The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

Keywords: ระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

หนังสือพระราชนิพนธใ์ นสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี จาํ นวน 60 เรอ่ื ง

เรอ่ื งท่ี 1: แก้วจอมแก่น
วรรณกรรมเยาวชนทส่ี มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ทรงพระราชนพิ นธข์ น้ึ จากประสบการณ์
จรงิ เมอ่ื ครงั้ ยงั ทรงพระเยาว์ หรอื จากผใู้ หญ่เลา่ บา้ ง ปนกบั เรอ่ื งของเดก็ ๆ ในยุค พ.ศ. 2520 มี
ตวั ละครเอกคอื แกว้ และผองเพอ่ื น แกว้ ไดเ้ ลา่ เรอ่ื งราวของตนเองออกเป็นตอนๆ มตี วั ละครอน่ื
เขา้ มาเพอ่ื สรา้ งบรรยากาศและสสี นั บา้ ง เน้อื เรอ่ื งนอกจากความซนของเดก็ หญงิ แกว้ แลว้ ยงั
แฝงเกรด็ ความรู้ เชน่ การทาํ ขนมไทย การละเลน่ ของเดก็ ไทย เป็นตน้
เรอ่ื งท่ี 2: แก้วจอมซน
วรรณกรรมเยาวชนทท่ี รงพระราชนพิ นธเ์ ป็นภาคต่อจาก “แกว้ จอมแก่น” ตวั ละครเอกคอื แกว้
และเหลา่ ผองเพอ่ื น ยงั คงอยคู่ รบถว้ นเหมอื นเดมิ เรอ่ื งราวยงั สนุกสนานและแฝงไปดว้ ยสาระ
หากแตว่ ่าคราวน้แี กว้ โตขน้ึ เร่อื งราว เกรด็ ความรู้ และขอ้ คดิ ต่างๆ กเ็ รมิ่ โตขน้ึ ไปดว้ ย

เรอ่ื งท่ี 3: รอ้ ยยิ้มและนํ้าตาของหวั ใจ
พระราชนพิ นธแ์ ปลวรรณกรรมจนี รว่ มสมยั 4 เรอ่ื ง ของ 3 นกั เขยี นหญงิ ซง่ึ ผเู้ ขยี นไดส้ ะทอ้ น
วา่ ความรกั เป็นทงั้ รอยยม้ิ และน้ําตาของหวั ใจมนุษยท์ ม่ี คี วามเป็นสากล และยากจะอธบิ าย
อยา่ งกระจา่ งชดั

เรอื่ งท่ี 4: ตลอดกาลน่ะนานแคไ่ หน
พระราชนิพนธแ์ ปลนวนยิ ายจนี สะทอ้ นสงั คม วถิ ชี วี ติ วฒั นธรรมและประเพณขี องสงั คมจนี ยุค
ปจั จบุ นั โดยใชก้ รงุ ปกั กง่ิ เป็นฉาก และใหต้ วั ละครมวี ถิ ชี วี ติ โลดแลน่ อยใู่ น หทู ง่ สายหนง่ึ อนั
เป็นชมุ ชนยา่ นตรอก ซอยดงั้ เดมิ ของกรงุ ปกั กง่ิ เป็นกลวธิ สี อ่ื นยั ความเปลย่ี นแปลงของคา่ นยิ ม
และคุณธรรมของโลกยคุ เก่ากบั ยคุ ใหม่ ซง่ึ ผเู้ ขยี นไดส้ ะทอ้ นอยา่ งแยบยลประณีตในนวนิยาย

เรอื่ งท่ี 5: นารนี ครา
พระราชนพิ นธแ์ ปลนวนยิ ายจนี สะทอ้ นภาพสงั คมและความงดงามของความเป็นหญงิ ใน
บทบาทหน้าทท่ี ย่ี ง่ิ ใหญ่ของความเป็นแม่ ความเป็นภรรยา และทส่ี าํ คญั ทส่ี ดุ คอื ความเป็น
เพ่อื นแท้ ผ่านตวั ละคร 3 ตวั ซง่ึ เป็นตวั แทนหญงิ รุน่ เกา่ รุ่นกลางและรุ่นใหม่ ท่ามกลางกระแส
สงั คมจนี ทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และซบั ซอ้ น

เรอื่ งที่ 6: หมบู่ า้ นเลก็ ตระกลู เป้ า
พระราชนพิ นธแ์ ปลจากนวนยิ ายจนี สะทอ้ นภาพชวี ติ ในหมบู่ า้ นชนบทของจนี ตน้ ทศวรรษ
1960 ในระบบคอมมนู ประชาชน จนกระทงั่ เขา้ สสู่ งั คมนยิ มสท่ี นั สมยั ในทศวรรษ 1980 ทรง
แปลเมอ่ื พ.ศ. 2552-2554 ผอู้ ่านจะไดส้ มั ผสั ความรกั อนั บรสิ ทุ ธยิ์ ง่ิ ใหญข่ องผเู้ ป็นแม่ ไดเ้ ขา้
ใจความบรสิ ทุ ธกิ์ ลา้ หาญของเดก็ น้อยผกู้ ลายเป็นวรี ชนของหมบู่ า้ น ไดร้ สู้ กึ สะเทอื นใจกบั ความ
รกั ตอ้ งหา้ มของเดก็ สาว และความคบั แคน้ ขมขน่ื ของผทู้ ถ่ี กู สงั คมลงโทษโดยไมเ่ ป็นธรรม

เรอื่ งท่ี 7: ความฝัน
พระราชนพิ นธแ์ ปลจากบทละครวทิ ยภุ าษาเยอรมนั รวม 5 เรอ่ื ง 5 ความฝนั เน้อื เรอ่ื งทงั้ หา้ อยู่
ระหว่าง ค.ศ. 1947-1950 สะทอ้ นบรรยากาศทค่ี นเพง่ิ มคี วามสขุ หลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2
สน้ิ สดุ ลง เศรษฐกจิ เรม่ิ มนั่ คง คนเรม่ิ เชอ่ื วา่ จะมสี นั ตภิ าพตลอดไป แตใ่ นความเป็นจรงิ ไมเ่ ป็น
เชน่ นนั้ หนงั สอื สะทอ้ นประเดน็ การหลกี หนคี วามจรงิ ของมนุษยแ์ ละการไมย่ อมรบั รคู้ วามจรงิ
อนั น่ากลวั แต่ละบทละครมคี าํ อธบิ ายประกอบทา้ ยเรอ่ื ง

เรอื่ งที่ 8: เพียงวนั พบวนั นี้ท่ีสาํ คญั
พระราชนพิ นธแ์ ปลจากภาษาจนี และเยอรมนั จากตน้ ฉบบั ทเ่ี ป็นบทละคร ความเรยี ง และเรอ่ื ง
สนั้ พนิ ิจความเสอ่ื มสลายทางจติ วญิ ญาณของสงั คมสมยั ใหม่ ทม่ี นุษยใ์ ชว้ ตั ถุเป็นเคร่อื งวดั
ความสขุ ในชวี ติ ปล่อยตนใหจ้ มอย่กู บั ความสขุ จอมปลอม ไม่รบั รคู้ วามเป็นจรงิ และปญั หาอน่ื
ใด ยดึ มนั่ ถอื มนั่ ผดิ ๆ จนถงึ วาระสดุ ทา้ ยทส่ี ายเกนิ แก้ วรรณกรรมเหลา่ น้ีแสดงใหเ้ หน็ วา่ การ
ตระหนกั รใู้ นสจั ธรรมยอ่ มนําไปสกู่ ารเปลย่ี นแปลงทด่ี ขี น้ึ

เรอื่ งที่ 9: ขบวนการนกกางเขน
เดก็ ชาวฝรงั่ เศส 8 คน หลายลกั ษณะนิสยั รวมตวั กนั ตงั้ เป็นขบวนการ ใชช้ ่อื ว่า “ขบวนการนก
กางเขน” ทงั้ หมดเป็นเพอ่ื นรกั กนั และหาเรอ่ื งสนุกๆ ทาํ จนกระทงั่ เขา้ ไปผจญภยั ในหอ้ งใตด้ นิ
และนําไปสกู่ ารคน้ พบขมุ ทรพั ยใ์ นทส่ี ดุ ภาษาทใ่ี ชใ้ นเรอ่ื งอ่านงา่ ย เขา้ ใจงา่ ย สละสลวย ทรง
แปลจากภาษาฝรงั่ เศสเมอ่ื ปี พ.ศ. 2521
เรอื่ งท่ี 10: เมฆเหิน น้ําไหล
สะทอ้ นภาพความเปลย่ี นแปลงของสงั คมจนี ทเ่ี ป็นผลสบื เน่ืองจากนโยบายสท่ี นั สมยั ทเ่ี รม่ิ ขน้ึ ใน
พ.ศ. 2521 ความกา้ วหน้าทางวตั ถุเพม่ิ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ วถิ ชี วี ติ เปลย่ี นไป สงั คมใหค้ ณุ คา่ วตั ถุ
และเงนิ ตรามากขน้ึ นกั วชิ าการกลบั มสี ถานะทถ่ี ดถอยลง เกดิ ความขดั แยง้ ระหวา่ งปญั ญาชน
ร่นุ เกา่ กบั รุ่นใหมใ่ นดา้ นความเชอ่ื คา่ นยิ ม และจรยิ ธรรม “เมฆเหนิ น้ําไหล” แสดงใหเ้ หน็ สจั
ธรรมของชวี ติ ถงึ ความเปลย่ี นแปลง เหมอื นเมฆทล่ี อยเหนิ และน้ําทไ่ี หลรนิ ไมม่ สี ง่ิ ใดบงั คบั
ควบคมุ ได้
เรอ่ื งท่ี 11: ผีเสื้อ
สะทอ้ นใหเ้ หน็ สภาพของสงั คมในสาธารณรฐั ประชาชนจนี ในชว่ งการปฎวิ ตั วิ ฒั นธรรม (พ.ศ.
2509-2519) ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยความสบั สนและความขดั แยง้ ของผคู้ นและอดุ มการณ์ทางการเมอื ง
ตลอดจนความขดั แยง้ ระหวา่ งอดุ มคตกิ บั ชวี ติ จรงิ มกี ารวพิ ากษว์ จิ ารณ์และทาํ ลายวฒั นธรรม
จนี ดงั้ เดมิ อยา่ งกวา้ งขวาง กระทบวถิ ชี วี ติ บคุ คลทส่ี ถานภาพตอ้ งเปลย่ี นแปลงไปเหมอื นดงั ชวี ติ
ของผเี สอ้ื
เรอื่ งที่ 12: ดจุ ดวงตะวนั
พระราชนพิ นธ์ ปาฐกถา และบทสมั ภาษณ์ทใ่ี หข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ใน
เรอ่ื งการพฒั นาชนบท การถ่ายทอดความรู้ ความสนพระราชหฤทยั พระปรชี าสามารถ
ตลอดจนการทรงประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ภาพ ประกอบบางภาพเป็นการต์ นู ทส่ี มเดจ็
พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ทรงเขยี นทลู เกลา้ ถวาย

เรอ่ื งที่ 13: ฝากฝนั กลอนกานท์
รวมพระราชนพิ นธร์ อ้ ยกรองบทสนั้ ๆ จาํ นวน 16 บท ทม่ี แี กน่ เรอ่ื งหลากหลาย ทรงพระราช
นิพนธข์ น้ึ ในหลายช่วงเวลา มตี งั้ แต่ทท่ี รงเรยี งรอ้ ยเม่อื พระชนมายุเพยี ง 12 พรรษา ใน พ.ศ.
2510 และทท่ี รงประพนั ธ์ ใน พ.ศ. 2533 รวมทงั้ มอี ยู่ 2 บททท่ี รงแปลจากภาษาจนี และฝรงั่ เศส
ในดา้ นเน้อื หาสาระนนั้ มหี ลากรส ตงั้ แต่เรอ่ื งความรกั บทเพลง อารมณ์ขนั ความคดิ เหน็ และ
พทุ ธประวตั ิ
เรอ่ื งท่ี 14: ความคิดคาํ นึง
เป็นหนงั สอื รวมพระราชนพิ นธร์ อ้ ยกรองภาษาฝรงั่ เศสจาํ นวน 14 บท ในการน้ี ทรงแปลบท
รอ้ ยกรองเป็นภาษาไทยดว้ ยพระองคเ์ อง และมผี อู้ ่นื นําไปแปลเป็นภาษาองั กฤษ และ
พระราชทานภาพการต์ นู ฝีพระหตั ถ์ เชน่ เน้ือความบางสว่ นจาก “Lune” หรอื “พระจนั ทร”์ หรอื
“The Moon” พระจนั ทร์ กลางคนื พระจนั ทรอ์ นั ผุดผอ่ งสอ่ งสวา่ ง ลอยเลอ่ื นอยา่ งนุ่มนวลใน
อากาศ ไมม่ เี มฆมาทาํ ใหพ้ ระจนั ทรม์ วั หมอง เงาของพระจนั ทรท์ าํ ใหท้ ะเลสาบอนั กวา้ งใหญ่
งดงามขน้ึ แต่พอพระจนั ทรท์ รงเสน่หล์ บั หายไป ธรรมชาตกิ ถ็ กู ครอบงาํ ดว้ ยความโศก

เรอ่ื งที่ 15: REFLEXIONS
บทพระราชนพิ นธร์ อ้ ยกรองภาษาฝรงั่ เศส 21 บท พรอ้ มบทแปลภาษาไทยและองั กฤษ ทรง
พระราชนพิ นธร์ ะหวา่ งปี พ.ศ. 2514-2519 แนวคดิ สว่ นใหญ่เกย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละขอ้ คดิ ชวี ติ
มนุษย์ บางบทเกดิ จากประสบการณ์สว่ นพระองค์ แต่ละบทมเี กรด็ ประวตั ใิ หผ้ อู้ า่ นทราบถงึ
แนวคดิ หรอื แรงบนั ดาลพระราชหฤทยั ในการพระราชนพิ นธบ์ ทนนั้ ๆ

เรอื่ งท่ี 16: นิทานโกหกเยอรมนั
พระราชนพิ นธแ์ ปลภาษาเยอรมนั รวมนทิ านโกหกยอดนยิ มของชาวเยอรมนั ไวถ้ งึ 22 เรอ่ื ง
จดั เป็นชดุ เรอ่ื งเลา่ สาํ คญั ในกลมุ่ เรอ่ื งเลา่ พน้ื บา้ นประเภทตลกของเยอรมนั ในอดตี ซง่ึ ไดร้ บั การ
รวบรวมพมิ พเ์ ป็นหนงั สอื หลายภาษา ไดร้ บั ความนยิ มอยา่ งมาก

เรอ่ื งที่ 17: หยกใสรา่ ยคาํ
พระราชนพิ นธแ์ ปลกวนี พิ นธจ์ นี โบราณ ถ่ายทอดความรสู้ กึ อารมณ์ ความคดิ เหน็ อดุ มการณ์
และปญั หาของยคุ สมยั เกย่ี วขอ้ งกบั ความมกั น้อยสนั โดษ การทอ่ งเทย่ี วไปในธรรมชาตอิ นั
งดงามและยง่ิ ใหญ่ การพง่ึ พาตนเอง และการเขา้ ถงึ สจั ธรรม โดยทรงแปลประมาณปี
พ.ศ.2525-2532

เรอ่ื งที่ 18: ดงั่ ดวงแก้ว
รวมพระราชนพิ นธท์ งั้ รอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรอง บางเรอ่ื งทรงพระราชนพิ นธไ์ วต้ งั้ แต่พระชนมายุ
12 พรรษา ภาพประกอบเป็นภาพจติ รกรรมฝีพระหตั ถ์ มรี ปู เลม่ ขนาดเลก็ เพยี ง
5x7 เซนตเิ มตร

เรอ่ื งท่ี 19: ขา้ วไทยไปญ่ีป่ นุ
ทรงบนั ทกึ การเสดจ็ ฯ เยอื นประเทศญป่ี ุน่ ระหวา่ งวนั ท่ี 23-26 พฤศจกิ ายน 2537เน่ืองจากทรง
รบั เชญิ จากสถาบนั วจิ ยั ขา้ วนานาชาติ ประเทศญป่ี ุน่ เสดจ็ ฯ ไปทรงรว่ มงานและบรรยายพเิ ศษ
เร่อื งขา้ วไทยในงานวนั Japan-IRRI Day ทน่ี ครโตเกยี ว สาหรบั เน้อื หาของการบรรยายพเิ ศษ
นนั้ ทรงกล่าวถงึ ประวตั ขิ องขา้ วไทยตงั้ แต่สมยั โบราณ ความสาํ คญั ของขา้ วต่อเศรษฐกจิ ของ
ประเทศ พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการเกษตรของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั จนถงึ เรอ่ื งวถิ ชี วี ติ
ประเพณี และวฒั นธรรมต่างๆ ของไทยทเ่ี กย่ี วเน่อื งกบั ขา้ ว เป็นตน้
เรอื่ งท่ี 20: เขมรสามยก
ทรงบนั ทกึ เรอ่ื งราวทรงเสดจ็ พระราชดาํ เนนิ เยอื นประเทศกมั พชู า 3 ครงั้ ครงั้ แรกระหวา่ งวนั ท่ี
25-27 สงิ หาคม 2535 ครงั้ ท่ี 2 วนั ท่ี 8 มกราคม 2536 และครงั้ ท่ี 3 ระหวา่ งวนั ท่ี 12-18
มกราคม 2536 ทรงใหค้ วามสนใจศกึ ษาเร่อื งราวของประเทศกมั พชู า โดยเฉพาะในเรอ่ื ง
อทิ ธพิ ลของศลิ ปวฒั นธรรมเขมรทม่ี ตี ่อไทย เชน่ ดา้ นภาษาและวรรณคดี รปู แบบทาง
ศลิ ปกรรมและสถาปตั ยกรรม

เรอ่ื งท่ี 21: คนื ฟ้ าใส
บนั ทกึ การเสดจ็ ฯ เยอื นราชอาณาจกั รนอรเ์ วย์ และราชอาณาจกั รเดนมารก์ ระหวา่ งวนั ท่ี 17-
26 มถิ ุนายน 2532 พระราชดาํ รเิ กย่ี วกบั การเดนิ ทางครงั้ น้ี ไดท้ รงพระราชนพิ นธไ์ วใ้ นคาํ นาวา่
“ หลงั จากเครง่ เครยี ดกบั การดงู านวชิ าการ ดงั ทไี่ ดพ้ รรณนาไวใ้ นหนงั สอื “ปรศิ นาดวงดาว”
แลว้ ในปีเดยี วกนั ยงั ไดไ้ ปประเทศนอรเ์ วย์ นบั เป็นประสบการณ์ทดี่ ี คอื ไดศ้ กึ ษาพ้นื ทตี่ า่ งๆ
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เหนอื เสน้ อารก์ ตกิ ดนิ ฟ้าอากาศชว่ งน้สี วา่ งกระจา่ งแจง้ จงึ เป็นทมี่ าของชอื่
หนงั สอื “คนื ฟ้าใส”

เรอ่ื งท่ี 22: ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ
ทรงบนั ทกึ ไวเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ พระราชดาํ เนนิ เยอื นสาธารณรฐั ฟิลปิ ปินส์ ระหวา่ งวนั ท่ี 27
สงิ หาคม-2 กนั ยายน 2534 เป็นการเสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั ฟิลปิ ปินสค์ รงั้ แรก ตามคาํ กราบ
บงั คมทลู เชญิ ของรฐั บาลฟิลปิ ปินส์ และยงั ไดเ้ สดจ็ ฯ ไปทรงรบั รางวลั ของมลู นธิ ริ ามอน แมกไซ
ไซ สาขาบรกิ ารชมุ ชน (Public Service)

เรอ่ื งที่ 23: ขา้ มฝงั่ แห่งฝนั
บนั ทกึ การเสดจ็ พระราชดาํ เนนิ เยอื นสหราชอาณาจกั ร ระหวา่ งวนั ท่ี 4-10 กรกฎาคม 2538
ทรงเปิดงานสาํ คญั 2 งานในกรงุ ลอนดอน คอื งานดา้ นดนตรไี ทยศกึ ษาทม่ี หาวทิ ยาลยั
ลอนดอน และนทิ รรศการเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในวโรกาสฉลองสริ ิ
ราชสมบตั คิ รบ 50 ปี ณ สมาคมภมู ศิ าสตรแ์ หง่ ชาติ และไดเ้ สดจ็ ฯ เยอื นสถานทส่ี าํ คญั อน่ื ๆ
ไดแ้ ก่ สวนพฤกษศาสตรค์ วิ พพิ ธิ ภณั ฑป์ ระวตั ศิ าสตรธ์ รรมชาติ พพิ ธิ ภณั ฑด์ นตรี พระราชวงั
วนิ ดเ์ ซอร์ เป็นตน้
เรอ่ื งที่ 24: เจียงหนานแสนงาม
ทรงบนั ทกึ ไวเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั ประชาชนจนี ระหวา่ งวนั ท่ี 2-14 เมษายน 2542
ตอนหน่งึ วา่ “คนไทยคนุ้ เคยกบั คาวา่ เจยี งหนาน หรอื ทภี่ าษาจนี แตจ้ ว๋ิ ออกเสยี งวา่ กงั นมั้ และ
ภาษาไทยออกเสยี งเคลอื่ นไปวา่ กงั หนา เพราะมภี าพยนตรเ์ กยี่ วกบั จกั รพรรดเิ ฉยี นหลงเสดจ็
ประพาสเจยี งหนานมาฉายหลายเรอื่ ง ภาพยนตรจ์ นี กาลงั ภายในทฉี่ ายกนั ทางโทรทศั น์กม็ อี ยู่
หลายเรอื่ งทกี่ ล่าวถงึ เจยี งหนาน เรอื่ ง มงั กรหยก ของกมิ ยง้ กเ็ อาเจยี งหนานมาเป็นฉากสว่ น
หนึง่ ของเรอื่ ง มผี กู้ ลา้ หาญทงั้ เจด็ แห่งกงั หนา อาจารยข์ องกว๊ ยเจง๋ เป็นตวั ละครในเรอื่ งดว้ ย
เพลงในภาพยนตรเ์ รอื่ งจอมใจจกั รพรรดิ หรอื เจยี งซานเหมย่ เหรนิ กร็ อ้ งบรรยายถงึ เจยี งหนาน
เชน่ กนั ”
เรอื่ งที่ 25: แดรก๊ คลู ่าผนู้ ่ารกั
ทรงบนั ทกึ ไวเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื น 3 ประเทศในยโุ รปตะวนั ออก ไดแ้ ก่ ประเทศโรมาเนยี
สาธารณรฐั ประชาชนฮงั การี สาธารณรฐั ออสเตรยี เบลเยย่ี ม และสวติ เซอรแ์ ลนด์ ทงั้ ทรงเสดจ็
ฯ ไปเฝ้าฯ สมเดจ็ พระราชนิ ฟี าบโิ อลา ทร่ี าชอาณาจกั รเบลเยยี ม ระหวา่ งวนั ท่ี 13-25 มนี าคม
2537 ทรงเรยี บเรยี งตามลาํ ดบั เหตุการณ์ทม่ี เี รอ่ื งราววฒั นธรรมทเ่ี กา่ แก่ สถาปตั ยกรรมโบราณ
ทส่ี วยงาม โดยมภี าพประกอบพรอ้ มคาํ อธบิ ายภาพ และคาํ บรรยายเรอ่ื งราวตามลาํ ดบั
เหตุการณ์นนั้ ๆ

เรอ่ื งท่ี 26: ใต้เมฆท่ีเมฆใต้
ทรงพระราชนพิ นธไ์ วเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื นมณฑลยนู นาน สาธารณรฐั ประชาชนจนี เมอ่ื พ.ศ.
2538 ซง่ึ เป็นปีของการเฉลมิ ฉลอง 20 ปี ความสมั พนั ธไ์ ทย-จนี การเสดจ็ ฯ ครงั้ นนั้ นอกจาก
จะไดท้ อดพระเนตรสถานทท่ี ่องเทย่ี วต่างๆ แลว้ ยงั ไดเ้ สดจ็ ฯ ไปทรงเยย่ี มสถาบนั ทางวชิ าการ
ทน่ี ่าสนใจดว้ ย เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑม์ ณฑลยนู นาน โรงงานผลติ ยานครคนุ หมงิ มหาวทิ ยาลยั ยนู
นาน สวนพฤกษาศาสตรส์ มุนไพร สวนพฤกษาศาสตรเ์ ขตรอ้ นสบิ สอบปนั นา ฯลฯ ซง่ึ เป็น
แหล่งรวบรวมความรอู้ นั สาํ คญั
เรอ่ื งที่ 27: ทวิภาคสญั จร
พระราชนพิ นธเ์ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื นประเทศฝรงั่ เศส และสเปน ระหวา่ งวนั ท่ี 16-31
พฤษภาคม 2535 ทรงเสดจ็ ทอดพระเนตรสถานทส่ี าํ คญั ของฝรงั่ เศสหลายแห่ง อาทิ หอไอเฟล
ประสาทแวงแซน รา้ นหนงั สอื FNAC และเสดจ็ ไปยงั สานกั งานใหญ่องคก์ ารยเู นสโกเพอ่ื ทรง
รว่ มงานฉลองวนั พระราชสมภพครบรอบ 100 ปี สมเดจ็ พระบรมราชชนก นอกจากน้ยี งั ทรง
เสดจ็ ฯ ทอดพระเนตรสถานทส่ี าคญั ของสเปน เชน่ โบสถใ์ หญ่ทส่ี ดุ ในสเปน วงั Alcazar เป็น
ตน้
เรอ่ื งที่ 28: ทศั นะจากอินเดีย
เป็นบนั ทกึ เรอ่ื งราวการเสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั อนิ เดยี ระหวา่ งวนั ท่ี 10-28 มนี าคม 2530 ซง่ึ
ไดเ้ สดจ็ เยอื นเมอื งสาํ คญั ต่างๆ ของอนิ เดยี ตงั้ แต่ นครกลั กตั ตา เมอื งโครกั ขปุระ ปตั นะ
พาราณสี ศรนี าคาร์ และกรงุ เดลี ทรงทอดพระเนตรสถานทส่ี าํ คญั ทางประวตั ศิ าสตร์
โบราณคดี ศาสนา และศลิ ปวฒั นธรรมหลายแหง่

เรอ่ื งที่ 29: ไทยเที่ยวพมา่
เป็นพระราชนพิ นธท์ ท่ี รงบนั ทกึ ไวเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั สงั คมนยิ มสหภาพพมา่ หรอื
สหภาพพม่า ในปจั จบุ นั เมอ่ื วนั ท่ี 21-31 มนี าคม 2529 โดยเป็นการเสดจ็ ฯ เยอื นประเทศ
พมา่ เป็นครงั้ แรกของพระองค์ เน้ือหาสว่ นใหญ่ทรงเลา่ ถงึ สภาพบา้ นเมอื ง ภูมปิ ระเทศ ความ
เป็นอยู่ โบราณวตั ถุ โบราณสถาน ซง่ึ งดงามและทรงคณุ คา่ ทางประวตั ศิ าสตร์ วฒั นธรรม การ
พฒั นาประเทศ ฯลฯ แทรกดว้ ยสาระน่ารแู้ ละมภี าพประกอบจาํ นวนมาก

เรอื่ งที่ 30: เบอรล์ ินสิ้นกาแพง
พระราชนพิ นธเ์ มอ่ื ทรงเสดจ็ ฯ เยอื นสหพนั ธส์ าธารณรฐั เยอรมนั ระหวา่ งวนั ท่ี 21-24
พฤษภาคม 2538 ทรงเปิดงานนทิ รรศการเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เน่อื ง
ในวโรกาสฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ 50 ปี ณ Kurzentrum นครแฟรงกเ์ ฟรติ์ ซง่ึ เป็นการจดั
นทิ รรศการครงั้ แรกในทวปี ยโุ รป และทรงพบประธานาธบิ ดี (Prof. Dr. Roman Herzog) แหง่
สหพนั ธส์ าธารณรฐั เยอรมนั ทน่ี ครเบอรล์ นิ

เรอ่ื งท่ี 31: ประพาสภาษา
พระราชนพิ นธเ์ มอ่ื เสดจ็ ฯ ไปทรงเรยี นภาษาเยอรมนั ทเ่ี มอื งเกติ ตงิ เงน ระหวา่ งวนั ท่ี 19
กมุ ภาพนั ธ-์ 20 มนี าคม 2545 ทรงเลา่ วา่ "การเรยี นไมไ่ ดเ้ ป็นไปดงั ทคี่ ดิ ไวท้ กุ ประการ
เนือ่ งจากมเี วลาไปเขา้ เรยี นเพยี ง 3 สปั ดาห์ แทนทจี่ ะเป็น 3 เดอื น ในระหวา่ ง 3 สปั ดาห์ กม็ ี
กจิ กรรมต่างๆ แทรกอยู่ ทาใหข้ าดเวลา ทจี่ ะใชท้ บทวนบทเรยี น กจิ กรรมนอกหลกั สตู ร
เหลา่ นนั้ บางสว่ นกช็ ว่ ยใหม้ โี อกาสใชภ้ าษาเยอรมนั มากขน้ึ บางอยา่ งไมช่ ว่ ยการเรยี น
ภาษาเยอรมนั แตช่ ว่ ยใหม้ คี วามรกู้ วา้ งขวางขน้ึ ทงั้ ในดา้ นความรเู้ กยี่ วกบั เยอรมนั นี และ
ความรอู้ นื่ ๆ"
เรอ่ื งที่ 32: ประพาสอทุ ยาน
บนั ทกึ เรอ่ื งราวการเสดจ็ ฯ เยอื นประเทศองั กฤษ สกอ็ ตแลนด์ และสวติ เซอรแ์ ลนด์ ระหวา่ ง
วนั ท่ี 4-17 กรกฎาคม 2536 การเสดจ็ ฯ ครงั้ น้ี ชว่ งเวลาเกอื บ 2 สปั ดาห์ ทป่ี ระทบั ในยโุ รป
ทรงใชช้ วี ติ ในสวนเสยี เป็นสว่ นมาก ไดเ้ สดจ็ ฯ ทอดพระเนตรสวนพฤกศาสตรห์ ลายแหง่ ทงั้ ใน
องั กฤษและสกอ็ ตแลนด์ รวมไปถงึ การเสดจ็ ฯ ทอดพระเนตรทศั นยี ธรรมทางธรรมชาตทิ ง่ี ดงาม
ของบรเิ วณ Lake District ในประเทศองั กฤษอกี ดว้ ย อกี ทงั้ เน้ือหาในพระราชนพิ นธท์ น่ี อกจาก
จะทรงสอดแทรกสาระและเกรด็ ความรเู้ กย่ี วกบั พชื พรรณไมแ้ ละธรรมชาตไิ วอ้ ยา่ งน่าสนใจแลว้
ยงั มภี าพประกอบทส่ี วยงามเป็นจาํ นวนมาก
เรอื่ งที่ 33: ปริศนาดวงดาว
บนั ทกึ สาระความรู้ ความสนุกสนาน เพลดิ เพลนิ และภาพประกอบทส่ี วยงามจากสถานทต่ี ่างๆ
จากการเสดจ็ ฯ เยอื นฝรงั่ เศส เนเธอรแ์ ลนด์ และเบลเยย่ี ม เพอ่ื ทรงศกึ ษาดงู านเกย่ี วกบั การ
สาํ รวจขอ้ มลู ระยะทางไกล รวมถงึ พระฉายาลกั ษณ์ในพระอริ ยิ าบถต่างๆ

เรอ่ื งท่ี 34: ป่ าสงู นํ้าใส
บนั ทกึ การเสดจ็ ฯ เยอื น “เนการาบรไู นดารสุ ซาลาม” ระหวา่ งวนั ท่ี 7-14 กนั ยายน 2534 ทรง
พระราชนพิ นธไ์ วใ้ น “ความนํา” มใี จความตอนหน่งึ ว่า “เรอื่ งน้ีอาจถอื ไดว้ า่ เป็นภาค 2 ของเรอื่ ง
“ลดั ฟ้าลา่ วชิ าหาอาจารย”์ เพราะวา่ เมอื่ วนั ที่24 มกราคม (2534) ขา้ พเจา้ ไดไ้ ปทรี่ าชสมาคม
ภูมศิ าสตร์ (The Royal Geographical Society) ตอนนนั้ ไดท้ ราบเรอื่ งโครงการศกึ ษาปา่ ดบิ
เมอื งรอ้ นทบี่ รไู น พอไดย้ นิ เขา้ ขา้ พเจา้ กเ็ กดิ ความสนใจขน้ึ มาทนั ที เพราะเขาศกึ ษาปา่ ในหลาย
แง่หลายมมุ นกั วชิ าการหลายสาขามาศกึ ษาและแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ และประสบการณ์
ทางสมาคมมี Dr. John Hemming ผอู้ านวยการของสมาคม เขาบอกวา่ ถา้ ไทยจะสง่ นกั ศกึ ษา
มารว่ มโครงการกไ็ ด้ ขา้ พเจา้ เลยถามวา่ ถา้ ขา้ พเจา้ จะไปดเู องกอ่ นจะเป็นไปไดไ้ หม เขาบอกวา่
“ไม่มปี ญั หา” ขา้ พเจา้ กเ็ ลยตกลงใจจะไป”

เรอ่ื งที่ 35: ม่วนซ่ืนเมอื งลาว
บนั ทกึ การเสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาวของสมเดจ็ พระเทพ
รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ครงั้ แรกในวนั ท่ี 11 เมษายน 2535 เสดจ็ ฯ ทอดพระเนตร
เมอื งปากเซ แขวงจาปาสกั โดยผา่ นทางชอ่ งเมก็ อาํ เภอสริ นิ ธร จงั หวดั อบุ ลราชธานี ครงั้ ทส่ี อง
ระหวา่ งวนั ท่ี 16-19 ตุลาคม 2535 ทรงพบประธานประเทศ และผนู้ ํารฐั บาลลาว และเสดจ็ ฯ
ทอดพระเนตรสถานทส่ี าํ คญั ต่างๆ ในแขวงพงสาลี และแขวงหลวงพระบาง ครงั้ ทส่ี าม ในวนั ท่ี
27 พฤศจกิ ายน 2543 ตามเสดจ็ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ไปทรง
รว่ มพธิ ฌี าปนกจิ ศพ ทา่ นไกสอน พมวหิ าน อดตี ประธานประเทศ และครงั้ ทส่ี ่ี ระหวา่ งวนั ท่ี 9-
14 พฤศจกิ ายน 2536 ทรงประกอบพธิ ถี วายผา้ พระกฐนิ ทงั้ ในกรุงเวยี งจนั ทน์และแขวงหลวง
พระบาง และเสดจ็ ฯ ทอดพระเนตรสถานทส่ี าคญั ต่างๆ อกี ดว้ ย
เรอื่ งท่ี 36: มนตร์ กั ทะเลใต้
บนั ทกึ การเสดจ็ ฯ เยอื นหมเู่ กาะทะเลใต้ เรม่ิ จากสาธารณรฐั สงิ คโปร์ สปู่ าปวั นวิ กนิ ี
ราชอาณาจกั รตองกา หมเู่ กาะคกุ สาธารณรฐั หมเู่ กาะฟิจิ และหม่เู กาะโซโลมอน ระหวา่ งวนั ท่ี
15-25 เมษายน 2539

เรอ่ื งท่ี 37: เปิ ดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
สะพานมติ รภาพไทย - ลาวเปิดเมอ่ื วนั ท่ี 8 เมษายน 2537 สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ
สยามบรมราชกมุ ารี โดยเสดจ็ ฯ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ
พระบรมราชนิ นี าถ การเสดจ็ ฯ ครงั้ น้ี โดยเครอ่ื งบนิ พระทน่ี งั่ จากทา่ อากาศยานกองบญั ชาการ
กองทพั อากาศ ไปยงั ทา่ อากาศยานอดุ รธานี ประทบั เฮลคิ อปเตอรพ์ ระทน่ี งั่ ไปสนามกองรอ้ ย
ตํารวจตระเวนชายแดนท่ี 245 จงั หวดั หนองคายประทบั รถยนตพ์ ระทน่ี งั่ เสดจ็ ฯ ไปยงั สะพาน
มติ รภาพไทย-ลาว
เรอ่ื งท่ี 38: ม่งุ ไกลในรอยทราย
ทรงบนั ทกึ ไวเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั ประชาชนจนี ระหวา่ งวนั ท่ี 7–21 เมษายน 2533
ในครงั้ น้ไี ดเ้ สดจ็ พระราชดาํ เนนิ ตามเสน้ ทางสายแพรไหม (Silk Road) ซง่ึ เป็นเสน้ ทางการคา้
ระหวา่ งประเทศ เชอ่ื มการตดิ ตอ่ คา้ ขายระหวา่ งจนี กบั แควน้ ต่างๆ ในเอเชยี และยโุ รป

เรอ่ื งท่ี 39: เมอ่ื ขา้ พเจา้ เป็นนกั เรยี นนอก
ทรงบนั ทกึ ไวเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ พระราชดาํ เนินไปทรงศกึ ษาภาษาจนี ณ สาธารณรฐั ประชาชนจนี
ระหวา่ งวนั ท่ี 14 กมุ ภาพนั ธ-์ 15 มนี าคม 2544

เรอื่ งท่ี 40: เยน็ สบายชายนํ้า
บนั ทกึ เรอ่ื งราวการเสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั ประชาชนจนี ระหวา่ งวนั ท่ี 14-27 สงิ หาคม 2539
โดยเรม่ิ จากคนุ หมงิ ถงึ ฉงชง่ิ แลว้ ประทบั เรอื พระทน่ี งั่ ล่องไปตามแม่น้ําแยงซเี กยี ง หรอื ฉาง
เจยี ง ซง่ึ เป็นแมน่ ้ําทย่ี าวทส่ี ดุ ในประเทศจนี และของทวปี เอเซยี และการทอดพระเนตรโครงการ
ซานเสยี ซง่ึ เป็นโครงการกอ่ สรา้ งเขอ่ื นทใ่ี หญท่ ส่ี ดุ ในโลก
เรอ่ื งที่ 41: โรมนั สญั จร
บนั ทกึ การเสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั อติ าลี ระหวา่ งวนั ท่ี 3-16 เมษายน 2531 เพอ่ื ทรงเขา้ รว่ ม
ประชมุ คณะกรรมการคดั เลอื กผสู้ มควรไดร้ บั รางวลั ฮนั ส์ ครสิ เตยี น แอนเดอรส์ นั จดั โดย
IBBY (International Board on Books for Young People) และเสดจ็ ฯ ไปทรงเยย่ี มชม
สถานทท่ี น่ี ่าสนใจต่างๆ ในอติ าลี
เรอ่ื งที่ 42: ลดั ฟ้ าล่าวิชาหาอาจารย์
เลม่ น้ที รงเลา่ ถงึ การเสดจ็ ฯ เยอื น 4 ประเทศในทวปี ยโุ รป ไดแ้ ก่ ประเทศองั กฤษ ฝรงั่ เศส เบล
เยย่ี ม และ สวติ เซอรแ์ ลนด์ ระหวา่ งวนั ท่ี 8-30 มกราคม 2534 กลา่ วถงึ การทรงเขา้ รว่ มฟงั
บรรยายในสถาบนั การศกึ ษาต่างๆ ของประเทศเหลา่ นนั้ เพอ่ื ทรงศกึ ษาคน้ ควา้ ความรเู้ พม่ิ เตมิ
และทรงพบปะผเู้ ชย่ี วชาญและนกั วชิ าการในแขนงวชิ าต่างๆ ทม่ี หาวทิ ยาลยั ออ๊ กซฟอรด์ เสดจ็
ฯ ทอดพระเนตรพพิ ธิ ภณั ฑ์ และหอสมดุ ต่างๆ ทงั้ ทรงเยย่ี มพพิ ธิ ภณั ฑแ์ ละสถาบนั น่าสนใจ
อน่ื ๆ เป็นตน้

เรอื่ งท่ี 43: ลาวใกลบ้ า้ น
ทรงพระราชนพิ นธไ์ วเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว ระหว่าง
วนั ท่ี 28 ตุลาคม-1 พฤศจกิ ายน 2537 ทรงทอดพระเนตรกจิ การและสถานทต่ี ่างๆ ท่ี
เวยี งจนั ทน์ แขวงไชยะบลุ ี เขตพเิ ศษเชยี งฮอ่ นหงสา แขวงบ่อแกว้ เป็นอกี ประเทศหนง่ึ ทท่ี รง
ใหค้ วามสนพระราชหฤทยั และไดเ้ สดจ็ ฯ เยอื นหลายครงั้ นอกจากนนั้ ไดเ้ สดจ็ ฯ เยย่ี มโครงการ
ศนู ยพ์ ฒั นาและบรกิ ารดา้ นการเกษตร หลกั 22 ซง่ึ เป็นโครงการตามพระราชดาํ รขิ อง
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทพ่ี ระราชทานแกร่ ฐั บาลและประชาชนลาวอกี ดว้ ย
เรอื่ งที่ 44: ลาวตอนใต้
ทรงพระราชนพิ นธไ์ วเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ พระราชดาํ เนนิ เยอื นประเทศลาวทางตอนใต้ เพอ่ื นบา้ นท่ี
สาคญั และมคี วามผกู พนั ทางดา้ นศลิ ปะและวฒั นธรรมกบั ไทยมายาวนาน

เรอื่ งที่ 45: ลาวเหนือเมื่อปลายหนาว
บนั ทกึ เรอ่ื งราวการเสดจ็ ฯ เยอื นลาวในครงั้ น้ี (ระหวา่ งวนั ท่ี 21-24 มกราคม 2540) โดยได้
เสดจ็ ฯ เยอื นแขวงทางตอนเหนอื ของลาว ไดแ้ ก่ แขวงอุดมไซและแขวงหลวงน้าทา เพอ่ื
ทอดพระเนตรและศกึ ษาสภาพวถิ ี ชวี ติ ความเป็นอยู่ ตลอดจนศลิ ปวฒั นธรรมของประชาชน
ลาวในพน้ื ทด่ี งั กลา่ ว และเสดจ็ ฯ เยย่ี มกจิ การของโรงพยาบาลและโรงเรยี นของทอ้ งถน่ิ อกี ดว้ ย

เรอื่ งที่ 46: ลุยป่ าฝ่าฝน
ทรงบนั ทกึ เมอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื นประเทศมาเลเซยี ระหวา่ งวนั ท่ี 11-15 เมษายน 2537 การ
เสดจ็ ฯ เยอื นในครงั้ นนั้ นอกจากกาํ หนดการเขา้ เฝ้าฯ สมเดจ็ พระราชาธบิ ดี และพระราชนิ แี หง่
มาเลเซยี และทรงพบผนู้ ํารฐั บาลมาเลเซยี แลว้ ไดเ้ สดจ็ ฯ ไปยงั เมอื งคชู งิ และเมอื งมริ ิ ในรฐั ซา
ราวกั เพอ่ื ทอดพระเนตรและทรงทศั นศกึ ษาสถานทส่ี าํ คญั ทางธรรมชาตแิ ละพฤกษศาสตร์

เรอ่ื งท่ี 47: สวนสมทุ ร
ทรงพระราชนพิ นธไ์ วเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื นประเทศฝรงั่ เศส เมอ่ื พ.ศ. 2538 ทรงเสดจ็ พระราช
ดาํ เนนิ ไปยงั สถานทท่ี ย่ี งั ไมเ่ คยทอดพระเนตรเลย เชน่ ศนู ยอ์ นุรกั ษพ์ รรณพชื แหง่ ชาตปิ อรเ์ ก
อรอลส์ พพิ ธิ ภณั ฑป์ ระวตั ศิ าสตรธ์ รรมชาติ สานกั งานกาชาดฝรงั่ เศส และอน่ื ๆ อกี มากมาย
รวมทงั้ นอรม์ งั ดอี นั เป็นสถานทส่ี าคญั ทางประวตั ศิ าสตรส์ มยั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2

เรอื่ งท่ี 48: หวงเหออ่อู ารยธรรม
ทรงบนั ทกึ ไวเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั ประชาชนจนี ระหวา่ งวนั ท่ี 7-20 มนี าคม 2543
ครงั้ น้ที รงบนั ทกึ เป็นจดหมาย 14 ฉบบั ตามจาํ นวนวนั ของการเสดจ็ ฯ เยอื นจนี ในคราวน้ี ได้
เสดจ็ ฯ ทอดพระเนตรสถานทต่ี ่างๆ ทน่ี ่าสนใจ ในมณฑลสา่ นซี มณฑลซานตง มณฑลเหอห
นาน อนั เป็นบรเิ วณทแ่ี มน่ ้ําหวงเหอไหลผ่าน เป็นออู่ ารยธรรมของจนี

เรอื่ งท่ี 49: แอนตารก์ ติกา: หนาวหน้ารอ้ น
บนั ทกึ เมอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื นทวปี แอนตารก์ ตกิ า ประเทศนวิ ซแี ลนด์ หรอื ขวั้ โลกใต้ ดนิ แดนแหง่
ความหนาวเยน็ ระหวา่ งวนั ท่ี 17-24 พฤศจกิ ายน 2536 ทรงทอดพระเนตรหน่วยงานต่างๆ
ภายใน Scott Base พพิ ธิ ภณั ฑข์ องศนู ยแ์ อนตารก์ ตกิ าระหวา่ งประเทศ ถ้ําน้ําแขง็ Erebus
Glacier Tongue เทย่ี วชมนก เพนกวนิ ซง่ึ ทรงเล่าเหตุการณ์วา่ เป็นการเดนิ ทางทต่ี อ้ งผจญภยั
ครงั้ ยงิ่ ใหญ่ สดู่ นิ แดนทม่ี คี วามแตกต่างทางภมู ศิ าสตรแ์ ละภมู อิ ากาศจากประเทศไทยเป็นอย่าง
มาก
เรอื่ งท่ี 50: ไอรกั คืออะไร?
ทรงพระราชนพิ นธไ์ วเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั ประชาชนจนี และสาธารณรฐั ประชาชน
มองโกเลยี สองดนิ แดนทม่ี วี ฒั นธรรมขนบธรรมเนยี มประเพณที น่ี ่าสนใจ และถอื เป็นตน้ กาํ เนดิ
หน่งึ ของอารยธรรมตะวนั ออกอนั เกา่ แกท่ แ่ี พรก่ ระจายไปในหลายประเทศ ระหวา่ งวนั ท่ี 3-12
ตุลาคม 2535

เรอื่ งที่ 51: แกะรอยโสม
บนั ทกึ เรอ่ื งราวการเสดจ็ ฯ เยอื นประเทศสาธารณรฐั เกาหลี สาธารณรฐั ประชาชนจนี และ
สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลเี หนอื ) ระหวา่ งวนั ท่ี 18-29 ม.ี ค. 2534 ซง่ึ
ทรงบนั ทกึ เหตุการณ์ ทท่ี รงพบเหน็ ในระหวา่ งการเสดจ็ เยอื นสถานทต่ี ่างๆ ตลอดเวลาทท่ี รง
ประทบั อยู่ มภี าพประกอบสวยงามทไ่ี ดท้ รงบรรยายไวท้ งั้ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ

เรอ่ื งท่ี 52: ชมช่อมาลตี
ทรงบนั ทกึ เมอ่ื เสดจ็ ฯ เยอื นประเทศอนิ โดนเี ซยี ระหวา่ งวนั ท่ี 2-16 ตุลาคม 2527 ภาพแรกเป็น
พระบรมฉายาลกั ษณ์พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั สง่ เสดจ็ ฯ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกมุ ารี ทท่ี รงคกุ พระชานุกอด "ทลู กระหม่อมพอ่ " ทท่ี รงวางพระหตั ถท์ งั้ สองบน
พระองั สะและพระปฤษฎางคพ์ ระราชธดิ าช่างน่ารกั นกั หนา ทรง "บอกกลา่ วเสยี กอ่ น" เหมอื น
คาํ นา ความว่าหนงั สอื "ชมชอ่ มาลต"ี มาจากสมดุ บนั ทกึ การเดนิ ทาง ซง่ึ เขยี นขน้ึ อยา่ งเรง่ ดว่ น
ในการทพ่ี ระองคท์ า่ นเสดจ็ ฯ ต่างประเทศทกุ ครงั้ ทท่ี รงใชช้ อ่ื "ชมช่อมาลต"ี เพราะดอกมาลตี
คอื ดอกมะลทิ อ่ี นิ โดนเี ซยี ถอื เป็นดอกไมป้ ระจาํ ชาติ
เรอ่ื งที่ 53: ชมดอกไม้ไกลบา้ น
ทรงบนั ทกึ เมอ่ื เสดจ็ ฯ เยอื นประเทศญป่ี ุน่ อยา่ งเป็นทางการของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกมุ ารี ระหวา่ งวนั ท่ี 19-30 มถิ ุนายน 2533

เรอื่ งที่ 54: พทุ ธศาสนสุภาษิต คาํ โคลง
เป็นบทกวพี ระราชนพิ นธท์ ท่ี รงพระราชนพิ นธต์ งั้ แต่เมอ่ื ครงั้ ยงั ทรงศกึ ษาอยทู่ ค่ี ณะอกั ษร
ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ทรงศกึ ษาพทุ ธศาสนสภุ าษติ จากหนงั สอื พทุ ธศาสนสภุ าษติ
ของสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส แลว้ ทรงผกู เป็นโคลงขน้ึ

เรอ่ื งที่ 55: สปั ดาหส์ บายๆ ใกล้ชายหาด
พระราชนพิ นธบ์ นั ทกึ การเสดจ็ ฯ ไปปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ณ จงั หวดั เพชรบรุ ี และจงั หวดั
ประจวบครี ขี นั ธ์ ระหว่างวนั อาทติ ยท์ ่ี 14–วนั ศกุ รท์ ่ี 19 สงิ หาคม 2537 ในการน้ี ไดเ้ สดจ็ ฯ ไป
ทรงปลกู ตน้ ไมแ้ ละปล่อยปลาลงในอ่างเกบ็ น้าคา่ ยพระราม 6 ทอดพระเนตรพระราชนเิ วศน์
มฤคทายวนั ทรงฟงั การบรรยายสรปุ เกย่ี วกบั ภมู ปิ ระเทศบรเิ วณปา่ ละอู ทรงพระดาํ เนนิ เขา้ ปา่
ไปทท่ี า่ น้ําเพชรบรุ ี ระหวา่ งทางทอดพระเนตรพรรณไมต้ า่ งๆ ทรงเยย่ี มศนู ยส์ ง่ เสรมิ การศกึ ษา
บา้ นโปง่ ลกึ ทอดพระเนตรเขอ่ื นแกง่ กระจานและทรงฟงั คาบรรยายประกอบสไลดม์ ลั ตวิ ชิ นั่
เกย่ี วกบั อทุ ยานแหง่ ชาตแิ กง่ กระจาน ทรงเยย่ี มโรงเรยี นวงั ไกลกงั วล
เรอื่ งท่ี 56: ข้าวไทย
พระราชนพิ นธท์ ท่ี รงจดั ทาํ ขน้ึ ไวเ้ มอ่ื ครงั้ เสดจ็ ฯ ไปทรงบรรยายเร่อื งขา้ วไทยทส่ี ถาบนั
International Rice Institute เมอ่ื วนั ท่ี 25 พฤศจกิ ายน 2537 ณ กรงุ โตเกยี ว ประเทศญป่ี ุน่
เน้อื หาของบทพระราชนพิ นธม์ ที งั้ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ
เรอ่ื งท่ี 57: บนั ทึกเรอ่ื งการปกครองของไทยสมยั อยธุ ยาและต้นรตั นโกสินทร์
เมอ่ื ครงั้ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงศกึ ษาอยชู่ นั้ ปีท่ี 1 คณะอกั ษร
ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ทรงศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เรอ่ื งการเมอื งการปกครอง กฎหมาย
เศรษฐกจิ สงั คม และวฒั นธรรม กบั หม่อมราชวงศค์ กึ ฤทธิ์ปราโมช หนงั สอื เลม่ น้ีเป็นพระราช
นพิ นธท์ ท่ี รงเรยี บเรยี ง เน้ือหาจากคาํ สอนในเรอ่ื งดงั กลา่ ว

เรอื่ งที่ 58: ภมู ิศาสตรก์ บั วิถีชีวิตไทย
เสดจ็ ฯ ไปทรงเปิดการสมั มนาเรอ่ื ง “ภมู ศิ าสตรก์ บั วถิ ชี วี ติ ไทย” และไดท้ รงปาฐกถาพเิ ศษเรอ่ื ง
“ภูมศิ าสตรก์ บั วถิ ชี วี ติ ไทย” ณ ศนู ยม์ านุษยวทิ ยาสริ นิ ธร (องคก์ ารมหาชน) เขตตลงิ่ ชนั
กรงุ เทพมหานคร เมอ่ื วนั ท่ี 12 กนั ยายน 2543 ศนู ยม์ านุษยวทิ ยาสริ นิ ธรไดจ้ ดั สมั มนาขน้ึ
ระหวา่ งวนั ท่ี 12-14 กนั ยายน 2543 เพอ่ื เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยาม
บรมราชกมุ ารี องคท์ ป่ี รกึ ษาคณะกรรมการบรหิ ารศนู ยฯ์ ในวโรกาสวนั คลา้ ยวนั พระราชสมภพ
2 เมษายน 2543

เรอื่ งที่ 59: วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม
จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ไดจ้ ดั การแสดงปาฐกถาชดุ สริ นิ ธรขน้ึ เป็นประจาํ ทกุ ปี เพอ่ื สนอง
วตั ถุประสงคเ์ งนิ ทนุ เฉลมิ ฉลองสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในการทาํ นุ
บาํ รงุ สง่ เสรมิ ถ่ายทอดความรเู้ กย่ี วกบั อารยธรรมของชนชาวไทย โดยสมเดจ็ พระเทพ
รตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี รบั เป็นองคท์ ป่ี รกึ ษากติ ตมิ ศกั ดใิ์ นคณะกรรมการบรหิ าร
เงนิ ทนุ รวมทงั้ เสดจ็ ฯ ทรงฟงั ปาฐกถา โดยผทู้ รงคุณวุฒใิ นสาขาต่างๆ ทอ่ี ยใู่ นความสนพระ
ราชหฤทยั นอกจากน้ียงั ไดจ้ ดั พมิ พป์ าฐกถาเป็นหนงั สอื ออกเผยแพรท่ กุ ปี การแสดงปาฐกถา
ครงั้ แรกทรงพระราชทานปาฐกถา เรอ่ื ง “วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม” เป็นประเดมิ ณ หอประชมุ
จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั เมอ่ื วนั ท่ี 26 มนี าคม 2525

เรอ่ื งท่ี 60: สมเดจ็ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี กบั พระราชกรณียกิจพระราชจริยา
วตั รดา้ นการศกึ ษา
เน่ืองในวโรกาสเฉลมิ ฉลอง 100 ปี วนั คลา้ ยวนั พระราชสมภพสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราช
ชนนี มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ไดจ้ ดั งานวชิ าการ “วนั สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกมุ าร”ี ครงั้ ท่ี 14 ประจาํ ปี 2543 โดยจดั นทิ รรศการเพอ่ื เผยแพรผ่ ลงานทาง
วชิ าการของสถาบนั ภายใตห้ วั ขอ้ “100 ปี สมเดจ็ ย่า” เมอ่ื วนั ท่ี 21 พฤศจกิ ายน 2543 ในการน้ี
สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงพระกรณุ าพระราชทานคาํ บรรยายเรอ่ื ง
“สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี กบั พระราชกรณยี กจิ พระราชจรยิ าวตั รดา้ นการศกึ ษา”
โดยเน้อื หาสาระทท่ี รงบรรยายแสดงใหเ้ หน็ ถงึ พระวริ ยิ ะ พระอตุ สาหะ และพระปณิธานอนั แน่ว
แน่ของสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี ในการทรงงานดว้ ยอดุ มการณ์ “การศกึ ษาเพอ่ื
ทุกคน”

ทม่ี า:
1. “หนงั สอื พระราชนพิ นธใ์ นสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี สาํ หรบั อา่ น-บนั ทกึ เป็นหนงั สอื เสยี งเพอื่ ผู้
พกิ ารทางสายตา” จากเวบ็ ไซตส์ าํ นกั หอสมดุ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
(http://main.library.tu.ac.th/km/?page_id=9438)
2. “เทพรตั น์มณีสาร รอ้ ยตระการรอ้ ยแสงแห่งศาสตรศ์ ลิ ป์” รวมพระราชนพิ นธใ์ นสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ซง่ึ ทรง
พระกรณุ าพระราชทานพระราชานุญาตให้ บรษิ ทั นานมบี คุ๊ ส์ จาํ กดั จดั พมิ พ์


Click to View FlipBook Version