เมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวกลยุทธ์ “Happiness Reinvented : เพราะความสุขคือทุกอย่าง… ร่วมสร้างความสุข สไตล์คุณไปกับเมืองไทยประกันชีวิต” เน้นเดินหน้าสานต่อความ มุ่งมั่นในการสร้างความสุขให้แก่ทุก ๆ คน ทั้งลูกค้า พนักงาน พาร์ทเนอร์ และสังคมโดยรวม ผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ความคุ้มครองสุขภาพ การบริการอื่น ๆ เพื่อส่งมอบความสุขแบบ ครบวงจรอย่างแท้จริง นายสาระ ล�่ำซ�ำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทย ประกันชีวิต จ�ำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า ในปี 2565 ถือเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายที่หลากหลาย บริษัทมีผล การด�ำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยอัตราการเติบโตของ เจาะลึกโลจิสติกส์ ไอที พลังงาน ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ การค้า ประกัน ยานยนต์ fb : Transport Journal Newspaper / www.trjournalnews.com ปีที่ 24 ฉบับที่ 918 • ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566 Page 12 เปิดตัว ‘FUCHS TITAN GT1 FLEX C23’ พร้อมรุกตลาดน�้ ามัน หล่อลื่นเมืองไทยเต็มก�าลัง! MTL เปิดกลยุทธ์ ‘Happiness Reinvented’ SCG Logistics ขยายโลจิสติกส์ในฟิลิปปินส์ ผนึก Royal Cargo Inc. ตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จ�ำกัด ผู้น�ำด้าน โลจิสติกส์ของไทย และ บริษัท รอยัล คาร์โก จ�ำกัด ผู้ให้บริการ ด้านโลจิสติกส์ครบวงจรของฟิลิปปินส์ ได้ลงนาม ในสัญญาร่วมทุน (Joint Venture Agreement) ของ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ ฟิลิปปินส์ จ�ำกัด ตั้งเป้ายอดขาย 154 ล้านบาท ภายในปี 2570 ส�ำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย มีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่ต้องการยกระดับสู่ผู้ให้ บริการด้านโลจิสติกส์อันดับหนึ่งของอาเซียน (Third party logistics service provider-3PLs) และให้บริการแบบ ‘ประเทศไทย’ ก้าวไปข้างหน้า ไร้รอยต่อ & มุ่งสู่โลกสีเขียว Page 5 ปีที่ 23rd หนังสือพิมพ์ ทรานสปอร์ต เจอร์นัล WHA อัดงบลงทุน 6.85 หมื่นล้านบาท เดินหน้า Green Logistics น�าร่องรถ EV TRUCK “Transport Journal” ก้าวสู่ปีที 26 “ศักดิ่สยาม” เปิดงานสัมมนา Seminar By Transport ์ Journal หัวข้อ “THAILAND SEAMLESS: MOVING FORWARD & GO GREEN” ประเทศไทย ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้รอยต่อ มุ่งสู่โลกสีเขียว และกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ มิติใหม่ “คมนาคม” ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้รอยต่อ กางแผนลุยโปรเจ็กต์ “บก-น�า้-ราง-อากาศ” เชือมโยงโครงข่ายไทย-นานาประเทศ เพิ่ ่ มขีดความสามารถ การแข่งขัน ดันมูลค่าเศรษฐกิจของประเทศ จรีพร จารุกรสกุล สาระ ล�่ าซ�า ศักดิ์ สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อ่านต่อหน้า...2 ความคุ้มครองที่ตรงใจ-เข้าถึงง่าย-ออกแบบได้เอง อ่านต่อหน้า...2 ณัฐพงศ์ อัศวทองกุล บรรณ เกษมทรัพย์ อ่านต่อหน้า...2
2 ‘มิติใหม่ คมนาคม’ ข่าวต่อ ต่อจากหน้า...1 กองบรรณาธิการ สารจาก ที่ผ่านมามีผู้เชี่ยวชาญหลายวงการได้สะท้อนถึงมุมมอง ของเศรษฐกิจปีนี้ มาดูมุมมองของผู้บริหารโลจิสติกส์กันบ้างว่า มีแนวคิดอย่างไร โดยผู้บริหารสายโลจิสติกส์เกือบ 70% ทั่วโลก มองว่า ก�ำลังเตรียมพร้อมรับมือภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยาม ที่ต้นทุนสูงขึ้น อุปสงค์ชะลอตัว และการหยุดชะงักของห่วงโซ่ อุปทาน ซึ่งเป็นผลจากการที่ประเทศจีนพยายามคุมโควิด-19 สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และผลกระทบจากการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 90% จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทั้งหมด 750 ราย ที่ตอบแบบส�ำรวจประกอบการจัดท�ำดัชนีโลจิสติกส์ตลาด เกิดใหม่ประจ�ำปี 2566 ของอจิลิตี้ (2023 Agility Emerging Markets Logistics Index) ยังกล่าวว่า ค่าขนส่ง การจัดเก็บ มุมมองโลจิสติกส์โลก กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และโอมาน เสนอเงื่อนไขทางธุรกิจที่ดีที่สุด อีกครั้ง ส่วนประเทศมาเลเซียซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดส�ำหรับ ธุรกิจเป็นอันดับที่ 4 เป็นประเทศนอกอ่าวเพียงแห่งเดียวใน 5 อันดับแรก ประเทศจีนและอินเดียเป็นผู้น�ำด้านโลจิสติกส์ในประเทศ และระหว่างประเทศ โดยประเทศอินเดียพุ่งขึ้น 4 อันดับ สู่อันดับ 1 ในด้านความพร้อมด้านดิจิทัล ตามมาด้วยประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ จีน มาเลเซีย และกาตาร์ ยิ่งไปกว่านั้น การจัดอันดับครั้งนี้มีความผันผวนมากกว่า ดัชนีปีก่อน ๆ โดยความขัดแย้ง การคว�่ำบาตร ความวุ่นวาย ทางการเมือง ข้อผิดพลาดทางเศรษฐกิจ และผลกระทบจาก การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีมาต่อเนื่อง ท�ำให้ความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศยูเครน อิหร่าน รัสเซีย โคลอมเบีย ปารากวัย และประเทศอื่น ๆ เสียหาย อย่างไรก็ดี ประเทศ บังกลาเทศ ปากีสถาน จอร์แดน ศรีลังกา และกานา อยู่ในกลุ่ม ประเทศที่มีความก้าวหน้าในบางหมวด ความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายสุทธิเป็นศูนย์ ผู้บริหารด้าน โลจิสติกส์ 53% กล่าวว่า บริษัทของพวกเขามุ่งมั่นที่จะปล่อย มลพิษสุทธิเป็นศูนย์ และอีก 6.1% กล่าวว่าธุรกิจของพวกเขา บรรลุเป้าหมายสุทธิเป็นศูนย์แล้ว ตลาดเกิดใหม่ ผู้บริหาร 55% กล่าวว่า พวกเขาจะรุก มากขึ้นในการขยายตลาดและลงทุนในตลาดเกิดใหม่ หรือ วางแผนที่มีอยู่ไว้ตามเดิม แม้จะมีความกังวลว่าจะเกิดภาวะ เศรษฐกิจถดถอย การรับจัดส่งสินค้าโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ผู้ตอบ แบบสอบถามกล่าวว่า ข้อได้เปรียบที่ส�ำคัญที่สุดคือการติดตาม และการมองเห็นที่ดีขึ้น ส่วนข้อเสียที่ส�ำคัญที่สุดคือการจัดการ ข้อผิดพลาด/ข้อยกเว้น จอห์น แมนเนอร์ส-เบลล์ (John Manners-Bell) ประธานบริหารของทรานสปอร์ต อินเทลลิเจนซ์ สะท้อนว่า ความท้าทายที่ประเทศตลาดเกิดใหม่เผชิญในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องที่กล่าวเกินจริงไม่ได้ ความตึงเครียดด้าน ภูมิรัฐศาสตร์ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเงินและ ผลกระทบที่ยืดเยื้อของการระบาดใหญ่ ได้สร้างสภาพแวดล้อม ทางธุรกิจและการลงทุนที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น บทบาทของดัชนี โลจิสติกส์ตลาดเกิดใหม่จากอจิลิตี้ในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ภูมิทัศน์ของสภาพแวดล้อมที่ผันผวนและไม่แน่นอนนั้น มีความส�ำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา และค่าโลจิสติกส์อื่น ๆ ยังคงสูงกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาด ในช่วงต้นปี 2563 การส�ำรวจความคิดเห็นและดัชนีดังกล่าวสะท้อนภาพรวม ความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมและจัดอันดับตลาดเกิดใหม่ชั้นน�ำ 50 แห่งของโลก ซึ่งอจิลิตี้ด�ำเนินการมาเป็นปีที่ 14 แล้ว ดัชนีนี้ จัดอันดับประเทศต่าง ๆ ตามความสามารถในการแข่งขันในภาพรวม โดยพิจารณาจากจุดแข็งด้านโลจิสติกส์ บรรยากาศทางธุรกิจ และความพร้อมด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นปัจจัยที่ท�ำให้ประเทศเหล่านี้ มีความน่าสนใจส�ำหรับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ บริษัทขนส่งสินค้า ผู้ให้บริการขนส่งทางอากาศและทางทะเล ผู้กระจายสินค้า และ นักลงทุน ประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครองอันดับที่ 1 และ 2 ในการจัดอันดับโดยรวม ตามมาด้วย ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ ไทย เม็กซิโก และเวียดนาม ใน 10 อันดับแรก ส่วนประเทศ ตุรกีอยู่ที่อันดับ 10 ในปี 2565 หล่นมาอยู่ที่ 11 ส�ำหรับอันดับที่ 24 ประเทศแอฟริกาใต้ และอันดับที่ 25 คือ ประเทศเคนยา ได้อันดับ สูงสุดในกลุ่มประเทศแอฟริกาใต้สะฮารา ประเทศแถบอ่าวอาหรับ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน เปิดงานสัมมนา Seminar By Transport Journal หัวข้อ “THAILAND SEAMLESS : MOVING FORWARD & GO GREEN” ประเทศไทย ก้าวไป ข้างหน้าอย่างไร้รอยต่อ มุ่งสู่โลกสีเขียว และกล่าว ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ มิติใหม่ “คมนาคม” ก้าวไป ข้างหน้าอย่างไร้รอยต่อ ในโอกาสหนังสือพิมพ์ Transport Journal ครบรอบปีที่ 25 ก้าวสู่ปีที่ 26 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 ที่ผ่านมาว่า จากนโยบาย ภายใต้การน�ำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มุ่งมั่นพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งให้ ครอบคลุมทุกพื้นที่ และสามารถเชื่อมโยงการเดินทาง ได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของ ประชาชนให้สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ ได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในหลาย มิติไปพร้อม ๆ กัน ทั้งทางถนน ราง น�้ำ และอากาศ เพื่อให้โครงข่ายคมนาคมครอบคลุม เชื่อมต่อ เชื่อมโยง กับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ ก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อคนไทย พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มต่อเศรษฐกิจ ในภาพรวมของประเทศ โดยกระทรวงคมนาคมมีแผน ที่จะลงทุนในอนาคตทั้งแผนระยะกลางและระยะยาว เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยมีความพร้อมสามารถ แข่งขันได้ในเวทีโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชน ได้รับการบริการที่มีความสะดวก รวดเร็ว ตรงเวลา ราคาสมเหตุสมผล และสามารถเข้าถึงการบริการ ได้ง่ายและเท่าเทียม รวมถึงรูปแบบการพัฒนาต้องเป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้ประกาศในการ ประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ว่า ประเทศไทยมีเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือน กระจกและเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) และจะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น ศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065 (พ.ศ. 2608) ด้วยเป้าหมาย ดังกล่าว กระทรวงคมนาคมจึงได้มุ่งมั่นพัฒนาระบบ ทางถนนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเร่งรัด การพัฒนาระบบขนส่งทางราง เพื่อให้เป็นรูปแบบ การเดินทางหลักส�ำหรับการเดินทางของประชาชน และการขนส่งสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ การขนส่งทางน�้ำ และการขยายท่าอากาศยาน ให้รองรับการเดินทางทางอากาศได้มากขึ้น นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคม ได้วางกรอบแนวทางการพัฒนาระบบการคมนาคม ของไทยไปสู่อนาคตให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ โดยมีโครงการส�ำคัญ ดังนี้ 1. โครงการแผนแม่บทการพัฒนา MR-Map ที่มุ่งเน้นการกระจายความเจริญไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยโครงข่าย MR-Map ประกอบด้วย โครงข่ายทางรถไฟและมอเตอร์เวย์ซึ่งมีการพัฒนา อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ส�ำหรับการออกแบบแนวเส้นทาง MR-Map จะเป็นแนวตรงเพื่อลดระยะเวลาการเดินทาง ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง ลดผลกระทบจากการเวนคืน ที่ดิน และลดการแบ่งแยกชุมชนออกเป็นสองฝั่ง 2. โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเล อ่าวไทย-อันดามัน (Land Bridge) ซึ่งเป็นหนึ่งในการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านคมนาคม เพื่อ บูรณาการรูปแบบการขนส่งเชื่อมโยงสองฝั่งทะเลเป็น แบบท่าเรือเดียวเชื่อม 2 ฝั่ง (One Port Two Sides) เบี้ยประกันภัยรับใหม่ที่ 10% และเบี้ยประกันสุขภาพ และโรคร้ายแรงที่ 7% โดยในปีที่ผ่านมา ส�ำหรับธุรกิจ ในภูมิภาค CLMV มีผลการด�ำเนินงานที่โดดเด่นอย่าง ต่อเนื่อง ในด้านความแข็งแกร่งและด้านเสถียรภาพ ทางด้านการเงิน บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่า เชื่อถือ (Rating) จาก S&P Global Ratings อยู่ที่ระดับ BBB+ โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ และจาก Fitch Ratings อยู่ที่ระดับ A- โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิต มีเสถียรภาพ และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน ภายในประเทศ (National IFS Rating) ที่ AAA(tha) โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งถือเป็น อันดับเครดิตในระดับประเทศที่สูงที่สุด และยังมีความ เพียงพอของเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดย สะท้อนจากอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนสูง กว่า 300% ณ สิ้นปี 2565 ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุน ที่ต้องด�ำรง ตามเกณฑ์ ที่ 140% นายสาระ กล่าวว่า ในปี 2566 นี้ ถือเป็นปีส�ำคัญ Seamless end to end logistics solution ในประเทศฟิลิปปินส์ ที่สามารถเชื่อมโยงการให้บริการ ที่ครอบคลุมและครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนและ จีนตอนใต้ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ ฟิลิปปินส์ จ�ำกัด ให้บริการน�ำเข้าและส่งออกสินค้า บริการพิธีการ ศุลกากร บริการขนส่งสินค้าภายในประเทศ บริการ บริหารคลังสินค้า บริการขนส่งสินค้าข้ามเกาะภายใน ประเทศ รวมถึงบริการให้ค�ำปรึกษาและวางแผน การขนส่ง เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการที่สนใจท�ำธุรกิจ น�ำเข้า-ส่งออกไปยังประเทศฟิลิปปินส์ ด้วย ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญทางด้านการเป็นผู้ให้ บริการโลจิสติกส์ รวมทั้งเป็นผู้น�ำในการน�ำเทคโนโลยี ดิจิทัลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ทางด้านโลจิสติกส์ จึงพร้อมด�ำเนินการโลจิสติกส์แบบ End-to-end solution เต็มรูปแบบ และก้าวสู่ ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์อันดับหนึ่งของอาเซียน (Third party logistics service provider-3PLs) โดยตั้งเป้ายอดขาย 154 ล้านบาท ภายในปี 2570 นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จ�ำกัด เปิดเผยว่า “การร่วมมือครั้งนี้เป็นอีกก้าวส�ำคัญในการ ขยายธุรกิจโลจิสติกส์ในฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะ บริษัท รอยัล คาร์โก จ�ำกัด เป็นบริษัทที่มีศักยภาพและ เครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง จะช่วยสร้างฐาน ธุรกิจที่เข้มแข็งในประเทศฟิลิปปินส์ได้อย่างดี โดย ในช่วงแรก บริษัทจะมุ่งเน้นการให้บริการในกลุ่มสินค้า วัสดุก่อสร้าง กลุ่มสินค้ากระดาษและบรรจุภัณฑ์ และ ขยายผลต่อไปยังกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค กลุ่มสินค้า อาหารแช่เย็นแช่แช่ง และกลุ่มสินค้าอื่น ๆ ต่อไป โดยเน้นบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High value added service)” Mr.Michael Kurt Raeuber ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ Royal Cargo กล่าวว่า “เรามีวิสัยทัศน์และแผนงานร่วมกันซึ่งเป็นโอกาส สร้างการเติบโต ขยายบริการทั่วอาเซียน รวมถึง ภูมิภาคออสเตรเลีย-อาเซียน โดยความร่วมมือ ระหว่าง SCG Logistics ร่วมกับ JWD Group และ Royal Cargo จะน�ำศักยภาพความเชี่ยวชาญของ แต่ละฝ่ายมาช่วยยกระดับการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น ความช�ำนาญในเรื่องบริการส�ำหรับสินค้าควบคุม อุณหภูมิ บริการส�ำหรับสินค้าอันตราย หรือบริการ น�ำเข้า-ส่งออก ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นอาวุธส�ำคัญ ที่จะท�ำให้เรากลายเป็นผู้น�ำด้านโลจิสติกส์และ ซัพพลายเชนในภูมิภาคนี้” และมีการน�ำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาช่วยในการด�ำเนิน การ เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ปัจจุบัน โครงการอยู่ระหว่างด�ำเนินการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และ วิเคราะห์รูปแบบโมเดลการลงทุน คาดว่าจะเสนอ คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการได้ภายใน เดือนมกราคม 2566 โดยตามแผนจะเริ่มก่อสร้าง ในปี 2568 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเปิด ให้บริการในปี 2573 3. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางถนน กระทรวงคมนาคมได้ด�ำเนินการตามนโยบายส�ำเร็จ เป็นรูปธรรมแล้ว อาทิ การปรับความเร็วสูงสุดบน ทางหลวงเป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเส้นทางที่ได้มาตรฐานตามที่กฎกระทรวงก�ำหนด ปัจจุบันได้เปิดใช้งานแล้ว 11 สายทาง ระยะทางรวม 218 กม. รวมทั้งการพัฒนาน�ำระบบ M-Flow มาใช้ ในการจัดเก็บค่าผ่านทาง โดยเป็นระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง อัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น ท�ำให้รถสามารถวิ่งผ่านด่าน ได้อย่างสะดวก คล่องตัว ไม่ต้องหยุดหรือชะลอรถ ช่วยแก้ปัญหารถติดบริเวณหน้าด่าน ปัจจุบันเปิด ใช้งานแล้ว 4 ด่าน บนมอเตอร์เวย์ M9 โดยการทางพิเศษ แห่งประเทศไทย (กทพ.) ก�ำลังขยายผลการพัฒนา ระบบเพื่อใช้กับด่านบนทางพิเศษอีก 3 ด่าน ซึ่งจะเปิด ให้บริการในปี 2566 นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงข่ายมอเตอร์เวย์ เชื่อมโยงภูมิภาค อาทิ มอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอินนครราชสีมา มอเตอร์เวย์ M81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก กรุงเทพฯ และมอเตอร์เวย์ M82 สายบางขุนเทียนเอกชัย-บ้านแพ้ว รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายถนนสายใหม่ เชื่อมโยงภูมิภาคและประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ สะพาน มิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิค�ำไซ) จังหวัดบึงกาฬ และถนนแนวใหม่เชื่อมศูนย์ซ่อม อากาศยาน-สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม และการพัฒนาโครงข่ายทางถนนมอเตอร์เวย์/ ทางพิเศษในอนาคต อาทิ ทางพิเศษฉลองรัช ส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ-วงแหวนรอบนอกพรุงเทพฯ รอบที่ 3 และทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น อีกทั้งยังมีแผนก่อสร้าง Missing Link เพื่อเติมเต็ม โครงข่ายทางถนนให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมท�ำให้ระบบ โลจิสติกส์ของประเทศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จากการพัฒนาโครงข่ายทางถนนแล้วเพื่อให้บรรลุ เป้าหมายของรัฐบาลในการลดการปล่อยก๊าซเรือน กระจก กระทรวงคมนาคมได้เริ่มให้บริการระบบขนส่ง สาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV Bus) ในหลายเส้นทาง ปัจจุบันมีรถโดยสารไฟฟ้าให้บริการ แล้วจ�ำนวน 318 คัน และภายในปี 2566 จะเพิ่มขึ้น เป็น 1,250 คัน 4. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคมมีนโยบายในการมุ่งส่งเสริม การปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากทางถนนไปสู่ ทางราง ทั้งการเดินทางในเมือง การเดินทางระหว่างเมือง และการขนส่งสินค้า โดยในปัจจุบันได้เปิดให้บริการ ระบบรถไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล แล้ว จ�ำนวน 11 สาย ระยะทางรวม 212 กม. อยู่ระหว่าง ก่อสร้าง จ�ำนวน 4 สาย ระยะทางรวม 114 กม. อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการลงทุน และจะเปิดประมูล อีก 4 สาย คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2574 ส�ำหรับอนาคตมีแผนด�ำเนินการเพิ่มเติมอีก 8 สาย อาทิ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดง การพัฒนารถไฟ ทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ช่วงลพบุรี- ปากน�้ำโพ และช่วงนครปฐม-ชุมพร รวมถึงโครงการ รถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม การพัฒนารถไฟ ความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย และรถไฟ ความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ- อู่ตะเภา) เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล เพิ่มความสะดวกในการเดินทางของ ประชาชน ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล แก้ไขปัญหา จราจร และปัญหามลพิษ 5. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางน�้ำ กระทรวงคมนาคมเร่งผลักดันการพัฒนาท่าเรือ และ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการขนส่งทางน�้ำ เพื่อเพิ่ม ขีดความสามารถของท่าเรือ อาทิ โครงการพัฒนา ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 การพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ ฝั่งตะวันตกเป็นท่าเรืออัตโนมัติ (Automated Container Terminal) การจัดตั้งสายการเดินเรือ แห่งชาติ โครงการจัดท�ำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเรือ ส�ำราญ (Marina) ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย และ โครงการเรือขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งกระทรวง คมนาคมได้ให้ความส�ำคัญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยได้ผลักดันการด�ำเนินงาน มาตั้งแต่ปี 2563 ปัจจุบันมีเรือโดยสารไฟฟ้าที่ให้บริการ อยู่จ�ำนวนทั้งสิ้น 51 ล�ำ และจะเพิ่มเป็น 69 ล�ำ ในปี 2566 6. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางอากาศ กระทรวงคมนาคมมีแผนในการเพิ่มศักยภาพโครงสร้าง พื้นฐานด้านคมนาคมทางอากาศให้มากขึ้น เพื่อรองรับ ปริมาณการเดินทางทางอากาศ และเพื่อให้ประเทศไทย ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประมาณการจ�ำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่ ประเทศไทยว่าจะมีสูงถึง 200 ล้านคน ในปี 2574 นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ในปีงบประมาณ 2566 กระทรวงคมนาคมมีวงเงินลงทุนทั้งในและ นอกงบประมาณภาคคมนาคมจ�ำนวน 124,839 ล้านบาท สามารถจ�ำแนกตามแหล่งเงินได้เป็น เงินงบประมาณ 35,396 ล้านบาท และเงินนอก งบประมาณ (รายได้รัฐวิสาหกิจ เงินกู้ และ PPP) จ�ำนวน 89,443 ล้านบาท ซึ่งจากแผนการลงทุน ตามแผนปี 2566 จะท�ำให้เกิดการจ้างงานและมีการ เติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการคมนาคมและ ขนส่งอย่างต่อเนื่อง เพิ่มศักยภาพให้เกิดการพัฒนา ระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน และยกระดับ โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เดินหน้า อย่างก้าวกระโดดต่อไป nique Health เมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจทุกความ ต้องการในแบบคุณ” อีกทั้งได้เปิดตัวแคมเปญ “A True Story” เพื่อสะท้อนถึงความส�ำคัญของ สุขภาพ และถ่ายทอดเรื่องราวด้านความคุ้มครอง สุขภาพจากเมืองไทยประกันชีวิต ที่ได้รับความไว้ วางใจและเชื่อมั่นจากลูกค้า ด้วยการเปิดมุมมอง และประสบการณ์จากลูกค้าตัวจริง ถึงการ ให้ความ ส�ำคัญต่อการเลือกซื้อความคุ้มครองสุขภาพ ในยุคที่ความเจ็บป่วยใกล้ตัวกว่าที่คิด และโรคอุบัติใหม่ ที่มาได้แบบไม่ทันตั้งตัว โดยรูปแบบการท�ำเสนอ ในซีซั่นนี้ จะเต็มไปด้วยความสนุก และเล่าเรื่องราว เจาะลึกแบบเป็นกันเองเหมือนทุกท่านมาบอกเล่า ประสบการณ์แบบ Exclusive ที่ไม่สามารถหาชม ที่ไหนได้ง่าย ๆ เพราะไม่ว่าจะอาชีพอะไร ไลฟ์สไตล์ แบบไหน …เมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจทุกความ ต้องการในแบบคุณ ของเมืองไทยประกันชีวิต ในการอยู่เคียงข้างสร้างรอยยิ้ม แก่คนไทยครบ 72 ปี พร้อมก�ำหนดทิศทางการด�ำเนินงาน ในปีนี้ของบริษัท ด้วยการตั้งเป้าหมายในการเป็นองค์กร ที่มุ่งเน้นการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่ผู้มีส่วน เกี่ยวข้อง ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและ ยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยการด�ำเนินกลยุทธ์ “Happiness Reinvented” เพราะความสุขคือทุกอย่าง…ร่วมสร้าง ความสุขสไตล์คุณไปกับเมืองไทยประกันชีวิต ประกาศ ปักธงเป็นอันดับหนึ่งในฐานะคู่คิดด้านชีวิตและสุขภาพ ที่ลูกค้าวางใจ (No.1 Most Trusted Life & Health Partner) ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรม ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค ครอบคลุม ทุกเพศทุกวัย ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกไลฟ์สไตล์ และ ทุกบทบาทของชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ เพื่อสร้างการเข้า ถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคน (Democratizing Insurance) โดยบริษัทมุ่งด�ำเนินงานผ่าน 4 แกนส�ำคัญ ได้แก่ บุคลากร (People) พาร์ทเนอร์ (Preferred Partner) ลูกค้า (Customers) และนอกเหนือจาก ลูกค้า (Beyond Our Customers) บริษัทมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาบุคลากร ในทุกมิติ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหัวใจส�ำคัญที่จะช่วย เชื่อมต่อการส่งมอบความสุขไปยังลูกค้า ผ่านการพัฒนา ในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การส่งเสริมวัฒนธรรม ที่เปิดกว้างทางความคิดและความหลากหลาย การพัฒนาทักษะรอบด้าน การปรับกระบวนการภายใน ให้มีความรวดเร็ว ความแม่นย�ำ และความสามารถ ในการรองรับการขยายตัวของธุรกิจ การมีพื้นที่ การท�ำงานที่ทันสมัยเพื่อรองรับการท�ำงานรูปแบบ Squad Team ไม่ว่าจะเป็นที่ศูนย์การเรียนรู้สรรค์สาระ The Garage และ 66 Tower นอกจากนี้บริษัทยังให้ความใส่ใจในการสร้าง ความสุขที่ยั่งยืนตลอดการท�ำงานและหลังการเกษียณ อายุไปแล้ว ผ่านกิจกรรมพัฒนาความรู้และสร้างเสริม ทักษะรอบด้านทั้ง สุขภาพ ความมั่งคั่ง ทักษะแห่ง อนาคต และทักษะอาชีพอื่น ๆ ให้กับพนักงานอย่าง ต่อเนื่อง เมืองไทยประกันชีวิต ยังมีที่ปรึกษาประกันชีวิต และพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งจากหลากหลายธุรกิจ (Preferred Partner) เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ได้อย่างแท้จริง (Democratizing Insurance) พร้อม สรรสร้างนวัตกรรมร่วมกับพาร์ทเนอร์ของบริษัทอย่าง ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริการลูกค้า ผ่าน แอปพลิเคชันและเครื่องมือดิจิทัลที่ล�้ำสมัย ระบบ กระบวนการท�ำงานอัตโนมัติ และทีมสนับสนุน ที่เชี่ยวชาญและมากความสามารถในด้านต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความสุขที่ยั่งยืนผ่าน สุขภาพที่ดีในทุกมิติ ทั้งทางกาย ทางใจ และทางการเงิน ให้กับลูกค้า เมืองไทยประกันชีวิตยังด�ำเนินงาน โดยยึดหลักการมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) และน�ำเสนอผลิตภัณฑ์และการบริการ ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ของชีวิตทุกคนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความคุ้มครอง สุขภาพ ความคุ้มครองโรคร้ายแรง ผลิตภัณฑ์ประกัน ชีวิตควบการลงทุน และแอปพลิเคชันด้านสุขภาพ อย่าง MTL Fit ที่เข้าถึงลูกค้าในแบบที่มีความ เฉพาะตัวได้มากยิ่งขึ้น (Personalization) อีกทั้งเน้น การสร้างความแตกต่าง และสามารถตอบโจทย์ความ ต้องการได้อย่างเข้าถึง เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน เพื่อให้ สอดรับกับพฤติกรรม และครอบคลุมกลุ่มลูกค้า ในทุกเพศ ทุกวัย นายสาระ กล่าวว่า เมืองไทยประกันชีวิต ได้ตอกย�้ำความมุ่งมั่นในการเข้าถึงและตอบโจทย์ ทุกความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มให้มากยิ่งขึ้น เพราะทุกคนมีความต้องการที่แตกต่าง “YOU- ‘เมืองไทยประกันชีวิต’ ข่าวต่อ ‘SCG Logistics’ ข่าวต่อ ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566
3 ส�ำหรับการเดินทางไปเที่ยว “ไทเป” ก็ไม่ได้ ยุ่งยากอย่างที่คิด โดยสายการบินไทยเวียตเจ็ท ที่เปิด ให้บริการบินตรงในเส้นทางจากกรุงเทพฯ (ท่าอากาศ สุวรรณภูมิ) - ไทเป (ท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวน) วันละ 1 เที่ยวบิน ทั้งนี้ เที่ยวบินดังกล่าวใช้เวลาท�ำการบิน 3 ชั่วโมง 45 นาที โดยประมาณ ส่วนตารางเที่ยวบิน ประกอบด้วย เส้นทางกรุงเทพฯ-ไทเป เที่ยวบิน VZ562 ออกเดินทางเวลา 10.05 น. ถึงปลายทางเวลา 14.40 น. ให้บริการวันจันทร์, อังคาร, พฤหัสบดี, ศุกร์, เสาร์, อาทิตย์ โดยในวันพุธ จะออกเดินทางเวลา 10.35 น. ถึง ปลายทางเวลา 15.10 น. ขณะที่เส้นทางไทเป-กรุงเทพฯ เที่ยวบิน VZ563 ออกเดินทางเวลา 15.40 น. ถึงปลายทางเวลา 18.35 น. ให้บริการวันจันทร์, อังคาร, พฤหัสบดี, ศุกร์, เสาร์, อาทิตย์ โดยในวันพุธ จะออกเดินทางเวลา 16.10 น. ถึง ปลายทางเวลา 19.05 น. บอกได้ค�ำเดียวว่า เป็นการเดินทางไปไทเปที่แสน จะง่ายดาย และสะดวกสบายมาก ๆ แถมการไปเที่ยว “ไต้หวัน” ตอนนี้ ก็ไม่ต้องกักตัว ไม่ต้องมีผลตรวจ โควิด-19 แล้ว ที่ส�ำคัญ ไม่ต้องมี “วีซ่า” ด้วย งานนี้ รีบแพ็คกระเป๋า หยิบ Passport แล้วเตรียมออกเดินทาง ไปท่อง “ไทเป” กันได้เลย! ถ้าทุกคนพร้อมกันแล้ว ไปเที่ยว “ไทเป” กัน … Let’s Go! เมื่อเครื่องบินแลนดิ้งสู่เมืองไทเปแล้ว ใครที่กังวล เรื่องการเดินทางในไทเป หายห่วงได้เลย เพราะที่นี่มีระบบ ขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม และเชื่อมต่อเป็นโครงข่าย ใครที่ก�าลังวางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ แต่ยังคิด ไม่ออกว่าจะไปไหนดี วันนี! จะพาเหินฟ้าไปเที้ยวกันที่ “ไทเป” ประเทศไต้หวัน่ อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ชื่นชอบของใครหลายคน ที่ไม่ได้มีดีแค่ “ชานมไข่มุก” แต่ที่นี่มีครบจบไว้รอต้อนรับแบบหน�าใจ ทั้งกิน เที่ยว ช้อปปิ้ง หรือใครจะหามุมชิค ๆ เช็คอิน ถ่ายรูป ก็มีพิกัดให้เลือกมากมาย บอกได้ค�าเดียวว่า ตืนตั่งแต่เช้า ออกเดินทางตระเวนเที้ยวทั่วเมืองไทเป่ จนถึงค�่ า ไม่มีค�าว่าน่าเบื่ออย่างแน่นอน บินสบายสู่ ‘ไทเป’ กับ ‘ไทยเวียตเจ็ท’ ‘กิน-เที ่ ยว-ช้อปปิ้ง’ ครบจบในที ่ เดียว << TRANSPORT >> ทั่วเมือง ทั้งรถไฟฟ้า รถโดยสาร รถแท็กซี่ หรือใครอยาก จะชิล ๆ เช่ารถจักรยานสาธารณะปั่นชมบรรยากาศ ก็ฟินไปอีกแบบ ส่วนการจ่ายค่าเดินทางของที่นี่ ก็ไม่ยุ่งยาก เพราะมีบัตรโดยสารให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบเติมเงิน (บัตร Easy Card และ iPass) ที่สามารถใช้ได้กับทุกระบบ ขนส่ง อีกทั้งยังใช้บัตรดังกล่าว ไปช�ำระค่าสินค้าได้อีกด้วย “ไทเป” เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและมีสีสันที่สุด เมืองหนึ่ง เรียกได้ว่า เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ไม่เคยหลับใหล เป็นเมืองสมัยใหม่ที่มีถนนช้อปปิ้ง และอาคารร่วมสมัย ตามแบบฉบับสไตล์ญี่ปุ่น รวมทั้งยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรม เช่น พิพิธภัณท์พระราชวังกู้กง, ตึกไทเป 101, อุทยาน แห่งชาติอาลีซาน, อนุสรณ์สถานเจียง ไค เช็ค, วัดต้าหลงตง เป่าอัน, วัดหลงซาน เป็นต้น เริ่มต้นไปเที่ยวกันที่ “ซีเหมินติง” (Ximending) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม มีความคล้ายคลึงกับ ชิบูย่าในญี่ปุ่น แหล่งรวมหลุ่มของวัยรุ่น ที่นี่เป็นย่านช้อปปิ้ง ที่ใหญ่ที่สุดในไทเป เดินกันได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ แถมยังมีอาคาร The Red House ให้เข้าไปเลือกซื้อของฝากกันได้ด้วย ส่วนสายกินก็ไม่ควรพลาด เพราะมี Street Food ให้เลือกลิ้มลองมากมาย ทั้งชานมไข่มุกขึ้นชื่อ หม่าล่า รสเด็ด รวมถึงของคาว ของหวาน ของกินเล่นแบบจุก ๆ ใครที่ยังเที่ยวไม่หน�ำใจ ตกเย็นชวนแวะไปช้อป ของถูกกันที่ตลาดกลางคืน ทั้ง Shilin Night Market, Shida Night Market, Gongguan Night Market และ Raohe Night Market จัดเต็มทั้งรองเท้าแบรนด์ดัง เสื้อผ้า และอาหารตามสไตล์ไทเปก็มีครบครัน บอกไว้ เลยว่า หากใครห้ามใจไม่อยู่ ที่นี่จะกลายเป็น “แหล่ง ละลายทรัพย์” เลยก็ว่าได้ ไปลุยกันต่อที่ “อนุสรณ์สถานเจียง ไค เช็ค” (Chiang Kai-shek Memorial Hall) ที่จะมีรูปปั้น ของอดีตผู้น�ำไต้หวัน ยังมีโซนนิทรรศการต่างๆ อีกด้วย แถมที่นี่ยังมี ต้นก�ำเนิดของ “ชานมไข่มุก” ที่ไม่ควร พลาด ที่นอกจากจะได้ชิมต้นต�ำรับแล้ว ยังได้บรรยากาศ สุดฟินอีกด้วย ส่วนสายมูเร่เข้ามาทางนี้ เดินทางไปอีกนิด ก็ถึงวัดหลงซาน (Longshan Temple) สถานที่ไหว้ สักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล และยังมีเครื่องรางของ ขลังไว้ให้เช่าบูชาอีกด้วย ไฮไลต์ส�ำคัญที่ห้ามพลาด และอย่าลืมแวะชมวิว เมืองไทเปกันที่ “ไทเป 101” (Taipei 101) ตึกสูงที่สุด ในเมืองไทเป เห็นวิวแบบ 360 องศา แถมที่นี่ยังมีแหล่ง ช้อปปิ้งกันแบบจุใจอีกด้วย งานนี้! เชื่อว่าต้องมีของ ติดไม้ติดมือกลับไปอย่างแน่นอน ไหน ๆ ก็เดินทางมาถึง แลนด์มาร์คส�ำคัญของไทเปกันแล้ว ใครอยากได้มุมถ่าย รูปคู่กับตึกไทเป 101 ที่ไม่เหมือนใคร ลองหาข้อมูล แล้วออกเดินทางไปแชะภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก็จัดกัน ได้เลย เล่ามาถึงตรงนี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเมือง ไทเปเท่านั้น “สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น” ใครที่อยาก เดินทางไปเที่ยวที่ไทเป ประเทศไต้หวัน ทางสายการ บินไทยเวียตเจ็ท มีไฟลท์บินตรงจากกรุงเทพฯ ไป ไทเปไว้คอยให้บริการทุกวัน สะดวกบินวันไหน ก็กด จองตั๋วได้ที่ www.vietjetair.com แล้วรีบวางแผน เช็ควันหยุด เก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางไปเที่ยวที่ “ไทเป” กันได้เลย! ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566
4 ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566 << TRANSPORT >>
<< AUTO & TRUCK >> 5 เปิดตัว ‘FUCHS TITAN GT1 FLEX C23’ บริษัท ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด) บริษัทในเครือ ฟุคส์ กรุ๊ป จาก ประเทศเยอรมนี ผู้น�ำอันดับหนึ่งของกลุ่มผู้ผลิตและจัดจ�ำหน่ายผลิตภัณฑ์น�้ ำมัน หล่อลืนและส่ารหล่อลืนอิสระร่ายใหญ่ทีสุดในโลก เปิดตัวผลิตภัณฑ์ FUCHS TITAN ่ GT1 FLEX C23 น�้ ำมันหล่อลื่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในการหล่อลื่นเครื่องยนต์ได้ดี เยียม ม่าพร้อมกับเทคโนโลยีขันสูงลิขสิทธิ้เฉพ์าะของ FUCHS พร้อมจัดพิธีบันทึก ลงนามความร่วมมือระหว่าง บริษัท ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด กับ บริษัท บอร์เนียว เทคนิเคิล (ประเทศไทย) จ�ำกัด ผนึกก�ำลังทางธุรกิจ เพื่อเพิ่ ม ช่องทางการจัดจ�ำหน่ายที่แข็งแกร่ง รองรับการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคง พร้อมรุกตลาดน� ้ ำมันหล่อลื ่นเมืองไทยเต็มก�ำลัง! นายณัฐพงศ์ อัศวทองกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด กล่าวว่า “ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส ประเทศไทย ด�ำเนิน กิจการผลิตและจัดจ�ำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ฟุคส์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 ประกอบไปด้วยทีมงาน ที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์สารหล่อลื่นโดยเฉพาะ ส�ำหรับอุตสาหกรรมทั่วไปและการใช้งานที่หลาก หลายเฉพาะด้าน เราเชื่อว่า “ความคุ้มค่าที่ได้รับจาก สินค้าที่มีเทคโนโลยี” ถือเป็นหัวใจส�ำคัญของทีมงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า อีกทั้งฟุคส์ ยังเป็นผู้จัดจ�ำหน่ายผลิตภัณฑ์สารหล่อลื่นให้กับ ลูกค้าและพันธมิตรแบบครบวงจร โดยมีสินค้ากว่า 10,000 รายการ การันตีด้วยลูกค้ามากกว่า 100,000 ราย ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และพร้อมมอบประสบการณ์ผสานเทคโนโลยี ขั้นสูงสุดของฟุคส์ โดยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ FUCHS TITAN GT1 FLEX C23 ในครั้งนี้” ส�ำหรับผลิตภัณฑ์น�้ำมันหล่อลื่น FUCHS TITAN GT1 FLEX C23 มาพร้อมกับเทคโนโลยี ขั้นสูงสุดลิขสิทธิ์เฉพาะของฟุคส์ ท�ำให้น�้ำมันหล่อลื่น มีเอกลักษณ์ในการหล่อลื่นเครื่องยนต์ได้อย่างดี เยี่ยม ให้ความแรงเต็มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ CARSOME เผยรถยนต์สีขาวครองใจลูกค้า ประเภทรถยนต์ซีดานได้รับความนิยมสูงสุด เป็นน�้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ที่ผ่านมาตรฐาน เกรดสูงสุด API SP, ACEA, C2 หรือ C3 และ BMW longlife 04 ช่วยในการปกป้องเครื่องยนต์สูงสุด ลดการใช้น�้ำมันเชื้อเพลิง และมีรอบการเปลี่ยนถ่าย ที่ยาวนาน ออกแบบมาเพื่อใช้กับเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล รถยนต์รุ่นใหม่ที่มีการติดตั้ง DPF เครื่องยนต์ ที่ติดตั้งระบบแก๊ส LPG และ NGV ผ่านการรับรอง จากผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ชั้นน�ำ ทั้ง Mercedes-Benz, BMW, OPEL เป็นต้น และเป็นน�้ำมันหล่อลื่นที่ผ่าน มาตรฐานของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นน�ำในเอเชียอีกด้วย จึงท�ำให้ลูกค้าขับขี่ได้อย่างมั่นใจ เต็มสมรรถนะ เครื่องยนต์ พร้อมทั้งประหยัดน�้ำมันเชื้อเพลิงและ รักษาสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้อยู่ได้ยาวนาน ตลอดอายุการใช้งาน น�้ำมันหล่อลื่น FUCHS TITAN GT1 FLEX C23 และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ ฟุคส์ ยังมีส่วนช่วย ลดการปล่อยของเสียที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม เช่น ลดการใช้น�้ำมันเชื่อเพลิง ลดการใช้น�้ำมันเครื่อง ลดการเปลี่ยนชิ้นงานจากการสึกหรอของเครื่องยนต์ ซึ่งฟุคส์ได้ให้ความส�ำคัญกับความยั่งยืนของ ทรัพยากรธรรมชาติในระยะยาว (Carbon-neutrality) โดยตั้งแต่ปี 2010 เรามีการลดการปล่อยก๊าซ โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ให้แก่ผู้บริโภค ผ่านการทดลองใช้ เพื่อสัมผัสความแรงเต็มประสิทธิภาพ ของเครื่องยนต์และการขับที่สนุกกว่าเดิม พร้อม ผลักดันการสื่อสารการตลาดผ่านทาง digital marketing และ below the line ตามพื้นที่ส�ำคัญ ของประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัท ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ได้ผนึกก�ำลังความร่วมมือ กับ บริษัท บอร์เนียว เทคนิเคิล (ประเทศไทย) จ�ำกัด บริษัทผู้น�ำเข้าและจัดจ�ำหน่ายผลิตภัณฑ์ ในภาคอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มช่องทางการจัด จ�ำหน่ายที่แข็งแกร่ง รองรับการเติบโตทางธุรกิจ อย่างมั่นคง ให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ ฟุคส์ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ผ่านร้านค้าปลีกกว่า 300 ร้านค้าทั่วประเทศ และการจัดจ�ำหน่ายผ่านอู่ซ่อม รถอิสระ อู่ซ่อมรถมาตรฐาน ร้านค้าอะไหล่ และ ร้านค้าน�้ำมันทั่วไป ผ่านตัวแทนจ�ำหน่าย บอร์เนียว เทคนิเคิล (ประเทศไทย) รวมทั้งการจัดจ�ำหน่าย ทาง Online Official Store ในนาม Fuchs Lubricants Thailand ทางShopee : https:// shp.ee/bz2zqde และ Lazada: https ://s.lazada.co.th/s. iI1GG ATP30 กางแผนปี 2566 ตั้งเป้าออลไทม์ไฮ รายได้โต 10% ชูกลยุทธ์พัฒนาเทคโนโลยี ยกระดับความ สามารถการแข่งขัน ผุดก�ำลังเสริมรถไฟฟ้าให้บริการเพิ่ม ขานรับเทรนด์ลดคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมทุ่มงบ 180 ล้านบาท เตรียมลงทุนรถใหม่ 60 คัน ภาพรวมเศรษฐกิจ หนุนโซน EEC คึกคัก โรงงานภาคการผลิตแนวโน้มโตดี ลูกค้าต่อคิวใช้บริการเพียบ นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จ�ำกัด (มหาชน) (ATP30) ผู้ด�ำเนินธุรกิจให้บริการรถ รับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงาน อุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการโดยเฉพาะรอบเขต นิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 2566 บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนา เทคโนโลยียกระดับความสามารถการแข่งขัน ตั้งเป้า ผลประกอบการท�ำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) รายได้ เติบโต 10% ส�ำหรับการด�ำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังคงพัฒนา เทคโนโลยีเข้ามาเสริมประสิทธิภาพ ทั้งระบบบริหารจัดการ ภายใน และระบบบริหารการเดินรถอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีจากการใช้น�้ำมัน เชื้อเพลิงมาใช้รถไฟฟ้า เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 แล้วจ�ำนวน 5 คัน โดยบริษัทติดตั้งสถานีชาร์จไฟ ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งคาดว่า จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในการเดินรถฟลีตนี้ ประมาณ 50% และคาดว่าจะสามารถขยายก�ำลังการผลิต กระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นในอนาคต ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้า 60 ราย จ�ำนวนรถ 620 คัน รถร่วมบริการ 72 คัน ให้บริการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ภาคตะวันออก และภาคกลาง โดยมี Backlog ระยะเวลา 3 ปี ประมาณ 1,900 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการเจราจา กับลูกค้าอีกหลายราย ทั้งนี้ บริษัทวางแผนลงทุนรถใหม่ ในปีนี้จ�ำนวน 60 คัน แบ่งเป็นรถบัสและมินิบัสไฟฟ้าจ�ำนวน ATP30 ตั้งเป้าปี ’66 ออลไทม์ไฮ ชูกลยุทธ์ Technology, Transition and Go Green CARSOME แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซื้อขายรถยนต์ มือสองครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผย ข้อมูลการซื้อรถยนต์มือสองของลูกค้าชาวไทยปี 2565 ชี้ให้ เห็นว่า สีขาวเป็นสีที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยคิดเป็น 36% ของรถยนต์ที่ CARSOME จ�ำหน่ายทั้งหมด ตามด้วยสีเทา สีด�ำ สีเงิน และสีแดงตามล�ำดับ ในขณะที่ประเภทรถยนต์ ยอดนิยมสูงสุด ได้แก่ รถยนต์ซีดาน (Sedan) หรือรถเก๋ง 4 ประตู โดยคิดเป็น 40% ของรถยนต์ที่ CARSOME จ�ำหน่าย ทั้งหมด ตามด้วยรถยนต์ประเภทแฮชแบ็ค (Hatchback), เอสยูวี (SUV), กระบะ (Pickup Truck) และ เอ็มพีวี (MPV) จากข้อมูลเทรนด์รถยนต์ในตลาดต่าง ๆ สีขาวคงความเป็น สียอดนิยมเนื่องจากหลากหลายเหตุผล อาทิ สีขาวเป็นสีโทน สว่างท�ำให้สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ ในช่วงเวลากลางคืน ท�ำให้ผู้ขับรถยนต์รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น รถยนต์สีขาวยังมีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อนและแสง จึงดูดซับความร้อนจากแสงอาทิตย์น้อยกว่า ท�ำให้รถสีขาว มีความเย็นมากกว่ารถยนต์สีอื่น ๆ นอกจากนี้ สีขาวยังเป็น สีอมตะตลอดกาล ท�ำให้รถยนต์สีนี้ไม่เคยตกยุค จึงเป็นเหตุผลที่ ท�ำให้รถยนต์สีขาวมีแนวโน้มที่จะคงมูลค่าไว้ได้เมื่อมีการขายต่อ ในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของ CARSOME ที่ลูกค้านิยม น�ำรถสีขาวมาขายติดอันดับแรกใน 5 สีรถยอดนิยมที่ถูกน�ำมาขาย ให้ CARSOME ข้อมูลจาก CARSOME ยังแสดงให้เห็นว่า รถยนต์ประเภท ซีดานเป็นรถที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย Honda City, Honda Civic, Mazda 2 และ Toyota Yaris เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม จากเหล่าผู้ซื้อรถยนต์มือสองในปีที่แล้ว จากการส�ำรวจข้อมูล ในตลาดต่าง ๆ รถยนต์ซีดานถูกมองว่าเป็นรถยนต์ที่มีการออกแบบ มาให้มีน�้ำหนักเบา ซึ่งช่วยควบคุมการทรงตัวขณะขับขี่จึงเพิ่ม ความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และรวมถึงการประหยัดน�้ำมันด้วย นายศิวภูมิ เลิศสรรค์ศรัญย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาร์ซัม (ประเทศไทย) จ�ำกัด กล่าวเมื่อสังเกตความนิยมของ ลูกค้าที่มีต่อรถยนต์สีขาวและซีดาน ท�ำให้เห็นว่าความปลอดภัย และคุณภาพรถยนต์เป็นหนึ่งในปัจจัยส�ำคัญต่อการตัดสินใจ เลือกซื้อรถยนต์มือสอง นั่นเป็นเหตุผลว่าท�ำไม CARSOME จึง พิถีพิถันในการคัดเลือกรถยนต์มือสองที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ของ CARSOME Certified ซึ่งมั่นใจได้ว่ารถทุกคันผ่านการตรวจ เช็กถึง 175 จุด และได้รับการปรับสภาพรถยนต์ที่ CARSOME Certified Lab นอกจากนี้ รถยนต์มือสองส่วนใหญ่ของ CARSOME 30 คัน และรถตู้น�้ำมันจ�ำนวน 30 คัน โดยตั้งงบประมาณ การลงทุนราว 100-180 ล้านบาท “ภาพรวมธุรกิจในปีแนวโน้มเติบโตดี ปัจจัยหนุน จากเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึง การลงทุนภาคเอกชนโดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (EEC) การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) รวมถึงนโยบายลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งผลให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้า หลักของ ATP30 สนใจใช้บริการทั้งรถรับส่งพนักงาน น�้ำมันและรถไฟฟ้ามากขึ้น โดยบริษัทมีความพร้อม ในการจัดหารถและให้บริการ อีกทั้งในปีนี้บริษัท พัฒนาการบริหารจัดการภายในอย่างเข้มงวด ปรับปรุง การบริหาร และควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เชื่อว่าจะผลักดันผลประกอบการให้เติบโตตามเป้าหมาย ที่วางไว้ พร้อมความสามารถการท�ำก�ำไรที่ดีขึ้น” นายปิยะ กล่าว คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในกระบวนการผลิตไป 30% นอกจากนั้นเรายังมีสัดส่วนการใช้พลังงาน ทางเลือกในกระบวนการผลิตมากกว่า 25% เพื่อ มีส่วนช่วยในการรักษาสภาพแวดล้อมและลด ปัญหาโลกร้อน ในส่วนของกลยุทธ์ทางการตลาด ฟุคส์ ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นอันดับ 1 ในตลาดน�้ำมัน หล่อลื่นเกรดพิเศษโดยน�ำเข้าผลิตภัณฑ์จาก ประเทศเยอรมนี มาตรฐานระดับโลก ครบทุก ประเภทการใช้งานครอบคลุมรถทุกประเภท อาทิ น�้ำมันเครื่อง น�้ำมันเกียร์ น�้ำมัน หม้อน�้ำ จารบี เป็นต้น และหวังที่จะสร้าง แบรนด์ TITAN GT1 ให้ผู้บริโภคชาวไทย ได้รู้จัก ผ่านการ ท�ำกิ จ ก ร ร ม การตลาดทั้ง Online และ O f fl i n e ณัฐพงศ์ อัศวทองกุล มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5 ปี ซึ่งสอดคล้องกับช่วงอายุที่เหมาะสม ในการซื้อรถยนต์มือสองโดยทั่วไป เรามีตัวเลือกรถยนต์มือสอง คุณภาพดีที่หลากหลาย ทั้งสี อายุรถ และประเภทรถให้เลือกสรร สอดคล้องกับค�ำมั่นสัญญาของ CARSOME ที่มุ่งมั่นส่งมอบ ประสบการณ์ซื้อ-ขายรถยนต์มือสองที่ไร้กังวลด้วยการบริการ ของเรา โดยหนึ่งในขั้นตอนการตรวจเช็กและปรับสภาพรถยนต์ CARSOME เลือกใช้อุโมงค์ไฟเพื่อตรวจเช็กรอยขีดข่วน และ รอยบุบรอบคัน ที่ CARSOME Certified Lab พร้อมไปด้วย เครื่องมือและช่างผู้ช�ำนาญการ เพื่อให้มั่นใจว่า ลูกค้าจะได้รับ รถยนต์มือสองที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งภายในและภายนอก เมื่อ คุณต้องการที่จะซื้อหรือขายรถยนต์มือสอง การมีแพลตฟอร์ม ที่เชื่อถือได้ คอยให้ค�ำแนะน�ำ และอยู่เคียงข้างคุณในทุกขั้นตอน เป็นเรื่องส�ำคัญอย่างยิ่ง CARSOME มุ่งมั่นส่งมอบความเชื่อมั่น แก่ลูกค้าชาวไทยด้วยการส่งมอบรถยนต์ที่ได้รับการการันตี คุณภาพ โดยผ่านการตรวจเช็กอย่างละเอียดถึง 175 จุด พร้อม ปรับสภาพให้ได้มาตรฐาน รับประกันนานสูงสุด 2 ปี ราคา โปร่งใสคุ้มค่า และการันตีคืนเงินภายใน 30 วัน CARSOME พร้อมส่งมอบประสบการณ์ซื้อและขาย รถยนต์ที่ราบรื่นและสะดวกสบาย ทั้งช่องทางออนไลน์และ บริการหน้าร้าน ส�ำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าชมที่เว็บไซต์ www.carsome.co.th หรือที่หน้าร้านสาขาต่าง ๆ ทั้งหมด 5 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปิยะ เตชากูล ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566
6 ในโอกาสที่หนังสือพิมพ์ Transport Journal ครบรอบ 25 ปี ก้าวสู่ปีที่ 26 น�ำโดย ดร.สุธีรา ศรีเบญจโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หนังสือพิมพ์ Transport Journal ได้จัดงานสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี ภายใต้ชื่อ Seminar By Transport Journal หัวข้อ Thailand Seamless : Moving Forward & Go Green “ประเทศไทย” ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้รอยต่อ มุ่งสู่โลกสีเขียว โดยงานสัมมนาดังกล่าว เป็นการน�ำเสนอมุมมอง และนโยบายต่าง ๆ ในทุกด้านอย่างครอบคลุม ทั้งการคมนาคม ขนส่ง โลจิสติกส์ การค้า การลงทุน การส่งออก ที่ได้วิเคราะห์ทิศทางของประเทศไทยหลังจากนี้ รวมทั้งการบูรณาการ ของแต่ละหน่วยงานอย่างไร้รอยต่อ น�ำไปสู่การประยุกต์ใช้ และปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ เพื่อให้สามารถเดินหน้าได้อย่างมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน ที่ส�ำคัญยังได้รับทราบถึง แผนงานของแต่ละภาคส่วนที่ขับเคลื่อนการด�ำเนินการ เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต�่ำ และลดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงโลกสีเขียวด้วย ส�ำหรับงานสัมมนาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประธานเปิดงานสัมมนาพร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง มิติใหม่! “คมนาคม” ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาพิเศษเรื่อง “ประเทศไทย จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้รอยต่อ มุ่งสู่โลกสีเขียว ได้อย่างไร?” น�ำโดย ชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม, พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการส�ำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม (สผ.), ณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต กรมสรรพสามิต, อาทิตย์ เวชกิจ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรม พลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จ�ำกัด (มหาชน) หรือ WHA ด�ำเนินรายการโดย บัญชา ชุมชัยเวทย์ ซึ่งได้สะท้อนมุมมองจากผู้ทรงคุณวุฒิ ในวงการด้านต่าง ๆ อย่างครอบคลุมในทุกมิติ และการจัดงานในครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย, การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย, การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จ�ำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. งานใหญ่แห่งปี Transport Journal ครบรอบ 25 ปี!! งานใหญ่แห่งปี Transport Journal ครบรอบ 25 ปี!! จัดงานเสวนา Thailand Seamless : Moving Forward & Go Green ดร.สุธีรา ศรีเบญจโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หนังสือพิมพ์ Transport Journal ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566 << seminar >>
7 งานใหญ่แห่งปี Transport Journal ครบรอบ 25 ปี!! งานใหญ่แห่งปี Transport Journal ครบรอบ 25 ปี!! จัดงานเสวนา Thailand Seamless : Moving Forward & Go Green ศักดิ์ สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม << seminar >> ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566
8 << INSURANCE >> ‘เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์’ อาคารส�านักงานเกรดพรีเมียม เปิดตัว Rapid Life (แรพพิด ไลฟ์) ประกันชีวิตน้องใหม่ ในเครือ Rapid Group แพลตฟอร์มประกันชีวิตออนไลน์ ที่สมัครง่ายเพียงปลายนิ้ว คุ้มครองสูงถึง 1 ล้านบาท รุกขยาย ฐานคนรุ่นใหม่มุ่งสร้างความมั่นคงทางการเงิน ตั้งเป้าขึ้นผู้น�ำ ธุรกิจประกันชีวิตออนไลน์ในประเทศไทยภายในปี 2568 เบี้ยประกัน 3,000 ล้านบาท นายเดิมพัน อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งและประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร Rapid Group ผู้พัฒนานวัตกรรม และปฏิวัติทางการเงิน (FinTech) เปิดเผยว่า บริษัท ได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ Rapid Life แพลตฟอร์ม ให้บริการขายประกันชีวิตออนไลน์แห่งแรกที่ใช้ ระบบสมัครสมาชิกจ่ายค่าเบี้ยประกันรายเดือน (Subscription) ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ที่เพิ่งเริ่มท�ำงาน โดยสมัครง่ายเพียง 4 ขั้นตอน ใช้เวลา ไม่เกิน 15 นาที คุ้มครองทันที สูงถึง 1 ล้านบาท ค่าเบี้ยประกันภัยเริ่มต้น 190 บาทต่อเดือน “เราต้องการน�ำเสนอสินค้าประกันชีวิต ออนไลน์ ที่สามารถเข้าถึงคนจ�ำนวนมากได้ง่าย และสะดวก ไม่ต้องตอบค�ำถามตัวแทน เพื่อ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ให้สามารถสร้างหลักประกันให้แก่ชีวิตโดยไม่ต้อง แบกรับค่าเบี้ยประกันสูง สามารถส่งต่อเป็นมรดกเงินล้านให้กับ ครอบครัวได้ทันที และสามารถยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ด้วยตัวเอง บนมือถือสมาร์ตโฟน” นายเดิมพัน กล่าว นายเดิมพัน กล่าวต่อว่า Rapid Life เป็นนวัตกรรมทาง การเงิน (Digital Life Insurance Platform) ที่น�ำเสนอบริการ ด้านประกันชีวิตให้กับคนรุ่นใหม่ โดยร่วมกับโตเกียว มารีน (Tokio Marine) บริษัทประกันยักษ์ใหญ่ระดับโลกจากญี่ปุ่น ออกแบบประกัน ชีวิตดิจิตอล Tokio Wealthy Life ที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถสร้าง มรดกเงินล้านให้กับพ่อแม่ บุตร และคนรัก โดยมีเบี้ยประกันออนไลน์ ถูกที่สุดในประเทศ คุ้มครองชีวิตวงเงินสูงถึง 1 ล้านบาท ทั้งนี้ มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ที่มีอายุ 20-45 ปี เอไอเอ ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 85 ปี เดินหน้าลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง จัดงานเปิดตัว “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ AIA East Gateway” อาคารส�านักงานและพื้นที่ค้าปลีกระดับพรีเมียมแห่งใหม่ บนท�าเลยุทธศาสตร์ ถนนบางนา-ตราด กม. 4.5 อย่างยิ่ งใหญ่ ซึ่งโครงการแห่งนี้ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์แห่งที่ 3 ของ เอไอเอ ประเทศไทย พิธีเปิดอาคารได้รับเกียรติจาก นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการคณะกรรมการก�ากับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประธาน โดยมี ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการก�ากับ และส่งเสริมธุรกิจประกันภัย ดร.เอ็ดมันด์ ซือ ประธานกลุ่มบริษัทเอไอเอ และ นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากเอไอเอ และพันธมิตรทางธุรกิจกว่า 100 ท่าน เข้าร่วมงาน เปิดตัว ‘Rapid Life’ สมัครง่ายแค่ปลายนิ ้ ว แพลตฟอร์มประกันชีวิตส�าหรับคนรุ่นใหม่ เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ เป็นอาคารส�ำนักงานให้เช่า ระดับพรีเมียมมาตรฐานอาคารสีเขียว ที่สะท้อน ความมุ่งมั่นและความส�ำเร็จในการเป็นผู้น�ำด้าน ESG ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคเอเชีย และสร้าง มาตรฐานอาคารส�ำนักงานให้ทัดเทียมสากล พร้อม ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ และนักลงทุนรุ่นใหม่ที่มองหา อาคารส�ำนักงานที่ถูกออกแบบมาอย่างทันสมัยและเป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส�ำหรับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของ กลุ่มบริษัทเอไอเอ ถือเป็นการตอกย�้ำด้านการบริหาร พอร์ตการลงทุนของบริษัทในการกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยง โดยอาคารเอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ สร้างขึ้นต่อจากโครงการเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ ย่านรัชดาภิเษก และอาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ที่เปิดตัวขึ้นในปี 2557 และ 2559 พิธีเปิดอาคารดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง และ ประธานกรรมการ คณะกรรมการก�ำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมแสดงความ ยินดี และขึ้นกล่าวยกย่องวิสัยทัศน์ของเอไอเอ ประเทศไทย ในการเปิดตัวแลนด์มาร์คที่ส�ำคัญแห่งใหม่ ในย่านบางนา-ตราด ว่า “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ เป็น โครงการที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับภูมิทัศน์ โครงสร้างพื้นฐานของย่านบางนา ด้วยท�ำเลที่ตั้ง อันยอดเยี่ยมนี้จะดึงดูดบริษัททั้งในและต่างประเทศ ที่ต้องการพัฒนาธุรกิจในเขตโครงการระเบียงเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เพราะบางนาถือเป็น หนึ่งในย่านการค้าที่เติบโตเร็วที่สุดในกรุงเทพฯ จึงมี โอกาสทางธุรกิจมากมาย อีกทั้งการพัฒนาโครงการ ครั้งนี้ ยังเป็นส่วนส�ำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ของประเทศไทยต่อไป” ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการ ก�ำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า ขอแสดง ความยินดีกับเอไอเอในโอกาสฉลองครบรอบ 85 ปี ในประเทศไทย เอไอเอเป็นบริษัทประกันชีวิตชั้นน�ำที่มี เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัว ส่วนในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ ไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ความคิดริเริ่มใหม่ ๆ หลายโครงการของเอไอเอ ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอัน ก่อให้เกิดประโยชน์ ไม่เพียงแค่ต่ออุตสาหกรรมประกัน ชีวิต แต่ยังรวมถึงสังคมและประเทศของเรา นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวถึงจุดเด่นและความพรีเมียม ของอาคารส�ำนักงานแห่งใหม่ของเอไอเอว่า โครงการนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ทั้งส�ำหรับธุรกิจ SME และ องค์กรขนาดใหญ่ ด้วยท�ำเลที่ตั้งและการเดินทาง ที่สะดวกสบาย การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ของเอไอเอ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น ให้แข็งแกร่ง และแสดงให้เห็นถึงตัวอย่างที่ดีของ การพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ เอไอเอได้มอบการดูแลให้กับ หลายล้านครอบครัวทั่วประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย มาหลายทศวรรษ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นับเป็น อีกวิธีหนึ่งในการช่วยสนับสนุนให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและมีส่วนร่วมในการพัฒนา ประเทศให้ยั่งยืน” เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ เป็นอาคารส�ำนักงาน ระดับพรีเมียมเกรดเอ ได้รับการออกแบบและก่อสร้าง อาคารอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานอาคารสากล LEED ไม่ผูกมัดยกเลิกเมื่อไหร่ได้ทันที สมัครง่าย ๆ เพียง 15 นาที แค่ตอบค�ำถามข้อมูลส่วนตัวและค�ำถามสุขภาพตามจริง ในเว็บไซต์ rapidlife.tech โดยไม่ต้องคุยกับตัวแทน และคุ้มครองทันทีหลังระบบพิจารณาอนุมัติ (ตามเงื่อนไข การรับประกันของ บมจ.โตเกียวมารีนประกันชีวิต) ขณะเดียวกันจากสถานการณ์ความ ไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ท�ำให้ คนรุ่นใหม่เริ่มมองหาหลักประกันให้กับชีวิต มากขึ้น เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจ เกิดขึ้นได้ และเป็นหลักประกันให้กับ ครอบครัว พ่อ แม่ และบุตร คนรักได้ Rapid Life จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นทาง เลือกในการสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับ คนไทย รวมถึงเป็นการสร้างคุณค่าให้กับ คนท�ำงานในการวางแผนดูแลคนที่รัก ในรูปแบบ ประกันออนไลน์ที่เข้าถึงง่าย สามารถซื้อ บริการผ่านมือถือสมาร์ตโฟน และให้ การคุ้มครองชีวิตทันที ที่ส�ำคัญสามารถ ยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ “ที่ผ่านมาคนรุ่นใหม่ซื้อประกันน้อย เพราะยังไม่มีสินค้าที่เข้ามา ตอบโจทย์ความต้องการ โดยเฉพาะช่องทางในการเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงราคาที่เอื้อมถึง Rapid Life จึงถูกพัฒนาขึ้นมาตอบโจทย์ความ ต้องการของคนรุ่นใหม่ ทั้งในด้านสินค้าและบริการที่เป็นประโยชน์ โดยตั้งเป้าหมายจะมีเบี้ยประกัน 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2566 นี้ และเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท ในปี 2568 ก้าวสู่การเป็นผู้น�ำธุรกิจ ประกันภัยออนไลน์ของประเทศไทย” นายเดิมพัน กล่าว นายเดิมพัน กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนขยายธุรกิจอย่าง ต่อเนื่อง โดยเพิ่มวงเงินและระยะเวลาในการคุ้มครองประกันชีวิต 3-5 ล้านบาท คุ้มครองตั้งแต่ 10 ปี 15 ปี และ 20 ปี รวมถึงมีแผน ขยายประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อขยายการบริการ ด้านประกันให้ครอบคลุมทุกความต้องการของคนไทย (Leadership in Energy and Environmental Design) และ WELL Building Standard ระดับโกลด์ อาคารสูง 33 ชั้น มีพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 70,000 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่ส�ำนักงานให้เช่า 60,000 ตร.ม. และ พื้นที่ค้าปลีกให้เช่า 10,000 ตร.ม. โดยพื้นที่ส�ำนักงาน ตั้งอยู่บนชั้น 6 ถึงชั้น 33 มีพื้นที่ต่อชั้นกว้าง 1,900 ถึง 2,200 ตร.ม. เน้นความโปร่งโล่งด้วยความสูงตั้งแต่ พื้นถึงเพดาน 3 เมตร ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 85 ตร.ม. จนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่เต็มชั้น 2,200 ตร.ม. ถูกออกแบบ ให้ไม่มีเสากั้นกลางพื้นที่เช่า เพื่อเปิดให้ใช้สอยพื้นที่ ได้ทุกตารางเมตร และสามารถจัดสรรพื้นที่การท�ำงาน ได้หลายรูปแบบ เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ส�ำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ ห้างสรรพสินค้า เมกาบางนา และเซ็นทรัลบางนา ศูนย์นิทรรศการและ การประชุมไบเทค โรงเรียนนานาชาติชั้นน�ำ หรือ โครงการที่อยู่อาศัยต่าง ๆ และยังอยู่ใกล้เส้นทางเข้าออกกรุงเทพฯ และถนนสายหลัก ซึ่งสามารถเดินทาง สัญจรไปมาได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ อาคารแห่งนี้ ยังได้รับประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่ในอนาคตของ ย่านบางนา-ตราด ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลาง ธุรกิจ (CBD) แห่งใหม่ในโซนกรุงเทพตะวันออก และสิ่งอ�ำนวยความสะดวกที่หาใครเทียบได้ยาก พร้อม เสริมว่า “เรามั่นใจว่าอาคารแห่งนี้จะกลายเป็นผู้เล่นหลัก ในการเป็นศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจและการค้าของ อีอีซีในอีกไม่ช้า และยังท�ำให้เรามั่นใจและมุ่งมั่นในการ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย โครงการนี้ยังถือเป็น อีกก้าวส�ำคัญของแผนการลงทุนด้านอสังริมทรัพย์ เดิมพัน อยู่วิทยา “ประกันภัยไทยวิวัฒน์” เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กร ECG มุ่งด�ำเนิน ธุรกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม-สังคม-ธรรมาภิบาล วางยุทธศาสตร์ ด้วยการพัฒนานวัตกรรมด้านการประกันภัยสู่สังคม สร้างการเติบโตอย่าง มั่นคงและยั่งยืน นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จ�ำกัด (มหาชน) หรือ TVI เปิดเผยว่า จากบริบทการด�ำเนินธุรกิจทั่วโลกที่ก�ำลังเปลี่ยนแปลงมุ่งสู่วิถี แห่งความยั่งยืน หรือแม้แต่ภาคธุรกิจภายในประเทศหน่วยงานก�ำกับดูแล ทุกภาคส่วนได้มีการออกมาตรการด้าน ESG เพื่อให้ภาคธุรกิจได้มีการปฏิบัติ กันมาอย่างต่อเนื่อง “ประกันภัยไทยวิวัฒน์” ในฐานะบริษัทประกัน วินาศภัย ถือเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มีการขับเคลื่อนและด�ำเนินธุรกิจเพื่อความ ยั่งยืนมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี ทั้งนี้ ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ภายใต้วิสัยทัศน์ “คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต” จนได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน Universe กลุ่ม หลักทรัพย์ ESG100 จากหน่วยงานอีเอสจี เรตติ้ง (ESG Rating) ของสถาบัน ไทยพัฒน์ โดยบริษัทได้ให้ความส�ำคัญกับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการน�ำระบบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้ภายในองค์กร เพื่อลด การใช้ทรัพยากร รวมถึงปัญหาขยะอันจะช่วยลดภาวะโลกร้อน อาทิ การเปลี่ยนระบบปรับอากาศภายในอาคาร เป็นระบบแอร์ VRV (Variable Refrigerant Volume) สามารถปรับเปลี่ยนปริมาณน�้ำยาที่เข้าชุดคอยล์เย็น ได้อย่างแม่นย�ำ ตามสภาวะโหลดความร้อนของห้องจริง รวมถึงมีระบบ Intelligent Touch Manager ที่สามารถควบคุม ตั้งเวลาการเปิด-ปิด ตัวเครื่องปรับอากาศตามการใช้งานได้ ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยลดการใช้กระดาษภายในองค์กร รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการเลือกรับ กรมธรรม์ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อาทิ อีเมล แอปพลิเคชัน แทนการเลือกใช้กรมธรรม์ที่เป็นกระดาษ เพื่อลดการใช้กระดาษและส่งเสริม การอนุรักษ์ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเปลี่ยนจากใช้ขวดน�้ำ พลาสติก มาใช้เป็นกระป๋องอลูมิเนียม รวมถึงการคัดแยกขยะภายในองค์กร อันจะช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้อย่างเป็นรูปธรรม นายจีรพันธ์ กล่าวต่อว่า “การพัฒนานวัตกรรมสู่ความยั่งยืน ยังเป็น อีกเป้าหมายที่ส�ำคัญ โดยบริษัทจึงได้มุ่งเดินหน้าน�ำเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพิ่มความสะดวกและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนในสังคม ตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมา อาทิ ประกันรถเปิดปิด ประกันรถยนต์รูปแบบใหม่ ที่น�ำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) มาสร้างประสบการณ์การใช้ ‘ไทยวิวัฒน์’ ลุยขับเคลื่อนองค์กร ESG วางยุทธศาสตร์นวัตกรรม ‘ประกันภัยสู่สังคม’ ประกันภัยรถยนต์อย่างอัฉริยะผ่านอุปกรณ์ TVI Connect อุปกรณ์เปิด-ปิด ประกันอัตโนมัติ” ขณะเดียวกันประกันสุขภาพแอคทีฟเฮลท์ ประกันสุขภาพรูปแบบ ใหม่ที่ส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้ใช้บริการ ยิ่งออกก�ำลังกาย เบี้ยยิ่งลด ด้วยการน�ำ smart watch (wearable technology) มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการน�ำก้าวเดิน และอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) มาเป็นเกณฑ์ วัดผลการออกก�ำลังกาย เพื่อเป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันให้กับผู้ใช้บริการ รวมทั้งประกันเดินทางต่างประเทศ พลัส เปิด-ปิด ที่ให้อิสระกับผู้ใช้บริการ สามารถจัดการทริปการเดินทางได้ด้วยตัวเอง โดยให้จ่ายเบี้ยตามจริง วันเหลือก็สามารถเก็บไว้ใช้ทริปต่อไปได้ รวมถึงสามารถ Top-up วันเดินทาง ได้ง่าย ๆ แม้อยู่ต่างประเทศ ผ่านแอปพลิเคชัน นอกจากนี้บริษัทยังให้ความส�ำคัญกับมิติความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะด้านการศึกษาของเด็กและเยาวชน เพราะตระหนักและ เชื่อมั่นว่า เป็นรากฐานและแนวทางขับเคลื่อนการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน ในระยะยาว โดยได้ผนึกความร่วมมือกับโครงการร้อยพลังการศึกษา มูลนิธิ ยุวพัฒน์ สนับสนุนโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School Project) โครงการภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ร่วมมือกับภาคเอกชน ผ่านหอการค้าไทย และสภาหอการค้าไทย เพื่อร่วมผลักดันแนวนโยบาย และแผนบริหารจัดการโรงเรียน พร้อมทั้งยังมอบทุนการศึกษา อีกทั้งวางระบบติดตั้งดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อยกระดับศักยภาพ การเรียนการสอน สู่ Smart e-Learning Innovation เพื่อร่วมพัฒนา คุณภาพ รังสรรค์นวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา ควบคู่ไปกับการผลักดัน สถานศึกษาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล�้ำ ด้านการศึกษาของสังคมไทยให้น้อยลง จีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566
<< BANKING >> 9 นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ผลการด�ำเนินงานของ กลุ่มทิสโก้ส�ำหรับปี 2565 บริษัทมีก�ำไรสุทธิ 7,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่อยู่ ในระดับ 6,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 437 ล้านบาท สาเหตุ หลักมาจากการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อที่สามารถ เติบโตได้ถึง 7.9% ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2.2% จากปีก่อนหน้า พร้อมด้วยค่าธรรมเนียมธุรกิจ นายหน้าประกันภัยขยายตัวถึง 24.0% สอดคล้องกับ ปริมาณสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ขยายตัวได้ดีตามการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ค่าธรรมเนียม ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้น 13.4% นอกจากนี้ ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss-ECL) ปรับตัวลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 0.3% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนชะลอตัว ลดลงจากปี 2564 ทั้งรายได้ค่านายหน้าซื้อขาย หลักทรัพย์หดตัว 19.2% จากปริมาณการซื้อขาย หลักทรัพย์ที่ลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ จัดการกองทุนอ่อนตัวลง 33.2% จากยอดขายที่ลดลง ของกองทุนที่ออกใหม่ ประกอบกับบริษัทไม่ได้รับรู้ ค่าธรรมเนียมตามผลประกอบการเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องมาจากสภาวะตลาดทุนที่ไม่เอื้ออ�ำนวย รวมถึง ผลก�ำไรจากเงินลงทุนลดลงเมื่อเทียบกับผลก�ำไร ในปี 2564 ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น เฉลี่ย (ROAE) ส�ำหรับปี 2565 อยู่ที่ 17.2% ส�ำหรับเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีจ�ำนวน 219,004 ล้านบาท เติบโต 7.9% จากสิ้นปีก่อนหน้า จากการขยายตัวของสินเชื่อ บลจ.กสิกรไทย เปิดตัวประธานกรรมการบริหาร “อดิศร เสริมชัยวงศ์” ผู้คร�่ำหวอดในแวดวงการเงินกว่า 27 ปี รับภารกิจที่ท้าทายภายใต้ความผันผวนทาง เศรษฐกิจทั่วโลก เน้นประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ พร้อมเรียนรู้ท�ำความเข้าใจผู้ลงทุน มุ่งขับเคลื่อนและ ผลักดันองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ประกาศแต่งตั้ง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2566 หลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จ�ำกัด ได้ประกาศแต่งตั้ง “นายอดิศร เสริมชัยวงศ์” ให้ด�ำรงต�ำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร แทน “นายวศิน วณิชย์วรนันต์” ที่กลับ ไปรับต�ำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ ธ น า ค า ร ก สิ ก ร ไ ท ย โ ด ย ม ติ คณะกรรมการก�ำหนดให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 3 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ส�ำหรับ นายอดิศร เป็นผู้บริหาร ที่คร�่ำหวอดอยู่ในแวดวงการเงินมากว่า 27 ปี มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ทั้งในธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ รวมถึงธนาคาร โดยจะเข้ามาดูแล รับผิดชอบใน 3 ธุรกิจของ บลจ.กสิกรไทย ทั้งกองทุนรวม กองทุน ส่วนบุคคล และกองทุนส�ำรองเลี้ยงชีพ พร้อมขับเคลื่อนและผลักดัน ให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังให้การสนับสนุนและส่งเสริมการ จัดจ�ำหน่ายโดยเน้นการเป็นที่ปรึกษา (Advisor) เพื่อสร้างความ สัมพันธ์อันดีกับลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง “การเข้ามาร่วมงานกับ บลจ.กสิกรไทย ในครั้งนี้ถือเป็น ภารกิจใหม่ที่ท้าทายท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว และตลาดยังมีความผันผวนอยู่สูง แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าในทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาส ซึ่งถ้าเรามองเห็นโอกาสนั้นก่อนย่อมได้เปรียบ ดังนั้น กลุ่มทิสโก้ เผยผลประกอบการปี 2565 มีก�าไรสุทธิ 7,222 ล้านบาท เติบโต 6.4% ขณะทีเงินส�่ารอง สูงถึง 258.8% และ BIS Ratio แข็งแกร่งกว่า 23.4% พร้อมทังเปิดกลยุทธ์ปี 2566 มุ่งเน้น “การเติบโต” ้ ในทุกสายธุรกิจทีมีความเชี่ ยวชาญ สอดคล้องไปกับการฟื้ นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมเดินหน้าขับเคลื ่อน ่ “นวัตกรรม” เพื่อรองรับการแข่งขันและยกระดับบริการบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ‘กลุ่มทิสโก้’ อวดก�าไรปี ’65 โต 6.4% จ�ำน�ำทะเบียน สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสอง สินเชื่อธุรกิจ ขนาดใหญ่ และสินเชื่อ SMEs โดยเฉพาะสินเชื่อจ�ำน�ำ ทะเบียนผ่านช่องทาง “สมหวัง เงินสั่งได้” สามารถ เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 26.0% จากสิ้นปีก่อนหน้า ตามการเปิดเครือข่ายสาขาที่เพิ่มขึ้นในระหว่างปี ในส่วน ของสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPLs) ลดลงจาก สิ้นปี 2564 มาอยู่ที่ 2.1% ของสินเชื่อรวม เป็นไปตาม นโยบายการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ และการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ตรงจุด ทั้งนี้ ระดับเงินส�ำรอง หนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Loan Loss Coverage Ratio) ณ สิ้นปี 2565 อยู่ในระดับสูงถึง 258.8% นอกจากนี้ ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับ ฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตรา เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 23.4% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต�่ำ 11.0% ที่ก�ำหนดโดย ธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 19.6% และ 3.7% ตามล�ำดับ นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า ในปี 2566 เศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยกลุ่มทิสโก้ประเมินว่า จะขยายตัวที่ระดับ 3-4% มีแรงขับเคลื่อนหลักจาก ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และ การบริโภคภาคเอกชนที่มีทิศทางขยายตัวดีขึ้น ต่อเนื่องจากการจ้างงานในภาคบริการ อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ ยังคงมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจต่างประเทศที่มี แนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการ ส่งออกที่อาจหดตัวลงตามการชะลอตัวของประเทศ คู่ค้าหลักอย่างสหรัฐอเมริกา และยุโรป ด้านอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าจะทยอยปรับตัวสูงขึ้นอย่าง ต่อเนื่องตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจมาอยู่ที่ระดับ 2% ขณะเดียวกัน ท่ามกลางสถานการณ์ เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวในทิศทาง ที่ดีขึ้น ในปี 2566 นี้ กลุ่มทิสโก้ จึงเน้น “การเติบโต” โดยน�ำ ความเชี่ยวชาญในทุกแขนง มาพัฒนาต่อยอด เพื่อสร้าง ประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ภายใต้การด�ำเนินธุรกิจด้วย ความยั่งยืนด้วยกลยุทธ์ ที่ครอบคลุมในทุกมิติ ดังนี้ 1. เร่งขยาย การเติบโตธุรกิจ สินเชื่อในเชิงรุก โดย เน้นกลุ่มสินเชื่อที่มี หลักประกันที่กลุ่ม ทิสโก้มีความเชี่ยวชาญ ในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อจ�ำน�ำทะเบียน สินเชื่อเพื่อการบริโภค ด้วยการกระจายเครือข่าย อานิสงค์ ‘รายได้สินเชื ่ อ-ค่าธรรมเนียมประกัน’ จึงตั้งใจเข้ามาสานต่อสิ่งที่ บลจ.กสิกรไทย ท�ำได้ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งกองทุนให้ตอบโจทย์ ทุกความต้องการ การบริหารจัดการกองทุนให้ได้ผล การด�ำเนินงานที่ดีในทุกสภาวะตลาด การเป็นที่ปรึกษา ด้านการลงทุนอย่างจริงใจและตรงไปตรงมาทั้งกับลูกค้าและ คู่ค้า รวมถึงการพัฒนาช่องทางการลงทุน โดยเฉพาะช่องทาง ดิจิทัลให้ใช้งานได้สะดวก เข้าได้กับคนทุกวัยทุกไลฟ์สไตล์ ซึ่งทั้งหมดจะต้องอาศัยความร่วมมือของทีมงาน ในบริษัททุกคน โดยผมจะน�ำเอาทุกประสบการณ์การท�ำงานที่สั่งสมมาผสมผสาน ให้เข้ากับยุคสมัย และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไป พร้อมกัน” นายอดิศร กล่าว ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย ยังคงรักษาแชมป์ด้วยการครองส่วนแบ่ง ตลาดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม กองทุนรวม โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ ภายใต้การจัดการ (AUM) อยู่ที่ 1.37 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจกองทุนรวม 9.57 แสนล้านบาท ธุรกิจกองทุนส�ำรองเลี้ยงชีพ 2.28 แสนล้านบาท และธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล 1.87 แสนล้านบาท (ที่มา : AIMC ข้อมูลกองทุนรวม ณเดือนพฤศจิกายน 2565 และข้อมูล กองทุนส�ำรองเลี้ยงชีพ/กองทุนส่วนบุคคล ณ เดือนตุลาคม 2565) อีกทั้งยังสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศจากหลายสถาบันชั้นน�ำ ทั้งในระดับประเทศและในระดับโลก อาทิ รางวัล Best Fund House-Domestic Fixed Income จาก Morningstar Fund Awards 2022 และรางวัล Best Fund House (4 ปีซ้อน) จาก Best of the Best Awards 2022 เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็น เครื่องการันตีได้ถึงความสามารถในการบริหารจัดการกองทุน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนเป็นที่ยอมรับจากผู้ลงทุนไทยและสถาบัน การลงทุนชั้นน�ำทั่วโลก สาขาอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะการเติบโตในธุรกิจ สมหวัง เงินสั่งได้ และ TISCO Auto Cash ด้านกลุ่ม ธุรกิจบรรษัทจะมุ่งขยายการเติบโตภายใต้จุดแข็ง Total Solution ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างรอบด้าน และดีที่สุด 2. สร้างการเติบโตจากรายได้ค่าธรรมเนียม ในกลุ่มธุรกิจนายหน้าประกันภัย ธุรกิจธนบดีและตลาด ทุน โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ และน�ำเสนอบริการที่มุ่งสร้าง คุณค่าให้ลูกค้า ผ่านจุดแข็งของการเป็นที่ปรึกษา ทางการเงิน-การลงทุนที่ดี และน�ำเครื่องมือทางการเงิน ใหม่ ๆ ที่ช่วยเตรียมความพร้อมสู่ความมั่นคงทางการ เงินของลูกค้า รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า 3. ยกระดับการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัล และพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งให้ เกิดระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่สามารถ ให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน�้ำถึงปลายน�้ำ และตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าในยุคปัจจุบัน รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ขับเคลื่อนองค์กรด้วย ความยั่งยืน โดยบูรณาการเข้าไปอยู่ในทุกกระบวนการ ด�ำเนินงาน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance : ESG) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย “ในปีนี้กลุ่มทิสโก้ ปรับเป้าหมายเข้าสู่โหมด ของการเติบโต โดยยังคงด�ำเนินการภายใต้กรอบ การก�ำกับดูแลกิจการที่ดี ควบคู่กับการด�ำเนินธุรกิจ อย่างรับผิดชอบ ขณะเดียวกันจะเดินหน้าบ่มเพาะ วัฒนธรรมการสร้างนวัตกรรม (Culture of Innovation) โดยบูรณาการทั้งบุคลากร (People) ขั้นตอน (Process) เทคโนโลยี (Technology) และ ข้อมูล (Data) เพื่อให้สามารถออกแบบการให้ บริการลูกค้าในลักษณะของ Lifetime Solution ได้อย่างชัดเจนและรอบด้านขึ้น เพื่อเป็นสถาบัน การเงินที่ลูกค้าไว้วางใจและใช้บริการในระยะยาว” ศักดิ์ ชัย พีชะพัฒน์ นายศักดิ์ชัย กล่าว เดินหน้าสานต่อเป้าหมายรักษาส่วนแบ่งตลาด ‘อดิศร เสริมชัยวงศ์’ นั่ง CEO อดิศร เสริมชัยวงศ์ “ธนาคารไทยพาณิชย์” ประกาศปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ ตามแนวทางการปรับอัตราเงินน�ำส่งจาก สถาบันการเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบ สถาบันการเงิน (FIDF) กลับสู่ระดับปกติ โดยปรับขึ้น ดอกเบี้ยเงินกู้ MLR MOR และ MRR ในอัตรา 0.40% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จ�ำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ปรับเพิ่มอัตราเงินน�ำส่งจากสถาบัน การเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบ สถาบันการเงิน (FIDF) กลับสู่ระดับปกติที่ อัตรา 0.46% ต่อปี จากที่เคยปรับลดลง เหลืออัตรา 0.23% ต่อปี เป็นกรณีพิเศษ ในช่วงปี 2563-2565 เพื่อให้สถาบัน การเงินส่งผ่านต้นทุนที่ลดลงไปช่วยเหลือ ลูกหนี้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีแนวทางให้สถาบันการเงิน กลับมาส่งเงินเข้า FIDF ในอัตราเดิมตั้งแต่ ต้นปี 2566 เป็นต้นไปนั้น ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จึงมีความจ�ำเป็นต้อง ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม MLR MOR และ MRR ในอัตรา 0.40% ต่อปี ซึ่งเท่ากับอัตรา ที่ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมลงตั้งแต่เริ่มมาตรการปรับลดอัตราเงินน�ำส่งเข้า FIDF นี้ เมื่อเดือนเมษายน 2563 ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.12% เป็น 6.52% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (Minimum Loan Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.75% เป็น 6.15% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้า รายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.345% เป็น 6.745% ต่อปี ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยใหม่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ธนาคารไทยพาณิชย์ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับลูกค้าของ ธนาคารจากการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้ ดังนั้น ธนาคารจึงยังคงมาตรการพิเศษ ในการช่วยเหลือลูกค้าในด้านต่าง ๆ ต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ยังเปราะบาง โดยค�ำนึงถึง ศักยภาพและโอกาสในการปรับตัวของลูกค้าในอนาคต รับอัตราเงินน�าส่งกองทุน FIDF กลับสู่ระดับปกติ ‘ไทยพาณิชย์’ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ กฤษณ์ จันทโนทก ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566
10 << CSR >> ‘ท่าเรือประจวบ’ อาสาสานต่อ กองทุน Dow Business Impact Fund ของบริษัท Dow ได้ประกาศสนับสนุน 9 โครงการสิ่งแวดล้อมจาก 7 ประเทศ ซึ่งโครงการ “ต้นแบบศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลครบวงจร” ของประเทศไทยเป็น หนึ่งในผู้ได้รับการสนับสนุน โดยจะส่งเสริมการคัดแยกและการบริหารจัดการขยะ เพื่อส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและ สร้างรายได้ให้ชุมชน ตั้งเป้าเริ่มด�ำเนินงานร่วมกับพันธมิตรในประเทศไทยและชุมชนต้นปี 2566 งบประมาณสนับสนุนที่ได้รับจากกองทุน Dow Business Impact Fund ในปีนี้ จะน�ำไปด�ำเนินโครงการ “ต้นแบบศูนย์ นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลครบวงจร” ในปี พ.ศ. 2566 โดยกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย จะร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สถาบันพลาสติก จัดตั้งวิสาหกิจชุมชนคัดแยกและแปรรูป ขยะพลาสติกคุณภาพสูงแห่งแรกของประเทศไทยที่อ�ำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยตั้งเป้าสร้างความร่วมมือของประชาชน ในพื้นที่ เมื่อด�ำเนินการส�ำเร็จจะน�ำรายได้เสริมมาสู่ชุมชนในขณะเดียวกับที่ช่วยลดปริมาณขยะในสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าน�ำขยะ กลับมาใช้ประโยชน์ได้ประมาณปีละ 1,000-1,200 ตัน บ็อบ พลิชกา ผู้อ�ำนวยการระดับโลกด้านพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และประธานมูลนิธิ Dow กล่าวว่า “จนถึงปัจจุบัน Dow ได้สนับสนุนงบประมาณราว 350 ล้านบาท ผ่านกองทุน Business Impact Fund เพื่อแก้ปัญหาความท้าทายของโลก โครงการ ที่ผ่านการคัดเลือกในปีนี้ ล้วนให้ความส�ำคัญกับสิ่งแวดล้อมในมิติต่าง ๆ อาทิ การส่งเสริมการน�ำขยะและของเสียหมุนเวียน กลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์ การต้านโลกร้อน การอนุรักษ์น�้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความ มุ่งมั่นของ Dow ในการเร่งสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น” นอกจากโครงการในประเทศไทยแล้ว ในปีนี้กองทุนฯ ยังได้สนับสนุนเงินให้กับโครงการต่าง ๆ ทั่วโลก ในอีก 6 ประเทศ รวมทั้งหมด 9 โครงการ ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี กองทุน Dow Business Impact Fund ได้สนับสนุนโครงการเพื่อสังคม และสิ่งแวดล้อมไปแล้วกว่า 51 โครงการ จาก 21 ประเทศทั่วโลก ซึ่งช่วยรีไซเคิลขยะได้กว่า 11,000 ตัน ลดการปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้กว่า 35,000 ตัน สร้างประโยชน์ให้ผู้คนมากกว่า 1.6 ล้านคน และ ยังคงมุ่งมั่นจะส่งเสริมโครงการดี ๆ ให้สังคมและสิ่งแวดล้อมทั่วโลกต่อไป บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จ�ำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ ขยะอาหารและโภชนาการอาหารผ่านโครงการโรงเรียนรักษ์อาหารให้กับ 6 โรงเรียนในจังหวัดสมุทรสาคร และสมุทรสงคราม โครงการโรงเรียนรักษ์อาหาร เป็นโครงการที่ให้ความรู้แก่นักเรียนและคุณครูเกี่ยวกับวิธีการจัดการปัญหาเรื่องขยะอาหาร เช่น การน�ำไปท�ำเป็นปุ๋ยหมัก การสร้างความเข้าใจเรื่องอาหารส่วนเกินคืออะไร และมีวิธีการลดอย่างไรที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทาง อาหารได้ รวมถึงผลกระทบของขยะอาหารที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ยังมีการให้ความรู้เรื่องโภชนาการ อาหารและการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อการมีสุขภาพที่ดี “โครงการนี้ เป็นโครงการที่จะท�ำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่องอาหารอย่างยั่งยืน สามารถน�ำไปปรับใช้ในชีวิตประจ�ำวัน เพื่อให้ พวกเขาได้มีทักษะการบริโภคอาหารที่ดีต่อร่างกาย ถูกหลักโภชนาการ มองเห็นคุณค่าของอาหารใกล้ตัว และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากทิ้งอาหารส่วนเกินและเศษอาหารไปในสิ่งแวดล้อม และต้องการสร้างความตระหนักว่า ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมช่วยเหลือ สิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เด็กทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้โดยอาจไม่รู้ตัว โครงการนี้เป็นต้นแบบที่ดีที่เราต้องการขยาย แนวคิดเรื่องการจัดการอาหารเป็นบทเรียนที่ถูกบรรจุลงในหลักสูตรการศึกษาในยุคใหม” นางสาวศศิวรรณ ใจอาสา เจ้าหน้าที่ ประสานงานชุมชนอาวุโส มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ กล่าว นายอดัม เบรนแนน ผู้อ�ำนวยการกลุ่มความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน กล่าวว่า “ขยะอาหารเป็นความท้าทายส�ำคัญระดับ โลก และขยะอาหารนี้ยังเป็นตัวการในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยส�ำคัญอีกด้วย ไทยยูเนี่ยน มีการตั้งเป้าหมายในเรื่อง ของขยะอาหาร โดยในปี 2564 บริษัทได้ออกพันธกิจเรื่องการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร โดยมีเป้าหมายที่จะลด การสูญเสียอาหารในการผลิตอาหารประเภทบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ อาหารทะเลแช่เย็นและแช่แข็งให้ได้ 50% ภายในปี 2568 เปรียบเทียบกับตัวเลขฐานปี 2564 นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังมุ่งมั่นท�ำงานร่วมกับคู่ค้าและพันธมิตรของบริษัท เพื่อลดขยะอาหาร ที่ระดับค้าปลีกและผู้บริโภคอีกด้วย ไทยยูเนี่ยน และมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ แบ่งปันความสุขและรอยยิ้ ม มอบรักให้น้องบนดอยสูง ปี 9 กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับ ศูนย์ไทยอาสาป้องชาติในทะเล และกลุ่มสมาคม การประมง จัดกิจกรรมน้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้ง ปลาทูเค็ม และอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และ อุปกรณ์จ�ำเป็นด้านการศึกษา เพื่อน�ำไปมอบให้แก่ นักเรียนในโครงการส่วนพระองค์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศล โครงการ ตามพระราชด�ำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน โดย เริ่มด�ำเนินการตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบันในปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่ 27 บริษัท ท่าเรือประจวบ จ�ำกัด สานต่อโครงการ พระราชด�ำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน ในพื้นที่ ภาคเหนือเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ต่อเนื่อง ภายใต้โครงการแบ่งปันความสุขและรอยยิ้ม “มอบรัก” ให้น้องบนดอยสูง ปี 9 มอบอุปกรณ์การเรียน และ อุปกรณ์กีฬาให้แก่นักเรียนในโรงเรียนด้อยโอกาส ของศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง บ้านห้วยแห้ง บ้านหลังป่าข่า และบ้านปิตุคี จ�ำนวนกว่า 100 ชุด ให้กับโครงการส่วนพระองค์ สมเด็จพระเทพเตรียมดันชุมชนต้นแบบจัดการขยะในไทย Dow ทุ่ม 350 ล้าน หนุนโครงการสิ่ งแวดล้อมทั่วโลก รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยเสด็จพระราช กุศล โครงการพระราชด�ำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมี พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธี โดยมี หน่วยงานต่าง ๆ เป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อส่งมอบให้แก่ โรงเรียน และนักเรียนของสถานศึกษาในโครงการพัฒนา เด็กและเยาวชนตามพระราชด�ำริในถิ่นทุรกันดาร อ�ำเภอ อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวธิดารัตน์ ทองพิมพ์ ผู้จัดการฝ่ายบริหาร ระบบ บริษัท ท่าเรือประจวบ จ�ำกัด พร้อมด้วยพนักงาน จิตอาสาและทีมสื่อสาร น�ำอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์ เหน็ดเหนื่อยเมื่อล้าจากการเดินทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร และนี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้ขึ้นดอยไปมอบ ปลากะตักแห้ง ปลาทูเค็ม และอาหารทะเลที่มีสาร ไอโอดีน พระราชทานฯ เราเริ่มตั้งแต่กระบวนการแพค ปลากะตักแห้งลงกล่อง ขนขึ้นรถ จนส่งถึงมือผู้รับ บนดอย ลงมือเองเกือบทุกขั้นตอน ซึ่งทางบริษัท ท่าเรือประจวบ จ�ำกัด ได้เข้าร่วม โรงการนี้ป็นปีที่ 9 โดยร่วมกับทัพเรือภาคที่ 1 มอบ อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา ตลอดจนอุปกรณ์ ด้านการศึกษาให้กับโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร และเด็ก นักเรียนบนดอยเพื่อน�ำไปศึกษาเล่าเรียนเป็นประโยชน์ ด้านการศึกษาต่อไป กล้าคิด กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ทั้งด้านการศึกษา กีฬา และนันทนาการ ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต และเป็นก�ำลังส�ำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป เพราะที่ “ท่าเรือประจวบ” เรามุ่งหวังให้เด็กทุกคน ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน นางสาวอินทิรา เทอดวงศ์วรกุล เจ้าหน้าที่ สื่อสาร กล่าวว่า เป็นปีแรกที่ได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรม CSR ในกิจกรรมครั้งนี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นจนถึง ขั้นส่งมอบ “จากทะเลสู่ดอย” ภารกิจส�ำเร็จลุล่วงไป ด้วยดี ความสุขและรอยยิ้มอิ่มเอมใจ หนทางจะไกลและ ยากขนาดไหน เมื่อได้มาเห็นรอยยิ้มของเด็ก ๆ และ การต้อนรับของคณะครูและนักเรียน ท�ำให้ลืมความ ให้ความรู้เรื่องขยะอาหารและโภชนาการอาหารแก่นักเรียน กีฬา และอุปกรณ์จ�ำเป็นด้านการศึกษา เพื่อมอบให้กับ โรงเรียน และเด็กนักเรียนน�ำไปใช้ประโยชน์ทางด้าน การศึกษา ซึ่งเป็นปณิธานของบริษัทที่ต้องการมีส่วนร่วม กับชุมชนและสังคม พร้อมส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กไทย ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566
11 เซเว่นฯ หนุน SME รับเมกะเทรนด์โลก ชูกลยุทธ์ ‘SME Beyond’ โตไกลไปด้วยกัน!! เซเว่น อีเลฟเว่น ประกาศกลยุทธ์เสริมทัพพันธกิจ ส่งเสริมและสนับสนุนเอสเอ็มอี ปี 2566 ภายใต้ชื่อ “SME Beyond” เร่งปั้น 4 กลุ่มผู้ประกอบการไทย กลุ่มใส่ใจ สิ่งแวดล้อม-กลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยี-กลุ่มสินค้าท้องถิ่น ศักยภาพสูง-กลุ่มผู้ประกอบการอายุน้อย สอดรับทิศทางเมกะ เทรนด์โลก เดินเครื่องติดอาวุธองค์ความรู้แบบเข้มข้น ต่อยอด ช่องทางขายใหม่ ๆ ให้ SME หน้าใหม่ พร้อมเชิดชูคู่ค้า SME ที่มีผลงานโดดเด่น ตั้งเป้าผลักดันพัฒนา SME ศักยภาพสูง เติบโตมากกว่า 10% จากปี 2565 นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จ�ำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทยังคงด�ำเนินธุรกิจ ภายใต้ปณิธาน “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน” ผ่าน “กลยุทธ์ 3 ให้” อย่างต่อเนื่อง พร้อมได้เพิ่มกลยุทธ์ใหม่ เข้ามาเสริมทัพ ภายใต้ชื่อ “SME Beyond” จับมือเอสเอ็มอีไทย โตไกลไปด้วยกัน เพื่อร่วมสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยทุกกลุ่ม ให้เติบโตขึ้นเป็นล�ำดับสอดคล้องทิศทางโลกแห่งอนาคต กลยุทธ์ SME Beyond จะมุ่งสร้างให้เกิดเอสเอ็มอี 4 กลุ่ม คุณสมบัติ ได้แก่ 1.กลุ่มใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Green) พัฒนาสินค้า ที่มีกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือมีสินค้าที่สร้าง ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม 2.กลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยี (Innovation) พัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันเป็น ประโยชน์ต่อผู้บริโภค 3.กลุ่มสินค้าท้องถิ่นที่มีมาตรฐานโดดเด่น (High Quality Local Products) ต่อยอดสินค้าท้องถิ่นจนมี คุณภาพเหนือไปอีกขั้น และ 4.กลุ่มอายุน้อย เก่งเกินวัย (Young Entrepreneur) เป็นผู้ประกอบการอายุไม่เกิน 40 ปี ที่มีวิสัยทัศน์ พัฒนาสินค้าให้เติบโตไกล “วันนี้ เมกะเทรนด์ของโลกก�ำลังผลักดันให้ผู้ประกอบการ ทุกระดับต้องหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ต้องมีนวัตกรรม แม้กระทั่งสินค้าท้องถิ่นก็ต้องมีคุณภาพมาตรฐานที่เหนือไปอีก ระดับ ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีไทยสนใจเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว แต่ยังขาด โอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้ และขาดแรงสนับสนุนในการ เดินหน้า ซีพี ออลล์ เชื่อว่าเอสเอ็มอีเป็นรากฐานส�ำคัญทาง เศรษฐกิจของประเทศ จึงต้องการเข้ามาช่วยทั้งสนับสนุนและ ติดอาวุธให้แก่เอสเอ็มอี ควบคู่กับการสนับสนุนเอสเอ็มอีอายุน้อย โดยเฉพาะ 4 กลุ่มเป้าหมายให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตอบสนองความ เสริมทัพคาร์แชร์ริ่ ง โปรโมท EV MOBILITY ให้คนกรุง ‘อีวี ไพรมัส’ ผนึก ‘ฮ้อปคาร์’ ส่ง VOLT CITY EV บริษัท อีวี ไพรมัส จ�ากัด ผู้จัดจ�าหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบมัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) แห่งแรกของไทย ผู้ผลิตและจัดจ�าหน่าย รถยนต์ไฟฟ้า VOLT CITY EV แต่ผู้เดียว ในประเทศไทย ส่งมอบรถ VOLT CITY EV ล็อตแรกจ�านวน 10 คัน ให้แก่ บริษัท ฮ้อปคาร์ จ�ากัด (HAUP) เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าให้กระจายไปสู่กลุ่มลูกค้าที่นิยมใช้รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ในใจกลางเมือง นายพิทยา ธนาด�ำรงศักดิ์ ประธาน บริษัท อีวี ไพรมัส จ�ำกัด เปิดเผยว่า จากความร่วมมืออย่าง ใกล้ชิดระหว่าง อีวี ไพรมัส กับ ฮ้อปคาร์ เราได้มีการ ปิดดีลความร่วมมือ เสริมทัพส่งรถยนต์ไฟฟ้า VOLT CITY EV เข้าร่วมใน PLATFORM ของแอปพลิเคชัน คาร์แชร์ริ่งของ HAUP CAR โดย VOLT CITY EV เป็นรถไฟฟ้าแบบใช้ในเมือง เดินทางระยะสั้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่นิยมใช้รถยนต์ไฟฟ้า ขนาดเล็กในใจกลางเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ แบบ ไม่มีข้อผูกมัด โดยใช้บริการแบบเช่าระยะสั้น “เรามีความยินดีอย่างมากที่ฮ้อปคาร์ตัดสินใจ ใช้ VOLT CITY EV ใน PLATFORM HAUP CAR ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ จะสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้า เราและฮ้อปคาร์โดยตรง เพราะ VOLT CITY EV สามารถท�ำราคาเช่าระยะสั้นที่น่าดึงดูด และคุ้มค่าได้กว่ารถรุ่นอื่น ๆ ที่ใหญ่กว่า ในตลาด ในส่วนของเรานั้น ฮ้อปคาร์ถือเป็น ทางเลือกที่ดี มากส�ำหรับลูกค้าที่ก�ำลังรอคอยการส่งมอบรถ VOLT CITY EV สามารถสัมผัสและขับขี่รถของเรา ได้อย่างง่ายดายด้วยการจองผ่านแอปพลิเคชันของ ฮ้อปคาร์ตามระยะเวลาที่ต้องการที่เริ่มต้นเพียง 30 นาที และระยะจองนานที่สุดไม่เกิน 7 วัน” นายพิทยา กล่าว นายพิทยา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีลูกค้า จ�ำนวนมากรอการส่งมอบรถ VOLT CITY EV จาก อีวี ไพรมัส ขณะเดียวกัน คนไทยอีกไม่น้อยที่ให้ ความสนใจรถ VOLT CITY EV แต่ยังไม่มีโอกาส สัมผัสตัวรถจริง จึง ยังไม่ได้จอง รถ VOLT CITY EV ดั ง นั้ น ระบบคาร์ แชร์ริ่งของฮ้อป คาร์จึงเป็นบริการ ที่ตอบโจทย์ ลูกค้าที่ได้ จองรถ แต่ยังไม่ได้รับรถ และกลุ่มที่ยังไม่ได้จองรถกับ อีวี ไพรมัส ได้มีโอกาสสัมผัสรถ VOLT CITY EV ที่ใช้งานจริง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นรถ ที่ตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง ทางด้าน นายกฤษฎิ์ วิชัยวัฒนาพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮ้อปคาร์ จ�ำกัด กล่าว เพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริการคาร์แชร์ริ่งของบริษัท ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่ม ลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่เน้น ความสะดวกสบายในการใช้ รถเพื่อการเดินทางในภารกิจในแต่ละวัน โดย ฮ้อปคาร์มีจุดให้บริการลูกค้า มากกว่า 1,000 แห่ง ทั่วประเทศ และมีรถพร้อมให้บริการมากกว่า 2,000 คัน โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และรถเครื่องยนต์สันดาป ภายใน ตั้งแต่ขนาดเล็กกระทัดรัดไปจนถึงรถขนาดใหญ่ อีกทั้งยังสะดวกและรวดเร็วในการใช้บริการ ตามวิถี การใช้ชีวิตใน เมืองของคนรุ่นใหม่ที่เรียกว่า equal access to mobility “เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ของสังคมโลกซึ่งก�ำลังรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนก้าวไป สู่สังคม Zero Carbon ซึ่งตอนนี้เรามีรถยนต์ไฟฟ้า ให้บริการแล้ว 300 คัน และเราจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เป็น 600 คัน ในปี พ.ศ. 2568” นายกฤษฎิ์ กล่าว ฮ้อป คาร์ เป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการเช่า รถยนต์ส่วนตัวแบบคาร์แชร์ริ่ง (Car Sharing) ช่วยให้เดินทางสะดวก ทันใจ และปลอดภัย ไร้สัมผัส ทุกขั้นตอน ด�ำเนินการผ่านแอปพลิเคชัน HAUP ต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างเต็มที่” นายยุทธศักดิ์ กล่าว นายยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า การติดอาวุธจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.การติดอาวุธองค์ความรู้ ให้องค์ความรู้ เฉพาะด้าน เช่น ด้าน Green ด้าน Innovation แก่เอสเอ็มอี ทุกกลุ่ม ทั้งที่มีพื้นฐานด้านนี้อยู่แล้ว และยังไม่มีพื้นฐานมาก่อน เพื่อเพิ่มองค์ความรู้สมัยใหม่ ยกระดับขีดความสามารถ 2.การ พิจารณาให้ช่องทางขายใหม่ ๆ เปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีที่มีคุณสมบัติ ยื่นขอรับการพิจารณาเป็นคู่ค้าวางจ�ำหน่ายสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และออลล์ ออนไลน์ ได้ง่ายขึ้น เพื่อให้เอสเอ็มอี มีโอกาสเติบโต และ 3.การเชิดชูกลุ่มที่ด�ำเนินการได้ยอดเยี่ยม อยู่แล้ว พิจารณายกย่องเชิดชูเอสเอ็มอีคู่ค้าของเซเว่น อีเลฟเว่น และออลล์ ออนไลน์ ที่มีคุณสมบัติโดดเด่น เพื่อเป็นต้นแบบ เอสเอ็มอีที่ด�ำเนินการสอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลก ขณะ เดียวกันบริษัทยังคงพร้อมเดินหน้าสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย ในด้านอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย ทั้งในรูปแบบการด�ำเนินการเอง และความร่วมมือกับพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน ตั้งเป้า พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SME ให้แข็งแกร่ง ส�ำหรับ “กลยุทธ์ 3 ให้” เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักในการ สนับสนุนผู้ประกอบการ SME ของบริษัท ซีพี ออลล์ จ�ำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย 1.ให้ช่องทางขาย เพิ่มช่องทางให้ ผู้ประกอบการ SME น�ำเสนอสินค้าเพื่อจ�ำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และผ่านช่องทางออนไลน์ 2.ให้ความรู้ในการพัฒนา สินค้าจนสามารถขายได้แข่งขันได้ และ 3.ให้การเชื่อมโยง เครือข่ายผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน จัดโครงการและกิจกรรม เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ SME จัดหากรมธรรม์กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ครูประจวบฯ “ไรเดอร์ อินชัวรันส์” เดินหน้าเปิดมุมมองใหม่ การจัดการความเสี่ยงภัยผ่านโครงการ “คลินิกประกันภัย” ได้ผลเกินคาด เผยเป็นการสนองรับนโยบายรัฐ “รวมหนี้ ครูมาไว้ที่สถาบันเดียว” ส่งผลให้ดอกเบี้ยต�่ำลง ขณะที่ การประกันชีวิตสามารถรองรับการชดใช้หนี้ ถ้าเสียชีวิต ชดใช้แทนทันทีด้วยทุนสูงสุด 5 ล้านบาท นายปานวัฒน์ กูรมาภิรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จ�ำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้จัดท�ำโครงการคลีนิคประกันภัย เพื่อมุ่งเน้นให้ความรู้ด้านประกันภัยทั้งประกันชีวิตและ ประกันวินาศภัยผ่านองค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะการมุ่งเน้น ไปยังกลุ่มหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานในกลุ่มภาค ประชาสังคม อีกทั้งการขับเคลื่อนนี้มิได้มุ่งหวังผลทางด้าน การตลาด แต่ต้องการให้แต่ล่ะองค์กรที่ได้เข้าไปพบปะ พูดคุยนั้นได้เรียนรู้การบริหารความเสี่ยงภัยผ่านระบบ ประกันภัยอย่างแท้จริง และถ้าองค์กรใดมีความพร้อมก็จะ ถูกยกระดับให้เป็นคลีนิคประกันภัยประจ�ำองค์กร เพื่อท�ำ หน้าที่ไขข้อข้องใจปัญหาประกันภัยให้กับสมาชิก อีกมุมหนึ่งแม้ว่าในบางครั้ง เป็นการเข้าไปพบกลุ่ม เป้าหมายเพื่อการตลาดโดยตรง แต่บริษัทฯ จะน�ำเสนอ แนวคิดเรื่องคลีนิคประกันภัยให้กลุ่มเป้าหมายได้รับรู้ เช่นเดียวกัน แม้ว่าการพบปะนั้นจะมีผลต่อการตลาดหรือ ไม่ก็ตาม อย่างเช่นกรณีล่าสุดทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ประจวบคีรีขันธ์ ได้ตัดสินใจมอบความไว้วางใจให้บริษัท จัดหากรมธรรม์ประกันชีวิตกลุ่มให้กับสมาชิกกว่า 5,000 คน ด้วยทุนประกัน 100,000-5,000,000 บาท และเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ทางคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ ครูประจวบคีรีขันธ์ จ�ำกัด ได้มีมติอนุมัติให้ด�ำเนินการจัดท�ำ โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้สมาชิกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และตอบสนองนโยบาย ของรัฐบาลที่ให้ความส�ำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและ บุคลากรทางการศึกษา โดยมีเป้าหมายให้ข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษาที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ได้ช�ำระหนี้ ในอัตราดอกเบี้ยขั้นต�่ำ และการรวมหนี้ครูมาไว้กับสถาบัน การเงินในแหล่งเดียว ดังนั้น ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูประจวบคีรีขันธ์ จ�ำกัด จึงได้เชิญสมาชิกสหกรณ์ฯ เข้าร่วมรับฟังค�ำชี้แจง และ รายละเอียดเกี่ยวกับการรวมหนี้เพื่อให้เป็นไปในทิศทาง เดียวกัน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมงาน เป็นจ�ำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้เชื้อเชิญ บริษัท ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จ�ำกัด (มหาชน) มาให้ความรู้ในด้าน การบริหารความเสี่ยงภัยผ่านระบบประกันภัยให้กับผู้เข้า ร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย “ผลที่ได้รับจากการเข้าไปร่วมชี้แจงในครั้งนี้ คงท�ำให้ผู้ที่เข้าร่วมงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้น�ำชุมชน ได้ตระหนักถึงความส�ำคัญของการประกันภัย และเชื่อว่า คงมีการเชื้อเชิญให้ไรเดอร์ อินชัวรันส์ ไปให้ความรู้กับ สมาชิกในกลุ่มของผู้น�ำชุมชนคนนั้น ๆ นั้นก็หมายความ ว่าความพยายามที่ผมต้องการให้ผู้คนได้ตระหนักถึง ความหมายที่แท้จริงของวิชาชีพนายหน้าประกันภัย จะประสบผลอีกทางหนึ่งด้วย” นายปานวัฒน์ กล่าว ‘ไรเดอร์ฯ’ เปิดมุมมองใหม่จัดการความเสี่ยง!! ได้ง่าย ๆ เพียงแค่สมัครลง ทะเบียน กดเลือกวันเวลา จุดรับรถ และรุ่นรถยนต์ที่ต้องการใช้งาน เมื่อไปถึง รถตามเวลาที่จองไว้สามารถ ปลดล็อกรถผ่านมือถือ หรือบัตร HAUPCARD ได้ด้วยตนเอง HAUP มีบริการรถยนต์ในแอปลิเคชันอยู่ หลากหลายประเภท อาทิ รถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า EV Scooter และหลากหลายแบรนด์ ประกอบด้วย MG ZS EV, MG EP EV, MG 4 EV, Nissan Leaf, BMW iX3, BMW 530e, BMW X3e, Lexus UX 300e, Toyota Prius PHEV, Toyota C-pod, BYD Atto3 และล่าสุด VOLT CITY EV ปัจจุบันมีจุดรับรถทั่ว กรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมให้บริการในจุดจอด ใกล้ BTS/MRT และที่พักคอนโดมิเนียมต่าง ๆ เพื่อ อ�ำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการใช้งาน สามารถ เลือกเช่ารถจากจุดจอดที่ใกล้ท่านหรือที่ท�ำงาน โดย สามารถจองล่วงหน้าเพียง 15 นาทีเท่านั้น มีบริการ เช่ารถระยะสั้นตั้งแต่ 30 นาที และระยะยาวไม่เกิน 7 วัน โดยคิดค่าบริการตามเวลาและแพ็กเกจ ระยะทางที่เลือกเอง ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มเติม “เรามีปรัชญาการให้บริการลูกค้าที่ชัดเจน เรื่อง Mobility for Everyone เราอยากให้การ เดินทางเป็นเรื่องง่าย และสะดวกที่สุดส�ำหรับทุกคน ซึ่งเราต้องยอมรับว่าการเดินทางเป็นเรื่องส�ำคัญมาก ส�ำหรับบ้านเรา และเราคิดว่าคนไทยควรเข้าถึง รถยนต์ได้ ดังนั้น บริการของเราจึงเป็นทางเลือก ที่ชาญฉลาดส�ำหรับ คนไทยที่จะเข้าถึงรถยนต์ตาม หลักการ access economy และ equal access to mobility โดยไม่จ�ำเป็น ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ในการเป็นเจ้าของรถยนต์ แต่ใช้บริการของเรา ที่เปรียบเสมือนการเข้าถึงรถยนต์ แต่สามารถ น�ำเงินก้อนใหญ่ดังกล่าวไปลงทุนในทรัพย์สินอื่น ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นที่อยู่อาศัยหรือที่ดิน แทนที่จะลงทุนครอบครองทรัพย์สินที่เสื่อมค่า” นายกฤษฎิ์ กล่าว เพื่อตอบสนอง ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน บริษัทเล็งเห็นความต้องการในการใช้รถยนต์ ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขยายส่วนธรุกิจให้เช่า รถยนต์ ไฟฟ้าเต็มรูปแบบในแอปพลิเคชัน โดยการใช้ เทคโนโลยี เช่น IoT และ embeded technology solutions เพื่อความปลอดภัยในการให้เช่ารถยนต์ ปานวัฒน์ กูรมาภิรักษ์ ยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566
12 ประจำ�วันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566 เดินหน้า Green Logistics น�าร่องรถ EV TRUCK << logistics >> WHA ประกาศ 5 กลยุทธ์มุ่งสู่ Technology Company ตังเป้ารายได้รวม้ และส่วนแบ่งก�าไรจากการด�าเนินงานปกติ 5 ปี (2566-2570) ที่ 100,000 ล้านบาท พร้อมอัดฉีดงบลงทุนมูลค่า 68,500 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ลุยภารกิจ “Mission to the Sun” 9 โครงการ เปิดภาพใหญ่ปีนีกรีนโลจิสติกส์ น�้าร่อง รถบรรทุก EV 100% มุ่งลดต้นทุนทั้งระบบ WHA อัดงบลงทุน 6.85 หมื่นล้านบาท ค�ำนึงถึงความยั่งยืน ส่วนในประเทศไทยมีเป้าหมายในการตอบโจทย์ ความต้องการใหม่ ๆ ของลูกค้า ในพื้นที่อันเป็นจุดยุทธศาสตร์ ได้แก่ กรุงเทพฯ บางนา-ตราด และจังหวัดต่าง ๆ ในเขต พื้นที่อีอีซี ตลอดจนขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ไปยัง จังหวัดส�ำคัญ ๆ และพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่ส�ำคัญ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ ของดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ มีความหลากหลาย ไม่ว่า จะเป็นอาคารคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit คลังสินค้า ทั่วไป ไปจนถึงคลังสินค้าขนาดเล็ก ซึ่งสามารถตอบโจทย์ ความต้องการขององค์กรขนาดเล็ก และธุรกิจขนาด กลางและขนาดย่อม หรือ SME ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ มีแผนที่จะ สร้างการเติบโต โดยตั้งเป้าไปที่อุตสาหกรรมที่มี รายใหญ่หลายราย ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) และ ผู้เช่าหลักรายอื่น ๆ ในภาคสินค้าอุปโภคบริโภค โดย ในปี 2565 ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์มีการเปิดโครงการ และลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และ โรงงาน/คลังสินค้าส�ำเร็จรูปเพิ่มขึ้น จ�ำนวน 206,000 ตร.ม นอกจากนี้บริษัทยังได้ท�ำสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ ผลตอบแทนสูง รวมจ�ำนวน 135,000 ตร.ม ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือ ครองและบริหาร ทั้งหมด 2,720,000 ตร.ม ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ ตั้งเป้าขยายธุรกิจ ในประเทศไทย และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในประเทศ เวียดนาม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับหุ้นส่วนทางธุรกิจ โดย ยึดถือแนวทางปฏิบัติที่น�ำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ และ นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะ กรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จ�ำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า ในปี 2566 นี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ประกาศกลยุทธ์ธุรกิจไว้ 5 ข้อ ได้แก่ 1.รักษาความเป็น ที่หนึ่งในประเทศด้วยการครองอันดับหนึ่งในทุกธุรกิจ ขององค์กร 2.เร่งการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเน้น ที่ประเทศเวียดนาม 3.ใช้นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยี ใหม่ ๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า 4.สร้าง การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และ บริการใหม่ ๆ โดยเน้นแนวคิดด้านความยั่งยืนเป็นหลัก และ 5.น�ำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาไปสู่องค์กร ที่เปี่ยมประสิทธิภาพ และมุ่งสู่การเป็น Technology Company นอกจากนี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังได้ริเริ่มภารกิจ “Mission to the Sun” ซึ่งประกอบด้วย 9 โครงการ ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ รวมถึงเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และเสริมสร้าง การพัฒนาองค์กร และบุคลากรของบริษัท โดยโครงการ ที่ส�ำคัญ ได้แก่ Green Logistics, Digital Assets (Metaverse), Digital Health Tech, Circular เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ ดับบลิวเอชเอ การเติบโตสูง ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ และเฮลธ์แคร์ ผ่านการประสานความร่วมมือ กับ Key Player ระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมทั้ง การน�ำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้ อาทิ Quantum Computing, Internet of Things (IOT), Data Analytics เป็นต้น ในปี 2566 บริษัทคาดว่าจะมีการส่งมอบโครงการ ใหม่และสัญญาใหม่ คิดเป็นพื้นที่รวม 200,000 ตร.ม 165,000 ตร.ม. ในประเทศไทย และ 35,000 ตร.ม. ในประเทศเวียดนาม) ให้แก่กลุ่มลูกค้า อาทิ ผู้ให้บริการ ด้านโลจิสติกส์ (3PL) ภาคสินค้าอุปโภค-บริโภค และ ภาคการค้าปลีก โดยคาดว่าสินทรัพย์รวมภายใต้ กรรมสิทธิ์และการบริหารจะสูงถึง 2,900,000 ตร.ม ทั้งนี้ ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ ยังได้ตั้งเป้าขายสินทรัพย์ พื้นที่ 142,000 ตร.ม ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 3,250 ล้านบาท “ในปี 2565 เราได้เห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ มีการเซ็น สัญญาดีลใหญ่ ๆ และโครงการที่สร้างมูลค่าเพิ่มทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ท�ำให้เราสามารถ เติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมยังคงรักษาสถานะ ทางการเงินที่แข็งแกร่งต่อไป และด้วยกลยุทธ์ธุรกิจ ของดับบลิวเอชเอ ท�ำให้เรามั่นใจเป็นอย่างมากว่า จะสามารถก้าวไปสู่การเป็น Technology Company ภายในปี 2567 และมีการเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่าง แน่นอน” นางสาวจรีพร กล่าว กรุ๊ป วางงบลงทุน 68,500 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 2566-2570) โดยเป็นงบลงทุนส�ำหรับ 4 กลุ่มธุรกิจ ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้แก่ โลจิสติกส์ จ�ำนวน 17,000 ล้านบาท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จ�ำนวน 29,000 ล้านบาท WHAUP จ�ำนวน 18,500 ล้านบาท และดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จ�ำนวน 4,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ที่ 100,000 ล้านบาท ส�ำหรับปีนี้ภาพใหญ่ที่เร่งเดินหน้าคือ กรีนโลจิสติกส์ ตั้งเป้าให้มีรถบรรทุก EV ในการขนส่ง 80,000 คัน ภายใน 3 ปีข้างหน้า ส่วนในปีนี้ตั้งเป้ารถบรรทุก EV ไว้ที่ 10,000 คัน ซึ่งการท�ำธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งจะแข่งขัน เรื่องต้นทุน การน�ำรถ EV มาใช้ในธุรกิจเป็นการยกระดับ ด้านขนส่งและโลจิสติกส์ และช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ ของประเทศด้วย อีกทั้งเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าในปัจจุบัน เรื่องกรีนโลจิสจิสติกส์ ไม่ได้ท�ำเฉพาะรถ EV เท่านั้น แต่ จะมีการเชื่อมโยงกับธุรกิจของกลุ่มทั้งระบบ รวมถึง พลังงานสะอาดด้วย ในส่วนของ ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ ภายหลัง จากการเปิดตัวโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 บนเนื้อที่รวม 400 ไร่ บริษัท ได้มีการลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่ร้อยละ 68 ของเฟส 1 หรือ 130,000 ตร.ม กับลูกค้าที่ด�ำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซ