โรงเรียนปากเกร็ด จงั หวัดนนทบุรี - 1 - โครงร่างงานวิจัยเพื่อพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา
โครงรา่ ง : งานวิจยั เพ่ือพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา
โรงเรียนปากเกรด็ อาเภอปากเกร็ด จังหวดั นนทบุรี
ประจาภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565............. .................. . ...................................
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ.................. ....................................................................................................................
ชอื่ ครผู ูว้ จิ ัย นางสาวนวลอนงค์ นามสกุล ยศสาย.............. .................................................................................................
................................. ...................................
ตาแหน่ง ค.ศ.1 วทิ ยฐานะ................................... ...........................................................-....................................................................
................................................................
1. ขื่อเรื่องงานวจิ ัย การพัฒนารปู แบบการเรยี นการสอนด้วยโปรแกรม ClassPoint เพอื่ พฒั นาผลสัมฤทธ์ขิ อง
นกั เรยี นระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรียนปากเกร็ด จงั หวัดนนทบุรี
สาหรับนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 6............... .............. ประจาภาคเรียนที่ ............... 1.................... ปกี ารศกึ ษา 2565 .........................................
1.1 เปน็ งานวิจัยประเภท 1.วิจยั /ผลสัมฤทธิ์ฯ 2.วิจัย/แบบสารวจ แบบสอบถาม
3.วจิ ยั /พฤตกิ รรม 4.วจิ ัย/แบบรายบคุ คล กรณีศกึ ษา (Case Study)
5. อน่ื ๆ/ระบุ ...................................................................................................................................................................................................
1.2 ลักษณะงานวจิ ยั 1.เพ่ือแก้ปญั หา 2. เพ่อื ปรบั ปรุง/พฒั นา 3. อ่นื ๆ/ระบุ ................................................
2. ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา (โดยย่อ)
ปัญหาในการสอนภาษาอังกฤษท่ีผ่านมาคือเรื่องคาศัพท์ ซึ่งนักเรียนจะต้องจดจา ความหมายและ
สามารถนาไปแต่งประโยคให้ได้ ซึ่งนักเรียนบางคนท่ีสนใจในการเรียนก็สามารถทาได้ และจาได้ แต่นักเรียนที่
ไม่ชอบการจดจาจะไม่สามารถจดจาได้ จนส่งผลทาให้นักเรียนไม่สามารถนาคาศัพท์ไปใช้ในการสนทนาหรือ
การเขียนต่อได้ ด้วยเหตุน้ีจึงทาให้นักเรียนไม่สนุก เกิดความเบ่ือหน่าย และไม่สนใจในการเรียน และไม่สนใจ
การทากิจกรรมท่ีกาหนดให้ ดังนั้น ผู้สอนจึงต้องการนาเทคนิคที่แตกต่างจากการพานักเรยี นท่องจาอย่างเดียว
ทาให้นักเรียนไม่ได้เกิดการเรียนรู้ ผู้สอนจึงได้ประยุกต์บทเรียนเข้ากับโปรแกรม ClassPoint และให้เกิดการ
เรียนที่นักเรียนมีส่วนรวมมากท่ีสุด ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ท่ี active กล้าคิด กล้าทา กล้าแสดงออก แสดง
ความคิดเห็นร่วมกับเพ่ือนและครู ซึ่ง Classpoint เป็นโปรแกรมท่ีช่วยในการจัดการเรียนการสอนและเป็น
เทคนิคการสอนที่สามารถดึงความสนใจ และให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนได้อย่างดี จนทาให้นักเรียนมี
ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นทดี่ ีขึ้น
โรงเรยี นปากเกรด็ จงั หวัดนนทบรุ ี - 2 - โครงร่างงานวิจยั เพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพการศึกษา
3. วตั ถุประสงคข์ องงานวจิ ยั (ความมงุ่ หมายของงานวจิ ยั )
1. พฒั นารปู แบบการเรียนการสอนด้วยโปรแกรม ClassPoint
2. เพ่ือเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนักเรียน
3. เพอ่ื ศกึ ษาความพงึ พอใจของนกั เรียนทม่ี ตี ่อรปู แบบการเรียนการสอนด้วยโปรแกรม ClassPoint
4. ความสาคญั ของงานวิจัย (1. ได้ 2. เปน็ 3. เป็น )..........................................
............................................... ......................................................
1. ไดร้ ูปแบบการเรียนการสอนด้วยโปรแกรม ClassPoint ทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพ
2. เปน็ แนวทางในการนาไปพัฒนารูปแบบของบทเรียนเรื่องอื่นๆ ตอ่ ไป
3. เปน็ แนวทางในการนานวตั กรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษามาพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อส่ง
ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนรู้ และความพงึ พอใจของนักเรยี นระดับ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6 ในการเรียนวิชา
ภาษาองั กฤษ
5. ขอบเขตของการวจิ ัย
5.1 ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง
ประชากร (Population) เป็นนกั เรยี นระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6......... .............. โรงเรยี นปากเกรด็
ทีเ่ รยี นในภาคเรียนที่ 1....... ......... ปีการศกึ ษา 25 65....... ......... จานวน 3....... ..... หอ้ งเรียน จานวนนกั เรยี น 144............. ..............
คน
กล่มุ ตวั อย่าง (Samples) เปน็ นักเรียนระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 11.......... ............... โรงเรยี นปากเกร็ด
ทเี่ รียนในภาคเรียนที่ 1....... ........ ปีการศึกษา 25 ............ 65............. ทไ่ี ด้จากการ เลือกแบบเจาะจง...................... ............................................
จานวน 1....... ............ หอ้ งเรยี น จานวนนกั เรยี น 43.......... ............... คน
5.2 ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการวจิ ัย
ดาเนนิ การวิจยั ในภาคเรยี นที่ .......1......... ปกี ารศกึ ษา 25 .........64........... ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม
ถงึ วันท.่ี .......... 31 กรกฎาคม...................................... จานวน ....................3......................... ชัว่ โมง
5.3 เนอ้ื หาทีใ่ ชใ้ นการวิจยั
เปน็ เน้ือหารายวิชา ภาษาอังกฤษ5 รหสั วิชา อ33101...................
........................... ......................... ..................................
เร่อื ง คาศพั ท์ สาหรับนกั เรียนระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6..........................................
...................................................... ............ ......
โรงเรียนปากเกร็ด จังหวัดนนทบรุ ี - 3 - โครงรา่ งงานวิจยั เพอ่ื พัฒนาคุณภาพการศึกษา
6. เครือ่ งมือทใี่ ช้ในการวจิ ยั ประกอบด้วย (เอกสาร ชดุ การเรยี น ชุดการสอน ชุดการเรยี นการสอน เอกสาร
ประกอบการเรียน ใบความรู้ ใบงาน แบบฝกึ ทักษะ บทเรยี นออนไลน์ แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ แบบ
สารวจ แบบสอบถาม แบบรายงานผลสมั ฤทธิ์ กจิ กรรม ..... การปฏบิ ตั ิ ฯลฯ ระบ)ุ
6.1 ชุดการสอนดว้ ยโปรแกรม ClassPoint
6.2 แบบทดสอบ
6.3 แบบสารวจความพึงพอใจ
6.4 แบบรายงานผลสัมฤทธิ์ กิจกรรม
7. ตัวแปรที่ศกึ ษา
7.1 ตวั แปรต้น/ตัวแปรอิสระ (Independent Variables) ไดแ้ ก่
• ชดุ การสอนด้วยโปรแกรม ClassPoint
7.2 ตวั แปรตาม (dependent Variables) ได้แก่
• ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นของนกั เรียน
• ความพงึ พอใจของนกั เรียนท่ีมีต่อการเรยี นการสอน
8. นยิ ามศพั ท์เฉาะ (ถ้ามี)
-
6. กรอบแนวคิดในการวจิ ยั ตัวแปรตาม
ตวั แปรตน้
• ชุดการสอนดว้ ยโปรแกรม • ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนของ
ClassPoint นกั เรยี น
• ความพงึ พอใจของนักเรยี นที่มตี ่อ
การเรียนการสอน
โรงเรยี นปากเกรด็ จังหวัดนนทบุรี - 4 - โครงร่างงานวิจยั เพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพการศึกษา
7. สมมตุ ิฐานของการวจิ ัย (ถา้ มี : ต้องสอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์ของงานวิจยั หรอื ความมงุ่ หมายของงานวจิ ยั )
ผลสัมฤทธข์ิ องนักเรียนท่เี รยี นดว้ ยชุดการสอนดว้ ยโปรแกรม ClassPoint ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6
หลงั เรยี นสูงกวา่ ก่อนเรียน
8. เอกสารและงานวจิ ัยที่เกี่ยวข้อง (ถา้ มี : แบบยอ่ นาเสนอเทา่ ที่จาเป็น/เพราะไม่ใชป่ ริญญานพิ นธ์)
-
9. แบบแผนการวจิ ัยและสถิติท่ใี ช้ในการวจิ ัย (ระบเุ ฉพาะสถิติท่จี ะใช้ในงานวิจัยนี้เทา่ น้ัน ส่วนท่ไี ม่เกยี่ วข้อง
ให้ตัดทิง้ )
9.1 แบบแผนการวิจัยและสถติ ทิ ี่ใช้ทดสอบสมมุตฐิ าน
9.1.1 แบบแผนการทดลองแบบ One-group pretest – posttest design
(เปรยี บเทียบก่อน-หลัง)
กลมุ่ สอบก่อน ทดลอง สอบหลงั
E T1 X T2
สถิตทิ ดสอบ t (t-test for Dependent Samples)
สูตร สูตรที่ใช้ทดสอบ t = D : df = n −1
n D2 −(D)2
n −1
9.1.2 แบบแผนการทดลองแบบ One-group t - test design/One sample t -
test (เปรยี บเทียบกบั เกณฑ์/เกณฑ์ผา่ น/เกณฑท์ ต่ี ้องการ)
กลมุ่ ทดลอง สอบหลงั
E X T2
สถติ ิทดสอบ t (t-test One group)
สตู ร สูตรทใ่ี ช้ทดสอบ t= X − 0 : df = n −1
s
n
โรงเรยี นปากเกรด็ จงั หวัดนนทบรุ ี - 5 - โครงร่างงานวจิ ัยเพือ่ พฒั นาคุณภาพการศกึ ษา
9.1.3 แบบแผนการทดลองแบบเปรียบเทียบ 2 กลุ่ม)( pretest – posttest two group
design : F - test) ใช้เปรียบเทยี บนวตั กรรม/เทคนคิ วิธกี าร อย่างน้อย 2 แบบ กับกลมุ่ ทดลอง 2 กลุ่ม
กลมุ่ สอบก่อน ทดลอง สอบหลงั
E ทดลอง T1 X T2
C ควบคมุ T1 X T2
สถิตทิ ดสอบ F (F-test ) แบบการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม (analysis of covariance : ANCOVA)
สูตร สูตรท่ใี ชท้ ดสอบ F= S2b
S2w
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
9.1.4 สถิตทใี่ ช้ทดสอบสมมุติฐานทมี่ ีมาตราประมาณคา่ (Rating Scale) ประกอบดว้ ย
ค่าเฉล่ียเลขคณติ ( X ) และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
สตู ร ค่าเฉลีย่ เลขคณิต ( X ) = fi x i
N
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
สูตร ค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) = fixi2 −(x)2
n(n −1)
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
9.1.5 สถติ ทใ่ี ช้ทดสอบสมมตุ ิฐานอ่นื (ถา้ มี : ระบุ)
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
9.2 สถติ ิพน้ื ฐาน (ที่ใช้ในการศึกษา)
9.2.1 ค่าเฉล่ยี เลขคณติ ( X ) = fi x i , ค่าเฉลย่ี เลขคณิต ( X )= xi
N N
ใช้หา ..................................................................................................................................................................................................................................................................................................
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
โรงเรยี นปากเกรด็ จงั หวดั นนทบรุ ี - 6 - โครงรา่ งงานวิจัยเพือ่ พัฒนาคณุ ภาพการศึกษา
9.2.2 คา่ ความเบี่ยงเบนมาตรฐานแจกแจงความถี่ (S.D.)= fixi2 −(x)2 ,
n(n −1)
ค่าความเบย่ี งเบนมาตรฐานไม่แจกแจงความถี่ (S.D.)= n(xi2 )−(xi )2
n(n −1)
ใช้หา .....................................................................................................................................................................................................................................................................................................
. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….
9.3 สถติ ิท่ใี ช้ในการตรวจสอบคุณภาพเครอ่ื งมือ (ถา้ มี)
9.3.1 คา่ ความสอดคล้อง (IOC)
คา่ ความยาก (p) สูตร .............................................................................................
ค่าอานาจจาแนก (r) สูตร .............................................................................................
คา่ ความเชื่อมั่น ( , ) สตู รrtt .............................................................................................
9.3.2 ประสิทธิภาพของเคร่ืองมือ ( ) สูตรE / E .............................................................................................
12
หาดัชนปี ระสิทธิผล (Effectiveness Index : ) สูตรE . I. .............................................................................................
10. ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะได้รบั
1. พัฒนาบทเรยี นออนไลนว์ ชิ าภาษาอังกฤษ ท่มี ีประสทิ ธิภาพ
2. เปน็ แนวทางในการนาไปพัฒนารูปแบบของบทเรียนออนไลน์เร่อื งอ่ืนๆ ต่อไป
3. เป็นแนวทางในการนานวตั กรรม และเทคโนโลยที างการศึกษามาพัฒนาการเรียนการสอนเพ่ือสง่
ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนรู้ และความพงึ พอใจของนกั เรยี นต่อไป
11. แหล่งค้นควา้ หรอื เอกสารอา้ งอิง บรรณานุกรม (โดยย่อ)
▪ กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 และ
มาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวช้วี ดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
▪ ถนอมพร เลาหจรัสแสง. (2545). Designing e-Learning : หลักการออกแบบและการสรา้ งเวบ็ เพ่อื
การเรยี น การสอน. กรงุ เทพ : อรณุ การพิมพ์.
▪ Ritchie C. Donn and Hoffman Bob. (1997). Incorporating Instructional Design Principles
with the World Wide Web. In Badrul H. Khan (Ed.). Web-Based Instruction. New Jersey :
Educational Technology Publications.
ลงชื่อ ผเู้ สนอโครงรา่ งงานวิจัย................................................... .....................................................................................................
(......นางสาวนวลอนงค์ ยศสาย......)
ตาแหนง่ ......ครู.......อนั ดับ ค.ศ. วิทยฐานะ............ .................-..........
กลุม่ สาระการเรียนรู้ ........ภาษาต่างประเทศ..........
2/ กรกฎาคม/ 2565 (ภาคเรียนท่ี 2/2565)