7.1 ควมสําคัญของกรฟังและกรอ่นออกเสียง
การท่ีนักเรียนสามารถอ่านออกเสียงได้ขณะทําาแบบฝึกหัดเป็นสิ่งสําาคัญไม่ว่าจุดประสงค์ ของแบบฝึกหัดจะเป็นการอ่านคําา ไวยากรณ์ หรืออ่านเพ่ือทําาความเข้าใจ นักเรียนจึงต้องเรียน ด้วยวิธีการเรียนที่เหมาะสม คือ ฟังเสียงจากเครื่องเล่นและอ่านออกเสียงก่อนทําาแบบฝึกหัด ทุกครั้ง เพื่อรักษาและพัฒนาความสามารถในการอ่านออกเสียงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งจําาเป็น ในการเรียนรู้จากแบบฝึกหัด เพื่อให้นักเรียนรักษาลักษณะการเรียนที่ดีไว้ด้วยการเรียนรู้ด้วย ตนเอง พรอ้ มทง้ั ปฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอนการเรยี นทเ่ี หมาะสม นกั เรยี นควรเรม่ิ จากการฟงั ภาษาองั กฤษ ในสว่ นทต่ี อ้ งเรยี น ซง่ึ จะทาํา ใหน้ กั เรยี นสามารถอา่ นได้ เปน็ การเลย่ี งปญั หาการเรยี นทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ใน อนาคต หากนกั เรยี นฝกึ ฝนการฟงั ไมเ่ พยี งพอและพยายามทาํา แบบฝกึ หดั โดยทไ่ี มส่ ามารถอา่ นได้ จะส่งผลเสียต่อลักษณะการเรียนและทําาให้สภาพการเรียนแย่ลงอีกด้วย ดังนั้นเพื่อให้นักเรียน สามารถพฒั นาลกั ษณะการเรยี นทเ่ี หมาะสม เราจงึ ตอ้ งพจิ ารณาอยา่ งเปน็ รายบคุ คล โดยนกั เรยี น แต่ละคนจะได้ฟังและอ่านออกเสียงตามและมีความมั่นใจในการทําาแบบฝึกหัดมากข้ึน
การฟงัเสยีงจากเครอ่ืงเลน่จะทาําใหก้ารอา่นออกเสยีงงา่ยขน้ึ และการฝกึการอา่นออกเสยีงจะทาําให้ นักเรียนมีความมั่นใจในตนเองและมีแรงจูงใจมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการทําาให้นักเรียนอยากฝึก ฟังมากขึ้นด้วย เมื่อได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการเรียนคือ ฝึกฝนการฟังเสียงจากเครื่องเล่นและ การอา่ นออกเสยี ง นกั เรยี นจะสามารถเชอ่ื มเสยี งภาษาองั กฤษกบั ตวั อกั ษรและความหมายในขณะที่ เรียนรู้จากแบบฝึกหัด รวมถึงนักเรียนจะมีความเช่ียวชาญเนื้อหาในจุดประสงค์การเรยี นรอู้ ยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพและสนกุ สนาน เมอ่ื นกั เรยี นปฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอนการเรยี นอยา่ งตอ่ เนอ่ื งหลงั จากฟงั แลว้ พวกเขาจะยังคงมีเสียงภาษาอังกฤษก้องอย่ใูนหัวขณะทําาแบบฝึกหัดและเมื่ออ่านออกเสียงกับ คณุ ครู นกั เรยี นมแี นวโนม้ ทจ่ี ะไมล่ มื วธิ กี ารอา่ นภาษาองั กฤษ นอกจากนห้ี ากนกั เรยี นลมื วา่ จะอา่ น อย่างไร ก็จะสามารถประเมินได้ถึงขั้นตอนการเรียนรู้และเข้าใจด้วยตนเองว่าพวกเขาต้องทําา อย่างไรเพื่อที่จะอ่านออกเสียงได้ นี่เป็นเหตุผลสําาคัญที่ทําาให้นักเรียนต้องปฏิบัติตามขั้นตอน การเรียนอย่างสม่ําาเสมอ และรักษาความสามารถในการฟัง และการอ่านออกเสียง
7.2 กรสอนสําหรับกรฟังและกรอ่นออกเสียง
แมว้ า่ การอา่ นออกเสยี งจะเรม่ิ จากการใหน้ กั เรยี นฟงั เสยี งจากเครอ่ื งเลน่ และเลยี นแบบเสยี ง ที่ได้ยิน แต่ก็เป็นเรื่องยากสําาหรับนักเรียนบางคนที่จะอ่านออกเสียงในแบบเดียวกับเสียงจาก เคร่ืองเล่นเสียงได้ เน่ืองจากทักษะการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้น ความรู้สึกสนุกในการเลียนแบบเสียงจึงสําาคัญอย่างยิ่ง เมื่อฟังนักเรียนอ่านออกเสียง Instructor
42 l Understanding the Principles of Kumon Instruction: English as a Foreign Language
ควรใหค้ าํา ชมแกน่ กั เรยี น เพื่อสร้างความมั่นใจแก่พวกเขา และช่วยให้นักเรียนสนุกกับการเรียน ภาษาองักฤษเปน็สาําคญั จดุประสงคข์องการอา่นออกเสยีงกบัครูคอืเพอ่ืให้Instructorสามารถ ให้คําาชมแก่นักเรียนได้ซ่ึงจะช่วยสร้างความมั่นใจให้นักเรียน และทําาให้พวกเขาสนุกกับการอ่าน ออกเสียง หลังจากที่นักเรียนเริ่มสนุกกับการอ่านออกเสียงแล้ว พวกเขาจะเริ่มอยากฟังเสียงจาก เครื่องเล่นซ้ําาๆ เพื่อท่ีจะสามารถเลียนแบบเสียงของเจ้าของภาษาได้อย่างสมบูรณ์แบบก่อนที่จะ เริ่มทําาแบบฝึกหัด
[กรฟังและกรออกเสียง]
เป็นเร่ืองปกติถ้านักเรียนจะไม่ชอบฝึกออกเสียงอย่างเดียวโดยไม่มีการฟังร่วมด้วย วธิ กี ารเรยี นแบบนด้ี เู หมอื นจะมเี จตนาใหน้ กั เรยี นไมช่ อบภาษาองั กฤษ ดงั นน้ั ถา้ นกั เรยี น มโี อกาสไดฟ้ งั มากๆ พวกเขาจะอยากฝกึ ออกเสยี งหรอื มแี รงจงู ใจทจ่ี ะฝกึ ออกเสยี งเพม่ิ มากขน้ึ
(Monthly Chairman’s Meeting in West Japan เดือนตุลาคม ปี 1993)
ในขณะฝึกอ่านออกเสียง นักเรียนควรมีสภาพการเรียน ดังนี้: ● พยายามเลียนเสียงจากเคร่ืองเล่นเสียง
● ออกเสยี งคาํา อยา่ งชดั เจนและเวน้ จงั หวะอยา่ งเหมาะสม เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ประโยคทเ่ี ขา้ ใจได้
● อา่ นออกเสยี งอยา่ งราบรน่ื ดว้ ยความเรว็ ทเ่ีหมาะสมโดยไมย่ ากลาํา บากจนเกนิ ไป
การอ่านออกเสียงด้วยลักษณะเช่นน้ีจะช่วยให้นักเรียนเข้าใจจุดประสงค์การเรียนได้ดีขึ้น ดังนั้น Instructor ควรให้คําาชมแก่นักเรียนมากๆ ในขณะฟังนักเรียนอ่านออกเสียง เพื่อเพิ่ม แรงจูงใจให้แก่นักเรียนซึ่งจะส่งผลดีต่อการเรียน
นกัเรียนบางคนอาจจับเสียงจากเครื่องเล่นเสียงไม่ค่อยได้เพราะไม่คุ้นเคยกับสําาเนียงของ เจ้าของภาษา ในกรณีนี้ Instructor ควรอ่านออกเสียงให้นักเรียนฟัง เพื่อให้นักเรียนสามารถ จับเสียงได้ง่ายขึ้นจากนั้นนักเรียนจะเข้าใจการออกเสียงนั้นๆ ได้ดีขึ้น นอกจากนี้หากที่ศูนย์ เสียงดังเกินไป การใช้หฟู งั จะชว่ ยใหน้ กั เรยี นฟงั เสยี งจากเครอ่ื งเลน่ ไดด้ ขี น้ึ เมอ่ื นกั เรยี นฟงั ดว้ ยหฟู งั ใหส้ งั เกตไปทส่ี ายตาของนักเรียนด้วยว่าพวกเขามองที่คําาศัพท์ขณะฟังอยู่หรือไม่
ขณะอ่านออกเสียงกับครู นักเรียนอาจรู้สึกกังวลและจําาเสียงต้นแบบจากเครื่องเล่นเสียง ไม่ได้ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว Instructor ควรหยุดรอเล็กน้อยเพื่อดูว่านักเรียนมีความพร้อม หรอื ยงั และหากจาํา เปน็ กส็ ามารถอา่ นออกเสยี งใหน้ กั เรยี นฟงั เพอ่ื กระตนุ้ ความทรงจาํา ของพวกเขา
Understanding the Principles of Kumon Instruction: English as a Foreign Language l 43
แม้ว่านักเรียนอาจต้องการความช่วยเหลือจาก Instructor บ้างแต่ตราบใดที่พวกเขายังอ่าน เลียนเสียงตามเครื่องเล่นเสียงได้อย่างเหมาะสม พวกเขาก็จะพัฒนาการออกเสียงที่ดีได้ และมี ความสามารถในการอ่านทําาความเข้าใจในระดับสูงได้อย่างราบรื่นในที่สุด
ตามทไ่ี ดก้ ลา่ วไว้ ระหวา่ งทน่ี กั เรยี นอา่ นออกเสยี งกบั ครู อาจจะมบี างครง้ั ทน่ี กั เรยี นไมส่ ามารถ อ่านออกเสียงได้ แม้ Instructor จะพยายามกระตุ้นความทรงจําาของนักเรียนแล้วหลายครั้ง ใน กรณนี ้ี เบอ้ื งตน้ ใหร้ ะบคุ าํา ศพั ทท์ น่ี กั เรยี นลมื และบอกใหพ้ วกเขาฟงั เสยี งจากเครอ่ื งเลน่ โดยตระหนกั ถงึ จุดที่มีคําาศัพท์เหล่านั้นอยู่ เมื่อนักเรียนได้ฟังอีกครั้ง Instructor ควรพูดให้กําาลังใจนักเรียน เพอ่ื ใหพ้ วกเขารสู้ กึ อยากลองอา่ นอกี ครง้ั การบงั คบั ใหน้ กั เรยี นฟงั แบบเดมิ ซาํา้ ๆ จะทาํา ใหก้ ารเรยี น ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องน่าเบื่อสําาหรับนักเรียน
หากนกั เรยี นจาํา นวนมากมคี วามยากลาํา บากในการอา่ นออกเสยี ง กอ่ นจะกระตนุ้ นกั เรยี นให้ อ่านออกเสียงซ้ําาแล้วซ้ําาอีกเพียงอย่างเดียว Instructor ควรหาสาเหตุ โดยทบทวนวิธีการสอน ภาษาองั กฤษทศ่ี นู ย์ ตัวอย่างเช่น ถ้า Instructor สอนภาษาอังกฤษร่วมกับครูผู้ช่วยหลายคนใน ศูนย์ Instructor ควรส่ือสารเกี่ยวกับสถานการณ์การฟังของนักเรียนที่ครูผู้ช่วยรับผิดชอบ หาก Instructor ประเมนิ แลว้ วา่ นกั เรยี นมคี วามจาํา เปน็ ตอ้ งพฒั นาทศั นคตใิ นเรอ่ื งของการฟงั หรอื นกั เรยี น ขาดทักษะการฟัง ให้พวกเขาฟังซ้ําาบ่อยๆ โดยขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล ซึ่งจะ ทําาให้นักเรียนได้สัมผัสกับวิธีการฟังที่ “พอเหมาะพอดี” สําาหรับพวกเขา
ในวิชาภาษาอังกฤษ EFL นักเรียนจะต้องฟังเสียงจากเครื่องเล่น ทําาแบบฝึกหัด และอ่าน ออกเสียงกับครู ดังนั้นนักเรียนอาจถามคําาถามกับครูผู้ช่วยบ่อยครั้ง (ขึ้นอยู่กับขนาดของศูนย์) Instructor จึงจําาเป็นต้องร่วมมือกับครูผู้ช่วย เมื่อทําางานร่วมกัน ควรแน่ใจว่า Instructor และ ครผู ชู้ ว่ ยมมี มุ มอง และวธิ กี ารสอนทเ่ี หมอื นกนั ยง่ิ ทาํา งานรว่ มกนั มากขน้ึ ยง่ิ ทาํา ใหเ้ ขา้ ใจสถานการณ์ ปจั จบุ นั ของนกั เรยี นงา่ ยขน้ึ และมกี ารแบง่ ปนั ขอ้ มลู เกย่ี วกบั พฒั นาการของนกั เรยี น Instructor และ ครูผู้ช่วยจะได้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการชมนักเรียน โดยเฉพาะอย่างย่ิงในช่วงของการอ่าน ออกเสียง ด้วยเหตุนี้ Instructor จะสามารถให้การสอนอย่างเป็นรายบุคคลมากขึ้นในวิชาภาษา อังกฤษ EFL และตระหนักถึงการเรียนรู้ในระดับที่ “พอเหมาะพอดี”
44 l Understanding the Principles of Kumon Instruction: English as a Foreign Language
8 กรประเมินกรสอน
Instructor สามารถตรวจสอบวา่ การสอนของตนเองอยใู่ นระดบั ท่ี “พอเหมาะพอด”ี สาํา หรบั นักเรียนแต่ละคน และได้พัฒนาศักยภาพของนักเรียนอย่างเต็มท่ีแล้วหรือไม่ โดยประเมินจาก การสอนของตนเองในแต่ละวัน และในขณะเดียวกัน Instructor ยังได้พัฒนาความสามารถด้าน การสอนแบบรายบุคคลของตนเองอีกด้วย
8.1 กรประเมินเป้หมยกรเรียน
หัวใจสําาคัญของการประเมินการสอน คือ การประเมินเป้าหมายการเรียนของนักเรียน ไม่ว่า นักเรียนจะก้าวหน้าไปตามเป้าหมายการเรียนท่ีวางไว้หรือไม่ ส่ิงสําาคัญคือ การประเมินเป้าหมาย การเรยี นอยา่ งสมาํา่ เสมอ Instructor ควรสอ่ื สารกบั นกั เรยี นและผปู้ กครองเมอ่ื มกี ารทบทวนเปา้ หมาย การเรียน และต้องแน่ใจว่าความตั้งใจของ Instructor และนักเรียนนั้นตรงกับผู้ปกครองด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงวิชาภาษาอังกฤษ การรู้สถานการณ์ด้านภาษาของนักเรียนที่บ้าน มมุ มองของผปู้ กครองทม่ี ตี อ่ การศกึ ษา รวมทง้ั สภาพแวดลอ้ มของการเรยี นภาษาองั กฤษทโ่ี รงเรยี น มักส่งผลให้การวางแผนการเรียนของนักเรียนแต่ละคนแตกต่างกัน หาก Instructor คิดทบทวน ถึงการวางแผนการเรียนตั้งแต่เริ่มต้น โดยผลจากสมุดบันทึกผลการเรียน แบบฝึกหัด และ แบบทดสอบจบระดบั การประเมนิสง่ิเหลา่นส้ีามารถชว่ยในการวางเปา้หมายการเรยีนใหแ้กน่กัเรยีน คนอื่นๆ ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง การปรับเป้าหมายการเรียนจะกลายเป็น “ความสนุกที่ได้ทบทวน บันทึกแห่งพัฒนาการของนักเรียน” และช่วยให้ Instructor พัฒนาความสามารถของตนเองใน การกําาหนดเป้าหมายการเรียนอย่างเป็นรายบุคคล
[ความสนุกที่เกิดจากการทบทวน]
ผมคิดว่าเราสามารถพูดถึงวิธีการเรียนแบบคุมองได้ว่าเป็นบันทึกแห่งพัฒนาการ แทนที่จะเป็นบันทึกแห่งความสําาเร็จ ขอบคุณความสนุกท่ีเกิดขึ้นจากการทบทวนว่า เราได้พัฒนาไปมากเพียงใด ทําาให้เราไม่รู้สึกแก่ ผมหมายความว่าดูเหมือนผู้คนท่ีมี ส่วนร่วมในวิธีการเรียนแบบคุมอง จะยังคงดูอ่อนเยาว์ท้ังกายและใจ อาจเป็นเพราะ
Understanding the Principles of Kumon Instruction: English as a Foreign Language l 45
พวกเขาได้พบเจอกับความสนุกในการพัฒนาความสามารถของนักเรียน และได้ ทบทวนการสอนของตนเองอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าเมื่อเราอายุมากขึ้น เราย่อม สูญเสียช่วงวัยหนุ่มสาวไป แต่เพราะเรายังสามารถสนุกกับการทบทวนการสอนของ ตนเอง จึงทําาให้เราพัฒนาการสอนของตนเองในแต่ละปีและดูอ่อนเยาว์ข้ึน
(วารสาร ยามาบิโกะ ฉบับที่ 97 ปี 1986) 8.1.1 เมื่อนักเรียนไม่ก้วหน้ตมเป้หมยกรเรียนท่ีวงไว้
เมื่อนักเรียนไม่ก้าวหน้าตามเป้าหมายการเรียนท่ีวางไว้ Instructor จําาเป็นต้องตรวจสอบ ว่าเป็นเพราะการประเมินความสามารถของนักเรียนตอนท่ีวางเป้าหมายการเรียนในครั้งแรก ผดิ พลาด หรอื เปน็ เพราะการตดั สนิ ใจใหน้ กั เรยี นทาํา ซาํา้ หรอื กา้ วไปขา้ งหนา้ นน้ั ไมเ่ หมาะสม ดงั นน้ั Instructor จงึ ตอ้ งประเมนิ ความสามารถของนกั เรยี นใหมแ่ ละปรบั เปา้ หมายการเรยี นใหส้ อดคลอ้ งกนั
Instructor ควรวางเป้าหมายการเรียนให้นักเรียนใหม่ทันชั้นเรียนภายในหนึ่งปีหลังจาก สมัครเรียน จากนั้นจึงทบทวนสภาพการเรียนของนักเรียนโดยพิจารณาในแง่มุมที่ว่านักเรียนมี วิธีการเรียนที่เหมาะสมในการทําาแบบฝึกหัดหรือไม่ และปรับเป้าหมายการเรียนของนักเรียนไป ในทิศทางที่จะช่วยให้นักเรียนแต่ละคนเรียนทันชั้นเรียนได้เร็วท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้
กรณีนักเรียนที่เรียนเกินชั้นเรียน Instructor ควรพิจารณาสภาพการเรียนของนักเรียนว่า พวกเขามีความชําานาญเพียงพอในเร่ืองท่ีเรียนอยู่หรือไม่ หรือนักเรียนได้พัฒนาความสามารถใน การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองแลว้ หรอื ไม่ เพอ่ื ใหก้ ารสอนแกน่ กั เรยี นอยา่ งเหมาะสม นอกจากน้ี Instructor ควรทบทวนเป้าหมายการเรียนของนักเรียนด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้นักเรียนสามารถเรียน ก้าวหน้าไปได้สองระดับขึ้นไปต่อปี
8.1.2 เมอ่ื นกั เรยี นก้ วหน้ อย่ งรบรน่ื ตมเป้ หมยกรเรยี นทว่ี งไว้
Instructor มีแนวโน้มที่จะไม่ทบทวนเป้าหมายการเรียนเมื่อนักเรียนก้าวหน้าอย่างราบร่ืน ตามเปา้ หมายทว่ี างไว้ อยา่ งไรกต็ ามนกั เรยี นทเ่ี รยี นอยา่ งตอ่ เนอ่ื งและกา้ วหนา้ อยา่ งราบรน่ื มแี นวโนม้ ทจ่ีะมคีวามสามารถเพม่ิขน้ึอยา่งมากเมอ่ืเทยีบกบัในตอนแรกดงันน้ั Instructorควรพจิารณาวา่ นักเรียนสามารถก้าวหน้าโดยมีรอบการทําาซ้ําาน้อยกว่าแผนเดิมที่วางไว้หรือไม่ ดังนั้นเพ่ือพัฒนา ศักยภาพของนักเรียนให้มากย่ิงขึ้น Instructor ควรทบทวนว่านักเรียนก้าวหน้าได้เร็วกว่าแผนที่ วางไว้หรือไม่
46 l Understanding the Principles of Kumon Instruction: English as a Foreign Language
8.2 กรประเมินเวลที่ใช้ในกรทําแบบฝึกหัดและรอบกรทําซ้ํา
เวลา SCT ได้นําามาใช้ในการสอนแต่ละวันเพื่อประเมินทักษะการทําางานของนักเรียน และ เพ่ือใช้ตัดสินว่าควรให้นักเรียนก้าวไปข้างหน้าหรือควรให้ทําาซํา้า แต่มีหลายครั้งที่ Instructor จะ ค้นพบข้อเท็จจริงใหม่ๆ เกี่ยวกับความสามารถของนักเรียนท่ีเพิ่มมากขึ้นจากการพิจารณาสมุด บันทึกผลการเรียน และประเมินว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เวลาท่ีนักเรียนใช้ทําาแบบฝึกหัด เปลี่ยนไปอย่างไร
ตัวอย่างเช่น หลังจากทําาครั้งแรกแล้ว นักเรียนมักเข้าใจจุดประสงค์การเรียนรู้และทําา แบบฝึกหัดได้อย่างคล่องแคล่ว ดังนั้นเวลาที่ใช้ในการทําาแบบฝึกหัดชุดนี้ในครั้งต่อๆ ไปจะมี แนวโนม้ ลดลง* ถา้ เวลาทใ่ี ชใ้ นการทาํา แบบฝกึ หดั ลดลงกอ็ าจกลา่ วไดว้ า่ นกั เรยี นเขา้ ใจจดุ ประสงค์ การเรยี นรู้เปน็ อยา่ งดจี ากการทาํา ซาํา้ หรอื อกี สาเหตหุ นง่ึ อาจเปน็ เพราะนกั เรยี นจดจาํา คาํา ตอบไดใ้ น ระดบั หนง่ึ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีในการเรียนภาษาอังกฤษ เนื่องจากจําานวนประโยคที่นักเรียนสามารถ อา่ น และเขยี นไดโ้ ดยงา่ ยจะเพม่ิ ขน้ึ อกี ทง้ั นกั เรยี นจะพฒั นาความสามารถในการอา่ นและเขยี น ประโยคที่ใช้ไวยากรณ์โครงสร้างประโยค และคําาศัพท์ที่คล้ายกันได้ อย่างไรก็ตาม Instructor ควรระวังไม่ให้นักเรียนทําาซํา้ามากเกินไปเพียงเพ่ือให้นักเรียนเกิดความชําานาญ *ในวชิาภาษาองักฤษEFLสดัสว่นของเวลาทใ่ีชใ้นการเรยีนเชน่ การฟงัเสยีงจากเครอ่ืงเลน่ จะใชเ้วลามากกว่า
วิชาอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ เวลาที่ใช้ในการทําาแบบฝึกหัดของนักเรียนจึงไม่ต่างกันนัก แม้นักเรียนแต่ละคนจะมี ระดับความสามารถที่แตกต่างกัน ดังนั้น มีความเป็นไปได้น้อยมากที่นักเรียนจะทาํา แบบฝกึ หดั เสรจ็ โดยใช้ เวลาตาํา‹กวา่ Xtimeหลงัจากเรยีนเกนิชน้ัเรยีนแลว้ ยกเวน้นกัเรยีนทย่ีอดเยย่ีมบางคน
8.3 กรประเมินจํานวนแบบฝึกหัดและระยะเวลในกรเรียน
ดังที่กล่าวไว้ในบทท่ี 2 เรื่อง “สิ่งสําาคัญในการสอนของระบบการเรียนแบบคุมอง” นักเรียน ควรใช้เวลาประมาณ 30 นาทีต่อวันในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ EFL โดยปกติแล้วนักเรียนจะยัง คงมีสมาธิและแรงจูงใจในการเรียน ถ้าสามารถทําาจําานวนแบบฝึกหัดท่ีได้รับเสร็จได้ภายในระยะ เวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เวลาเรียน 30 นาทีต่อวันเป็นเพียงการประมาณโดยทั่วไป ระยะเวลา เรียนที่เหมาะสมในแต่ละวันที่แท้จริงขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพ และทักษะการทําางานของนักเรียน แต่ละคน
หากนกัเรยีนเสยีสมาธหิรอืแรงจงูใจทง้ัทไ่ีดร้บัจาํานวนแบบฝกึหดัซง่ึ Instructorคดิวา่นกัเรยีน น่าจะทําาได้อย่างไม่ยากลําาบากภายในระยะเวลาที่กําาหนดให้ Instructor ควรพิจารณาว่าระดับ ของแบบฝึกหัดที่นักเรียนกําาลังเรียนอยู่เหมาะสมหรือไม่
Understanding the Principles of Kumon Instruction: English as a Foreign Language l 47
8.4 กรประเมินกรบ้น
ในวันท่ีไม่ได้เข้าเรียนที่ศูนย์ นักเรียนจะต้องทําาการบ้านแทน ซึ่ง Instructor ไม่ได้อยู่กับ นักเรียนในขณะที่นักเรียนทําาการบ้าน ดังนั้น พวกเขาจึงอาจทําาแบบฝึกหัดที่บ้านด้วยวิธีการ ทต่ี า่ งกบั ทศ่ี นู ย์ สง่ ผลใหม้ คี วามแตกตา่ งในจาํา นวนแบบฝกึ หดั ทท่ี าํา และระดบั ความกา้ วหนา้ ทง้ั นี้ ขึ้นอยู่กับทัศนคติของนักเรียนต่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการให้ความร่วมมือของผู้ปกครอง ดังนั้น Instructor ควรใส่ใจการทําาการบ้านของนักเรียน โดยตรวจสอบว่านักเรียนมีลักษณะ ตอ่ ไปนห้ี รอื ไม่
● นักเรียนไม่ค่อยทําาการบ้าน
● เวลาที่ใช้และคะแนนของแบบฝึกหัดที่ทําาท่ีบ้านกับท่ีศูนย์แตกต่างกันมาก ● นักเรียนไม่ยอมทําาการบ้านทุกวัน แต่ทําาการบ้านหลายชุดในคร้ังเดียว
จากการสอบถามผปู้ กครองเกย่ี วกบั สภาพการทาํา การบา้ นของนกั เรยี น Instructor จะทราบ ว่านักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอนการเรียนและทําาแบบฝึกหัดเสร็จภายในเวลามาตรฐาน รวมทั้ง สามารถเรยีนรดู้ว้ยตนเองไดแ้มไ้มไ่ดท้าําแบบฝกึหดัทศ่ีนูยห์รอืไม่หากจาําเปน็ Instructorสามารถ ขอให้ผู้ปกครองช่วยเหลือนักเรียนได้
8.5 กรประเมินกรสอนเม่ือนักเรียนทําแบบฝึกหัดจบหนึ่งระดับ
เมื่อนักเรียนทําาแบบฝึกหัดจบหน่ึงระดับ Instructor ควรประเมินการสอนของตนเองตามที่ ได้กล่าวไว้ในข้อ 8.1 ถึง 8.4 รวมทั้งพิจารณาผลการทําาแบบทดสอบจบระดับ (Achievement Test – AT) กอ่ นวางเปา้ หมายการเรยี นสาํา หรบั ระดบั ถดั ไป Instructor ไมค่ วรใชผ้ ลคะแนนการสอบ จบระดับในการตัดสินว่าจะให้นักเรียนก้าวสู่ระดับต่อไปหรือไม่ แต่ควรใช้การสอบเพื่อประเมิน การสอนและชว่ยพจิารณาวา่นกัเรยีนจะกา้วไปเรยีนระดบัถดัไปอยา่งไรตวัอยา่งเชน่ หากผลการ สอบจบระดบัของนกัเรยีนอยใู่นกลมุ่ 1กอ็าจคาดการณไ์ดว้า่นกัเรยีนมคีวามสามารถทางวชิาการ เพียงพอและจะเรียนก้าวหน้าอย่างราบรื่นในระดับต่อไป อย่างไรก็ตาม หากนักเรียนต้องทําาซŒําา จาํา นวนมากเปน็ เวลานานเพอ่ื ใหไ้ ดก้ ลมุ่ 1 อาจหมายถงึ Instructor รง้ั ความกา้ วหนา้ ทางการเรยี น ของนักเรียนมากเกินไป แบบทดสอบจบระดับนั้นตั้งใจออกแบบมาเพื่อช่วยให้รู้ว่าต้องวางแผน การเรยี นเกย่ี วกบั จาํา นวนแบบฝกึ หดั และระยะเวลาในการเรยี นในระดบั ถดั ไปอยา่ งไร อกี ทง้ั ยงั ชว่ ย ในการปรับเป้าหมายการเรียนในอนาคตอีกด้วย
48 l Understanding the Principles of Kumon Instruction: English as a Foreign Language
Instructor อาจสังเกตเห็นว่าผลการทดสอบจบระดับของนักเรียนบางคนแตกต่างจาก ผลการเรียนในแต่ละวัน ตัวอย่างเช่น นักเรียนบางคนอาจรู้สึกกดดันในการสอบ ทําาให้ผลสอบ ออกมาไมเ่ ปน็ ทน่ี า่ พอใจทง้ั ทไ่ี มไ่ ดม้ ปี ญั หาใดๆ ในการทาํา แบบฝกึ หดั ทผ่ี า่ นมา อกี ทง้ั ยงั มนี กั เรยี น ท่ีลืมคําาศัพท์ที่เคยเรียนมาแล้วไปชั่วขณะหนึ่ง ดังน้ันถ้านักเรียนไม่ได้ประสบความยากลําาบากใน การเรียนรู้จากแบบฝึกหัดในแต่ละวัน Instructor ก็ไม่จําาเป็นต้องกังวลกับผลสอบจนเกินไป ขณะ วางเป้าหมายการเรียนระดับถัดไปให้แก่นักเรียน
8.6 กรประเมินและกรศึกษวิจัยด้นกรสอน
หนงั สอื IP เรม่ิ ตน้ ดว้ ย “คาํา กลา่ วจาก Instructor ทา่ นหนง่ึ ” และคณุ โทรุ คมุ องได้เขียน ขยายความให้ละเอียดย่ิงขึ้นลงในบทความสุดท้ายในวารสาร ยามาบิโกะ ปี 1995
[กรจัดอันดับศูนย์ของท่น]
โดยทั่วไปแล้ว ถ้ามีศูนย์อยู่ 100 ศูนย์ ศูนย์ที่มีความสามารถด้านการสอนที่ยอดเยี่ยม จะถูกจัดอันดับตั้งแต่อันดับ 1 ถึง 100 นี่คือเหตุผลว่าทําาไมถึงทําาให้รู้สึกสนุกในการ ค่อยๆ พัฒนาตนเองขึ้นไป – วันนี้ดีกว่าเมื่อวาน และพรุ่งนี้ย่อมดีกว่าวันนี้ ดังนั้นจึง ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาทักษะของตนเองให้ดี ย่ิงข้ึน ลองใคร่ครวญให้ดีอีกครั้งถึง “คําากล่าวจาก Instructor ท่านหนึ่ง” ที่ได้ตีพิมพ์ อยบู่ นปกหนา้ ของ IPG นค่ี อื รากฐานจติ วญิ ญาณของ Instructor คมุ อง และเปน็ แกน่ แท้ ของทัศนคติของ Instructor ทุกท่าน ตราบใดที่ท่านยังคงรักษาไว้ซ่ึงทัศนคติเช่นน้ี แม้ว่าศูนย์ของท่านจะอยู่อันดับที่ 100 ท่านก็ยังสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า “สําาหรับ นักเรียนแล้ว ระบบการเรียนแบบคุมองนั้นดีกว่าองค์กรการเรียนรู้อื่นๆ มากมาย”
(วารสาร ยามาบิโกะ ฉบับท่ี 154 ปี 1995)
“คําากล่าวจาก Instructor ท่านหนึ่ง” อธิบายถึงพื้นฐานของการประเมิน และการศึกษาวิจัย ด้านการสอน กล่าวอีกนัยหนึ่ง สิ่งนี้คือพื้นฐานของจิตวิญญาณที่ Instructor ควรหันกลับไปมอง นักเรียน และวิธีการสอนของศูนย์ท่ีเกิดขึ้นในทุกๆ วัน
[คํากล่วของ Instructor ท่นหนึ่ง]
ตง้ั แตเ่ รม่ิ แรกทฉ่ี นั รบั นกั เรยี นเขา้ มาเรยี นกบั ระบบการเรยี นแบบคมุ อง ฉนั เหน็ ไดท้ นั ที ว่าระบบการเรียนแบบคุมองเป็นระบบที่ยอดเยี่ยมเพียงใด หรืออย่างน้อยที่สุดฉันก็
Understanding the Principles of Kumon Instruction: English as a Foreign Language l 49
คิดว่าเช่นนั้น แต่ทว่า หลังจากผ่านไปแล้วหนึ่งปี สองปี หรือแม้แต่ห้าปี ฉันก็ยิ่ง ประหลาดใจท่ีพบว่าระบบการเรียนแบบคุมองนั้นให้ประโยชน์ย่ิงกว่าที่ตัวเองคิดไว้ ในตอนแรก ที่เป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่เพียงเพราะความยอดเยี่ยมของระบบการเรียนแบบ คุมองอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้น ฉันไม่เข้าใจศักยภาพใน การเรียนรู้ที่มีอยู่อย่างมหาศาลของเด็กๆ อย่างแท้จริงด้วยก็ได้
ฉันตระหนักได้ว่าทักษะการสอนของฉันพัฒนาไปมากถ้าเทียบกับเมื่อหนึ่งปีก่อน แต่ หนึ่งปีถัดจากนี้ไป ฉันก็มั่นใจว่าฉันจะมองย้อนกลับมาแล้วเห็นได้ว่า วิธีการสอนของ ตนเองยงั พฒั นาไปไมเ่ ตม็ ท่ี ดว้ ยเหตนุ ้ี ฉนั จงึ คดิ ไมถ่ งึ วา่ นกั เรยี นของฉนั จะพดู วา่ “หนู เกง่ ขน้ึ เพราะมาเรยี นทศ่ี นู ยค์ มุ องของคณุ ครู ไมใ่ ชเ่ พราะเรยี นทอ่ี น่ื ” ดงั นน้ั ฉนั จะตง้ั ใจ ใชค้ วามพยายามทง้ั หมดในการไปเยย่ี มศนู ยอ์ น่ื ๆ และพฒั นาทกั ษะการสอนแบบคมุ อง อยา่ งตอ่ เนอ่ื งเพอ่ื จะไดพ้ ฒั นาศนู ย์ และเพอ่ื ทน่ี กั เรยี นของฉนั จะไดไ้ มม่ วี นั รสู้ กึ วา่ ตนเอง เสียประโยชน์จากการมาเรียนที่ศูนย์ของฉัน
เช่นเดียวกับการสอนวิชาอ่ืนๆ คุณโทรุ คุมอง ได้เน้นยŒําาถึงความสําาคัญในการพัฒนาทักษะ การสอนวิชาภาษาอังกฤษ EFL ของ Instructor ที่ไม่มั่นใจในทักษะภาษาอังกฤษของตัวเอง
[นกั เรยี นวชิ ภษแมแ่ ละวชิ ภษองั กฤษจะมกกว่ วชิ คณติ ศสตร]์
ท่านสามารถช่วยให้นักเรียนจําานวนที่สุดได้สัมผัสกับประสิทธิผลจากการเรียน ภาษาอังกฤษของคุมอง โดยการเปิดวิชาภาษาอังกฤษ EFL ในการสอนภาษาอังกฤษ ท่านจะได้เข้าใจถึงศักยภาพที่โดดเด่นของนักเรียนอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และพบกับ ความสุขที่มากขึ้นในการสอนนักเรียน นี่คือสิ่งท่ีผมมีประสบการณ์ด้วยตัวเองมาก่อน ในฐานะนักเรียน ภาษาอังกฤษไม่ได้น่าสนใจ เพราะครูของผมไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ มากนัก แต่เมื่อผมทําางานเป็นครู วิชาภาษาอังกฤษกลับมีความน่าสนใจมากกว่าการ สอนวิชาอื่น ในฐานะ Instructor ท่านก็อาจจะมีประสบการณ์ที่คล้ายกัน
ตามที่ได้อธิบายไว้เกี่ยวกับการสอนวิชาภาษาแม่ การพัฒนาทักษะการสอนภาษา อังกฤษของท่านก็มีความสําาคัญ.....อย่าลืมศึกษาภาษาอังกฤษอย่างละเอียดด้วย ตวั ทา่ นเองเพอ่ื พฒั นาทกั ษะของทา่ นในการเตรยี มตวั สาํา หรบั การทดลองเรยี น ไม่ว่าในกรณีใด ผมขอให้ทุกท่านระลึกไว้เสมอว่า “ผู้คนไม่ควรยึดติดกับความคิด ทว่ี า่ การทพ่ี วกเขาไมเ่ ขา้ ใจภาษาองั กฤษ เปน็ เพราะพวกเขาออ่ นภาษาองั กฤษ สาเหตุ
50 l Understanding the Principles of Kumon Instruction: English as a Foreign Language
ท้ังหมดมาจากคนที่ให้การสอนแก่พวกเขานั่นเอง” (ลักษณะเด่นของระบบการเรียน แบบคมุ องข้อ 52)
ผมเฝ้ารอวันที่จะเห็นจําานวนนักเรียนของวิชาภาษาญี่ปุ่น และวิชาภาษาอังกฤษมี มากกวา่ วิชาคณิตศาสตร์
(วารสาร ยามาบิโกะ ฉบับท่ี 130 ปี 1991)
Understanding the Principles of Kumon Instruction: English as a Foreign Language l 51
ภคผนวก จุดแข็งของวิชภษอังกฤษ EFL
1. นักเรียนวิชาภาษาอังกฤษ EFL ของคุมองนั้นจะได้พบกับคําาศัพท์ภาษาอังกฤษจําานวนมาก เมื่อทําาแบบฝึกหัดก้าวหน้าข้ึนไปเรื่อยๆ ดังน้ันพวกเขาพัฒนาความสามารถในการอ่านทําา ความเข้าใจระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เม่ือนักเรียนเรียนระดับ 7A ถึง O พวกเขาจะ ได้พบคําาศัพท์รวมแล้วมากกว่า 450,000 คําา (อ้างอิงจากข้อมูลปี 2019) จากการที่ได้ รวบรวมคําาศัพท์ที่จําาเป็นจําานวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้้ (โดยเลือกจากคําาศัพท์ที่ใช้บ่อย ใน the Collins Cobuild Advanced Learner’s Dictionary) นักเรียนจะได้พบกับคําาศัพท์ ต่างๆ ท่ีเจ้าของภาษาใช้กันในชีวิตประจําาวัน
2. นักเรียนจะได้รับการพัฒนาความสามารถในการอ่านทําาความเข้าใจระดับสูงจากการอ่าน เนื้อเรื่องภาษาอังกฤษต้ังแต่ระดับ J ขึ้นไป ในระดับ 7A–I แบบฝึกหัดชุดที่ 5 ของแต่ละ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรจู้ ะเปน็ ชดุ เนอ้ื เรอ่ื งสรปุ นกั เรยี นจะไดฟ้ งั เนอ้ื เรอ่ื งสรปุ ของแตล่ ะจดุ ประสงค์ การเรียนทุกครั้ง เมื่อทําาแบบฝึกหัดชุดจุดประสงค์การเรียนน้ันๆ จากนั้นเมื่อทําามาจนถึงชุด เนื้อเรื่องสรุป (story set) นักเรียนจะสนุกกับการอ่านเนื้อเรื่องด้วยความเข้าใจ
3. ความสามารถในการฟังและการทําาความเข้าใจของนักเรียนน้ัน เป็นสิ่งสําาคัญสําาหรับการ พัฒนาความสามารถในการอ่านทําาความเข้าใจ วิชาภาษาอังกฤษ EFL ออกแบบมาเพื่อให้ นกั เรยี นไดร้ บั การฝกึ ฝนดา้ นการฟงั อยา่ งเพยี งพอ เพอ่ื ใหพ้ วกเขาสามารถเขา้ ใจภาษาองั กฤษ จากส่ิงที่ได้ยิน นี่คือเหตุผลท่ีในช่วงแรกของการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ EFL นักเรียนเรียนรู้ ภาษาอังกฤษโดยตรงด้วยการใช้ภาษาไทยให้น้อยที่สุด เพื่อให้นักเรียนพัฒนาความสามารถ ในการเช่ือมเสียงภาษาอังกฤษกับความหมายได้
4. ในช่วงแรกของการเรียน นักเรียนวิชาภาษาอังกฤษ EFL พัฒนาความสามารถในการเขียน ภาษาอังกฤษโดยการเชื่อมเสียงกับความหมาย ดังน้ัน จําานวนแบบฝึกหัดท่ีอธิบายเก่ียวกับ หลักไวยากรณ์จึงมีเท่าที่จําาเป็น จากนั้นนักเรียนจะเข้าใจหลักไวยากรณ์อย่างลึกซึ้งและเป็น ธรรมชาติผ่านการเรียนรู้จุดสําาคัญทางไวยากรณ์และโครงสร้างประโยคซ้ําาๆ ในขณะที่อ่าน แบบฝึกหัดชุดเน้ือเรื่องสรุป
52 l Understanding the Principles of Kumon Instruction: English as a Foreign Language
© 2019 Kumon Institute of Education Co., Ltd. First printing July 2020 (Thailand edition)
IPG-II-FL-03108