เอกสารประกอบการสอน
ความรพู้ ้นื ฐานเก่ยี วกบั หลกั สตู ร
เรยี บเรียงโดย
อาจารย์จรี ะนัน เสนาจกั ร์
ครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
ความร้พู ื้นฐานเก่ยี วกบั หลักสูตร 1
บทท่ี 1
ความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับหลักสูตร
การปฏิรปู การศึกษาของไทยในปัจจุบัน มกี ารกระจายอำนาจทางการศกึ ษาใหแ้ ก่ สถานศึกษา
มากขึ้น โดยเฉพาะการปฏิรูปด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ ดังนั้น ผู้บริหารสถานศึกษาและครู
จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานของหลักสูตร เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา
หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรถือเปน็ เครื่องมือสำคัญที่ใช้กำกับทิศทางการจัดการศกึ ษาเพ่ือพัฒนาคน
ให้เป็นคนที่สมบูรณ์และมีคุณภาพทั้งความรู้ มีทักษะการใช้ชีวิต และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้
อย่างมีความสุขและมีความพร้อมที่จะพัฒนาสังคมให้เกิดสันติสุข หลักสูตรต้องสนองต่อความมุ่งหมาย
และหลักการการจัดการศึกษาและการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การปกครองและสังคมของ
ประเทศ ในบทนี้จะเป็นการกล่าวถึง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลกั สูตร ซึ่งได้แก่ ความหมาย ความสำคัญ
องค์ประกอบ รูปแบบ และระดับของหลักสูตร
ความหมายของหลกั สตู ร
คำว่า “หลักสูตร” แปลมาจากคำในภาษาอังกฤษว่า “Curriculum” ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก
ภาษาละตินว่า “Currere” หมายถึง “running course” หรอื The Course To Run หมายถึง เสน้ ทาง
ที่จะใช้วิ่งไป ซึ่งเส้นทางดังกล่าวได้แก่ ลู่ (Track) นั่นเอง ลู่ หมายถึง สนามวิ่งแข่งขันซึ่งต้องมีอุปสรรค
ต่าง ๆ ที่นักวิ่งจะต้องเอาชนะหรือทำให้สำเร็จ เป็นสิ่งที่มีการเริ่มต้นและมีการจบสิ้น เมื่อนำมา
เปรียบเทียบกับทางด้านการศึกษา ก็อาจหมายถึงการที่ผู้เรียนจะสำเร็จการศึกษาในระดับใดหรือ
หลกั สตู รใดผเู้ รยี นจะตอ้ งฟันฝา่ ความยากของวชิ าหรอื ประสบการณก์ ารเรียนรู้ตามลำดบั ข้นั ท่ีกำหนดไว้
ในสมัยก่อนประเทศไทยใช้คำว่า “หลักสูตร” ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า “syllabus”
ปรากฏในหลักสูตรมธั ยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย พุทธศักราช 2503 แต่ต่อมาได้เปล่ียนมาใช้คำวา่
“curriculum” แทนซึ่งคำว่า “curriculum” หมายถึง รายวิชาต่าง ๆ ทั้งหมดที่จัดสอนในโรงเรียน
วิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยซึ่งคำว่า “curriculum” ที่ใช้ในปัจจุบันจะเหมาะกว่าคำว่า “syllabus”
เพราะคำนี้จะหมายถึงประมวลการสอนในแต่ละรายวิชา ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับ
จุดมุ่งหมาย เนื้อหาสาระ กิจกรรมการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล (บุญเลี้ยง ทุมทอง, 2553,
หน้า 5)
ได้มีนกั การศกึ ษากล่าวถึงความหมายของคำวา่ หลกั สตู ร (Curriculum) ไว้ดงั นี้
สุมิตร คุณากร (2523, หน้า 2–3) ให้ความหมายของหลักสูตรไว้ 2 ระดับ ได้แก่ หลักสูตร
หมายถึง แนวทางการจัดการศึกษาของชาติเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถและคุณลักษณะ
ตามทส่ี ังคมประเทศชาติตอ้ งการ ซ่ึงเปน็ ไปตามปรชั ญา คา่ นิยมของคนในชาติ และนโยบายของประเทศ
และหลักสูตร หมายถงึ แนวทางของโรงเรียนท่ีจะจัดการศึกษาและบรหิ ารการศึกษาเพื่อความเจริญงอก
งามของนักเรยี นทกุ ดา้ น
การพัฒนาหลักสูตร
ความรู้พ้นื ฐานเก่ยี วกบั หลักสตู ร 2
ธำรง บัวศรี (2542, หน้า 6) กล่าวว่า หลักสูตร หมายถึง แผนซึ่งได้ออกแบบจัดทำขึ้นเพื่อ
แสดงถึงจุดมุ่งหมาย การจัดเนื้อหาสาระ กิจกรรมและมวลประสบการณ์ในแต่ละโปรแกรมการศึกษา
เพ่ือใหผ้ ้เู รยี นมีพฒั นาการในดา้ นต่าง ๆ ตามจุดหมายท่ีกำหนดไว้
วิชัย ประสิทธิ์วุฒิเวชช์ (2542, หน้า 41) กล่าวว่า หลักสูตร หมายถึง มวลประสบการณ์ที่จดั
ให้กับผู้เรียน โดยมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นขั้นตอน กำหนดไว้ในเอกสารเพื่อเป็นแม่บทในการ
จดั การเรยี นการสอนตามระดับชน้ั
มาเรยี ม นิลพันธ์ุ (2543, หน้า 6) กลา่ ววา่ หลักสูตร หมายถงึ เอกสารขอ้ กำหนดเกี่ยวกับมวล
ประสบการณเ์ พ่ือใหผ้ เู้ รยี นได้เจรญิ งอกงามพฒั นาไปในแนวทางท่ีต้องการ
ฆนัท ธาตทุ อง (2550, หน้า 7) กล่าวว่า หลักสตู ร หมายถึง มวลประสบการณค์ วามร้ตู ่าง ๆ ท่ี
จัดให้ผู้เรียนทั้งในและนอกห้องเรียน ซึ่งมีลักษณะเป็นกิจกรรม โครงการหรือแผน เพื่อเป็นแนวทางใน
การจดั การเรยี นการสอนให้ผูเ้ รียนไดพ้ ฒั นาและมคี ณุ ลกั ษณะตามความม่งุ หมายท่ีได้กำหนดไว้
วิชัย วงษ์ใหญ่ (2554, หน้า 6) ได้ให้ความหมายหลักสูตร ใน 2 ความหมาย คือ ความหมาย
แคบของหลักสูตร คอื วชิ าท่สี อน สว่ นความหมายท่ีกวา้ งของหลักสูตร คือ มวลประสบการณ์ทั้งหลายที่
จดั ให้ผู้เรียนทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา ซึง่ เปน็ ท้ังทางตรงและทางออ้ ม
ชัยวฒั น์ สุทธิรัตน์ (2557, หน้า 3) ไดใ้ ห้ความหมายหลกั สูตร คอื มวลประสบการณ์ท้ังหลาย
ซึ่งเป็นแนวทางสำหรับจัดประสบการณ์การรเรียนรู้ ที่โรงเรียนจัดให้แก่ผู้เรียนเพื่อพัฒนาให้เขามี
คุณลกั ษณะตามทีส่ งั คมคาดหมายไว้
รุ่งทิวา จันทน์วฒั นวงษ์ (2557, หน้า 8) ได้ให้ความหมายหลักสตู ร ว่ามีความหมายในสองนัย
คือ เนื้อหาสาระและแผนการจัดประสบการณ์ 1) เนื้อหาสาระ หมายถึง ความรู้ที่ต้องการให้ผู้เรียนได้
เรยี นรู้ มีทง้ั เปน็ ขอ้ เท็จจรงิ และกระบวนการความคดิ พน้ื ฐาน มโนทศั นแ์ ละระบบการคดิ 2) แผนการจัด
ประสบการณ์ หมายถึง แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และประสบการณ์ที่พัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้
ความสามารถ ทักษะในการที่จะดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุขซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ได้จากการ
เรียนร้ทู ั้งในและนอกโรงเรียนรว่ มกจิ กรรมทางสงั คมภายใตก้ ารดูแลของโรงเรียน
กัญฐิกา เกษานุช (2558, หน้า 87) ได้ให้ความหมายหลักสูตร หมายถึง เอกสารที่จัดทำขึ้น
มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า เป็นการแสดงจุดมุ่งหมาย การจัดเนือ้ หาสาระ กิจกรรมและมวลประสบการณ์
ต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียน ทั้งในและนอกห้องเรียน ภายใต้การ
อำนวยการของโรงเรียน เพอ่ื พัฒนาผเู้ รียนใหม้ คี วามรู้ ความสามารถสูงสุดตามศกั ยภาพของแต่ละบุคคล
ชวลิต ชูกำแพง (2559, หน้า 4) ได้ให้ความหมายหลักสูตร หมายถึง มวลประสบการณ์ทุก
อยา่ งที่เกีย่ วข้องกับการเรยี นการสอน มที ง้ั สว่ นที่เปน็ เอกสารหลักฐาน กระบวนการทีใ่ ช้ในการเรียนการ
สอน การจดั กจิ กรรม สือ่ วสั ดตุ า่ ง ๆ ทีจ่ ดั ขน้ึ เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นไปสู่เป้าหมายท่พี งึ ปรารถนา
โอลวิ า (Oliva, 1982, p.10 อา้ งถึงใน ประกาศิต อานภุ าพแสนยากร, 2548, หน้า 3) กล่าววา่
หลักสูตร หมายถึง แผนหรือโปรแกรมสำหรับประสบการณ์ทั้งหลายที่ผู้เรียนจะต้องประสบภายใต้การ
อำนวยการของโรงเรยี น
โซเวล (Sowell, 1996, p.5 อ้างถึงใน ฆนัท ธาตุทอง, 2550, หน้า 7) กล่าวว่า หลักสูตร
หมายถึง การที่จะสอนอะไรให้กับผู้เรียน ซึ่งเป็นความหมายที่กว้างขวางที่รวมทั้งข้อมูลข่าวสาร ทักษะ
และทัศนคตทิ ่กี ำหนดไว้ และไมไ่ ดก้ ำหนดไว้ ให้แก่ผ้เู รียนในโรงเรียน
การพัฒนาหลกั สูตร
ความรพู้ ้ืนฐานเกี่ยวกบั หลักสตู ร 3
วิลส์และบอนได (Wiles and Bondi, 2007 อ้างถึงใน ชวลิต ชูกำแพง, 2559, หน้า 4) ได้
สรุปความหมายของหลักสูตรไว้ว่ามีตั้งแต่ความหมายในระดับแคบที่หมายถึงรายวิชา จนถึงความหมาย
ในระดับกวา้ งท่ีหมายถงึ มวลประสบการณท์ งั้ หมดทโ่ี รงเรยี นจดั ให้
จอห์น วิลส์ (Jon Wiles, 2009, p.2 อ้างถึงใน ชวลิต ชูกำแพง, 2559, หน้า 3) ได้สรุป
ความหมายของหลักสูตรออกเป็นทั้งหมด 4 กลุ่ม กลุ่มแรก ได้ให้ความหมายของหลักสูตรเป็นรายวิชา
หรือเอกสารของหลักสูตร ซึ่งถือว่าเป็นความหมายแรกเริ่มที่สาธารณชนทั่วไปเข้าใจ กลุ่มที่สอง ได้ให้
ความหมายในเชิงประสบการณ์ที่โรงเรียนจัดให้กับผู้เรียน ซึ่งเป็นความหมายที่กว้างกว่ากลุ่มแรก โดย
มองว่ากิจกรรมต่าง ๆ นอกเหนือจากวิชา เช่น โครงการพิเศษ กิจกรรมกีฬา กิจกรรมชมรมก็เป็นส่วน
หนงึ่ ของความหมายของหลักสตู ร กลุม่ ที่สามได้ใหค้ วามหมายว่าเป็นแผนที่ไปส่เู ป้าหมายทท่ีวางไว้ กลุ่ม
นี้จะมองถงึ การเลือกกจิ กรรมท่จี ะทำใหเ้ กิดความสำเร็จตามความมงุ่ หมายของหลักสูตร ส่วนกล่มุ สุดท้าย
จะเป็นการให้ความหมายของหลักสูตรในเชิงผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน โดยมองว่าหลักสูตรคือ
เครื่องมือทก่ี ่อใหเ้ กิดเปา้ หมายด้านความรู้ พฤตกิ รรมและเจตคตขิ องผูเ้ รยี น
จากความหมายของหลักสูตรข้างต้นสรุปได้ว่า หลักสูตร หมายถึง เอกสารที่จัดทำขึ้นไว้
ล่วงหน้า ที่แสดงจุดมุ่งหมาย การจัดเนื้อหาสาระ กิจกรรมและมวลประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งในและนอก
ห้องเรียนทั้งหมดที่โรงเรียนจัดให้ผู้เรียน เพื่อเป็นเครื่องมือที่ก่อให้เกิดเป้าหมายด้านความรู้ พฤติกรรม
และเจตคตขิ องผู้เรียนตามทสี่ ังคมคาดหมายไว้
ความสำคญั ของหลกั สูตร
หลักสูตรนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจาก
หลักสูตรจะเป็นแนวทางสำหรับผู้สอนในการจัดการเรียนรู้ ซึ่งนักการศึกษาได้กล่าวถึงความสำคัญของ
หลกั สตู รไว้โดยสรปุ ในหลายประการตอ่ ไปน้ี
ธำรง บัวศรี (2542, หน้า 9-10) ได้กล่าวว่าความสำคัญของหลักสูตรไว้ 2 แนวทาง คือ
ความสำคญั ของหลักสตู รตอ่ การศกึ ษาส่วนรวม และความสำคัญของหลักสูตรตอ่ การเรียนการสอน
1. ความสำคัญของหลักสูตรต่อการศึกษาส่วนรวม หลักสูตรเป็นเครื่องมือที่ถ่ายทอด
เจตนารมณ์ หรือเป้าประสงค์ของการศึกษาของชาติ ลงสู่การปฏิบัติ อาจกล่าวได้ว่าหลักสูตรคือสิ่งที่
นำเอาความมุ่งหมายและนโยบายการศึกษา ไปแปลงเป็นการกระทำขั้นพื้นฐานในโรงเรียนหรือ
สถานศึกษา ถ้าจะกล่าวว่าหลักสูตรคือหัวใจของการศึกษาก็คงไม่ผิด เพราะถ้าปราศจากหลักสูตรแล้ว
การศึกษาก็ย่อมดำเนินต่อไปไม่ได้ ในการจัดการศึกษานั้น สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือการกำหนด
มาตรฐานเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เรียนแต่ละวัยและแต่ละระดับการศึกษาได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพทัดเทียม
กัน โดยมีรายละเอยี ดทีบ่ ่งชี้ว่า ผเู้ รียนควรเรยี นรอู้ ะไร มีเน้อื หาสาระมากน้อยเพยี งไรควรไดร้ ับการฝึกฝน
ใหม้ ีทักษะในดา้ นใด และควรมีพฒั นาการทง้ั ในส่วนของรา่ งกาย จิตใจ สงั คม และสตปิ ญั ญาอย่างไร
2. ความสำคัญของหลักสูตรต่อการเรียนการสอน หลักสูตรเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นแนวทางใน
การจดั มวลประสบการณ์แก่ผเู้ รยี นหลักสูตรจงึ เปรียบเสมือนแผนท่ีเดินเรือซึ่งบอกให้กัปตันหรือครูสอนรู้
ว่าจะต้องตง้ั เข็มทิศไปทางใดและจุดมุ่งหมายปลายทางของการเรยี นการสอนคืออะไร และระหว่างทางท่ี
ไปจะต้องทำอะไรบ้างเป็นต้นว่าต้องใช้สื่อหรืออุปกรณ์ช่วย หรือต้องมีการตรวจสอบประเมินผล หรือ
ต้องปรับปรุงวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ในการเรียนการสอนนั้นตัวผู้เรียนเองก็จำเป็นต้องทราบล่วงหน้า
การพัฒนาหลักสูตร
ความรพู้ น้ื ฐานเกยี่ วกับหลักสูตร 4
ว่า จะได้เรียนรู้อะไร และจะได้รับผลอย่างไร นอกจากนี้จะต้องเตรียมการอย่างไร จึงจะสามารถเรียนรู้
และได้รับความสำเร็จตามความมุ่งหมาย การที่การเรียนการสอนจะบรรลุผลได้ทั้งผู้เรียนและผู้สอน
จะต้องมสี งิ่ ที่ช่วยกำหนดแนวทาง เพ่อื ใหแ้ ตล่ ะฝา่ ยปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ไี ดส้ อดคล้องและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ส่งิ ท่กี ลา่ วนนั้ ก็คือหลกั สูตร ถา้ หากไมม่ ีหลักสูตรกส็ อนไมไ่ ด้เพราะไม่ร้วู า่ จะสอนอะไร หรอื ถา้ จะสอนโดย
คิดเอาเองก็จะเกิดความสับสน โดยที่อาจสอนซ้ำไปซ้ำมาไม่เรียงลำดับตามที่ควรจะเป็น ผลการเรียนรู้
อาจไม่เป็นไป ตามที่คาดไว้ผู้เรียนเรียนกจ็ ะมคี วามลำบากใจ เพราะไม่ทราบว่าสิ่งที่เรยี นไปนัน้ สามารถ
นำไปเปรียบเทียบได้ในระดับใดช้ันใดการเรียนการสอนคือการนำหลักสูตรไปแปลงเป็นภาคปฏิบัติจริง
ฉันใด ผู้เรียนผู้สอนก็จำเป็นต้องอาศัยหลักสูตรเพื่อช่วยในการเรียนการสอนฉันนั้น หลักสูตรจึงมี
ความสำคัญต่อการเรียนการสอนอยา่ งยง่ิ และเป็นความจำเป็นทคี่ รูผู้สอนจะต้องศกึ ษาหลักสูตรให้เข้าใจ
อยา่ งถ่องแท้พร้อมทง้ั ช่วยใหผ้ เู้ รียนมคี วามเข้าใจดว้ ย
วชิ ัย วงษ์ใหญ่ (2554, หนา้ 7) ได้กล่าวถึงวา่ หลกั สตู รมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับการจัด
การศึกษาของประเทศในระดับและประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่การจัดการศึกษาผู้เรียนก่อนวัยเรียนการ
ประถมศึกษา การมัธยมศึกษา การศึกษานอกระบบ การศึกษาประเภทอาชีวศึกษาและการอุดมศึกษา
รวมท้งั การฝกึ อบรมทงั้ ระยะสั้นและระยะยาว ซง่ึ หลกั สตู รเป็นเครือ่ งมือท่ที ำให้ความมุ่งหมายของการจัด
การศึกษาของประเทศมีประสิทธิภาพ ความสำคัญของหลักสตู รสรุปได้ดงั นี้
1. หลักสูตรเป็นแผนหรือแนวทางในการจัดการศึกษาของชาติให้บรรลุตามความมุ่งหมาย
และนโยบาย
2. หลกั สตู รเป็นหลักหรือแนวทางในการวางแผนวิชาการ การจดั และการบริหารการศึกษา
การสรรหาและการพัฒนาบุคลากร การจัดวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ นวัตกรรมการเรียนการสอน
งบประมาณ อาคารสถานที่ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความ
คาดหวังของหลักสูตร
3. หลักสูตรเปน็ เครือ่ งมือในการควบคุมมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา และคุณภาพ
ของผเู้ รียนใหเ้ ป็นไปตามนโยบายแผนการศกึ ษาชาติ และสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของแต่ละท้องถิ่น
4. หลักสูตรเป็นเครื่องมือบ่งชี้ทิศทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้มีคุณภาพและ
สอดคลอ้ งกับแนวโน้มการพัฒนาสังคมของประเทศ
5. ระบบหลักสูตรจะกำหนดความมุ่งหมาย ขอบข่ายเนื้อหา แนวทางการจัดประสบการณ์
การเรียนการสอน แหล่งทรพั ยากร และการประเมินผล สำหรบั การจัดการศกึ ษาของผสู้ อนและผู้บริหาร
กระทรวงศึกษาธิการ (2551, หนา้ 3, 20) ได้กลา่ วถงึ ความสำคัญของหลักสตู รไวด้ งั น้ี
1. ความสำคัญตอ่ การจัดการศึกษาของชาติ การศกึ ษาเป็นกระบวนการพัฒนาบุคคลท้ังใน
ด้านความรู้ กระบวนการ และคุณธรรม ค่านิยม การศึกษาจึงเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนในสังคม
ดังนั้นหากต้องการทราบว่าประเทศต่าง ๆ มีความเจริญก้าวหน้าอยู่ในระดับใด ตัวชี้วัดที่สำคัญประการ
หนึ่งคือ คุณภาพการศึกษา ความเสมอภาค และโอกาสทางการศึกษาของประชากรในประเทศ หาก
พิจารณาไปถึงหลักสูตรในระดับต่าง ๆ จะทำให้มองเห็นจุดเน้นในการพัฒนาศักยภาพ และคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ของประชากรประเทศนั้น ตลอดจนทิศทางในการพัฒนาประเทศได้เป็นอย่างดี ดัง
ตัวอยา่ งของจดุ หมายของหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียน
ใหเ้ ป็นคนดี มปี ัญญา มีความสุข มีศกั ยภาพในการศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชพี
การพฒั นาหลกั สูตร
ความรู้พนื้ ฐานเก่ียวกับหลักสตู ร 5
2. ความสำคัญต่อการจัดการเรียนรู้ หลักสูตรเปรียบเสมือนเข็มทิศสำหรับครูที่กำหนด
ทิศทางในการจัดการเรยี นรู้ให้แก่ผู้เรียน หรือ อาจกล่าวได้ว่า หลักสูตรเป็นมาตรฐานกำหนดคุณภาพใน
การจดั การศกึ ษา เพอื่ ใหผ้ ้เู รียนบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ได้อย่างเสมอภาค และเทา่ เทยี มกัน ดังตวั อยา่ ง
แนวทางการจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่เน้น
กระบวนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตาม
ธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้น
ให้ความสำคัญทั้งความรู้ และคุณธรรม การจัดการเรียนรู้ตามสภาพจริงให้สอดคล้องกับมาตรฐานการ
เรยี นร้ขู องหลักสูตรและมาตรฐานการศึกษาชาติ
ชวลติ ชกู ำแพง (2559, หนา้ 13) ได้กล่าวถงึ ความสำคัญของหลักสตู รไว้ดังน้ี
1. หลักสตู รเปรียบเสมอื นแมพ่ ิมพ์ของประชาชนในประเทศ ซึ่งคนท่จี บการศึกษาในแต่ละ
ระดับในประเทศ หลกั สูตรจะเป็นตวั กำหนดคุณลักษณะของคนท่ีจบการศึกษาในระดบั นน้ั ๆ
2. หลกั สตู รเปน็ มาตรฐานของการศึกษา ถ้าประเทศหรือการศึกษาระดับใดมีหลักสูตรท่ีมี
ประสทิ ธิภาพจะสะทอ้ นถึงการจดั การศกึ ษาท่มี ปี ระสิทธภิ าพตามมา
3. หลักสูตรเป็นแนวทางในการให้การศึกษา ซึ่งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนสามารถใช้เป็น
เครื่องมือในการกำกับดูและติดตามผลของการศึกษาได้ ทั้งผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง ตลอดทั้งผู้เกี่ยวข้อง
กบั การศกึ ษาทกุ คน
4. หลักสูตรเปน็ แนวปฏิบัติในการจดั การเรียนการสอนของครู เน่อื งจาตัวหลักสูตรจะเป็น
ตัวกำหนดคุณลักษณะของผู้เรียนในระดับมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งครูสามารถออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้
อย่างหลากหลาย ใหส้ ะทอ้ นและบรรลเุ ป้าหมายของหลกั สูตรท่ีตั้งไว้
5. หลกั สูตรเป็นเคร่อื งกำหนดแนวทางความรู้ ตลอดท้ังการจัดประสบการณ์ของครูผู้สอน
ซึง่ การศึกษาในแตล่ ะระดบั จะมีองค์ความร้แู ละประสบการณ์ทแี่ ตกตา่ งกนั ไป
6. หลักสูตรเป็นเครื่องทำนายอนาคตการศึกษาของชาติ อนาคตการศึกษาของชาติย่อม
มาจากหลกั สตู รท่มี ีวิสยั ทัศน์ ทม่ี กี ารวางกรอบเน้ือหาท่เี ทา่ ทันการเปล่ียนแปลงของสังคม
จากความสำคัญของหลักสตู รขา้ งตน้ สรุปได้วา่ หลกั สตู รมีความสำคัญต่อการจัดการศึกษาทุก
ระดับ แบ่งได้ดังนี้ 1) ระดับชาติ หลักสูตรถือเป็นแม่บทที่ใช้เป็นแนวทางและเกณฑ์มาตรฐานทาง
การศึกษาสำหรับควบคุมการเรียนการสอนในแต่ละระดับการศึกษาและเป็นเครื่องชี้ถึงความ เจริญของ
ชาติ 2) ระดับสถานศึกษา หลักสตู รเปน็ เครอื่ งมอื ในการแปลงจุดมุ่งหมายและนโยบายทางการศกึ ษาของ
ชาตสิ ู่การปฏิบัติในสถานศึกษาทีส่ อดคล้องและเหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษาและท้องถน่ิ นั้น ๆ ใน
การกำหนดกรอบคุณภาพมาตรฐานผูเ้ รยี น โครงสร้างเวลาเรยี น เน้ือหาวิชากจิ กรรม และแนวทางการวัด
ประเมินผล และ 3) ระดับห้องเรียนหรอื ระดับการเรียนการสอนที่เกิดข้ึนจริงในห้องเรียน หลักสูตรเป็น
สิ่งที่ชี้ให้เห็นแนวทางสำหรับครูผู้สอนในการจัดเนื้อหาสาระและมวลประสบการณ์แก่ผู้เรียนว่าจะต้อง
จัดการเรียนการสอนอย่างไรจึงจะบรรลุเป้าหมายของหลักสูตรระดับสถานศึกษา เพื่อให้บรรลุ
เป้าประสงค์หรือสอดคล้องตามเจตนารมณ์ของการศึกษาของชาติ หลักสูตรจึงเป็นหัวใจสำคัญของ
การศึกษา เพื่อจัดเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ และเจตคติที่ดี สามารถดำเนิน
ชีวิตไดอ้ ยา่ มคี วามสุข
การพฒั นาหลักสูตร
ความรูพ้ น้ื ฐานเกยี่ วกับหลกั สตู ร 6
องค์ประกอบของหลักสตู ร
องค์ประกอบของหลักสูตร หมายถึง ส่วนที่อยู่ภายในและประกอบกันเข้าเป็นหลักสูตรเป็น
ส่วนสำคัญที่จะทำให้ความหมายของหลักสูตรสมบูรณ์ เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนการ
ประเมนิ ผล และการปรบั ปรงุ พัฒนาหลกั สูตร
ธำรง บัวศรี (2542, หน้า 7–8) ให้ความเห็นว่า หลักสูตรจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบท่ี
สำคญั ขาดไม่ได้ 6 องคป์ ระกอบ ดังน้ี
1. จุดหมายของหลักสตู ร
2. จดุ ประสงค์ของการเรียนการสอน
3. เนอ้ื หาสาระและประสบการณ์
4. ยทุ ธศาสตรก์ ารสอนการเรยี น
5. วสั ดุอปุ กรณ์และส่ือการเรียนการสอน
6. การประเมินผลหลักสูตรและประเมินผลการเรียนการสอน
บุญชม ศรีสะอาด (2546,หน้า 11) กล่าวว่า หลักสูตรมีองค์ประกอบพื้นฐาน 4 องค์ประกอบ
คือ
1. จดุ ประสงค์
2. สาระความรปู้ ระสบการณ์
3. กระบวนการเรียนการสอน
4. การประเมินผล
กัญฐกิ า เกษานชุ (2558, หน้า 90-91) ได้กลา้ วว่า หลักสตู รทสี่ มบรู ณ์นัน้ จะต้องประกอบด้วย
องคป์ ระกอบ 4 องค์ประกอบ ดังนี้
1. จุดมุ่งหมายของหลักสูตร (Curriculum Aims) จุดมุ่งหมายของหลักสูตร หมายถึง
ความตั้งใจหรือความคาดหวังที่ต้องการให้เกิดขึ้นในตัวผู้ที่จะผ่านหลักสูตร ถือว่าเป็นส่วนสำคัญอันดับ
แรกของหลักสูตร เพราะจุดมุ่งหมายนั้นคือการตอบคำถามว่าจะจัดการศึกษาระดับนั้นเพื่ออะไร หรือ
ต้องการให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอย่างไร ต้องการให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมด้านใดบ้าง จึงถือว่าเป็นคนที่มี
คุณค่าแก่สังคมจุดมุ่งหมายนั้นมีอยู่หลายระดับ ได้แก่ จุดมุ่งหมายระดับหลักสูตรซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายท่ี
บอกให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรู้เป้าหมายของหลักสูตรนั้น ๆ จุดมุ่งหมายของกลุ่มวิชา วิชาแต่ละกลุ่มจะสร้าง
คุณลักษณะที่แตกต่างให้กับผู้เรียน ดังนั้น แต่ละกลุ่มวิชาจึงมีการกำหนดจุดมุ่งหมายไว้ต่างกัน
จุดมุ่งหมายรายวชิ าเป็นจุดมุ่งหมายท่ีละเอียดจำเพาะเจาะจงกวา่ จุดมุ่งหมายกลุ่มวิชา ผู้สอนรายวิชาจะ
กำหนดจุดมุ่งหมายในการสอนเนื้อหาแต่ละบทแต่ละตอนขึ้นในรูปของจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมแม้ว่า
จุดมุ่งหมายของการศึกษามีหลายระดับดังกล่าวแล้วจุดมุ่งหมายทุกระดับย่อมสอดคล้องกันและน ำไปสู่
จุดหมายปลายทางเดียวกัน
2. เนื้อหาสาระและประสบการณ์ (Content and Experience) เมื่อกำหนดจุดมุ่งหมาย
ของหลักสูตรเรียบร้อยแล้วกิจกรรมต่อไปก็คือ การเลือกสรรวิชาต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมาย ที่
คาดวา่ จะช่วยใหผ้ เู้ รยี นพัฒนาไปสู่จดุ มงุ่ หมายที่กำหนดไว้ โดยเป็นความร้ทู ีจ่ ดั ไวอ้ ย่างเป็นระบบระเบียบ
ตั้งแต่การเลือกเนื้อหาสาระและประสบการณ์ การเรียงลำดับเนื้อหาสาระ พร้อมทั้งกำหนดเวลาเรียนท่ี
การพัฒนาหลกั สตู ร
ความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกบั หลักสูตร 7
เหมาะสม เพื่อให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์การเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในแนวทางของ
จุดมุง่ หมายของหลักสูตร
3. กระบวนการเรียนการสอน (The Teaching Process) การสอนถอื ว่าเปน็ หวั ใจของการ
นำหลักสูตรไปใช้ ดังนั้นครูผู้สอนจึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นผู้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่
ผู้เรียน หากครูผู้สอนได้ศึกษาหลักสูตรจนเข้าใจและสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
แลว้ ย่อมทำให้หลักสูตรเกิดสัมฤทธิผล
4. การประเมินผล (Evaluation) การประเมินผลหลักสูตร คือ การหาคำตอบวา่ หลักสูตร
สัมฤทธิผลที่กำหนดไว้ในจุดมุ่งหมายหรือไม่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ชี้ให้เห็นว่าตั้งแต่การกำหนด
จุดมุ่งหมาย การเลือกเนื้อหาวิชาต่าง ๆ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน ข้อมูลจากการ
ประเมนิ ผลน้ีจะเปน็ แนวทางไปส่กู ารปรับปรงุ และพัฒนาหลักสตู รตอ่ ไป
องค์ประกอบของหลักสูตรโดยทั่วไปประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน ดังนี้ (Ornstein and
Hunkins, 1988, p.233)
1. จุดมุ่งหมาย (Objectives) การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตรเป็นการตอบคำถามว่า
เราจะจัดการศึกษาในระดับนน้ั เพอ่ื อะไร ตอ้ งการให้ผเู้ รียนมีคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์อยา่ งไร
2. เนื้อหาสาระ (Subject matter) การคัดสรรเนื้อหาสาระเป็นการกำหนดความรู้ และ
ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะชว่ ยให้ผู้เรยี นพฒั นาไปสจู่ ุดมุง่ หมายทกี่ ำหนดไว้
3. วิธีการและการจัดการ (Method and Organization) คือการนำเอาหลักสูตรไปใช้
ตง้ั แตร่ ะดบั สถานศกึ ษา จนถงึ ในระดบั ชนั้ เรยี น
4. การประเมินผล (Evaluation) เป็นการตรวจสอบผลการใช้หลักสูตรว่ามีสิ่งใดที่ต้อง
ปรบั ปรุงแกไ้ ข ซงึ่ ไดแ้ ก่ การประเมนิ ผลการเรียนรูแ้ ละการประเมนิ ผลหลกั สตู ร
จุดมุ่งหมาย
เนือ้ หาสาระ วิธกี ารและการจดั การ
การประเมินผล
ภาพท่ี 1.1 องค์ประกอบของหลักสตู ร
ทีม่ า : ปรับปรงุ มาจาก Ornstein and Hunkins (1993, p.233)
การพฒั นาหลักสูตร
ความร้พู ้ืนฐานเกย่ี วกับหลักสตู ร 8
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าในการสร้างหลักสูตรทั้งระดับชาติจนถึงระดับห้องเรียน จึงต้องค ำนึงถึง
องคป์ ระกอบสำคญั 4 สว่ น คือ 1) จดุ ม่งุ หมาย 2) เน้อื หาสาระ 3) วธิ กี ารและการจัดการเรยี นรู้ และ 4)
การประเมินผล ซึ่งจะขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งไม่ได้ โดยเฉพาะ จุดมุ่งหมายเป็น
องค์ประกอบที่บ่งบอกถึงทิศทางหรือเป้าหมายในการพัฒนาหรือบอกว่าจะสอนเพื่ออะไร หากขาด
เนื้อหาสาระก็จะกำหนดไม่ได้ว่าจะสอนอะไร ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงว่าจะสอนอย่างไร (วิธีการและการ
จัดการเรียนรู้) เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมาย และจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กบรรลุจุดมุ่งหมายของหลักสูตรนั้น ซ่ึง
หมายความว่าองคป์ ระกอบการประเมินผลก็ย่อมขาดไม่ได้เชน่ กัน
รูปแบบของหลักสูตร
รปู แบบของหลักสูตรน้ัน ในตำราภาษาองั กฤษมีผู้ใชห้ ลายคำในความหมายเดียวกัน ได้แก่ คำ
ว่า Design, Structure, Pattern และ Organization หลักสูตรทั้งหลายจะมรี ูปแบบแตกต่างกันไปทัง้ นี้
เนอ่ื งจากมอี ิทธพิ ลของความคดิ ปรัชญา และทฤษฎีทางการศกึ ษาทีเ่ ปล่ียนแปลงอยู่เสมอ
รูปแบบของหลักสูตรในปัจจุบันมีผู้ก าหนดประเภทของหลักสูตรออกเป็นหลายประเภท
แล้วแต่แนวความคิดของแต่ละคน แต่ก็มีความหมายใกล้เคียงกัน และท่ีสำคัญมีความหมายตรงกัน
กลา่ วคือเพ่อื ให้ประสบการณ์กบั ผู้เรียนน่นั เอง แต่การทีก่ ำหนดรปู แบบของหลักสตู รวา่ เป็นรูปแบบใดนั้น
จะขึ้นอยู่กับการตอบสนองผลสัมฤทธิ์ทางการจัดการเรียนการสอน และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เหมาะสม
แต่ก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่ารูปแบบนั้นดีกว่ารูปแบบนี้ได้ เพราะบางประเภทอาจสนองเจตนารมณ์ได้ใน
ลักษณะหนึ่งแต่อาจไม่สนองผลสัมฤทธิ์ในอีกลักษณะหนึ่งได้ ดังนั้นการเลือกใช้รูปแบบของหลักสูตร
ประเภทใดนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น และจุดหมายปลายทางของการจัดการศึกษาในแต่ละ
ประเภทและแต่ละระดับการศึกษาเป็นสำคัญ ได้มีนักพัฒนาหลักสูตรหลายท่านได้ให้แนวคิดในการ
กำหนดรูปแบบของหลกั สูตรไว้ ดังน้ี
ธำรง บัวศรี (2542 : 173-175) กล่าวว่า หลักสูตรที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ เนื่องจากมี
แนวคิดในการออกแบบหลักสูตรแตกต่างกันไปตามยุคตามสมัย แต่สามารถรวบรวมได้เป็น 6 แนวคิด
ดงั น้ี
1. แนวความคดิ ที่ยึดวิชาหรือสาขาวิชาเป็นหลกั
2. แนวความคดิ ท่ียดึ กจิ กรรมและปัญหาของสังคมเปน็ หลกั
3. แนวความคดิ ทยี่ ดึ ความตอ้ งการและความสนใจของผูเ้ รียนเปน็ หลัก
4. แนวความคดิ ทยี่ ดึ ความสามารถเฉพาะของผ้เู รยี นเปน็
5. แนวความคดิ ที่ยดึ ทักษะในกระบวนการเรยี นรู้เป็นหลัก
6. แนวความคดิ ที่ยึดหลกั การผสมผสานท้งั ในด้านกระบวนการและความรู้
บญุ ชม ศรีสะอาด (2546 : 49-61) กลา่ ววา่ รปู แบบของหลักสูตรแบ่งออกไดเ้ ป็น 11 รูปแบบ
ดงั น้ี
1. หลักสูตรรายวชิ า
2. หลักสตู รสหสัมพนั ธ์
3. หลักสูตรผสมผสาน
4. หลักสูตรหมวดวชิ า
การพฒั นาหลักสูตร
ความรู้พ้นื ฐานเกยี่ วกับหลกั สตู ร 9
5. หลักสูตรวิชาแกน
6. หลกั สตู รทีเ่ น้นทักษะกระบวนการ
7. หลกั สตู รทีเ่ นน้ สมรรถฐาน
8. หลกั สูตรท่เี น้นกิจกรรมและปัญหาทางสงั คม
9. หลกั สูตรทเ่ี นน้ ความต้องการและความสนใจของแต่ละบุคคล
10. หลกั สูตรมนุษยน์ ยิ ม
11. หลักสูตรประสบการณ์
รงุ่ ทวิ า จนั ทนว์ ฒั นวงษ์ (2557, หนา้ 83-87) ไดป้ ระเภทหลักสตู รที่สำคญั ไว้ 8 ประเภท โดยมี
รายละเอียด ดงั นี้
1. หลักสูตรรายวชิ า (Subject Curriculum)
2. หลักสูตรสัมพนั ธว์ ชิ า (Correlated Curriculum)
3. หลักสูตรกวา้ ง (Broad-Field Curriculum)
4. หลกั สตู รแกน (Core Curriculum)
5. หลักสตู รประสบการณ์ (Experience Curriculum)
6. หลักสูตรเกณฑค์ วามสามารถ (Competencies Based Curriculum)
7. หลกั สูตรบรู ณาการ (Integrated Curriculum)
8. หลักสตู รเพื่อชีวิตและสังคม (Social Process and Life Function Curriculum)
ชวลติ ชกู ำแพง (2559, หน้า 7-12) ไดส้ รปุ รปู แบบหลักสูตรทสี่ ำคญั ดงั นี้
1. หลักสตู รรายวชิ า (Subject Curriculum)
2. หลกั สตู รสมั พนั ธว์ ิชา (Correlated Curriculum)
3. หลกั สตู รผสมผสาน (Fused Curriculum)
4. หลักสูตรหมวดวิชาแบบกว้าง (Broad Field Curriculum)
5. หลักสูตรแกน (Core Curriculum)
6. หลักสูตรที่เน้นกิจกรรมและปัญหาทางสังคม (Social Activities and Problem
Curriculum)
7. หลักสตู รท่ีเน้นความต้องการและความสนใจของแต่ละบุคคล (Need and Interest of
Individual Curriculum)
8. หลักสตู รเพ่อื ชีวิตและสงั คม (Social Process and Life Function Curriculum)
9. หลักสูตรบูรณาการ (Integrated Curriculum)
10. หลกั สูตรอิงมาตรฐาน (Standards Based Curriculum)
จากแนวคิดข้างต้นของนักการศึกษา นักพัฒนาหลักสูตรได้กล่าวถึงประเภทของหลักสูตรไว้
หลากหลายประเภท ซึ่งความคิดหลักมีความสอดคล้องกัน ผู้เขียนเสนอประเภทหลักสูตรสำคัญไว้ 10
ประเภท โดยมีรายละเอียด ดังน้ี
1. หลกั สตู รรายวิชา (Subject Curriculum)
หลักสูตรรายวิชา เป็นหลักสูตรที่ใช้มานานที่สุด ได้รับอิทธิพลจากปรัชญาการศึกษา
กลมุ่ สารัตถนยิ ม (Essentialism) โครงสร้างหลกั สตู รแยกเป็นรายวชิ า แต่ละรายวิชาจะไมม่ คี วามสัมพันธ์
การพฒั นาหลักสตู ร
ความร้พู น้ื ฐานเกี่ยวกับหลักสตู ร 10
เกี่ยวข้องกันเป็นหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาสาระเป็นหลัก กระบวนการจัดการเรียนรู้ เน้นครูเป็นผู้ถ่ายทอด
ความรู้ จุดหมายของหลักสูตรต้องการพัฒนาด้านสติปัญญา ความรู้ความจำของผู้เรียนมากกว่าการนำ
ประโยชน์ของความรไู้ ปใช้ในชวี ิตประจำวนั
การประเมินผลการศึกษาหรือการเรยี นรู้ของนักเรยี น จงึ ม่งุ เน้นด้านผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนเปน็ หลัก การประเมินผลการเรยี นรู้ มคี วามสะดวก เครือ่ งมือวัดไม่ยุ่งยาก เน่อื งจากเด็กทุกคนต้อง
เรียนทุกสิ่งทุกอย่างที่เหมือน ๆ กันและจะต้องมีความรู้สอบผ่านข้อสอบเดียวกัน จากสาระเนื้อหา
เดยี วกันไม่มกี ารจัดเนื้อหาสาระที่คำนงึ ถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
จุดเดน่ ของหลักสตู รรายวชิ า คือ การจดั การเรยี นการสอนเปน็ ไปได้งา่ ย รวดเรว็ เพราะ
เน้อื หาวิชาถูกจัดไว้อย่างเปน็ ระบบ ทำใหผ้ ้เู รยี นทกุ คนมคี วามคิดรวบยอดในเร่ืองน้ันถูกต้องตรงกนั
ข้อจำกัดของหลักสูตรรายวิชา คือ การเรียนเนื้อหาแต่ละรายวิชาไม่สามารถ เชื่อมโยง
ใหส้ ัมพนั ธก์ นั และนำไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหาในชวี ิตประจำวนั ได้ ผ้เู รียนขาดทกั ษะการคิดแก้ปัญหา ทั้งนี้
เนื่องจากหลักสูตรจะเปลี่ยนแปลงก็ต่อเมื่อเนื้อหาวิชาเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงจากความ
ตอ้ งการหรือความผันแปรในสงั คม
2. หลักสูตรสมั พนั ธว์ ชิ า (Correlated Curriculum)
หลักสูตรสัมพันธ์วิชา เนื่องจากหลักสูตรรายวิชามีข้อบกพร่องหลายด้าน นักพัฒนา
หลักสูตรจึงพยายามแก้ไขปรับปรุงให้รายวิชาต่าง ๆ ในหลักสูตรมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันมากขึ้นเช่น
ในกรณีผู้สอนอย่างน้อยสองรายวิชาร่วมกันวางแผนจัดการเรียนการสอนร่วมกัน โดยสอนหัวเรื่อง
เดียวกนั มีการเช่อื มโยงไปสรู่ ายวิชาทเ่ี ก่ยี วข้องกัน ตวั อยา่ ง “การสอนเรื่องเงา” ครูวิทยาศาสตร์สอนการ
เกิดเงา ครูคณิตศาสตร์สอนการวัดระยะทางโดยการวัดเงาคิดคำนวณเรื่องเงาในช่วงเวลาต่าง ๆ จัดทำ
กราฟของเงาในระยะต่าง ๆ ครูศิลปะสอนเทคนิคการวาดรูปที่มีเงา เป็นต้น หลักสูตรสัมพันธ์วิชายึด
แนวคิดหลักการของปรัชญาการศึกษาสารัตถนิยม โครงสร้างหลักสูตรยังจัดแยก เป็นรายวิชาแต่นำ
หัวข้อของรายวิชา ต่าง ๆ มาเชื่อมโยงกัน ผู้สอนยังคงรับผิดชอบรายวิชาของตนเอง และเน้นบทบาท
การสอนของครเู ป็นสำคัญ
การประเมินผลการศึกษาหรือการเรียนรู้ของนักเรียน คือ การวัดความสำเร็จด้วย
คะแนนความจดจำเนื้อหาวิชาแต่ละวิชา ใครมีความสามารถจดจำแล้วถ่ายทอดออกมาได้มาก ก็ถือว่ามี
ความสามารถมาก ถา้ ใครจดจำและถา่ ยทอดออกมาได้น้อย กถ็ ือวา่ ไม่มีความสามารถหรือไมเ่ กง่
จดุ เด่นของหลักสูตรสัมพนั ธ์วิชา คือ ช่วยให้ผเู้ รยี นสนใจในบทเรยี นมากขึ้น การเรียนมี
ความหมายมากข้นึ เพราะสามารถเชือ่ มโยงความรู้จากวิชาหนึ่งไปสูอ่ ีกวิชาหน่ึงได้
ข้อจำกัดของหลักสูตรสัมพันธ์วิชาา คือ เรื่องเวลาของการวางแผนร่วมกันของผู้สอน
การวดั และการประเมินผลการเรยี นรยู้ ังคงเน้นการวัดการจดจำเนื้อหาสาระความรู้ อาจสง่ ผลต่อผู้เรียน
ไม่สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการดำเนินชวี ติ ได้
3. หลักสตู รหมวดวชิ าแบบกวา้ ง (Broad Field Curriculum)
หลกั สูตรหมวดวิชาแบบกว้าง เปน็ หลกั สตู รทพ่ี ฒั นาขึ้นเพอ่ื แก้ข้อบกพร่องของหลักสูตร
รายวชิ า ดว้ ยการรวมเอาวิชาท่มี ีลกั ษณะ เน้ือหาคลา้ ยกันหรอื ใกล้เคียงกันมารวมไวใ้ นหมวดวชิ าเดียวกัน
เช่น หมวดวิชาสังคมศึกษาประกอบด้วยวิชาภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม
หมวดวิชาคณิตศาสตร์ประกอบด้วยวิชาเลขคณิต พีชคณิต เรขาคณิต และตรีโกณมิติ เป็นต้น หลักสูตร
การพฒั นาหลกั สูตร
ความรูพ้ ้นื ฐานเกีย่ วกับหลกั สูตร 11
ประเภทนี้ยังคงมีแนวคิดของการจัดการศึกษาตามปรัชญาการศึกษาแบบสารัตถนิยมคือมุ่งเน้นการ
ถา่ ยทอดความรู้เนอ้ื หาวชิ าเปน็ สำคัญ
การประเมินผลของการศึกษาหรือการเรียนรู้ของนักเรียน ยึดเนื้อหาสาระของรายวิชา
เป็นหลกั เนน้ การวัดความรูค้ วามจำเนอ้ื หาสาระของวชิ าเดมิ
จุดเด่นของหลักสูตรกว้าง คือ เป็นหลักสูตรที่รวบรวมรายวิชาที่มีความสัมพันธก์ ัน ถือ
เป็นศาสตร์เดียวกันมาจัดไว้ในหมวดวิชาเดียวกัน ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการหลักสูตร ผู้เรียนเห็น
ความเช่ือมโยงเนือ้ หาสาระการเรียนรูส้ ามารถนำไปปรับใช้ในชีวติ ประจำวันได้
ข้อจำกัดของหลักสูตรกว้าง คือ การจัดกิจกรรมตามเป้าหมายหลักสูตรกว้างทำได้ยาก
เพราะต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของครูในการออกแบบกิจกรรมที่เชื่อมโยงเนื้อหาสาระ
ของศาสตร์นั้นได้ พบว่าในทางปฏิบัติครูก็ยังคงสอนแบบแยกเป็นรายวิชา ส่งผลต่อการวัดและ
ประเมินผลของครยู งั คงแยกประเมินตามเน้ือหาสาระที่ตนเองรบั ผดิ ชอบ
4. หลักสูตรกิจกรรม หรือหลักสูตรประสบการณ์ (Activity or Experience
Curriculum)
แนวคิดของนกั พัฒนาหลกั สูตรกลุ่มน้ี ตอ้ งการแกไ้ ขขอ้ บกพร่องของหลักสตู รแบบเดิมที่
เอาเนื้อหารายวิชาเป็นตัวตั้ง โดยไม่คำนึงถึงความต้องการและความสนใจของผู้เรียน หลักสูตรนี้ได้รับ
อิทธิพลจากแนวคิดของปรัชญาการศึกษาแบบพิพัฒนาการนิยม (Progressivism) นักการศึกษาของ
สหรัฐอเมริกาที่มชี ื่อเสียงในกลุ่มของหลักสูตรประเภทนี้ คือ จอห์น ดิวอี้ (John Dewey) ซึ่งมีความเช่ือ
ว่า การเรียนรู้ของผู้เรียนที่ผ่านประสบการณ์จากการลงมือปฏิบัติ (Learning by Doing) จะทำให้เกิด
การเรียนร้ทู ม่ี ีประสิทธิภาพ ผู้เรยี นจะเรียนรวู้ ิธีการคดิ แก้ปัญหาที่เกิดข้นึ กับตนเองหรือสงั คม
การประเมินผลการศึกษาหรือการเรียนรู้ของนักเรียน เน้นการประเมินทักษะการคิด
ทกั ษะการแกป้ ัญหา ผเู้ รียนมีส่วนรวมในการประเมนิ ตนเอง
จดุ เด่นของหลักสูตร คอื เปน็ หลักสตู รท่เี น้นประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติ ผู้เรียนได้
เรียนในส่ิงที่สนใจ และเกดิ ประโยชน์ตอ่ การดำรงชวี ติ ประจำวัน ส่งเสรมิ ทกั ษะการคดิ
ข้อจำกัดของหลักสูตร ได้แก่ ความยุ่งยากในการกำหนดสาระการเรียนรู้ เนื่องจาก
ความสนใจ ความถนัดของผู้เรียนที่หลากหลาย ตลอดจนความพร้อมด้านความสามารถในการพัฒนา
หลักสูตรของครู ทรัพยากรสอื่ แหลง่ การเรยี นรู้ และการจัดตารางเรยี น
5. หลกั สูตรแกน (Core Curriculum)
หลักสูตรแกน เป็นหลักสูตรอีกรูปแบบหนึ่งที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของ
หลักสูตรรายวิชาในระยะแรก การจัดทำหลักสูตรแกนจะเริ่มจากการนำเนื้อหาของวิชาต่าง ๆ มา
เชื่อมโยงกัน กำหนดหัวข้อใหม่เอาวิชาใดวิชาหนึ่งเป็นวิชาแกนแล้วนำวิชาอื่น ๆ มาสัมพันธ์กัน โดย
คำนึงถึงความต้องการและความสนใจของผู้เรียนเป็นแกนของหลักสูตร เน้นวิธีการแก้ปัญหานำเอา
บทบาทหน้าที่ของบุคคลในสังคมและปัญหาของสังคมเป็นแกนของหลักสูตร บทบาทของครูก็จะ
เปลี่ยนไปเป็นผู้คอยให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษาทั้งเปน็ รายบุคคลหรอื รายหมู่ นักเรียนจะมีประสบการณ์
ในการแก้ปัญหาโดยตรง ซึ่งเป็นแนวคิดการพัฒนาหลักสูตรตามปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม หลักสูตร
แกนเป็นหลักสตู รท่ีบงั คบั ให้ทุกคนต้องเรียน เชน่ หลักสูตรการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2544 เป็น
หลกั สูตรทีป่ ระกอบดว้ ยความรู้ ทักษะ และเจตคติ ทไี่ ดเ้ ลอื กสรรแลว้ เหน็ วา่ มีความจำเป็นสำหรับผู้เรียน
การพัฒนาหลกั สตู ร
ความรู้พื้นฐานเกีย่ วกบั หลักสตู ร 12
ทุกคน จัดหลักสูตรเป็นกลุ่มประสบการณ์ คือ กลุ่มทักษะที่เป็นเครื่องมือการเรียนรู้กลุ่มสร้างเสริม
ประสบการณ์ชีวิต กลุ่มสร้างเสริมลักษณะนิสัย และกลุ่มการงานและพื้นฐานอาชีพโดยจัดเนื้อหาเป็น
หน่วยการเรียนรู้
การประเมินผลการศึกษาหรือการเรียนรู้ของนักเรียน เน้นการประเมินทักษะ
กระบวนการในการแกป้ ญั หา ประเมินเพ่ือตรวจสอบพัฒนาการการเรยี นรมู้ ากขนึ้
จุดเดน่ ของหลกั สูตรแกน คอื เนอ้ื หาสาระในหลักสตู รมคี วามสัมพนั ธ์ระหวา่ งวชิ าต่าง ๆ
และมีการผสมผสานเนื้อหาวิชากับประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียนและสังคมให้สามารถน ำความรู้ไป
ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั การเรยี นรู้เน้นการแกป้ ญั หาของสังคมมากข้ึน ผ้เู รยี นมีโอกาสศกึ ษาเนือ้ หาท่ีตนสนใจ
ความถนดั และความตอ้ งการมากข้ึน
ข้อจำกัดของหลักสูตรแกน คือ การจัดการเรียนการสอนของครูต้องใช้ความรู้
ความสามารถสูง ตลอดจนหลักสูตรประเภทนี้ต้องใช้เวลาในการวางแผนการทำกิจกรรมการเรียนการ
สอนมากเน่ืองจากต้องวางแผนการปฏิบตั ิงานรว่ มกนั กับบุคลากรหลายฝา่ ย ผเู้ รียนอาจได้รับเนื้อหาน้อย
เนื่องจากเน้นการจัดกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้
6. หลกั สูตรเพือ่ ชีวิตและสงั คม (Social Process and Life Function Curriculum)
การจัดหลักสูตรเพื่อชวี ิตและสังคมเปน็ หลกั สูตรทีย่ ึดชีวิตจริงของผู้เรียนและสงั คมเป็น
หลักเพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถนำความรแู้ ละประสบการณ์ไปใช้ในชวี ิตประจำวันได้และสามารถดำรงชีวิตอยู่
ในสงั คมได้อยา่ งมคี วามสุข รวมทั้งมีสว่ นรว่ มในวฒั นธรรมของสังคม เปน็ แนวทางในการจดั หลักสูตรเน้น
ใหผ้ ้เู รยี นมีพัฒนาการทงั้ ด้านสตปิ ัญญา รา่ งกาย อารมณแ์ ละสงั คม การจัดเน้อื หาวชิ าเน้นเนอ้ื หาสาระให้
มีความสัมพันธ์กับชีวิตจริงของผู้เรียนในสังคมหรือประสบการณ์จริงให้มากที่สุด มุ่งเน้นการแก้ปัญหา
ของสังคม การจัดการเรียนรู้เน้นการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem –Based Learning) ยึด
ผเู้ รียนเป็นศนู ย์กลาง คำนงึ ถงึ ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล หลกั สตู รทำหน้าที่เตรียมผเู้ รียนให้ร่วมมือกับ
สังคม เพื่อให้เรียนรู้เกี่ยวกับหน้าที่ทางสังคม กระบวนการทางสังคม หรือปัญหาทางสังคม หลักสูตร
ประเภทนี้ได้อิทธิพลจากแนวคิดของปรัชญาการศึกษาแบบพิพัฒนาการนิยมและปรัชญาการศึกษา
ปฏิรปู นิยม
การประเมินผลการศึกษาหรือการเรียนรู้ของนักเรียน เป็นการประเมินพัฒนาการของ
ผเู้ รียนทง้ั ด้านสติปัญญา รา่ งกาย อารมณแ์ ละสังคม รวมถึงการคิดแก้ปัญหา
จุดเด่นของหลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม คือ เป็นหลักสูตรที่ช่วยเสริมสร้างความรู้และ
ประสบการณ์ของผู้เรียนได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Active Learning คือการเรียนอย่างกระตือรือร้น ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม
การเรียนรู้ บรรยากาศในการเรียนมีชวี ติ ชีวา เปิดโอกาสให้ผู้เรียนศึกษาความซับซ้อนและความเป็นจริง
ของสังคม มีความยืดหยุ่น สามารถปรับให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมเป็นแนวคิดพื้นฐานที่
สนบั สนนุ ให้เกิดโรงเรยี นชุมชนขึ้น
ข้อจำกดั ของหลกั สูตรเพื่อชีวิตและสังคม คอื ผู้เรยี นสามารถนำความรไู้ ปประยุกต์ใช้ใน
สังคมได้เพียงบางส่วนเท่านั้นเนื่องจากกิจกรรมในการดำเนินชีวิตของคนในสังคมมีหลากหลายไม่
สามารถนำมาสอนไดท้ ง้ั หมด เนอื้ หาสาระอาจจะขาดความสมบรู ณ์ไป เน่ืองจากการจัดการเรียนรู้มุ่งเพ่ือ
ความสนใจในการปฏบิ ตั ิของผู้เรยี นมากเกินไป
การพฒั นาหลักสตู ร
ความรพู้ น้ื ฐานเกย่ี วกับหลกั สูตร 13
7. หลักสตู รบรู ณาการ (Integrated Curriculum)
หลักสูตรบูรณาการเป็นหลกั สูตรที่หลอมรวมความรูแ้ ละประสบการณ์จากรายวิชาต่าง
ๆ เข้ามาจัดเป็นกลุ่มหรือเป็นหมวดหมู่เดียวกันให้มีความสัมพันธ์เป็นเรื่องเดียวกัน และจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในลักษณะที่เป็นองค์รวม สามารถนำความรู้ความเข้าใจไป
ประยุกต์ในชีวิตประจำวัน หลักสูตรบูรณาการ คือ หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 เน้นการ
จัดการเรียนการสอนโดยใช้เนื้อหาที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิต จัดเนื้อหาในลักษณะหัวข้อเรื่องหรือโครงงาน
หรือบูรณาการโดยเน้นสิง่ ที่ตอ้ งการให้ผู้เรียนเรียนรู้ เช่น ศาสนา เทคโนโลยี เป็นต้นครูผู้สอนต้องมีการ
วางแผนร่วมกัน มิฉะนั้นจะเกิดความทับซ้อน แม้จะใช้การบูรณาการแบบคู่ขนานคือ ผู้สอนต่างคนต่าง
สอนโดยนำเนอื้ หาของอกี วชิ าหน่งึ มาบูรณาการ แตก่ ต็ ้องตกลงกนั ในสว่ นของเน้ือหาท่จี ะนำไปบูรณาการ
เพื่อหลีกเลยี่ งความซ้ำซ้อน จะบูรณาการด้วยวธิ ีใดก็มักใช้วธิ ีการสอนแบบกำหนดหวั ข้อเร่ือง (Themes)
เป็นส่วนใหญ่ หลักสูตรนี้ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม ปรัชญาการศึกษา
พพิ ัฒนาการนิยม และปรัชญาการศึกษาอัตถิภาวนยิ มเป็นลกั ษณะของการผสมผสานปรัชญา
การประเมินผลการศึกษาหรือการเรียนรู้ของนักเรียน วิธีการประเมินผลการเรียนการ
สอนที่ดีที่สุดคือ การประเมินจากการให้ผู้เรยี นลงมือปฏิบัติจรงิ (Performance Assessments) และใช้
เกณฑ์การประเมิน (Rubrics) เป็นแนวทางในการให้คะแนน ซึ่งการกำหนดเกณฑ์การประเมินต้อง
คำนึงถึงผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง และความสามารถของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้นด้วย ประเมินโดยตัว
ผู้เรียนเอง ประเมินโดยเพื่อน และประเมินโดยครู ประเมินในประเด็นเดียวกันหรือต่างกันก็ได้เพื่อดู
ความสอดคล้องของผลการประเมนิ
จุดเด่นของหลักสูตรบูรณาการ คือเนื้อหามีลักษณะเป็นสหวิทยาการ
(Interdisciplinary) ทำให้ผู้เรียนมีขอบข่ายการเรียนรู้ที่กว้างขึ้น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีความ
หลากหลายสอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของผู้เรียน และสามารถนำประโยชน์จากการ
เรยี นไปใชใ้ นชวี ิตประจำวัน
ข้อจำกัดของหลักสูตรบูรณาการ คือ การนำหลักสูตรบูรณาการไปใช้มีการหลอมรวม
เนื้อหาในวิชาต่าง เขามาผสมผสานกันทำได้ยากเนื่องจากผู้สอนต้องมีความเข้าใจหลักการบูรณาการ
ประกอบกับการบูรณาการต้องมีการวางแผนร่วมกัน มีการเตรียมการสอนเป็นอย่างดีและยากต่อการ
จัดการบริหารหลักสูตร ปัญหาที่เป็นข้อโต้แย้งของนักการศึกษาและสังคมบางกลุ่มเห็นว่าการจัดการ
เรยี นการสอนแบบบูรณาการทำให้ผูเ้ รยี นขาดความลมุ่ ลกึ ในองคค์ วามรู้ของรายวิชาต่าง ๆ
8. หลักสตู รทีเ่ นน้ ความต้องการและความสนใจของแต่ละบุคคล (Need and Interest
of Individual Curriculum)
หลักสูตรที่เน้นความต้องการและความสนใจของแต่ละบุคคลเป็นหลกั สูตรทีก่ ำหนดไว้
สร้างขึ้นตามความรู้เกี่ยวกับความต้องการและความสนใจของประชากรที่จะเรียนตามหลักสูตรนั้น
หลักสูตรที่สร้างขึ้นนั้นมีความยืดหยุ่นสูง โดยจัดเตรียมให้สอดคล้องกับความต้องการ และความสนใจ
ของผู้เรียนเฉพาะราย และมีทางเลือกหลาย ๆ ทางสำหรับผู้เรียน ผู้เรียนได้รับคำปรึกษาและได้รับการ
สอนเป็นรายบคุ คลตามจุดท่เี หมาะสมในหลักสูตรและกระบวนการสอนน้ัน
การพฒั นาหลกั สูตร
ความรูพ้ นื้ ฐานเก่ียวกับหลักสูตร 14
จุดเด่นของหลักสตู รที่เนน้ ความตอ้ งการและความสนใจของแต่ละบคุ คล คือ ผู้เรียนได้
เรยี นตามความต้องการและความสนใจของตนเอง เหมาะสมสำหรับการพัฒนาในสว่ นบุคคล และทักษะ
การเรียนรูท้ ตี่ อ่ เน่อื งในบางดา้ น
ขอ้ จำกดั ของหลักสตู รที่เนน้ ความต้องการและความสนใจของแตล่ ะบุคคล คือ การเน้น
หลักสูตรแบบนี้มาก ๆ จะทำให้หย่อนทางด้านการพัฒนาตามเปา้ ประสงค์ทางสังคม เพราะไม่ได้ฝึกการ
มีสว่ นร่วมอยา่ งมีประสทิ ธิภาพในกจิ กรรมทางสังคมโดยเฉพาะด้านการทำงาน และการเปน็ ประชากรท่ีมี
ประสิทธิภาพ เรยี กไดว้ ่าหย่อนในด้านมนษุ ยสัมพนั ธ์
9. หลักสตู รองิ มาตรฐาน (Standards Based Curriculum)
หลักสูตรอิงมาตรฐาน หมายถึง หลักสูตรที่มีมาตรฐานเป็นเป้าหมายในการพัฒนา
ผู้เรียน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ซึ่งเป็นคุณภาพที่คาดหวังให้
เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน ดังนั้น การพัฒนาหลักสูตรตลอดแนวตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ระดับ
สถานศึกษา ตลอดจนถึงระดับชั้นเรียน จะมีลักษณะเป็นหลักสูตรอิงมาตรฐาน คือ ยึดมาตรฐานการ
เรียนรู้เป็นเป้าหมายและเป็นกรอบทิศทางในการกำหนดโครงสร้าง เนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน
ตลอดจนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ กล่าวโดยรวมก็คือ การกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้นำไปสู่
การพัฒนาหลักสูตรอิงมาตรฐาน (Standards-based curriculum) การเรียนการสอนอิงมาตรฐาน
(Standards-based instruction) และการประเมนิ ผลองิ มาตรฐาน (Standards-based assessment)
การกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพื่อเป็นเป้าหมายในการพัฒนาการศึกษาเป็นเรื่อง
สำคัญ แต่มาตรฐานการเรียนรู้จะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้เลย หากไม่มีการเชื่อมโยง
มาตรฐานไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง การสร้างหลักสูตรที่สัมพันธ์หรืออิงกับมาตรฐานการเรียนรู้อย่าง
ชัดเจน จะช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่จำเป็น ในการจัดทำหลักสูตรและจัดการเรียนการ
สอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐาน ครูผู้สอนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำหลักสูตร จำเป็นต้อง
เข้าใจแนวคิด หลกั การ และแนวปฏิบตั ขิ องหลกั สูตรองิ มาตรฐานซึ่งมลี กั ษณะท่ีสำคญั คอื
9.1 มาตรฐานเป็นจุดเนน้ ของการพัฒนาหลักสูตรในทุกระดับ ในระบบการศึกษาที่มี
มาตรฐานเป็นเป้าหมายนั้น กระบวนการพัฒนาหลักสูตรตลอดแนว ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน
ระดับสถานศึกษา ตลอดจนถึงระดับชั้นเรียนจะต้องเน้นและยึดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นหลักและ
เป้าหมายสำคัญ นักการศึกษา และนักพัฒนาหลักสูตรในยุคปัจจุบันเชื่อว่า การนำมาตรฐานการเรียนรู้
ไปสู่หลกั สูตรสถานศกึ ษา และการเรยี นการสอนในชั้นเรยี นเปน็ เรื่องทีส่ ำคัญทสี่ ดุ เพราะเปน็ ข้ันตอนของ
การนำสิ่งที่คาดหวังในระดับชาติไปก่อให้เกิดผลในการพัฒนาผู้เรียน ดังนั้นการจัดทำหลักสูตรการเรียน
การสอนให้เช่อื มโยงกบั มาตรฐาน จงึ เป็นเรอ่ื งทที่ ุกฝ่ายควรให้ความสนใจอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนนั้น มีผลโดยตรงต่อผู้เรียน จำเป็นที่
ครูผู้สอนต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษว่าเป้าหมาย กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอน หรือ
วธิ ีการประเมนิ ผล เช่ือมโยงสัมพนั ธ์กับมาตรฐานการเรียนรู้หรอื ไมเ่ พยี งไร
9.2 องค์ประกอบของหลักสูตรเชื่อมโยงกับมาตรฐาน นักการศึกษาและนักพัฒนา
หลกั สูตรในยุคปจั จบุ นั เชือ่ ว่า การนำมาตรฐานการเรยี นรไู้ ปสหู่ ลักสตู รสถานศึกษาและการเรียนการสอน
ในชั้นเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นขั้นตอนของการนำสิ่งที่คาดหวังในระดับชาติ ไปก่อให้เกิ ด
ผลในการพัฒนาผู้เรียน ดังนั้นการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนให้เชื่อมโยงกับมาตรฐาน ทุก
การพัฒนาหลักสตู ร
ความรู้พนื้ ฐานเก่ยี วกบั หลกั สตู ร 15
องคป์ ระกอบของหลักสตู รไม่ว่าจะเปน็ เน้ือหาสาระท่ีสอน กจิ กรรมการเรียนรู้ ช้ินงาน/ภาระงานทผี่ ู้เรียน
ตอ้ งปฏิบัติ เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล ส่ือการเรยี นรู้ ตอ้ งเชือ่ มโยง สะท้อนสิ่งทีต่ ้องการพัฒนาผู้เรียน
ที่ระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้ ในการออกแบบหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ
ผู้เก่ียวข้องและครผู สู้ อนต้องวเิ คราะห์คำสำคัญ (Key Word) ว่ามาตรฐานและตัวชี้วดั นน้ั ระบุว่านักเรียน
ควรรู้อะไร และทำอะไรได้ หรือต้องการให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะ เจตคติ คุณธรรมจริยธรรมอะไร ข้อมูล
จากการวิเคราะห์นจี้ ะเปน็ ขอ้ มูลสำคญั ในการกำหนดองค์ประกอบของหลักสตู รดังกลา่ วตอ่ ไป
9.3 หน่วยการเรียนรู้คือหัวใจของหลักสูตร การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ ถือเป็น
ขั้นตอนที่สำคญั ของการจัดทำหลกั สตู รอิงมาตรฐาน เพราะหน่วยการเรียนรู้จะมีรายละเอียดของเน้อื หา
กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการเรียน การวัดและประเมินผล ซึ่งจะนำมาตรฐานไปสู่การปฏิบัติในใน
การจัดการเรยี นการสอนในช้ันเรียนอย่างแท้จรงิ ปรชั ญาการศึกษาในยุคทผ่ี า่ นมาน้ันมกั จะเน้นการสอน
เนื้อหาสาระ ดังน้นั รปู แบบหลกั สูตรการเรียนการสอนในยุคก่อนจึงมีลกั ษณะเป็นหลักสตู รองิ เนื้อหา การ
วัดประเมนิ ผลในหลกั สูตรรปู แบบนี้ก็เน้นที่การจดจำเนื้อหาให้ไดม้ ากที่สดุ และเกณฑ์การวดั ประเมนิ ผล
ก็กำหนดเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม การจัดทำหลักสูตรลักษณะน้ใี หค้ วามสำคญั กับการเรียนรู้เน้ือหา
และการทอ่ งจำ
หลักสูตรแบบอิงมาตรฐานเน้นการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ที่มีมาตรฐานเป็น
เป้าหมาย (Standards-Based Unit) มีการกำหนดแก่นเรื่องของหน่วย (Theme) ซึ่งเอื้อต่อการหลอม
รวมเน้อื หาของศาสตร์สาขาต่าง ๆ เขา้ ด้วยกันเปน็ หน่วยการเรียนร้บู ูรณาการ และกำหนดงานให้ผู้เรียน
ปฏิบัติเพื่อฝึกฝนและเป็นร่องรอยสำหรับประเมินว่าผู้เรียนมีความรู้ความสามารถถึงระดับที่กำหนดไว้
เปน็ มาตรฐานหรือไม่ ดังนน้ั มาตรฐานที่เป็นเป้าหมายในแต่ละหนว่ ยการเรียนรู้อาจมีได้หลายมาตรฐาน
และอาจมาจากหลากหลายสาขาวิชา และอาจมีทั้งมาตรฐานที่เป็นเนื้อหา มาตรฐานที่เน้นทักษะ
กระบวนการ การจัดการเรียนรู้เป็นหน่วยลักษณะนี้ เนื้อหาสาระ และกิจกรรมจึงเป็นเพียงหนทาง ที่
จะนำพาผ้เู รยี นไปถึงหลักชัย คอื มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวัด ผเู้ รียนอาจบรรลถุ ึงมาตรฐานเดียวกันด้วย
เนื้อหาและวิธีการที่แตกต่างกันได้ นักวิชาการ และนักพัฒนาหลักสูตรในยุคปัจจุบันเชื่อว่า หลักสูตร
ลกั ษณะนส้ี อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผู้เรียนและท้องถน่ิ อย่างแท้จรงิ
9.4 กระบวนการและขั้นตอนการจัดทำหลักสูตรมีความยืดหยุ่น ในการออกแบบ
หลักสูตรการเรียนการสอนอิงมาตรฐานนั้น สามารถทำได้หลายรูปแบบ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุถึง
เป้าหมายเดียวกัน มิได้มีการกำหนดหรือจัดลำดับขั้นตอนที่แน่นอนตายตัว ขึ้นอยู่กับเหตุผล
วัตถุประสงค์ และความจำเป็นของแต่ละบริบท เช่น อาจเริ่มต้นจากการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้
หรืออาจเริ่มจากการกำหนดหัวข้อ/ประเด็นปัญหาที่น่าสนใจ หรือเริ่มจากบทเรียนที่มีอยู่เดิมแล้ว โดย
เช่อื มโยงหัวขอ้ หรือบทเรียนน้ัน ๆ ว่าสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรียนรู้ใดบา้ ง
9.5 การประเมินผลสะท้อนมาตรฐานอย่างชัดเจน มาตรฐานและการประเมินผลมี
ความสมั พนั ธ์กันอยา่ งใกล้ชดิ การวัดและประเมนิ ผลถอื ว่าเป็นจุดทสี่ ำคัญท่สี ุดข้ันตอนหนง่ึ ของการจัดทำ
หลักสูตรแบบอิงมาตรฐาน แนวคิดด้านการศึกษาในยุคปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนจากยุคที่เน้นพฤติกรรม
นิยมซึ่งวดั ประเมินผลการเรียนรูต้ ามจุดประสงค์ยอ่ ย เป็นยุคที่ให้ความสำคัญแก่การประเมินในองค์รวม
โดยเทียบเคียงกับมาตรฐานเป็นสำคัญ นักวิชาการในยุคของการปฏิรูปการศึกษาที่มีมาตรฐานเป็น
เป้าหมาย ต่างมีความเห็นสอดคล้องกันว่าการจะพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างประสบความสำเร็จ
การพฒั นาหลักสตู ร
ความร้พู น้ื ฐานเก่ยี วกบั หลกั สตู ร 16
นั้น มาตรฐานต้องเป็นตัวเทียบเคียง ที่สำคัญในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับ ไม่ว่าจะ
เป็นระดับชาติ ระดับท้องถิ่นหรือเขตพื้นที่การศึกษา และที่สำคัญที่สุด คือ ระดับสถานศึกษา และ
ระดับช้นั เรียน ดงั นนั้ เกณฑต์ ่าง ๆ หรอื รอ่ งรอยหลกั ฐานในการประเมนิ ผลการเรยี นจะต้องเชื่อมโยงและ
สะท้อนมาตรฐานการเรียนรู้อย่างชัดเจน และมีความชัดเจนในการที่จะบ่งชี้ได้ว่าผู้เรียนบรรลุถึง
มาตรฐานหรือไม่ เพียงใด หากยังไม่บรรลุมีจุดใดบ้างที่จะต้องพัฒนา ข้อมูลจากการประเมินผลการ
เรียนรู้ของผู้เรียนนี้ นับเป็นข้อมูลสำคัญมากในการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อพัฒนาเยาวชนของ
ชาติใหม้ คี ณุ ภาพตามท่มี ุง่ หวังตอ่ ไป
10. หลกั สูตรเนน้ สมรรถนะ (Competencies Based Curriculum)
สมรรถนะ (Competence) หมายถึง ความสามารถในการปฏิบัติ (Performance)
ภายใตเงื่อนไข (Condition) โดยใชเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ที่ระบุไว ใหได้มาตรฐาน (Standard) ตาม
เกณฑการปฏิบัติ (Performance Criteria) และมีหลักฐานการปฏิบัติ (Evidence) ใหประเมินผลและ
ตรวจสอบได้
หลักสูตรฐานสมรรถนะ จึงยึดความสามารถของผู้เรียนเป็นหลัก การออกแบบหลักสูตร
ตามแนวคิดนี้จะมีการกำหนดเกณฑความสามารถที่ผู้เรียนพึงปฏิบัติได้หลักสูตรที่เรียกวา หลักสูตร
เกณฑความสามารถ จัดทำขึน้ เพ่ือประกันวาผู้ที่จบการศกึ ษาระดับหน่งึ ๆ จะมีทักษะและความสามารถ
ในด้าน ต่าง ๆ ตามที่ตองการ เป็นหลักสูตรที่ไม่ได้มุ่งเร่ืองความรูหรือเนื้อหาวิชาที่อาจมีความ
เปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา แต่จะมุ่งพัฒนาในด้านทักษะ ความสามารถเจตคติและค่านิยม อันจะมี
ประโยชนต่อชีวิตประจำวันและอนาคตของผู้เรียนในอนาคต หลักสูตรนี้มีโครงสร้างแสดงใหเห็นถึง
เกณฑความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่ตองการให้ผู้เรียนปฏิบัติในแต่ละระดับการศึกษา และในแต่ละ
ระดบั ชั้นทักษะและความสามารถจะถูกกำหนดใหมีความต่อเน่ืองกัน โดยใชทกั ษะและความสามารถท่ีมี
ในแต่ละระดับเป็นฐานสำหรับเพิ่มพูนทักษะและความสามารถในระดับตอไป โครงสร้างหลักสูตรแสดง
ให้เห็นถึงเกณฑ์ความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่ต้องการให้ผู้เรียนมีในแต่ละระดับการศึกษาและในแต่ละ
ชนั้ เรยี น ทักษะและความสามารถในแต่ละช้ันเรียนจะถูกกำหนดให้มีความต่อเนื่องกัน โดยใช้ทักษะและ
ความสามารถที่ได้รับการฝึกฝนอบรมเบ้ืองต้นเป็นฐานสำหรับการเพิ่มพูนทักษะและความสามารถใน
อันดับต่อไป หลักสูตรนี้ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการนิยม และปรัชญา
การศกึ ษาอตั ถภิ าวนิยม
การประเมินผลการศึกษาหรือการเรียนรู้ของนักเรียน เน้นการประเมินทักษะ
ความสามารถเจตคติและค่านิยม ตามเกณฑ์มาตรฐานสมรรถนะที่กำหนดไว้ในหลักสูตรตามระดับ
การศึกษาของผู้เรียน ใช้การวัดผลแบบอิงเกณฑ์ (Criterion Referenced) ในการประเมินผล
ความสำเร็จของผเู้ รยี นแต่ละคน
จุดเด่นของหลักสูตรเน้นสมรรถนะ คือ มีการกำหนดผลการเรียนรู้อย่างชัดเจนว่า
ผู้เรียนสามารถทำอะไรได้เมื่อจบหลักสูตร (Course Outcomes) ใช้มาตรฐานสมรรถนะเป็นกรอบใน
การพัฒนาหลักสูตร การวางแผนการจัดการเรียนการสอนทำให้การเรียนการสอนเชื่อมโยงกับการ
ประเมินผลและการรับรองคุณภาพ มีเกณฑ์การปฏิบัติ (Performance Criteria) ใช้ในการประเมินผล
ผเู้ รยี นท่ีแน่นอน
การพฒั นาหลักสูตร
ความรพู้ ้นื ฐานเกย่ี วกับหลกั สูตร 17
ข้อจำกัดของหลักสูตรเน้นสมรรถนะ คือ การออกแบบการจัดกิจกรรมต้องมีความ
หลากหลายและสอดคล้องกับศักยภาพและความต้องการผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อให้ผู้เรียนแต่ละคน
ปฏิบัติภาระงานให้สำเร็จตามเกณฑ์การ ปฏิบัติงานที่กำหนด ครูผู้สอนต้องมีความรู้ความเข้าใจผู้เรียน
และความชำนาญในการออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้
กล่าวโดยสรุป รูปแบบของหลักสูตรประเภทต่าง ๆ ที่กล่าวมาทั้งหมด นั้นมีวิวัฒนาการมา
ตามลำดับแนวคิด ลักษณะของหลักสูตรแต่ละประเภทได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงทางความคิด
ค่านิยม และทฤษฎีทางการศึกษา หรือปรัชญาการศึกษาหลักสูตรแต่ละประเภท มีจุดเด่นและข้อจำกัด
คละเคลา้ กันไป ท้ังนก้ี ็เนื่องมาจากแนวความคดิ ความเชอื่ เก่ยี วกับการจดั การศกึ ษาทแ่ี ตกต่างกันตามยุค
สมัย ทำให้เกิดคำถามว่าหลักสูตรประเภทไหนดีที่สุด ซึ่งไม่มีใครสามารถชี้ขาดลงไปได้ ดังนั้น ในการ
พิจารณาคัดเลือกแตล่ ะรูปแบบของหลักสูตรไปใชเ้ ปน็ แนวทางในการกำหนดโครงสรา้ งและเนือ้ หาสาระ
ของหลักสูตรนั้น นักพัฒนาหลักสูตรและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลาย ๆ
อยา่ ง โดยเฉพาะอย่างย่ิงต้องพจิ ารณาถึงจดุ มุ่งหมายที่นำไปใช้ และสภาพบริบทของพ้ืนที่หรือแหล่งท่ีจะ
นำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดซึ่งจะตัดสินว่าหลักสูตรประเภทใดดีที่สุดนั่นคือ
จดุ มุ่งหมายของการจัดการศึกษา เชน่ ถา้ มุง่ ใหผ้ ู้เรียนได้รับวชิ าความรู้ หลักสูตรรายวชิ าจะเป็นหลักสูตร
ที่เหมาะสมที่สดุ แต่ถ้ามุ่งให้ผูเ้ รียนมคี วามสามารถในการปฏิบัติ หลักสูตรรูปแบบที่เน้นสมรรถนะถือวา่
เหมาะสมท่สี ุด เปน็ ต้น
ระดับของหลกั สูตร
หลักสูตรมีหลายระดับ ซึ่งสามารถแบ่งระดับของหลักสูตร ได้ดังนี้ (รุ่งทิวา จันทน์วัฒนวงษ์,
2557, หน้า 18-20)
1. หลักสูตรระดับชาติ เป็นหลักสูตรแม่บทที่กำหนดกรอบมาตรฐานคุณภาพของผูเ้ รียน
การจัดการการศึกษา การวัดประเมินผลไว้เป็นมาตรฐานคุณภาพระดับชาติ เป็นแนวทางในการจัด
การศึกษาสำหรบั หน่วยงานทางการศกึ ษาท่จี ดั การศึกษาระดบั ข้ันพื้นฐาน คือ ระดบั ประถมศึกษา ระดับ
มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย นำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับสภาพของสังคม ชุมชน
ท้องถ่นิ นั้น ๆ ท้งั นีต้ ้องพฒั นาผ้เู รียนให้ไดค้ ณุ ภาพตามมาตรฐานท่ีกำหนดไว้ คณะกรรมการการศึกษาข้ัน
พน้ื ฐานเป็นผู้จดั ทำหลกั สูตรระดับชาติ
2. หลกั สูตรระดบั ท้องถิน่ เป็นหลักสูตรทถี่ ูกกำหนดโดยเขตการศึกษา ซง่ึ จะทำการขยาย
หรือปรับหลักสูตรระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพทางสังคม ภูมิศาสตร์ และความต้องการของ
ประชาชนในแต่ละเขตพนื้ ที่การศกึ ษา ซ่งึ อาจจะกำหนดใน กรอบคุณภาพผู้เรียน กรอบเนอ้ื หาสาระและ
แนวทางการประเมินส ำหรับกรอบเนื้อหาสาระที่จัดให้กับโรงเรียนหรือสถานศึกษาน ำไปปรับใช้ให้
สอดคลอ้ งกบั บริบทของท้องถิน่ สามารถจดั ทำได้ใน 2 ลักษณะ คอื
2.1 หลักสูตรท้องถิ่นเป็นหลักสูตรสำหรับเสริมหลักสูตรกลางให้มีความสมบูรณ์ขึ้น
หลักสูตรท้องถิ่นในลักษณะนี้จะใช้ร่วมกับหลักสูตรกลาง โดยอาจจัดเป็นวิชาอิสระที่ให้เลือกเรียนหรือ
จัดเปน็ กิจกรรมหรือประสบการณ์ที่ผู้สอนประยุกต์สาระ ทรพั ยากร เทคนิควิธีของท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้
ได้ หลกั สตู รทอ้ งถนิ่ สร้างขึ้นมจี ดุ ม่งุ หมายสำหรบั ใชใ้ นชุมชนแหง่ หนงึ่ แหง่ ใดโดยเฉพาะ
การพัฒนาหลกั สตู ร
ความรูพ้ ้ืนฐานเกย่ี วกับหลกั สูตร 18
2.2 หลักสูตรท้องถิ่นที่สร้างขึ้นเพื่อกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เป็นหลักสูตรระยะสั้นเพื่อ
ผ้เู รยี นในทอ้ งถิน่ ทกุ วยั ทกุ ระดบั อายุ เชน่ หลกั สตู รการจกั สาน หลกั สูตรการทำของชำรว่ ย เป็นตน้
3. หลักสตู รระดับสถานศึกษา เปน็ หลกั สูตรทส่ี ถานศึกษาจัดทำข้ึนเพอื่ นำไปใช้จริงโดยนำ
หลกั สูตรระดบั ชาติ หลกั สูตรระดบั ทอ้ งถ่ินมาปรบั ใหเ้ ป็นหลกั สตู รสถานศึกษารวมท้ังการพัฒนาหลักสูตร
ของสถานศึกษาขึน้ เอง โดยทางโรงเรียนทำหน้าทีข่ ยายและปรับโครงสร้างเวลาเรยี นโครงสร้างหลักสตู ร
ระดับชั้นปี คำอธิบายรายวิชา รวมถึงการวัดประเมินผล ทั้งนี้ให้มีความสอดคล้องกับเป้าหมายการ
พัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นของหลกั สตู รระดับชาติ และหลักสูตรระดบั ท้องถิ่น
4. หลักสูตรระดับชั้นเรียน เป็นหลักสูตรที่ครูผู้สอนจัดทำขึ้นสำหรับใช้จัดการเรียนการ
สอนในชั้นเรียน โดยครูผู้สอนออกแบบและจัดตามกรอบมาตรฐานคุณภาพผู้เรียนตามหลักสูตร
ระดับชาติ และหลักสูตรระดับสถานศึกษา โดยเชื่อมโยงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด กำหนดเป็น
คำอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา นำไปสู่การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ กิจกรรมการจัดการเรียนรู้
พร้อมทั้งการประเมินผลการเรียน เพื่อสนับสนุนให้ผู้เรียนบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามมาตรฐานหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาชาติ
จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้ว่า ระดับของหลักสูตรแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ หลักสูตรระดับชาติ
หลกั สูตรระดบั ท้องถ่ิน หลกั สตู รระดบั สถานศึกษา และหลักสตู รระดบั ชน้ั เรียน
บทสรปุ
ความเข้าใจเก่ียวกบั หลักสูตรของนกั การศึกษา มีแนวคิดที่แตกต่างกัน คือ หลักสูตรคอื รายวชิ า
หรือเนื้อหาท่ีใช้สอน หลักสูตร คือ มวลประสบการณ์ที่โรงเรียนจัดให้แกผ่ ู้เรียน หลักสูตร คือ แผน หรือ
โครงงาน ซ่ึงกำหนดในการจดั การศึกษา และหลักสตู ร คือ กิจกรรมการเรยี น การสอนท่จี ัดใหก้ ับผู้เรยี น
กล่าวโดยสรุปหลักสูตร หมายถึง เอกสารที่จัดทำขึ้นไว้ล่วงหน้า ที่แสดงจุดมุ่งหมาย การจัด
เนื้อหาสาระ กิจกรรมและมวลประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งในและนอกห้องเรียนทั้งหมดที่โรงเรียนจัดให้
ผู้เรียน เพื่อเป็นเครื่องมือที่ก่อให้เกิดเป้าหมายด้านความรู้ พฤติกรรมและเจตคติของผู้เรียนตามทีส่ ังคม
คาดหมายไว้
หลักสูตรเป็นสิ่งที่สำคัญของการจัดการศึกษาทุกระดับ เพราะเป็นตัวกำหนดทิศทางในการจัด
การศึกษา ดงั นน้ั การจัดการศึกษาให้เป็นไปตามแนวทางท่ีกำหนดไว้ในหลักสตู ร จะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนา
ท้งั ดา้ นสติปัญญา ทกั ษะ และเจตคติ
องคป์ ระกอบของหลักสูตร มี 4 ส่วน คอื จุดมงุ่ หมาย เน้ือหาสาระ วิธกี ารและการจัดการเรียนรู้
และ การประเมินผล แต่ละส่วนมีความสัมพันธก์ ัน หลักสูตรไมส่ มบูรณ์ ถ้าขาดองค์ประกอบส่วนใดส่วน
หน่ึงไป
รูปแบบประเภทของหลักสูตร มีความหลากหลาย โดยแบ่งเป็น 10 ประเภท ได้แก่ หลักสูตร
รายวิชา หลักสูตรสัมพันธ์วิชา หลักสูตรหมวดวิชาแบบกว้าง หลักสูตรกิจกรรมหรือหลักสูตร
ประสบการณ์ หลักสูตรแกน หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม หลักสูตรบูรณาการ หลักสูตรที่เน้นความ
ตอ้ งการและความสนใจของแตล่ ะบคุ คล หลักสูตรองิ มาตรฐาน และหลกั สตู รเนน้ สรรถนะ
ระดับของหลักสูตรแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ หลักสูตรระดับชาติ หลักสูตรระดับท้องถิ่น
หลกั สูตรระดับสถานศกึ ษา และหลกั สูตรระดบั ชัน้ เรยี น
การพัฒนาหลกั สูตร