The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 3 การพัฒนาหลักสูตร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จีระนัน เสนาจักร์, 2020-07-22 21:56:42

บทที่ 3 การพัฒนาหลักสูตร

บทที่ 3 การพัฒนาหลักสูตร

เอกสารประกอบการสอน

การพฒั นาหลักสูตร

เรยี บเรยี งโดย

อาจารย์จีระนัน เสนาจกั ร์

ครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม

1

บทที่ 3
การพฒั นาหลักสูตร

หลักสูตร ถอื เป็นหวั ใจของการจดั การศกึ ษา เพราะเปน็ เคร่ืองมือสำคัญในการกำหนดแนวทางการ
จัดการศึกษา เพอ่ื ท่ีจะพัฒนาผู้เรยี นให้มีทักษะพ้ืนฐานในการดำรงชีวติ อยู่ในสังคมที่ความเจริญก้าวหน้าทาง
วิทยาการด้านต่าง ๆ ในโลกยคุ โลกาภิวัตน์ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการ
ปกครองของโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย หลักสูตรที่ดีควรต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัย
สอดคล้องกับพลวัตของสังคม หลักสูตรจึงจำเป็นต้องปรับปรุงหรือพัฒนาให้มีความทันสมัยต่อการ
เปล่ียนแปลงของสังคมในปัจจบุ ันและอนาคตอยู่เสมอ กระบวนการพัฒนาหลกั สูตรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ตอ่ การจัดการศกึ ษา

ในการพัฒนาหลกั สูตรนน้ั สามารถกระทำได้ 2 ลักษณะ คือ ดำเนินการพฒั นาหลักสูตรเดิมที่มีอยู่
แล้วให้ดียิ่งขึ้น หรือเป็นการจัดทำหลักสูตรใหม่ที่ไม่มีหลักสูตรเดิมอยู่ก่อนเลย การพัฒนาหลักสูตรต้อง
ดำเนินการอย่างมีหลักการ มีระบบ และพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยอาศัยความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
มาช่วยในการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งการพัฒนาหลักสูตรต้องดำเนินการให้ครบทั้ง 3 ระบบ คือ ระบบการร่าง
หลกั สตู ร ระบบการนำหลักสูตรไปใช้ และระบบการประเมนิ หลักสตู ร โดยข้ันตอนของการพัฒนาหลักสูตร
จะประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ๆ คือ การวเิ คราะห์ข้อมูลพ้ืนฐาน การกำหนดจุดม่งุ หมาย การคัดเลือกเน้ือหา
สาระ การกำหนดแนวทางการการวัดและการประเมินผล การทดลองใช้หลักสูตรและการปรับปรุงแก้ไข
การนำหลกั สตู รไปใช้ และการปรบั ปรุงแก้ไขหลกั สตู รทนั สมัยตอ่ การเปลี่ยนแปลงของโลกอยตู่ ลอดเวลา

ความหมายของการพฒั นาหลักสตู ร

การพัฒนาหลักสตู รเปน็ ภารกิจของหนว่ ยงานทางการศึกษา สถานศึกษาทจ่ี ะตอ้ งดำเนนิ การอย่าง
ต่อเนื่อง ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องจึงมีความจำเป็นต้องมีความเข้าใจในความหมายของการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งมี
นักการศึกษาไทยและต่างประเทศได้ให้ความหมายคำว่า การพัฒนาหลักสูตร (Curriculum
Development) ไว้ดงั น้ี

วิชัย วงษ์ใหญ่ (2525, หน้า 10) กล่าวว่า การพัฒนาหลกั สูตร คือ การพยายามวางโครงการท่จี ะ
ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ตรงตามจุดหมายที่กำหนดไว้หรือการพัฒนาหลักสูตรและการสอนคือระบบ
โครงสร้างของการจดั โปรแกรมการสอน กำหนดจุดมุ่งหมาย เนื้อหาสาระ การปรับปรุงตำราแบบเรียนคูม่ ือ
ครู สื่อการเรียนและการวัดและประเมินผลการใช้หลักสูตร การปรับปรุงแก้ไขและการให้การอบรมครูผู้ใช้
หลักสูตรให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนาหลักสูตรและการสอน รวมทั้งการบริหารและบริการ
หลกั สูตร

สันต์ ธรรมบำรุง (2527, หน้า 92) ได้กล่าวถึงความหมาย การพัฒนาหลักสูตร (Curriculum
Development) มคี วามหมายครอบคลมุ ถึงการสร้างหลักสูตร การวางแผนหลกั สตู ร การปรบั ปรุงหลักสูตร

การพัฒนาหลักสูตร

2

การพัฒนาหลักสูตรซึ่งเป็นการปรับปรุงคุณภาพของหลักสูตรให้ดีขึ้นทั้งระบบ ตั้งแต่จุดมุ่งหมาย การเรียน
การสอน การใชส้ ่อื การเรียนการสอน การวดั และประเมินผล

บุญมี เณรยอด (2531, หน้า 18) ได้ให้ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรว่า หมายถึง การ
ปรับปรุงโครงการที่ประมวลความรู้และประสบการณ์ทั้งหลายเพื่อพัฒนาผู้เรียนได้ดีขึ้นให้เมหาะสมและ
สอดคล้องกบั สภาพสงั คมและเพอื่ บรรลตุ ามจดุ มุง่ หมายท่วี างไว้

สงัด อุทรานันท์ (2532, หน้า 30) กล่าวว่าการพัฒนาหลักสูตรมีความหมายอยู่ 2 ลักษณะ คือ
1) การทำหลักสูตรที่มีอยู่แล้วให้ดีขึน้ หรือสมบูรณ์ขน้ึ และ 2) การสรา้ งหลักสตู รข้ึนมาใหม่โดยไม่มีหลักสูตร
เดมิ เป็นพนื้ ฐาน

กาญจนา คุณารักษ์ (2540,หน้า 334) กล่าวว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง กระบวนการ
วางแผน จัดกิจกรรมการเรียนการสอนทุกประเภท เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามความ
มุ่งหมายและจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ ตลอดจนการวางแผนประเมินผล เพื่อให้ทราบชัดว่าพฤติกรรมที่
เปลี่ยนแปลงนั้น ตรงตามความมุ่งหมาย และจุดประสงค์จริงหรือไม่ เพื่อผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้พัฒนาใน
โอกาสต่อไป

กรมวชิ าการ (2540, หน้า 33) ไดก้ ลา่ วถงึ ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรไวว้ า่ หมายถึง การ
ปรับกิจกรรมการเรียนการสอนหรือกิจกรรมเสริม การปรับหรือเพิ่มเติมรายละเอียดเนื้อหาวิชาการจัดท ำ
รายละเอยี ดเนอ้ื หาวิชาใหมน่ ั้น และการพฒั นาส่ือการเรยี นการสอน

ทาบา (Taba, 1962, p.82) ได้ให้ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรว่า หมายถึง การ
เปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลักสูตรอันเดิมให้ได้ผลดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านการวางจุดมุ่งหมาย การจัดเนื้อหา การ
เรียนการสอน การวดั ผลและประเมินผลและอื่น ๆ เพ่ือให้บรรลุจุดม่งุ หมายใหม่ท่วี างไว้

กูด (Good, 1973, p.157) ได้ให้ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรไว้ 2 ความหมาย คือ 1)
การปรับปรุงหลักสูตร และ 2) การเปลี่ยนแปลงหลักสูตร โดยการปรับปรุงหลักสูตร หมายถึง การพัฒนา
หลักสูตรเพื่อความเหมาะสมกับโรงเรียน หรือระบบโรงเรียน จุดมุ่งหมายของการสอน หลักสูตร วิธีสอน
รวมทั้งการประเมินผล โดยจัดให้มีการปรับปรุงหลักสูตรทั้งระบบติดต่อกันไป หรือปรับปรุงโปรแกรม
การศึกษาให้เหมาะสม สำหรับการเปลีย่ นแปลงหลักสตู ร หมายถึง การดดั แปลงให้แตกต่างออกไปจากเดิม
เป็นการสรา้ งโอกาสทางการเรียนใหม่ โดยการเปล่ยี นแปลงแบบหลกั สูตร

เซย์เลอร์และอเล็กซานเดอร์ (Saylor and Alexander, 1974, p.7) กล่าวว่า การพัฒนาหลกั สตู ร
(Curriculum development) หมายถึง การจัดทำหลักสูตรเดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น หรือการจัดทำหลักสูตร
ขึ้นมาใหม่ โดยไม่มีหลักสูตรเดิมเป็นพื้นฐานอยู่เลย และการพัฒนาหลักสูตรจะรวมไปถึงการผลิตเอกสาร
ตา่ ง ๆ สำหรบั ผู้เรยี นด้วย

คำศพั ท์เกย่ี วกับการพัฒนาหลักสูตรทมี่ ีความหมายใกลเคยี งกัน ซึ่งพบในตําราเอกสารที่เก่ียวข้อง
กับหลกั สูตรมีดังน้ี (สงัด อุทรานนั ท์, 2532, หน้า 30-34 และ นริ มล ศตวุฒิ, 2548, หน้า 5–6)

1. การออกแบบหลักสูตร (Curriculum Design) หมายถึง การกำหนดลักษณะรูปแบบของ
หลักสูตรให้สอดคลองกับแผนงานการจัดทำหลักสูตรเพื่อใหหลักสูตรเป็นไปตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ มี

การพัฒนาหลกั สูตร

3

การรวบรวมข้อมูลที่มีผลตอการจัดหลักสูตร จัดหารูปแบบการจัดหลักสูตรที่หลากหลาย การทดสอบว่า
รูปแบบใดเป็นรูปแบบทด่ี ที ่สี ุดทจ่ี ะทำให้บรรลเุ ป้าหมายทว่ี างแผนไว้

2. การสร้างหลักสูตร (Curriculum Construction) หมายถึง การจัดทำหลักสูตรขึ้นมาใหม่
โดยที่ยังไม่เคยมีหลักสูตรนั้นมาก่อน หรือไม่เคยมีหลักสูตรเดิมเป็นรากฐานมาก่อน และต้องดำเนินการ
อย่างเปน็ กระบวนการและเป็นข้นั ตอน

3. การวางแผนหรือการร่างหลักสูตร (Curriculum Planning) หมายถึง การร่างแผนงาน
การจดั ทำหลกั สตู ร โดยกำหนดเป้าหมายว่า หลกั สูตรทจี่ ะจัดทำนั้น ทำเพือ่ ใคร จะพัฒนาบุคคลไปในทิศทาง
ใด ใช้ระยะเวลาการดำเนนิ การเทา่ ใด มกี ระบวนการพัฒนาบคุ คลเหล่านั้นอย่างไร เป็นการรวมกระบวนการ
ตา่ ง ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับการจดั ทำหลกั สตู รเท่าน้ัน ไมร่ วมถึงการผลิตเอกสารสำหรับผู้เรยี น

4. การจัดหลักสูตร (Curriculum Organization) หมายถึง การลงมือจัดทำหลักสูตรตาม
รูปแบบที่ได้เลือกไว้แล้ว โดยดำเนินการตามขั้นตอนของการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งรวมถึงการจัดเนื้อหาและ
ประสบการณสำหรับผู้เรียนด้วย

5. การจัดการหลักสูตร (Curriculum Management) หมายถึง การบริหารจัดการงาน
เกย่ี วกบั หลักสตู ร เพ่ือให้การใช้หลักสตู รเป็นไปตามทิศทางท่กี ำหนดไวอย่างมปี ระสิทธิภาพ

6. การวิเคราะห์หลักสูตร (Curriculum Analysis) หมายถึง การตรวจสอบหลักสูตร โดย
แยกวิเคราะห์แต่ละองค์ประกอบของหลักสูตร เพื่อดูให้แน่ใจว่าแต่ละสวนของหลักสูตรครบถ้วนเหมาะสม
หรือไม่ เป็นการตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร หรืออาจเป็นการตรวจสอบหลักสูตร เพื่อการเตรียมการ
สอนและการประเมินผลการเรยี น

7. การปรับปรุงหลักสูตร (Curriculum Improvement) หมายถึง การดําเนินงานจัดทำ
หลักสูตรที่มีอยู่ แลวใหมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินการเหมือนกับการพัฒนาหลักสูตร
แต่จะแตกตา่ งกันตรงที่การปรบั ปรงุ หลักสตู รจะมุ่งไปทเ่ี ป้าหมายของหลักสูตรมากกวากระบวนการของการ
จัดทำหลกั สูตร

8. การปรับหลักสูตร (Curriculum Adaption) หมายถึง การนําหลักสูตรไปปรับใชในการ
จัดการเรียนการสอนเพ่ือใหสอดคล้องเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น ชุมชน สถานศึกษา และผู้เรียน

9. การเปลี่ยนแปลงหลักสูตร (Curriculum Change) หมายถึง การแก้ไขหลักสูตรเดิมให้มี
สภาพที่แตกต่างจากหลักสูตรเก่าที่มีอยู่แล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสวนใหญ่ของหลักสูตร จะ
กระทำเมื่อหลกั สตู รนนั้ ใชมาเปน็ เวลานานและไมส่ ามารถสนองความตองการของสังคมในขณะนั้นได้

จากท่กี ลา่ วมาแลว เมือ่ พจิ ารณาโดยรวมแลว คาํ ว่า “การพฒั นาหลกั สตู ร” เปน็ คาํ ทมี่ ีความหมาย
กว้างกว่าคําอืน่ ๆ ซ่ึงพอสรปุ ได้ว่า การพฒั นาหลกั สตู ร มีความหมายได้ 2 นยั คอื 1) เปน็ ปรับปรุงหลักสูตร
เดิมท่ีมีอยู่แล้วให้ดีขึ้นหรือสมบูรณ์ขึ้น 2) การจัดทำหลักสูตรขึ้นใหม่ที่ไม่มีหลักสูตรเดิมอยู่ก่อนเลย ซึ่งการ
พัฒนาดงั กล่าวจะชว่ ยพัฒนาผู้เรียนให้มีลักษณะที่ดีขึ้น สอดคล้องกับสภาพสังคมและบรรลุจุดมุ่งหมายของ
หลักสูตรทีไ่ ด้กำหนดไว้

การพัฒนาหลักสตู ร

4

บุคคลทเ่ี กี่ยวข้องกับการพฒั นาหลักสูตร

งานด้านหลักสูตร เป็นภารกิจที่เกี่ยวของกับบุคลากรเป็นจำนวนมาก การพัฒนาหลักสูตรหลาย
ระดับ ตั้งแต่การพัฒนาหลักสูตรระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับทองถิ่น ระดับชาติ ไปจนถึงระดับ
นานาชาติ ดังนั้นการคัดเลือกบุคคลต่าง ๆ เขามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร จึงต้องมีความแตกต่าง
กนั ไป สถานศกึ ษาเป็นสถาบันทางสงั คม ซงึ่ จะต้องทำหนา้ ที่จัดการศึกษาให้ตอบสนองกบั ความตองการของ
แต่ละชุมชนทองถ่ิน ดังนั้นกระบวนการพฒั นาหลกั สตู รจึงควรให้ผู้มีสว่ นได้สว่ นเสีย (Stakeholder) ในการ
จัดการศึกษาของสถานศึกษาได้เข้ามามีสวนร่วมในการดำเนินการ นอกเหนือจากผู้กำหนดนโยบายจาก
เบอื้ งบนและผูเ้ ชยี่ วชาญพเิ ศษทางการศกึ ษา บคุ ลากรทีม่ ีส่วนเกีย่ วขอ้ งกบั การพัฒนาหลักสตู รมี ดงั น้ี

1. ผู้บริหาร ซึ่งได้แก ผู้บริหารระดับสูง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร เลขาธิการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้อํานวยการเขตพื้นที่การศึกษาและผู
บริหารสถานศึกษา เป็นตน แม้ว่าผู้บริหารจะไม่มีบทบาทโดยตรงในการใช้หลักสูตร แต่ก็ควรมีบทบาทใน
การส่งเสริมสนับสนุนในด้านการกำหนดวิสัยทัศน์ การแสดงภาวะผู้นําทางวิชาการ การสนับสนุนด้าน
งบประมาณ ตลอดจนการให้กําลังใจ ใหข้อเสนอแนะอย่างเป็นกัลยาณมิตร และมีความเป็นประชาธิปไตย

2. ผู้เชี่ยวชาญทางหลักสูตร ได้แก่ นักวิชาการ ผู้ประสานงานด้านหลักสูตร (Curriculum
Coordinators) ซ่ึงเป็นผู้ที่มีความรูเกี่ยวกับธรรมชาติของหลักสูตร หลักการและทฤษฎีของหลักสูตร และ
กระบวนการสร้างหลักสูตร ออนสไตนและฮันคินส์ (Ornstein and Hunkins, 1993, p.289 - 291) ได้
กลา่ ว ถงึ ภารกจิ หลกั ของผเู้ ชย่ี วชาญของหลักสูตรมี 10 ประการ ดงั นี้

2.1 กำหนดเป้าหมายและจุดหมายของหลกั สูตร
2.2 กำหนดความตอ้ งการจาํ เป็นและปญั หา
2.3 สรา้ งรปู แบบการพฒั นาหลักสูตร
2.4 จัดทำแผนงาน กลยุทธ และกระบวนการที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรร่วมกัน
ทำงาน
2.5 สง่ เสรมิ สมาชิกในองคกรใหเกดิ ความสมั พันธท์ ่ดี ใี นการปฏบิ ัติงาน
2.6 ส่งเสริมใหบุคลากรเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการพัฒนาหลักสูตร
2.7 สอ่ื สารใหเ้ กิดความเขา้ ใจท้งั ภายในและภายนอกสถานศกึ ษา
2.8 เพมิ่ เติมศกั ยภาพทางวชิ าชพี ใหแก่ผ้ทู เี่ ก่ียวขอ้ งกบั หลักสตู ร
2.9 วางแผนการนําหลกั สูตรไปใช้
2.10 ประเมนิ ผลการใชห้ ลักสตู ร
3. ผู้อํานวยการเขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้ที่หน้าที่กำกับดูแล ประเมินผลการจัดการศึกษา
ของสถานศกึ ษาให้มีคณุ ภาพ มบี ทบาทเป็นผนู้ าํ การเปลยี่ นแปลงทางวิชาการด้านหลกั สตู ร
4. คณะกรรมการการศึกษาระดับท้องถิ่น เป็นบุคคลในชุมชนที่เข้ามามีบทบาทช่วยเหลือ
แนะนําสถานศึกษา บทบาททางด้านหลักสูตรของคณะกรรมการการศึกษา คือ ใหข้อคิดเห็นด้านหลักสูตร
ทศิ ทางเปา้ หมาย นโยบายหลกั สตู ร ตลอดจนตัดสินใจเกีย่ วกบั การใช้งบประมาณในการบรหิ ารหลกั สูตร

การพฒั นาหลักสตู ร

5

5. ครู เป็นผู้ทม่ี ีบทบาทสำคัญทสี่ ดุ ในการตัดสนิ ใจเกี่ยวกบั หลักสูตรในระดบั สถานศึกษา ครูมี
ส่วนร่วมในการกำหนดทศิ ทาง จุดประสงค์ของหลักสูตร เป็นผู้คัดเลอื กเนื้อหาและประสบการณการเรียนรู้
ตลอดจนกำหนดแนวทางการวัดและประเมินผล ดอล (Dol,. 1996, p.362 อ้างถึงใน หรรษา นิลวิเชียร,
2547, หน้า 13) กลา่ ววา ครูมบี ทบาทสำคญั ในการปฏิบตั ิการด้านหลักสูตร 3 ประการ คอื 1) วางแผนและ
ทำงานกับนักเรียนทุกคน 2) ศึกษานักเรียนเป็นรายบุคคล และ 3) แลกเปลี่ยนประสบการณเกี่ยวกับ
หลักสูตรกับครูคนอื่น ๆ การที่จะช่วยให้ครูเข้ามามีบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาหลักสูตรมากขึ้น ผู้บริหาร
จำเป็นต้องให้ครูได้รับการพัฒนาทักษะที่จาํ เป็น เชน ทักษะการคิด ทักษะด้านการวางแผน และทักษะการ
ตดั สนิ ใจ เปน็ ต้น

6. นักเรียน ในปัจจุบันการกระจายอำนาจทางการศึกษา ส่งผลใหมีการจัดทำหลักสูตรโดย
ใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School Based Curriculum) นักเรียนจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการแสดง
ความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักสูตรทั้งอย่าง เป็นทางการและไม่เป็นทางการ นักเรียนควรมีส่วนร่วมในการ
ตั้งเป้าหมาย จุดประสงค์ ตลอดจนสาระการเรียนรู้และประสบการณการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับความสนใจ
ของนักเรียน ดังนนั้ จงึ มีสทิ ธิทีจ่ ะแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั หลักสูตรทเ่ี ขาต้องการ

7. ผู้ปกครอง และชุมชน นกั พัฒนาหลกั สตู รควรเปิดโอกาสใหผ้ปู กครอง ประชาชนในชุมชน
มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย วิสัยทัศน์ ด้านหลักสูตรของสถานศึกษา โดยเฉพาะในป จจุบันสืบ
เนื่องมาจากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติได้กำหนดใหชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
ดังนั้น ผู้ปกครองและชุมชน จึงมีโอกาสเขามามีส่วนเกี่ยวของกับหลักสูตรสถานศึกษา โดยการจัดต้ัง
คณะกรรมการสถานศึกษาเพื่อเป็นตัวแทนของชุมชนเขามามีสวนร่วมในการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
โดยมีบทบาทหน้าที่ด้านวิชาการ คือ ให้ความเห็นข้อเสนอแนะในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให
สอดคล้องกับหลกั สตู รแกนกลางทสี่ นองตามความตอ้ งการของผู้เรยี น และชมุ ชนท้องถนิ่

8. หน่วยงานและบคุ คลอ่นื ๆ นอกจากบุคคลในสถานศึกษาและประชาชนในชุมชนที่เข้ามา
เกี่ยวของกับการพัฒนาหลักสูตรแล้ว ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้แก่ หน่วยงาน องค์กรเอกชน บริษัทเอกชน
สำนกั พิมพ์ สำนักทดสอบแห่งชาติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัย และองคก์ รวิชาชีพต่าง ๆ

กล่าวโดยสรุป ผู้ที่มีส่วนได้สวนเสียในการพัฒนาหลักสูตร อาจแบงได้เป็น 3 กลุม คือ 1) กลุ่ม
ของผู้พัฒนาหลักสูตร 2) กลุ่มของผู้ให้คำแนะนําและสนับสนุนการพัฒนาหลักสตู ร และ 3) กลุมผู้ให้ข้อมูล
เกยี่ วกบั การพัฒนาหลกั สตู รด้านต่าง ๆ

หลกั การพัฒนาหลกั สูตร

การพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการทำงานที่เป็นระบบและอาศัยการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่าย
ทง้ั นเี้ พื่อให้ไดห้ ลกั สตู รทีม่ คี ุณภาพ นกั การศกึ ษาไดเ้ สนอหลักการสำคญั ในการพัฒนาดงั น้ี

ใจทิพย์ เชื้อรัตนพงษ์ (2537, หน้า 25) ได้เสนอหลักการในการพัฒนาหลักสูตร อย่างเป็นระบบ
ซ่ึงมขี น้ั ตอนสำคัญสรปุ ได้ ดงั นี้

การพัฒนาหลกั สูตร

6

ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน เพื่อวินิจฉัยปัญหาและความต้องการ ซึ่งจะช่วยในการ
ตัดสินใจ

ขั้นที่ 2 การกำหนดเป้าประสงค์ จุดหมายและจุดประสงค์ หลังจากได้วิเคราะห์ขอ้ มูลพื้นฐาน
แลว้ จะพิจารณาและกำหนดความมุ่งหมายของการศึกษา

ขั้นที่ 3 การเลือกและการจัดเนื้อหา จะต้องมีความสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ใน
หลักสูตร มีความสอดคล้องกับความต้องการ ความสนใจของผเู้ รยี น มคี วามยากง่าย สอดคลอ้ งเหมาะสมกับ
วัย เนอื้ หาตอ้ งเป็นประโยชน์ตอ่ ผูเ้ รียน และเนอ้ื หานั้นเป็นสิ่งทสี่ ามารถจดั ใหผ้ ู้เรยี นได้ ในแงค่ วามพร้อมด้าน
เวลา ผสู้ อน และวสั ดอุ ปุ กรณต์ ่าง ๆ

ขั้นที่ 4 การเลือกและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ต้องสามารถ
ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้เร็ว รวมไปถึงยุทธวิธีการสอน การเลือกใช้สื่อการสอนให้สอดคล้องกับ
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ และการจดั สภาพแวดลอ้ มของโรงเรยี นต้องเอ้ือต่อการเรียนรู้ และกระตนุ้ ความสนใจ
ของผูเ้ รียน

ขั้นที่ 5 การกำหนดอัตราเวลาเรียน หลักเกณฑ์ในการวัดและประเมินผลการเรียน
กำหนดเวลาการเรียนการสอน โดยจัดเนื้อหาวิชาตามลำดับก่อนหลังให้สัมพันธ์กับชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่วน
การวดั ผลประเมนิ ผล ควรกำหนดวธิ กี ารเกณฑ์การตัดสินและเกณฑก์ ารจบหลักสตู ร

ข้ันที่ 6 การนำหลักสูตรไปใช้ หลังจากร่างหลักสูตรแล้วต้องมีการตรวจสอบข้อบกพร่องท่ีควร
ปรบั ปรุงแกไ้ ขหรอื เพิ่มเติม

ขั้นที่ 7 การประเมินหลักสูตร เมื่อใช้หลักสูตรไปได้สักระยะหนึ่ง ควรมีการประเมินผล
หลักสตู รในด้านต่าง ๆ วา่ มีขอ้ บกพร่องทีค่ วรปรับปรุงแกไ้ ขหรือเพิ่มเตมิ อะไรอีกบ้าง

ขั้นที่ 8 การปรับปรุงแก้ไขหลักสูตร หลังจากที่ทราบข้อบกพร่องของหลักสูตร หมายถึง
กระบวนการที่เก่ียวข้องกับการวางแผนพฒั นาหรือคิดประสบการณเ์ รียนรู้ตา่ ง ๆ เพอ่ื ให้เกดิ ความเหมาะสม
หรอื ดยี งิ่ ขึ้น

ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2557, หน้า 75–76) ได้เสนอหลักการพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการที่มี
ขั้นตอนการพัฒนาอย่างเป็นระบบซึ่งการที่จะพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภ าพนั้นต้องคำนึงถึงหลักการพัฒนา
หลกั สตู รตอ่ ไปน้ี

1. การพัฒนาหลักสตู รจำเปน็ ต้องมผี นู้ ำท่เี ช่ยี วชาญและมคี วามสามารถในการพัฒนาหลักสูตร
เปน็ อยา่ งดี

2. การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องไดร้ ับความช่วยเหลอื และประสานงานอย่างดีจากบุคคล
ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งทกุ ฝ่ายทุกระดับ

3. การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องมีการดำเนินงานเป็นระเบียบแบบแผนต่อเนื่องกันไปเร่ิม
ตั้งแต่การวางจุดมุ่งหมายในการพัฒนาหลักสูตรจนถึงการประเมินหลักสูตร ในการดำเนินงานจะต้อง
คำนงึ ถึงจดุ เร่มิ ตน้ การเปล่ยี นแปลงว่า การพฒั นาหลกั สูตรจะเริม่ ท่ีจดุ ใด จะเป็นการพฒั นาส่วนย่อยหรือการ
พัฒนาทั้งระบบและจะดำเนนิ การอยา่ งไรในขั้นตอ่ ไป สิ่งเหล่านีเ้ ป็นสิ่งที่ผูม้ ีหน้าทีใ่ นการพัฒนาหลักสูตรไม่

การพฒั นาหลักสูตร

7

วา่ จะเป็นผ้เู ช่ียวชาญทางด้านการจัดหลักสูตร ครูผูส้ อน หรอื นกั วิชาการทางดา้ นการศึกษาและบุคคลต่าง ๆ
ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง จะต้องร่วมมอื กันพิจารณาอยา่ งรอบคอบและดำเนนิ การอย่างมีระเบียบแบบแผนทีละข้นั ตอน

4. การพัฒนาหลักสูตรจะต้องรวมถึงผลงานต่าง ๆ ทางด้านหลักสูตรที่ได้สร้างขึ้นใหม่อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ ไม่ว่าจะเปน็ เอกสารหลักสตู ร เนือ้ หารายวิชา การทำการทดลองหลักสตู ร การนำหลักสูตรไป
ใชห้ รือการจดั การเรยี นการสอน

5. การพัฒนาหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพ จะต้องมีการฝึกอบรมครูประจำการใหม้ ีความรู้ความ
เข้าใจในหลักสูตรใหม่ การพัฒนาหลักสูตรจะจัดต้องคำนึงประโยชน์ในการพัฒนาจิตใจและทัศนคติของ
ผเู้ รียนด้วย

โอลวิ า (Oliva, 2001, p.28–41) ไดเ้ สนอหลกั การของหลักสูตร (Axioms) ไว้ 10 ประการ ดงั น้ี
1. การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี

นักพัฒนาหลักสูตรจะต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ และจะต้องเตรียมตัวเองใหพร้อมที่จะ
ปรบั ปรุงหลักสตู รให้สอดคล้องกบั การเปล่ียนแปลงนั้น ๆ

2. หลักสูตรเป็นผลผลิตของแต่ละชวงเวลา หลักสูตรตอบสนองต่อสังคม และหลักสูตรจะถูก
เปลี่ยนแปลงไปตามสังคม ความเชื่อของปรัชญา หลักทางจิตวิทยา องค์ความรู้ใหม่ ๆ ภาวะผู้นําทาง
การศึกษาในแต่ละยุค วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ยอมมีอิทธิพลตอหลักสูตร ดังนั้น นักพัฒนา
หลักสตู รจำเป็นตองตดั สนิ ใจอย่างระมดั ระวังว่าควรจะเปลยี่ นแปลงหลักสตู รไปในทิศทางใด เพื่อสนองความ
ตอ้ งการของสงั คม

3. การเปลย่ี นแปลงของหลักสตู รท่ีเกิดขึ้นในชว่ งแรก จะมสี ่วนหนงึ่ ทเ่ี กิดข้ึนขนานหรอื เกิดข้ึน
ซ้อนกันกับการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรที่เกิดขึ้นในช่วงต่อมา ซึ่งหมายความวา การปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
หลักสูตรจะไม่เป็นการเริ่มต้นและจบลงทันทีทันใด แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นตองใช้เวลานานและดำเนิน
ต่อไป ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรใหม่เกิดขึ้น การพัฒนาหลักสูตรจึงมีกระบวนการและขั้นตอน
สว่ นหน่งึ ทเ่ี กิดขนึ้ พรอมกัน หรือทับซ้อนกันอยู่

4. การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงในตัวบุคคล การเปลี่ยนแปลง
หลักสูตรที่ประสบความสำเร็จนั้นจําเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในตัวบุคคลที่เกี่ยวของ คือ นักพัฒนา
หลักสูตร ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรอื่นที่เกี่ยวข้อง การเปลี่ยนแปลงผูที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร
สามารถทำได้โดยการให้ความรู้ การฝกอบรม การให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการพัฒนาหลักสูตร และการ
สร้างค่านิยมเจตคติเกย่ี วกบั หลกั สูตรใหม่

5. การพฒั นาหลกั สูตรเป็นงานท่ีตอ้ งอาศยั ความร่วมมอื จากบุคคลหลายฝา่ ย การเปล่ยี นแปลง
หลักสูตรโดยทั่วไปควรจะมีกลุ่มคนทุกฝ่ายเขามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรซึ่งมี
ผลกระทบตอคนจำนวนมาก

6. การพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการของการตัดสินใจ นักพัฒนาหลักสูตรต้องมีการ
ตัดสินใจเกี่ยวกับการเลือกรายวิชา เนื้อหาวิชา การเลือกวิธีการ การตัดสินใจในสิ่งที่มีความคิดเห็นต่างกัน
และการตดั สนิ ใจเก่ียวกับการบรหิ ารจดั การหลกั สูตร

การพฒั นาหลักสูตร

8

7. การพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการต่อเนื่อง นักพัฒนาหลักสูตรต้องทำงานตลอดเวลา
ท้ังนีเ้ พราะหลกั สูตรจะต้องมกี ารเปลี่ยนแปลงตามสภาพของสังคมทเ่ี ปลีย่ นแปลงไป

8. การพัฒนาหลักสูตรที่มีประสิทธิผลจำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างครอบคลุม โดยนําส่วน
ตา่ ง ๆ ทเี่ กีย่ วของกับหลักสูตรมาพจิ ารณา และศึกษาถึงความสมั พันธ์ของสว่ นตา่ ง ๆ เหล่าน้ัน

9. การพัฒนาหลักสูตรท่ีมีประสิทธิภาพต้องมีการดำเนินการไปตามกระบวนการอย่างมีระบบ
ซ่ึงจะส่งผลดีมากกว่าการลองผดิ ลองถูก

10. การพัฒนาหลักสูตรจะเริ่มจากหลักสูตรเดิมที่มีอยูแลวในขณะนั้น โดยการตรวจสอบ
และประเมินดวู ามสี ว่ นใดเป็นสว่ นดี มสี ว่ นใดเป็นปญั หาที่จำเป็นต้องแกไขหรือตดั ทิ้งไป ซึ่งอาจกล่าวได้วา
งานการพฒั นาหลกั สูตรไมไ่ ดเ้ รมิ่ จากศนู ย์หรอื เรม่ิ จากความว่างเปล่า

จากหลักการในการพัฒนาหลักสูตรข้างต้น สรุปได้ว่าการดำเนินการพัฒนาหลักสูตรอย่างเป็น
ระบบนั้นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน คือ การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน การกำหนดเป้าประสงค์ การเลือก
และการจัดเนื้อหา การเลือกและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การกำหนดอัตราเวลาเรียน การนำ
หลักสูตรไปใช้ การประเมินหลักสูตร และการปรับปรุงแก้ไขหลักสูตร ทั้งนี้จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญ ผู้มี
ความรู้ความสามารถในการที่จะช่วยเหลือและประสานงานทางด้านการพัฒนาหลักสูตร รวมถึงผลงาน
ต่าง ๆ ทางด้านหลักสูตร เพื่อให้การดำเนินการพัฒนาหลักสูตรเป็นไปอย่างมีระเบียบแบบแผนและมี
ประสทิ ธภิ าพ

ระดับของการพฒั นาหลักสูตร

การพัฒนาหลกั สูตรมีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับชาตจิ นถึงระดบั ช้ันเรียน ซงึ่ ไดม้ นี ักการศึกษาหลาย
ทา่ นได้กล่าวถงึ ระดับการพัฒนาหลกั สตู รไว้ ดงั น้ี

สุมิตร คุณานุกร (2532, หน้า 11) ได้กล่าวว่า การพัฒนาหลักสูตรมิได้มีขอบเขตจำกัดอยู่เฉพาะ
ในระดับกระทรวงศึกษาธิการ หรือที่เรียกว่าระดับชาติเท่านั้น แต่กระจายต่อไปในระดับต่าง ๆ ได้ถึง 4
ระดบั ดังน้ี

1. การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติ ควรพัฒนาหลักสูตรให้มีลักษณะที่เอื้ออำนวยต่อการนำไป
ขยายหรือปรับให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้ในระดับต่าง ๆ ที่รองลงไป นำไปขยายและปรับใหม่ให้เหมาะสมกับ
สภาพของท้องถ่ินโรงเรียนและช้ันเรียนต่อไป

2. การพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถิน่ คำว่าท้องถิ่นในระดับนี้ หมายถึง เขตการศึกษาซึ่งจะทำ
การขยายหรือปรับหลักสูตรระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพทางสังคม ภูมิศาสตร์ และความต้องการของ
ประชาชนในแต่ละเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษา

3. การพัฒนาหลักสูตรในระดับโรงเรียน เป็นการพัฒนาหลักสูตรโดยทางโรงเรียนทำหน้าท่ี
ขยายและปรับประมวลการสอน จากการพัฒนาหลักสูตรระดับระดับท้องถิ่นอีกครั้ง เพื่อให้ละเอียดยิ่งขึ้น
จนกระทัง่ สามารถแยกแยะรายละเอยี ดของเนื้อหาวชิ าท่จี ะสอนออกมาได้เปน็ เวลาได้

การพัฒนาหลักสูตร

9

4. การพัฒนาหลักสูตรในระดับชั้นเรียน เป็นการพัฒนาหลักสูตรที่เน้นการตอบสนองความ
ตอ้ งการและความสนใจของผเู้ รยี น โดยการปรับความมุ่งหมายการสอน เนือ้ หา กจิ กรรมการเรยี นรู้และการ
สอนให้สอดคล้องกับสติปัญญา และความสนใจของผู้เรียน

วชิ ยั วงษ์ใหญ่ (2537, หน้า 67) ไดแ้ บ่งระดับการพัฒนาหลกั สตู รของไทยเป็น 3 ระดับ คือ
1. การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติ เป็นการพัฒนาหลักสูตรที่มีหลกั การจะต้องกระทำในระดับ

กวา้ ง ๆ เพือ่ ใหท้ อ้ งถน่ิ สามารถนำไปปรับใช้อย่างเหมาะสม
2. การพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถิ่น ท้องถิ่นในที่นี้ หมายถึง ระดับภาค ระดับจังหวัด และ

ระดบั กลุ่มโรงเรียน เป็นการนำหลักสตู รระดบั ชาติมาปรับเปล่ียนเน้ือหาสาระใหม้ ีความสอดคล้องกับท้องถิ่น
น้ัน

3. การพัฒนาหลักสตู รระดบั หอ้ งเรยี น เป็นการพัฒนาหลกั สูตรโดยครูผสู้ อน
มณฑิชา ชนะสทิ ธ์ิ (2539, หน้า 19) ไดก้ ลา่ ววา่ การพฒั นาหลกั สูตรแบง่ ไดเ้ ป็น 4 ระดับ คือ

1. การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติ เป็นการจัดทำหลักสูตรแม่บทในลักษณะกว้าง ๆ เพื่อให้
หน่วยงานระดับล่างนำไปปรบั ใชไ้ ด้

2. การพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถิ่น เป็นการพัฒนาหลักสูตรโดยเขตการศึกษา นำหลักสูตร
ระดับชาตมิ าปรบั หรือขยายให้มีความสอดคลอ้ งกบั สภาพทอ้ งถน่ิ ในเขตการศึกษานนั้

3. การพัฒนาหลักสูตรระดับโรงเรียน เป็นการพัฒนาหลักสูตรโดยการนำหลักสูตรระดับชาติ
ระดบั ทอ้ งถน่ิ มาปรับหรือขยายใหม้ ีความสอดคลอ้ งกับสภาพการจดั การศึกษาของโรงเรยี น

4. การพัฒนาหลักสูตรระดับห้องเรียน เป็นการพัฒนาหลักสูตรโดยการนำหลักสูตรระดับ
โรงเรียนมาปรบั หรอื ขยายใหม้ คี วามละเอียด เหมาะสมกบั หลักสูตรทอ้ งถิน่

การพัฒนาหลักสูตรในประเทศไทย หลังการปฏิรูปการศึกษาตาม พระราชบัญญัติการศึกษา
แห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้มีการกระจายอำนาจการศึกษาลงไปสู่ระดับสถานศึกษา และลงสู่การปฏิบัติ
ระดับชั้นเรียน ทำใหสถานศึกษาสามารถจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาของตนเองได้ ดังนั้น การพัฒนา
หลกั สูตรในประเทศไทย หากพจิ ารณาในแงข่ องการนําไปปฏบิ ตั ิ สามารถแบ่งออกเปน็ 4 ระดบั ดังนี้

1. การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติ หรือหลักสูตรแม่บท เป็นหลักสูตรแกนกลางที่เขียนไว้
กว้าง ๆ บรรจุสาระการเรียนรู้ที่จําเป็นซึ่งทุกคนในประเทศต้องเรียนเหมือนกัน เชน หลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นตัวบ่งชี้ว่า นักเรียนควรต้องรู้
อะไร และตอ้ งปฏิบัตหิ รือทำสิง่ ใดไดบ้ ้าง

2. การพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถ่ิน หรือหลักสูตรระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา เป็นการนำ
หลักสูตรระดับชาติมาพัฒนาปรบั ปรุงให้สอดคล้องกับสภาพท้องถ่ิน ตามลักษณะธรรมชาติส่ิงแวดล้อมและ
ลักษณะพเิ ศษของทอ้ งถน่ิ เพือ่ ใหเ้ หมาะสมกับผเู้ รียน

3. การพัฒนาหลักสูตรระดับสถานศึกษา เป็นหลักสตู รที่กำหนดให้สถานศึกษามีหนา้ ที่จัดทำ
สาระของหลักสูตรให้สอดคล้องกับหลักสูตรระดับชาติและหลักสูตรระดับท้องถิ่น และพัฒนาหลักสูตรใน
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคมภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเป็น

การพฒั นาหลกั สตู ร

10

สมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติ นักพัฒนาหลักสูตรที่สำคัญคือ ครู บุคลากรใน
สถานศกึ ษา และบคุ ลากรในชุมชน

4. การพัฒนาหลักสูตรระดับชั้นเรียน การพัฒนาหลักสูตรระดับชั้นเรียนเป็นการนำหลักสูตร
มาพฒั นาสู่การจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลผุ ลตามจดุ ม่งุ หมายทว่ี างไว้ บุคคลที่สำคัญ
ในการพัฒนาหลักสูตรระดับนี้ คือ ครูผู้สอน โดยการสนับสนุนของผู้บริหารสถานศึกษา เพราะฉะนั้นการ
พฒั นาหลกั สตู รระดับชั้นเรียนกค็ ือ การพฒั นาการสอนของครู ซง่ึ เป็นระดบั ของการพฒั นาหลักสูตรท่ีสำคัญ
ท่จี ะทำให้หลักสตู รระดับสถานศกึ ษา หลกั สูตรระดับท้องถ่นิ และหลกั สตู รระดบั ชาตบิ รรลุจดุ มุง่ หมาย

สรุประดับของการพัฒนาหลักสูตรแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ 1) การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติ
หรือหลักสูตรแม่บท 2) การพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถิ่น หรือหลักสูตรระดับเขตพื้นที่การศึกษา 3) การ
พฒั นาหลักสูตรระดับสถานศึกษา และ 4) การพฒั นาหลักสูตรระดับชน้ั เรียน

รูปแบบการพัฒนาหลกั สูตร

รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรสว่ นมากพัฒนามาจากแนวคิดของนักการศึกษาตา่ งประเทศ ซ่ึงแต่ละ
รูปแบบจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะได้นำเสนอรูปแบบของการพัฒนาหลักสูตรทั้งของนัก
การศกึ ษาตา่ งประเทศและนกั การศกึ ษาไทย ดังน้ี

1. รปู แบบการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์ (Tyler)

รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของราลฟ ไทเลอร์ (Ralph Tyler) เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
ในวงการพัฒนาหลักสูตร แนวคิดในการวางกรอบโครงร่างหลักสูตรของไทเลอร์ โดยใช้วิธีการที่เรียนว่า
เทคนิควิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Technical – Scientific Models) ไทเลอร์ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับ
หลักสตู รและการสอน ชอ่ื ว่า Basic Principles of Curriculum and Instruction หลักการพฒั นาหลกั สตู ร
ของ ไทเลอร์ เริ่มด้วยการหาคำตอบจาก คำถามพื้นฐาน 4 ประการ คือ (Ornstein and Hunkins. 1993,
p.267 อ้างถงึ ใน รุ่งทวิ า จนั ทนว์ ัฒนวงษ์, 2557, หนา้ 99)

คำถามที่ 1 มีวตั ถุประสงค์ทางการศกึ ษาอะไรทีโ่ รงเรียนควรจะบรรจแุ ละกำหนด
คำถามท่ี 2 จะมวี ธิ ีเลอื กประสบการณ์การเรยี นรู้อยา่ งไร จงึ จะเกดิ ประโยชน์บรรลตุ าม
วตั ถปุ ระสงค์
คำถามที่ 3 จะดำเนินการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างไร เพื่อจะทำให้การเรียนการ
สอนมปี ระสิทธิภาพ
คำถามที่ 4 ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ที่มปี ระสิทธภิ าพจะถกู ประเมนิ อยา่ งไร
จากคำถามพื้นฐานทั้ง 4 ข้อนี้ แสดงถึงกระบวนการพัฒนาหลักสูตร 4 ขั้นตอนการพัฒนา
หลักสูตรในแต่ละขั้นตอนต้องคำนึงถงึ การกำหนดจุดมุ่งหมาย การกำหนดประสบการณ์ทางการศึกษาการ
จัดประสบการณ์ทางการศกึ ษาให้ผ้เู รยี น และการประเมนิ สัมฤทธ์ิผลของหลักสูตรซ่ึงรูปแบบของการพัฒนา
หลักสตู รของไทเลอร์ นำเสนอไดด้ ังภาพท่ี 4.1

การพฒั นาหลกั สูตร

11

ภาพท่ี 4.1 รูปการณพ์ ฒั นาหลกั สตู รของไทเลอร์ (Tyler) (ปรับปรุงจาก วชิ ัย วงษใ์ หญ่, 2554, หน้า 44)
จากรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของไทยเลอร์ ในภาพที่ 4.1 อธิบายรายละเอียดในแต่ละ

ประเด็นได้ดงั น้ี (วชิ ยั วงษใ์ หญ่, 2554 ; ชัยวฒั น์ สทุ ธริ ัตน์, 2557, หนา้ 78-80)
1. การกำหนดวัตถุประสงค์ (Identify General Objectives) เป็นการคัดเลือก

วตั ถุประสงค์ของหลกั สูตร กอ่ นจะกำหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องหลักสูตรจะต้องอาศยั ข้อมูลพน้ื ฐานจาก 3 แหล่ง
คือ แหล่งข้อมูลด้านเนื้อหาวิชา แหล่งข้อมูลทางด้านสังคม ได้แก่ ค่านิยม ความเชื่อดำรงชีวิตในสังคม
โครงสรา้ งท่สี ำคัญในสังคม และความมุ่งหวังทางสังคม และแหล่งข้อมูลด้านตวั ผู้เรยี น ซง่ึ เก่ียวข้องกับความ
ต้องการความสนใจ ความสามารถและคุณลักษณะผู้เรียนที่ประเทศชาติต้องการ แล้วนำข้อมูลนั้นมา
ประมวลเข้าด้วยกันจนเป็นจุดมุ่งหมายอย่างกว้าง ๆ ของหลักสูตรหรือวัตถุประสงค์ชั่วคราว (Tentative
General Objectives) เมื่อเลือกได้แล้วต้องนำมากลั่นกรองโดยใช้เกณฑ์การพิจารณา 2 ด้าน คือ ปรัชญา
การศึกษาของโรงเรียน ปรชั ญาทางสังคมและจิตวิทยาการเรียนรู วัตถุประสงค์ท่ผี ่านการกล่ันกรองแล้ว จะ
ได้วัตถุประสงค์ที่เจาะจงมากขึ้นซึ่งไทเลอร์เรียกว่า วัตถุประสงค์การเรียนการสอน ( Instructional
Objectives)

2. การเลอื กและจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ (Selection Of Educational Experiences)
การเลือกและการจัดประสบการณ์การเรียนที่คาดหวังจะให้ผู้เรียนมีประสบการณ์อย่างไร กิจกรรมที่จัดทั้ง
ในการเรียนการสอน และส่วนเสริมหลักสูตรนั้น ทั้งนี้ก็เพื่อจะให้กระบวนการเรียนการสอนดำเนินไป เพื่อ

การพฒั นาหลกั สูตร

12

ตอบสนองวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไทเลอร์ได้เสนอเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ไว้
ดงั นี้

2.1 ผ้เู รยี นควรมีโอกาสฝกึ พฤตกิ รรมและเรยี นรูเ้ นื้อหาตามทร่ี ะบุไวใ้ นวตั ถุประสงค์
2.2 กิจกรรมและประสบการณ์ นั้นควรจะทำให้ผู้เรียนพึงพอใจที่จะปฏิบัติตาม
พฤติกรรมท่ไี ด้ระบไุ ว้ในวัตถุประสงค์
2.3 กจิ กรรมและประสบการณน์ น้ั ควรจะอยใู่ นขอบข่ายความพอใจท่ีพึงปฏิบตั ิได้
2.4 กิจกรรมและประสบการณ์หลาย ๆ ด้านของการเรียนรู้อาจนำไปสู่วัตถุประสงค์ท่ี
กำหนดไว้เพยี งข้อเดยี ว
2.5 กิจกรรมและประสบการณ์การเรยี นรเู้ พียงหนงึ่ อย่างอาจตอบสนองวัตถปุ ระสงค์
หลาย ๆ ขอ้ ได้
นอกจากนั้น ไทเลอร์ ยังเน้นเกีย่ วกับการพิจารณาการจดั ประสบการณ์เรยี นรู้ว่าต้องคำนึง
ความสัมพันธ์ในด้านเวลาต่อเวลา และเนื้อหาต่อเนื้อหา เรียกว่าเป็นความสัมพันธ์แบบ แนวตั้ง (Vertical)
กับแนวนอน (Horizontal) ซ่งึ มเี กณฑใ์ นการพจิ ารณาดังนี้
1) ความตอ่ เนื่อง (Continuity) หมายถึง ความสัมพันธ์ในแนวตั้งขององคป์ ระกอบของ
ตัวหลักสูตรจากระดับหนึ่งไปยังอีกระดบั หน่ึงท่ีสูงขึ้นไป เช่น ในวิชาทักษะต้องเปิดโอกาสใหม้ ีการฝึกทกั ษะ
ในกิจกรรมและประสบการณบ์ ่อย ๆ และตอ่ เน่ืองกัน
2) การจัดช่วงลำดับ (Sequence) หมายถึง ความสัมพันธ์ในแนวตั้งของส่วน
องค์ประกอบของตัวหลักสูตรจากสิ่งที่เกิดก่อนไปสู่สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังหรือจากสิ่งที่มีความง่ายไปสู่สิ่งที่มี
ความยาก ดงั น้นั การจดั กจิ กรรมและประสบการณม์ ีการเรียงลำดบั กอ่ นหลงั ก็เพ่ือให้ได้เรียนเนื้อหาที่มีความ
ลกึ ซงึ้ ยงิ่ ขน้ึ
3) การบรูณาการ (Integration) หมายถึง ความสัมพันธ์ในแนวตั้งของส่วน
องค์ประกอบของตัวหลักสูตร จากหัวข้อเนื้อหาหนึ่งไปยังอีกหัวข้อเนื้อหาหนึ่งของรายวิชาหรือจากรายวชิ า
อื่น ๆ ท่มี ีความเกย่ี วข้องกนั การจดั ประสบการณ์จึงเปน็ ลักษณะที่ช่วยใหผ้ ู้เรยี นได้เพิ่มพูนความคิดเห็นและ
ได้แสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องเนื้อหาที่เรียนเป็นการเพิ่มพูนความสามารถทั้งหมดของผู้เรีย นที่จะได้ใช้
ประสบการณ์ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันประสบการณ์เรียนรู้จึงเป็นแบบแผนของปฏิสัมพันธ์
(Integration) ระหว่างผ้เู รียนกบั ประสบการณ์แวดลอ้ ม
3. การจัดเรียงลำดบั ประสบการณ์การเรยี นรู้ (Organization of Learning Experiences)
เป็นการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เรยี งตามลำดับข้นั ตอน ตอ้ งมเี น้อื หาครบทุกด้านทั้งด้าน
ความคิด หลักการ คา่ นิยม และทักษะ ต้องมีความสัมพันธ์ สอดคลองกับธรรมชาตขิ องผู้เรียน และธรรมชาติ
ของเน้ือหาท่มี คี วามแตกตา่ งกนั
4. การประเมินผล เพื่อที่จะตรวจสอบว่าการจัดการเรียนการสอนได้บรรลุจุดประสงค์
ตามท่กี ำหนดไว้หรือไม่ สมควรจะมีการปรบั แก้ไขในสว่ นใดบ้าง ควรพจิ ารณาจากสิง่ ต่อไปน้ี
4.1 กำหนดจดุ ประสงค์ทจี่ ะวดั และพฤติกรรมทค่ี าดไว้

การพัฒนาหลักสูตร

13

4.2 วัดและวเิ คราะห์สถานการณ์ที่จะทำใหเ้ กิดพฤตกิ รรมเหลา่ นนั้
4.3 สำรวจข้อมลู เพอ่ื สรา้ งเครื่องมือท่ีจะวัดพฤติกรรมเหล่าน้นั ได้อย่างเหมาะสม
4.4 ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยใช้เกณฑ์การพิจารณาจากความเป็นปรนัย
ความเช่ือม่ัน และความเทยี่ งตรง
4.5 การพิจารณาการประเมินให้เปน็ ประโยชน์เพื่ออธิบายผลการเรียนรู้เป็นรายบุคคล
หรือเป็นกลมุ่ การอธิบายถงึ สว่ นดีของหลกั สูตรหรือส่ิงที่ต้องปรับแก้ไขเป็นแนวทางในการปรับปรุงหลักสูตร
ใหม้ คี ุณภาพย่งิ ข้ึน
กล่าวโดยสรุป รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์ มีจุดเด่นที่การศึกษาวิเคราะห์ส่ิง
กำหนดหลักสูตร ได้แก่ การศึกษาสังคม การศึกษาผู้เรียน การศึกษาแนวคิดของนักวิชาการ ปรัชญาสังคม
และปรัชญาการศึกษาแล้วนำมากำหนดเป็นจุดมุ่งหมายการศึกษาชั่วคราวจากนั้นใช้ทฤษฎีการเรียนรู้
ปรัชญาสังคม และปรัชญาการศึกษา มากลั่นกรองจุดมุ่งหมายการศึกษาอีกครั้ง จนกระทั่งได้จุดมุ่งหมาย
การศึกษาที่แท้จริง ทั้งนี้เป็นเนือ่ งจากไทเลอร์ให้ความสำคัญกับจุดมุ่งหมายการศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะ
เป็นจุดเริ่มตน้ ของการพัฒนาหลักสูตร และเป็นสิ่งท่ีเช่ือมโยงไปสู่การคัดเลือกประสบการณ์การเรยี นรู้ การ
จดั กิจกรรมและประสบการณก์ ารเรียนรู้ และการประเมนิ ผลการเรียนรู้ต่อไป

2. รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของทาบา (Taba)

แนวคิดการพัฒนาหลักสูตรตามรูปแบบของทาบา (Hilden Taba) เป็นรูปแบบที่เรียกว่า
วธิ กี ารจากล่างส่บู น (Grass-Roots Approach) เป็นการพฒั นาหลักสตู รจากระดับปฏิบัติ แล้วเสนอขึ้นไปสู่
ระดับผู้บริหาร ทาบา กล่าวว่า ครูเป็นผู้นำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ จึงควรเป็นผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนา
หลักสูตร มีวิธีการขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรคล้ายรูปแบบของไทเลอร์ ซึ่งประกอบด้วย 7 ขั้นตอน ดังนี้
(Taba, 1962, p.12 อ้างถึงใน รุจิร์ ภ่สู าระ, 2546, หนา้ 61-64)

ข้นั ที่ 1 การวินิจฉัยความต้องการ (Diagnosis of Needs) เปน็ การตรวจสอบสภาพปัญหา
ความต้องการและความจำเป็นต่าง ๆ ของสังคมและผู้เรียน เนื่องจากหลักสูตรเปน็ การออกแบบเพือ่ ให้เด็ก
เกิดการเรียนรู้ ดังนั้นเมื่อเด็กแต่ละคนมีภูมิหลังที่แตกต่างกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่นักพัฒนาหลักสูตรจะต้อง
วินิจฉัยความแตกต่าง ข้อบกพร่องและความแตกต่างของภูมิหลังของเด็ก การวินิจฉัยดังกล่าวจะทำให้
สามารถกำหนดหลกั สูตรให้เหมาะสมกบั เด็กทจี่ ะเรียนจากหลักสูตรนน้ั

ขั้นท่ี 2 การกำหนดจุดประสงค์ (Formulation of Objective) เป็นการกำหนด
จุดมุ่งหมายให้ชัดเจนหลังจากได้ศึกษาวิเคราะห์ความต้องการแล้ว ในขั้นนี้ทาบาอธิบายว่านอกเหนือจาก
การวนิ จิ ฉัยความตอ้ งการของเดก็ เพ่ือนำมากำหนดเปน็ จดุ ประสงค์ของหลักสตู รแล้ว สิ่งที่นกั พัฒนาหลักสูตร
จะต้องศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดคือการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ สังคม วัฒนธรรม ทฤษฎี
พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กและธรรมชาติความรู้ ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวจะทำให้สามารถกำหนด
เป้าหมายทว่ั ไป ซงึ่ โรงเรยี นควรจะได้นำมาพิจารณาจำแนกแยกแยะอย่างเข้าใจแล้วกำหนดเป็นจุดประสงค์

การพัฒนาหลกั สูตร

14

ของหลักสูตรที่จะเป็นจริงและเหมาะสมได้ก็ต้องอาศัยข้อมูลตามระดับของความสามมารถเฉพาะของเด็ก
แต่ละกลมุ่ จดุ เน้นทจี่ ำเปน็ ตามประสบการณ์ของเด็ก

ขั้นที่ 3 การเลือกเนื้อหาสาระ (Selection of Content) เป็นขั้นตอนการกำหนดเลือก
เนื้อหาซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญและเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของหลักสูตร ทาบากล่าวว่าจุดประสงค์ที่
กำหนดอย่างชัดเจนและครอบคลุมจะเป็นตัวพิจารณาตัดสินใจและช่วยเหลือในการเลือกเนื้อหาสาระซึ่ง
นอกจากจะต้องให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ วัยและความสามารถของผู้เรียนแล้วยังต้องมีความน่าเชื่อถือ
และมีความสมั พนั ธ์ตอ่ ผ้เู รยี นดว้ ย

ขั้นที่ 4 การจัดเนื้อหาสาระ (Organization of Content) เป็นขั้นตอนการพิจารณาความ
ต่อเนื่องและการจัดลำดับการเรียนรู้ จะเห็นได้ว่าเนื้อหาสาระที่กำหนดไว้ในหลักสตู รจะต้องนำมาจัดลำดบั
โดยคำนึงถึงความต่อเนื่อง ความยากง่าย วุฒภิ าวะ ความสามารถ ความสนใจ รวมถงึ ความหลากหลายของ
ความสามารถท่ีจะเรยี นรู้ของเดก็

ขั้นที่ 5 การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ (Selection of Learning Experiences) เป็น
การเลือกประสบการณ์ที่มีความหมายมากกว่าการนำเอาหลักการเรียนรู้ไปใช้ ซึ่งทาบาอธิบายว่าครูผู้สอน
หรือผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องคัดเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ให้สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาแล ะจุดประสงค์ของ
หลักสูตร

ขั้นที่ 6 การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ (Organization of Learning Experiences) เป็น
การจัดกิจกรรมการเรียนรูเ้ พื่อให้บรรลุจุดประสงค์ ขั้นตอนนี้ครูผู้สอนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องแปลงเนื้อหา
ไปสู่การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ เพือ่ ใหส้ อดคล้องกับความสามารถหรือแรงจงู ใจในการเรียนรู้ของผู้เรียน
รวมถึงสอดคล้องกบั จดุ ประสงคข์ องหลกั สตู ร

ขั้นที่ 7 การกำหนดสิ่งที่จะประเมินและวิธีการประเมิน (Determination of What to
Evaluate and of the Ways and Means of Doing it) เป็นการตัดสินใจว่าจะต้องประเมินอะไร เพื่อ
ตรวจสอบว่าบรรลตุ ามจุดมุ่งหมายทีก่ ำหนดไว้หรือไม่ และกำหนดด้วยวา่ จะใช้วิธีประเมินอย่างไร ทาบาได้
ต้ังคำถามเพื่อหาคำตอบเกีย่ วกบั การประเมนิ ผลหลักสูตร เช่น จะประเมนิ คุณภาพของการเรียนรู้ได้อย่างไร
วา่ จดุ มุง่ หมายของการศกึ ษาท่ีกำหนดไวป้ ระสบผลสำเร็จ จะแนใ่ จได้อย่างไรวา่ จุดหมายและจดุ ประสงค์ของ
หลักสตู รมคี วามสอดคล้องกันและเด็กได้บรรลุตามจดุ หมายและจดุ ประสงค์นั้น ๆ

เพื่อให้การจัดหลักสูตรเป็นไปเพื่อให้โอกาสที่ดีที่สุดแก่เด็กทุกคนตามเป้าหมายของแต่ละคน ดัง
แสดงรูปแบบการพฒั นาหลกั สูตรของทาบา ในภาพท่ี 4.2

การพัฒนาหลกั สูตร

15

ภาพท่ี 4.2 รปู แบบการพัฒนาหลกั สตู รของทาบา (Taba)
จากรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของทาบา เป็นการจัดขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรที่
ครอบคลุมองค์ประกอบหลักสูตร ซึ่งให้ความสำคัญการวิเคราะห์ความต้องการของผู้เรียนก่อนดำเนินการ
กำหนดจุดประสงค์ และมีการกำหนดสิ่งที่จะประเมินและวิธีการประเมินผลการประเมินผลเพื่อตรวจสอบ
คุณภาพของหลักสูตร

การพัฒนาหลักสูตร

16

3. รปู แบบการพัฒนาหลกั สูตรของเชยเ์ ลอร์อเลก็ ซานเดอร์และเลวสิ (Saylor Alexander
and Lewis)

เซเลอร์ อเล็กซานเดอร์ และเลวิส (Saylor, Alexander and Lewis, 1981, p.28-39) ได้
เสนอแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งเขามีแนวคิดว่าหลักสูตรเป็นแผนการในการจัดโอกาสการเรียนรู้
ให้กบั ผู้เรยี น ดงั น้ัน หลกั สูตรจึงต้องมีการก าหนดไวอ้ ย่างเปน็ ระบบ ได้เสนอขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรไว้
4 ระบบ สรปุ ดังภาพท่ี 4.3 (Saylor , Alexander and Lewis , 1981, p.30)

เปา้ หมายและ
วตั ถปุ ระสงค์

การออกแบบหลกั สูตร การใชห้ ลักสตู ร การประเมนิ หลักสตู ร
(การเรียนการสอน)
- ผเู้ ก่ียวขอ้ งและ - นักพัฒนาหลักสตู ร
นักพัฒนาหลักสูตร - ผู้สอนนำหลกั สูตรไป และผสู้ อนเลือกวิธีการ
ตัดสนิ ใจในการ ใชโ้ ดยตดั สินใจเลือก เคร่ืองมอื ประเมนิ ผล
ออกแบบหลักสูตรโดย ประสบการณ์หรือสาระ ประสทิ ธภิ าพของ
การเลือกเนอื้ หา การเรยี นรู้ แผนการ หลักสตู ร
ประสบการณท์ ี่ สอน เลือกส่อื วธิ กี าร -ครผู สู้ อนมีความ
สอดคล้องกับเปา้ หมาย สอน ทจ่ี ะช่วยท าให้ รับผิดชอบในประเมิน
ท่ีกำหนดไว้ เหมาะกับ ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรู้ ความก้าวหนา้ ของ
การเรยี นรู้ - ผสู้ อนมสี ่วน ผูเ้ รยี น
- การใชข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั รับผิดชอบ -นกั พฒั นาหลักสตู ร
การเมืองและสงั คมเปน็ การตดั สนิ ใจเก่ยี วกับ และผสู้ อนมคี วาม
สงิ่ พิจารณาขั้นสดุ ท้าย การวางแผนหลักสูตร รบั ผดิ ชอบตดั สนิ ใจ
สำหรับการออกแบบ เลือกการจดั แหลง่ เกย่ี วกับวิธีการ
หลกั สตู ร ทรัพยากร สำหรับ ประเมนิ หลกั สตู ร
ผูส้ อนและผเู้ รียน -ผลการประเมนิ จะ
เป็นฐานในการ
ตดั สนิ ใจวางแผน
หลักสตู รใน อนาคต

ภาพท่ี 4.3 รปู แบบการพัฒนาหลกั สตู รของเชย์เลอร์อเล็กซานเดอร์และเลวสิ (Saylor Alexander
and Lewis)

การพัฒนาหลกั สูตร

17

จากรปู แบบการพัฒนาหลักสูตรของเซย์เลอร์ อเล็กซานเดอร์ และเลวสี ในภาพท่ี 4.3 อธิบาย
รายละเอียดในแตล่ ะประเดน็ ได้ดังน้ี

1. การกำหนดเป้าหมาย จุดมุ่งหมายและขอบเขต (Goals, Objectives and Domains)
การพัฒนาหลกั สูตรควรกำหนดเป้าหมาย และจุดมุ่งหมายหลักสูตรเป็นส่ิงแรก เป้าหมายแต่ละประเด็น จะ
บ่งบอกถึงขอบเขตหนึ่ง ๆ ของหลักสูตร ซึ่งเซเลอร์ อเล็กซานเดอร์และเลวิสได้เสนอไว้ว่ามี 4 ขอบเขตที่
สำคัญ คือ พัฒนาการส่ วนบุคคล (Personal Development) สมรรถภาพทางสังคม (Social
Competence) ทักษะการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Continued Learning Skills) และความเชี่ยวชาญเฉพาะ
ด้าน (Specialization) นอกจากนี้ยังมีขอบเขตอื่นอีก ซึ่งนักพัฒนาหลักสูตรอาจจะพิจารณาตามความ
เหมาะสมกบั ผเู้ รียนและลักษณะทางสงั คม เปา้ หมาย จดุ ม่งุ หมาย และขอบเขตตา่ ง ๆ ของหลักสูตรจะได้รับ
จากข้อบังคับทางกฎหมายของรัฐ ข้อค้นพบจากงานวิจัยต่าง ๆ ปรัชญาของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางด้าน
หลักสูตร เป็นตน้

2. การออกแบบหลักสูตร (Curriculum Design) ผู้เกี่ยวข้องและนักพัฒนาหลักสูตรต้อง
วางแผนออกแบบหลักสูตร เมื่อกำหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแล้ว ร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับ
การเลอื กและจดั เน้ือหาสาระการเลือกประสบการณ์การเรยี นร้ทู ี่ เหมาะสมและความสอดคล้องเน้ือหาสาระ
ที่ได้เลือกมาแล้ว อย่างไรก็ตามการเลือกรูปแบบของหลักสูตรจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับเป้าหมาย
จดุ หมาย ความต้องการของผู้เรียนและลักษณะของ สงั คมตลอดจนข้อกำหนดต่าง ๆ ของสังคมและปรัชญา
ทางการศึกษา

3. การใช้หลักสูตร (Curriculum Implementation) หลังจากตัดสินใจเลือกรูปแบบ
หลักสูตรแล้วขั้นตอนต่อไป คอื การนำหลกั สตู รไปใช้ ครูผ้สู อนต้องวางแผนการสอน (Instructional Plans)
และจัดทำแผนการสอนตามรูปแบบต่าง ๆ ครูผู้สอนเลือกวิธีการสอน สื่อ วัสดุการเรียนการสอนที่ช่วยให้
ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรูต้ ามที่กำหนดไว้

4. การประเมินหลักสูตร (Curriculum Evaluation) การประเมินหลักสูตร เป็นขั้นตอน
สุดท้ายของรูปแบบนี้ นักพัฒนาหลักสูตรและครูผู้สอนต้องเลือกวิธีการประเมินเพื่อตรวจสอบความส ำเร็จ
ของหลักสูตร ซึง่ เป็นทง้ั การประเมินระหวา่ งดำเนินการ (Formative Evaluation) และการประเมินผลรวม
(Summary Evaluation) ทั้งน้ี เพอ่ื นำผลการประเมิน ไปปรบั ปรุงและพฒั นาหลักสตู รตอ่ ไป

สรุปว่ารูปแบบการพัฒนาหลักสูตรที่เป็นเชิงระบบ โดยเริ่มที่การกำหนดเป้าหมายของ
หลักสูตรไว้ก่อน แล้วจึงออกแบบสร้างหลักสูตร หลังจากการนั้นจึงนำหลักสูตรไปใช้ และประเมินผล
หลักสูตรตามลำดบั ซึ่งเมื่อประเมินผลแลว้ ต้องมีการนำผลที่ไดจ้ ากการประเมินไปปรับปรุงหลกั สูตรอีกคร้ัง
หนึง่ เพ่ือใหไ้ ดห้ ลกั สูตรที่มีคุณภาพสูงขึ้น กระบวนการพฒั นาหลักสูตรนี้จะดำเนินการต่อเนอื่ งกันเป็นวงจรท่ี
ไมม่ ีทีส่ ิ้นสุด

การพฒั นาหลักสูตร

18

4. รปู แบบการพัฒนาหลักสูตรของโอลิวา (Oliva)
โอลิวา (Peter Oliva) ได้เสนอรูปแบบกระบวนการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งมีสาระสำคัญของการ

พัฒนาหลกั สูตร 12 ขนั้ รายละเอยี ด ดงั นี้ (บญุ เล้ยี ง ทมุ ทอง, 2553, หน้า 189-190)
1. กำหนดจุดมุ่งหมายของการศึกษา (Aims of Education) หลักการ ปรัชญา และ

จิตวิทยาจากการวเิ คราะหค์ วามต้องการความจำเปน็ ของสังคมและของผ้เู รยี น
2. วเิ คราะหค์ วามตอ้ งการจำเป็นของชมุ ชนทีส่ ถานศึกษานั้น ๆ ตัง้ อยู่ ความต้องการจำเป็น

ของผูเ้ รยี นในชมุ ชน และเนือ้ หาวิชาที่จำเป็นเพ่ือใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน
3. เปา้ หมายของหลกั สตู ร (Curriculum Goals) โดยอาศยั ขอ้ มลู จากขน้ั ที่ 1 และ 2
4. จุดประสงค์ของหลักสูตร (Curriculum Objectives) โดยอาศัยข้อมูลจากขั้นที่ 1,2,3

แตกต่างจากขั้นที่ 3 คือ มีลักษณะเฉพาะเจาะจงเพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใช้หลักสูตร และการกำหนด
โครงสรา้ งหลกั สูตร

5. รวบรวมและนำหลักสูตรไปใช้ (Organization and Implementation of the
Curriculum) เป็นข้นั ของการกำหนดโครงสร้างหลักสูตร

6. กำหนดเป้าหมายของการสอน (Instructional Goals) ของแตล่ ะระดบั
7. กำหนดจดุ ประสงค์ของการจดั การเรยี นการสอน (Instructional Objectives) ในแต่ละ
รายวิชา
8. เลือกยุทธวิธีในการสอน (Selection of Strategies) เป็นขั้นที่ผู้เรียนเลือกยุทธวิธีท่ี
เหมาะสมกบั ผเู้ รียน
9. เลือกเทคนิควิธีการประเมินผลก่อนนำไปสอนจริง (Preliminary Selection of
Evaluation Techniques) และกำหนดวิธีการประเมินผลหลังจากกิจกรรมการเรียนสอนสิ้นสุด (Find
Selection of Evaluation Techniques)
10. นำยุทธวิธีไปใช้ปฏิบัติจริง (Implementation of Strategies) เป็นขั้นของการใช้
วธิ ีการท่กี ำหนดในข้ันท่ี 8
11. ประเมินผลการจัดการเรียนการสอน (Evaluation of Instruction) เป็นขั้นที่เมื่อ
ดำเนนิ การจัดการเรียนการสอนเสร็จสน้ิ กม็ กี ารประเมนิ ผลตามท่ีไดเ้ ลือกหรือกำหนดวธิ ีในข้นั ที่ 9
12. ประเมินหลักสูตร (Evaluation of Curriculum) เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ทำให้วงจร
ครบถ้วนการประเมนิ ผลทีม่ ใิ ช่ประเมินผลผู้เรยี นและผู้สอน แตเ่ ป็นการประเมินหลกั สตู รท่ีจดั ทำข้นึ

การพฒั นาหลกั สูตร

19

ภาพท่ี 4.4 รปู แบบการพัฒนาหลกั สูตรของโอลวิ า (Oliva)
รูปแบบนี้สามารถนำไปใช้ได้หลายทาง เป็นต้นว่าเป็นการนำเสนอกระบวนการของการ
พัฒนาหลักสูตรได้ครบถ้วน ผ้ทู ี่มหี น้าทใี่ นการพัฒนาหลักสูตรของแต่ละวิชาสามารถนำไปวางแผนหลักสูตร
และออกแบบต้งั แตต่ ้นจนถงึ การประเมนิ ผลการเรียนในขณะเดยี วกนั กส็ ามารถนำมาพัฒนาหลักสูตรร่วมกัน
ทั้งโรงเรียน หรืออาจให้มีการบูรณาการเนื้อหาเข้าด้วยกัน เช่น การจัดการศึกษาเพื่ออาชีพ การแนะแนว
และกิจกรรมนอกห้องเรียน นอกจากนี้แล้วรูปแบบนี้ ยังมุ่งประเด็นไปที่ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้
สามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจ และยังช่วยให้ผู้พัฒนาหลักสูตรหันมาให้ความสำคัญกับองค์ประกอบของ
การสอนมากขน้ึ
5. รปู แบบการพัฒนาหลักสูตรของ สงดั อุทรานนั ท์
สงัด อทุ รานันท์ (2532, หน้า 38-43) ไดเ้ สนอวัฏจักรของกระบวนการพัฒนาหลักสตู รไว้
7 ขนั้ ตอน สรปุ ได้ดังภาพท่ี 4.5 (สงัด อุทรานันท์, 2532, หน้า 39)

การพัฒนาหลักสตู ร

20

ภาพท่ี 4.5 รปู แบบการพฒั นาหลกั สูตรของ สงัด อุทรานันท์
จากรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของสงัด อุทรานันท์ ในภาพที่ 4.5 อธิบายรายละเอียดใน
แตล่ ะประเด็นได้ ดงั นี้

ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญและเป็นขั้นของการ
พัฒนาหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นการร่างหลักสูตรขึ้นมาใหม่ หรือการปรับปรุงแก้ไขหลกั สูตรที่มีอยู่แลว้ ให้ดีข้ึน
จำเป็นจะต้องคำนึงถึงข้อมูลพื้นฐาน คือ ข้อมูลทางด้านประวัติและปรัชญาการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผูเ้ รียน
และทฤษฎกี ารเรียนรู้ ขอ้ มูลทางสังคมและวฒั นธรรม และขอ้ มลู เกย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละเน้ือหาวิชา

ก่อนที่จะมีการร่างหลักสูตรขึ้นมาใหม่ ควรจะได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ท่ี
เป็นพื้นฐานของหลกั สูตรเสียก่อน เพื่อให้ทราบสภาพปัญหาและความต้องการของสังคมและของผู้เรียนอนั
จะสามารถจัดหลักสูตรให้แก้ปัญหาและสนองความต้องการนั้น ๆ ได้และให้กรณีที่เป็นการปรับปรุงแก้ไข
หลักสูตรก็เช่นเดียวกัน การวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นพื้นฐานของหลักสูตรก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะทำให้
หลักสูตรที่ทำการปรับปรุงแก้ไขนั้น มีความสอดคล้องกับสภาพและความต้องการของสังคมและผู้เรียน
ได้มากทสี่ ดุ

ขั้นที่ 2 การกำหนดจุดมุง่ หมายของหลักสูตร เป็นขั้นตอนที่กระทำหลังได้วิเคราะหแ์ ละได้
ทราบถึงสภาพปัญหา ตลอดจนความต้องการต่าง ๆ การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตรนั้น เป็นการมุ่ง
แก้ไขปญั หา และสนองความต้องการทไี่ ดจ้ ากการวเิ คราะหข์ ้อมูลดงั กลา่ วมาแล้ว

การพฒั นาหลกั สตู ร

21

ขั้นที่ 3 การคัดเลือก การจัดเนือ้ หาสาระและการจัดการเรยี นรู้ เนื้อหาสาระประสบการณ์
เปน็ ส่งิ ท่ีมคี วามสำคญั เป็นอันมาก ทง้ั นเ้ี พราะเนื้อหาสาระที่จะนำมาสอนเป็นเสมือนสื่อกลางที่จะพาผู้เรียน
ไปสจู่ ดุ มงุ่ หมายท่ีกำหนดไว้

ขั้นที่ 4 การกำหนดมาตรฐานการวัดผลประเมินผล เป็นการกำหนดมาตรการให้ทราบว่า
ควรจะวัดผลและประเมินผลอะไรบ้าง จึงจะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ หรือความมุ่งหมายของหลักสูตรใน
ตำราที่ว่าด้วยการพัฒนาหลักสูตร โดยทั่วไปจะไม่กล่าวถึงการวัดผลการเรียนโดยตรงเพราะการวัดผลการ
เรียนเป็นงานที่จะทำโดยนักวัดผล และในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการวัดผลและประเมินผลการเรียนนั้น มักจะ
จดั ทำระเบยี บการปฏิบตั ิท่แี ยกออกมาจากเอกสารหลักสตู รโดยเฉพาะ

การทดลองใช้หลักสูตร โดยมากมักจะไม่ค่อยมีขั้นตอนของการทดลอง กล่าวคือ
หลงั จากรา่ งเสร็จและดำเนินการประเมินคุณภาพขั้นต้นแลว้ กจ็ ะนำเอาหลักสตู รไปใช้ในสถานการณ์จริงเลย
อย่างไรก็ตามหลักของการพัฒนาหลักสูตรที่ดีแล้ว การทดลองใช้หลักสูตรถือว่ามีความสำคัญและจำเป็น
อย่างยิ่ง เพราะเป็นการศึกษาหาจุดอ่อนหรือหาข้อบกพร่องต่าง ๆ เพื่อหาทางแก้ไขให้ดีขึ้น เมื่อถึงเวลา
นำเอาหลักสูตรไปใช้จริง ๆ ก็จะไม่มีปัญหาหรือข้อบกพร่องน้อยที่สุด ในประเทศไทยหลักสูตรที่ได้กำหนด
ขั้นตอนของการทดลองใช้หลักสูตรไว้อย่างเด่นชัดก็คือ หลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. 2521 และหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ในโรงเรียนต้นแบบการใชห้ ลกั สูตร)

การประเมินหลักสูตรหลังจากที่ได้ร่างหลักสูตรแล้ว หรือได้ทำการทดลองใช้หลักสูตร
แล้วก็ควรจะได้ทำการประเมินหลักสูตรว่าเป็นอย่างไร มีส่วนที่ควรจะได้รับการปรับปรุงแก้ไขบ้ าง ถ้ามี
จุดอ่อน หรอื ไมเ่ หมาะสมตรงไหนก็จะตอ้ งปรบั ปรงุ ใหเ้ หมาะสมก่อนนำไปใช้จริงตอ่ ไป

การปรบั ปรุงหลักสตู รก่อนนำไปใช้ หลังจากได้มีการตรวจสอบและประเมินผลเบ้ืองต้น
แล้วหากพบว่าหลักสูตรมีข้อบกพร้องหรือมีจุดอ่อนอย่างไร ก็ควรจะได้ทำการปรับปรุงแก้ไขให้มีความ
ถูกต้อง หรือเหมาะสมก่อนทจ่ี ะไดน้ ำไปใชจ้ ริง ทงั้ นี้เพือ่ ให้การใช้หลกั สูตรบรรลุผลตามเปา้ หมาย

ขั้นที่ 5 การนำหลักสตู รไปใช้ เป็นขั้นตอนของการนำเอาหลักสูตรไปสู่ภาคปฏิบัติหรือไปสู่
การเรียนการสอนในโรงเรียน การนำหลักสูตรไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องอาศัยกิจกรรมและ
กระบวนการต่าง ๆ หลายประเภท เช่น การจัดทำเอกสารและคู่มือการใช้หลักสูตร การเตรียมบุคคลากร
และผูเ้ รยี นเพยี งใด

ขั้นที่ 6 การประเมินผลการใช้หลักสูตร ต้องมีความมุ่งหมายที่จะประเมินผลสัมฤทธิ์ของ
หลกั สูตร เพื่อให้ทราบวา่ มผี ลผลิตท่ีได้จากหลักสูตรน้ันเปน็ ไปตามเจตนารมณ์ หรือจุดมงุ่ หวังของสังคมและ
ผู้เรียนเพียงใด ถ้าผลของการประเมินได้พบข้อบกพร่องหรือมีจุดอ่อนตรงไหนจะส่งผลให้มีกิจกรรมการ
ปรับปรงุ แกไ้ ขหลกั สตู รในลำดบั ต่อไป

ขนั้ ที่ 7 การปรบั ปรงุ แกไ้ ขหลกั สตู ร เปน็ กระบวนการของการเปล่ยี นแปลงหลักสูตรท่ีใช้อยู่
ให้มีความเหมาะสม หรือให้สอดคล้องกับสภาพของสังคมมากขึ้น กระบวนการในการปรับปรุงแก้ไข
หลักสตู รเป็นส่วนหนึ่งของการพฒั นาหลกั สตู ร ซ่งึ จะเริ่มปรับปรงุ แก้ไขในขน้ั ตอนใดของกระบวนการพัฒนา
หลักสูตรก็ได้ แต่เมื่อเริ่มตรงขั้นตอนไหนก็จะต้องดำเนินการในขั้นตอนต่อไปจนจบครบทุกกระบวนการ

การพัฒนาหลักสูตร

22

ในวัฏจักรของกระบวนการพัฒนาหลักสูตร ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใช้หลักสูตรมีความเห็นว่า เนื้อหาสาระท่ี
กำหนดไวใ้ นหลักสูตรไม่มีความเหมาะสมกับสภาพของสังคมและผู้เรียนอาจจะเริม่ ทำการปรับปรุง แก้ไขใน
ส่วนที่เป็นเนื้อหาสาระในหลักสูตรเป็นอันดับแรก ต่อจากนั้นก็จะดำเนินการปรับปรุง แก้ไขหลักสูตรใน
ขั้นตอนอื่นต่อไป คือ การกำหนดมาตรการวัดและประเมินผลการนำหลักสูตรไปใช้ การประเมิลผลการใช้
หลกั สตู รและการกำหนดจุดมุ่งหมายตามลำดบั

จากแนวคิดข้างตน้ สรปุ ได้ว่าขั้นตอนของการพัฒนาหลักสูตรควรประกอบดว้ ยขั้นตอน หลัก ๆ
คือ การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร การคัดเลือกเนื้อหาสาระการกำหนด
แนวทางการวัดผลการประเมินผลการทดองใช้และการปรับปรุงแก้ไข การนำหลักสูตรไปใช้และนำมา
ปรับปรุงแก้ไข ซ่ึงเป็นขั้นตอนการพัฒนาหลักสตู รทม่ี ีความเปน็ ระบบ มกี ารตรวจสอบปรับปรงุ ในทุกข้ันตอน
ท้ังน้ีเพ่ือใหไ้ ด้หลักสตู รที่มีประสิทธภิ าพ

6. รูปแบบการพัฒนาหลกั สูตรของธำรง บัวศรี
ธำรง บวั ศรี (2542, หน้า 151) ได้เสนอวงจรการพฒั นาหลักสตู รวา่ ไม่ไดแ้ ค่การจัดทำหลักสูตร

ต้นแบบและหลักสูตรแม่บทเท่านัน้ กระบวนการทั้งหมดของการพัฒนาหลักสูตรต้องประกอบด้วยกิจกรรม
ที่สำคัญอีกสองขั้นตอนคือการนำหลักสูตรไปใช้และการประเมินผลหลักสูตร กระบวนการพัฒนาหลักสูตร
ของ ธำรง บัวศรี สรปุ เปน็ ภาพที่ 4.6 (ธำรง บวั ศรี, 2542, หนา้ 151)

การจดั ทำหลักสตู รต้นแบบ

การประเมินผลหลักสตู ร การจัดทำหลักสตู รแม่บท

การนำหลักสตู รไปใช้
ภาพที่ 4.6 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของธำรง บัวศรี

การพฒั นาหลกั สตู ร

23

สำหรับการจัดทำหลักสูตรต้นแบบนั้น ขั้นตอนในการดำเนินงานก็คือการดำเนินงานเพื่อให้
ได้มาซ่ึงองค์ประกอบต่าง ๆ ของหลักสตู ร โดยมีขนั้ ตอนในการปฏิบตั ิ 10 ขัน้ ตอน ดงั ตอ่ ไปนี้

1. การวิเคราะห์ขอ้ มูลพน้ื ฐาน
2. การกำหนดจุดม่งุ หมายของหลักสตู ร
3. การกำหนดรปู แบบและโครงสร้างของหลกั สตู ร
4. การกำหนดจดุ ประสงคข์ องวชิ า
5. การเลอื กเน้อื หา
6. การกำหนดจดุ ประสงค์การเรยี นรู้
7. การกำหนดประสบการณเ์ รยี นรู้
8. การกำหนดยทุ ธศาสตร์การเรียนการสอน
9. การประเมนิ ผลการเรียนรู้
10. การจัดทำวสั ดหุ ลักสตู รและส่ือการเรยี นการสอน
เม่ือดำเนนิ การครบทั้ง 10 ขั้นตอนแล้วกจ็ ะไดห้ ลักสูตรตน้ แบบ ซ่ึงมที ุกส่ิงทุกอย่างพร้อมที่จะ
นำไปทำการทดลองเพื่อให้ได้หลักสูตรแม่บทสำหรบั ใช้ไดท้ ั่วไปในระบบการศกึ ษาต่อไปกระบวนการพัฒนา
หลักสูตรของ ธำรง บัวศรี มีลักษณะเป็นวัฏจักรโดยเริ่มต้นด้วยการจัดทำหลักสูตรต้นแบบไปจนกระทั้งถึง
การประเมินผลหลักสูตรแล้วจึงยอ้ นกลบั มาจดั ทำหลักสูตรต้นแบบอีกครัง้ และหมุนเป็นวงจรอยา่ งต่อเนื่อง
ตอ่ ไป
7. รปู แบบการพัฒนาหลักสูตรของ วิชัย วงษ์ใหญ่
วิชัย วงษ์ใหญ่ (2554, หน้า 57-59) ได้นำเสนอแนวคิดและขั้นตอน กระบวนการพัฒนา
หลกั สูตรระดบั ผู้ปฏิบัติ สำหรบั ใช้เป็นฐานคิดในการพฒั นาหลักสูตร ได้สรุปขัน้ ตอนสรุปดังภาพท่ี 4.7 (วิชัย
วงษ์ใหญ่ , 2554 : 59)

การพฒั นาหลักสตู ร

24

ภาพท่ี 4.7 รูปแบบการพฒั นาหลักสตู รของ วชิ ัย วงษ์ใหญ่
จากภาพท่ี 4.7 อธิบายรายละเอยี ดในแต่ละประเดน็ ได้ดังนี้

1. คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรกำหนดจุดมุ่งหมาย หลักการและโครงสร้างและการ
ออกแบบหลักสูตรขึ้นมา โดยอาศัยข้อมูลจากสภาพปัญหาและความต้องการของสังคมปัจจุบันโดย
ปรึกษาหารอื กบั ผ้เู ชยี่ วชาญแตล่ ะวิชาสม่ำเสมอ

2. ยกร่างเนื้อหาสาระ แต่ละกลุ่มประสบการณ์ แต่ละหน่วยการเรียน และแต่ละรายวิชา
โดยปรึกษาหารือจากผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาวิชา คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับผู้เชี่ยวชาญแต่ละ
สาขาวชิ าเปน็ ผูก้ ำหนดผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม หรือจดุ ประสงคก์ ารเรียนรวู้ างแผนการสอน
ทำบนั ทึกการสอน ผลิตส่อื การสอน จัดกิจกรรมการเรียนการสอนเปน็ กลุม่ หรอื รายบุคคล

3. นำหลักสูตรที่พัฒนาได้แล้วไปทดลองใช้ในสถานศึกษานำร่อง (สถานศึกษาทดลองใช้
หลกั สตู รใหม่) โดยคณะกรรมการพัฒนาหลักสตู รกำหนดไว้ ถา้ มีขอ้ บกพรอ่ งก็ทำการแกไ้ ข ปรบั ปรุงโดยการ
หารือผูเ้ ชีย่ วชาญเฉพาะสาขาอยตู่ ลอดเวลา

การพัฒนาหลกั สตู ร

25

4. อบรมผู้สอน ผู้บริหารทุกระดับ และบุคลากรทางการศึกษาให้เข้าใจหลักสูตรใหม่ เพื่อ
จะได้ใช้หลักสูตรใหม่ให้ถูกต้องเหมาะสม ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร รวมทั้งการประชาสัมพันธ์หลักสูตร
ให้ผทู้ ่เี ก่ียวข้องทราบ

5. นำหลักสูตรไปใช้ปฏิบัติการสอนที่สถานศึกษาก่อนประกอบการใช้หลักสูตร สนับสนุน
ให้ผู้บริหารและผู้สอนนำหลักสูตรไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ในสถานศึกษาต่อไป กิจกรรมการใช้หลักสูตร
ใหม่มี 4 ประการ คอื

5.1 การแปลงหลักสตู รไปสูก่ ารสอน คอื จดั ทำวสั ดุหลกั สูตร ได้แก่ เอกสารหลักสตู รสื่อ
และอปุ กรณ์การสอนทจี่ ำเป็นท่จี ะต้องใช้ประกอบการเรียนการสอน

5.2 ผู้บริหารจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ เช่น บุคลากร วัสดุหลักสูตร และบริการต่าง ๆ เริ่ม
ตั้งแต่อบรมผู้สอน และบุคลากรฝ่ายสนบั สนุนการใชห้ ลกั สูตร จัดห้องสมุด ห้องเรียนห้องปฏบิ ัตกิ าร แหล่ง
เรียนรู้ และสอ่ื การสอนทกุ ชนดิ รวมท้ังจัดงบประมาณสนับสนุนการบริหารหลักสูตร

5.3 การสอน เปน็ หนา้ ทข่ี องผู้สอนประจำการทัว่ ไปท่ีจะตอ้ งดำเนนิ การจัดการเรยี น
การสอนใหป้ ระสบความสำเร็จ ตามจุดมงุ่ หมายของหลกั สตู ร

5.4 การประเมินผล เพื่อให้ทราบข้อบกพร่องของหลักสูตร แล้วดำเนินการแก้ไข
ปรับปรุงต่อไป การประเมินผลมี 2 ประเภท คือ การประเมินผลการเรยี นรู้ของผูเ้ รียน และการประเมินผล
หลักสูตร การประเมินผลหลักสูตร ได้แก่ การประเมินเอกสารหลักสูตร ประเมินผลการนำหลักสูตรไปใช้
ประเมนิ ผลสัมฤทธิข์ องผเู้ รียน ประเมินผลการใช้หลักสูตร ในการประเมนิ ผลหลักสูตรน้ันจะต้องประเมินผล
อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างในสังคมปัจจุบันย่อมมีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง สังคม วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เครื่องมือ
สื่อสาร เครื่องอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพแต่ละสาขาวิชา ก็มีการ
เปลีย่ นแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

จากแนวคิดการพัฒนาหลักสูตรวิชัย วงษ์ใหญ่ เป็นขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรที่มีความ
สมบูรณ์เปน็ ระบบครอบคลุมท้ังระบบการสร้างหลกั สูตร ระบบการนำหลักสตู รไปใช้ และระบบการประเมิน
หลกั สูตร ซ่งึ มาสามารถจัดทำไดท้ ั้งหลักสตู รระดบั สถานศึกษาและระดบั ชนั้ เรยี น

8. รปู แบบการพัฒนาหลกั สูตรของไพฑูรย์ สินลารตั น์

การพฒั นาหลกั สตู ร ไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น์ (2554, หนา้ 18–19) ได้กลา่ วถึงกระบวนการ หลักใน
การพัฒนาหลักสูตรทุกระดับมีกระบวนการหลัก 4 ขั้นตอน คือ การดำเนินการจะเริ่มต้นด้วยการกำหนด
วัตถุประสงค์ (Objective) เป็นจุดเริ่มต้นก่อน เมื่อกำหนดวัตถุประสงค์แล้ว จึงกำหนดเนื้อหาสาระ
(Content) โดยพิจารณาว่าสาระที่จัดนั้น ทำได้ตามวัตถุประสงค์มากน้อยเพียงไร จากนั้นจึงเป็นการนำ
สาระไปจัดให้เกิดการเรียนรู้ (Method) หรือการสอนที่ต้องเน้นให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายและเนื้อหา
ควบคู่กันไปเพื่อกำหนดวัตถุประสงค์ สาระและจัดระบบการเรียนการสอนและประเมินภาพรวมของ
หลักสูตร (Evaluation) ว่าสัมพันธ์สอดคล้องกันเพียงไร เมื่อพิจารณาทั้งระบบแล้วจึงจะนำหลักสูตรไปใช้

การพัฒนาหลักสตู ร

26

โดยการประเมนิ ผลจะมี 2 ข้นั ตอน คอื การประเมนิ ความพร้อมใหช้ ัดเจนก่อนนำไปใช้ เมอ่ื ใช้แล้ว ตอ้ งมกี าร
ประเมินอีกครั้งเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาทั้งระบบสรุปเป็นภาพที่ 4.8 (ไพฑูรย์ สินลารัตน์, 2554, หน้า
19)

เนื้อหาสาระ วัตถปุ ระสงค์ กระบวนการพัฒนาหลักสูตร
การประเมนิ
1. กำหนดวัตถปุ ระสงค์ (Objective)
วิธสี อน 2. กำหนดเน้ือหา (Content)

3. กำหนดระเบยี บวิธีการสอน (Method)
4. กำหนดแนวการประเมินผล
(Evaluation)

ภาพท่ี 4.8 รปู แบบการพัฒนาหลักสูตรของไพฑรู ย์ สนิ ลารัตน์

จากรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของ ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ในภาพที่ 4.8 อธิบายรายละเอียดใน
แต่ละประเด็นไดด้ ังน้ี

1. การกำหนดวัตถุประสงค์ (Objective) การตั้งวัตถุประสงค์ที่ดีควรแสดงคุณลักษณะท่ี
เปน็ เปา้ หมายของบคุ คลท่ีพงึ ประสงค์ไว้ใหช้ ดั เจน ปญั หาที่พบในการพฒั นาหลกั สูตรระดับโรงเรียนส่วนใหญ่
ทีเกี่ยวกบั วัตถปุ ระสงค์ คือ

1.1 วัตถุประสงค์ขาดจุดเดน่ ทีท่ ำใหผ้ ปู้ ฏิบัตจิ ำไดห้ รอื ปฏบิ ตั ิตาม
1.2 วัตถปุ ระสงคม์ คี วามหลากหลายและมีจำนวนมากเกินไป
1.3 วัตถปุ ระสงค์มลี กั ษณะกลาง ๆ ไม่แสดงเอกลกั ษณะเฉพาะของสถานศึกษาน้ัน ๆ
1.4 มีบคุ ลากรบางส่วนไม่เหน็ ดว้ ยกับวัตถุประสงคบ์ างประการ
1.5 บุคลากรไม่สามารถปฏิบัติไดต้ ามวตั ถุประสงค์ทีต่ ัง้ ไว้
ดังนั้นในการกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน ควรกำหนดวิสัยทัศน์ให้ชัดเจนก่อนวิสัยทัศน์คือ
แนวคิด ความคิด ความเชื่อ ที่มองไปในอนาคตที่ไม่ไกลนัก สามารถเป็นไปได้จริง สะท้อนให้เห็นสิ่งที่ดีขึ้น
กว่าเดิมและมีขั้นตอนการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม สะท้อนเอกลักษณะเฉพาะของสถานศึกษา การกำหนด
วิสัยทัศน์ขึ้นอยู่กับปรัชญาและความเชื่อพื้นฐาน ซึ่งเป็นอุดมคติของโรงเรียนปรัชญาจะสะท้อนความเช่ือ
วฒั นธรรม การปฏบิ ัตทิ ีผ่ ่านมา รวมทัง้ เอกลักษณะเฉพาะตนของสถานศึกษาน้ัน ๆ ตั้งแตอ่ ดีต ปจั จุบนั และ
อาจนำไปสูอ่ นาคต อยา่ งไรกด็ ี โรงเรียนบางแห่งไม่มจี ุดเด่นหรือเอกลักษณะที่จะสามารถสร้างเป็นวิสัยทัศน์

การพฒั นาหลักสูตร

27

ได้ จึงไม่จำเป็นต้องบังคับให้ทุกโรงเรียนมีวิสัยทัศน์แต่ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจน เป้าหมายที่ชัดเจนจะต้อง
สรา้ งคนใหอ้ ยใู่ นสังคมยคุ ใหม่ได้อย่างมีความสุขในขณะเดยี วกนั บุคคลในสังคมใหม่ควรต้องเป็นผู้ที่มีผลผลิต
สรา้ งสรรค์ (Creative and Productive) ด้วยโดยสรุปการกำหนดวัตถุประสงค์ ควรคำนึงถงึ 1) แสดงความ
มุ่งมั่น 2) แสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวผู้เรียน 3) ชัดเจน 4) ตรงประเด็น 5) มีความสมบูรณ์ และ
6) ได้รบั การยอมรบั

2. การกำหนดเนื้อหา (Content) ในการพัฒนาเนื้อหาสาระของหลักสูตร ควรคำนึงใน
ประเดน็ ตอ่ ไปน้ี

ประการแรก คือ สาระต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย คุณลักษณะ และวิสัยทัศน์หาก
เป้าหมายไมช่ ัดเจนสาระกไ็ ม่ชัดเจนตามไปดว้ ย

ประการที่สอง คือ การให้ในสิ่งที่ผู้เรียนสนใจและต้องการอย่างเหมาะสม โดยจัดให้
สอดคล้องกบั พัฒนาการของผเู้ รียน

ประการที่สาม คือ ต้องให้สาระตรงตามหลักเกณฑ์ (Discipline) ของแต่ละวิชา ดังนั้น
ขอ้ เทจ็ จริงตามหลักวิชา (Discipline Oriented) จึงเปน็ สิง่ จำเป็น

3. การกำหนดวิธีการสอน (Method) การเลือกวิธีการจัดการเรียนการสอนเป็นบทบาท
หลักของครูและผู้เรียน โดยครูจะต้องเป็นผู้จัดการหลักในห้องเรียน ดังนั้น ครูจึงจำเป็นต้องพร้อมที่จะ
จัดการเรียนรู้ให้ผูเ้ รียนได้อย่างเหมาะสมกบั ธรรมชาติและวัตถุประสงค์ของรายวิชาและธรรมชาตผิ ู้เรียน จึง
นับว่าเป็นครูที่มีประสิทธิภาพตามคำกล่าวที่ว่า Best teacher is the best manager เพราะฉะนั้นการ
สอนจึงไม่มีวิธีการสอนใดดีที่สุดแต่เป็นวิธีการที่ครูจะจัดการให้ผู้เรียนเรียนอย่างไรที่สอดคล้องกับ
สภาพการณ์ต่าง ๆ ดังนั้น ในการจัดการเรียนการสอนเมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วควรเปดิ โอกาสใหค้ รเู ปน็
ผู้จัดการและดำเนินการเรียนการสอนเอง แม้กระทั้งหลักสูตรสถานศึกษาก็เช่นเดียวกัน เมื่อกำหนด
เป้าหมายทชี่ ัดเจน เขาก็จะมีแนวทางและสามารถจดั การเรียนการสอนได้

4. การกำหนดการประเมิน (Evaluation) การประเมินหลักสูตร เป็นกระบวนการ
ตรวจสอบว่าหลกั สูตรที่ดำเนินการและใช้อยู่เป็นอย่างไรมีจุดอ่อนจุดแขง็ ที่ไหนบ้าง เพื่อที่จะแก้ไขปรับปรงุ
ในส่วนที่เป็นจุดอ่อน และเสริมจุดแข็งให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น กระบวนการประเมินจึงประเมินว่า
วัตถุประสงค์เป็นอย่างไร กระบวนการที่จะนำไปสู่หลักสูตรนั้นครบถ้วนได้ผลตามที่กำหนดไว้หรือไม่
เปรียบเทียบผลผลิตของหลักสูตรกับเป้าหมายท่ีกำหนดไว้ และรวมถึงการประเมินบริบทในอนาคตด้วยว่า
ควรมีทิศทางการดำเนนิ การต่อไปอยา่ งไร เพอื่ กำหนดแนวทางการพัฒนาหลกั สูตรไดอ้ ย่างชัดเจน สอดคลอ้ ง
กับสภาพบริบทของสังคมที่เปลยี่ นแปลงอย่ตู ลอดเวลา

จากรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของนักการศึกษาต่างประเทศและในประเทศไทยข้างต้น
ผูเ้ ขยี นนำมาสรปุ รูปแบบการพฒั นาหลกั สตู รน้ันต้องดำเนนิ การอยา่ งเปน็ ระบบเปน็ วฏั จักรที่สามารถพัฒนา
เปลยี่ นแปลงหลักสตู รไดเ้ สมอในทุกสว่ นโดยในรูปแบบการพฒั นาหลกั สูตรนนั้ จะประกอบดว้ ย 3 ระบบหลัก
คือ ระบบการสร้างหลักสูตร ระบบการนำหลักสูตรไปใช้ และระบบการประเมินหลักสูตร สรุปรูปแบบการ
พัฒนาหลกั สตู ร ตามภาพที่ 4.9

การพัฒนาหลกั สูตร

28

การสรา้ งหลกั สตู ร การนำหลกั สตู รไปใช้ การประเมินหลักสตู ร

1. ศกึ ษาขอ้ มลู 1. จัดทำเอกสาร 1. ประเมินก่อนการใช้
พนื้ ฐาน หลกั สตู ร หลกั สตู ร
2. รา่ งหลักสตู ร 2. ประชาสัมพันธ์ 2. ประเมนิ รหวา่ งการ
กำหนดจดุ มุ่งหมาย หลกั สตู ร ใช้หลกั สตู ร
/เลือกและจดั เนื้อหา 3. เตรยี มบคุ ลากร 3. ประเมินหลังการใช้
สาระ/เลอื กและจดั ครู ผูป้ กครอง นกั เรียน หลักสตู ร
ประสบการณ/์ แหล่งเรยี นรู้ สอื่
กำหนดแนวทางการ อปุ กรณ์การสอน
ประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื ประเมิน
3. ตรวจสอบเอกสาร 4. บริหารจดั การ
หลักสตู ร หลกั สตู ร
4. ทดลองการใช้ 5. ดำเนนิ การสอนตาม
หลกั สตู ร หลักสตู ร
5. ประเมนิ /ปรับปรงุ 6 นเิ ทศการใช้
หลกั สตู ร หลักสตู ร

ขอ้ มลู ย้อนกลับ/ปรับปรงุ

ภาพที่ 4.9 รปู แบบการพฒั นาหลกั สตู ร

ซึ่งทั้งสามระบบนี้จะต้องอาศัยข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาหลักสูตร อันได้แก่ข้อมูล
ด้านปรัชญาการศกึ ษา สงั คม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมอื ง วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยรี วมทัง้ พฒั นาการและ
ความสนใจของผเู้ รียน มาเป็นพ้นื ฐานสำคัญต่อการดำเนินการรา่ งหลักสูตรจนแล้วเสร็จ แลว้ จึงนำไปใช้และ
ประเมินผลหลกั สูตรในทส่ี ดุ การพฒั นาหลกั สูตรใน 3 ระบบ ดำเนินการดังน้ี

1. ระบบการสร้างหลักสูตร เริ่มที่การนำข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นในการพัฒนาหลักสูตรมา
วิเคราะหเ์ พอ่ื นำไปกำหนดจุดม่งุ หมายหลักสูตรรวมทง้ั เป็นแนวทางในการเลือกและการจัดเน้ือหาสาระ การ
เลือกและจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ และการกำหนดแนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรูห้ ลังจากได้
หลักสูตรฉบับร่างแล้วจึงนำไปตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหลักสูตรนั้น เพื่อช่วย
กลั่นกรองความสมบูรณ์ของหลักสูตรอีกครั้ง ซึ่งอาจมีการปรับปรุงตามข้อเสนอแนะแล้วจึงจำไปทดลองใช้

การพัฒนาหลกั สูตร

29

(Try out) กับกลมุ่ ตวั อย่างท่ีคลา้ ยกับผู้เรียนที่จะนำไปใช้จรงิ แลว้ นำผลการทดลองใช้ที่ได้มาปรับปรุงแก้ไข
อกี คร้งั หน่ึง ซึง่ จะทำใหไ้ ดห้ ลักสูตรท่ีสมบูรณแ์ ละมคี ณุ ภาพสูงขนึ้

2. ระบบการนำหลักสูตรไปใช้ เริ่มที่การขออนุมัติใช้หลักสูตรจากหน่วยงานที่มีอำนาจใน
การอนุมัติใช้หลักสูตร หลังจากนั้นจึงมีการวางแผนการใช้หลักสูตร มีบุคลคากรที่เกี่ยวข้อง ครู นักเรียน
ผู้ปกครอง หรือสถานประกอบเพื่อสร้างความเข้าใจในหลักการแนวคิดของหลักสูตร ร่วมไปถึงการเตรียม
อาคารสถานที่ แหล่งเรียนรู้ และสื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน การจัดวางตัวครูผู้สอนการด ำเนินการใช้
หลักสูตรครูผู้สอนต้องการวางแผนออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ และผู้บริหารดำเนินการบริหารการใช้
หลักสูตร ผู้บริหารควรเป็นผู้อำนวยความสะดวก สนับสนุนการจัดกจิ กรรมของครู จัดหางบประมาณ เสริม
ใหค้ รผู ู้มีความรแู้ ละทักษะในการจดั การเรยี นการสอน ร่วมถงึ การนเิ ทศกำกับติดตาม ใหค้ ำปรึกษาครูเพื่อให้
ประสบผลสำเรจ็ ตามจดุ มุ่งหมายของหลักสูตร

3. ระบบการประเมินหลักสูตร เริ่มด้วยการวางแผนประเมินหลักสูตร การสร้างเครื่องมือ
ประเมินหลักสูตร ให้ครอบคลุมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ในการประเมิน แล้วจึงดำเนินการประเมินหลักสูตร
ก่อนการใช้ ระหว่างการใช้ และหลังการใช้หลักสูตร วิเคราะห์ข้อมูลผลการประเมินหลักสูตรและการ
นำเสนอผลการประเมินหลักสตู รไปปรบั ปรุงแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงหลักสูตรต่อไปซ่ึงอาจมีการปรับปรุงส่วน
ใดส่วนหนึ่งของหลักสูตร หรืออาจกระทำการแก้ไขทั้งระบบการสร้างหลักสูตร ระบบการนำหลักสูตรไปใช้
และระบบการประเมนิ หลกั สตู รเลยกไ็ ด้ข้ึนอยู่กับผลการประเมินหลกั สตู รที่ได้

สรุปไดว้ า่ การพัฒนาหลักสตู รต้องดำเนินการอยา่ งมีหลักการ มรี ะบบ และพฒั นาอย่างตอ่ เน่ือง
โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาช่วยในการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งการพัฒนาหลักสูตรต้อง
ดำเนินการให้ครบทั้ง 3 ระบบ คือ ระบบการสร้างหลักสูตร ระบบการนำหลักสูตรไปใช้ และระบบการ
ประเมินหลักสูตร ซึ่งหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยอยู่เสมอเป็นวัฏจักร
การพัฒนาที่ไม่หยุดย้งั เพื่อใหไ้ ดห้ ลกั สูตรท่ีทนั ต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่ตลอดเวลา

บทสรปุ

การพัฒนาหลักสูตร มีความหมายได้ 2 นัย คือ 1) เป็นปรับปรุงหลักสูตรเดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีข้ึน
หรือสมบูรณ์ขึ้น 2) การจัดทำหลักสูตรขึ้นใหม่ที่ไม่มีหลักสูตรเดมิ อยู่ก่อนเลย ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจะช่วย
พัฒนาผ้เู รียนให้มีลกั ษณะทด่ี ขี นึ้ สอดคล้องกบั สภาพสังคมและบรรลุจุดมงุ่ หมายของหลักสูตรท่ีได้กำหนดไว้

บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร เป็นผู้ที่มีส่วนได้สวนเสียในการพัฒนาหลักสูตร อาจ
แบงได้เปน็ 3 กลมุ่ คอื กล่มุ ของผูพ้ ฒั นาหลักสูตร กลมุ่ ของผู้ให้คำแนะนําและสนบั สนุนการพัฒนาหลักสูตร
และกลุ่มผู้ใหข้ อ้ มูลเก่ียวกับการพฒั นาหลักสูตรด้านต่าง ๆ

หลกั การพฒั นาหลักสูตร เป็นการดำเนนิ การพฒั นาหลักสตู รอย่างเปน็ ระบบนนั้ จะต้องดำเนินการ
ตามข้นั ตอน คอื การวเิ คราะห์ข้อมลู พื้นฐาน การกำหนดเปา้ ประสงค์ การเลอื กและการจดั เนื้อหา การเลือก
และการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ การกำหนดอตั ราเวลาเรยี น การนำหลกั สตู รไปใช้ การประเมินหลกั สูตร
และการปรบั ปรุงแก้ไขหลักสูตร ท้ังนจี้ ำเป็นต้องมีผเู้ ช่ียวชาญ ผมู้ คี วามร้คู วามสามารถในการที่จะช่วยเหลือ

การพัฒนาหลักสูตร

30

และประสานงานทางด้านการพัฒนาหลักสูตร รวมถึงผลงาน ต่าง ๆ ทางด้านหลักสูตร เพื่อให้การ
ดำเนินการพัฒนาหลกั สตู รเป็นไปอย่างมีระเบียบแบบแผนและมีประสิทธิภาพ

ระดับของการพัฒนาหลักสูตรแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ 1) การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติ หรือ
หลักสูตรแม่บท 2) การพัฒนาหลักสูตรระดบั ท้องถิ่น หรือหลักสูตรระดับเขตพื้นที่การศึกษา 3) การพัฒนา
หลักสูตรระดบั สถานศกึ ษา และ 4) การพัฒนาหลกั สูตรระดบั ชัน้ เรยี น

รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของนักการศึกษาต่างประเทศ และนักการศึกษาไทย สรุปว่าการ
พัฒนาหลักสูตรต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีหลักการ อาศัยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากผู้มีส่วน
เกย่ี วข้องหลายฝ่ายเพื่อช่วยให้การพฒั นาหลักสตู รมปี ระสิทธภิ าพสอดคล้องกบั ความต้องการของสงั คม การ
พัฒนาหลักสูตรประกอบด้วย 3 ระบบ คือ ระบบการสร้างหลักสูตร ระบบการนำหลกั สูตรไปใช้ และระบบ
การประเมินหลักสูตรหลักสูตร เมื่อสร้างขึ้นแล้วก็ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยตามการ
เปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ นักพัฒนาหลักสูตร
สามารถเลอื กตัดสินใจพฒั นาหลักสูตรตามแนวคดิ ใดข้ึนอยู่กับระดบั หลักสูตรท่ีจัดทำหรือรูปแบบการพัฒนา
ที่ตอบสนองความต้องการได้ เช่น รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์ (Tyler) รูปแบบการพัฒนา
หลักสูตรของทาบา (Taba) ที่มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากครูผู้สอนสามารดำเนินการออกแบบได้ครอบคลุมกับการ
ออกแบบหลักสูตรระดบั ปฏบิ ัติการ เช่น แผนการสอน ส่วนรูปแบบการพัฒนาหลกั สูตรของ โอลิวา (Oliva)
และ รปู แบบการพัฒนาหลักสตู รของ เชยเ์ ลอร์ อเลก็ ซานเดอร์ และเลวิส (Saylor Alexander and Lewis)
จะเป็นการออกแบบหลักสูตรที่เป็นระบบของหลักสูตรในภาพรวม เป็นหลักสูตรระดับสถานศึกษาหรือ
ระดับชาติ ซึ่งรวมไปถึง รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของสงัด อุทรานันท์ รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของ
ธำรง บวั ศรี และรปู แบบการพัฒนาหลักสตู รของ วชิ ัย วงษ์ใหญ่ การพฒั นาหลักสูตรครอบคลุมทั้ง 3 ระบบ
อย่างครบถ้วนคือ มีการสร้าง การใช้ และการประเมินหลักสูตร รวมถึงขั้นตอนการประเมินหลักสูตรท้ัง
ระบบ ส่วนรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของไพฑูรย์ สินลารัตน์ เน้นไปที่ระดับปฏิบัติการโดยครูผู้สอนเป็น
ผู้สร้าง ผู้ใช้และผู้ประเมินหลักสูตร อาจจะสรุปได้ว่า การพัฒนาหลักสูตรเป็นภารกิจของสถานศึกษา
ครูผู้สอน ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การพัฒนาหลักสูตรเป็นไปอย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ

การพฒั นาหลักสตู ร


Click to View FlipBook Version