The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความรู้เรื่องโรคไวรัสโควิด19
ไวรัสโคโรนา หรือไควิด-19 คืออะไร ?
ไวัรัสโคโรนา (Coronavirus) เป็นไวรัสที่ถูกพบครั้งแรกในปี 1960 แต่ยังไม่ทราบแหล่งที่มาอย่างชัดเจนว่ามาจากที่ใด แต่เป็นไวรัสที่สามารถติดเชื้อได้ทั้งในมนุษย์และสัตว์ ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดหนักทั่วโลกตอนนี้เป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน คือ สายพันธุ์ที่ 7 จึงถูกเรียกว่าเป็น “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” และในภายหลังถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “โควิด-19” (COVID-19) นั่นเอง ดังนั้น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และไวรัสโควิด-19 จึงหมายถึงไวรัสชนิดเดียวกัน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ความรู้เรื่องโรคไวรัสโควิด19

ความรู้เรื่องโรคไวรัสโควิด19
ไวรัสโคโรนา หรือไควิด-19 คืออะไร ?
ไวัรัสโคโรนา (Coronavirus) เป็นไวรัสที่ถูกพบครั้งแรกในปี 1960 แต่ยังไม่ทราบแหล่งที่มาอย่างชัดเจนว่ามาจากที่ใด แต่เป็นไวรัสที่สามารถติดเชื้อได้ทั้งในมนุษย์และสัตว์ ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดหนักทั่วโลกตอนนี้เป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน คือ สายพันธุ์ที่ 7 จึงถูกเรียกว่าเป็น “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” และในภายหลังถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “โควิด-19” (COVID-19) นั่นเอง ดังนั้น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และไวรัสโควิด-19 จึงหมายถึงไวรัสชนิดเดียวกัน

Keywords: วรัสโคโรนา หรือไควิด-19 คืออะไร ?

ความรเู้ บ้ืองตน้
“ไวรสั โคโรน่า” หรอื ” โควิด-19

จดั ทาโดย
หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอเชียงมว่ น
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเชียงมว่ น

จงั หวดั พะเยา

สถานการณข์ องโรคระบาดทีม่ ชี ื่ออยู่โลกออนไลนต์ ลอดทุกวัน และยงั ไม่มที ีท่าว่าจะดขี นึ้ อย่าง
“ไวรัสโคโรนา” หรอื “โควิด-19” ทาให้ใครหลายคนเป็นกงั วล และคอยตดิ ตามข่าวสารกันอยู่ตลอดถึง
จานวนผตู้ ดิ เช้อื อัตราการเสยี ชวี ิต รวมไปถึงการปอ้ งกันตวั เองใหร้ อดพ้นจากการตดิ เช้อื อันตรายน้ี

ไวรสั โคโรนา หรอื ไควิด-19 คืออะไร ?
ไวรั สั โคโรนา (Coronavirus) เป็นไวรสั ท่ีถูกพบครั้งแรกในปี 1960 แตย่ ังไม่ทราบแหลง่ ทมี่ าอยา่ ง
ชัดเจนว่ามาจากทใ่ี ด แต่เปน็ ไวรัสท่สี ามารถตดิ เช้อื ไดท้ งั้ ในมนุษย์และสตั ว์ ปัจจุบันมีการคน้ พบไวรสั สาย
พันธ์นุ แี้ ลว้ ท้ังหมด 6 สายพนั ธ์ุ ส่วนสายพันธท์ุ ีก่ าลังแพร่ระบาดหนักท่ัวโลกตอนนีเ้ ปน็ สายพันธท์ุ ่ียังไมเ่ คย
พบมากอ่ น คอื สายพันธ์ทุ ี่ 7 จึงถูกเรยี กวา่ เป็น “ไวรัสโคโรนาสายพนั ธ์ุใหม่” และในภายหลังถกู ตง้ั ชือ่ อยา่ ง
เปน็ ทางการวา่ “โควิด-19” (COVID-19) นัน่ เอง ดงั นัน้ ไวรัสโคโรนาสายพนั ธุใ์ หม่ และไวรัสโควดิ - 19 จงึ
หมายถึงไวรัสชนิดเดยี วกนั

ไวรสั โคโรนาสายพันธใุ์ หม่ หรือไวรัสโควิด-19 มาจากไหน ?

ไวรสั โคโรนาสายพันธใุ์ หม่ หรอื ไวรสั โควดิ -19 แรกเรม่ิ เดิมทีถกู คน้ พบจากสัตวก์ อ่ น โดยเปน็ สัตว์
ทะเลท่ีมกี ารตดิ เชือ้ ไวรสั นแี้ ล้วคนทีอ่ ยใู่ กล้ คลกุ คลีกบั สัตวเ์ หลา่ นก้ี ็ติดเช้อื ไวรัสมาอกี ที โดยเรม่ิ จากเมืองอู่
ฮ่ัน ประเทศจนี โดยมขี อ้ สงสัยว่ามาจากตลาดที่ค้าขายสตั ว์ทะเล และสัตวห์ ายากเหล่านี้

อาการเม่ือตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนาสายพนั ธุ์ใหม่ หรือไวรสั โควิด-19
อาการไวรัสโควิด-19 ท่ีสังเกตได้งา่ ย ๆ ด้วยตัวเองมี 5 อาการหลัก ๆ ด้วยกัน ดังนี้
1.มีไข้
2.เจ็บคอ
3.ไอแห้ง ๆ
4.น้ามูกไหล
5.หายใจเหนือ่ ยหอบ
ทางดา้ นแพทย์อาจจะตรวจสอบเพิม่ เติมดว้ ยการเอกซ์เรย์ปอด แล้วพบวา่ ปอดบวมอกั เสบรว่ มดว้ ย
หากมอี าการหนกั มาก ๆ (พบว่าตดิ เชือ้ ในระยะหลัง ๆ แล้ว) อาจอันตรายถึงอวยั วะภายในตา่ ง ๆ ลม้ เหลว

กลุ่มเสยี่ งตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนาสายพนั ธุใ์ หม่ หรือไวรสั โควดิ -19
1.เด็กเลก็
2.วัยกลางคนจนถงึ กลุ่มผสู้ งู อายุ
3.คนทีม่ ีโรคประจาตวั อยู่แล้ว เช่น โรคหวั ใจ เบาหวาน โรคปอดเรอื้ รัง
4.คนทก่ี ินยากดภมู ิต้านทานโรคอยู่
5.ผู้ทีเ่ ดินทางไปในประเทศเส่ยี งตดิ เชื้อ เช่น จีน เกาหลีใต้ ญ่ีป่นุ ไตห้ วัน ฮอ่ งกง มาเก๊า สงิ คโปร์

มาเลเซีย เวยี ดนาม อิตาลี อิหร่าน ฯลฯ
6.ผทู้ ี่ตอ้ งทางาน หรือรักษาผ้ปู ว่ ย ตดิ เชือ้ ไวรัสโคโรนาสายพนั ธใ์ุ หม่ หรือไวรัสโควิด-19 อยา่ งใกล้ชิด
7.ผู้ท่ที าอาชีพท่ีตอ้ งพบปะชาวตา่ งชาตจิ านวนมาก เช่น คนขับแท็กซ่ี เจ้าหนา้ ทใี่ นโรงพยาบาล

ลูกเรือสายการบนิ ต่าง ๆ เป็นต้น

หากมอี าการโควิด 19 ควรทาอย่างไร ?
หากมีอาการของโรคทเี่ กดิ ข้นึ ตาม 5 ขอ้ ดังกล่าว ควรพบแพทยเ์ พื่อทาการตรวจอยา่ งละเอยี ด และ

เมอื่ แพทย์ซกั ถามควรตอบตามความเป็นจริง ไม่ปิดบงั ไมบ่ ดิ เบือนข้อมูลใด ๆ เพราะจะเปน็ ประโยชนต์ ่อ
การวินิจฉยั โรคอย่างถูกต้องมากทีส่ ุด หากเพง่ิ เดินทางกลบั จากพ้นื ที่เสี่ยง ควรกกั ตัวเองอยู่แตใ่ นบา้ น ไม่
ออกไปข้างนอกเปน็ เวลา 14-27 วนั เพื่อใหผ้ ่านชว่ งเชือ้ ฟักตวั (ให้แน่ใจจรงิ ๆ วา่ ไม่ติดเช้ือ)

วธิ ปี อ้ งกนั การตดิ เชือ้ ไวรัสโคโรนาสายพนั ธุใ์ หม่ หรือไวรสั โควดิ -19
1.หลกี เล่ยี งการใกล้ชิดกับผู้ป่วยท่มี ีอาการไอ จาม นา้ มกู ไหล เหนือ่ ยหอบ เจบ็ คอ
2.หลีกเล่ียงการเดินทางไปในพ้นื ท่เี ส่ียง
3.สวมหน้ากากอนามัยทกุ ครง้ั เม่ืออยู่ในท่สี าธารณะ
4.ระมดั ระวงั การสมั ผสั พนื้ ผวิ ท่ไี ม่สะอาด และอาจมเี ชอื้ โรคเกาะอยู่ รวมถงึ ส่งิ ทม่ี คี นจับบ่อยคร้ัง

เชน่ ท่ีจับบน BTS, MRT, Airport Link ท่เี ปิด-ปิดประตใู นรถ กลอนประตตู ่าง ๆ ก๊อกนา้ ราวบนั ได ฯลฯ
เมือ่ จบั แล้วอย่าเอามือสมั ผสั หน้า และข้าวของเครอ่ื งใช้ส่วนตวั ตา่ ง ๆ เชน่ โทรศพั ท์มอื ถือ กระเปา๋ ฯลฯ

5.ล้างมือให้สมา่ เสมอด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอลเ์ จลอยา่ งนอ้ ย 20 วินาที ความเขม้ ข้นของแอลกอฮอล์
ไมต่ ่ากวา่ 70% (ไมผ่ สมนา้ )

6.งดจบั ตา จมูก ปากขณะทไ่ี ม่ไดล้ า้ งมอื
7.หลีกเล่ยี งการใกลช้ ิด สัมผัสสตั ว์ต่าง ๆ โดยท่ีไมม่ ีการปอ้ งกนั
8.รับประทานอาหารสกุ สะอาด ใชช้ อ้ นกลาง ไม่ทานอาหารที่ทาจากสัตวห์ ายาก
9.สาหรบั บคุ ลากรทางการแพทย์หรือผทู้ ี่ตอ้ งดูแลผูป้ ว่ ยท่ีติดเช้ือไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ หรือไวรสั
โควิด-19 โดยตรง ควรใส่หนา้ กากอนามยั หรือใส่แวน่ ตานิรภยั เพือ่ ป้องกันเช้ือในละอองฝอยจากเสมหะ
หรอื สารคดั หลง่ั เข้าตา

ขอขอบคุณ

ข้อมลู :อ. พญ.รพีพรรณ รตั นวงศ์นรา มอร์ด สาขาวิชาโรคติดเชือ้ ภาควิชาอายรุ ศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
โรงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล











































เนือ่ งจากการเกิด โรคไวรัสโคโรนา่ นอกจากหน้ากากอนามยั จะขาดตลาดแล้ว เจลล้างมือในบางพน้ิ ที่กข็ าดตลาดตามไป
ดว้ ย ในบทความน้ี รวมสตู ร วิธีทาเจลล้างมอื ฆา่ เชอื้ โรคด้วยตนเองง่าย ๆ มาฝาก มที ้ังสูตรแบบมาตราฐาน, สูตร
สาหรับสานักงานใหญ่ ๆ ท่ีมคี นเยอะ ๆ และสตู รทใ่ี ชส้ ว่ นผสมง่าย ๆ

1. เจลล้างมอื สตู รแบบมาตรฐาน

เจลลา้ งมอื สูตรแบบมาตราฐาน มีแอลกอฮอล์เปน็ ส่วนผสมอยู่ 70% มปี ระสิทธิภาพกาจดั เชื้อจลุ นิ ทรยี ์ได้ดี และ
ชว่ ยใหม้ ืออ่อนนุ่มชุ่มชน้ื ไมแ่ ห้งตงึ

ส่วนประกอบ
สาหรบั เจลแอลกอฮอล์ 500 มิลลิลิตร มดี ังน้ี
1. คารโ์ บพอล 940 (Carbopol 940) 1.5 กรัม
2. เอทลิ แอลกอฮอล์ 95% (Ethyl alcohol 95%) 370 มิลลิลิตร
3. ไตรเอทาโนลามีน (Triethanolamine) 1.5 กรมั
4. นา้ อาร์โอ (Reverse osmosis: RO) หรอื นา้ ดมื่ บรรจุขวดทัว่ ไปทร่ี ะบุวา่ ผา่ นการ Reverse osmosis 128
มิลลิลิตร
5. เจอร์มาเบน (Germaben) 5 มลิ ลลิ ิตร
6. โพรไพลนี ไกลคอล (Propylene glycol) 5 มลิ ลลิ ติ ร
7. สผี สมอาหาร, น้าหอม หรอื น้ามนั หอมระเหย
8.

วธิ ีทา

1. ตวงเอทิลแอลกอฮอล์ 95% ผสมกบั นา้ อาร์โอ (ทาในภาชนะแก้ว, แสตนเลส หรอื กระเบ้ืองเคลือบ)
2. เติมโพรไพลนี ไกลคอล (สารใหค้ วามชุ่มช้ืนแก่ผิว) และเจอร์มาเบน (สารป้องกนั การเกิดเช้อื รา) ตามลงไป แลว้

คนให้เข้ากัน
3. คอ่ ย ๆ โปรยคารโ์ บพอล 940 (สารประกอบใหเ้ กิดเจล) ลงไป และกวนใหก้ ระจายตัวในสว่ นผสม (อาจใชแ้ ทง่

แก้วหรอื เครือ่ งกวนขนม) จากนั้นพักทิ้งไว้ 1 คนื เพื่อใหค้ ารโ์ บพอลเกดิ การพองตวั
4. นาส่วนผสมท่พี กั ท้งิ ไว้ 1 คืน มากวนใหเ้ ปน็ เนอื้ เดยี วกัน
5. เติมสแี ละกลิ่นตามความพงึ พอใจอยา่ งละประมาณไม่เกนิ 5 มลิ ลลิ ิตร
6. ใสไ่ ตรเอทาโนลามีน (สารประกอบให้เกดิ เจล) ลงไปและกวนใหเ้ ข้ากัน
ทาตามสตู รน้กี ็จะไดเ้ จลแอลกอฮอล์ลา้ งมอื ทสี่ ามารถนาไปใชไ้ ดท้ นั ที สามารถเก็บไวใ้ ช้ไดน้ านกว่า 2 ปี ตัวเจล

แนะนาควรใสบ่ รรจุในภาชนะปดิ สนทิ เพอ่ื ปอ้ งกันการระเหยของแอลกอฮอล์

2. เจลลา้ งมือ สาหรับสานักงานขนาดใหญ่
กรณที ีต่ ้องการใช้ เจลล้างมือ ชนดิ ไม่ใชน้ ้าในปริมาณมาก เชน่ สมาชิกครอบครัวขนาดใหญ่ หรือสานกั งาน

และโรงงานที่มคี นงานจานวนมาก เพ่ือเปน็ การประหยัดและปอ้ งกนั การติดเชอ้ื โรคโคโรนา่
เตรียมอปุ กรณ์ สารเคมี ดงั น้ี

 อปุ กรณ์ ได้แก่ ถัง หม้อสแตนเลส หรือพลาสติก ขนาดบรรจุ 1.5 ลติ ร, ไมพ้ าย และถว้ ยตวงขนาดบรรจุ 1 ลิตร
(1,000 มล.)

 สารเคมี ไดแ้ ก่ เอธลิ แอลกอฮอล์ ปริมาณ 740 มล. กลเี ซอรีน 10 มล. น้า 245 มล. นา้ หอม 5 มล.

วิธเี ตรียมสารละลายน้าหอม

1. ตวงเอธิลแอลกอฮอล์ ปรมิ าณ 40 มล. โดยใช้ถ้วยตวง
2. เติมนา้ หอม ปริมาณ 5 มล.
3. เตมิ กลเี ซอรนี ปริมาณ 10 มล.
4. กวนดว้ ยพายจนสารผสมเข้ากนั ดี จนไดส้ ารละลายใส ๆ

วิธีการผสมผลิตภณั ฑ์

 นาเอธิลแอลกอฮอล์ท่เี หลอื ปรมิ าณ 700 มล. ใสใ่ นถงั หม้อสแตนเลส หรือพลาสตกิ ขนาดบรรจุ 1.5 ลิตร
 จากน้นั เตมิ สารละลายน้าหอมที่เตรยี มไวล้ งไป
 กวนด้วยพายจนสารผสมเข้ากนั ดี
 เตมิ นา้ ปรมิ าณ 245 มล. ลงไป กวนดว้ ยพายจนสารผสมเข้ากันได้

3. สตู รเจลลา้ งมือแบบงา่ ย ๆ
สูตรน้ีจะช่วยใหม้ ีความช่มุ ชืน้ กบั มือมากกวา่ ใช้แอลกอฮอล์แบบเพยี วๆ

1. เจลว่านหางจระเข้ (ท่หี าซอ้ื ได้ทัว่ ไปตามรา้ นสะดวกซื้อหรือซุปเปอรม์ าเก็ต)
2. แอลกอฮอล์นา้ สามารถหาซ้อื ไดต้ ามร้านขายยาทั่วไป
3. ขวดปม้ั สาหรบั ใสเ่ จล

วธิ ที า
 ผสมเจลวา่ นหางจระเขก้ บั แอลกอฮอลน์ า้ ในอัตรา 2:1 ใสใ่ นภาชนะ
 จากนนั้ คนสว่ นผสมให้เข้ากัน สามารถใชท้ ามอื ไดท้ ันทีหลังทาเสรจ็

ท่มี า : นายอรรคชัย ตนั ตราวงศ์ นกั วิชาการ ฝ่ายเภสัชและผลติ ภัณฑ์ธรรมชาติ, นพ.พิพัฒน์ ย่งิ เสรี เลขาธิการ
คณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอเชียงมว่ น
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเชียงมว่ น

จงั หวดั พะเยา


Click to View FlipBook Version