The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by atikan.butter, 2022-12-28 03:31:40

ชุด1 หัวข้อ10

ชุด1 หัวข้อ10

หั วข้อที่ 10

ก า ร ห า คุ ณ ภ า พ ข้ อ ส อ บ

กระบวนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มีขั้นตอนสำคัญคือการสร้างข้อสอบ และใน
การสร้างข้อสอบนั้นสิ่งหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้คือ การหาคุณภาพข้อสอบ เพื่อเป็นการยืนยันว่า
ข้อสอบดังกล่าวมีคุณภาพ ซึ่งการหาคุณภาพข้อสอบสามารถจำแนกเป็น 2 ลักษณะ คือ
การหาคุณภาพข้อสอบทั้งฉบับ และการหาคุณภาพข้อสอบรายข้อ มีรายละเอียดดังนี้
(ปราณี หลำเบ็ญสะ, 2559)

1.การหาคุณภาพข้อสอบทั้งฉบับ เป็นการตรวจสอบคุณภาพเกี่ยวกับ
ความตรง (Validity) และความเชื่อมั่น (Reliability) ดังนี้

1.1 การหาค่าความตรง (Validity) โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาหรือการวัดและประเมิน
ผล จำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน พิจารณาว่าข้อสอบแต่ละข้อ วัดได้ตรงตามสิ่งที่ต้องการวัด
หรือไม่ มีเกณฑ์ประเมินดังนี้

+1 หมายถึง แน่ใจว่าข้อสอบวัดตรงจุดประสงค์/เนื้อหา
0 หมายถึง ไม่แน่ใจว่าข้อสอบวัดตรงจุดประสงค์/เนื้อหา
-1 หมายถึง แน่ใจว่าว่าข้อสอบวัดไม่ตรงจุดประสงค์/เนื้อหา

จากนั้นนำข้อมูลที่ได้จากการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ หาค่าความสอดคล้องระหว่าง
ข้อคำถามกับจุดประสงค์/เนื้อหา (IOC = Index of Item Objective Congruence)
เกณฑ์การตัดสินค่า IOC หากมีค่า 0.50 ขึ้นไปแสดงว่าข้อสอบนั้นวัดได้ตรงจุดประสงค์/
เนื้อหา แปลว่าข้อสอบนั้นใช้ได้

1.2 การหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) เป็นการหาค่าความคงที่
ของคะแนนที่วัดได้แต่ละครั้ง สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

1.2.1 วิธีสอบซ้ำ เป็นการหาความสัมพันธ์ของคะแนนจากการทำข้อสอบฉบับ
เดียวกันสองครั้ง โดยทิ้งช่วงเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อตรวจสอบผลการทำ
ข้อสอบของนักเรียนว่ามีความคงที่หรือไม่

1.2.2 วิธีใช้แบบทดสอบคู่ขนาน เป็นการหาความสัมพันธ์ของคะแนนจากการทำ
ข้อสอบ 2 ฉบับที่เทียบเท่ากัน ในเวลาเดียวกันจากนักเรียนกลุ่มเดียวกัน

1.2.3 วิธีหาความสอดคล้องภายใน เป็นการหาความสอดคล้องกันของคะแนน
รายข้อ โดยใช้ผลการสอบจากข้อสอบฉบับเดียวกัน นักเรียนกลุ่มเดียวกัน มาหา
คุณภาพด้วยวิธีการ ดังนี้

1.2.3.1 วิธีการแบ่งครึ่ง 1.2.3.2 วิธีของ คูเดอร์ - 1.2.3.3 วิธีสัมประสิทธิ์
ริชาร์ดสัน (Kuder- แอลฟาของครอนบาค
ข้อสอบ Richardson method) (Cronbach’s alpha
coefficient method)
เป็นการหาค่าความสัมพันธ์ของ เป็นการหาความสัมพันธ์ของคะแนน
คะแนนจากการใช้ข้อสอบฉบับ จากข้อสอบฉบับเดียวและทดสอบครั้ง เป็นวิธีการการคำนวณค่าสถิติ
เดียวกันและสอบเพียงครั้งเดียว เดียว (ซึ่งให้คะแนนแบบตอบถูกได้ 1 ของคะแนนรายข้อและคะแนนรวม
โดยแบ่งผลสอบออกเป็น ตอบผิดได้ 0) โดยสามารถเลือกใช้ จากนั้นจึงคำนวณโดยใช้สูตร
2 ชุด คือ ชุดข้อคู่-ข้อคี่ จากนั้น สูตรการคำนวณ คือ สัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค
คำนวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ โดยปรับมาจากสูตร KR-20 แต่
ของสเปียร์แมนบราวน์ 1. สูตร KR-20 (ใช้ในกรณีที่ข้อสอบมี ไม่จำเป็นต้องให้คะแนนแบบตอบถูก
ความยาก-ง่าย แตกต่างกัน) ได้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน

2. สูตร KR-21 (ใช้ในกรณีที่ข้อสอบ การแปลความหมาย
ทุกข้อมีความยาก-ง่ายเท่ากัน) สัมประสิทธิ์มีค่าระหว่าง -1 ถึง +1 และ
แบบทดสอบที่มีคุณภาพควรมีค่าความ
เชื่อมั่นตั้งแต่ 0.70 ขึ้นไป

2. การหาคุณภาพข้อสอบรายข้อ เป็นการตรวจสอบคุณภาพของ
ข้อสอบแต่ละข้อ โดยพิจารณุณสมบัติ 3 ประการคือ ความยาก

อำนาจจำแนก และประสิทธิภาพของตัวลวง



2.1 ความยากของข้อสอบ (p) หมายถึง สัดส่วนของนักเรียนที่ตอบข้อสอบข้อนั้นได้ถูกต้อง
ต่อนักเรียนที่สอบทั้งหมดหรือจำนวนร้อยละของนักเรียนที่ตอบข้อสอบข้อนั้นถูก ค่าความยาก
ของข้อสอบอยู่ระหว่าง 0.00-1.00 เช่น ค่า P = 0.30 แสดงว่า จำนวนนักเรียนที่ทำข้อสอบ 100
คน มีนักเรียนที่ตอบข้อสอบข้อนั้นถูก 30 คน แปลความหมาย ดังนี้

ค่า (p) ความหมาย
0.00-0.19 ยากมาก (ไม่ควรใช้)

0.20-0.40 ยาก
0.41-0.60 ปานกลาง

0.61-0.80 ง่าย

0.81-1.00 ง่ายมาก (ไม่ควรใช้)

เกณฑ์ค่าความยากที่ใช้ได้ P = 0.20-0.80

2.2 ค่าอำนาจจำแนก (r) หมายถึง ความสามารถของข้อสอบในการจำแนกนักเรียน
กลุ่มเก่งออกจากนักเรียนกลุ่มอ่อน มีค่าอยู่ระหว่าง -1 ถึง +1 ดังนี้

ค่า (r) ความหมาย
ต่ำกว่า 0 หรือเป็น ลบ
กลุ่มสูงได้คะแนนน้อยกว่า
0.00 กลุ่มต่ำ (ควรปรับปรุง)
0.01-0.19 กลุ่มสูงและกลุ่มต่ำได้คะแนน
0.20-0.39 เท่ากัน (ควรปรับปรุง)

ต่ำมาก (ควรปรับปรุง)

พอใช้ได้

0.40-0.59 ดี

0.60-1.00 ดีมาก

เกณฑ์ค่าอำนาจจำแนกที่ใช้ได้ R มีค่าตั้งแต่ 0.20 ขึ้นไป

2.3 การหาประสิทธิภาพของตัวลวง
(กรณีข้อสอบเลือกตอบแบบหลายตัวเลือก)

พงษ์เทพ จิระโร (2558)

- สัดส่วนของผู้เลือกตัวลวง (Pw) หมายถึง สัดส่วนของนักเรียนที่เลือกตัวลวงนั้น ๆ ค่า
ระหว่าง 0.00-1.00 เกณฑ์ค่าประสิทธิภาพของตัวลวงที่ใช้ได้ต้องมีค่า Pw มากกว่าหรือเท่ากับ
0.05

- อำนาจจำแนกของตัวลวง (rw) หมายถึง ผลต่างระหว่างสัดส่วนของจำนวนนักเรียนใน
กลุ่มต่ำที่เลือกตัวลวงกับสัดส่วนของคนในกลุ่มสูงที่เลือกตัวลวงนั้น มีค่าระหว่าง -1.00 ถึง
+1.00 เกณฑ์ ค่า rw ต้องไม่ติดลบ

ประโยชน์ของการหาคุณภาพข้อสอบ พงษ์เทพ จิระโร (2558)

1. ทราบข้อมูลพื้นฐานของข้อคำถามและคำตอบ
2. กรณีข้อสอบแบบเลือกตอบจะทำให้ทราบประสิทธิภาพของตัวเลือก
3. ได้แนวทางในการสร้างข้อสอบที่ดี
4. ได้ทราบข้อมูลในการปรับปรุงการเรียนการสอน
5. ได้ข้อสอบที่มีคุณภาพไว้สำหรับสร้างข้อสอบและพัฒนาแบบสอบ
มาตรฐานต่อไป


Click to View FlipBook Version