The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aaasddzxcd789, 2022-01-29 12:29:06

pdf24_merged

pdf24_merged

10.1 การยกตัวของอากาศกับการเปลี่ยนแปลงอุณหถูมิ

พื้นผิวโลกได้รั บความร้ อนจากดวงอาทิตย์ทำให้อากาศซึ่งอยู่บนพื้นผิวมีอุณหภูมิ
สูงขึ้นและลอยตัวสูงขึ้นเมื่อกลุ่มอากาศร้ อนยกตัวปริมาตรจะเพิ่มขึ้นเนื่องจาก
ความกดอากาศน้อยลงมีผลทำให้อุณหภูมิลดลงด้วยอัตรา 10 ° C ต่อ 1,000
เ ม ต ร จ น ก ร ะ ทั่ ง ก ลุ่ ม อ า ก า ศ มี ค ว า ม อุ ณ ห ภู มิ เ ท่ า กั บ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม มั น ก็ จ ะ ห ยุ ด ล อ ย ตั ว
แ ล ะ เ มื่ อ ก ลุ่ ม อ า ก า ศ มี อุ ณ ห ภู มิ ต่ำ ก ว่ า สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม มั น ก็ จ ะ จ ม ตั ว ล ง แ ล ะ มี ป ริม า ต ร
น้ อ ย ล ง เ นื่ อ ง จ า ก ค ว า ม ก ด อ า ก า ศ ที่ เ พิ่ ม ขึ้ น แ ล ะ ส่ ง ผ ล ทำ ใ ห้ อุ ณ ห ภู มิ สู ง ขึ้ น ด้ ว ย

เ มื่ อ ก ลุ่ ม อ า ก า ศ ย ก ตั ว ป ริม า ต ร จ ะ เ พิ่ ม ขึ้ น ทำ ใ ห้ อุ ณ ห ภู มิ ล ด ต่ำ า ล ง
ด้วยอัตรา 10 ° C ต่อ 1,000 เมตรจะกระทั่งถึงระดับการ

ค ว บ แ น่ น อ า ก า ศ จ ะ อิ่ ม ตั ว เ นื่ อ ง จ า ก อุ ณ ห ภู มิ ล ด ต่ำ จ น ถึ ง จุ ด น้ำ ค้ า ง
ห า ก อุ ณ ห ภู มิ ยั ง ค ง ล ด ต่ำ ไ ป อี ก ไ อ ใ น อ า ก า ศ จ ะ ค ว บ แ น่ น เ ป ลี่ ย น

สถานะเป็นหยดน้ำขนาดเล็ก (ซึ่งก็คือเมฆที่เรามองเห็น) และคาย
ความร้ อนแฝงออกมาทําให้อัตราการลดลองของอุณหภูมิเหลือ 5

° C ต่อ 1,000 เมตร

เราจะเห็นได้ว่า "เมฆ" เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการยกตัวของอากาศเท่านั้นกลไกที่ทำให้เกิดการเคลื่อน
ตัวของอากาศในแนวดิ่งเช่นนี้มี 4 กระบวนการดังนี้

สภาพภูมิประเทศเมื่อกระแสลมปะทะภูเขาอากาศถูกบังคับให้ลอยสูงขึ้น (เนื่องจากไม่มีทางออกทางอื่น) จนถึง
ร ะ ดั บ ค ว บ แ น่ น ก็ จ ะ ก ลั่ น ตั ว เ ป็ น ห ย ด น้ า ติ ง เ ร า จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ า บ น ย อ ด เ ข า สู ง มั ก มี เ ม ฆ ป ก ค ลุ ม อ ยู่ ทำ ใ ห้ บ ริเ ว ณ ย อ ด เ ข า มี
ค ว า ม ชุ่ ม ชื้ น แ ล ะ อุ ด ม ไ ป ด้ ว ย ป่ า ไ ม้ แ ล ะ เ มื่ อ ก ร ะ แ ส ล ม พั ด ผ่ า น ย อ ด เ ข า ไ ป อ า ก า ศ แ ห้ ง ที่ สู ญ เ สี ย ไ อ น้ำ ไ ป จ ะ จ ม ตั ว ล ง จ น มี

อุณหภูมิสูงขึ้นภูมิอากาศบริเวณหลังภูเขาจึงเป็นเขตที่แห้งแล้งเรียกว่า“ เขตเงาฝน” (Rain shadow)

แนวปะทะอากาศร้ อนมีความหนาแน่นต่ำกว่าอากาศเย็นเมื่ออากาศร้ อนปะทะกับอากาศเย็นอากาศร้ อนจะเสียขึ้นและ
อุ ณ ห ภู มิ ล ด ต่ำ ล ง จ น ถึ ง ร ะ ดั บ ค ว บ แ น่ น ทำ ใ ห้ เ กิ ด เ ม ฆ แ ล ะ ฝ น ดั่ ง เ ร า จ ะ เ ค ย ไ ด้ ยิ น ข่ า ว พ ย า ก ร ณ์ อ า ก า ศ ที่ ว่ า ลิ่ ม ค ว า ม ก ด

อากาศสูง (อากาศเย็น) ปะทะกับลิ่มความกดอากาศต่ำ (อากาศร้ อน) ทำให้เกิดพายุฝน

อากาศบีบตัวเมื่อกระแสลมพัดมาปะทะกันอากาศจะยกตัวขึ้นทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงจนเกิด
อากาศอิ่มตัวไอนํ้าในอากาศควบแน่นเป็นหยดน้ำกลายเป็นเมฆ

การพาความร้อนพื้นผิวของโลกมีความแตกต่างกันจึงมีการดูดกลืนและคายความร้อนไม่เท่ากันจึงมีผลทำให้กลุ่มอากาศที่ลอยอยู่
เหนือมันมีอุณหภูมิแตกต่างกันไปด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน (ตัวอย่างเช่นกลุ่มอากาศที่ลอยอยู่เหนือพื้นคอนกรีตจะมี
อุณหภูมิสูงกว่ากลุ่มอากาศที่ลอยอยู่เหนือพื้นหญ้า) กลุ่มอากาศที่มีอุณหภูมิสูงมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศในบริเวณโดยรอบ

จึงลอยตัวสูงขึ้นดังเราจะเห็นว่าในวันที่มีอากาศร้อนนกเหยี่ยวสามารถลอยตัวอยู่เฉยๆโดยไม่ต้องขยับปีกเลย

นายณัชพล สุขสมบูรณ์ 5/5 1 ข

เสกัถบียกก้ราอภรนยาอพกาตอกัวาาขกศอาศง เสถียรภาพอากาศ

เมื่อกลุ่มอากาศยกตัว มันจะขยายตัว และมีอุณหภูมิลดต่ำลง
ถ้ากลุ่มอากาศมีอุณหภูมิต่ำกว่าสภาวะแวดล้อม มันจะจมตัวกลับสู่ที่
เดิม เนื่องจากมีความหนาแน่นกว่าอากาศโดยรอบ เราเรียกสภาวะ
เช่นนี้ว่า “อากาศมีเสถียรภาพ” (Stable air) ถ้ากลุ่มอากาศยกตัวสูง
จนเหนือระดับควบแน่นก็จะเกิดเมฆในแนวราบ และไม่สามารถยก
ตัวต่อไปได้อีก อากาศมีเสถียรภาพมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีอุณหภูมิ
ต่ำ เช่น เวลาเช้า

ในวันที่มีอากาศร้อน กลุ่มอากาศจะยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะมีความสูงเลยระดับควบแน่นไปแล้วก็ตามแต่ก็ยังมีอุณหภูมิสูง
กว่าอากาศโดยรอบ จึงลอยตัวสูงขึ้นไปอีก ทำให้เกิดเมฆก่อตัวในแนวตั้ง เช่น เมฆคิวมูลัส เมฆคิวมูโลนิมบัส เราเรียกสภาวะเช่นนี้
ว่า “อากาศไม่มีเสถียรภาพ” (Unstable air) อากาศไม่มีเสถียรภาพมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีอุณหภูมิสูง เช่น เวลาบ่ายของฤดูร้อน

การยกตัวของก้อนอากาศ

พื้นผิวโลกได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้อากาศซึ่งอยู่

บนพื้นผิวมีอุณหภูมิสูงขึ้นและลอยตัวสูงขึ้น เมื่อกลุ่มอากาศร้อนยกตัว

ปริมาตรจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากความกดอากาศน้อยลง มีผลทำให้

อุณหภูมิลดลงด้วยอัตรา 10°C ต่อ 1,000 เมตร จนกระทั่งกลุ่มอากาศ

มีความอุณหภูมิเท่ากับสิ่งแวดล้อมมันก็จะหยุดลอยตัว และเมื่อกลุ่ม

อากาศมีอุณหภูมิต่ำกว่าสิ่งแวดล้อม มันก็จะจมตัวลง และมีปริมาตร

น้อยลงเนื่องจากความกดอากาศที่เพิ่มขึ้น และส่งผลทำให้อุณหภูมิสูง

ขึ้นด้วย

เมื่อกลุ่มอากาศยกตัว ปริมาตรจะเพิ่มขึ้น ทำให้อุณหภูมิลด
ต่ำลงด้วยอัตรา 10°C ต่อ 1,000 เมตร จะกระทั่งถึงระดับการ
ควบแน่น อากาศจะอิ่มตัวเนื่องจากอุณหภูมิลดต่ำจนถึงจุดน้ำค้าง
หากอุณหภูมิยังคงลดต่ำไปอีก ไอน้ำในอากาศจะควบแน่นเปลี่ยน
สถานะเป็นหยดน้ำขนาดเล็ก (ซึ่งก็คือเมฆที่เรามองเห็น) และคาย
ความร้อนแฝงออกมา ทำให้อัตราการลดลองของอุณหภูมิเหลือ 5°C
ต่อ 1,000 เมตร

นางสาวพรปวีณ์ โสพรม ม.5/5 เลขที่ 2 ตอน ข
วิชา ดาราศาสตร์ ครูปาลลิน อั้นวงศ์

10.3.1
กระบวนการเกิด

เมฆก้อน

เมฆก้อนเรียกว่า “เมฆคิวมูลัส” (Cumulus)
หากเมฆก้อนลอยชิดติดกัน เรานำชื่อทั้งสองมาต่อกันเรียกว่า “เมฆสตราโต
คิวมูลัส” (Stratocumulus) ในกรณีที่เป็นเมฆฝนจะเพิ่มคำว่า “นิมโบ”
หรือ “นิมบัส” ซึ่งแปลว่า “ฝน” เข้าไป โดยเรียกเมฆก้อนที่ทำให้เกิดพายุฝน

ฟ้าคะนองว่า “เมฆคิวมูโลนิมบัส” (Cumulonimbus)

ก้อนอากาศที่ยกตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่ องจะ ในการเกิดเมฆก้อน ถ้าก้อนอากาศ
ทำให้ไอน้ำควบแน่นเป็นละอองน้ำซึ่งพัฒนา ยกตัวจนกระทั่งจนอุณหภูมิลดต่ำ
ตัวเป็นกลุ่มก้อนของละอองน้ำที่มีขนาด กว่าจุดเยือกแข็ง จะทำให้ละอองน้ำ
ใหญ่ขึ้นและลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า เกิด กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง และถ้ามีลมใน
เป็นเมฆที่มีลักษณะเป็นก้อน เช่น ระดับสูงที่พัดแรงจะทำให้ผลึกน้ำแข็ง
ถูกพัดเป็นทางยาวทำให้เกิดเป็นเมฆ
ริ้ว

เมฆคิวมูโลนิมบัส

เมฆคิวมูลัส

ธัญพิสิษฐ์ ศรีมาวงศ์ ม.5/5 เลขที่ 3 ข







10.4.3

การลู่เข้าหากันของอากาศ

(Convergence of Air)




การลู่เข้าหากันของอากาศเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้อากาศยกตัวเเละเกิดเมฆ โดยเมฆ
ที่เกิดขึ้นมักเป็นเมฆคิวมูโลนิมบัสซึ่งทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง มักเกิดขึ้นบริเวณกว้างทำให้
เมฆที่เกิดขึ้นปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างตามไปด้วย

อ้างอิง

1. การเคลื่อนที่เข้าหากันของอากาศรอบหย่อม
ความกดอากาศต่ำทำให้อากาศที่อยู่ตรงกลาง
ยกตัวขึ้นเกิดเป็นเมฆ




2. การลู่เข้าหากันของอากาศบริเวณร่องความกดอากาศต่ำ
เกิดจากล้มค้าจากซีกโลกเหนือพัดเข้าสู่ร่องความกดอากาศ
ต่ำจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือเเละลมค้าจากซีกโลกใต้พัด

เข้าสู่ร่องความกดอากาศต่ำจากทิศตะวันออกเฉียงใต้

นายยศกร ธงชัย ม.5/5 เลขที่ 7 ตอน ข
วิชา ดาราศาสตร์ ครูปาลลิน อั้นวงศ์







ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอากาศ

•พลังงานจากดวงอาทิตย์
•วงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
•องค์ประกอบของบรรยากาศ
•ความสามารถในการสะท้อนแสง
ของบรรยากาศ และพื้นผิวโลก
• น้ำในมหาสมุทร
• แผ่นน้ำแข็งขั้วโลก
• การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก

ค่าอัตราส่วนรังสีสะท้อนของพื้นผิวโลก

อัลบีโด เป็นอัตราส่วนเปรียบเทียบค่าการสะท้อนแสงของพื้นผิว กับ ปริมาณรังสี
ทั้งหมดที่ตกกระทบ มักแสดงด้วยตัวเลขทศนิยมระหว่าง 0 – 1 กล่าวคือ วัตถุที่มีการ
ดูดกลืนรังสีอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการสะท้อนรังสีกลับคืนเลยจะมีอัลบีโด = 0 ส่วนวัตถุที่มี

การสะท้อนแสง 100% และไม่มีการดูดกลืนรังสีเลยมีอัลบีโด = 1

นางสาวพชรพรรณ ราวีศรี ม.5/5 11ข
วิชาดาราศาสตร์ ครูปาลลิน อั้นวงศ์

สมดุลพลังงานของโลกมีการเปลี่ยนแปลงตาม “วัฏจักรมิแลน ภาวะเรือนกระจก คือ ภาวะที่
โควิช (Milankovich cycle)” คือ การเปลี่ยนแปลงวงโคจร ชั้นบรรยากาศของโลกกระทำตัวเสมือน
ของโลกกับดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทางดาราศาสตร์ที่ กระจกที่ยอมให้รังสีคลื่นสั้นจากดวงอาทิตย์ผ่าน
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อแกนหมุนของโลก การเหวี่ยงของ ลงมายังพื้นผิวโลกได้แต่จะดูดกลืนรังสีคลื่นยาว
แกนโลก และวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ทำให้โลกอยู่ใกล้ ช่วงอินฟราเรดที่แผ่ออกจากพื้นผิวโลกเอาไว้ จาก
หรือห่างจากดวงอาทิตย์และส่งผลให้สภาพภูมิอากาศของโลก นั้นก็จะคายพลังงานความร้อนให้กระจาย
อยู่ภายในบรรยากาศจึงเปรียบเสมือนกระจกที่
เปลี่ยนแปลงไป เกิดจากปรากฏการณ์ 3 เรื่อง ปกคลุมผิวโลกให้มีภาวะสมดุลทางอุณหภูมิ และ

เหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตบนผิวโลก



วงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์

วัฎจักรแรกคือ วงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ (Earth’s
eccentricity) ซึ่งเป็นวัฎจัการที่ใช้เวลานานที่สุด โดยวงโคจรโลก
รอบดวงอาทิตย์ ที่เป็นวงรีนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงทุก 100,000
ปี เมื่อวงโคจรโลกรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรีมากที่สุด ในช่วงนั้นโลก
ก็จะทั้งอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุด และห่างจากดวงอาทิตย์มาก

ที่สุดด้วย

มุมเอียงของเเกนหมุนโลก การหมุนควงของเเกนหมุนโลก

วัฎจักรที่สองจะใช้เวลาราว 41,000 ต่อรอบ ซึ่งวัฎจักรนี้เกี่ยวข้องกับ ส่วนวัฎจักรที่สาม ซึ่งเป็นวัฎจักรที่สั้นที่สุดคือใช้เวลาราว 26,000 ปีต่อ
แกนของโลก (axial tilt) ที่มีมุมเอียงที่ต่างกันไป ในช่วงต่างๆ มุม รอบ ซึ่งวัฎจักรนี้จะสัมพันธ์กับการส่ายไปมาของแกนโลก (precession)

เอียงของแกนโลกจะอยู่ราว 22.1 – 24.5 องศา ซึ่งทำให้มีผลต่อ โดยในช่วงหนึ่งของวัฎจักรแกนโลกจะชี้ไปที่ดาวเหนือและแกนโลกจะ
บริเวณพื้นผิวบนโลกที่รังสีจากดวงอาทิตย์อาจตกกระทบแตกต่างกัน ค่อยๆ ย้ายไปชี้ที่ดาว Vega การส่ายของแกนโลกนี้มีผลต่อความรุนแรง
ออกไปเมื่อแกนโลกเปลี่ยนองศาไป ในปัจจุบันแกนโลกเอียงอยู่ในช่วง
ของฤดูกาล กล่าวคือเมื่อแกนโลกทางเหนือชี้ตรงไปที่ดาว Vega ฤดู
กลางๆ ของมุมเอียง คือประมาณ 23.44 องศา หนาวก็จะหนาวเย็นเป็นพิเศษ ในขณะที่ฤดูร้อนก็จะร้อนมากขึ้นเป็นพิเศษ

เพิ่มการเปลี่ยนแปลงทั้งสามลักษณะของวงโคจรโลก แกนองศา และการส่าย ด้ว
ของแกนโลก ทำให้ปริมาณรังสีดวงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่าง
น.ส. พรทิพย์ ศรีดาวงศ์ ม.5/5 เลขที่ 12ตอน ข
มาก ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลกโดยรวม วิชา ดาราศาสตร์ ครูปาลลิน ชั้นวงศ์



ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
และการชะลอการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ผลกระทบ การชะลอ

อากาศ สนุบสนุนการใช้พลังงานสะอาด ด้วยการใช้
พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมในบ้านของคุณ
1) อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 1.1 องศา เอง พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ถือเป็น
เซลเซียส เมื่อเทียบกับช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม พลังงานหมุนเวียนที่เป็นพลังงานสะอาดที่ดีที่สุด
2) ภาวะโลกร้อนที่กำลังเร่งตัวขึ้น เกิดจากการปล่อย
ก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์ ประหยัดพลังงาน ภาคพลังงานในประเทศไทย
ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 73% หากสามารถทำให้การ
3) ฤดูหนาวจะร้อนเร็วกว่าฤดูอื่นๆ นั่นคือการละลายของ ใช้พลังงานในทุกภาคส่วนเป็นไปอย่างมี
ธารน้ำแข็งก่อนหน้านี้ ทำร้ายพืชผลที่ต้องการอุณหภูมิ ประสิทธิภาพ จะสามารถลดความต้องการพลังงาน
เยือกแข็ง และขยายขอบเขตของโรคที่เกิดจากพาหะ ของโลกได้ถึง 1 ใน 3 และยังควบคุมการปล่อยก๊าซ
4) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีส่วนทำให้เกิดภัย เรือนกระจกได้อีกด้วย
แล้ง อุณหภูมิที่อุ่นขึ้นทำให้มีโอกาสน้อยที่น้ำฝนหรือเกล็ด
หิมะจะไหลไปถึงอ่างเก็บน้ำ เนื่องจากการระเหยที่เพิ่มขึ้น รีไซเคิล วัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ มักใช้พลังงานน้อย
ดังเช่นภัยแล้งในแอฟริกา เช่นที่มาดากัสการ์ และเคนยา กว่าและทำให้เกิดมลพิษน้อยกว่าการใช้วัตถุดิบใหม่

ระดับน้ำ ปลูกต้นไม้ ช่วยกันปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อ
ช่วยดูดซับคาร์บอนออกจากอากาศ และช่วยรักษา
1) เกิดเหตุน้ำท่วมบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้นใน สภาพอากาศให้คงที่ ต้นไม้ช่วยลดโลกร้อนได้
สหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่ เนื่องจากการเร่งรัดที่รุนแรง
ขึ้นและระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพ
ภูมิอากาศ
2) ในสหรัฐอเมริกา ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเร็วที่สุดบน
ชายฝั่ งตะวันออก โดยชุมชนหลายแห่งได้รับผลกระทบ
จากน้ำท่วมแม้ในวันที่มีแดดจ้า

นาย นราธิป บำเพ็ญวัฒนา ม.5/5 14 ข

12.1 ข้อมู ลและสารสนเทศทางอุตุ นิ ยมวิ ทยา
12.1.1 แผนที่อากาศผิ วพื้น

แผนที่อากาศผิ วพื้น (Top Chart /Synoptic Weather Chart) เป็ นแผนที่แสดงระบบ ความ
กดอากาศซึ่งเกิ ดจากการหมุ นเวียนของอากาศบนพื้นโลกที่ได้มาจากการวิ เคราะห์ ค่าความกด
อากาศ (hPa) ที่หั กแก้หาระดับน้าทะเลปานกลาง ของสถานีตรวจอากาศ ณ ตำบลต่ าง ๆ ตาม
ภู มิภาคของโลกและ ประเทศไทย

ในแผนที่อากาศผิ วพื้นจะประกอบด้วยเส้ นความ
กดอากาศเท่ า (Isobar) ที่ลากผ่ านตาบลต่ าง ๆ ซึ่ง
บางบริ เวณ มีลักษณะเป็ นระเบียบ ห่ างหรือชิ ดกัน

และบางบริ เวณมีลักษณะเป็ นแนวโค้งของ
Trough หรือ Ridge รวมทั้ง ตั วการต่ าง ๆ ที่ก่อ
ให้เกิ ดสภาพอากาศ เช่ น บริ เวณความกดอากาศ
สู ง หย่อมความกดอากาศต่ า พายุ หมุ นเขตร้อน

ร่ องมรสุ ม และแนวปะทะอากาศ เป็ นต้น

ข้อมู ลจากสถานีตรวจอากาศภาคพื้น แสดงโดยสั ญลักษณ์ดังตั วอย่างในภาพที่
2 ซึ่งอธิ บายได้ ดังนี้

1.วงกลม แสดงปริ มาณเมฆปกคลุ มเหนือสถานี สี ขาว: ไม่มีเมฆ สี ดำ:
เมฆมาก

2.ลู กศร แสดงทิ ศทางลมที่พัดเข้าหาสถานี ขีดฉากที่ปลายลู กศรแสดง
ความเร็ วลม ขีดยิ่งมาก ลมยิ่งแรง

3.ความกดอากาศที่ระดับน้ำทะเล แสดงด้วยตั วเลขขวามือด้านบน เป็ น
ตั วเลขสามหลัก หมายถึง ตั วเลขท้ายสองหลักและทศนิ ยมหนึ่งหลัก (107
หมายถึง 1010.7 hPa)

4.แนวโน้มของความกดอากาศเปรียบเทียบกับ 3 ชั่วโมงที่แล้ว แสดงด้วย
ตั วเลขทางด้านขวามือมีหน่ วยเป็ น hPa ค่า + หมายถึงความกดอากาศสู ง
ขึ้น, ค่า - หมายถึงความกดอากาศต่ำลง

5.อุณหภู มิจุ ดน้ำค้าง แสดงด้วยตั วเลขซ้ายมือด้านล่าง
6.ลักษณะอากาศ แสดงด้่วยสั ญลักษณ์อุตุ นิ ยมวิ ทยาทางด้านขวามือ
7.อุณหภู มิอากาศ แสดงด้วยตั วเลขด้านซ้ายบน

นางสาวณัฐณิ ชา น้อยนาม เลขที่ 15 ตอน ข
วิ ชา ดาราศาสตร์ ครู ปาลลิ น อั้นวงศ์



ข้อมูลสารสนเทศทางอุตุนิยมวิทยา
ข้อมูลเรดาร์ตรวจอากาศ

เรดาร์ตรวจอากาศ (Radar ย่อมาจาก RAdio ภาพจากเรดาร์ตรวจ
Detection And Ranging) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับ อากาศที่สนามบิน
สุวรรณภูมิ แสดงให้
จับตำแหน่งและทิศทางการเคลื่อนที่ของเมฆและพายุ
โดยการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกไปกระทบแล้วสะท้อน เห็นความหนาแน่นของ
กลุ่มเมฆทางทิศตะวัน
กลับมา แล้วคำนวณเปรียบเทียบระยะวลาที่คลื่นเดิน
ทางออกไปแล้วสะท้อนกลับมา ทำให้ทราบว่าเมฆหรือ ออกในเขตจังหวัด
พายุอยู่ห่างออกไปเท่าไร นอกจากนั้นแล้วยังใช้ปรากฏ ฉะเชิงเทราและชลบุรี สี
การณ์ด็อปเปลอร์คำนวณว่า เมฆหรือพายุกำลังเคลื่อนที่ เขียว สีเหลือ และสีแดง
เข้าใกล้หรือออกห่างด้วยความเร็วเท่าไร เสาอากาศของ
เรดาร์ตรวจอากาศหมุนรอบตัวเพื่อตรวจสภาพอากาศที่ คือเมฆที่มีความหนา
อยู่รอบๆ ซึ่งมีรัศมีทำการได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร แน่นจากน้ อยไปมาก

ตามปกติเรดาร์ตรวจอากาศจะถูกติดตั้งอยู่ ตามลำดับ
ภายในโดมทรงกลมบนยอดอาคาร

อุตุนิยมวิทยา เพื่อป้ องกัน ลม แสงแดด
ความชื้นและฝน (คลื่นวิทยุสามารถเดินทาง

ผ่านผนังโดมได้)

นายกิดากร โล่ห์เงิน 5/5 17 ข





กิจกรรม 12.1 สัญลักษณ์ลมฟว้ิธีากาอรทาำกกิจากรศรมจากสถานีตรวจอากาศผิวพื้น

ㆍศึกษาสัญลักษณ์แสดงข้อมูลจากสถานีตรวจอากาศผิวพื้นจากเอกสารที่กำหนด
ระบุข้อมูลของสัญลักษณ์สถานีตรวจอากาศผิวพื้นที่กำหนด และแปลความ

หมาย

สัญลักษณ์เป็นข้อมูลองค์ประกอบลมฟ้าอากาศจากสถานีตรวจอากาศผิวพื้น

ในใบ

ผลการทำกิจกรรม ㆍกิจกรรมสัญลักษณ์ลมฟ้าอากาศจากสถานีตรวจอากาศผิวพื้น
นำเสนอข้อมูลองค์ประกอบลมฟ้าอากาศและอภิปรายร่วมกัน

สถานีที่ 1 ความกดอากาศมีค่า 1010.4 เฮกโตปาสคาล ในช่วงเวลาที่ผ่านมาความกดอากาศมีค่า
เปลี่ยนแปลงไป 1.5 เฮกโตปาสคาล โดยมีแนวโน้ มคงที่หรือสูงขึ้นแล้วลดลง หรือลดลงแล้วลดลง

อย่างรวดเร็ว อากาศในขณะนั้ นมีอุณหภูมิ 31 องศาเซลเซียส อุณหภูมิจุดน้ำด้าง 25 องศาเซล
เชียส และมีทัศนวิสัย 10 กิโลเมตร ลมมีทิศ ตะวันตกเฉียงใต้ (SW และมีอัตราเร็ว 14 - 19

กิโลเมตรต่อชั่วโมงท้องฟ้ามีปริมาณเมฆปกคลุม 7/10 - 8/10 ของท้องฟ้า โดยเป็นเมฆ คิวมูลัส
สตรโตคิวมูลัส แอลโตคิวมูลัส และรัรัส โดยเมฆชั้นต่ำปกคลุมท้องฟ้า 4/10 ของท้องฟ้า และ
ฐานเมฆมีความสูง 600 - 1,000 เมตรสภาพลมฟ้าอากาศในขณะนั้ นมีฝนละออง ขนาดเบาตก
เป็นระยะ 1 (ทัศนวิสัยน้ อยกว่า 1 ก.ม) และ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาสภาพลมฟ้าอากาศมีฝนธรรมดา

ขนาดเบาตกเป็นระยะ ๆ (ทัศนวิสัยตั้งแต่ 5 กม. ขึ้นไป)

สถานีที่2 ความกดอากาศมีค่า 999.8 เฮโตปาสคาล ในช่วงเวลาที่ผ่านมาความกดอากาศมีค่า
เปลี่ยนแปลงไป 1.3 เฮกโตปาสคาล โดยมีแนวโน้ มคงที่หรือสูงขึ้นแล้วลดลง หรือลดลงแล้ว
ลดลงอย่างรวดเร็ว อากาศในขณะนั้ นมีอุณหภูมิ 29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิจุดน้ำค้าง 20 องศา
เซลเชียส และมีทัศนวิสัย 6 กิโลเมตร ลมมีทิศ ตะวันออกเฉียงใต้ค่อนไปทางใต้ (SSE) และมี
อัตราเร็ว 4 - 13 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ท้องฟ้ามีปริมาณเมฆปกคลุม 9/10 แต่ไม่ถึง 10/10 ของ
ท้องฟ้า โดยเป็นเมฆ คิวมูสัส สเตรโตคิวมูลัส แอลโตคิวมูลัส แอลโตรสเตรตัส และนิ มโบสเตรตัส
โดยเมฆชั้นต่ำปกคลุมท้องฟ้ 7/10 - 8/10 ของท้องฟ้า และฐานเมฆมีความสูง 200 - 300 เมตร
สภาพลมฟ้าอากาศในขณะนั้ นมีฝนโปรย ขนาดเบา (ทัศนวิสัย 5 ก.ม. หรือน้ อยกว่า) และในช่วง

เวลาที่ผ่านมาสภาพลมฟ้าอากาศมีพายุฟ้าคะนอง

สถานีที่ 3 ความกดอากาศ มีค่า 1016.7 เฮกโตปาสคาล ในช่วงเวลาที่ผ่านมาความกดอากาศมีค่าเปลี่ยนแปลง
ไป 0.2 เฮกโตปาสคาล โดยมีแนวโน้ มคงที่หรือสูงขึ้นแล้วลดลง หรือลดลงแล้วลดลงอย่างรวดเร็ว

อากาศในขณะนั้ นมีอุณหภูมิ 15 องศาเซลเซี่ยส อุณหภูมิจุดน้ำค้าง 15 องศาเซลเซียส
ท้องฟ้าถูกบดบังหรือไม่สามารถประมาณปริมาณเมฆปกคลุมได้ สภาพลมฟ้าอากาศในขณะนั้ นมี

หมอก (มองไม่เห็นท้องฟ้า และในช่วงเวลาที่ผ่านมาสภาพลมฟ้าอากาศมีฝนละอองขนาดเบา
ตกเป็นระยะ ๆ (ทัศนวิสัยน้ อยกว่า 1 ก.ม. และหมอก หรือ หมอกแข็ง หรือฟ้าหลัวอย่างหนา

สถานีที่ 4 ความกดอากาศมีค่า 1012.6 เฮกโตปาสคาล ในช่วงเวลาที่ผ่านมาความกดอากาศมีค่าเปลี่ยนแปลง

ไป 2.0 เฮกโตปาสคาล โดยมีแนวโน้ มลดลงหรือคงที่แล้วสูงขึ้น หรือสูงขึ้นแล้วสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว


อากาศในขณะนั้นมีอุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิจุดน้ำค้าง 25 องศาเซลเชียส และมี

ทัศนวิสัย 13 กิโลเมตร และลมสงบ ท้องฟ้ามีปริมาณเมฆปกคลุม 5/10 ของท้องฟ้า โดยเป็นเมฆ

เมฆคิวมูโลนิ มบัส คิวมูลัส สเตรโตคิวมูลัส สเตรตัส แอลโตคิวมูลัส และร์รัส โดยเมฆชั้นต่ำปกคลุม

ท้องฟ้า 2/10 ถึง 3/10 ของท้องฟ้า และฐานเมฆมีความสูง 300 - 600 เมตร

สถานีที่ 5 ความกดอากาศมีค่า 1011.9 เฮกโตปาสคาล ในช่วงเวลาที่ผ่านมาความกดอากาศมีค่าเปลี่ยนแปลง
ไป 1.5 เฮกโตปาสคาล โดยมีแนวโน้ มคงที่หรือสูงขึ้นแล้วลดลง หรือลดลงแล้ว ลดลงอย่างรวดเร็ว

อากาศในขณะนั้ นมีอุณหภูมิ 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิจุดน้ำค้าง 21 องศาเซลเชียส ลมมีทิศ
ตะวันออกเฉียงใต้ค่อนไปทางใต้ (SSE) และมีอัตราเร็ว 33 - 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ท้องฟ้ามีปริมาณเมฆปกคลุม 10/10 ของท้องฟ้า โดยเมฆชั้นต่ำปกคลุมท้องฟ้า 4/10 ของท้องฟ้า
และฐานเมฆมีความสูง 600 - 1,000 เมตร

นางสาวพิมพ์ชนก สังกิตติวรรณ ม.5/5 เลขที่ 20ข
วิชา ดาราศาสตร์ ครูปาลลิน อั้นวงศ์




Click to View FlipBook Version