เอกสารประกอบการสอน
วชิ า ดจิ ติ อลเบอ้ื งตน้ รหสั วชิ า 2104 - 2107
หลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556
หนว ยที่ 5
เร่ือง
พีชคณิตบลู นี และแผนผงั คาโนห
จดั ทาํ โดย
นางสาวปารชิ าต จนั ทรป์ ระเสรฐิ
แผนกวชิ าชา่ งไฟฟ้ากาํ ลงั
วทิ ยาลยั เทคนิคชลบรุ ี
สาํ นกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
แบบประเมินผลกอ นเรยี น
หนว ยที่ 5 เร่อื ง พีชคณิตบลู ีนและแผนผงั คาโนห
จดุ ประสงค เพ่ือประเมินความรพู ้นื ฐานของผูเ รยี นเก่ยี วกับ “เร่อื ง พชี คณติ บูลนี และแผนผังคาโนห ”
คาํ แนะนํา 1. อา นคาํ ถามตอไปนแ้ี ละเลือกคาํ ตอบที่ถกู ตองที่สุดเพียงขอเดียว
2. เวลาสาํ หรับทําแบบประเมิน 10 นาที
คําส่งั จงทาํ เคร่อื งหมายกากบาท (×) ทบั ลงบนหวั ขอท่ีถูกทีส่ ดุ เพียงขอ เดยี ว
1. ตัวแปรแตละตัวในบูลนี ฟง ช่ันหรอื นิพจนของบูลนี จะมีคาตรรกะไดกี่คา ขน้ึ ไป
ก. 1 คา ข. 2 คา
ค. 3 คา ง. 4 คา
2. ฟง กชนั Y = B + BC ใชพ ีชคณติ บูลีนลดรปู แลวไดค า ใด
ก. Y = B(1 + C) ข. Y = BC
ค. Y = B ง. Y = C
3. ฟง กชัน y = AB+ AB+ AB ใชพชี คณติ บูลนี ลดรูปแลว ไดค าใด
ก. y = A+B ข. y = AB+B
ค. y = A+AB ง. y = A+B
4. ขอใดเปน ทฤษีเดอมอรแ กน
ก. A + B = ข. A + B = AB
ค. ABC = ง. ABC = + +
5. ฟง กช นั Y = (A + B + C) D เมื่อใชท ฤษฎเี ดอมอรแ กนเปลยี่ นรปู จะไดดังขอใด
ก. = � � � � � � + � ข. = ̅ � ̅ + �
ค. = ̅ + � + ̅ + � ง. = � � �+��� � � �+��� � + �
6. ฟง กชัน Y = ABC + DEF เมือ่ ใชทฤษฎเี ดอมอรแกนเปลี่ยนรูปไดด งั ขอใด
ก. Y = ( A + B + C ) ( D + E + F ) ข. Y = ( A + B ) C
ค. Y = ( A + B + C ) ( D + E + F ) ง. Y = ( A + B + C ) + ( D + E + F )
7. จากรปู วงจรลอจกิ เกตเปนทฤษฎีของขอใด
ก. (A + B)A = A ข. A + B = A
ค. AB + A = A ง. AA + B = A
8. ขอ ใดเปน เกตท่แี สดงคณุ สมบัติทฤษเี ดอมอรแกน A + B = AB
ก. =
ข. =
ค. =
ง. =
9. ฟงกช ัน Y = ABC+ABC+ABC+ABC ถาใช K–map ลดรปู แลวไดคา ใด
ก. Y = B(A+C)+ABC ข. Y = B(A+C)+ABC
ค. Y = A(B+C)+ABC ง. Y = A(B+C)+ABC
10. ฟง กชนั Y = ABC+ABC+ABC+ABC ถา ใช K–map ลดรูปแลว ไดคา ใด
ก. Y = BC+BC ข. Y = BC+BC
ค. Y = BC+BC ง. Y = ABC+BC
ใบเนอ้ื หา สปั ดาหท่ี 9-10
รหัส 2104 -2107 ชือ่ วชิ า ดจิ ติ อลเบอื้ งตน จาํ นวน 2 ชั่วโมง
หนว ยที่ 5 : พชี คณิตบูลีนและแผนผงั คาโนห
หัวขอ เร่ือง
1. กฎของพชี คณิตบลู ีน
2. ทฤษฎีเดอรมอรแ กน
3. ประกอบวงจรทดสอบกฎของพชี คณติ บลู นี
4. ประกอบวงจรทดสอบทฤษฎเี ดอมอรแกน
5. แผนผงั คารโนห
6. แผนผังคารโ นหผ าน Application Karnaugh Kmap Solver
สมรรถนะยอ ย
1. บอกกฎและทฤษฎพี ้นื ฐานของทฤษฎีพีชคณิตบูลนี ไดอ ยางถูกตอง
2. แสดงวิธกี ารลดรปู สมการลอจิกโดยใชพชี คณติ บูลนี ไดอยางถกู ตอง
3. นําพีชคณติ บลู นี ไปประยุกตใชงานไดอยา งถูกตอง
จุดประสงคเชงิ พฤติกรรม
1. บอกกฎของพชี คณติ บูลนี ได
2. อธิบายทฤษฎเี ดอมอรแ กนได
3. ตอวงจรพิสจู นกฎและทฤษฎีพนื้ ฐานของพีชคณิตบลู ีนได
4. ตอ วงจรพสิ จู นท ฤษฎพี นื้ ฐานของเดอมอรแกนได
5. เขยี นแผนผังคารโนหได
ใบเน้อื หา สปั ดาหที่ 9-10
รหสั 2104 -2107 ช่ือวชิ า ดจิ ติ อลเบื้องตน จาํ นวน 2 ชว่ั โมง
หนว ยท่ี 5 : พชี คณติ บูลีนและแผนผงั คาโนห
พีชคณติ บูลีนและแผนผังคาโนห
1. กฎของพีชคณติ บูลีน
กฎ ความสัมพันธ หมายเหตุ
1 A=A สมั พันธกัน
กฎของออรเ กต
กฎของแอนดเกต
2 0+A=A 1 ⋅ A = A ลักษณะการบวกดว ย 0 และการ
คณู ดวย 1
3 1+A=1 0 ⋅ A = 0 ถูกควบคุม
4 A+A=A เหมือนกนั
5 A+A=0 A⋅A = A สว นประกอบ
A⋅A =0
กฎการเปลยี่ น
6 A+B=B+A A ⋅B = B ⋅ A ใชเ ขียนคาตัวแปรบวกกนั หรอื คณู
กนั ซึ่งสามารถสลบั ตําแหนง ได
กฎการจัดหมู สามารถหามาไดจากกฎขางตน
ใชจ ัดกลุม ตัวแปรบวกกันหรือคูณ
7 A + (B + C) = (A + B) + C A(BC)=(AB)C กนั มากกวา 2 ตวั แปรออกเปนกลมุ
ใหม
กฎการกระจาย
ใชแ ตกสมการกลุม ตัวแปรบวกกนั
8 A(B + C) = AB + AC A + BC = (A + B)(A +C) หรือคูณกันมากกวา 2 ตวั แปร
ออกเปน กลมุ ใหม
ทฤษฎี การทําใหเขาใจงา ย
9 A + AB = A A(A + B) = A การรวมเขา ดวยกัน
10 A + AB = A + B A (A+B) = AB การลดทอนลง
เดอมอรแกน
11 A + B = A B AB = A + B
ใบเนอ้ื หา สปั ดาหที่ 9-10
รหัส 2104 -2107 ช่ือวชิ า ดจิ ติ อลเบอื้ งตน จํานวน 2 ชว่ั โมง
หนว ยท่ี 5 : พีชคณิตบลู นี และแผนผงั คาโนห
1. กฎขอ ท่ี 1 แสดงความสัมพนั ธข องการทาํ คอมพลเี มนต 2 ครั้ง A=A แสดงคาการทํางานไดด วยนอต
เกตโดยใสนอตเกต 2 ครง้ั ทาํ ใหค า ผลลัพธออกมาคงเดิม แสดงดังรปู ที่ 5.1
(ก) ปอ นอินพุต = 1 (ข) ปอ นอินพตุ = 0
รปู ท่ี 5.1 การใสลอจิกนอต 2 ครงั้ ตามกฎขอท่ี 1
2. กฎขอที่ 2 ออรเกต 0 + A = A และแอนดเ กต 1 • A = A แสดงคาการทํางานไดดวยออรเกตและ
แอนดเกต โดยใชคุณสมบัตใิ นการทํางานของเกตแตละชนดิ แสดงดงั รปู ที่ 5.2
(ก) ลอจิกออรเกต (ข) ลอจิกแอนดเกต
รปู ที่ 5.2 การทํางานของลอจิกออรเกตและลอจิกแอนดเ กตตามกฎขอที่ 2
3. กฎขอท่ี 3 ออรเกต 1 + A = 1 และแอนเกต 0 • A = 0 แสดงคาการทํางานไดดวยออรเกตและ
แอนดเกต โดยใชค ณุ สมบัตใิ นการทาํ งานของเกตแตละชนิด แสดงดังรปู ท่ี 5.3
(ก) ลอจิกออรเกต (ข) ลอจกิ แอนดเ กต
รูปท่ี 5.3 การทํางานของลอจิกออรเกตและลอจิกแอนดเ กตตามกฎขอท่ี 3
ใบเน้ือหา สปั ดาหที่ 9-10
รหสั 2104 -2107 ชื่อวชิ า ดิจติ อลเบ้อื งตน จาํ นวน 2 ชั่วโมง
หนวยท่ี 5 : พีชคณติ บูลนี และแผนผงั คาโนห
4. กฎขอที่ 4 ออรเกต A + A = A และแอนดเกต A • A = A แสดงคา การทาํ งานไดด ว ยออรเ กตและ
แอนดเ กต โดยใชคุณสมบัติในการทํางานของเกตแตละชนิด แสดงดังรปู ที่ 5.4
(ก) ลอจิกออรเ กต (ข) ลอจกิ แอนดเ กต
รูปท่ี 5.4 การทํางานของลอจิกออรเ กตและลอจิกแอนดเ กตตามกฎขอท่ี 4
5. กฎขอท่ี 5 ออรเกต A + A = 1และแอนดเกต A A = 0 แสดงคาการทํางานไดดวยออรเกต
และแอนดเ กต โดยใชค ณุ สมบัติในการทํางานของเกตแตล ะชนดิ แสดงดงั รปู ที่ 5.5
(ก) ลอจิกออรเกต (ข) ลอจิกแอนดเ กต
รูปที่ 5.5 การทํางานของลอจิกออรเกตและลอจิกแอนดเ กตตามกฎขอท่ี 5
6. กฎขอท่ี 6 เปนกฎการเปลย่ี น (Commutative Law) หรือเรยี กวา กฎการสลับที่ ของออรเ กต A +
B = B + A และของแอนดเกต A • B = B • A แสดงคาการทํางานไดดวยออรเกตและแอนดเกต โดยใช
คุณสมบตั ิในการทาํ งานของเกตแตล ะชนิด แสดงดงั รูปท่ี 5.6
(ก) ลอจิกออรเ กต (ข) ลอจิกแอนดเ กต
รปู ท่ี 5.6 การทาํ งานของลอจิกออรเกตและลอจิกแอนดเกตตามกฎขอท่ี 6 กฎการเปลี่ยน
ใบเน้ือหา สัปดาหท่ี 9-10
รหสั 2104 -2107 ชอื่ วชิ า ดจิ ติ อลเบ้อื งตน จาํ นวน 2 ชว่ั โมง
หนวยที่ 5 : พีชคณิตบลู ีนและแผนผงั คาโนห
7. กฎขอ ท่ี 7 เปน กฎการจดั หมู (Associative Law) หรือเรยี กวา กฎการจัดกลมุ ของออรเ กต
A + (B + C) = (A + B) + C และของแอนดเ กต A(BC) = (AB)C แสดงคาการทํางานไดด ว ยออรเกตและแอนด
เกต โดยใชค ุณสมบตั ิในการทาํ งานของเกตแตล ะชนิด แสดงดงั รูปที่ 5.7
(ก) ลอจิกออรเ กต
(ข) ลอจิกแอนดเกต
รูปท่ี 5.7 การทาํ งานของลอจิกออรเ กตและลอจิกแอนดเ กตตามกฎขอที่ 7 กฎการจดั หมู
8. กฎขอที่ 8 เปนกฎการการกระจาย (Distributive Law) หรือเรียกวา กฎการแตกตัว ของออรเกต
A(B + C) = AB + AC และของแอนดเกต A + BC = (A + B)(A + C) แสดงคาการทํางานไดดวยออรเกตและ
แอนดเ กต โดยใชค ณุ สมบัตใิ นการทํางานของเกตแตละชนิด แสดงดังรูปที่ 5.8
(ก) การกระจายแบบลอจิกออรเ กต
ใบเนื้อหา สปั ดาหที่ 9-10
รหสั 2104 -2107 ช่ือวชิ า ดจิ ติ อลเบ้อื งตน จํานวน 2 ชั่วโมง
หนวยที่ 5 : พีชคณติ บูลนี และแผนผงั คาโนห
(ข) การกระจายแบบลอจิกแอนดเกต
รปู ที่ 5.8 การทํางานของลอจิกออรเ กตและลอจิกแอนดเกตตามกฎขอท่ี 8 กฎการกระจาย
ตารางที่ 5.2 พสิ จู นส มการ A(B + C) = AB + AC
A B C B + C A(B + C) AB AC AB + AC
0000 0 0 00
0011 0 0 00
0101 0 0 00
0111 0 0 00
1000 0 0 00
1011 1 0 11
1101 1 1 01
1111 1 1 11
ตารางที่ 5.3 พิสจู นสมการ A + BC = (A + B)(A + C)
ABC BC A + BC A + B A + C (A + B)(A + C)
000 00 0 0 0
001 00 0 1 0
010 00 1 0 0
011 11 1 1 1
100 01 1 1 1
101 01 1 1 1
110 01 1 1 1
111 11 1 1 1
ใบเนือ้ หา สัปดาหที่ 9-10
รหัส 2104 -2107 ชอ่ื วชิ า ดจิ ติ อลเบื้องตน จํานวน 2 ช่วั โมง
หนว ยท่ี 5 : พีชคณิตบูลนี และแผนผงั คาโนห
9. ทฤษฎีขอที่ 9 เปนทฤษฎีการทําใหเขาใจงาย (Simplification Theorem) แบบการรวมเขา
ดวยกัน (Absorption) แบบออรเกต A + AB = A และของแอนดเกต A(A + B) = A แสดงคาการทํางานได
ดวยออรเกตและแอนดเกต โดยใชคณุ สมบตั ิในการทํางานของเกตแตละชนดิ แสดงดงั รูปท่ี 5.9
(ก) ลอจิกออรเกต (ข) ลอจิกแอนดเกต
รปู ที่ 5.9 การทาํ งานของลอจิกออรเ กตและลอจิกแอนดเ กตตามกฎขอที่ 9 ทฤษฎีการทําใหเขาใจงา ย
ตารางท่ี 5.4 พสิ ูจนส มการ A +AB = A และ A(A + B) = A
A B AB A + AB (A + B) A(A + B)
00 0 0 0 0
01 0 0 1 0
10 0 1 1 1
11 1 1 1 1
10. ทฤษฎีขอท่ี 10 เปนทฤษฎีการทําใหเขาใจงาย (Simplification Theorem) เชนเดียวกับขอท่ี 9
แบบการลดทอนลง (Degenerate) แบบออรเกต A + AB = A + B และของแอนดเกต A (A+B) = AB
แสดงคา การทํางานไดด ว ยออรเ กตและแอนดเกต โดยใชคุณสมบัติในการทาํ งานของเกตแตละชนดิ
แสดงดงั รูปที่ 5.10
(ก) ลอจิกออรเกต
ใบเน้ือหา สปั ดาหท ่ี 9-10
รหัส 2104 -2107 ช่อื วชิ า ดิจติ อลเบ้อื งตน จาํ นวน 2 ชัว่ โมง
หนว ยที่ 5 : พชี คณติ บลู นี และแผนผงั คาโนห
(ข) ลอจิกแอนดเกต
รปู ที่ 5.10 การทํางานของลอจิกออรเกตและลอจิกแอนดเกตตามกฎขอที่ 10 ทฤษฎีการทําใหเ ขา ใจงาย
ตารางที่ 5.5 พิสูจนส มการ A + AB = A + B
AB A AB A + AB (A + B)
00 1 000
01 1 111
10 0 011
11 0 011
ตารางที่ 5.6 พสิ จู นสมการ A(A + B) = AB
A B A A + B A(A + B) AB
00 1 1 0 0
01 1 1 0 0
10 0 0 0 0
11 0 1 1 1
11. ทฤษฎีขอท่ี 11 เปนทฤษฎีเดอมอรแกน (DeMorgan’s Theorems) โดยใชวิธีเปลี่ยนสมการคณู
กัน หรือสมการบวกกนั ดว ยการทําคอมพลีเมนตสมการใหเปนตรงขาม แบบนอรเ กต A + B = AB และแบบ
แนนดเ กต AB = A + B แสดงคาการทาํ งานไดด วยนอรเกตและแนนดเ กต โดยใชคุณสมบตั ใิ นการทํางานของ
เกตแตล ะชนดิ
ใบเนอื้ หา สัปดาหที่ 9-10
รหสั 2104 -2107 ชอ่ื วชิ า ดจิ ติ อลเบอ้ื งตน จํานวน 2 ชว่ั โมง
หนวยท่ี 5 : พีชคณิตบลู ีนและแผนผงั คาโนห
2. ทฤษฏีเดอรมอรแ กน (DeMorgan ‘ s Theorem)
ทฤษฎีเดอรมอแกนมีความสําคัญมากของพีชคณิตบูลีนน้ันเกิดจากนักคณิตศาสตรท่ีชื่อวา DeMorgan
ซึ่งทฤษฏีเดอรมอรแกนน้ันมีประโยชนอยางมากในการลดรูปสมการ ซึ่งผลคูณหรือ ผลบวกของตัวแปรที่เปน
อนิ เวอรท ดงั นี้คอื
(a) A + B = A ⋅ B
(b) A ⋅B = A + B
พิสูจน : ในขอ (a) จะพิสูจนวา A ⋅ B เปนคอมพลีเมนต (Complement) ของ (A + B) เมื่อเอา
(A + B) มากลบั คาคือใส NOT ใหจะได A + B ซึง่ จะมคี าเทา กับนพิ จนบ ูลนี ในขอ (a)
กําหนดให y = (A+B) ดังนน้ั y = A ⋅ B เราตอ งการจะพสิ จู นวา y ⋅ y = 0 และ y + y = 1
นิพจนในขอ (b) กส็ ามารถพิสูจนไดดวยวธิ เี ดยี วแสดงดงั รูปที่ 5.11
(ก) ลอจิกนอรเกต
(ข) ลอจิกแนนดเ กต
รูปที่ 5.11 การทํางานของลอจกิ ออรเกตและลอจิกแอนดเกตตามกฎขอท่ี 11 ทฤษฎเี ดอรม อรแ กน
ใบเนื้อหา สัปดาหท ่ี 9-10
รหสั 2104 -2107 ช่อื วชิ า ดจิ ติ อลเบ้ืองตน จํานวน 2 ช่วั โมง
หนว ยที่ 5 : พชี คณติ บลู นี และแผนผงั คาโนห
ตารางที่ 5.7 พสิ ูจนสมการ A + B = AB
A B A B A+B A+B AB
001 1 0 11
011 0 1 00
100 0 1 00
110 1 1 00
ตารางที่ 5.8 พสิ จู นสมการ AB = A + B AB AB A + B
0 11
AB A B 0 11
001 1 0 11
011 0 1 00
100 1
110 0
ตัวอยางที่ 5.1 ใชท ฤษฎเี ดอรมอรแ กนเปลี่ยนสมการทุกฟงกช นั Y = (AB + C)(A + BC)
วธิ ที าํ
(AB + C)(A + BC) = (AB + C) + (A + BC)
(AB + C)(A + BC) = (AB)C + A(BC)
∴Y = (A + B)C + A(B + C)
นอกน้ันวงจรดิจิทัลท่ีสรางขึ้นมาใชงาน จําเปนตองมีการลดรูปสมการใหเหลือนอยท่ีสุด เพ่ือใหการ
สรางวงจรดจิ ทิ ัลใชอ ุปกรณน อ ยลง เกดิ ความประหยดั และเกิดการหนวงเวลาขณะทํางานนอยลง ดงั นัน้ การลด
รูปวงจรดิจิทัลถือไดวาเปนสวนสําคัญของการสรางวงจรทํางานโดยการใชกฎและทฤษฎีพื้นฐานของพีชคณิต
เขามาชวย แสดงไดด ังตวั อยา งตอ ไปน้ี
ใบเน้ือหา สปั ดาหท่ี 9-10
รหัส 2104 -2107 ช่อื วชิ า ดจิ ติ อลเบอ้ื งตน จาํ นวน 2 ชวั่ โมง
หนวยท่ี 5 : พีชคณิตบูลีนและแผนผงั คาโนห
ตวั อยา งท่ี 5.2 จงลดรูปสมการตอ ไปนี้ใหเหลอื นอยทีส่ ุด Y = AB + AC + ABC
วธิ ีทาํ Y = AB + AC + ABC
ข้ันท่ี 1 ใชทฤษฎขี อ 11 เดอมอรแ กนกบั สว น AB + AC = (AB)(AC)
ได Y = (AB)(AC) + ABC
ขัน้ ท่ี 2 ใชท ฤษฎขี อ 11 เดอมอรแกนกบั สวน (AB)(AC) = (A+B)(A+C)
ได Y = (A+B)(A+C) + ABC
ขนั้ ที่ 3 ใชกฎขอ 8 กฎการกระจายกบั สว น (A+B)(A+C) = AA + AC + AB + BC
ได Y = AA + AC + AB + BC + ABC
ขัน้ ที่ 4 ใชก ฎขอ 4 กับสว น AA = A
ได Y = A + AC + AB + BC + ABC
ขั้นท่ี 5 ใชทฤษฎขี อ 9 กับสว น A + AC = A และ AB + ABC = AB
ได Y = A + AB + BC
ข้นั ที่ 6 ใชทฤษฎขี อ 9 กบั สวน A + AB = A
∴ Y = A + BC
ตัวอยา งท่ี 5.3 จงพิสูจนสมการตอ ไปนี้
(ก) AB + AB + AB = A + B
วธิ ีทํา AB + AB + AB = B(A + A) + AB ดึงตัวรว ม B ออก , ใชก ฎขอ 5 กฎของออรเ กต
= B⋅1 + AB
= B + AB ใชข อ 10 การทําใหเขา ใจงาย
=B+ A
= A +B
ดงั น้ัน AB + AB + AB = A + B เปน จริง
ใบเน้อื หา สัปดาหที่ 9-10
รหสั 2104 -2107 ชือ่ วชิ า ดจิ ติ อลเบ้อื งตน จํานวน 2 ชวั่ โมง
หนว ยท่ี 5 : พีชคณติ บูลนี และแผนผงั คาโนห
(ข) (A + AB)(AB) = AB
วิธที าํ (A + AB)(AB) = (A + B)(AB)
= (AAB)(ABB) ใชกฎขอ 4 การเหมือนกนั ของแอนดเกต
= (AB)(AB) ใชก ฎขอ 4 การเหมือนกนั ของแอนดเ กต
= (AB)
ดังนน้ั (A + AB)(AB) = AB เปน จรงิ
(ค) (A + AB) + B = 0
วิธีทํา (A + AB) + B = (A + B) + B
= A + B + B ใชขอ 5 กฎของออรเกต
= A + 1 ใชข อ 11 ทฤษฎีเดอมอรแกน
= A ⋅1 ใชก ฎขอ 1 ความสัมพนั ธกัน
= A ⋅ 0 ใชกฎขอ 3 กฎของแอนดเกต
ดงั น้นั (A + AB) + B = 0 เปนจรงิ
3. แผนผังคารโนห
การลดรปู สมการลอจกิ ใหส ้นั ทส่ี ดุ นอกจากจะใชพชี คณิตบลู ีนแลว ยังสามารถทาํ ไดด วยวธิ ขี องแผนผัง
คารโนห (Karnaugh Map) หรือ K-map สามารถทําไดงายและมีขอผิดพลาดนอยกวาการลดรูปสมการที่มีตวั
แปรจาํ นวนมาสามารถหาผลลพั ธไดรวดเรว็
รูปแบบของแผนผังคารโนห ขนาดตารางของแผนผังมีคาเทากับจํานวนความเปนไปไดของอินพุตที่ใช
หาไดตามสมการ 2n เม่ือ n มคี าเทากับจาํ นวนอนิ พุตท่ใี ช เชน 2 อินพตุ จะไดค า 22 มีขนาดตาราง 4 ชอง และ
อินพุต 3 ตัวแปร จะไดคา 23 มีขนาดตาราง 8 ชอง เปนตน โดยแบงตัวแปรออกเปนสองกลุม จะอยูประจําใน
แถวแนวนอน (แถว) และแถวแนวตงั้ (หลัก) ของตาราง
ใบเน้อื หา สัปดาหที่ 9-10
รหสั 2104 -2107 ชือ่ วชิ า ดิจติ อลเบ้อื งตน จาํ นวน 2 ช่วั โมง
หนวยที่ 5 : พีชคณติ บลู ีนและแผนผงั คาโนห
1. แผนผังคารโนหชนิด 2 ตัวแปร (2 Variable Karnaugh Map) ประกอบดวยชองตารางท่ีแทน
ดว ยคา ตัวแปรจํานวน 22 = 4 ชอง แสดงดงั รูปที่ 5.12
A 0 1 A 0 1 A 0 1
B 10 2 B 2 B 2
0 0000 0 0 A0B0 0 0 A+00B 0
AB A+B
1 01 1 11 3 1 1 AB 3 1 1 3
AB A+B A+B
(ก) คา ตัวแปรในแตละชอง (ข) คาตวั แปรในรปู มินเทอม (ค) คา ตวั แปรในรูปแม็กซเ ทอม
รปู ที่ 5.12 แผนผงั คารโ นหช นิด 2 ตัวแปร
2. แผนผังคารโนหชนดิ 3 ตัวแปร (2 Variable Karnaugh Map) ประกอบดวยชองตารางที่แทน
ดวยคาตัวแปรจํานวน 23 = 8 ชอง มีหมายเลขกํากับชองในแตละแถวแนวต้ัง คือ 00, 01, 11 และ 10 และ
หมายเลขกาํ กับชองในแตละแถวแนวนอน คือ 0 และ 1 แสดงดงั รปู ท่ี 5.13
C0AB000000 01 11 10 C0ABA0B0C0 01 11 10
0102 1104 1006 ABC2 ABC4 ABC6
1 ABC1 ABC3 ABC5 ABC7
1 0011 0113 1115 1017
(ก) คา ตัวแปรในแตล ะชอง (ข) คา ตวั แปรในรูปมนิ เทอม
AB 00 01 11 10
0 A+B+C0 A+B+C2 A+B+C4 A+B+6C
A+B+C1 3 5 7
A+B+C A+B+C A+B+C
(ค) คาตัวแปรในรปู แม็กซเ ทอม
ใบเนื้อหา สปั ดาหท่ี 9-10
รหัส 2104 -2107 ชอื่ วชิ า ดจิ ติ อลเบื้องตน จํานวน 2 ช่วั โมง
หนวยที่ 5 : พชี คณิตบลู ีนและแผนผงั คาโนห
ข้ันตอนการลดรปู สมการ โดยใชแผนผงั คารโ นห ทาํ ไดด งั นี้
1. กรณีเปนสมการ SOP ใหใสล อจิก 1 ลงในชองของแผนผังคารโ นหตามคาของตวั แปรในแตล ะเทอม
ของสมการ
2. กรณเี ปนสมการ POS ใหใ สลอจิก 0 ลงในชองของแผนผังคารโนหตามคา ของตวั แปรในแตล ะเทอม
ของสมการ
3. จับคูและวงรอบตัวแปรท่เี ปนลอจกิ 1 ที่อยตู ิดกนั ในกรณีท่พี ิจารณาแบบ POS หรือจบั คูและวงรอบ
ตัวแปรที่เปนลอจิก 0 ท่ีอยูติดกันในกรณีที่พิจารณาแบบ POS โดยพิจารณาวงรอบตัวแปรท่ีอยูติดกันจํานวน
1, 2, 4, 8, 16 ตวั ตามลําดับ หลกั การวงรอบตวั แปรทีอ่ ยตู ิดกนั ถามีตัวติดกนั ทง้ั หมดใหวงรอบท้ังหมดวงเดียว
4. ชอ งทีถ่ ูกจับคูและวงรอบไปแลว สามารถนาํ ไปจบั คูใหมเ พื่อวงรอบกับตวั อืน่ ไดอ ีก แตไ มควรจับคูซํ้า
ทง้ั หมดซึ่งจะเปนการจับคทู ีซ่ ้ําซอ น
5. เมอื่ จบั คแู ละวงรอบไดแลวใหพิจารณาวา จะไดตัวแปรอะไรสําหรับวงน้ันใหด ูหมายเลขกํากบั ชองใน
แตละแถวแนวตง้ั ในแตล ะแถวแนวนอน โดยถือหลักวา ตวั แปรทเี่ หลืออยูก็คอื ตวั แปรท่ไี มเ ปล่ียนสภาวะลอจิกใน
ทุกชองภายในวงรอบนั้น แตถาตัวแปรมีการเปล่ียนแปลงใหตัดตัวแปรนั้นทิ้งไป แสดงดังรูปท่ี 5.14 ถึงรูปที่
5.15
B0A 0 1 BA 0 1
0
A B
1 A1 B
(ก) คาตวั แปร A (ข) คา ตวั แปร B
รูปท่ี 5.14 คา ตวั แปรในพ้ืนท่ีแผนผงั คารโนหแบบ 2 ตัวแปร
C0AB 00 01 11 10 C0AB 00 01 11 10
1 1
AA BB
(ก) คาตวั แปร A (ข) คาตัวแปร B
ใบเนอื้ หา สัปดาหที่ 9-10
รหัส 2104 -2107 ช่อื วชิ า ดิจติ อลเบื้องตน จาํ นวน 2 ชวั่ โมง
หนวยท่ี 5 : พีชคณิตบลู นี และแผนผงั คาโนห
C0AB 00 01 11 10
1
CC
(ค) คา ตวั แปร C
รูปที่ 5.15 คาตวั แปรในพ้ืนที่แผนผงั คารโนหชนดิ 3 ตัวแปร
ตวั อยางท่ี 5.5 จงลดรปู ฟงกชันสมการคา Y = AB + AB ทําใหอยใู นรปู แบบของ SOP
วิธีทาํ
A ในรปู แบบ SOP โดยการใสลอจิก 1 ลงในตาราง
B 0 1 ตามฟงกช ันสมการคา Y = AB + AB และทําการจัด
1 B กลมุ และวงรอบคาทีเ่ ปน ลอจิก 1
0 100
Y = AB + AB
Y=B
10 0
รูปท่ี 5.16 สมการ Y = AB + AB
ตัวอยา งที่ 5.6 จงลดรูปฟง กชันสมการคา Y = AB + AB + AB ทําใหอ ยใู นรปู แบบของ SOP
วธิ ที ํา
ในรูปแบบ SOP โดยการใสลอจิก 1 ลงในตาราง
A 0 1 ตามฟง กชันสมการคา Y = AB + AB + AB และทาํ
B 1
01 B การจัดกลมุ และวงรอบคา ที่เปนลอจกิ 1
Y = AB + AB + AB
1 0 1 A Y=A+B
รปู ท่ี 5.17 สมการ Y = AB + AB + AB
ใบเนอ้ื หา สปั ดาหท่ี 9-10
รหสั 2104 -2107 ช่ือวชิ า ดจิ ติ อลเบื้องตน จํานวน 2 ช่วั โมง
หนวยท่ี 5 : พชี คณิตบูลีนและแผนผงั คาโนห
ตัวอยา งท่ี 5.7 จงลดรปู ฟงกชนั สมการคา Y = ABC + ABC + ABC + ABC + ABC + ABC ทาํ ใหอ ยูใ น
รูปแบบของ SOP
วธิ ที ํา
AB 00 01 11 10
01 1 1 1
C
11 1 0 0
A
รูปที่ 5.18 สมการ Y = ABC + ABC + ABC + ABC + ABC + ABC
ในรปู แบบ SOP โดยการใสลอจกิ 1 ลงในตารางตามฟงกช นั สมการคา
Y = ABC + ABC + ABC + ABC + ABC + ABC และทําการจัดกลมุ และวงรอบคา ทีเ่ ปนลอจิก 1
โดยจดั กลุม วงรอบที่มีคามาก จัดกลุมแลวสามารถจัดซ้ําไดอีก
Y = ABC + ABC + ABC + ABC + ABC + ABC
Y= A + C
ตัวอยา งท่ี 5.8 จงลดรูปฟงกชันสมการคา Y = ABC + ABC + ABC + ABC + ABC + ABC ทําใหอยูใน
รปู แบบของ SOP
วธิ ีทํา
AB 00 01 11 10
01 1 1
11 1 1 0
AB
รูปที่ 5.19 สมการ Y = ABC + ABC + ABC + ABC + ABC + ABC
ใบเนอ้ื หา สัปดาหท ่ี 9-10
รหัส 2104 -2107 ชือ่ วชิ า ดิจติ อลเบอื้ งตน จาํ นวน 2 ชวั่ โมง
หนว ยท่ี 5 : พชี คณิตบลู ีนและแผนผงั คาโนห
ในรูปแบบ SOP โดยการใสลอจิก 1 ลงในตารางตามฟง กชันสมการคา
Y = ABC + ABC + ABC + ABC + ABC + ABC และทาํ การจดั กลุมและวงรอบคาทเ่ี ปนลอจิก 1
โดยจัดกลมุ วงรอบที่มคี ามาก จัดกลุมแลวสามารถจัดซ้ําไดอีก
Y = ABC + ABC + ABC + ABC + ABC + ABC
Y= A +B
ตัวอยางที่ 5.9 จงลดรปู ฟง กชันสมการคา
Y = (A + B + C)(A + B + C)(A + B + C)(A + B + C)(A + B + C) ทําใหอ ยูในรูปแบบของ POS
วิธีทาํ
AB 00 01 11 10
00 0 1
1 0 0 1 0 B+C
A
รปู ท่ี 5.20 สมการ Y = (A + B + C)(A + B + C)(A + B + C)(A + B + C)(A + B + C)
ในรูปแบบ POS โดยการใสลอจิก 0 ลงในตารางตามฟง กช นั สมการคา
Y = (A + B + C)(A + B + C)(A + B + C)(A + B + C)(A + B + C) และทําการจดั กลุม และวงรอบคา ที่
เปน ลอจกิ 0 โดยจัดกลุมวงรอบทม่ี ีคา มาก จดั กลมุ แลวสามารถจัดซ้ําไดอีก
Y = (A + B + C)(A + B + C)(A + B + C)(A + B + C)(A + B + C)
Y = A(B + C)
ใบเน้อื หา สัปดาหท ่ี 9-10
รหัส 2104 -2107 ช่ือวชิ า ดิจติ อลเบอ้ื งตน จํานวน 2 ช่ัวโมง
หนว ยท่ี 5 : พชี คณิตบลู นี และแผนผงั คาโนห
4. แผนผงั คารโนหผ าน Application Karnaugh Kmap Solver
1. ติดตั้ง Application Karnaugh Kmap Solver
2. เลอื กแผนผงั ตามตวั แปร เชน 2 ตัวแปร 3 ตัวแปร 4 ตวั แปร
ตัวอยา งท่ี 5.10 จงลดรูปฟง กชันสมการคา Y = AB + AB + AB ทําใหอ ยใู นรปู แบบของ SOP
ลาํ ดับที่ 1 เลอื กแผนผงั 2 ตัวแปร
ลาํ ดบั ท่ี 2 จากโจทย จงลดรปู ฟงกช นั สมการคา Y = AB + AB + AB ทาํ ใหอ ยูในรูปแบบของ SOP
คา Y = AB + AB + AB ตองเลือกตัวเลขตามตารางดงั น้ี Y = 00 + 10 + 11 จะได
ใบเน้ือหา สัปดาหท ี่ 9-10
รหัส 2104 -2107 ชื่อวชิ า ดิจติ อลเบ้ืองตน จาํ นวน 2 ชว่ั โมง
หนวยท่ี 5 : พีชคณิตบูลีนและแผนผงั คาโนห
ตวั อยา งที่ 5.11 จงลดรูปฟง กช ันสมการคา Y = ABC + ABC + ABC + ABC + ABC + ABC ทาํ ใหอ ยูใน
รูปแบบของ SOP
ลําดบั ท่ี 1 เลือกแผนผงั 3 ตวั แปร
ลําดับท่ี 2 จากโจทย Y = ABC + ABC + ABC + ABC + ABC + ABC ทําใหอ ยูใ นรปู แบบของ SOP
ตอ งเลอื กตัวเลขตามตารางดงั นี้ Y = 000 + 001 + 010 + 011 + 110 + 111 จะได
แบบประเมินผลหลงั เรยี น
หนว ยที่ 5 เรื่อง พีชคณิตบลู ีนและแผนผังคาโนห
จุดประสงค เพ่ือประเมนิ ความรูพื้นฐานของผูเรยี นเก่ียวกับ “เรอ่ื ง พชี คณติ บูลีนและแผนผังคาโนห ”
คําแนะนาํ 1. อานคาํ ถามตอไปน้ีและเลอื กคําตอบที่ถูกตองท่ีสุดเพียงขอ เดยี ว
2. เวลาสําหรบั ทําแบบประเมิน 10 นาที
คําสงั่ จงทาํ เคร่ืองหมายกากบาท (×) ทบั ลงบนหัวขอ ท่ีถกู ทสี่ ุดเพยี งขอ เดยี ว
1. ตวั แปรแตล ะตวั ในบลู ีนฟงชน่ั หรือนพิ จนของบลู นี จะมคี าตรรกะไดก ่ีคาขน้ึ ไป
ก. 2 คา ข. 4 คา
ค. 6 คา ง. 8 คา
2. ฟงกชัน Y = B + BC ใชพชี คณติ บูลีนลดรปู แลวไดค า ใด
ก. Y = B(1 + C) ข. Y = BC
ค. Y = C ง. Y = B
3. ฟงกช นั y = AB+ AB+ AB ใชพชี คณติ บลู นี ลดรปู แลวไดคา ใด
ก. y = A+AB ข. y = AB+B
ค. y = A+B ง. y = A+B
4. ขอใดเปนทฤษีเดอมอรแกน
ก. A + B = ข. A + B =
ค. ABC = ง. ABC = + +
5. ฟง กชัน Y = (A + B + C) D เมื่อใชทฤษฎเี ดอมอรแกนเปลย่ี นรปู จะไดดังขอใด
ก. = � � � � � � + � ข. = � + � + ̅ + �
ค. = ̅ � ̅ + � ง. = � � �+��� � � �+��� � + �
6. ฟงกชัน Y = ABC + DEF เมอื่ ใชท ฤษฎีเดอมอรแ กนเปลย่ี นรูปไดดังขอใด
ก. Y = ( A + B + C ) ( D + E + F ) ข. Y = ( A + B ) C
ค. Y = ( A + B + C ) ( D + E + F ) ง. Y = ( A + B + C ) + ( D + E + F )
7. จากรปู วงจรลอจกิ เกตเปนทฤษฎีของขอใด ข. A + B = A
ก. AB + A = A ง. AA + B = A
ค. (A + B)A = A
8. ขอ ใดเปนเกตทแี่ สดงคุณสมบตั ทิ ฤษีเดอมอรแกน A + B = AB
ก. =
ข. =
ค. =
ง. =
9. ฟง กชัน Y = ABC+ABC+ABC+ABC ถา ใช K–map ลดรูปแลวไดค าใด
ก. Y = B(A+C)+ABC ข. Y = B(A+C)+ABC
ค. Y = A(B+C)+ABC ง. Y = A(B+C)+ABC
10. ฟง กชัน Y = ABC+ABC+ABC+ABC ถาใช K–map ลดรปู แลวไดคาใด
ก. Y = BC+BC ข. Y = BC+BC
ค. Y = BC+BC ง. Y = ABC+BC
ใบงานที่ 5 สัปดาห์ที่ 9-10
รหสั 2104 - 2107 ช่ือวชิ า ดิจิตอลเบ้ืองตน้ จํานวน 6 ชั่วโมง
หน่วยที่ 5 : พีชคณิตบูลีน
ใบงาน 5.1 เรื่อง กฎของพีชคณติ บลู ีน
จดุ ประสงคการปฏบิ ัติ
1. ประกอบวงจรทดสอบกฎการเปล่ียนของพีชคณิตบูลีนได
2. ประกอบวงจรทดสอบกฎการจัดหมขู องพชี คณิตบูลนี ได
3. ประกอบวงจรทดสอบกฎการกระจายของพชี คณิตบูลีนได
เคร่ืองมือ/อุปกรณการทดลอง
1. บอรดทดลลอง 1 ชุด
2. IC เบอร 7404, 7408, 7411 ,7427, 7432 เบอรละ 1 ตัว
3. คูมอื การใชงาน IC 1 เลม
4. สายตอ วงจร 1 ชุด
ลําดับข้นั การทดลอง
1. ประกอบวงจรตามรูปที่ 5.1 กฎการเปลี่ยนจากสมการแอนดเ กต ABC = CBA ทดลองบนั ทึกผลลงในตาราง
ที่ 5.1
CAB 1 12 Y1=ABC
2
13
3 6 Y2=CBA
4
5
รปู ท่ี 5.1 กฎการเปลีย่ นของพชี คณิตบูลนี สมการแอนดเกต ABC = CBA
ใบงานท่ี 5 สัปดาห์ท่ี 9-10
รหสั 2104 - 2107 ชื่อวชิ า ดิจิตอลเบ้ืองตน้ จํานวน 6 ช่ัวโมง
หน่วยท่ี 5 : พีชคณิตบูลีน
ตารางท่ี 5.1 บันทึกผลกฎการเปลย่ี นของพชี คณิตบลู นี สมการแอนดเกต ABC = CBA
อนิ พุต เอาตพ ุต
ABC Y1 Y2
000
001
010
011
100
101
110
111
2. ประกอบวงจรตามรปู ที่ 5.2 กฎการเปลี่ยนจากสมการออรเ กต A+B+C = C+B+A ทดลองบนั ทึก
ผลลงในตารางที่ 5.2
A 1 12 1 2 Y1=A+B+C
B 2
C 13
3 4 63 4 Y2=C+B+A
5
รปู ท่ี 5.2 กฎการเปลี่ยนของพีชคณิตบลู นี สมการออรเ กต A+B+C = C+B+A
ใบงานท่ี 5 สัปดาห์ท่ี 9-10
รหัส 2104 - 2107 ชื่อวชิ า ดิจิตอลเบ้ืองตน้ จํานวน 6 ชั่วโมง
หน่วยที่ 5 : พีชคณิตบูลีน
ตารางที่ 5.2 บันทึกผลกฎการเปลี่ยนของพชี คณิตบลู ีนสมการแอนดเ กต A+B+C = C+B+A
อินพุต เอาตพตุ
ABC Y1 Y2
000
001
010
011
100
101
110
111
3. ประกอบวงจรตามรูปที่ 5.3 กฎการจัดหมสู มการ A(BC) = (AB)C ทดลองบันทึกผลลงในตารางที่ 5.3
A 1 35 6 Y1=A(BC)
B
C2
9 8 12 11 Y2=(AB)C
10 13
รปู ที่ 5.3 กฎการจดั หมูของ A(BC) = (AB)C
ใบงานที่ 5 สัปดาห์ที่ 9-10
รหสั 2104 - 2107 ช่ือวชิ า ดิจิตอลเบ้ืองตน้ จํานวน 6 ชั่วโมง
หน่วยที่ 5 : พชี คณิตบูลีน
ตารางท่ี 5.3 บันทึกผลกฎการจดั หมขู อง A(BC) = (AB)C
อนิ พุต เอาตพตุ
ABC Y1 Y2
000
001
010
011
100
101
110
111
4. ประกอบวงจรตามรปู ท่ี 5.4 กฎการจดั หมูสมการ A+(B+C) = (A+B)+C ทดลองบนั ทึกผลลงในตารางท่ี 5.4
AB 4 6 Y1=A+(B+C)
C 1
23 5
9 8 12
13
10 11 Y2=(A+B)+C
รูปท่ี 5.4 กฎการจดั หมูของ A+(B+C) = (A+B)+C
ใบงานท่ี 5 สัปดาห์ที่ 9-10
รหสั 2104 - 2107 ช่ือวชิ า ดิจิตอลเบ้ืองตน้ จํานวน 6 ช่ัวโมง
หน่วยท่ี 5 : พีชคณิตบูลีน
ตารางที่ 5.4 บันทึกผลกฎการจัดหมขู อง A+(B+C) = (A+B)+C
อินพุต เอาตพ ตุ
ABC Y1 Y2
000
001
010
011
100
101
110
111
5. ประกอบวงจรตามรูปที่ 5.5 กฎการกระจายจากสมการ A(B+C) = AB + AC ทดลองบนั ทึกผลลง
ในตารางท่ี 5.5
A 13 2 3 Y1=A(B+C)
B
C2
4 6 Y2=AB+AC
564
98 5
10
รูปที่ 5.5 กฎการกระจายของ A(B+C) = AB + AC
ใบงานท่ี 5 สัปดาห์ท่ี 9-10
รหัส 2104 - 2107 ช่ือวชิ า ดิจิตอลเบ้ืองตน้ จํานวน 6 ชั่วโมง
หน่วยท่ี 5 : พีชคณิตบูลีน
ตารางท่ี 5.5 บันทึกผลกฎการกระจายของ A(B+C) = AB + AC
อนิ พุต เอาตพตุ
ABC Y1 Y2
000
001
010
011
100
101
110
111
สรปุ ผลการทดลอง
................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ใบงาน 5.2 เรื่อง ทฤษฎีเดอมอรแกน
จดุ ประสงคการปฏิบตั ิ
1. เขียนสมการเปลยี่ นรูปพีชคณติ บูลนี โดยใชทฤษฎีเดอมอรแ กนเขา ชวยได
2. ทดสอบวงจรเปลีย่ นรปู พีชคณติ บลู นี โดยใชท ฤษฎเี ดอมอรแกนเขา ชว ยได
เครือ่ งมอื /อุปกรณก ารทดลอง 1 ชุด
1. บอรดทดลลอง
2. IC เบอร 7404, 7408, 7411 ,7427, 7432 เบอรล ะ 1 ตัว
3. คูมือการใชงาน IC 1 เลม
4. สายตอ วงจร 1 ชดุ
ใบงานท่ี 5 สัปดาห์ที่ 9-10
รหัส 2104 - 2107 ชื่อวชิ า ดิจิตอลเบ้ืองตน้ จํานวน 6 ชั่วโมง
หน่วยท่ี 5 : พีชคณิตบูลีน
Y1=A + B+ C
ลาํ ดบั ข้นั ตอนการทดลอง Y2 =ABC
1. ประกอบวงจรตามรปู ที่ 5.6 ทดลองบันทึกผลลงในตารางที่ 5.6
CAB 1213 12
12 12
3 4 1123
56
รูปที่ 5.6 ทฤษฎเี ดอมอรแกน A + B + C = ABC
ตารางที่ 5.6 บนั ทึกผลทฤษฎีเดอมอรแ กน
อนิ พุต เอาตพ ตุ
ABC Y1 Y2
000
001
010
011
100
101
110
111
ใบงานท่ี 5 สัปดาห์ที่ 9-10
รหสั 2104 - 2107 ชื่อวชิ า ดิจิตอลเบ้ืองตน้ จํานวน 6 ชั่วโมง
หน่วยที่ 5 : พีชคณิตบูลีน
2. เปลี่ยนสมการพชี คณิตบูลนี คา (A + B) + C โดยใชท ฤษฎีเดอมอรแกนทาํ ไดด ังนี้
(A + B) + C = (A + B)C = (A + B)C
3. ใชสมการขอ 3 มาประกอบวงจรตามรปู ท่ี 5.7 ทดลองบันทึกผลลงในตารางท่ี 5.7
A 1 31 2 4
B 2 5
65 6 Y1=(A + B) + C
C 34 Y2=(A + B)C
9 1 3
10 8 2
รปู ท่ี 5.7 ทฤษฎเี ดอมอรแกน (A + B) + C = (A + B)C
ตารางที่ 5.7 บนั ทึกผลทฤษฎีเดอมอรแกน C เอาตพตุ
อนิ พตุ 0 Y1 Y2
1
AB 0
00 1
00 0
01 1
01 0
10 1
10
11
11
สรปุ ผลการทดลอง
................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................