ส่อื วิทยาศาสตร์ ครูเบญจ
หนว่ ยท่ี 2 สิง่ มชี ีวติ
บทท่ี 1 ส่งิ มีชีวิตรอบตวั
- เร่อื งท่ี 1 การจดั กลมุ่ สงิ่ มชี ีวติ
บทที่ 2 ส่วนตา่ ง ๆ ของพืชดอก
- เร่อื งท่ี 1 หน้าที่สว่ นต่าง ๆ ของพชื ดอก
กล่มุ พชื กลุ่มสตั ว์ กลุ่มไมใ่ ชพ่ ชื ไมใ่ ช่สตั ว์
แบ่งเปน็ กลมุ่ โดยใชเ้ กณฑ์
การสร้างอาหาร และการเคล่ือนที่
ไดเ้ ป็น
กล่มุ ทสี่ รา้ งอาหารเองได้ กลมุ่ ทสี่ รา้ งอาหารเองไม่ได้ กลมุ่ ทส่ี รา้ งอาหารเองไมไ่ ด้ กลุม่ ทสี่ รา้ งอาหารเองได้
เคลอ่ื นทไ่ี มไ่ ด้ เคลอื่ นทไ่ี ด้ เคลอื่ นทไ่ี ม่ได้ เคลอ่ื นทไ่ี ด้
กลุม่ พชื กลุ่มสตั ว์ กล่มุ ไม่ใช่พชื ไมใ่ ชส่ ตั ว์ กลมุ่ ไม่ใชพ่ ืชไมใ่ ชส่ ตั ว์
เห็ด รา แบคทเี รยี บางชนดิ
กล่มุ ไมใ่ ชพ่ ชื ไมใ่ ชส่ ตั ว์
กลุ่มทส่ี รา้ งอาหารเองไมไ่ ด้ กลุม่ ทส่ี รา้ งอาหารเองได้
เคลอ่ื นทไี่ มไ่ ด้ เคลอ่ื นทไ่ี ด้
ผู้ย่อยสลาย แบคทเี รีย
เห็ด รา
กลมุ่ สตั ว์
กล่มุ ที่สรา้ งอาหารเองไมไ่ ด้ เคล่ือนท่ีได้
เคล่อื นท่ีได้
มกี ารเจรญิ เติบโต
มกี ารหายใจ สืบพนั ธ์ุ
กินส่งิ มีชวี ติ อื่น
สัตวม์ กี ระดกู สันหลัง สัตวไ์ ม่มีกระดกู สันหลัง
มกี ระดูกบรเิ วณสนั หลงั ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ แกนกลาง ไมม่ ีแกนกระดกู อยลู่ าตวั บางชนดิ มเี ปลอื กแข็งหมุ้ ภายนอกบางชนดิ มี
ลาตวั ช่วยให้ร่างกายคงรปู ทแ่ี นน่ อน โครงรา่ งแขง็ ทไี่ มใ่ ชก่ ระดกู อยภู่ ายในลาตวั เพอื่ คาจนุ รา่ งกายกระดกู
บรเิ วณสนั หลงั ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ แกนกลางลาตวั ชว่ ยใหร้ า่ งกายคงรปู ที่
แนน่ อน
สตั ว์มกี ระดกู สันหลงั
สตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั ครบี หลงั เกล็ด
1. กลุม่ ปลา เหงอื ก
ครีบอก ครบี หาง
ครีบเอว ครีบก้น
มีครบี หายใจด้วยเหงอื ก ดารงชวี ติ อยใู่ นนาตลอดเวลา
ครบี หางใช้ในการเคลื่อนที่ ผสมพันธ์ุวางไข่ในนา
ผิวหนังมเี กลด็ ตวั เต็มวัยออกลูกเป็นไข่
ออกมาเปน็ ลูกปลา
สตั วม์ กี ระดกู สนั หลัง ผิวหนัง
2. กลุ่มสตั วส์ ะเทนิ น้ำสะเทินบก
ลกู ออ๊ ด หายใจดว้ ยเหงอื กเมอื่ โตหายใจด้วยปอดและผวิ หนงั
ผวิ หนังเปยี กชนื ตลอดเวลา วางไข่ในนามีวุ้นใสหุ้ม
ไมม่ ีขน มีขา 4 ขา ตวั ออ่ นเรยี กว่า ลูกอ๊อด
ดารงชวี ิตไดท้ งั บนบกและในนา
สัตวม์ ีกระดูกสันหลัง ผวิ หนังแหง้ และมเี กลด็
3. กล่มุ สัตวเ์ ลือยคลำน
ผวิ หนงั แหง้ ไม่มีขน ดารงชีวติ ได้ทังบนบกและในนา
มเี กล็ดปกคลุมท่ัวตวั วางไขบ่ นบก
มีขา 4 ขา หายใจดว้ ยปอด
มีหางช่วยในการเคล่อื นที่
บางชนดิ ไม่มขี า บางชนดิ ออกลกู เป็นตัว
สัตวม์ ีกระดกู สนั หลงั ขนเปน็ แผง
4. กลุ่มนก,กลมุ่ สตั วป์ กี
ขา 1 คู่
ผวิ หนังมขี นลักษณะเป็นแผงปกคลุมร่างกาย ออกลกู เปน็ ไข่
วางไข่บนบก
มขี า 1 คู่ มีปีก 1 คู่ หายใจด้วยปอด
เดินบนพืนดนิ และบนิ ในอากาศได้บางชนดิ บนิ ไมไ่ ด้
มีเกล็ดทขี่ าและนิวเท้า
สตั ว์มกี ระดูกสันหลัง
5. กลุ่มสตั วเ์ ลยี งลูกดว้ ยนำ้ นม
ผวิ หนังมีขนลกั ษณะเป็นเส้นปกคลุม ออกลกู เป็นตัว บางชนดิ ออกลูกเป็นไข่
ส่วนใหญ่มี 4 ขา ออกลกู เป็นตวั หายใจด้วยปอด
เลยี งลูกดว้ ยนานม ตวั ออ่ นเติบโตในมดลูก
อาศัยบนบก บางชนิดอยใู่ นนา
สตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั
พยาธติ วั ตืด หมกึ ดอกไมท้ ะเล กุง้
ไสเ้ ดอื น ผึง
ฟองนา ดาวทะเล
หอยทาก
สตั วไ์ มม่ ีกระดกู สนั หลัง
1. พวกฟองนา
ไม่มกี ระดูกสนั หลงั มักเจรญิ เตบิ โตบรเิ วณแนวปะการงั
รูปรา่ งคลา้ ยแจกัน เกาะน่งิ อย่กู บั ทมี่ องดคู ลา้ ยพืช
มเี ส้นใยเปน็ โครงสร้างคาจุนร่างกาย
สตั วไ์ ม่มีกระดูกสันหลัง ไฮดรา
2. พวกลาตวั กลวง ปะการงั
แมงกระพรุน
ดอกไมท้ ะเล
กลั ปงั หา
ไม่มกี ระดกู สันหลงั ลาตวั ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ทังปากและทวารหนัก
ลาตัวคล้ายทรงกระบอกกลวง ยกเว้นแมงกะพรนุ มีรูปร่างคลา้ ยรม่
ส่วนใหญ่อาศยั อยู่ในทะเล ยกเว้น ไฮดรา
สตั วไ์ มม่ ีกระดูกสันหลัง พลานาเรยี
3. พวกหนอนตวั แบน รปู ร่างลาตัวแบนยาว
พยาธใิ บไม้ ไม่มีขอ้ ไม่มปี ล้อง
พยาธิตวั ตดื
ไมม่ ีกระดกู สันหลัง
ไม่มชี ่องวา่ งในลาตัว
สัตวไ์ ม่มีกระดูกสันหลงั
4. พวกหนอนตวั กลม
พยาธิไส้เดอื น
พยาธิตวั จด๊ี
ไมม่ กี ระดูกสนั หลัง หวั ทา้ ยค่อนข้างแหลม
ลาตวั กลมยาว
มีผิวเรียบ ไม่เป็นปล้อง
สตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั
5. พวกลาตวั เปน็ ปลอ้ ง
แมเ่ พรยี ง
ไสเ้ ดอื น
ไม่มกี ระดกู สันหลงั
ลักษณะลาตวั กลมยาว คล้ายแหวนหลายๆ วงต่อ
กนั เป็นปลอ้ ง
ผิวหนังเปียกชนื ชว่ ยในการหายใจ
สตั วไ์ ม่มีกระดูกสันหลงั
6. พวกทม่ี ขี าเปน็ ขอ้
มขี าเป็นขอ้ ๆ จั๊กจน่ั ลอกคราบ
ไม่มกี ระดูกสันหลัง สามารถลอกคราบได้
มีขาเป็นขอ้ ๆ ตอ่ กนั บางชนิดมีเปลือกหมุ้ ลาตัวด้านนอก
สตั วไ์ มม่ ีกระดกู สนั หลัง
7. พวกหอยและหมกึ ทะเล
หมึก หอย
ไม่มกี ระดูกสนั หลัง
ลาตวั อ่อนนมุ่
พวกหอยจะมเี ปลือกแขง็ ห่อหุ้ม
สตั วไ์ ม่มีกระดูกสันหลงั ดาวทะเล
8. พวกทม่ี ีผวิ หนงั ขรขุ ระ
เมน่ ทะเล
เหรยี ญทะเล
ไม่มีกระดูกสนั หลัง
ลาตวั มีผวิ หยาบขรขุ ระ
อาศยั อยู่ในนาเค็ม
กล่มุ พืช
กลุ่มทส่ี รา้ งอาหารเองได้
เคลอ่ื นท่ีไมไ่ ด้
มีการเจริญเติบโต เคลอื่ นทีไ่ มไ่ ด้
มีการหายใจ สืบพันธ์ุ
มีคลอโรฟลิ ลส์ รา้ งอาหารได้
พืชมีดอก พชื ไม่มีดอก
- ใชด้ อกในการสบื พนั ธ์ุ - การสร้างสปอร์ เช่น มอส เฟริ น์
- การตอนกง่ิ การตดิ ตา การปกั ชา
การตอ่ กงิ่ การทาบกง่ิ
พืชมีดอก
ดอกบวั ดอกผกั บุง้ ดอกแตงกวา
ดอกการเวก ดอกชงโค ดอกแพงพวย
พืชไมม่ ีดอก
มอส เฟนิ ใบมะขาม ชายผ้าสีดา
ผักแวน่ จอกหหู นู เฟนิ ก้านดา แหนแดง
สรา้ งอาหาร ล่อแมลงผสมเก
หายใจ และ ศรสบื พนั ธแ์ุ บบ
คายนา อาศยั เพศ
leaf flower
คาจนุ สว่ นตา่ งๆ หอ่ หุม้ เมลด็ และชว่ ย
ของพชื ลาเลยี ง ในการขยายพนั ธ์ุ
อาหารและนาไปยงั
fruit
สว่ นตา่ งๆ
คาจนุ ลาตน้ ไม่ใหโ้ คน่
stem ล้ม ดดู นาและแรธ่ าตุ
root ตา่ งๆ
ส่วนประกอบของราก ไซเลม็ ท่อลาเลียงนา
(xylem)
โฟลเอม็ หมวกราก (Root cap)
(phloem) เปน็ ส่วนท่อี ยปู่ ลายสดุ ของราก
มกี ารเตบิ โตและมีเมือกช่วยให้
ท่อลาเลยี งอาหาร ปลายรากสามารถหย่ังลงในดนิ
ไดแ้ ละชว่ ยป้องกนั ไมใ่ หป้ ลาย
ขนราก รากไดร้ ับอนั ตรายขณะทร่ี าก
เจริญเตบิ โตในดนิ
(Root hair)
หมวกราก
ขนราก (Root hair) เป็น (Root cap)
เซลลผ์ ิวท่ียื่นออกมาจากราก
เปน็ เสน้ เล็กๆ
ทาหนา้ ท่ดี ดู ซึมนาและแรธ่ าตุ
ตา่ งๆ
การจาแนกราก
รากแกว้ รากแขนง
รากฝอย
หนา้ ที่พเิ ศษของราก
-รากสะสมอาหาร เช่น มนั เทศ มนั แกว มนั สาปะหลัง กระชาย แครอท เปน็ ตน้
-รากยึดเกาะ เช่น รากพลูด่าง พริกไทย เปน็ ตน้
พริกไทย
พลดู ่าง
หนา้ ที่พเิ ศษของราก
-รากหายใจ เช่น ไทร กล้วยไม้ รากแสม รากต้นลาพู เปน็ ตน้
แสม
ลาพู
หนา้ ทพ่ี เิ ศษของราก
-รากคาจุน เชน่ รากขา้ วโพดที่งอกออกจากโคนตน้ โกงกาง เตยหอม ขา้ วโพด เตยทะเล เป็นต้น
โกงกาง
เตยทะเล
ขา้ วโพด
หน้าทพ่ี ิเศษของราก
-รากสังเคราะหด์ ้วยแสง เชน่ รากกล้วยไม้ รากกร่าง รากไทร เปน็ ต้น
รากกลว้ ยไม้ รากกรา่ ง
สว่ นประกอบของลาตน้ ลาตน้ พืชใบเลย่ี งคู่
ลาตน้ พืชใบเลยี่ งเดย่ี ว
ขอ้ ข้อ
ปลอ้ ง
ปลอ้ ง
ตา
การจาแนกลาต้น
ลาต้นเหนือดิน ลาต้นใตด้ นิ
หนา้ ที่พิเศษของลาต้น
-ลาต้นสะสมอาหาร เปน็ ลาต้นท่ที าหน้าทใ่ี นการเกบ็ สะสมอาหารในรปู ของแปง้ หรอื
นาตาล เช่น มนั ฝรงั่ แห้ว ขา่ เผอื ก เปน็ ตน้
หนา้ ท่ีพิเศษของลาตน้
-ลาต้นสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง เปน็ ลาตน้ ทีม่ ีคลอโรฟิลล์ จึงสามารถสงั เคราะห์ด้วยแสง
ได้ เช่น แกว้ มงั กร ผกั บุ้ง พญาไรใ้ บ กระบองเพชร เปน็ ตน้
กระบองเพชร
พญาไรใ้ บ
หน้าที่พิเศษของลาตน้
-ลาตน้ ขยายพนั ธ์ุ เช่น โหระพา พลูด่าง เปน็ ต้น
พลดู ่าง
-ลาตน้ ยดึ เกาะ เพอ่ื ช่วยพยุงคาจนุ ลาต้น เช่น บวบ นาเตา้ ฟักทองเป็นตน้
ฟกั ทอง
สว่ นประกอบของใบ
แผน่ ใบ
ขอบใบ
เส้นกลางใบ
เส้นใบ
กา้ นใบ
ลกั ษณะของใบ
หน้าที่ของใบ การสงั เคราะหแ์ สงของพชื (สรา้ งอาหาร)
แปง้ ไอนา
แสง
ออกซิเจน
นาตาล คลอโรฟิลล์
คารบ์ อนไดออกไซด์ นา
คารบ์ อนไดออกไซด์ + นา แสง นาตาล + ออกซเิ จน + ไอนา
คลอโรฟลิ ล์
แปง้
หนา้ ท่ีของใบ ปากใบ
Stoma
การคายนาของพชื
ลกั ษณะของปากใบ
เซลลค์ มุ
Guard Cell
การลาเลียงนาและอาหารของพืช
โฟลเอม็ อาหารสร้ างจากใบ
การลาเลยี ง
อาหารของพชื
ไซเลม็
นา้ และแร่ธาตุพืชดูดโดยราก
การลาเลยี งนา
หนา้ ที่พเิ ศษของใบ
-ใบมอื เกาะ เป็นใบทีเ่ ปลยี่ นแปลงมาเปน็ ทีย่ ดึ เกาะ เพื่อให้ลาตน้ พยงุ ขนึ ที่สงู ได้
เช่น ใบเกาะของถัว่ ลนั เตา ใบมะระ ใบตาลึง เป็นตน้
หน้าที่พเิ ศษของใบ
-ใบขยายพนั ธุ์ เปน็ ใบท่เี ปลยี่ น
มาเพอื่ ทาหนา้ ทส่ี ืบพนั ธุ์ เช่น
ใบควา่ ตายหงายเป็น
ใบเศรษฐพี นั ลา้ น
เป็นต้น
หน้าทพ่ี ิเศษของใบ
-ใบหนาม เป็นใบทเ่ี ปลยี่ นแปลงเปน็ หนาม เพอ่ื ปอ้ งกนั อันตรายจากศัตรหู รือ
สัตวแ์ ละเพ่ือลดการคายนา เช่น หนามของตน้ เหงอื กปลาหมอ หนามของ
กระบองเพชร เปน็ ตน้
เหงือกปลาหมอ
หนา้ ทพี่ เิ ศษของใบ
-ใบกับดกั แมลง เป็นใบที่เปล่ียนแปลงมาเพื่อดกั จับแมลงหรอื สัตวต์ วั เลก็ แล้วนา
สารอาหารท่ไี ดจ้ ากแมลงมาใชใ้ นการดารงชีวติ เชน่ ใบกาบหอยแครง
ใบหมอ้ ข้าวหมอ้ แกงลงิ เปน็ ต้น
หน้าที่พเิ ศษของใบ
-ใบสะสมอาหาร เป็นใบทเี่ ปลยี่ นแปลงมาไว้สาหรบั เกบ็ สะสมอาหารหรือนา
ใบประเภทนีจะมีลักษณะอวบ เชน่ ใบวา่ นหางจระเข้ กลบี ของหวั หอม เปน็ ตน้
หนา้ ทีพ่ ิเศษของใบ
-ใบประดับหรือใบดอก เปน็ ใบทีเ่ ปลี่ยนไปเพ่ือรองรับดอกมสี สี วยงาม เช่น
เฟอ่ื งฟา้ หนา้ ววั คริสต์มาส เป็นตน้