The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-10-28 01:44:28

1.4

1.4

4หนวยการเรียนรทู ่ี

แหลงเรียนรู
ในทองถน่ิ



ใบความรูท่ี 1
เรอ่ื ง ประวัติความเปนมาการทอผาไหม

ผาไหมมีถิ่นกําเนิดในประเทศจีนและประเทศอินเดีย การทอผาไหมมีขึ้นราว 2,640 ป%
ก&อนคริสตกาล พ&อคาชาวจีนไดเผยแพร&ผาไหมสู&พื้นที่อ่ืนในแถบเอเชียสําหรับประเทศไทยนักโบราณคดีพบ
หลกั ฐานที่แหลง& โบราณคดีบานเชยี งซึ่งบ&งช้วี า& มีการใชผาไหมเมือ่ 3,000 ป%ก&อน

การทอผาไหมในประเทศไทยในอดีตมีการทํากันในครัวเรือนเพ่ือใชเองหรือทําขึ้นเพ่ือใชใน
งานพิธี เช&น งานบุญ งานแต&งงาน ต&อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอย&ูหัว
(รัชกาลท่ี 5) ไดส&งเสริมใหใชผาไหมส&วนการปลูกหม&อนเพื่อเล้ียงไหมไดรับการสนับสนุนจากประเทศญี่ปุ=น แต&
การดําเนินงานของโครงการก็ทําไดเพียงระยะหน่ึงมีอันตองหยุดไปเน่ืองจากเกษตรกรไทยยังคงทําในลักษณะ
แบบเดิมเพราะความเคยชินไม&ตอบรับต&อการเปลี่ยนแปลงไปส&ูแบบใหม&ที่ไดรับการพัฒนาขึ้นจากความ
ช&วยเหลือของญป่ี นุ=

หลังสงครามโลกครั้งท่ีสอง ไดเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญของผาไหมไทยข้ึนโดย เจมส@ แฮร@ริสัน
วิสสัน ทอมปBสัน ชาวสหรัฐอเมริกาหรือที่คนไทยรูจักในนามว&า จิม ทอมปBสัน ซ่ึงเปCนผูท่ีใหความสนใจผลงาน
ดานศิลปะ ในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยรวมท้ังลาวและเขมร จิม ทอมปBสัน ไดซื้อผาไหมไทย
ลวดลายต&างๆเก็บสะสมไวและทําการศึกษาลวดลายผาไหมในหม&ูบานที่เปCนแหล&งการผลิตผาไหม พรอมกับ
เสาะแสวงหาช&างทอผาไหมฝ%มือดีในที่สุดไดพบช&างมีฝ%มือถูกใจท่ีกรุงเทพมหานครเดิมเปCนชาวมุสลิมเชื้อสาย
เขมรอพยพเขามาอาศยั อย&ูต้ังแตต& อนตนกรุงรัตนโกสนิ ทร@มีความชํานาญในการทอผาไหม ซึ่ง จิม ทอมปBสนั ได
เขามาสนับสนุนใหชาวบานในชุมชนทอผาไหม สามารถสรางรายใหชาวบานมากข้ึน หลังจากน้ันไดมีการ
ปรับปรุงผาไหมไทยโดยใชหลักการตลาด การผลิต เพ่ือขยายตลาด และทําการบุกเบิกผาไหมของไทยไปส&ู
ตลาดต&างประเทศโดยเฉพาะสหรฐั อเมรกิ าและแพรเ& ขาส&ูวงการภาพยนต@ของชาตติ ะวันตก และ ละครบรอดเวย@







 3. การตเี กลยี ว
การตีเกลียวไหมจะช&วยทําใหผาที่จะทอมีความหนา หลังจากเอาไหมสองไหมสามออก ใชไมคีบ

ลักษณะคลายไมพาย มีร&องกลางสําหรับคีบ เกล่ียรังไหมกดใหเสนไหมตีเกลียวแน&นดูเล็กต&อจากน้ันจะนํามา
กรอเขา “ กง ” แลวนําไปหมุนเขา “ อกั ” เพือ่ ตรวจหาปุม= ปม หรอื ตดั แตง& เสนไหมทไี่ ม&เท&ากนั ออก จงึ เอาเขา
เคร่ืองปSuนเพื่อใหเสนไหมแน&นขน้ึ ก&อนทจี่ ะหมุนเขากงอีกคร้ัง เพ่ือรวมเปCนไจ ซงึ่ หนึ่งไจจะตองหมุนกง 80 รอบ
เรยี กวา& “ ไหมดิบ ”

 4. การยอมสี
การยอมสีไหมจะตองนําไหมดิบมาฟอกเพ่ือไม&ใหมีไขมันเกาะ โดยจะใชด&างจากขี้เถาไปฟอกไหม

เรียกว&า “ การดองไหม ” จะทําใหเสนไหมขาวนวลข้ึนแลวจึงนําไปยอม การยอมดวยสีธรรมชาติมีขอดี คือ สี
ไม&ฉูดฉาด สีอ&อนเย็นตากว&าสีสังเคราะห@ จึงทําใหสีของผางดงามสัมพันธ@กับรูปแบบของผาพ้ืนเมือง
สีธรรมชาติจะติดสีไดดีในเสนไหมและฝTาย วิธียอมคือ การนําค้ันเอาน้ําจากพืชที่ใหสีนั้นๆ ตมใหเดือด จากน้ัน
นําไหมชุบนํ้าใหเป%ยกบิดพอหมาดกระตุกใหเสนไหมเรียงเสนจึงแช&ในนํ้ายอมสีนําไปผ่ึงใหแหง จะไดไหมสีตาม
ตองการ

การยอมสไี หม นําไหมไปตากหรอื ผ่งึ ใหแหง

 5. การทอผา
ขั้นตอนสดุ ทายก&อนท่จี ะออกมาเปCนผาผืนงาม การทอผาไหมจะประกอบไปดวยเสนดาย 2 ชดุ คอื “

เสนดายยืน ” จะขงึ ไปตามความยาวผาอยู&ตดิ ในเครือ่ งทอ หรอื แกนมวนดานยนื อีกชนดิ หนึ่งคอื “ เสนดายพุ&ง
” จะถูกกรอเขากระสวย เพ่ือใหกระสวยเปCนตัวนําเสนดายพงุ& สอดขดั เสนดายยนื เปนC มุมฉาก ทอสลบั กนั ไป
ตลอดความยาวของผืนผา การสอดดายพุ&งแตล& ะเสนตองสอดใหสุดถงึ ริมแต&ละดาน แลวจึงวกกลบั มา จะทาํ ให
เกิดรมิ ผาเปนC เสนตรงท้ังสองดาน ส&วนลวดลายของผานน้ั ขนึ้ อยู&กบั การวางลายผาของแต&ละทองถ่นิ ที่ทําการ
มดั หมไ่ี วขน้ั ตอนในการทอผา
ศกึ ษาเพิม่ เติมจากลิงก@ https://www.youtube.com/watch?v=YHtIiWi5lxM











วิธีการใชระหดั วิดน้าํ จะตองวางปลายรางระหัดลงไปในน้ําท่จี ะวดิ เขาสแ&ู ปลงนา ใหดานหวั รางอย&บู นท่ี
ซึง่ จะนาํ น้าํ เขาสู&แปลงนา อาจมรี างรับน้าํ ต&อไปยงั ที่ที่ตองการนาํ้ เขาอีกทอดหนง่ึ ตองวางรางระหัดไมใ& หตง้ั ชนั
มากเกินไปจึงจะวิดนา้ํ ไดดี ในสมยั โบราณจะใชแรงคนถบี หรือมือหมนุ หรอื แรงจากกังหันลม

ประโยชนข) องระหดั วดิ นาํ้

 ประหยดั พลงั งานและเปCนพลังงานทางเลือก
 มีนา้ํ ใชอย&างเพียงพอในฤดูทํานา
 สามารถดักปลา กุง และสัตว@น้ําเล็กๆได
 เปCนท่ีกักเก็บนา้ํ
 เปCนแหลง& ขยายพนั ธป@ ลา
 ใชเปCนเสนทางเดินขามคลอง
 สามารถใชวสั ดธุ รรมชาติทองถนิ่ ซ&อมแซมไดงา& ย
 มีอายุการใชงานยาวนานประมาณ 20-30 ป%
 สรางความสามัคคใี นชมุ ชน เพราะชาวบานตองมารว& มมือกันในการสรางและซอ& มแซมระหดั

กิจกรรมท่ี 3
เรอ่ื ง หลกั การทาํ งานของระหัดวิดนาํ้
คําชี้แจง.ใหนกั เรยี นอกแบบระหัดวิดนํา้ ของตนเองพรอมบอกหลักการในการทาํ งานตามความคิดของนักเรยี น

หลักการในการทํางานของระหดั วดิ นา้ํ ท่นี ักเรียนออกแบบ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

ช่ือ........................................................สกุล......................................เลขท.ี่ .......................ชนั้ .....................

กิจกรรมท่ี 4
เร่อื ง ประโยชน)ของระหดั วดิ นา้ํ

คําช้แี จง.ใหนกั เรียนลงพนื้ ทีจ่ รงิ ศกึ ษาประโยชนข@ องระหดั วิดนา้ํ ในทองถน่ิ และตอบคาํ ถามต&อไปนี้
 จดุ ประสงุ ค@
1.เพ่อื ใหนกั รียนไดเรยี นรใู นสถานทจี่ ริง ไดเหน็ ไดสัมผสั ดวยตนเอง
2.เพอื่ ใหนักเรยี นเหน็ ความสําคํญในประโยชนข@ องระหัดวิดน้าํ ในทองถนิ่ ของตนเอง

1. ใหนกั เรียนวาดภาพระหดั วิดนํ้าทน่ี กั เรยี นไปไปลงพ้ืนทเ่ี รียนรูในวนั นี้

2. ใหนักเรยี นบอกประโยชนข@ องระหัดวิดนา้ํ มา 3 ขอ พรออธิบายพอสังเขป
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................

ชอื่ ........................................................สกลุ ......................................เลขท.่ี .......................ชน้ั ......................

ใบความรูที่ 4
เรอื่ ง วดั ศิลาอาสน) ภูพระ

 ประวัติ
ทางราชการจังหวัดชัยภูมิสอบถามคนรุ&นเก&าซึ่งรับรูเร่ืองราวสืบต&อๆกันมานับเปCนรอยๆป%ว&ามีผูพบ

พระเจาองค@ตื้ออย&ูในป=าที่เขาแห&งหนึ่งจึงมีผูต้ังช่ือเขานี้ว&า"เขาภูพระ"ทุกๆป%จะมีผูไปไหวพระเจาองค@ต้ือใน
กลางเดือนหาเปCนจํานวนมากมีทั้งคนต&างจงั หวัดดวย เน่ืองจากผูเลื่อมใสว&าหมอรักษาเปCนหมอลําใหการรักษา
คนปว= ยขอใหหาย โดยบนบานต&อพระเจาองค@ตื้อก็ไดสมปรารถนาซง่ึ มขี าราชการผใู หญ&ในปจS จบุ ันก็เปCนลูกที่ขอ
จากองค@ท&าน ในป% พ.ศ. 2483 พระวบิ ลู นโิ รธกิจ อดีตเจาคณะจังหวัดชัยภูมิ (พระครจู รญู นโิ รธเจาคณะจังหวัด
ขณะนัน้ )

ไดขอต้ังเปCนสํานักสงฆ@ชอื่ ศิลาอาสน@ และแผวถางบริเวณใหเตียน ในป%ถัดไปไดสรางเปนC กุฏมิ ีพระภกิ ษุ
อยู&ประจํามาตลอดจนทุกวันน้ีการจัดงานประจําป%มีผูไปช&วยท้ังฝ=ายบรรพชิตและฝ=ายคฤหัสถ@เปCนประจํามา
จนถึงพระครูวิบูลเขมวัตร เปCนเจาอาวาสประมาณ พ.ศ. 2498 - 2505 ไดมีการต้ังกรรมการจัดงานประจําป%มี
รายไดสุทธินํามาทํากําแพงฉาบหินกับซีเมนต@ไม&มีโครงเหล็กทั้ง 4 ดาน ๆ ละ 13 เมตร ลอมองค@พระอยู&ตรง
กลางซงึ่ มรี ะดบั หนิ ตํา่ กวา& กาํ แพงทท่ี าํ (ไดรือ้ กาํ แพงเพ่ือทําการก&อสรางใหม&)

พ.ศ. 2505 เริ่มต้ังแต&เขาปุริมพรรษา มีพระวชิรญาณ (วิเชียร สาคะริชานนท@) ซ่ึงอุปสมบทที่วัดชัย
ประสิทธ์ิ หลังจากพระราชทานเพลิงศพ หลวงจงวิชาเชิด โยมบิดามาจําพรรษาตามที่พูดไวจัดผาป=าเดือน
พฤศจิกายน 2505 มีญาติโยมมาทอดผาปา= ไดเงนิ 10,000 บาทเศษ ไดลอมรัว้ วดั ซึง่ เดมิ ไม&มีอาณาเขต ชาวบาน
ทําไร&รุกเขาไปจนถึงเชิงเขา ไดขยายอาณาเขตออกไปถึง 196 ไร& ไดลอมเสร็จ เม่ือวันท่ี 30 กันยายน 2506
กอ& นลาสิกขาบท




Click to View FlipBook Version