รายงาน
เรื่อง ประวตั ินกั ดนตรี
จดั ทำโดย
นางสาว กนกกร ทองอินทร์
ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5/1 เลขท่ี 9
เสนอ
คุณครู เมธาสิทธ์ิ แกว้ อยู่
รำยงำนฉบับนีเ้ ป็ นส่วนหน่ึงของรำยวชิ ำดนตรี
โรงเรียนพลูหลวงวทิ ยำ(วดั โคกพลู)
ภำคเรียนท่ี 2 ปี กำรศึกษำ 2564
คำนำ
รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าดนตรีช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่5
จดั ทาข้ึนเพือ่ เป็นการศึกษาเกี่ยวกบั ประวตั ินกั ดนตรีไทยสากล
โดยหวงั จะนาไปใชใ้ นการประกอบการคน้ ควา้ ได้ การจดั ทา
รายงานไดท้ าการคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มูลจากเวป็ ไซตแ์ ละ
บทความต่างๆ
ผเู้ ขียนรายงานหวงั วา่ จะเป็นประโยชนแ์ ก่ผสู้ นใจบา้ งตาม
สมควรหากมีขอ้ ผดิ พลาดประการใดในรายงานเล่มน้ีกต็ อ้ งขอ
อภยั ไว้ ณ ที่นี่ดว้ ย
เรียบเรียงโดย
นางสาว กนกกร ทองอนิ ทร์
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5/1 เลขท่ี 9
23/12/2564
สารบญั
เร่ือง หน้า
เอือ้ สนุ ทรสนาน 3
ชยั ยทุ ธ โตสง่า 10
พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมหม่ืนพิไชยมหนิ ทโรดม 13
โยฮนั เนิส บรามส์ 16
โรแบรท์ อเลค็ ซนั เดอร์ ชมู นั 21
บรรณาณกุ รม 25
เออื้ สุนทรสนาน
เป็นนกั รอ้ ง นกั ประพนั ธเ์ พลงและหวั หนา้
วงดนตรสี นุ ทราภรณ์ หนง่ึ ในผบู้ กุ เบกิ วงการ
เพลงไทยสากล โดยรเิ รมิ่ กอ่ ตงั้ สมาคมดนตรี
แหง่ ประเทศไทยในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ทงั้ มี
ผลงานมากมายจนนบั ไมถ่ ว้ นเป็นทคี่ นุ้ เคย
ของผฟู้ ังมากวา่ ครง่ึ ศตวรรษ
เชน่ เพลงเทศกาล, เพลงประจาจงั หวดั
และสถาบนั การศกึ ษา, สดดุ /ี ปลกุ ใจ ซงึ่ คาดวา่ มีมากกวา่ 2,000 เพลง เช่น รา
วงลอยกระทง ราวงเรงิ สงกรานต์ นางฟ้าจาแลง เป็นตน้
ประวตั ิ
ใน พ.ศ. 2550 กระทรวงวฒั นธรรม ไดเ้ สนอตอ่ องคก์ ารยเู นสโกในวาระ
ครบรอบ 100 ปีชาตกาลเพ่ือใหเ้ ป็นบคุ คลดเี ดน่ ของโลก และไดร้ บั ยกยอ่ งเป็น
บคุ คลสาคญั ของโลกสาขาวฒั นธรรมดนตรไี ทยสากล ใน พ.ศ. 2552เกิดเม่ือ
วนั เสารท์ ี่ 21 มกราคม พ.ศ. 2453 ณ ตาบลโรงหีบ อาเภออมั พวา จงั หวดั
สมทุ รสงคราม บิดาชื่อ นายดี สนุ ทรสนาน มารดาช่ือ นางแส สนุ ทรสนาน มี
นามเดมิ วา่ "ละออ" ตอ่ มา บิดาใหน้ ามใหมเ่ ป็น "บญุ เอือ้ " และไดม้ าเปล่ยี นอีก
ครงั้ ในสมยั จอมพล ป. พิบลู สงคราม เป็น "เอือ้ " มีพน่ี อ้ งรว่ มบดิ ามารดา
เดียวกนั 3 คน
เรยี นหนงั สือท่โี รงเรยี นวดั ใหมร่ าษฎรบ์ รู ณะในจงั หวดั สมทุ รสงคราม เมื่อ
เขา้ ศกึ ษาไดเ้ พยี งปีเศษ ใน พ.ศ. 2460 บดิ าไดพ้ าเขา้ กรุงเทพมหานคร พกั
อาศยั อยกู่ บั หม่ืนไพเราะพจมาน ผเู้ ป็นพี่ชาย ซงึ่ รบั ราชการเป็นคนพากยโ์ ขน
ในกรมมหรสพตอ่ มาเขา้ เรยี นท่ีโรงเรยี นวดั ระฆงั โฆสิตารามจนจบชนั้
ประถมศกึ ษาซง่ึ เป็นระยะเวลาเดียวกบั ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้
เจา้ อยหู่ วั ทรงตง้ั โรงเรยี นพรานหลวงขนึ้ ทีส่ วนมิสกวนั ทจี่ ดั ตงั้ ขนึ้ เพ่ือสอนวชิ า
สามญั ตามปกติ (ภาคเชา้ ) และวิชาดนตรที กุ ประเภท (ภาคบา่ ย) ครูเอือ้ เลือก
เรยี นดนตรฝี ร่งั ตามความถนดั กบั ครูผฝู้ ึกสอนคอื ครูโฉลก เนตตะสตุ และ
อาจารยใ์ หญ่คือ อาจารยพ์ ระเจนดรุ ยิ างค์
หลงั จบชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ในปี 2465 พระเจนดรุ ยิ างคเ์ ห็นวา่ มี
ความสามารถพิเศษทางดา้ นดนตรี จงึ ใหห้ ดั ไวโอลิน ละแซก็ โซโฟน ทง้ั ยงั ให้
เปลยี่ นมาเรยี นดนตรเี ต็มวนั สว่ นวิชาสามญั นนั้ ใหง้ ดเรยี นตง้ั แตช่ น้ั
มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เป็นตน้ มา
ชวี ติ การทางาน
สองปีตอ่ มา เมอื่ อายไุ ดเ้ พยี ง 12 ขวบ ความสามารถเป็นทีป่ ระจกั ษช์ ดั ตอ่
คณาจารยท์ ง้ั หลาย จงึ ไดใ้ หเ้ ขา้ รบั ราชการประจา กองเครอื่ งสายฝร่งั หลวงใน
กรมมหรสพ กระทรวงวงั รบั พระราชทานยศเป็น "เด็กชา" เงนิ เดอื น 5 บาท เมื่อ
พ.ศ. 2467 กระท่งั มคี วามชานาญมากขนึ้ จงึ ไดเ้ ลือ่ นขนึ้ ไปเลน่ วงใหญ่ใน พ.ศ.
2469 เงนิ เดอื นเพ่มิ เป็น 20 บาท และ สองปีตอ่ มากไ็ ดร้ บั พระราชทานยศ
"พนั เด็กชาตร"ี และ "พนั เดก็ ชาโท" ในปีถดั ไป
ใน พ.ศ. 2475 ไดโ้ อนไปรบั ราชการสงั กดั กรมศิลปากรในสงั กดั กอง
มหรสพ และใน พ.ศ. 2478 หลวงวจิ ิตรวาทการเป็นอธิบดีกรมศิลปากร ไดร้ บั
เงินเดือนขนึ้ เป็น 40 บาท และ 50 บาทใน สองปีตอ่ มา
นอกจากรบั ราชการในกรมศิลปากรแลว้ ยงั มโี อกาสไดร้ ว่ มงานกบั คณะ
ละครรอ้ งที่มีช่ือเสียงในยคุ นน้ั เชน่ คณะของ แมเ่ ลอื่ น ไวณนุ าวิน และไดแ้ ตง่
ทานองเพลง ยอดตองตอ้ งลม ขนึ้ นบั เป็น เพลงแรกท่แี ตง่ ทานอง (เฉลมิ บณุ ย
เกียรติ ใสค่ ารอ้ ง) ในปีเดยี วกนั นน้ั ไดข้ บั รอ้ งเพลง นาฏนารี (คกู่ บั นางสาว
วาสนา ละออ) ซง่ึ ถือวา่ เป็น เพลงแรกท่ีไดข้ บั รอ้ งบนั ทกึ เสยี ง
จนอายไุ ด้ 26 ปี ใน พ.ศ. 2479 มโี อกาสเลน่ ดนตรปี ระกอบภาพยนตร์
เสียงในฟิลม์ "ถ่านไฟเกา่ " สรา้ งโดยบรษิ ัทไทยฟิลม์ (ของพระเจา้ วรวงศเ์ ธอ
พระองคเ์ จา้ ภาณพุ นั ธย์ คุ ล, หลวงสขุ มุ นยั ประดิษฐ์, นายพจน์ สารสนิ และ
นายชาญ บนุ นาค) และยงั ไดร้ อ้ งเพลง ในฝัน แทนเสยี งรอ้ งของพระเอก ตอ่ มา
ไดเ้ ป็นหวั หนา้ วงดนตรฟี ิลม์ ดว้ ย
จากงานใหญ่ทส่ี รา้ งช่ือเสียงจงึ มคี วามคิดตงั้ วงดนตรขี นึ้ ในปีถดั มา
เรยี กชื่อวงตามจดุ กาเนดิ คือ "ไทยฟิลม์ " ตามช่ือบรษิ ัทหนงั แตต่ อ้ งสลายตวั
เมือ่ ไทยฟิลม์ เลิกกิจการไปหลงั จากนนั้ เพยี งปีเศษ
กรมโฆษณาการ
ปีตอ่ มาทางราชการไดป้ รบั ปรุงสานกั งานโฆษณาการ เชิงสะพานเสยี้ ว
และยกฐานะขนึ้ เป็นกรมโฆษณาการ นายวลิ าศ โอสถานนท์ อธิบดี นายวลิ าศ
เห็นวา่ เมื่อมสี ถานีวทิ ยขุ องรฐั บาลแลว้ ก็ควรจะมีวงดนตรปี ระจาอยู่ จงึ ไดน้ า
ความคิดไปปรกึ ษาหลวงสขุ มุ นยั ประดิษฐ์ คณุ หลวงตระหนกั ถึงฝีไมล้ ายมือ
ของเอือ้ และคณะอย่แู ลว้ จงึ ไดแ้ นะนาวา่ ควรจะยกวงของเอือ้ มาอย่กู รม
โฆษณาการ โดยการโอนอตั รามาจากกรมศิลปากร อนั เป็นทม่ี าของวงดนตรี
กรมโฆษณาการ ซงึ่ ตอ่ มาเปลีย่ นช่ือเป็น วงดนตรกี รมประชาสมั พนั ธ์ เอือ้
สนุ ทรสนาน เป็นหวั หนา้ วงเม่ือวนั ที่ 20 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2482 (ในรชั กาล
สมยั พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล)
ครอบครัว
สมรสกบั อาภรณ์ กรรณสตู ธิดาพระยาสนุ ทรบรุ ี และคณุ หญิงสองิ้ กรรณ
สตู เมอ่ื วนั ท่ี 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 มีบตุ ร 1 คน คอื นางอตพิ ร เสนะวงศ์
(สมรสกบั พล.ต.ท. สนั ติ เสนะวงศ)์ และมีบตุ รชายอีกหนงึ่ คนอนั เกิดกบั โฉม
ฉาย อรุณฉาน ช่ือวา่ สรุ นิ ทร สนุ ทรสนาน
ตาแหน่งการงาน
เมอ่ื คราวนาวงดนตรไี ปแสดงที่โรงภาพยนตรโ์ อเดยี น ใน พ.ศ. 2482 สรุ ฐั
พกุ กะเวส ซงึ่ เป็นเลขานกุ ารของโรงแรมรตั นโกสินทร์ ในฐานะผจู้ ดั เห็นวา่ เป็น
การไมเ่ หมาะหากนาวงดนตรขี องราชการไปบรรเลงในโรงภาพยนตรเ์ อกชน
จงึ หารอื กนั วา่ ควรใชช้ ่ือวงเป็นอย่างอ่ืน ในตอนนน้ั เอือ้ ตกหลมุ รกั อาภรณ์ จงึ
ไดจ้ งั หวะนานามสกลุ ของตนเองไปรวมกบั ช่ือของคนรกั ซงึ่ รวมกนั แลว้ ก็ไดช้ ่ือ
วงวา่ สนุ ทราภรณ์
ใน พ.ศ. 2495 ไดเ้ ป็นหวั หนา้ แผนกบนั เทงิ ตา่ งประเทศจนกระท่งั เกษียณ
ใน พ.ศ. 2514 และทางกรมประชาสมั พนั ธไ์ ดจ้ า้ งพิเศษใหด้ าเนินตาแหนง่
ผเู้ ช่ียวชาญการดนตรตี อ่ อีก 2 ปี จนออกจากงานอยา่ งถาวรใน พ.ศ. 2516 ใน
ปีนี้ ยงั ไดร้ บั พระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ แต่งตงั้ เป็นสมาชิกคนหนงึ่ ใน
สมชั ชาแหง่ ชาติ (เมือ่ วนั ท่ี 10 ธนั วาคม พ.ศ. 2516)
ถึงแมไ้ มไ่ ดร้ บั ความกา้ วหนา้ ในวงการราชการเทา่ ท่คี วรแตส่ ่งิ สงู สดุ ท่ี
บารุงจิตใจอยตู่ ลอดมาคอื พระมหากรุณาธิคณุ จากพระบาทสมเด็จพระ
ปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชและสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ิติ์
พระบรมราชนิ ีนาถ กลา่ วคือ วนั แหง่ ความปลาบปลืม้ ท่ีสดุ วนั หนงึ่ ในชีวิตนกั
ดนตรคี ือการไดร้ บั พระราชทานเหรยี ญรูปเสมาทองคาที่มีพระปรมาภิไธยยอ่
ภ.ป.ร. จากพระหตั ถข์ องพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ในโอกาสครบรอบ 30
ปี วงดนตรสี นุ ทราภรณ์ ในวนั ท่ี 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512ถึงแก่อนจิ กรรม
ตลอดระยะเวลา 42 ปีของการทางาน ครูเอือ้ ไมเ่ คยพกั ผอ่ นเลย ปกติเป็น
ผทู้ มี่ ีสขุ ภาพแขง็ แรง ทางานหนกั และอดนอนเกง่ จนกระท่งั ถงึ ปลายปี 2521
เรม่ิ มีอาการไขส้ งู เป็นระยะ ๆ แพทยไ์ ดเ้ อกซเรยต์ รวจพบกอ้ นเนือ้ รา้ ยขนาดเทา่
ลกู เทนนิสท่บี รเิ วณปอดดา้ นขวา จงึ ไดเ้ รมิ่ รกั ษา แตก่ ็ยงั คงทางานตามปกติ
จนถงึ ปลายปี 2522 มอี าการทรุดหนกั จงึ เขา้ ไปรกั ษาท่โี รงพยาบาล แลว้ ก็
กลบั ไปรกั ษาที่บา้ นตอ่
ในชว่ ง พ.ศ. 2523 ไดเ้ ดินทางพรอ้ มกบั นายกรฐั มนตรี และคณะกรรมการ
สมาคมดนตรแี หง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ เพอ่ื เขา้ เฝา้
พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช ณ พระตาหนกั ภพู านราช
นิเวศน์ จงั หวดั สกลนคร และไดข้ บั รอ้ งเพลงถวายเป็นครงั้ สดุ ทา้ ย คือ เพลง
พรานทะเล
ตง้ั แตเ่ ดือน ธนั วาคม พ.ศ. 2523 เป็นตน้ มา สขุ ภาพทรุดลงเป็นลาดบั จน
เม่ือถึงวนั ท่ี 1 เมษายน พ.ศ. 2524 ถึงแกอ่ นจิ กรรม รวมอายไุ ด้ 71 ปี 2 เดอื น
11 วนั
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทรงพระกรุณาโปรด
เกลา้ ฯ พระราชทาน นา้ หลวงอาบศพ หีบทองทราย ฉตั รเบญจา ป่ีไฉนกลอง
ชนะประโคม และ รบั ศพไวใ้ นพระบรมราชานเุ คราะหโ์ ดยตลอด พระราชทาน
เพลงิ ศพ ณ เมรุหลวงหนา้ พลบั พลาอิศรยิ าภรณ์ วดั เทพศิรนิ ทราวาส กรุงเทพฯ
ในวนั ที่ 22 มนี าคม พ.ศ. 2525
เกียรตยิ ศ
โลเ่ กียรติยศพระราชทานในฐานะศิลปินตวั อยา่ ง (ผปู้ ระพนั ธเ์ พลง) ใน
งานรางวลั แผ่นเสียงทองคาพระราชทาน ครงั้ ที่ 4 ประจา พ.ศ. 2523 - 2524
โดยมีนางอติพร เสนะวงศ์ (สนุ ทรสนาน) บตุ รเี ป็นผรู้ บั แทน
ใน พ.ศ. 2559 กระทรวงวฒั นธรรมไดป้ ระกาศยกยอ่ งเชดิ ชเู ป็น "บรู พ
ศลิ ปิน สมยั กรุงรตั นโกสนิ ทร์ สาขาศลิ ปะการแสดง" โดยมกี ารเชดิ ชเู กียรติ
ศิลปินผลู้ ว่ งลบั ซงึ่ มคี ณุ ปู การตอ่ งานดา้ นศิลปวฒั นธรรมของชาตอิ นั เป็นที่
ประจกั ษต์ อ่ สงั คม ควรคา่ แกก่ ารเคารพยกย่องซง่ึ อนชุ นรุน่ ตอ่ มาไดพ้ ฒั นาและ
สบื ทอดใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ มาจนปัจจบุ นั ซงึ่ ในโอกาสดงั กลา่ วสมเดจ็ พระเทพ
รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม
พระราชทานชื่อสาหรบั ศลิ ปินผลู้ ว่ งลบั วา่ “บรู พศลิ ปิน”
ภาพยนตร์
แตง่ ทานองเพลงประกอบภาพยนตร์ เชน่ ศาสนารกั , ปรชั ญาขีเ้ มา ใน
"ศาสนารกั นางโจร" (2493), ชายชาติเสือ ใน "เสอื ดา" กบั ลกู นา้ เคม็ ใน "สาว
นา้ เคม็ " (2494), กลน่ิ รา่ ใน "นเรศวรมหาราช" (2500) ฯลฯ
ปรากฏตวั พิเศษครง้ั แรกครงั้ เดยี วในชีวติ และรว่ มขบั รอ้ งเพลง รม่ เกลา้ ใน
"เงนิ เงนิ เงิน" ของ บรษิ ัทละโวภ้ าพยนตร์ เมอื่ พ.ศ. 2508
ชัยยุทธ โตสงา่
ประวัติ
ชยั ยทุ ธเกิดท่กี รุงเทพเรมิ่ เรยี นดนตรไี ทยที่
บา้ นโตสงา่ และวทิ ยาลยั นาฏศลิ ป์
กรุงเทพฯ สาเรจ็ การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญา
ตรที ี่คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์
มหาวิทยาลยั ภาควิชาดนตรศี กึ ษา ในปี
พ.ศ. 2537 ไดศ้ กึ ษาระนาดเอกกบั ครูสพุ จน์ โตสงา่ , ครูบญุ ยงค์ เกตคุ ง, ครู
สริ ชิ ยั ชาญ ฟักจารูญ, ครูณฐั พงษ์ โสวตั ร, ครูทนง แจ่มวมิ ล ศกึ ษาการ
ประพนั ธบ์ ทรอ้ ยกรองกบั ครูจาเนียร ศรไี ทยพนั ธแ์ ละ อ.เนาวรตั น์ พงษไ์ พบลู ย์
, ศกึ ษาระนาดทมุ้ กบั ครูสบื ศกั ดิ์ ดรุ ยิ ประณีต ศกึ ษาฆอ้ งวงใหญ่ไทย-มอญกบั
ครูธีระศกั ดิ์ ชมุ่ ชศู าสตรแ์ ละศกึ ษาทางดา้ นการขบั รอ้ งเพลงไทยเดมิ กบั ครูสี
นาฏ (บรรจง) เสรมิ ศริ ,ิ ครูสดุ จติ ต์ ดรุ ยิ ประณีต, ครูอรทยั ทบั พร และครูอีก
หลายทา่ นท่ีวิทยาลยั นาฏศลิ ป์ กรุงเทพ และศกึ ษาดา้ นการประพนั ธแ์ ละการ
เรยี บเรยี งเพลงไทยกบั ครูสพุ จน์ โตสง่าและครูบญุ ยงค์ เกตคุ ง ศกึ ษาการตี
กลองไทยตา่ ง ๆ กบั ครูสมพงษ์ นชุ พจิ ารณ,์ ครูปฐมรตั น์ ถ่ินธรณี, ครูสมาน
นอ้ ยนิตย,์ ครูธีระพล นอ้ ยนิตย,์ ครูสหรฐั ปลืม้ ปรชี า และศกึ ษาดา้ นหลกั การ
ดนตรสี ากลกบั ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ พนั เอกชชู าติ พทิ กั ษากร ศกึ ษาดา้ นการ
บนั ทกึ เสยี งและเทคนิคการออกแบบเสยี งในหอ้ งบนั ทกึ เสยี งจาก อ.ชาญชยั
ศรที องแจง้
ชยั ยทุ ธเคยเป็นอาจารยพ์ ิเศษสอนทีภ่ าควชิ าดนตรศี กึ ษา คณะครุ
ศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั เมอ่ื ปี พ.ศ. 2543-2546
ปัจจบุ นั ชยั ยทุ ธทางานดนตรไี ทยรว่ มสมยั ทงั้ รบั แสดงและรบั ประพนั ธเ์ พลง
เนือ้ รอ้ ง ทานอง และสอนดนตรไี ทยใหก้ บั ผทู้ ส่ี นใจ /มค.2558 ชยั ยทุ ธ โตสง่า
เรยี บเรยี งเพลง"วฒั นธรรม"อนั เป็นคา่ นิยมประการที่ 5 ของ คสช.ขบั รอ้ งโดย
หลวิ อารดา โดยกิจการพลเรอื นทหารบก /กพ.2558 ชยั ยทุ ธ โตสง่าทาเพลง
ประกอบภาพยนตร"์ ขรวั โต" ชีวประวตั ิของสมเดจ็ พฒุ าจารยโ์ ต พรหมรงั สี ทงั้
เรอื่ ง / ป๋ อมชยั ยทุ ธ โตสง่าสรา้ งปรากฏการณ์ ใหมอ่ ีกครงั้ ดว้ ยการออกผลงาน
เพลงลกู ทงุ่ โดยใชว้ งดนตรไี ทยรว่ มสมยั มารว่ มทาดนตรโี ดยแตง่ เนือ้ รอ้ ง-
ทานองเอง เรว็ ๆนี(้ ปลายกค.-ตน้ สค.2560)กบั บรษิ ัทอารส์ ยาม ติดตามไดใ้ น
สอื่ อารส์ ยาม
ลักษณะผลงาน
ผลงานดนตรขี องชยั ยทุ ธมีลกั ษณะเฉพาะตวั ชดั เจนมาก เสียงระนาดที่เขา
บรรเลงและวิธีการบรรเลงระนาดของเขามเี อกลกั ษณจ์ ดจาไดง้ า่ ยประหนงึ่
เสยี งรอ้ งเพลงของมนษุ ย์ ลกั ษณะงานทช่ี ยั ยทุ ธคดิ ออกมาไมค่ อ่ ยซา้ แบบใคร
และหาผทู้ าเหมือนหรอื คลา้ ยไดย้ าก เพราะงานดนตรขี องชยั ยทุ ธเกิดจากการ
บม่ ประสบการณด์ นตรขี องเขาเอง ไมย่ ดึ ตดิ เกินไป ไมห่ ลดุ กรอบเกินไป งาน
ดนตรขี องชยั ยทุ ธเป็นท่ีรูจ้ กั แพรห่ ลายมาจากกลมุ่ คนเลน่ ดนตรกี ่อนและจาก
การท่ผี ลงานของชยั ยทุ ธคนท่วั ไปสามารถเขา้ ถงึ ไมย่ ากจงึ แพรห่ ลายสกู่ าร
ยอมรบั ของผชู้ มผฟู้ ังดนตรที ่วั ไป
จนไดร้ างวลั สีสนั อวอรด์ ถึงสองครง้ั ในปี 2539 และ 2544 และรางวลั ศลิ ปาธร
แหง่ ชาตใิ นปี 2553 ศาสตราจารยน์ ายแพทย์ พนู พศิ อมาตยกลุ เคยกลา่ วว่า
ผลงานเพลงและการแสดงดนตรที ่ชี ยั ยทุ ธสรา้ งสรรคห์ ลายงานมคี วามงามที่
สามารถผลกั ดนั ใหเ้ ป็นผลงานชิน้ เอกในระดบั นานาชาติ
ผลงานเพลง
Siamese Samba (2538) ไพซีส มวิ สกิ
Andaman Sun (2541) อินแอนดอ์ อน ออนปา้
Spicy Brazil (2543) ไพซีส มวิ สกิ
Bangkok Xylophone (2547) จีเอม็ เอ็ม แกรมมี่
ระนาดนฤมติ 1-2 (2551) โอเชียน มีเดยี
ระนาดนฤมติ 3-4 (2552) โอเชยี น มีเดีย
ไมเนอรเ์ ชนจ์ 1-2 (2553) โอเชยี น มเี ดยี
หลงรกั เธอ (2560) อารส์ ยาม
พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหมนื่ พไิ ชยมหนิ ทโรดม
พระประวตั ิ
มพี ระนามเดมิ ว่า พระเจา้ ลกู ยาเธอ พระองคเ์ จา้ เพญ็ พฒั นพงษ์ เป็นพระราช
โอรสในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั ประสตู ิแตเ่ จา้ จอมมาร
ดามรกฎ เป็นอธิบดีกรมเพาะปลกู ตน้ ราชสกลุ เพญ็ พฒั นเ์ ป็นผนู้ ิพนธเ์ พลง
ลาวดาเนินเกวียน หรอื ลาวดวงเดือน
พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหม่นื พชิ ยั มหินทโรดม มีพระนามเดมิ วา่ พระเจา้ ลกู
ยาเธอ พระองคเ์ จา้ เพญ็ พฒั นพงษ์ เป็นพระราชโอรสพระองคท์ ่ี 41 ใน
พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
อนั ประสตู ิแต่เจา้ จอมมารดามรกฎ ธิดาของเจา้ พระยามหนิ ทรศกั ดธิ์ ารง (เพง็
เพ็ญกลุ ) ประสตู เิ มื่อวนั ท่ี 13 กนั ยายน พ.ศ. 2425 เสด็จไปศกึ ษาทางดา้ น
เกษตรศาสตรจ์ ากประเทศองั กฤษ สาเรจ็ การศกึ ษาเม่อื พ.ศ. 2446 ขณะพระ
ชนั ษา 20 ปี กลบั มารบั ราชการเป็นผชู้ ่วยปลดั ทลู ฉลองกระทรวงเกษตราธิการ
ในปี พ.ศ. 2445 พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั มพี ระราชวนิ ิจฉยั
ใหอ้ ดุ หนนุ การทาไหมและทอผา้ ของประเทศ โดยไดว้ า่ จา้ ง ดร.คาเมทาโร่ โท
ยามา่ จากมหาวิทยาลยั โตเกียว ทดลองเลยี้ งไหมตามแบบฉบบั ของญี่ป่ นุ
สอนและฝึกอบรมนกั เรยี นไทยในวิชาการเลยี้ งและการทาไหม พรอ้ มกบั สรา้ ง
สวนหมอ่ นและสถานีเลีย้ งไหมขนึ้ ทตี่ าบลศาลาแดง กรุงเทพ ทรงจดั ตง้ั กอง
ชา่ งไหมขนึ้ ในกระทรวงเกษตราธิการ ตอ่ มา วนั ที่ 30 กนั ยายน พ.ศ. 2446
กระทรวงเกษตราธิการไดร้ วมกองการผลติ , กองการเลยี้ งสตั ว์ และกองชา่ ง
ไหม ตง้ั ขนึ้ เป็น "กรมช่างไหม" โดยมี พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื พิไชยมหนิ ท
โรดม เป็นอธิบดกี รมชา่ งไหมพระองคแ์ รก
งานหลกั ของกรมช่างไหม คอื การดาเนินงานตามโครงการของสถานีทดลอง
เลยี้ งไหม เรมิ่ ดว้ ยการก่อตงั้ โรงเรยี นสอนการทาไหมขนึ้ ในพระราชวงั ดสุ ิต เม่อื
เดอื นพฤศจิกายน พ.ศ. 2446 และเปิดโรงเรยี นสอนการทาไหมขนึ้ ที่ปทมุ วนั
เรยี กวา่ "โรงเรยี นกรมช่างไหม" เมอ่ื วนั ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2447 โดยมี
วตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื สรา้ งผเู้ ช่ียวชาญ ศกึ ษาวิจยั และฝึกพนกั งานคนไทยขนึ้ แทน
คนญี่ป่นุ ในเวลาต่อมาโรงเรยี นแหง่ นีไ้ ดพ้ ฒั นาเป็นมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
วงั ทีป่ ระทบั ของกรมหมน่ื พิไชยมหินทโรดม เป็นบา้ นของเจา้ พระยามหนิ ทร
ศกั ดธิ์ ารง (เพ็ง เพญ็ กลุ ) บิดาของเจา้ จอมมารดามรกฎ มีช่ือเรยี กว่าวงั ทา่
เตยี น (เรยี กช่ือตามสถานทีต่ ง้ั วงั เชน่ เดียวกบั วงั ทา่ เตียนหรอื วงั จกั รพงษข์ อง
พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ จลุ จกั รพงษ)์ มีโรงละครอย่โู รงหนงึ่ ในสมยั นน้ั
เรยี กกนั วา่ ปรนิ สเ์ ทยี เตอร์
วนั ท่ี 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2451 ไดร้ บั สถาปนาเป็นพระเจา้ ลกู ยาเธอ กรม
หมน่ื พไิ ชยมหนิ ทโรดม ทรงศกั ดินา 15000
สนิ้ พระชนม์
พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนพิไชยมหนิ ทโรดม ประชวรวณั โรคภายในมา
นาน แมพ้ ระบดิ าจะพระราชทานหมอหลวงมาถวายการรกั ษา พระอาการก็ยงั
ทรงและทรุดจนสนิ้ พระชนมเ์ มอ่ื วนั ท่ี 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 เวลา 16.08
น. พระชนั ษา 28 ปี ในคืนนนั้ พระบรมวงศานวุ งศม์ ีสมเด็จพระบรมราชินีนาถ
และสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช ตลอดทง้ั เสนาบดสี รงนา้ พระศพ เจา้ พนกั งาน
เชิญพระศพลงในพระลอง ประดษิ ฐานบนแวน่ ฟ้า 2 ชน้ั ประกอบพระโกศ
มณฑปใหญ่ แวดลอ้ มดว้ ยเครอื่ งสงู 9 องค์ พระสงฆม์ ีหมอ่ มเจา้ พระศีลวราลงั
การ (เนตร) เป็นประธานสวดสดบั ปกรณ์
โยฮันเนิส บรามส์
ชีวประวตั ิและผลงาน
บรามสเ์ กิดเมอื่ วนั ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ2376
(ค.ศ. 1833) ทน่ี ครฮมั บวรค์ ประเทศ
เยอรมนี
บดิ าของบรามสเ์ ป็นนกั เลน่ ดบั เบลิ เบส
และยงั เป็นครูดนตรคี นแรกของเขาอีกดว้ ย
บรามสไ์ ดแ้ สดงใหเ้ ห็นถงึ ความสามารถมากอนั โดดเดน่ เกินวยั สนใจเครอื่ ง
ดนตรที กุ ประเภท ครูดนตรคี นสาคญั ของเขาไดแ้ กเ่ อดอู ารท์ มาคสเ์ ซนิ ไดส้ อน
เขาอย่างตงั้ อกตง้ั ใจ ดว้ ยความหวงั ทว่ี า่ เขาจะกลายเป็นนกั เปียโนเอกใน
อนาคต โดยไดส้ อนเทคนคิ การเลน่ ของบคั โมทซารท์ และเบทโฮเฟิน ซงึ่
กลายเป็นที่จดจาของบรามสไ์ ปตลอด โดยมไิ ดท้ าลายพรสวรรคท์ างการ
สรา้ งสรรคข์ องศษิ ย์
ความสามารถทางการเลน่ เปียโนของเขา ทาใหเ้ ขาไดเ้ ป็นนกั ดนตรอี าชีพครง้ั
แรกทีผ่ บั แหง่ หนงึ่ ในนครฮมั บวรค์ ตง้ั แตม่ อี ายเุ พียงสิบสามปี
ในปีพ.ศ. 2396 (ค.ศ. 1853) บรามสอ์ อกตระเวนเปิดการแสดงกบั เพอ่ื นนกั
ไวโอลนิ ชื่อแอแด แรเมญี ซงึ่ ทาใหเ้ ขามีโอกาสไดพ้ บกบั นกั ไวโอลนิ ชื่อดงั แหง่
ยคุ โยเซฟ็ โยอาคิม ผซู้ งึ่ ประทบั ใจฝีมอื ของบรามสม์ าก และยงั ไดแ้ นะนาให้
เขาไดร้ ูจ้ กั กบั ฟรนั ทซ์ ลสิ ท์
และโดยเฉพาะอย่างย่งิ ชมู นั กบั ภรรยา คลารา ชมู นั ซงึ่ เขาไดส้ นทิ สนมดว้ ย
เป็นอยา่ งดี อทิ ธิพลของชมู นั ทีม่ ตี อ่ งานของบรามสน์ น้ั ใหญ่หลวงนกั
ระหวา่ งปี พ.ศ. 2400 (ค.ศ. 1857) ถึง พ.ศ. 2402 (ค.ศ. 1859) เขาไดร้ บั แตง่ ตงั้
ใหเ้ ป็นหวั หนา้ คณะนกั รอ้ งประสานเสยี งประจาวงั ของเจา้ ชายแหง่ เด็ทม็อลท์
ในช่วงเวลานีเ้ องท่ีเขาไดป้ ระพนั ธเ์ ซเรเนดสาหรบั วงดรุ ยิ างคข์ นึ้ สองบท และ
คอนแชรโ์ ตสาหรบั เปียโนชืน้ แรก
ปีพ.ศ. 2405 (ค.ศ. 1862) เขาไดเ้ ดินทางกลบั สนู่ ครเวียนนา ช่ือเสียงในฐานะ
นกั ดนตรขี องเขาเพม่ิ ขนึ้ และไดร้ บั การยกย่องใหเ้ ป็น ทายาทดนตรขี องเบทโฮ
เฟิน เพลงสวดเรเควียมของเขาเป็นเครอ่ื งพิสจู นค์ ากลา่ วนน้ั ไดเ้ ป็นอย่างดี
ในปีพ.ศ. 2413 (ค.ศ. 1870) เขาไดพ้ บกบั วาทยกรฮนั ส์ ฟ็อน บอื โล ผซู้ งึ่ มีอปุ
การคณุ ตอ่ งานดนตรขี องบรามสเ์ ป็นอยา่ งมากในภายหลงั
ในปีพ.ศ. 2419 (ค.ศ. 1876) บรามสแ์ ตง่ ซมิ โฟนีบทแรกสาเรจ็ ไดร้ บั การขนาน
นามวา่ เป็น ซิมโฟนีบทที่ 10 ของเบทโฮเฟิน ตามคากลา่ วของบือโล จากนน้ั ก็มี
งานประพนั ธส์ าหรบั วงดรุ ยิ างคต์ ามมาจานวนมาก ซมิ โฟนีอีกสามบท คอน
แชรโ์ ตสาหรบั ไวโอลิน คอนแชรโ์ ตหมายเลขสองสาหรบั เปียโน จนกระท่งั ถึง
ผลงานเอกในชว่ งบนั้ ปลายชีวติ น่นั ก็คือบทเพลงสาหรบั แคลรเิ น็ต
งานของบรามสไ์ ดร้ บั อิทธิพลหลากหลาย โดดเดน่ ดว้ ยศาสตรแ์ หง่ เคานเตอรพ์ ็
อยนตแ์ ละพอลิโฟนี ความงดงามของบทเพลงท่เี ขาประพนั ธอ์ ย่ทู ร่ี ูปแบบ
คลาสสกิ ทถ่ี กู แตง่ แตม้ ดว้ ยความถวลิ หาของยคุ โรแมนตกิ
แตก่ ็มีเอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั สีสนั ทางดนตรอี นั บรรเจิด ทว่ งทานองท่สี รา้ งสรรค์
และจงั หวะทาใหป้ ระหลาดใจดว้ ยการสอดประสานกนั
เป็นผลงานสว่ นตวั ของบรามสท์ ่ีเป่ียมดว้ ยคณุ ภาพ ซง่ึ เราอาจนกึ วา่ จะเขา้ ใจ
ยากเม่ือแรกไดย้ นิ แตเ่ ราก็จะเขา้ ถึงไดแ้ ละขาดไมไ่ ดใ้ นท่ีสดุ
นบั เป็นหนง่ึ ในคตี กวคี นสาคญั ของประวตั ศิ าสตรด์ นตรตี ะวนั ตก ศพของโย
ฮนั เนิส บรามสถ์ กู ฝังไวท้ ่ีสสุ านกลางแหง่ นครเวียนนา ในสว่ นของนกั ดนตรคี น
สาคญั ผลู้ ว่ งลบั
ผลงานหลักๆ
สาหรับวงดุรยิ างค์
เซเรเนด โอปสุ 11 และโอปสุ 16
ซมิ โฟนีหมายเลข 1 ในบนั ไดเสยี ง เอไมเนอร์ โอปสุ 68
ซมิ โฟนีหมายเลข 2 ในบนั ไดเสียง ดเี มเจอร์ โอปสุ 75
คอนแชรโ์ ต
คอนแชรโ์ ตสาหรบั เปียโน หมายเลข 1 โอปสุ 15
คอนแชรโ์ ตสาหรบั เปียโน หมายเลข 2 โอปสุ 83
คอนแชรโ์ ตสาหรบั ไวโอลิน โอปสุ 77
ดลั เบลิ้ คอนแชรโ์ ตสาหรบั ไวโอลิน และเชลโล่ โอปสุ 102
เชมเบอรม์ วิ สิก
ควนิ เตต็ สาหรบั แคลรเิ นต็ และเครอื่ งสาย โอปสุ 115
ทรโิ อ สาหรบั แคลรเิ นต็ เชลโล่ และเปียโน โอปสุ 114
เซก็ เต็ตสาหรบั เครอ่ื งสาย หมายเลข 1 โอปสุ 18
ดนตรีขบั ร้อง
"เยอรมนั " เรเควียม โอปสุ 45
Magelone Romanzen (เพลงโรแมนซส์ ิบหา้ บท) โอปสุ 33 ; Zigeurnerlieder
(เพลงรอ้ งยิปซ)ี , Volskieder (เพลงพืน้ บา้ น)
Rinaldo โอปสุ 50
เพลงขบั รอ้ งสีบ่ ท โอปสุ 121
แรพโซดีส้ าหรบั นกั รอ้ งเสียงอลั โต้ และวงดรุ ยิ างค์ โอปสุ 53
เพลงอื่น ๆ อีกมากมาย
ดนตรสี าหรับเปี ยโน
บรามส์ ไดแ้ ตง่ เพลงบรรเลงเปียโนไวเ้ พยี ง 12 ชิน้ จากแคตตาลอ็ กผลงาน
ทงั้ หมดรวมกวา่ 122 ชิน้
โซนาตา้ สาหรบั เปียโน หมายเลข 1 โอปสุ 1
โซนาตา้ สาหรบั เปียโน หมายเลข 3 ในบนั ไดเสยี ง เอฟไมเนอร์ โอปสุ 5
บลั ลารด์ สาหรบั เปียโน โอปสุ 10
วารเิ อช่นั กบั ฟิวก์ จากทานองเพลงของไฮเดนิ้ โอปสุ 24
วารเิ อช่นั กบั ฟิวก์ จากทานองเพลงของปากานีนี โอปสุ 35
วอลซ์ 16 บท โอปสุ 39
แรพโซดี้ โอปสุ 76
แรพโซดีส้ าหรบั เปียโน โอปสุ 79
บทเพลงสาหรบั เปียโน โอปสุ 116 และโอปสุ 117
บทเพลงหกชนิ้ สาหรบั เปียโน โอปสุ 118 และ 119
โรแบรท์ อเล็คซนั เดอร์ ชูมนั
ประวัติ
ในวยั เด็ก โรแบรท์ ชมู นั มีความสนใจในศิลปะสองแขนง
น่นั คอื เปียโนกบั วรรณคดี (บดิ าของเขาเป็นนกั ประพนั ธ์
และบรรณาธิการ) ดงั นนั้ ในวยั เดก็ เขาจงึ แตง่ ทง้ั เพลง
และหนงั สือ รวมถงึ บทกวีดว้ ย เม่ือบิดาทีเ่ ขารกั เสียชีวติ
ลง เขาจงึ สญู เสยี ผใู้ หก้ ารสนบั สนนุ ที่จะทาใหเ้ ขาเป็นนกั ดนตรอี าชีพ
มารดาของเขาผลกั ดนั ใหเ้ ขาเรยี นกฎหมาย ระหว่างเรยี นกฎหมายทเ่ี มืองไลพ์
ซชิ เขาก็ไดเ้ รยี นเปียโนกบั ฟรดี รชิ วีค (Friedrich Wieck) ผทู้ ่ภี ายหลงั เป็น
พอ่ ตาของเขา เมอ่ื เขาแตง่ งานกบั บตุ รสาวของวีค ชื่อคลารา เขายอมทาทกุ
วิถีทางเพือ่ ยอมเป็นนกั ดนตรเี อก ทงั้ การฝึกฝนดว้ ยความขยนั ขนั แข็ง และได้
ใชเ้ ครอ่ื งกลช่วยเพม่ิ ความเรว็ ใหก้ บั การเคลอ่ื นไหวของนิว้ จนทาใหน้ ิว้ กลาง
มอื ขวาใชก้ ารไมไ่ ด้ ความฝันที่จะกลายเป็นนกั เปียโนเอกตอ้ งสนิ้ สดุ ลงเมือ่ เขา
มอี ายไุ ดเ้ พียง 22 ปีเทา่ นน้ั
หลงั จากชว่ งเวลาทเ่ี ขาตอ้ งซมึ เศรา้ กบั ความพิการและการตกหลมุ รกั สตรที ี่
แตง่ งานแลว้ ในปี พ.ศ. 2377 (ค.ศ. 1834) ชมู นั ไดห้ นั มาสนใจและใสใ่ จกบั
การประพนั ธเ์ พลงและการเขียนบทความใน "น็อยเออไซทช์ รฟิ ทเ์ ฟือรม์ ซู ีค"
(Neue Zeitschrift für Musik) (นิตยสารใหมเ่ พ่อื การดนตร)ี ซง่ึ เขาไดท้ าหนา้ ท่ี
เป็นนกั วิจารณแ์ ละผเู้ ช่ียวชาญดา้ นดนตรี เขาปกปอ้ งแนวคิดดา้ นดนตรที เ่ี ป็น
ดนตรแี ทจ้ รงิ จากแนวคิดของพวกนายทนุ (ภาษาเยอรมนั เรยี กวา่ "Philister")
ในช่วงเวลานีเ้ องท่เี ขาไดป้ ระพนั ธผ์ ลงานอย่าง "คารน์ าวลั โอปสุ 9" ในปี พ.ศ.
2378 (ค.ศ. 1835) หลงั จากถกู บงั คบั ใหแ้ ยกทางกบั คลารา เขาไดป้ ระพนั ธบ์ ท
เพลง "โซนาตาแหง่ ความรกั " ใหแ้ กเ่ ธอ แตค่ าขอแตง่ งานของเขาถกู พอ่ ของ
คลาราปฏิเสธ ทาใหเ้ ขาตกอยใู่ นภาวะซมึ เศรา้ อีกครง้ั เขายงั คงประพนั ธ์
ผลงานตอ่ ไปและเป็นงานที่เต็มเป่ียมไปดว้ ยแรงบนั ดาลใจ เพลงท่โี ดง่ ดงั ไดแ้ ก่
เซนดอ็ งฟ็อง, ฟ็องแตซ,ี โนเวลเลต็ เกิดขนึ้ มาในช่วงนีเ้ อง เขาไดห้ นีไปท่ีรกั ษา
แผลใจท่กี รุงเวยี นนา ประเทศออสเตรยี และประพนั ธเ์ พลงตา่ ง ๆ ระหว่างทร่ี อ
ขอแตง่ งานกบั คลารา
ปี พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) เป็นปีนาโชคของชมู นั เขาไดแ้ ตง่ งานกบั คลาราใน
ทสี่ ดุ ความสขุ นีไ้ ดถ้ กู ถ่ายทอดผา่ นบทเพลงของเขา เขาไดป้ ระพนั ธเ์ พลง
มากมายจากบทกวขี องโยฮนั น์ วอลฟ์ กงั ฟอน เกอเทอ ชิลเลอร์ หรอื ไฮน์ เช่น
เพลง Liederkreis ความรกั ของนกั กวี และ ความรกั และชีวติ ของหญิงคนหนึ่ง
ในปีตอ่ มา เขาไดล้ องแตง่ เพลงสาหรบั วงดรุ ยิ างค์ (ซิมโฟนีหมายเลข 1 ซิมโฟนี
หมายเลข 4 ฯลฯ) ในปี พ.ศ. 2385 (ค.ศ. 1842) เขาไดห้ นั มาโปรดปราน เชม
เบอรม์ ิวสกิ โดยเขาประพนั ธไ์ วห้ ลายชิน้ ในปีถดั มาเขาไดแ้ ตง่ โอราโตรโิ อ ("
oratorio") Le Paradis et la Péri และไดต้ ิดตามคลารา ภรรยาท่อี ่อนโยนและ
แสนดีของเขา ผซู้ ง่ึ เป็นนกั เปียโนฝีมอื ฉกาจ ออกเปิดการแสดงท่ปี ระสบ
ความสาเรจ็ อย่างถลม่ ทลายท่วั ทวปี ยโุ รป หรอื แมก้ ระท่งั ในประเทศรสั เซยี
ในปี พ.ศ. 2387 (ค.ศ. 1844) ครู่ กั ไดต้ งั้ ถิ่นฐานทีเ่ มืองเดรสเดนิ ทีซ่ ง่ึ เขาได้
ประพนั ธอ์ ปุ รากรชิน้ แรกและชนิ้ เดียว ชื่อ เจโนเววา แตเ่ ขาก็ยงั คงแตง่ ฟิวก์
ซิมโฟนี เพลงสาหรบั เปียโน ควอรเ์ ต็ต ฯลฯ ไปดว้ ย ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2393 (ค.ศ.
1850) เขาไดเ้ ป็นวาทยกรแหง่ เมอื งดสึ เซลิ ดอรฟ์ แตเ่ ม่อื ถึงปี พ.ศ. 2396 (ค.ศ.
1853) สภาพรา่ งกายของเขาเสือ่ มโทรมลงเป็นอนั มาก และความเจ็บปวดจาก
โรคซิฟิลิส ทาใหเ้ ขาพยายามฆา่ ตวั ตายในวนั ที่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2397
(ค.ศ. 1854) ดว้ ยการกระโดดแมน่ า้ ไรนท์ ีเ่ ยน็ จดั จนเป็นนา้ แข็ง ถงึ เขาจะโชคดี
รอดมาไดด้ ว้ ยความช่วยเหลอื จากพวกกะลาสี แต่ก็ตอ้ งก็ตอ้ งทนทกุ ขท์ รมาน
ทง้ั ทางรา่ งกายและจิตใจ จากนน้ั เขาก็ถกู สง่ ตวั ไปพกั ฟื้นท่ีเมอื งเอ็นเดอนิช
ไมม่ ีส่ิงใดสามารถทาใหเ้ ขาคลายความทกุ ขล์ งได้ เขาเสยี สตไิ ปแลว้ เน่ืองดว้ ย
คดิ ถงึ คลาราสดุ ทรี่ กั และเพ่อื นรกั เฟลคิ ส์ เมน็ เดลิ สโ์ ซน และนกั ดนตรรี ุน่ นอ้ ง
โยฮนั เนสิ บรามส์ ทีเ่ ขาไดพ้ บเม่อื สองปีท่แี ลว้ ในขณะทีเ่ ขามสี ภาพก่ึงดกี ึง่ รา้ ย
ก็ไดป้ ระพนั ธ์ (บทเพลงแหง่ รุง่ อรุณ) ชมู นั จบชีวติ ลงเมอื่ วนั ที่29 กรกฎาคม
พ.ศ. 2399 (ค.ศ. 1856) ซง่ึ ทาใหเ้ ขาพน้ จากความทกุ ขท์ งั้ ปวงไดใ้ นท่สี ดุ
ผลงาน
บทความนีอ้ าจตอ้ งการตรวจสอบตน้ ฉบบั ในดา้ นไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน
การเรยี บเรยี ง คณุ ภาพ หรอื การสะกด คณุ สามารถชว่ ยพฒั นาบทความได้
ผลงานบางส่วน
Symphonies :
Symphonie n°1 en si bémol majeur op 38, dite le « printemps »
Symphonie n°2 en ut majeur op 38
Symphonie n°3 en mi bémol majeur op 97 « rhénane »
บทเพลงสาหรับ piano
Variations Abegg op 1
Papillons op2,
Toccata op 7 1830
บทเพลงสาหรับขับร้อง
Les amours du poète
L'amour et la vie d'une femme
เชมเบอรม์ วิ สิก
Les Fées (pour alto et piano)
บรรณานุกรม
[เออื้ สุนทรสนาน]อา้ งอิงโดย:
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%
AD_%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%
B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99
[ชัยยุทธ โตสงา่ ]อา้ งอิงโดย:
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A2%E0%B8%
B8%E0%B8%97%E0%B8%98_%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B
9%88%E0%B8%B2
[พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนพไิ ชยมหนิ ทโรดม]อา้ งองิ โดย:
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%8
8%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8
%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD_%E0%B8%81%E0%
B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0
%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%AB%
E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%A1
[โยฮนั เนิส บรามส]์ อา้ งองิ โดย:
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%
99%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA_%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B
8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%8C
[โรแบรท์ อเล็คซันเดอร์ ชูมัน]อา้ งองิ โดย:
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A
3%E0%B9%8C%E0%B8%97_%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8
%99