพระเจ้าติโลกราชแห่งล้านนา ต่อมาพระราชมารดาสิ้นพระชนม์ลง สมเด็จ
พระบรมไตรโลกนาถจึงเสด็จไปประทับที่พิษณุโลกเป็นการถาวรเพราะขณะนั้นพระเจ้าติโลกราช
แห่งล้านนาก็ต้องการพิษณุโลกสุโขทัยไว้ในอำนาจ อาณาจักสุโขทัยจึงถูกผนวกอยู่ในการปกครองของ
กรงุ ศรีอยธุ ยามาแตน่ ้ัน
รายวชิ าอยุธยาศึกษา สค03128 117
2. ดา้ นการปฏิรปู การปกครอง สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถมีพระประสงคท์ ่ีจะดึงอำนาจเข้าสู่
ศูนย์กลางหรอื ราชธานี จึงลดบทบาทของเจา้ นายลงและเพ่ิมอำนาจให้ขนุ นาง เพื่อป้องกันการแยง่ ชงิ
อำนาจจากเชอ้ื พระวงศ์ เช่น ลดฐานะเมอื งลูกหลวง เมอื งหลานหลวงลงเปน็ เมืองชั้นจตั วาและส่งขุนนาง
ไปปกครองแทนเจ้านาย มีการแยกฝ่ายทหารและพลเรือน โดยใช้ขุนนางตำแหน่ง สมุหพระกลาโหม
ดูแลกิจการฝ่ายทหาร สมุหนายกดูแลกิจการฝ่ายพลเรือนทั่วราชอาณาจักร ทรงตรากฎมนเทียรบาล
ขน้ึ เพือ่ ความมน่ั คงของสถาบันกษัตริย์ นอกจากนย้ี งั ทรงตราพระราชกำหนดศักดนิ า ได้แก่
พระอยั การตำแหนง่ นาพลเรอื นและพระอัยการตำแหน่ง นายทหาร หัวเมือง พ.ศ. 1998
เพื่อประโยชน์ในการลำดับชั้นของบุคคลว่ามีศักดิ์ สิทธิ์ และอำนาจหน้าที่ต่างกันอย่างไร เป็นการจัด
ระเบียบการปกครองให้ มแี บบแผนรัดกุมกวา่ เดิม เป็นแกน่ แกนของแบบแผนการปกครองบ้านเมืองมา
จนเปลี่ยนแปลงการปกครอง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถประทับที่เมืองพิษณุโลกเป็นเวลา 25
ปี เพอ่ื ดูแลหัวเมืองฝา่ ยเหนือและเพื่อความสะดวกในการป้องกนั การรุกรานของล้านนา ในระยะนี้อาจ
ถือว่าเมืองพิษณุโลกมีฐานะเป็นราชธานีของอาณาจักรอยุธยาก็ได้ ในขณะที่สมเด็จพระบรม
ราชาธิราชที่ ๓ ทรงรั้งเมืองแทนพระราชบิดาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา จนสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สวรรคตลงใน พ.ศ.2031 ทรงอยู่ในราชสมบัติ 40 ปี นับว่านานที่สุดในบรรดากษัตริย์อยุธยาทุก
พระองค์ (https://sites.google.com . สบื ค้นเมอื่ 28 เมษายน 2558)
รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 118
1.1.3 สมเดจ็ พระสุรโิ ยทัย
สมเดจ็ พระสุริโยทัย
พระนามของสมเด็จพระสุริโยทัยมีความหมายว่าเวลารุ่งอรุณ ทำให้มีผู้สันนิษฐานว่าทรงมีเชือ้
สายราชวงศ์พระร่วงเมืองสุโขทัยพระร่วงหมายถึงรุ่งโรจน์ และรุ่งเช้าเช่นกัน เมื่อเหล่าขุนนาง
กำจัดขุนวรวงศาได้แล้วก็ถวายราชสมบัติให้แก่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งขึ้นครองราชย์ได้เพียง 7
เดือนในต้นปีพ.ศ.2091 พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้และมหาอุปราชาบุเรงนองก็ยกกองทัพเข้ามาทางด่าน
เจดยี ์สามองค์ เมอื งกาญจนบุรี เพอื่ ทำสงครามกบั กรุงศรอี ยุธยาเป็นคร้ังแรก ขา้ ศกึ ต้ังคา่ ยล้อม
พระนครไว้ทุกทิศ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงเสด็จออกหยั่งกำลังข้าศึกโดยมีพระมเหสีพระราชบุตร
ทรงชา้ งตามเสดจ็ เม่ือทพั ฝา่ ยกรุงศรอี ยุธยาปะทะกบั กองหน้าขา้ ศึกคอื ทัพพระเจ้าแปรแม่ทัพท้ังสองฝ่าย
ก็ไสช้างเข้าต่อรบกนั แต่ช้างทรงพระมหาจักรพรรดเิ ลก็ กว่าจงึ ตน่ื หนีไม่อาจร้ังไว้ได้ สมเด็จพระสุริโยทัย
จึงรีบไสพลายทรงสุริยกษัตริย์ เข้าขวางหน้าพระเจ้าแปรที่กำลังไสช้างรุกไล่ ด้วยทรงเกรงว่า สมเด็จ
พระมหาจักรพรรดิ พระราชสวามี จะเป็นอันตราย ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงต่อเอกราชของบ้านเมือง
จนถูกพระแสงของา้ วฟันพระองั สาขาดสะพายแล่งสนิ้ พระชนม์อยบู่ นคอช้าง เมือ่ วนั อาทติ ย์ ข้นึ 6 ค่ำ
เดอื น 4 จ.ศ. 910 ตรงกบั 3 กุมภาพนั ธ์ 2092 ส่วนพระบรมดลิ กพระราชธิดาที่โดยเสด็จ (สันนษิ ฐาน
ว่าเป็นกลางช้างให้พระราชมารดา) พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนติ ิก์ ล่าวว่า
สิ้นพระชนม์ในการรบนี้ด้วย พระราชโอรสที่ตามเสด็จคือพระราเมศวรและพระมหินทร์ จึงเข้ากันพระ
ศพออกจากที่รบ เมื่อสงครามยุติลง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ทรงปลงพระศพพระสุริโยทัยและ
สถาปนาสถานที่ปลงพระศพขึ้นเป็นวัดสวนหลวงสบสวรรค์ ต่อมาพระเจดีย์ประธานของวัดได้รับ
พระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั รชั กาลท่ี 6 วา่ พระเจดีย์ศรีสุริโยทยั ต่อมาได้มีการ
สรา้ งพระบรมราชานสุ าวรีย์ ของพระองค์ท่ที ุ่งมะขามหย่องอันเปน็ ภูมสิ ถานที่ทรงสละพระชนม์ชีพ และ
ยังสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญใ่ นบริเวณโดยรอบเพื่อให้เกิดประโยชนด์ ้านชลประทานแก่เกษตรกร และ
เป็นพื้นที่รองรับน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัยให้บ้านเมืองเพื่อเป็นเกียรติยศยิ่งดั งพระวีรกรรมของสมเด็จ
พระสรุ โิ ยทยั ท่ที รงดบั เหตุหายนะลงไดใ้ นครงั้ นัน้
(https://sites.google.com . สืบค้นเม่อื 28 เมษายน 2558
รายวิชาอยุธยาศกึ ษา สค03128 119
1.1.4. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือสมเดจ็ พระสรรเพชญ์ท่ี 2 หรือพระองค์ดำ เป็นพระราชโอรส
ในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตรี ทรงประสูติเมื่อพ.ศ.2098 ที่พระราชวังจันทน์
เมอื งพิษณุโลก มพี ระเชษฐภคนิ คี อื พระสุพรรณกัลยาหรอื พระสวุ รรณเทวี (พระองค์ทอง)พระอนุชาคือ
สมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) ทรงเป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระสุริโยทัย พระนามของ
พระองคท์ ปี่ รากฏในเอกสารฝา่ ยพม่าเรยี กวา่ พระนเรสส, สว่ นพระนาม นเรศวร สันนิษฐานในเบือ้ งต้น
ว่ามาจากการบันทึกพระนาม”สมเด็จพระนเรศ วรราชาธิราช” แต่เว้นวรรคตอนเป็น “สมเด็จ
พระนเรศวร ราชาธิราช” ก็อาจเป็นได้ พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันท่ี 29 กรกฎาคม พ.ศ.
2133 ครองราชสมบตั ิ 15 ปี เสด็จสวรรคตเมือ่ 25 เมษายน 2148 รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา
นับตั้งแต่สมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสรภาพที่เมืองแครงเมือ่ พ.ศ.2127 แล้ว พม่าได้เพียร
ส่งกองทัพเข้ามาหลายครั้ง แต่ก็ถูกกองทัพไทยตีแตกพ่ายไปทุกครั้ง ความสำคัญยิ่งใหญ่ในกอบกู้
รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 120
อสิ รภาพจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครัง้ แรกเกิดจากนำ้ พระทัยอันกล้าหาญมุ่งประโยชน์ชาติด้วยพระราช
ปณิธานสูงสุด ภายหลังการเสด็จกลับมาจากหงสาวดีก็ไม่เคยทรงมีความสุขสบายในพระราชวังได้
ยาวนานดังพระมหากษตั ริย์พระองค์อืน่ ๆ แต่ทรงตรากตรำพระวรกายอยู่ในสมรภูมไิ ม่น้อยกว่า 35 ปี
แม้จนวันสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพก็เสด็จสวรรคตอยู่ท่ามกลางกองทัพ พระวีรกรรมในการยุทธหัตถี
เม่อื 18 มกราคม พ.ศ.2135 ได้ปกป้องคุ้มครองให้กรุงศรีอยุธยาอยู่เป็นสุขปราศจากศึกศัตรูเป็นเวลาถึง
168 ปี โดยก่อนหน้านั้นได้ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทย ออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาลกว่า
ยุคสมัยใดสมควรแก่พระนามสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่คนไทยพร้อมกันถวายแก่พระองค์ด้วยความ
กตญั ญูยิง่ (www.wikipedia.org/wiki/.สืบคน้ เมือ่ 28 เมษายน 2558)
รายวิชาอยุธยาศกึ ษา สค03128 121
1.1.5. สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช
https://www.google.co.th/
สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประสูติเมื่อวันจันทร์ เดือนยี่ ปีวอก พ.ศ. 2175 เป็นพระราช
โอรสในสมเดจ็ พระเจ้าปราสาททอง พระขนิษฐารว่ มพระมารดาคือพระราชกลั ยาณีเจา้ ฟ้าศรีสุพรรณ
กรมหลวงโยธาทิพ
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๓ พระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา
พระองค์ที่ 27 ราชวงศ์ปราสาททอง ทรงมีพระปรีชาสามารถ ทั้งในด้านการปกครอง ด้านการทหาร
การทูต และด้านศิลปะ วรรณกรรม ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองกรุงศรีอยุธยาเริ่ม
ถูกฮอลันดาบีบคั้นทางการค้าเกิดพิพาทกันอยู่บ่อยๆ ครั้งถึงแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ทรงเล็งเห็นอันตรายท่ีกำลังผจญอยู่ในขณะนั้น จึงทรงดำเนินนโยบายอย่างสุขุม เพื่อรอดพ้นเงื้อมมือ
รายวิชาอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 122
ฮอลันดาทรงใช้หลักการคานอำนาจ เปิดสัมพันธไมตรีทางการทตู กับประเทศฝรั่งเศส แต่ พระราช
วเิ ทโศบายน้ีก็มีทั้งผลดีและผลร้าย ผลดีคอื สามารถยับยั้งมิให้ฮอลันดากลา้ ทำรนุ แรงต่อไทย และผลร้าย
ก็คือ กรงุ ศรอี ยุธยาเกือบตกเปน็ เมอื งข้ึนของฝรั่งเศสดว้ ยอุบายของออกญาวิชาเยนทร และการจลาจลใน
ปลายรัชกาล แต่รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณม์ หาราชก็ได้รับการยกยอ่ งวา่ การวิเทศสัมพันธ์และ
การพาณิชย์ต่างประเทศเจริญมากที่สุด และพระราชกรณียกิจข้อนี้ยังกลายเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยที่
สยามนำมาใช้อีกครั้งในเหตุการณ์สมัยรัชกาลที่5 แต่เปลี่ยนตัวละครจากฮอลันดามาเป็นฝรั่งเศสและ
พระสหายที่เข้ามาช่วยเป็นกันชนกลายมาเป็นพระเจ้าซาร์แห่งรัสเชียแทนพระเจ้าหลุยส์ที่๑๔แห่ง
ฝร่ังเศส
สมเด็จพระนารายณม์ หาราชเป็นพระมหากษตั ริย์ทีท่ รงพระปรีชาสามารถอยา่ งยิง่ ทรงได้รับการ
ถวายคำว่ามหาราชต่อท้ายพระนามเพราะ ทรงสร้างความรุง่ เรือง และความยิ่งใหญ่ใหแ้ ก่กรุงศรีอยธุ ยา
โดยทรงรบชนะเชียงใหม่ และหัวเมืองพม่าอีกหลายเมืองกำลังสำคัญที่ทำให้สมเด็จพระนารายณ์น้ัน
สามารถยึดหัวเมอื งของพม่าได้คอื เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก)บุตรชายใหญ่ของพระนมเอกคือ”เจ้าแม่
วัดดสุ ติ ”และบุตรชายคนรองคอื โกษาธิบด(ี ปาน)ซึง่ เป็นเอกอัครราชราชทูตไปเข้าเฝา้ พระเจา้ หลยุ สท์ ่ี 14
พระองคเ์ สดจ็ สวรรคตเมอื่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ณ พระทีน่ ั่งสทุ ธาสวรรย์ พระนารายณ์
ราชนเิ วศน์ จังหวดั ลพบรุ ี รวมครองราชสมบตั ิเปน็ เวลา 32 ปี มพี ระชนมายุ 56 พรรษา งานแผ่นดนิ
สมเด็จพระนารายณ์ทช่ี าวลพบรุ จี ัดข้ึนเพ่ือรำลึกถงึ พระองค์มาโดยตอ่ เน่ืองจึงเป็นส่งิ น่าประทบั ใจ
อย่างย่ิงที่คนไทยได้มโี อกาสสมั ผสั ในทกุ ปี
(ปรับปรงุ จากwww.wikipedia.org/wiki/.สืบคน้ เม่ือ 28 เมษายน 2558
รายวชิ าอยธุ ยาศึกษา สค03128 123
1.1.6. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
http://pantip.com/topic/32985240
สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราช
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4
(จีน: 鄭昭; พินอิน: Zhèng Zhāo; แต้จิ๋ว: Dênchaog) เจิ้งเจา หรือ มีพระนามเดิมว่า สิน
พระราชบดิ าเปน็ ชาวจนี แต้จวิ๋ แซ่แต้ ไดส้ มรสกบั หญิงไทยช่ือ นกเอย้ี ง ภายหลงั เป็นกรมพระเทพามาตย์
เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในสมัยกรุงธนบุรีหรือกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร ทรงปราบดาภิเษก
เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2310 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6
เมษายน พ.ศ. 2325 เมื่อมีพระชนมายุได้ 48 พรรษา ทรงอยู่ในราชสมบัติ 15 ปี พระราชโอรส
พระราชธิดา รวมทัง้ สิ้น 30 พระองค์
พระราชกรณียกิจที่สำคัญในรัชสมัยของพระองค์ คือ การกอบกู้เอกราชจากพม่าภายหลังการ
เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง โดยเข้าโจมตีมอญพม่าที่ยังควบคุมกรุงศรีอยุธยาอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น
ทั้งสองฟากน้ำจนค่ายแตก สุกี้พระนายกองนายค่ายตาย เมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2310 จากนั้น
พระองค์ต้องทรงสู้รบเพื่อรวบรวมแผ่นดินที่แตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าให้กลับมาเป็นปึกแผ่น ไปพร้อม
กับการทำสงครามปอ้ งกันบา้ นเมืองที่ข้าศึกยังเพียรพยายามยกเข้ามารกุ รานอยู่อย่างต่อเนือ่ งแมแ้ ต่พระ
ราชมารดากำลังประชวรหนัก ก็ยังต้องละไปเพื่อเสด็จออกนำทัพไม่ได้อยู่ดูแลพยาบาลในวาระสดุ ท้าย
รายวิชาอยธุ ยาศึกษา สค03128 124
พระองค์ทรงใช้เวลาตลอดรชั กาลขยายพระราชอาณาจกั รเขตออกไปอย่างกว้างขวาง เพอื่ ให้ม่ันพระทัย
ได้วา่ บ้านเมืองจะมเี สถียรภาพและความม่นั คงอยา่ งแท้จริง พระองค์ยงั ทรงมุ่งมั่นที่จะฟ้ืนฟูประเทศ
ในด้านอื่นๆ ที่ได้ล่มสลายย่อยยับลงหลังการเสียกรุงให้คืนสู่สภาพปกติ จึงทรงส่งเสริมทางด้าน
เศรษฐกิจ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม วรรณกรรม และการศึกษาและยังทรงลงมือทำด้วยพระองค์เองด้วย
เนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อแผ่นดินไทยอย่างยิ่งเช่นนี้ จึงได้มีประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคม
ของทุกปีเป็น "วันสมเด็จพระเจา้ ตากสิน" และทรงได้รับสมัญญานามมหาราชต่อท้ายพระนามเพื่อถวาย
พระเกียรติยศสืบไป
(www.wikipedia.org/wiki. สืบคน้ เม่ือ 28 เมษายน 2558)
1.1.7 พระอุบาลีมหาเถระ
พระอุบาลีมหาเถระ เป็นพระราชาคณะฝ่ายอรัญวาสี และเป็นพระธรรมทูตในสมัยสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่ง กรุงศรีอยุธยา ทีเดินทางไปยังประเทศศรีลังกาตามคำร้องขอพระเจ้ากิตตศิ รรี าช
สิงหะแห่งศรีลังกาเพื่อขอพระอุปัชฌาย์และคณะสงฆ์ไปอุปสมบทแก่สามเณรชาวสิงหล เพื่อสืบทอด
พุทธศาสนาในศรีลังกาขณะนั้น อีกทั้งท่านยังเป็นผู้ริเริ่มให้มีการจัดเทศกาลแห่ พระเขี้ยวแก้ว
(เอสาละ เปราเหรา) ในเมืองแคนดี ซึ่งเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงและถือเป็นสัญลักษณ์ของศรีลังกา
สืบมาจนปจั จบุ นั
รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 125
พระอบุ าลีมหาเถระ จงึ สมควรยกยอ่ งและนา่ จดจำในความกลา้ หาญทท่ี ่านไดเ้ ดนิ ทางฝ่าคลนื่ ลมไปยังศรี
ลังกาแม้ต้องประสบกับอันตรายเกือบถึงแก่ชีวิตเพราะเรือแตกกลางทาง แต่ท่านก็มิได้ย่อท้อที่จะ
เสยี สละความสุขทั้งปวงเพื่อผดุงพระพุทธศาสนาให้สถาพรแม้ในดินแดนที่ไม่ใช่มาตุภูมทิ ี่มีโรคภัยสารพัด
และความเป็นอยู่ที่ไม่คุ้นเคย จนถึงแก่มรณภาพอยู่ที่ศรีลังกานั้น นับว่าเป็นพระธรรมทูต ท่ี
ยง่ิ ใหญท่ สี่ ุดในประวตั ศิ าสตร์ไทย
พระอุบาลมี หาเถระ เมอื่ แรกไดพ้ ำนักอยู่ที่วดั ธรรมาราม ซงึ่ เป็นวัดเลก็ ๆ มอี าณาเขตทิศเหนือ อยู่ติดกับ
วัดท่าการอ้ ง ทศิ ใตอ้ ยตู่ ดิ กับวดั กษตั ราธริ าช ตำบลบ้านปอ้ ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา
มรณภาพที่ศรีลังกา
พระอุบาลีมหาเถระ มรณภาพด้วยโรคหูอักเสบระหว่างรอสมณทูตคณะที่๒ไปผลัดเปลี่ยน ภายในกุฏิ
วัดบปุ ผาราม (มัลวัตตวิหาร) เมอ่ื ปี พ.ศ. 2299 พระเจา้ แผ่นดนิ ศรีลังกาใหจ้ ัดพธิ ีถวาย เพลิงศพอยา่ ง
ยิ่งใหญ่ที่สุสานหลวง วัดอัศคิริยะเคดิเควิหาร เมืองกัณฏี และได้สร้างเจดีย์บนยอดเขาใกล้วัดนั้นเพ่ือ
บรรจุอัฏฐิของท่านที่ปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ กุฏิของท่านก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีด้วยความ
เคารพบูชาอย่างสงู ยงิ่ และศรลี ังกายังได้อนุเคราะห์ในการสร้างพิพธิ ภัณฑ์พระอุบาลีมหาเถระท่ีวัดธรรมา
รามของฝ่ายสยามโดยมอบรูปจำลองไม้จำหลักของพระอุบาลมี หาเถระและส่ิงจำลองอัฏฐะบรขิ ารมาจดั
แสดงทพี่ ิพธิ ภัณฑ์แห่งน้ีเพ่ือเปน็ เครื่องหมายของความผูกพันระหว่างลังกาวงศ์ และสยามวงศ์
ท่จี ะเจริญอยใู่ นดวงใจของพทุ ธศาสนิกชนของทงั้ สองประเทศสืบต่อไป
มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย สบื ค้นเมอ่ื วนั ที่ 19 พฤษภาคม 2558
(http://www.mcu.ac.th/site/articlecontent_desc.php?article_id=323&articlegroup_id=81)
รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 126
1.1.8 สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก(วาสน์ วาสโน)
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน)
เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 18 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราช
วรวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2517 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
อดุลยเดช ทรงอยู่ในตำแหน่ง 14 พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2531 พระชนมายุ
91 พรรษา
พระองคม์ ีพระนามเดิมว่า มทั รี นิลประภา ภายหลงั เปลย่ี นพระนามเป็น วาสน์ ประสูติเม่ือวันท่ี
2 มีนาคม พ.ศ. 2440 ที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระองค์ได้บรรพชา ณ วัดราช
บพิธสถิตมหาสีมาราม เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2455 โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวร
สิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เมื่อดำรงพระยศเป็นกรมหมื่น เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยมุนี
(แปลก วุฑฺฒิญาโณ) เป็นพระศีลาจารย์ แล้วอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2461
โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัย
มุนี (แปลก วุฑฺฒิญาโณ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระญาณดิลก (รอด วราสโย) วัดเสนาสนาราม
พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "วาสโน" เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษา
พระปริยัตธิ รรมตามลำดับและสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค
งานเผยแผศ่ าสนธรรม นบั วา่ เปน็ งานหลักทีท่ รงกระทำเป็นพื้นฐานอยา่ งตอ่ เนอ่ื งในรูปแบบต่าง ๆ
กล่าวคือ การสังคายนาพระธรรมวินัย ตรวจชำระพระไตรปิฎก ในสมัยสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี
นับเปน็ ครง้ั ท่ี 3 ของประเทศไทย
รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 127
การบรรยายธรรม ได้จัดให้มีพระธรรมเทศนาประจำวันธรรมสวนะในพระอุโบสถเป็นประจำ
การบรรยายสวดมนต์มคี ำนำแปล ณ สถานีวิทยกุ ระจายเสียงแห่งประเทศไทย ประจำวันพระแรม 8 ค่ำ
ตง้ั แต่ปี พ.ศ. 2498 ถึง พ.ศ. 2517
งานสาธารณปู การ การตัง้ มูลนิธิต่างๆ เพือ่ บำรงุ พระอาราม ทรงสร้างและใหค้ วามอปุ ถัมภ์ในการ
สร้างวัด โรงเรียน โรงพยาบาล และสาธารณสถานต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เช่น วัดแสงธรรมสุทธาราม
จังหวัดนครสวรรค์ วัดโพธิ์ทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาคารเรียนโรงเรียนประชาบาลวัดสระ
กระเทียม นครปฐม โรงเรียนประชาบาลวัดโพธิ์ทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โรงพยาบาลสมเด็จ
พระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศาลาบำเพ็ญบญุ วดั เสนาสนาราม หอนาฬิกา
จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา ศาลาที่พักริมทางหลวง 8 แห่ง ศาลาทรงไทยหน้าพระวิหารพระมงคลบพิตร
2 หลัง และสถานสงเคราะห์คนชราวาสนเวศน์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิ่งก่อสร้างสุดท้ายคือ
โรงเรียนวัดราชบพิธแห่งใหม่ ในที่ดินท่ีกองทัพบกยกให้ เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 90 พรรษา
งานสร้างพุทธมณฑล ให้สำเร็จเสร็จทันในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญ
พระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2530 เปน็ ผลงานสำคัญของพระองค์ทเ่ี ร่ิมต้ังแตป่ ี พ.ศ. 2521
งานพระนิพนธ์ ทรงนิพนธ์หนังสือและบทความต่าง ๆ ทั้ง ร้อยแก้ว และร้อยกรองไว้เป็นจำนวน
มาก เช่น ทิศ 6 สังคหวัตถุ 4 สัมปรายกิ ัตถประโยชน์ วัดของบ้าน พุทธศาสนคุณ พัฒนาใจ บุคคลหาได้
ยาก มรดกชีวิต ความเติบโต วาสนาสอนน้อง จดหมายถึงพ่อ วาทแห่งวาสน์ คำกลอนสอนใจ วาสนคติ
นิราศ 2 ปี สวนดอกสร้อย สักวาปฏิทิน กลอนปฏิทิน อาจารย์ดี สมพรปาก คน-ระฆัง เรือ-สมาคม
วยั ทีเ่ ขาหมดสงสาร และบทความเร่ืองบนั ทกึ ศุภาสนิ ี เปน็ ตน้
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน)
สิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคปับผาสะอักเสบ พระหทัยวาย ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม
พ.ศ. 2531 เวลา 16:50 น. สำนักนายกรัฐมนตรีได้ประกาศถวายความอาลัยโดยให้สถานที่ราชการทุก
แห่งลดธงลงคร่ึงเสาเปน็ เวลา 3 วัน และข้าราชการไว้ทุกข์เป็นเวลา 15 วัน ได้รับพระราชทานเพลิงศพ
เมอื่ วันเสาร์ที่ 18 มนี าคม 2532 ณ พระเมรุวัดเทพศริ ินทราวาส
(คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิม
พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์ และ
ภมู ปิ ัญญา จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา ; 2542 : 199)
รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 128
1.1.9. สมเดจ็ พระมหาธรี าจารย์ (นยิ ม ฐานสิ สฺ โร)
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) กรรมการมหาเถรสมาคม, เจ้าคณะใหญ่
หนกลาง และเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ แม้จะดูเป็นพระมหา
เถระที่เครง่ ขรึม พูดจาตรงไปตรงมา แต่ดว้ ยวตั รปฏิบตั อิ ันงดงามของทา่ น มิเคยสกั ครง้ั ท่ีจะทำให้ศรัทธา
สาธชุ นถดถอยลง ยงิ่ เม่อื ได้สนทนาใกลช้ ดิ แลว้ จะได้รบั รู้และสัมผสั ถงึ ความเมตตา ต่างประทับใจในวัตร
ปฏิบัติแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ทุกคนที่ได้เคารพกราบไหว้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ มีนามเดิมว่า นิยม
จันทนินทร เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2466 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 3 ปีกุน ณ บ้าน
ทา่ หนิ ตำบลธนู อำเภออุทยั จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา โยมบดิ าช่อื นายโหรง่ จันทนนิ ทร โยมมารดา
ชื่อ นางฮ่มิ จนั ทนนิ ทร
การศกึ ษาเบื้องตน้
เมื่ออายุได้ 7 ขวบ เรียนหนังสือวัด ประถม ก กา และมูลบทบรรพกิจ ในสำนักเจ้าอธิการอุ่น
วดั หันตรา ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยธุ ยา จนจบชน้ั ประถมปีที่ 4 อายุ 13 ปี โยม
บิดา ได้นำไปฝากเรียนนักธรรมบาลี ณ สำนักเรียนวัดตองปุ ตำบลบ้านเกาะ อำเภอ
พระนครศรีอยธุ ยา จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
รายวชิ าอยธุ ยาศึกษา สค03128 129
การบรรพชาและอุปสมบท
ต่อมา อายุได้ 14 ปี โยมบิดาได้นำไปบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดกระสังข์ ต.ธนู อ.อุทัย
จ.พระนครศรอี ยธุ ยา เม่อื วนั ที่ 28 มถิ นุ ายน พ.ศ.2479 โดยมีพระเทพวงศาจารย์ (ขณะดำรงสมณศักดิ์ท่ี
พระครูโบราณคณิสสร) วัดตองปุ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นอายุครบ 22 ปีบริบูรณ์
ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดพระญาติการาม ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.
พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2487 โดยมีพระเทพวงศาจารย์ (ขณะดำรงสมณศักดิ์ท่ี
พระโบราณคณิสสร) วัดพนัญเชิง ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระ
อุปัชฌาย์, พระครูสาธุกิจการี (ขม) วัดประดู่ทรงธรรม ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.
พระนครศรีอยุธยา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูอุทัยคณารักษ์ (ใหญ่ ติณณสุวัณโณ) วัดสะแก
ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “ฐานิสฺสโร” มี
ความหมายว่า “ผู้มฐี านะอันยงิ่ ใหญ่”
ท่านเจา้ ประคุณสมเดจ็ ฯ เปน็ พระมหาเถระท่ใี ฝ่ศึกษาเลา่ เรยี นพระปริยัติธรรมอย่างยิ่งยวด
เมื่อปี พ.ศ.2486 สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก ในสำนักเรียนวัดราชบูรณะ และปี พ.ศ.2498
จบเปรียญธรรม 9 ประโยค ในสำนักเรียนวัดสระเกศฯ ถือเป็นสหายธรรมศิษย์รุ่นพี่รุ่นน้องกับ สมเด็จ
พระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศฯ กรุงเทพฯ และ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
(ชว่ ง วรปญุ ฺโญ) วัดปากน้ำภาษีเจรญิ กรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2535 เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 65
พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชา
คณะชั้นสุพรรณบัฏที่ “สมเด็จพระมหาธีราจารย์ พรหมวิหารวราธิมุต วิสุทธศีลาจารนิวิฐ พิพิธ
กิจจานุกิจโกศล วิมลหิตานุหิตดิลก ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี”
อันมีความหมายเป็นมงคลนามว่า “ครูผู้เป็นมหาปราชญ์”สืบค้นวันที่ 19 พฤษภาคม
2558http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10703 ลานธรรมจักร
รายวิชาอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 130
1.1.10 ปรีดี พนมยงค์
ปรีดี พนมยงค์
ประวตั ิ
จากประวัตินายกรฐั มนตรีไทยท่กี ล่าวไว้ว่านายปรดี ี พนมยงค์
เกดิ เมื่อวนั ท่ี 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2443
ตำบลท่าวาสกุ รี อำเภอกรุงเก่า จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา
เปน็ บตุ รของนายเสียง กับ นางลูกจนั ทร์ พนมยงค์
สมรสกบั ทา่ นผูห้ ญงิ พูนสขุ พนมยงค์
ถึงแก่อสัญกรรมดว้ ยโรคหัวใจวาย ท่ีบา้ นพักชานกรุงปารีส
เมื่อวนั ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 รวมอายุได้ 83 ปี
การศึกษา
- พ.ศ. 2463 ศึกษาวิชากฏหมายท่ีประเทศฝร่ังเศส มหาวิทยาลัยกอง (Lycee Caen)
- ได้รับปรญิ ญาทางกฏหมายและได้ "ลิซองซิเอ ทางกฏหมาย"
- ได้ดุษฎีบณั ฑิตทางกฏหมาย (Docteur en Droit) ฝ่ายเนตศิ าสตร์ จากมหาวทิ ยาลัยปารีส
- ไดร้ ับเลือกเปน็ สภานายกแห่งสมาคมนักเรยี นไทยในประเทศฝรง่ั เศส
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมยั ท่ี 1 : คณะรฐั มนตรี คณะที่ 15 : 24 มีนาคม พ.ศ. 2489 - 8 มถิ ุนายน
พ.ศ. 2489
รายวิชาอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 131
สมัยท่ี 2 : คณะรฐั มนตรี คณะที่ 16 : 11 มิถุนายน พ.ศ. 2489 - 21 สงิ หาคม
พ.ศ. 2489
ประวัตกิ ารทำงาน
- พ.ศ. 2469 เข้ารับราชการเป็นผพู้ พิ ากษาในกระทรวงยุตธิ รรม
- เลขานุการกรมร่างกฏหมาย
- อาจารยส์ อนกฏหมายปกครองในโรงเรียนกฏหมาย
- ได้รับพระราชทานบรรดาศักด์ิอำมาตยต์ รีหลวงประดษิ ฐ์มนูธรรม แต่ต่อมาไดถ้ วายคืน
บรรดาศกั ดิ์
- พ.ศ. 2472 เป็นบุคคลสำคญั ในการก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
- พ.ศ. 2475 ไดร้ ับมอบหมายใหเ้ ปน็ ผรู้ า่ งรฐั ธรรมนญู ชั่วคราว
- ได้ก่อตง้ั มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์และการเมืองและดำรงตำแหน่งผู้ประศาสน์การของ
มหาวทิ ยาลัยแห่งนี้เป็นคนแรก
บทบาททางการเมือง :
- พ.ศ. 2476 เป็นรัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยในรฐั บาลของพนั เอก พระยาพหลพล
พยหุ เสนา
- พ.ศ. 2481 ท่านในฐานะรัฐมนตรคี ลงั ได้ริเริ่มและชว่ ยผลักดนั การก่อตง้ั ธนาคารแห่งชาตหิ รือ
ปจั จบุ นั
คือธนาคารแหง่ ประเทศไทย
- พ.ศ. 2484 ในขณะทีเ่ กิดสงครามมหาเอเชียบรู พา และได้รับการแต่งตัง้ ใหเ้ ป็นผู้สำเรจ็ ราชการ
แทนพระองค์
- พ.ศ. 2489 เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรคี นท่ี 7
- วันท่ี 21 สิงหาคม 2489 ลาออกจากตำแหน่ง
ผลงานท่ีสำคญั :
- ได้ก่อตัง้ ขบวนการเสรไี ทยในประเทศ ตดิ ตอ่ ประสานงานกับขบวนการเสรไี ทยในประเทศ
ติดต่อประสานงานกับขบวนการเสรไี ทยภายนอกประเทศ ภายใต้การนำของหม่อมราชวงศ์
เสนีย์ ปราโมช จนกระทงั่ สงครามสนิ้ สุดลง ไดร้ ับแต่งต้ังใหเ้ ป็นรัฐบุรุษอาวุโส และร่วมกบั
รัฐบาลหม่อม ราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช
- ดำเนนิ การประกาศว่า การทร่ี ัฐบาลไทยประกาศสงครามกับอเมริกาและองั กฤษเป็นโมฆะ
- ได้หาทางผ่อนคลายสัญญาสมบรู ณ์แบบทผี่ กู มัดไทย เน่ืองจากผลของการแพส้ งคราม
รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 132
จากประวัติข้างต้นประมวลได้ว่าปรีดี พนมยงค์ เกิดในครอบครัวชาวนาอยุธยา ถิ่นฐานอยู่ใกล้
วัดพนมยงค์ ที่คนอยุธยาเชื่อกันว่าบรรพบุรุษข้างบิดาของท่านอาจสืบเชื้อสายมาจากพระนมประยงค์
เปน็ ผู้สรา้ งวดั พนมยงค์(ชอื่ วดั แต่เดิมคงเปน็ วดั พระนมยงค์) ทายาทจงึ ได้ใช้นามสกลุ วา่ "พนมยงค"์ และ
ไดอ้ ุปถมั ภ์วดั น้เี ร่ือยมาจนถึงปจั จุบัน
การได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
จนท่านได้ถวายคืนพระราชอำนาจเนื่องจากทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว และได้รับพระราชทานตำแหน่ง
ร ั ฐ บ ุ ร ุ ษ อ า ว ุ โ ส ใ ห้ เ ป ็ น ก า ร ต อ บ แ ท น ท ี ่ ท ่ า น ถ ว า ย ค ว า ม จ ง รั ก ภ ั ก ด ี แ ล ะ ท ำ ห น ้ า ท ี ่ ด ้ ว ย ด ี ต ล อ ด ม า
นายปรีดี พนมยงค์ ถึงแก่อนิจกรรมทีบ่ ้านชานกรุงปารสี ที่ประเทศฝรัง่ เศสเม่ือ2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526
หลังจากการลี้ภัยการเมืองจากการยึดอำนาจ สิ่งที่ท่านฝากไว้เป็นวาทะข้อคิดคำสอนมีมากมายแต่ที่คน
ไทยควรนำมาไตร่ตรอง เพื่อพาประเทศไปในคลองแห่งประชาธิปไตยที่แท้จริงคือความเข้าใจถึง
ประชาธิปไตยและใช้ความเป็นประชาธิปไตยอย่างถูกต้องคือ“คำว่าประชาธิปไตยนั้น มักจะเข้าใจ
ความหมายกันผิดๆ ประชาธิปไตยแปลว่า ประชาชนเป็นใหญ่ ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบท่ี
ปกครองโดยประชาชน และเพือ่ ประชาชน ประชาธิปไตยท่ีเราเหน็ อยู่นี้ส่วนใหญ่ก็โดยประชาชน แต่ขาด
หลักการ เพื่อประชาชน เพราะพวกชนะเลือกตั้ง มักละทิ้งหลักการเพื่อประชาชนไปเสียกลายเป็นเพื่อ
ตนเองและเพ่ือนพอ้ งไป”
(ปรับปรงุ จากคณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุในคณะกรรมการอำนวยการ
จัดงานเฉลิมพระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์
เอกลกั ษณแ์ ละภูมิปัญญา จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา ; 2542 : 192และ
www.kanzuksa.com/primeMinisterDetail.asp?prime=7)
รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 133
1.1.11 ถวลั ย์ ธำรงนาวาสวสั ดิ์
ถวัลย์ ธำรงนาวาสวสั ดิ์
พลเรือตรีถวลั ย์ ธำรงนาวาสวัสด์ิ เดมิ ช่ือถวัลย์ ธารีสวสั ด์ิ เกดิ เม่ือวนั ท่ี 21 พฤศจิกายน พ.ศ.
2444 ณ ตำบลหวั รอ อำเภอกรงุ เกา่ หรืออำเภอพระนครศรอี ยุธยาในปัจจบุ นั จังหวดั พระนครศรีอยุธยา
เป็นบตุ ร ของนายอู๋ กับ นางเงนิ ธารีสวสั ดิ์ มพี น่ี อ้ งท้งั หมด 5 โดยท่านเปน็ บุตรคนที่ 3
พลเรือตรีถวัลย์เริ่มศึกษาที่โรงเรียนตัวอย่างประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (โรงเรียนอยุธยา
วิทยาลัย) เมื่อปี พ.ศ. 2453 จากนั้นเข้ามาศึกษาในพระนครที่โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ในปี พ.ศ.2460
และโรงเรียนฝึกหัดครูในปี พ.ศ. 2461 แต่สองปีถัดมาเปลี่ยนไปศึกษาต่อที่โรงเรียนนายเรือจนจบ
การศึกษาในปี พ.ศ. 2467 และระหว่างรับราชการที่กองทัพเรือ พลเรือตรีถวัลย์ยังได้ศึกษาวิชา
กฎหมาย โดยใช้เวลานอกราชการเรียนกวดวิชาที่สำนักงานผดุงธรรม จนกระทั่งสำเร็จเป็นเนติบัณฑิต
สยามในปี พ.ศ. 2473
พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือ หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ (21 พฤศจิกายนพ.ศ. 2444 —
3 ธนั วาคม พ.ศ. 2531) นายกรัฐมนตรคี นท่ี 8 ของประเทศไทยในช่วง พ.ศ. 2489 - พ.ศ. 2490
รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 134
พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้เข้าร่วมในการปฏิวัติเปลี่ยนแปลง
การปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 โดยตัดสนิ ใจเป็นสมาชิกคณะราษฎรก่อนการปฏิวัติเพียงวันเดียว จากการ
ชักชวนของ หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) เวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 24 มิถุนายน
พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นวันปฏิวัติ ร.ท.ถวัลย์ ได้มาพบสมาชิกอื่นๆที่ท่าราชวรดิฐที่นัดพบตามแผน
เมอ่ื เปลย่ี นแปลงการปกครองสำเร็จแล้วเหตทุ ี่มีความรู้ดา้ นกฎหมายดีเป็นเนติบัณฑิตจึง ได้รับแต่งต้ังให้
เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 (ส.ส.ประเภทที่ 2) และได้เข้าร่วมในคณะรัฐมนตรี ในสมัย
รัฐบาลของพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา เมื่อปี พ.ศ. 2476 และ พ.ศ. 2477 ภายหลังจาก
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสละราชสมบัติ ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล ให้เป็นหัวหน้า
คณะ เดินทางไปกราบบังคมทูลเชญิ พระวรวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าอานันทมหดิ ล ที่ประทับอยู่ ณ ประเทศ
ส ว ิ ต เ ซ อ ร ์ แ ล น ด ์ เ ส ด ็ จ ข้ึ น ค ร อ ง ร า ช ย ์ เ ป ็ น พ ร ะ ม ห า ก ษ ั ต ร ิ ย์ ใ น พ ร ะ ร า ช ว ง ศ ์ จ ั ก รี
สืบไป ซึ่งมีหลายครั้งที่ท่านได้แสดงความสามารถในการเจรจาและประสบผลสำเร็จจนได้รับฉายาจาก
สื่อมวลชนวา่ “นายกรฐั มนตรลี ิน้ ทอง”
ในปี พ.ศ. 2479 - พ.ศ. 2481 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในสมัยรัฐบาลของ จอมพล แปลก พิบูลสงคราม เป็นรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงยุติธรรม ในสมัยรัฐบาลของ นายปรีดี พนมยงค์ จนเกิดการรัฐประหารในวันที่ 8
พฤศจิกายน. พ.ศ. 2490 ทำให้ท่านต้องเดินทางออกไปลี้ภัยอยู่ที่ฮ่องกงระยะหนึ่ง แล้วจึงกลับมาใช้
ชวี ิตอย่างสงบตัดขาดจากการเมือง จน ถึงแกอ่ สัญกรรมเม่ือวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ณ โรงพยาบาล
พระมงกฎุ เกล้าขณะน้ันอายุได้ 87 ปี
(คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุในคณะกรรมการอำนวยการจั ดงาน
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์
และภูมปิ ญั ญา จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ; 2542 : 194)
1.2 บคุ คลสำคญั ในปัจจุบนั
บุคคลที่มีบทบาทต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากการศึกษาข้อมูลของบุคคลในตำแหน่ง
สำคัญทีมีบทบาทในการกำหนดนโยบายและพฒั นานำจังหวดั พระนครศรีอยุธยาให้กา้ วหน้าในด้านต่างๆ
เช่น ผู้วา่ ราชการจงั หวัด นายอำเภอ สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร รวมท้งั ศิลปินนกั ปราชญ์และภูมปิ ัญญา
ทงั้ หลาย ซึ่งขอยกตัวอยา่ งดงั น้ี
รายวชิ าอยุธยาศึกษา สค03128 135
1.2.1 พระเทพรัตนากร
พระเทพรัตนากร (กตสาโร) อายุ 67 พรรษา 47 วิทยฐานะ นักธรรมเอก เป็นเจ้าอาวาส
วัดพนัญเชิง พระอารามหลวงชั้นโทวรวิหาร และเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นามเดิมชื่อ นพ
ปฎล (แวว) ทรัพย์บุญ เกิด วัน 2 แรม 7 ค่ำ ปีวอก วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 บิดา นายหวาน
ทรัพย์บุญ มารดา นางหนู ทรัพย์บุญ บ้านเลขที่ 10 หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านกลึง อำเภอบางไทร จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา อุปสมบท เมื่อวันที่ 14 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2507 ณ วดั ปอ้ มแก้ว ตำบลบ้านกลึง
อำเภอบางไทร พระอุปัชฌาย์ พระครูประโชติวุฒิกร (โชติ พุทฺธสฺสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดป้อมแก้ว
ตำบลบ้านกลึง อำเภอบางพระกรรมวาจาจารย์ พระครูโกมุทสรคุณ วัดสระบัว กรุงเทพมหานคร
พระอนุสาวนาจารย์ พระครูประโชติธรรมวจิ ิตร (เพิม่ อตตฺ ทีโป) เจา้ อาวาสวัดปอ้ มแกว้ ตำบลบา้ นกลึง
อำเภอบางไทร พ.ศ. 2552 ไดร้ บั พระราชทานเล่ือนสมณศักด์ิ ในวโรกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา
5 ธันวาคม 2552 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ “พระเทพรัตนากร สุนทรศีลาจารสุวิธานศาสนกิจ
มหาคณสิ สรบวรสงั ฆาราม คามวาสี”
รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 136
รางวัลและเกยี รตคิ ุณทไ่ี ด้รบั
พ.ศ. 2537 ได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร ในฐานะผู้บำเพ็ญคุณประโยชน์ต่อ
พระพุทธศาสนา สาขาอนุรักษ์มรดกไทยทางพระพทุ ธศาสนา
พ.ศ. 2546 ได้รับการถวายปริญญาพุทธศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสังคม
สงเคราะห์ศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.
2546
พ.ศ. 2547 ได้รับรางวัล“บุษราคัมมณีศรีราชภัฏ”ประจำปี พ.ศ. 2546 จากทางสถาบันราช
ภัฏพระนครศรีอยุธยา ในฐานะเป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านส่งเสริมการศึกษาวัฒนธรรม
และภูมิปัญญาไทย ได้รับการถวายปริญญากิตติมศักดิ์ ครุศาสตบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา
จากมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนครศรีอยธุ ยา 4 มีนาคม พ.ศ. 2547
พ.ศ. 2549 ได้รับการถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ สาขาวิชาการบริหาร
การศกึ ษา จากมหาวทิ ยาลยั รามคำแหง
พ.ศ. 2552 ได้รับการถวายโล่เกียรติคุณพร้อมเกียรติบัตรและเข็ม “มทร.สุวรรณภูมิ
เกยี รติคณุ ” สาขาภาษาและวรรณกรรม จากมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ
ศูนยห์ นั ตรา เมือ่ วันท่ี 13 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2552
พ.ศ 2554 ไดร้ บั การคัดเลอื กจากคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม
สภาผู้แทนราษฎร เข้ารับรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาภายในจังหวัด
พระนครศรีอยุธยา ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัด
พระนครศรอี ยุธยา
สำนกั งานเจ้าคณะจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา สืบคน้ เมอ่ื วนั ที่ 1 9 พฤษภาคม 2558
(http://www.songayutthaya.com/prawatpratep.html)
รายวิชาอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 137
1.2.2 นายประดิษฐ์ รตั นโกมลประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
อับดุลอาซีร บิน อับดุลเลาะห์ หรือประดิษฐ์ รัตนโกมล เป็นบุตรชายของครูอับดุลเลาะห์
เรืองปราชญ์ อยู่ในตระกูลครูสอนศาสนามาตลอด รุ่นโต๊ะกี(อัลมัรฮูมครูหมัด และอัลมัรฮูมมะห์ครูเจิม
เรืองปราชญ์) เคยเปิดโรงเรียนปอเนาะที่นี่(มัสยดิ อะมะดียะห์) แต่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ท่านได้เรียนหนังสือกับ
โต๊ะกี(ปู่)มากพอสมควร หลังจากนั้นได้ศึกษาด้านสามัญเวลากลางวันเรียน กลางคืนเรียนศาสนากับครู
อับดุลเลาะห์ ปัตตานี จนกระทั่งจบมัธยมศึกษาปีที่ 5 (เทียบเท่ากับจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในปัจจุบัน)
และศึกษาต่อที่วิทยาลัยครูอยุธยาจนจบปริญญาตรีแล้ว กลับมาบรรจุเป็นครูที่โรงเรียนลาดบัวหลวง
(นมิ่ นวลอุทิศ) พรอ้ มกบั เรยี นภาษาอาหรับกับโต๊ะกีอีกครง้ั
ปีพ.ศ.2524 ได้รับเลือกตั้งให้เป็นอิหม่ามมัสยิดอะมะดียะฮ์ ตอนนั้นอายุ 22 ปี เมื่อได้รับ
เลอื กต้ังเป็นอหิ มา่ มแลว้ ท่านได้ย้อนมองดตู วั เองว่า การเปน็ อิหมา่ มคอื การมีความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง
(อามานะห์) เมื่อครั้งที่ท่านรอซูลเป็นอิหม่ามท่านทำอย่างไรแล้วก็ค้นพบหลักปฏิบัติ และเกิดเป็น
ข้อคดิ วา่ คนเปน็ ผู้นำจะตอ้ งลงไปดูแลทกุ ขส์ ขุ ของพน่ี ้องมุสลิม จึงมีความตั้งใจที่แน่วแน่หากรับเลอื กต้ังให้
เปน็ อิหม่ามทา่ นจะตอ้ งดูแลบุคคลทกุ คนอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง และทำไดท้ ่วั ถึง ด้วยหลกั การโดยใช้
วิธีการอ่อนโยน ประนปี ระนอม และเหน็ วา่ ไม่มวี ิธีการใดท่จี ะดูแลคนได้ดีไปกว่าการให้การศึกษาท้ังด้าน
ศาสนาและด้านสามัญ จึงรณรงค์ให้มีการเรียนการสอนด้านศาสนาควบคู่สามัญ ที่จะทำให้เด็กมีความรู้
ทงั้ สองทาง (อิหม่ามเป็นคนทำให้เรียนศาสนาควบคู่สามัญเป็นรูปธรรมมากยิ่งข้ึน) และพบว่าถ้าเราสอน
รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 138
ศาสนาโดยที่ไม่มีค่าตอบแทน ทำให้การสอนไม่เต็มที่ แต่เมื่อรับเงินเดือนทางสามัญและมาสอนศาสนา
ดว้ ย ทำให้ท่านได้ดแู ลเดก็ ทเี่ รียนอยูใ่ นวถิ ีมสุ ลิมแล้วก็มาสอนต่อ ซ่ึงเป็นส่ิงทด่ี ีมาก
ปพี .ศ. 2531 ไดร้ ับเลอื กต้ังเป็นกรรมการอสิ ลามประจำจังหวัดอยุธยา เมื่ออายุ 30 ปี ได้ทำงาน
ร่วมกับผู้หลักผู้ใหญ่ ด้วยความท่ีมีอาวุโสน้อยได้เห็นประสบการณ์ต่างๆมากมายในการทำงานได้เรียนรู้
ซึมซับ ต่อมาปี พ.ศ. 2542 อายุ41 ปี ได้รับเลือกตั้งประธานอิสลามประจำจังหวัดอยุธยา ทำให้คิดว่า
ตำแหน่งท่ีท่านได้มานั้นถือเป็นความหวังของพี่น้องมุสลิมทั้งจังหวดั สิ่งท่ีจะต้องทำก็คือ 1.เป็นผู้บริหาร
ด้านสังคม 2.เป็นผู้นำด้านศาสนา การบริหารด้านสังคมก็ดูว่าเราจะบริหารมัสยิดทั้งหมดที่มีอยู่ 60
มัสยิดให้สัมพันธ์ทำงานร่วมกันอย่างไร ซึ้งจะต้องมีเป้าหมาย มีแกนหลัก จึงกำหนดเป็นวิสัยทัศน์
พันธกจิ ทั้ง 7 ประการ มคี ณะกรรมการทง้ั 25 ท่านเปน็ ผู้ดำเนนิ งานตามระบบและทุกมัสยิดในจังหวัดให้
เป็นแนวทางเดียวกัน ผลจากการบริหารจากทุกฝ่ายทั้งกรรมการอิสลามประจำจังหวัดหรือกรรมการ
ประจำมัสยิดทั้งหมดทำให้ท่านได้รับโล่พระราชทานรางวัลบริหารและการจัดการองค์กรศาสนาอิสลาม
ดีเด่น ปี พ.ศ. 2547- พ.ศ. 2550 รางวัลบริหารและการจัดการองค์กรศาสนาอิสลามยอดเยี่ยม ปี
พ.ศ. 2551 ในหนึ่งปีมผี ใู้ ห้ความสนใจมาศกึ ษาดูงานมากมาย
ปรับปรงุ จากสำนักข่าวมสุ ลมิ สืบค้นเม่อื วนั ที่ 19พฤษภาคม2558
(http://www.thaimuslim.com/view.php?c=14&id=15105 )
ศิลปนิ แหง่ ชาติ
1. ความหมาย และการจำแนกสาขาของศลิ ปินแห่งชาติ
2.1 ความหมายของศลิ ปินแหง่ ชาติ
กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม ไดจ้ ดั ทำโครงการศิลปนิ แห่งชาติ มาตงั้ แต่ พ.ศ. 2527 เพื่อสรรหา ส่งเสรมิ
สนบั สนุน และช่วยเหลอื ศิลปนิ ผู้สร้างสรรค์ ผลงาน ศิลปะล้ำค่า อนั ทรงคณุ คา่ ของแผ่นดนิ ยกยอ่ ง
เชดิ ชูเกียรตเิ ปน็ ศิลปินแหง่ ชาติ โดยมสี ำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติเปน็ ผู้พิจารณา
ศิลปินแห่ง ชาติ นับเป็นทรัพยากรบุคคลสำคัญทางด้านศิลปะ ที่ได้สืบสานงานศิลปะ ของชาติ
ให้เชื่อมโยงจากอดีตมาสู่ปัจจุบันเป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญาของ บรรพบุรุษในอดีต ให้มีความรุ่งโรจน์
สืบไปยงั อนาคตข้างหน้า
อนึ่ง จากพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสท่ี
คณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติ นำศิลปินเข้าเฝ้าเพื่อรบั พระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติศิลปิน แห่งชาติ
ว่า "ผลงานของศิลปินแห่งชาติเป็นมรดกศิลปะอันล้ำค่าของชาติ เป็นเครื่องหมาย แสดงอารยะธรรม
รายวชิ าอยุธยาศกึ ษา สค03128 139
อันสูงส่งของชาติไทย ควรแก่ความภูมใิ จของคนไทยท้ังชาติ ผลงานของ ท่านเหล่านี้นับวันจะสูญหายไป
ด้วยสาเหตุต่างๆ จึงจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องศึกษาผล งานของทุกท่านเหล่านี้ แล้วจัดทำเนียบข้ึน
บญั ชีอยา่ งเปน็ ระบบ เพือ่ ประโยชน์ในการศกึ ษา และรักษาไว้เป็นสมบตั ิของชาติโดยส่วนรวมตอ่ ไป"
การจัดทำโครงการศิลปินแห่งชาติ ไดม้ กี ารกำหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั ทำโครงการ ไว้ 5 ขอ้
ไดแ้ ก่
1. จัดทำทำเนยี บศลิ ปนิ ทกุ แขนงทั่วประเทศ
2. สรรหาศิลปนิ เพือ่ ประกาศยกยอ่ งเกียรติคุณขึ้นเป็นศิลปนิ แหง่ ชาติ
3. จดั ตั้งกองทุน (มูลนิธ)ิ สวัสดิการเพ่อื ศลิ ปิน
4. สนับสนนุ ให้ศิลปนิ ไดม้ โี อกาสเผยแพรผ่ ลงาน
5 .อนรุ กั ษแ์ ละส่งเสริมให้มีการสืบทอดความรู้ ความสามารถของศิลปิน
โดยคณะรัฐมนตรไี ด้มมี ตเิ ห็นชอบให้วนั ท่ี 24 กมุ ภาพนั ธ์ ของทกุ ปี เป็น "วนั ศิลปินแหง่ ชาต"ิ
2.2 การจำแนกสาขาของศลิ ปนิ แห่งชาติ
มีหลักเกณฑ์การคดั เลือกจำแนกศิลปนิ แหง่ ชาติออกเป็น 4 สาขาคอื
1. สาขาทศั นศลิ ป์ หมายถงึ ศลิ ปะที่มองเห็นไดด้ ้วยตา จะเปน็ ศลิ ปะสองมติ หิ รือสามมติ ิ ซง่ึ
ไดแ้ ก่ ผลงานศิลปกรรมประเภทตา่ งๆ ที่แสดงถึงภูมิปญั ญาของผสู้ รา้ งสรรคแ์ ละมเี อกลักษณท์ โี่ ดดเด่น
จติ รกรรมประติมากรรม ภาพพมิ พ์ ภาพถา่ ย สื่อประสม
2. สาขาศิลปะสถาปตั ยกรรม หมายถงึ งานออกแบบ หรอื งานออกแบบและงานก่อสรา้ งอาคาร
สวยงาม มีคุณค่าทางศิลปะ และมีวิทยาการ ซึ่งแสดงภูมิปัญญาของผู้ออกแบบอย่างโดดเด่น ได้แก่
สถาปตั ยกรรมไทยและสถาปตั ยกรรมรว่ มสมัย
3. สาขาศิลปะการแสดง หมายถึง ศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการแสดง ซึ่งเป็นได้ทั้งแบบด้ังเดมิ หรอื
พฒั นาข้ึนใหม่ ได้แก่
การละคร เชน่ ละครรำ ละครรอ้ ง โขน ลเิ ก ระบำ รำ ฟ้อน เซ้งิ หนุ่ ตา่ งๆ หนงั ใหญ่ หนังตะลุง
และการเขยี นบทรอ้ งหรอื บทละครรำ
การดนตรีรวมทั้ง ดนตรีไทย และดนตรีสากลรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวกับศิลปะการดนตรีเช่น
นกั ดนตรี นักร้อง นักประพันธเ์ พลง ผอู้ ำนวยเพลง และผผู้ ลิตเครื่องดนตรี
การแสดงพื้นบา้ น ประกอบด้วย หมอลำ ซอ ลำตัด เพลงฉ่อย เพลงอแี ซว เพลงบอก สวดคฤหสั ถ์
ฯลฯ
3. สาขาวรรณศิลป์ หมายถึง บทประพันธ์ที่ปลุกมโนคติของผู้อ่าน ทำให้เกิดจินตนาการความ
เพลิดเพลิน และเกิดอารมณ์ต่างๆ ตามเจตนารมณ์ของผู้ประพันธ์ ได้แก่ กวีนิพนธ์ เรื่องส้ัน
นวนิยาย บันเทิงคดี สำหรับเด็กและเยาวชน อาทิ หนังสือเด็ก วรรณกรรมเยาวชนที่ได้รับการ
ตพี ิมพ์เผยแพร่อยา่ งกวา้ งขวาง
รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 140
3. ศิลปนิ แห่งชาติของจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยาและผลงาน มดี ังน้ี
3.1 นางทองหล่อ ทำเลทอง
นางทองหลอ่ ทำเลทอง (ทับทมิ ) ศิลปินแห่งชาติ (สาขาเพลงพื้นบา้ น) ประจำปี พ.ศ. 2529 เป็น
แม่เพลงชั้นครู ผู้สามารถร้องเล่นเพลงฉ่อย เพลงทรงเครื่องและเพลงพื้นบ้านต่างๆ เกิดเมื่อวันเสาร์
เดือน 3 ปีกุน ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่บ้านข้างวัด บางขุนทิพย์ อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เชอื้ สายของนางทองหล่อเป็นเพลงกันอยบู่ ้าง แมพ้ ่อคือนายพลอยกับแม่คือนางพรัง่ จะไม่เล่นเพลง แต่ยา่
หรอื ยายคนใด คนหนึง่ ดจู ะเป็นเพลงปรบไก่
ชว่ งหลงั พ.ศ. 2500 การเล่นเพลงพน้ื บา้ นตามถิ่นตา่ งๆ คอ่ ยคลายความ นิยมลง พ่อเพลง
แม่เพลงแก่ชราลงและได้หยุดเล่นเพลง ต่อมาเมื่อมีการฟื้นฟู เพลงพื้นบ้านขึ้นใหม่ในราวปี พ.ศ. 2520
นางทองหล่อ ทำเลทอง ได้กลับมา เป็นกำลังสำคัญในการว่าเพลงและถ่ายทอดเพลงพื้นบ้านให้
คนรุ่นหลงั ได้รู้จกั นางทองหล่อเปน็ แม่เพลงท่ีมนี ำ้ เสียงใส เสียงไมต่ กแม้จะมีอายมุ ากแล้ว
ในปี พ.ศ. 2525 นางทองหล่อได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินพื้นบ้าน ภาคกลางดีเด่น
จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมเเห่งชาติ และในปี พ.ศ. 2529 ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปิน
แห่งชาติ ในฐานะเปน็ แมเ่ พลงช้นั ครู ขณะเมอื่ อายุ 87 ปี
รายวชิ าอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 141
นางทองหล่อถึงแก่กรรมด้วยโรคชราทบี่ ้านลูกชายทีจ่ งั หวัดเพชรบูรณ์ เม่อื วันอาทิตย์ท่ี 4
เมษายน พ.ศ. 2536 รวมอายุได้ 94 ปี ได้รับพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดสุวรรณาราม บางกอกน้อย
เมอ่ื วนั ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2536
(คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิม
พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวฯ วัฒนธรรม พฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์ เอกลักษณ์และภูมิ
ปญั ญา จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา ; 2542 : 205)
3.2 นายประสทิ ธ์ิ ถาวร
ครูประสิทธ์ิ ถาวร เป็นชาวอยุธยา เกิดที่ตำบลท่าเจ้าสนุก อำเภอท่าเรือ เมื่อวันที่ 9
กันยายน พ.ศ. 2464 บดิ าช่อื นายสดุ อดีตนกั เทศน์ทีม่ ชี ื่อเสียงมาก มารดาช่ือนางฟู มีพ่ีน้องร่วมบิดา
มารดาร่วม 6 คน และเปน็ บุตรคนเดียวของครอบครัวทเ่ี ปน็ นกั ดนตรไี ทย เรมิ่ เรยี นหนังสอื ท่โี รงเรยี น
ประชาบาลวัดสฎางค์ เมื่ออายุ 7 ปี จนอายุได้ 13 ปี จึงมาเรียนต่อเป็นนักเรียนรุ่นแรกของโรงเรียน
นาฏดรุ ิยางค์ กรมศิลปากร เม่อื ปี พ.ศ. 2477 ไดศ้ ึกษาทั้งดา้ นดนตรแี ละโขนละคร แต่เนอ่ื งจากสขุ ภาพ
ไม่ค่อยอำนวย จึงเรียนจบเพียงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามหลักสูตรเดิม ต่อมาเข้ารับการอบรม
หลักสูตรวิชาดุรยิ างค์ไทยเพม่ิ เตมิ จากกรมศลิ ปากรอีก 1 ปี ได้รับใบประกาศนียบตั รในปี พ.ศ. 2428
รายวิชาอยุธยาศกึ ษา สค03128 142
ครูประสิทธิ์ ถาวร เริ่มหัดฆ้องวงใหญ่ กับ ครูละมุด จำปาเฟื่อง ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขยตั้งแต่
อายุ 8 ปี เรียนได้เร็วและมีฝีมือดีจนได้เป็นคนระนาดเอกประจำวงปี่พาทย์ของพี่เขย ตั้งแต่อายุ
ยงั ไม่ครบ 12 ปี จากนน้ั จงึ เรียนระนาดเอกกับครูเจรญิ ดนตรีเจรญิ (หลานครสู ุ่ม ดนตรีเจรญิ ) จนถงึ
ขั้นเดยี่ วเพลงสำคัญ เชน่ พญาโศก แขกมอญ และเชดิ นอก ฯลฯ
ความเชี่ยวชาญด้านดนตรี ของ ครูประสิทธ์ิ ถาวร เกิดจากการที่ครูทองดี ศุณะมาลัย ซึ่ง
เป็นศิษย์โปรดคนหนึ่งของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) เห็นหน่วยก้านทาง
ดนตรีดี ปรารถนาจะส่งเสริมความก้าวหน้าจึงได้พามาฝากท่านครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะ ที่บ้าน
ศลิ ปบรรเลง ต.บ้านบาตร อ.ป้อมปราบ จ.กรุงเทพฯ วันทมี่ าหาน้ันมคี รูทองดี มารดาครทู องดี
พันโทวีรจิตร วจิ ิตระกะ นายละมุด จำปาเฟอ่ื ง (พ่ีเขย) ร่วมเดินทางมาดว้ ย ครปู ระสทิ ธ์ิ ถาวร
ไดผ้ ่านการทดสอบฝีมือและท่านครูหลวงประดษิ ฐไ์ พเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) รับเปน็ ศิษย์ในปี
พ.ศ. 2477 เมือ่ มีอายุได้ 13 ปี
ในวันทำพิธีฝากตัวเป็นศิษย์ท่านครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) อย่างถูกต้อง
ตามระเบียบนั้น นางฟู มารดาของครูประสิทธิ์ ถาวร ครูทองดี ครลู ะมดุ จำปาเฟื่อง ได้เดินทางพา
นายประสิทธิ์ ถาวร มาทำพิธีดังกล่าว แต่นายสุด ถาวร บิดานั้นไม่สามารถมาร่วมงานพิธีอันสำคัญ
ของบุตรชายได้ เน่ืองจากตาเสยี ทำใหม้ องอะไรไม่เหน็
ณ สำนักดนตรีแห่งนี้ ครูประสิทธิ์ ถาวร ได้ศึกษาวิชาการดนตรีด้วยความเอาใจใส่
อย่างยิ่ง และอยู่ที่บ้านบาตรมาจนวาระสุดท้ายของครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
ระยะแรกทีม่ าฝกึ ดนตรีท่ีบา้ นครหู ลวงประดษิ ฐไ์ พเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ใหมๆ่ คณุ หญงิ ชนิ้
ศิลปะบรรเลง ได้สอบถามถึงการศึกษา เมื่อทราบว่าจบชั้นประถมปีที่ 4 มาแล้ว จึงสนับสนุนให้
ไปศกึ ษาต่อทโี่ รงเรยี นนาฏดรุ ิยางค์ กรมศลิ ปากร
ครูประสิทธ์ิ ถาวร เริ่มเข้ารับราชการ ณ กรมศิลปากร ตำแหน่งศิลปินจัตวา แผนก
ดุริยางค์ไทย กองการสังคีต กรมศิลปากร เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2493 ครู
ประสิทธ์ิ ถาวร ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรี
ไทย) ประจำปี พ.ศ. 2531 และเป็นภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสถาน ประเภทวิจิตรศิลป์ สำนัก
ศิลปกรรม ราชบัณฑิตยสถาน ได้ร่วมเป็นคณะบรรณาธิการสารานุกรมไทย แห่งสำนัก
ศลิ ปกรรม ราชบณั ฑติ ยสถาน
(ศูนยข์ อ้ มูลวฒั นธรรมดนตรี สถาบนั วิจัยภาษาและวฒั นธรรมเอเชยี มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล)
http://rilca.mahidol.ac.th/mcc/prasit.htm สบื คน้ วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
รายวิชาอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 143
3.3. นางรวงทอง ทองล่นั ธม
• สาขาศิลปะการแสดง พุทธศกั ราช 2539
• สาขาศิลปะการแสดง:ดนตรีไทยและนาฏศิลป์ไทย
นางรวงทอง ทองลัน่ ธม
นางรวงทอง ทองลั่นธม เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2480 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
มีความสนใจในการขับร้องมาแต่เยาว์วัยด้วยการมานะฝึกฝนตนเองในชั้นแรก และได้รับการสนับสนุน
การฝกึ ร้องเพลงจากครูเอ้ือ สุนทรสนาน อยู่นานหลายปี จงึ ได้มีโอกาสขบั ร้องเพลงออกอากาศทางสถานี
วทิ ยกุ ระจายเสียงภาคทดลองซ่ึงเพลง ทข่ี ับร้องในช่วงนั้นได้แก่ เพลงเสี่ยงเทียน เพลงรำพงึ ถึงคู่ เพลงที่
ทำให้มีคนรู้จักทั่ว คือ เพลงเจ้าทุยอยู่ไหน ตลอดระยะเวลา 40 ปี ที่ผ่านมา มีผลงานเพลงกว่า 2,000
เพลง ได้บันทึกแผ่นเสียงทำให้ประชาชนได้รับรสความสุนทรีย์จากน้ำเสียงที่ไพเราะมา เป็นเวลาอัน
ยาวนาน และนอกจากนี้ ยังมีความสามารถในการแสดงละคร แสดงภาพยนตร์ จัดรายการวิทยุและ
โทรทัศน์ที่มีผลงานหลากหลาย จนได้รับประกาศเกียรติคุณจากหน่วยงานต่าง ๆ มากมาย อาทิ ได้รับ
รางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาง 2 ครั้ง รับพระราชทานรางวัลใบโพธิ์ทองจากพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว ในฐานะนักรอ้ งผู้เผยแพร่ภาษาไทยได้ชัดเจนถูกต้อง และได้รับการยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรตเิ ป็นผูม้ ี
ผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาศิลปะการแสดง เมื่อปีพุทธศักราช2538 เป็นต้น นางรวงทอง
ทองลั่นธม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงไทย
สากล) ปีพทุ ธศักราช 2539 (www.art.culture.go.th/index.php.สบื คน้ เมื่อ 28 เมษายน 2558)
รายวชิ าอยธุ ยาศึกษา สค03128 144
3.4. นายพินิจ ฉายสวุ รรณ
• นายพินิจ ฉายสุวรรณ ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ พทุ ธศักราช 2540
• สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย)
นายพินจิ ฉายสวุ รรณ
ประวัติ
ครูพินิจ ฉายสุวรรณ เกิดเมื่อวันท่ี 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474 ที่หมู่ 1 ตำบลบ้านนา อำเภอ
มหาราช จังหวดั พระนครศรีอยุธยา บิดามารดามีอาชพี ทำนา สมรสกบั นางสมพร ฉายสวุ รรณ มบี ตุ รธดิ า
รวม 5 คน
การศกึ ษา
จบชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดรุง้ จงั หวัดอ่างทอง
ประวัตชิ ีวิตและผลงาน
ครูพินิจ ฉายสุวรรณ สนใจดนตรีไทยเนื่องจากบิดาจัดหาลิเกมาแสดงในงานโกนจุกของตนเอง
ทำให้สนใจการบรรเลงของวงปี่พาทย์เป็นพิเศษ จึงเริ่มฝึกตีระนาดเอกมาตั้งแต่นั้น โดยบิดาสร้างเครื่อง
ปี่พาทย์ให้พร้อมกับนำไปฝากกับครูดนตรีไทยหลายคน ซึ่งต่อมาภายหลังได้มีโอกาสเรียนดนตรีสากลท่ี
กรมศิลปากร ศึกษาทั้งด้านทฤษฎีโน้ต สากลและการปฏิบัติ เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงกลับ
บ้านเดิมที่พระนครศรีอยุธยา หันไปฝึกเรียนเพลงปี่พาทย์กับครูทวน ครูเจ๊ก อ่อนละมุน นักดนตรี
สองพี่น้อง ที่มีฝีมือของจังหวัดอ่างทอง ได้แสดงฝีมือตีระนาดจนเป็นที่ประจักษ์ว่ามีความสามารถเป็น
เลิศ ครูทวนจึงนำไปฝากเป็นศิษย์ครูพริ้ง ดนตรีรส ครูระนาดเอกของกรมศิลปากร จนสามารถเดี่ยว
กราวในที่ต้องใช้ความสามารถทางดนตรีเป็นอย่างสูงได้ จากนั้นสมัครเป็นศิษย์ครูสอนวงฆ้อง ผู้มีฝีมือ
ทางฆ้องวงเป็นเลิศจนมีฝีมือเป็นที่ยอมรับว่าเป็นนักดนตรีไทยที่มีความสามารถสูงคนหนึ่ งของไทย
รายวชิ าอยธุ ยาศึกษา สค03128 145
โดยเฉพาะทางด้านปี่พาทย์ และเครื่องสาย นายพินิจสามารถบันทึกได้ทั้งโน้ตไทย โน้ตสากล และโน้ต
ตัวเลข มีผลงานการประพันธ์เพลงประเภทต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก เช่น เพลงโหมโรงเสภาเพลงเถา
เพลงเดี่ยว เพลงชุดและการท่ีมีความสามารถทั้งด้านการบรรเลง การบนั ทกึ โน้ตสากล โนต้ ตัวเลข ทำให้
สามารถถ่ายทอดเพลงไทยในเชิงหลักวิชาการได้เปน็ อย่างดี ได้รับการยอมรับจากนักดนตรีไทยทั่วไปว่า
เป็นปรมาจารย์ ทางดนตรีไทยคนหนึ่งที่สร้างสรรค์ผลงานไว้รอบด้าน เป็นอาจารย์ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ
ด้านดนตรไี ทยของมหาวทิ ยาลัยมหดิ ล สอนในระดับปรญิ ญาโท สาขาดนตรีศกึ ษาและสาขาดนตรีวทิ ยา
(www.art.culture.go.th/index.php.สบื คน้ เม่อื 28 เมษายน 2558)
3.5 นายสมพงษ์ พงษม์ ิตร
นายสมพงษ์ พงษ์มติ ร เกดิ ที่อำเภอบางปะอนิ จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา ยา้ ยมาอยู่กรุงเทพ
ตัง้ แตอ่ ายุ 7 ปี เร่มิ แสดงลิเกและโขน ก่อนเปลยี่ นมาแสดงจำอวดและตลก โดยตง้ั วงเองชือ่ เบญจศิลป์
พงษ์มิตร แล้วมาแสดงที่คณะเทพศลิ ป์ ของ ส.อาสนจนิ ดา ร่วมกบั ลอ้ ต๊อก และ ชูศรี มีสมมนต์ โด่งดัง
สูงสดุ ในชว่ ง พ.ศ. 2500 เป็นหนึ่งในคณะตลกทีป่ ระกอบด้วยล้อตอ๊ ก ดอกดิน (ดอกดนิ กัญญามาลย์)
และ ชูศรี
นายสมพงษ์ มีชื่อเสยี งในการแสดงตลกทีเ่ น้นการแสดงสีหน้าทา่ ทาง มากกว่าคำพูด ทำให้
ประชาชนกลา่ วขานว่า ไอ้ตัวเล็กเสียงดัง เม่ือหมดยดุ ละครเวที มีผลงานกำกับภาพยนตร์ วา่ วน้อย พ.ศ.
2513 และ ทหารอากาศขาดรัก พ.ศ. 2524
รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 146
นายสมพงษ์ พงษ์มิตร ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง
ประจำปี พทุ ธศกั ราช 2540
3.6 นาย สำราญ เกดิ ผล
• สาขาศลิ ปะการแสดง พุทธศกั ราช 2548
• สาขาศลิ ปะการแสดง:ดนตรไี ทยและนาฏศิลปไ์ ทย
นาย สำราญ เกิดผล
นายสำราญ เกดิ ผล เกิดเม่อื วนั ท่ี 22 กรกฎาคม พุทธศักราช 2470 ท่จี ังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา
สำเร็จการศึกษาช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ได้เรียนปีพ่ าทย์จากครูหลายท่าน เช่น ครูจำรัส เกิดผล ครูเพ็ชร์
จรรย์นาฏ ครูเทียบ คงลายทอง ครูอาจ สุนทร เป็นต้น จนมีความเชี่ยวชาญสามารถบรรเลงดนตรีได้
หลายประเภท ได้แก่ เพลงสองชั้น เพลงขับร้องทั่วไป เพลงเรื่อง เพลงพิธีต่าง ๆ เพลงหน้าพาทย์ เพลง
โหมโรง เพลงเสภา
นายสำราญ เกิดผล เป็นผู้ที่ศึกษาเรียนรู้ดนตรีไทยอย่างจริงจัง มีความรู้ทั้งด้านทฤษฎีและการ
ปฏิบัติ เขียนและอ่านโน้ตเพลงสากลได้เป็นอย่างดี เป็นศิลปินท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องดนตรี
ไทย มีฝีมือยอดเยี่ยมและมีผลงานประพันธ์เพลงไทยเป็นจำนวนมากและต่อเนื่องมาโดย ตลอด ผลงาน
ประพันธ์เพลง เช่น เพลงสามไม้ใน เถา เพลงกลางพนา เถา เพลงโหมโรงศิวะประสิทธิ์ 3 ชั้น เพลงจีน
เก็บบุปผา เถา เพลงไอยราชูงวง เถา เพลงรั้วแดงกำแพงเหลือง เถา ระบำบุษราคัมมณี เป็นต้น ได้รับ
ยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาศิลปะ (ดนตรีไทย) จากสำนักงาน
คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้รับคัดเลือกเป็นพ่อตัวอย่าง จากคณะกรรมการจัดงานวันพ่อ
แห่งชาติ นายสำราญ เกิดผล เป็นครูที่มีจิตใจดีมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้ที่มีความสนใจด้านดนตรี
รายวิชาอยธุ ยาศึกษา สค03128 147
เป็นที่รักของบรรดาลูกศิษย์ ใช้ชีวิตด้วยการเผยแพร่ดนตรีไทยให้แก่นักเรียน นักศึกษาใน
สถาบนั การศึกษา ๆ มากมาย
นายสำราญ เกดิ ผล จึงได้รบั ยกย่องเชดิ ชูเกยี รติเปน็ ศิลปินแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง(ดนตรี
ไทย) พทุ ธศักราช 2548 (http://th.wikipedia.org. สบื คน้ เมอื่ 28 เมษายน 2558
3.7. นายสรพงษ์ ชาตรี
• สาขานกั แสดง พทุ ธศักราช 2551
• สาขาศลิ ปการแสดง
ประวัติ
พิทยา เทียมเศวตหรือสรพงศ์ ชาตรี เกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ที่อำเภอมหาราช
จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา จบชน้ั ป.4 แล้วบวชเรยี นตัง้ แตอ่ ายุ 8 ปี ทีว่ ัดเทพสวุ รรณ พระนครศรีอยุธยา
และวัดดาวดงึ ส์ บางยข่ี นั ธนบรุ ี จนกระทงั่ ลาสกิ ขาบทเม่ือ พ.ศ. 2512
การเร่ิมงานแสดง
เมื่ออายุได้ 19 ปี และได้พบกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ซึ่งชักชวนให้มาอาศัยอยู่ท่ีวังละโว้
ของพระเจ้าวรวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าอนสุ รมงคลการ
สรพงษ์ เริ่มงานแสดงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2512 เป็นตัวประกอบ และเป็นเด็กยกของในกองถ่าย
ละครเรื่อง นางไพรตานี ฉายทางช่อง 7 และเล่นเป็นตัวประกอบในละคร ห้องสีชมพู และ หมอผี ซ่ึง
หม่อมเจา้ ชาตรเี ฉลิม ยคุ ล เปน็ ผู้กำกับหลงั จากเดนิ ทางกลับจากเรียนตอ่ ที่สหรัฐอเมริกา
ช่ือ สรพงษ์ ชาตรี ท่ีใช้ในการแสดง ผตู้ ง้ั ใหค้ ือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนสุ รมงคลการ
และหม่อมอุบล ยคุ ล ณ อยุธยา โดยคำวา่ "สร" มาจาก อนสุ รมงคลการ, "พงศ"์ มาจาก สรุ พงศ์
โปรง่ มณี (ผู้พามาฝากตวั กบั หมอ่ มเจา้ ชาตรีเฉลมิ ) และ "ชาตรี" มาจาก ชาตรีเฉลมิ
รายวิชาอยธุ ยาศกึ ษา สค03128 148
สรพงษ์ ชาตรี รับบทพระเอกครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่อง มันมากับความมืด (พ.ศ. 2514)
ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม จากนั้นได้รับบทในภาพยนตร์ของหม่อมเจ้า
ชาตรีเฉลิม แทบทกุ เร่ือง ทงั้ บทพระเอก พระรอง ตวั ประกอบ และเป็นผูช้ ่วยผู้กำกับในบางคร้งั มผี ลงาน
แสดงกว่า 500 เรื่อง ได้รางวัลตุ๊กตาทองครั้งแรกจากเรื่อง ชีวิตบัดซบ และ สัตว์มนุษย์ สองปีติดต่อกัน
และมีชื่อเสียงในต่างประเทศจากเรื่อง แผลเก่า (พ.ศ. 2520) กำกับโดยเชิด ทรงศรี นับว่าประสบ
ความสำเรจ็ สงู สดุ
สรพงษ์ ได้รับรางวัลทางการแสดงจากหลายสถาบัน เช่น รางวัลตุ๊กตาทองพระสุรัสวดี
ดารานำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง สัตว์มนุษย์ ชีวิตบัดซบ มือปืน มือปืน 2 สาละวิน เสียดาย 2 รางวัล
สุพรรณหงส์ ดารานำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เร่อื ง ถ้าเธอยังมรี ัก มือปนื และนกั แสดงประกอบชาย
จากเรื่อง องค์บาก 2 ส่วนรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง นักแสดงชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง มือปืน 2
สาละวิน
(http://th.wikipedia.org. สืบค้นเม่อื 28 เมษายน 2558)
3.8. นายสชุ าติ สวัสดศ์ิ รี
• สาขาวรรณศิลป์ พทุ ธศกั ราช 2554
นายสชุ าติ สวัสดศิ์ รี
สุชาติ สวัสดิ์ศรี นักเขียนเจ้าของนามปากกา สิงห์สนามหลวง ผู้ก่อตั้ง รางวัลช่อการะเกด เกิด
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2488 ที่ตำบลท่าเรือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ่อเป็นหมอ
เสนารักษ์ แม่เป็นชาวนา จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดี) สาขา
ประวัติศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2509 สมรสแล้วกับ นางวรรณา สวัสดิ์ศรี
(ทรรปนานนท์) นักเขยี นเจ้าของนามปากกา "ศรดี าวเรอื ง"
รายวิชาอยธุ ยาศึกษา สค03128 149
สุชาติ เคยประกอบอาชีพหลากหลาย ตั้งแต่เป็น ครูโรงเรียนราษฎร์ อาจารย์มหาวิทยาลัย
นักเขียน บรรณาธิการนติ ยสาร บรรณาธกิ ารสำนักพมิ พ์ ร่วมก่อตัง้ กลุ่มวรรณกรรม ร่วมก่อต้ังกลุ่มละคร
ทีป่ รกึ ษากลุม่ กจิ กรรมฯ เปน็ ผู้กอ่ ตง้ั รางวัลช่อการะเกด และกอ่ ตงั้ สำนกั ชา่ งวรรณกรรม นอกจากผลงาน
ด้านวรรณกรรม สุชาติ สวัสดิ์ศรี ยังมีผลงานศิลปะจากการศึกษาด้วยตัวเอง โดยจัดแสดงเป็น
นิทรรศการศลิ ปะแล้วหลายครั้งสุชาติ สวัสดิ์ศรี ได้รับยกย่องให้เป็นศิลปินแหง่ ชาติ สาขาวรรณศิลปเ์ มอ่ื
ปี พ.ศ. 2554 (http://th.wikipedia.org. สบื ค้นเมือ่ 28 เมษายน 2558) เค
นายสมบัติ พลายน้อย
ศิลปนิ แห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พทุ ธศักราช 2553
นายสมบตั ิ พลายนอ้ ย ปจั จุบันอายุ 81 ปี เกดิ วนั ท่ี 24 พฤษภาคม พุทธศกั ราช 2472 ท่ี จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา จบ
การศกึ ษาประกาศนียบัตรประโยคครพู ิเศษประถม (พ.ป.) และ ไดร้ ับทนุ ใหไ้ ปอบรมการจัดรายการโทรทัศน์เพ่อื
การศึกษาที่ N.H.K. ประเทศญี่ปนุ่ เร่ิมรับราชการคร้งั แรก เปน็ เสมยี นสรรพากรและเปล่ยี นอาชพี ไปรบั ราชการครู
ตอ่ มาได้ดำรงตำแหน่งหัวหนา้ งานโสตทัศนูปกรณ์และเอกสารสิ่งพิมพ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ และ
เป็นบรรณาธกิ ารวารสารวัฒนธรรมไทย และได้ลาออกจากราชการเพ่อื เขียนหนังสือแตเ่ พียงอย่างเดียว
รายวิชาอยุธยาศึกษา สค03128 150
ประวัตชิ ีวิต
ปัจจุบันอายุ 81 ปี เกดิ วันท่ี 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา บดิ าชอื่ นายผล พลายนอ้ ย มารดา
ช่ือ นางผิว พลายน้อย ภรรยาชอ่ื นางจงกล พลายน้อย มีบตุ รชาย 1 คน ชอ่ื นายอภจิ ัย พลายน้อย (ภรรยาชื่อ นาง
เพลินจันทร์ มบี ตุ ร 2 คน ชอ่ื ธนานันตแ์ ละธนญั ญา)
ประวัตกิ ารศกึ ษา
ชน้ั ประถมศกึ ษา ที่โรงเรยี นประชาบาล วัดประด่ทู รงธรรม ชนั้ มัธยมศึกษา ทีโ่ รงเรยี นอยุธยาวทิ ยาลยั ประกาศนียบตั ร
ประโยคครพู เิ ศษประถม (พ.ป.) ได้รับทนุ การศกึ ษาไปอบรมการจดั รายการโทรทศั น์เพ่ือการศกึ ษา ณ สถานวี ทิ ยุ N.H.K
ประเทศญปี่ ุ่น พ.ศ. 2511
เกยี รติคุณท่ไี ดร้ บั
• พ.ศ. 2517 หนงั สือเรอ่ื ง พฤกษนิยาย ไดร้ บั รางวลั จากสภาสงั คมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย
• พ.ศ. 2532 หนงั สอื เรอ่ื ง ยาขอบ ชวี ิตและงานของผูแ้ ตง่ อมตนยิ ายผูช้ นะสิบทิศ ไดร้ ับรางวลั ในงานสปั ดาห์
หนงั สอื แห่งชาติ
• พ.ศ. 2535 หนังสือเรื่อง อญั มณีนิยาย ไดร้ ับรางวลั ในงานสปั ดาหห์ นงั สอื แหง่ ชาติ
• พ.ศ. 2536 หนังสือเรอื่ ง สตั ว์หิมพานต์ ไดร้ ับรางวลั ของมลู นธิ ธิ นาคารกรงุ เทพฯ
• พ.ศ. 2537 หนังสอื เร่ือง เกร็ดยอ่ ยรอ้ ยเร่ือง ได้รับรางวัลของมูลนธิ ธิ นาคารกรงุ เทพฯ
• พ.ศ. 2538 หนงั สือเรอ่ื ง เกิดในเรอื ได้รับรางวลั จากคณะกรรมการพัฒนาหนงั สอื แหง่ ชาติ
กระทรวงศกึ ษาธิการ และหนงั สือเร่อื ง “จนั ทรคตนิ ยิ าย” ไดร้ บั รางวัลของมลู นิธธิ นาคารกรงุ เทพ
• พ.ศ. 2539 ได้รบั ประกาศเกียรติคณุ จากสำนกั งานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติ เปน็ ผมู้ ผี ลงานดเี ดน่
ทางดา้ นวัฒนธรรม สาขาวรรณศลิ ป์ (สารคดี ) ประจำปี พ.ศ. 2539
• พ.ศ. 2540 ได้รับพระราชทานปรญิ ญาศลิ ปศาสตรบณั ฑติ กิตตมิ ศกั ดิ์ โปรแกรมวชิ าภาษาไทย มหาวทิ ยาลัย
ราชภัฏธนบุรี
• พ.ศ. 2544 หนังสือชุดนทิ าน ไดร้ บั การคดั เลือกจากอาจารย์วทิ ยากร เชยี งกูลและคณะ ใหเ้ ปน็ 1 ใน 100
เล่มหนังสอื ดที ี่เยาวชนไทยควรอา่ น ซ่งึ เป็นโครงการวิจยั ของสำนกั งานกองทุนสนับสนุนการวิจยั (สกว.) โดย
เปน็ หนังสือเหมาะสำหรบั กลุ่มเด็กวยั 7 – 11 ปี
• พ.ศ. 2547 ได้รบั ประกาศเชิดชเู กยี รตคิ ณุ เป็น “นักเขยี นสารคดเี กยี รติยศ” จากรายการ “ฅนค้นฅน”
หนังสอื เรอ่ื ง เกรด็ ภาษาหนังสือไทย และ แลไปข้างหน้า ไดร้ ับรางวลั จากเซเวน่ บคุ๊ อวอรด์ ส์
• พ.ศ. 2551 ไดร้ ับประกาศเกยี รติคณุ จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติ เปน็ ผสู้ บื สานอนรุ กั ษ์
ภาษาและวรรณกรรมไทย ในงานเชดิ ชูครกู วีศรสี นุ ทร
• พ.ศ. 2551 ไดร้ ับโลป่ ระกาศเกยี รตคิ ุณจากสำนกั งานเขตคลองสานในกิจกรรมเผยแพรภ่ มู ปิ ัญญาผสู้ งู อายุ
กรงุ เทพมหานคร สาขาภาษาและวรรณกรรม ประจำปีพทุ ธศักราช 2551
• พ.ศ. 2552 ไดร้ ับรางวลั “นกั เขยี นอมตะ” คนท่ี 4 จากมลู นิธิอมตะ
รายวชิ าอยุธยาศึกษา สค03128 151
• พ.ศ. 2552 ได้รบั การเชิดชูเกยี รติเปน็ ปูชนยี บุคคลดา้ นภาษาไทย เนอ่ื งในวนั ภาษาไทยแหง่ ชาติ ประจำปี
พ.ศ. 2552 จากกระทรวงวฒั นธรรม
• พ.ศ. 2553 ไดร้ บั รางวัล “นราธปิ ” ประจำปี พ.ศ. 2552 จากสมาคมนักเขียนแหง่ ประเทศไทยไดร้ บั ปริญญา
ศิลปศาสตรดุษฎีบณั ฑิตกติ ติมศกั ดิ์ สาขาวิชานเิ ทศศาสตร์ จากมหาวทิ ยาลัยราชภฏั พระนครศรอี ยุธยา
“ ชีวิตของคนเรานนั้ เขาวา่ พระพรหมเป็นผู้กำหนดว่าจะดำเนินไปอย่างไร
ชีวติ ของผมจะอยใู่ นขา่ ยนี้ด้วยหรือเปลา่ ไม่ทราบ แตเ่ หตุการณ์ท่ีผา่ นมา
มีความล้มเหลวทีน่ า่ ท้อถอยอยมู่ ากพอสมควร หากมสี ่งิ หนึ่งซ่งึ ผมไม่ได้ทอดทิ้ง คือ
หนงั สือ”
ร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์
รายวิชาอยธุ ยาศึกษา สค03128 152