มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี
SRIPATUM UNIVERSITY-CHONBURI CAMPUS
เอกสารที่เกี่ยวข้องกับ
การสมัครงาน
MGT498 เตรียมสหกิจศึกษาการจัดการ
สารบัญ
เนื้อหา หน้า
บทนำ 1
2-3
การเตรียมตัวก่อนไปสมัครงาน 4
5-8
บุคคลที่นายจ้างต้องการ 9-10
เอกสารสมัครงาน ที่จำเป็นต่อการพิจารณา 11
เอกสารที่ต้องมีติดตัวเมื่อไปสัมภาษณ์งาน 12-18
สาระน่ารู้เกี่ยวกับการสมัครงาน 19
ขั้นตอนแห่งการค้นพบตัวเอง
สรุปขั้นตอนการเตรียมความพร้อม 20
ในการหางานอย่างมีประสิทธิภาพ 21
บรรณานุกรม
รายชื่อคณะผู้จัดทำ
บทนำ 1
ในยุคปัจจุบันการรับคนเข้าทำงานในทุกวันนี้จะพิจารณา สิ่งอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น
บุคลิกภาพ ความคล่องตัว ความอดทน ความเป็นคนมีปฏิภาณ ไหวพริบ เป็นต้น
การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในการหางาน ทำหรือสมัครงาน จึงเป็นการ
เตรียมความพร้อมที่ดี และควรทำ เข้าทำนองที่ว่า "ฟอร์มดี มีชัยไปกว่าครึ่ง"ซึ่ง
การไปหางานหรือการไปสมัครงานเปรียบเสมือนกับคุณเป็นเซลล์แมน หรือเซลล์
วูแมนที่จำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมในการสมัครงาน โดยคุณจำเป็นจะต้อง
มีเทคนิค วิธีการต่างๆ ที่ทำให้ผู้ซื้อสินค้า (นายจ้าง) พร้อมที่อยากจะได้สินค้า
(ตัวคุณ) เอาไว้ ถ้าคุณทำได้ โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จในการหางานทำ
มีมากดังนั้นถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ต้องการตกอยู่ในสถานการณ์ว่า"ตกงาน"
ก่อนหางานทำ ควรเตรียมความพร้อมดังนี้
ค้นพบตัวเองให้ชัดเจน
ทำไมจึงต้องมีการรู้จักตนเอง ก็เพราะการหางานคือการ "ขาย" ตนเองชนิดหนึ่ง เป็นการเสนอ
ขายความรู้ ความสามารถของตัวเราเองให้แก่บริษัท หรือองค์กรใด องค์กรหนึ่งนั่นเอง ใครขายเก่ง
หรือมีศิลปะในการขาย สามารถทำให้ผู้ ซื้อเกิดความรู้สึกอยากได้"สินค้า" ชนิดนี้ก็จะได้งานไปทำ
แต่การที่จะขายของอะไรได้นั้น เราจำเป็นจะต้องรู้คุณภาพสินค้าเสียก่อน (รู้จักตัวเราเอง) เราจึงจะ
ขายให้ใครเขา ได้ ถ้าเราไม่รู้แม้กระทั่งสินค้านั้นมี คุณภาพอย่างไร มีจุดเด่นอะไร อยู่ตรงไหน ใช้แล้ว
ได้ประโยชน์อะไร ใครเขาจะมาซื้อ (นายจ้าง)
ดังนั้นการสมัครงานก็เช่นกัน ถ้าไม่รู้แม้กระทั่งว่าในตัวเองมีจุดเด่น ความรู้ ความสามารถ
ฯลฯ หรือพูดง่าย ๆ ว่าเก่งทางด้านไหน และจะไป โน้มน้าว ให้คนอื่นเขามาชื่นชมและต้องการได้
อย่างไร
2
การเตรียมตัวก่อนไปสมัครงาน
การสมัครงานเหมือนกับการไปเสนอขายสินค้า ซึ่งจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้ดี การเตรียมตัวก่อน
สมัครงานเป็นสิ่งจำเป็นจะต้องเริ่มตั้งแต่ก่อนจบการศึกษาในแต่ละปีจะมีผู้จบการศึกษาทั้งระดับ
ปริญญาตรี อาชีวศึกษา ทั้งสายพาณิชย์ ช่างอุตสาหกรรมและครู ทั้ง ปวช. ปวส. ปีละหลายหมื่นคน
กระจัดกระจาย ทั่วประเทศ ซึ่งรวมกันแล้วจะเป็นแสน ๆ คน และรวมกับผู้ที่ตกค้างจากปีก่อน ๆ ที่ยัง
ไม่ได้งานท าอีกมาก ความเชื่อที่ว่าเรียนเก่งหรือเรียนดีแล้วจะหางานง่ายนั้น อาจไม่เป็นจริงเสมอไป
ในยุคปัจจุบัน การรับคนเข้าท างานในทุกวันนี้นั้นจะพิจารณาสิ่งอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น บุคลิกภาพ
ความคล่องตัว ความอดทน ความเป็นคนมีปฏิภาณไหวพริบ เป็นต้น การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราว
ต่าง ๆ ในการหางานท าหรือสมัครงาน จึงเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีและควรเข้าท านองที่ว่า "ฟอร์มดี
มีชัยไปกว่าครึ่ง" การจะไปหางานหรือไปสมัครงาน เราที่จะต้องรู้ว่ามีอะไรที่น่าสนใจในตัวเรา สิ่งที่น่า
สนใจนั้นต้องเป็นสิ่งที่ผู้สมัครนั้นสนใจด้วยก็เหมือนกับว่าเป็นเซลแมนหรือเซลวูแมนที่จะเสนอขาย
สินค้า การเสนอขายสินค้าได้ จ ำป็นจะต้องมีเทคนิควิธีการต่าง ๆ ที่ท ำให้ผู้ซื้อสินค้าพร้อมที่จะอยาก
ได้สินค้าเอาไว้ ถ้าท ำ ด้ โอกาสที่จะได้งานทำก็มีมาก การเตรียมตัวเพื่อการ สมัครงาน และเพื่อให้
สามารถหางานท าได้เร็วยิ่งขึ้นควรมีการเตรียมตัวดังนี้
เตรียมหลักฐานการสมัครงาน
ผู้สมัครงานจะต้องเตรียมหลักฐานการสมัครงานต่าง ๆ เช่น ใบรับรองผลการศึกษา, ใบสุทธิ
รูปถ่าย, บัตรประจ าตัวประชาชนพร้อมส าเนา, ส าเนาทะเบียนบ้าน, ใบปลด รด.,และหลักหลักฐานอื่น ๆ
(ถ้ามี) หนังสือรับรองการฝึกงานจากผู้ที่เคยจ้างงาน หรือรับรองจากอาจารย์ที่ปรึกษานอกจากหลัก
ฐานการดังกล่าวแล้ว ผู้สมัครงานควรเตรียมเครื่องเขียนปากกา ยางลบ ดินสอ ซองจดหมาย หลัก
ฐานการสมัครงานควรเตรียมเอาไว้ หลาย ๆ ชุด เพื่อสมัครงานหลาย ๆ แห่ง
3
เตรียมเครื่องแต่งตัว
ผู้สมัครงานควรเตรียมเสื้อผ้า รองเท้าที่สุภาพ เรียบร้อย เหมาะสมกับบุคลิกภาพของตนเอง
ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง เพียงแต่ให้ดูสะอาดตา ตลอดจนทรงผมไม่ควรที่จะรุงรังจนเกินไป
เตรียมตัวเตรียมใจ
ผู้สมัครงานนอกจากเตรียมหลักฐาน เตรียมเครื่องแต่งตัวแล้ว จะต้องมีการเตรียมใจ
พูดง่าย ๆ ก็คือ เตรียมใจ เตรียมกาย และเตรียมสิ่งต่าง ๆ ที่จ ำเป็นหรือคิดว่าจ าเป็นไว้ให้พร้อม
เพราะว่าชีวิตที่อยู่ในวัยเรียน กับชีวิตที่อยู่ในวัยท างาน มันแตกต่างกัน ถ้ายังอู่ในวัยเรียน
ถ้าเรียน ไม่ดีก็สอบตก หรือเรียนซ้ำชั้น สอบใหม่ แก้ตัวใหม่ได้ ถ้าอยู่ในวัยทำงาน ทำผิดพลาด
หรือผลงานไม่ดี อาจถูกตำหนิ หรือตักเตือน ภาคทัณฑ์ เพราะฉะนั้นจึงจำป็นต้องปรับตัว ปรับใจ
ปรับความรู้สึก พร้อมที่จะรับสภาพความเป็นผู้ใหญ่
ก่อนสมัครงานควรรู้จักสิ่งเหล่านี้
มนุษย์ทุกคนมีความสามารถและคุณค่าบางอย่างในตัวเองเสมอหน้าที่ของคุณ
พยายามค้นหา (ถ้าคุณยังไม่รู้) ความสามารถนั้นในตัวเองและแสวงหางานที่เขาต้องการ
ความสามารถนั้นให้เจอ ดังนั้น ก่อนที่ จะตัดสินใจสมัครงานต าแหน่งงานใด ๆ ก็ตามควร
คำนึงถึง 2 จุดนี้ คือ รู้เขารู้เรา
4
บุคคลที่นายจ้างต้องการ
1. มีคุณวุฒิตรงกับนายจ้างต้องการ
2. มีบุคลิกภาพที่ดี
3. ท างานเข้ากับคนได้
4. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความรอบคอบ คิดเป็นระบบ กระตือรือร้น
5. มีความพร้อมในการปฏิบัติงานทุกด้านเสมอ
6. มีวัฒนธรรมที่ดี มีความซื่อสัตย์ มีวินัยต่อหน้าที่การงาน
7. มีความเอื้ออาธรให้กับเพื่อนร่วมงาน
8. จะต้องเป็นนักคิด นักวางแผน นักปฏิบัติงานที่ดี
9. มีความตรงต่อเวลา
10.มีความรู้ทันโลก
11. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
12.มีความอดทนต่องาน
13.ความรู้ทางด้านภาษาต้องรู้หลาย ๆ ภาษายิ่งดี
14.เป็นคนทันต่อเหตุการณ์
15.เป็นคนทันคน มีไหวพริบ มีสติปัญญา
5
เอกสารสมัครงาน ที่จำเป็นต่อการพิจารณา
RESUME หรือประวัติส่วนตัวอย่างย่อ
เป็นเอกสารที่ควรให้ความสำคัญในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ครบถ้วนและตรง
ตามความเป็นจริง รูปแบบที่เป็นระเบียบและมีความเป็นมืออาชีพ รวมไปถึงรายละเอียดเล็ก ๆ
อย่างการสะกดคำ การเว้นวรรคประโยคที่ถูกต้อง กระดาษแผ่นนี้เปรียบเสมือนตัวแทนของ
ที่จะพาเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปคือการสัมภาษณ์งาน ดังนั้น RESUME จึงควรเป็นเอกสารที่สรุป
คุณสมบัติเอาไว้อย่างอ่านง่ายและน่าสนใจอย่าพยายามยัดเยียดข้อมูลทุกอย่างลงไปมาก
เกินจนดูเหมือนเป็นเรียงความที่น่าเบื่อและไม่โดดเด่นออกมาจากเอกสารของผู้สมัครคนอื่นๆ
รูปถ่ายสมัครงาน
รูปถ่ายสำหรับการสมัครงานก็เป็นสิ่งสำคัญควรเป็นรูปถ่ายหน้าตรงในชุดสุภาพหรือชุด
ครุยสำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ เพื่อให้ได้รูปที่มีความน่าเชื่อถือ ดูมีความเป็นมืออาชีพ ไม่ควร
เสียดายเงินด้วยการใช้รูปถ่ายเล่นหรือรูปแบบเป็นทางการแต่พยายามถ่ายเอง ปริ้นท์เองจนดู
เหมือนไม่จริงจัง นอกจากนี้แม้ในปัจจุบันรูปแบบของ RESUME มักจะมีพื้นที่สำหรับแนบรูป
แล้ว ยังควรเตรียมรูปขนาด 1หรือ 2 นิ้วตามที่บริษัทกำหนดอีกประมาณ 2-3 ใบ เผื่อสำหรับ
เอกสารอื่น ๆ ของบริษัทติดตัวไปด้วยในวันสมัคร
6
ใบรับรองผลการศึกษา
เอกสารตัวนี้อาจเป็นปัญหากับผู้ที่เรียนจบมานานแล้วมากกว่าเด็กจบใหม่ ดังนั้นหาก
เริ่มคิดจะสมัครงานอีกครั้ง อย่าลืมเช็คว่ายังมีเอกสารนี้เหลืออยู่หรือไม่ หากไม่มีควรรีบ
ติดต่อกับสำนักทะเบียนของมหาวิทยาลัย เพื่อขอเอกสารไว้แต่เนิ่นๆ เมื่อถึงเวลาต้องยื่น
เอกสารจะได้มีพร้อมทันที
ผลสอบวัดระดับทางภาษาหรือวิชาชีพ
ไม่ว่าจะเป็นคะแนน TOEIC, TOEFL, CU-TEP หรือคะแนนวัดระดับภาษาอังกฤษ
อื่นหรือผลสอบวัดระดับภาษาอื่นๆรวมไปถึงใบรับรองทางวิชาชีพต่างๆที่มีสิ่งเหล่านี้
ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัครงานโดยตรงเสมอไปแต่ควรมีไว้เพื่เป็นการ
เพิ่มความน่าสนใจให้โดดเด่นกว่าผู้สมัครงานคนอื่นและเป็นใบเบิกทางให้กับตำแหน่ง
งานอื่นๆ ขององค์กรในอนาคต หากเป็นการสอบวัดระดับ สิ่งสำคัญคือควรตรวจ
สอบด้วยว่าในการสมัครงานตำแหน่งนั้นมีการกำหนดหรือไม่ว่าควรได้คะแนนขั้นต่ำ
เท่าไรหรืออยู่ในระดับไหนหากคะแนนยังไม่ผ่านเกณฑ์ควรไปเตรียมตัวและทำการสอบ
ใหม่ให้เรียบร้อยเสียก่อน
7
หนังสือรับรองการฝึกงานหรือผ่านงานและประกาศนียบัตรว่าผ่านการอบรมหลักสูตร
ต่าง ๆ (ถ้ามี)
เป็นเอกสารประกอบเพื่อแสดงให้เห็นประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาและความกระ
ตือรือล้นในการเรียนรู้ใหม่ตลอดเวลาแม้จะไม่จำเป็นต้องเป็นการฝึกงานหรือการเข้า
อบรมหลักสูตรที่ตรงกับตำแหน่งงานที่สมัครแต่สิ่งที่แนบไปควรเป็นหลักสูตรหรือการ
อบรมที่เพิ่มคุณค่าให้ตัวคุณสำหรับการทำงานในบริษัทนั้นๆ ได้
เอกสารทางราชการอื่นๆที่ควรเตรียม
สำเนาบัตรประชาชน
สำเนาทะเบียนบ้าน
สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ นามสกุล (ถ้ามี)
สำเนาใบผ่านการเกณฑ์ทหาร หลักฐานการพ้นภาระทางการทหาร (ชาย)
สำเนาใบขับขี่ (สำหรับตำแหน่งที่ต้องขับรถ ตามประเภทรถ)
ควรเตรียมสำเนาเอกสารเอกสารไปเผื่อ 2-3 ชุดพร้อมเซ็นสำเนาถูกต้องให้เรียบร้อย
8
เอกสารต่าง ๆ ที่กล่าวไปคือเอกสารพื้นฐานที่มักจะต้องใช้ประกอบการสมัครงาน อย่างไร
ก็ตามผู้สมัครควรดูรายละเอียดจากประกาศรับสมัครงานอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่ามี
เอกสารหรือสิ่งอื่นใดอีกหรือไม่ที่จะต้องเตรียมเพิ่มเติม ในการสมัครงานนั้น แม้สิ่งที่สำคัญ
คือฝีมือและคุณสมบัติของตัวเองแต่คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่ว่าจะอย่างไรผู้สมัครงาน
ทุกคนย่อมต้องยื่นเอกสารต่างๆ ให้ครบถ้วนเพื่อจะได้ไปต่อการเตรียมพร้อมในส่วนนี้
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ยื่นเอกสารย่อมแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความรับผิด
ชอบของตัวเอง นอกจากนี้เอกสารบางอย่างที่แนบเพิ่มเติมเข้าไปอาจสามารถช่วยเพิ่ม
ความน่าสนใจและสร้างความแตกต่างให้คุณได้อีกด้วย
เสียเวลาเตรียมตัวอีกสักนิดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าย่อมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
โดยทั่วไปเอกสารที่ใช้ในการสมัครงาน แต่ละบริษัทจะมีข้อกำหนดไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่บริษัท
จะระบุรายละเอียดเอกสารสมัครงานที่จำเป็นต้องใช้ไว้ในประกาศรับสมัครงานหรือให้ทางฝ่าย
บุคคลแจ้งกับผู้สมัครโดยตรงเมื่อนัดสัมภาษณ์งาน ซึ่งผู้สมัครควรตรวจสอบรายการเอกสาร
หลักฐานที่จำเป็นให้เรียบร้อย แต่หากไม่ได้มีระบุไว้ผู้สมัครควรเตรียมไปเผื่อ ไม่ควรไปมือเปล่า
JOBSHOPTHAI จึงได้รวบรวมรายการเอกสารและหลักฐานที่บริษัทเรียกใช้บ่อย เพื่อให้ผู้สมัคร
ใช้เป็นเช็คลิสต์ในการเตรียมตัวไปสมัครและสัมภาษณ์งานกันค่ะ
9
9 เอกสารที่ต้องมีติดตัวเมื่อไปสัมภาษณ์งาน
1.เรซูเม่
แม้ว่าเราจะส่งเรซูเม่ผ่านทางออนไลน์ไปแล้ว แต่ทางที่ดีก็ ปรินท์ไปเผื่อไว้สัก 3 ชุด เผื่อบริษัท
เรียกใช้
2. รูปติดบัตร 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว
การสมัครงานบางที่ เราต้องไปกรอกใบสมัครงานใหม่ตามฟอร์มของบริษัทอีกครั้งและ
อาจต้องมีการแนบรูป จึงควรเตรียมเผื่อไว้ก่อน
3. สำเนาบัตรประชาชน
สำเนาบัตรประชาชน ถือเป็นเอกสารสำคัญที่แทบทุกบริษัทต้องใช้เพื่อยืนยันตัวตัน ดังนั้น
ควรเตรียมถ่ายสำเนาบัตรประชาชนให้เรียบร้อย ปัจจุบันการถ่ายสำเนาบัตรสามารถถ่าย
เพียงด้านหน้าด้านเดียวได้
4. สำเนาทะเบียนบ้าน
สำเนาทะเบียนบ้านก็เป็นเอกสารสำคัญที่มีการเรียกใช้บ่อย ควรเตรียมไปเผื่อไว้ โดยถ่ายสำเนา
หน้าที่มีชื่อเราติดอยู่
5. สำเนาวุฒิการศึกษา
สำเนาวุฒิการศึกษาเป็นเอกสารสำคัญมาก ที่ใช้ในการสมัคร งานในทุกบริษัท ผู้สมัคร
ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมโดยควรเตรียมไปทั้งใบรับรองการจบการศึกษาใบเกรด
หรือTRANSCRIPT ของวุฒิการศึกษาที่ต้องใช้ในการสมัครงาน
10
6. สำเนาผลการทดสอบทางภาษา
หากผู้สมัครเคยสอบวัดความสามารถทางภาษา เช่น TOEIC TOEFL IELTS หรือแบบ
ทดสอบภาษาของมหาวิทยาลัยที่เป็นที่ยอมรับ
เช่น CU-TEP หรือ TU-GET ควรถ่ายสำเนา
ผลการทดสอบทางภาษาเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการสมัครงานด้วย
7. สำเนาใบขับขี่
กรณีที่สมัครเป็นพนักงานขับรถ หรืออาชีพที่ต้องขับรถเป็นประจำควรเตรียมสำเนาใบขับขี่
เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการสมัครงาน
8. สำเนาหลักฐานการพ้นภาระทางการทหาร
สำหรับผู้สมัครชายที่พ้นภาระทางการทหาร ควรเตรียมสำเนาหลักฐานการพ้นภาระทางการ
ทหารติดตัวไปเผื่อกรณีที่บริษัทต้องการเรียกใช้เอกสาร
9. ตัวอย่างผลงาน (PORTFOLIO)
กรณีนักศึกษาฝึกงานที่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานควรทำ PORTFOLIO เพื่อให้ผู้สัมภาษณ์
ทราบว่าเราเคยมีผลงานหรือร่วมกิจกรรมอะไรมาบ้าง นอกจากนี้ในบางอาชีพ PORTFOLIO
ก็เป็นสิ่งจำเป็นมากที่จะใช้ประเมินทักษะความสามารถของผู้สมัคร เช่น ครีเอทีฟ กราฟฟิกดี
ไซน์เนอร์ นักเขียนคอนเทนต์ เป็นต้น
เอกสารทุกชิ้นควรเตรียมไปเผื่อ 2-3 ชุด และเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องพร้อมขีดคร่อมว่าใช้
ประกอบการสมัครงานตามด้วยชื่อบริษัทเสมอ
11
สาระน่ารู้เกี่ยวกับการสมัครงาน
ในยุคปัจจุบันการรับคนเข้าทำงานในทุ
กวันนี้จะพิจารณา สิ่งอื่น ๆ ประกอบด้วย
เช่น บุคลิกภาพ ความคล่องตัว ความอดทน ความเป็นคนมีปฏิภาณ ไหวพริบ เป็นต้น
การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในการหางาน ทำหรือสมัครงาน จึงเป็นการเตรียม
ความพร้อมที่ดี และควรทำ เข้าทำนองที่ว่า "ฟอร์มดี มีชัยไปกว่าครึ่ง" ซึ่งการไปหางาน
หรือการไปสมัครงานเปรียบ เสมือนกับคุณเป็นเซลล์แมน หรือเซลล์วูแมน ที่จำเป็นจะ
ต้องเตรียมความพร้อมในการสมัครงาน โดย คุณจำเป็นจะต้องมีเทคนิค วิธีการต่างๆ
ที่ทำให้ผู้ซื้อ สินค้า (นายจ้าง) พร้อมที่อยากจะได้สินค้า (ตัวคุณ) เอาไว้ ถ้าคุณทำได้
โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จในการหางานทำมีมาก ดังนั้นถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งที่ไม่
ต้องการตกอยู่ในสถานการณ์ว่า "ตกงาน" ก่อนหางานทำ ควรเตรียมความพร้อมดังนี้
ซึ่งเมื่อทราบในประเด็นหัวข้อใหญ่ๆ แล้วมาดูในแต่ละหัวข้อมีวิธีการเทคนิคอย่างไร
บ้าง
1. ค้นพบตัวเองให้ชัดเจน
ทำไมจึงต้องมีการรู้จักตนเอง ก็เพราะการหางานคือการ "ขาย" ตนเองชนิดหนึ่ง เป็นการเสนอ
ขายความรู้ ความสามารถของตัวเราเองให้แก่บริษัท หรือองค์กรใด องค์กรหนึ่งนั่นเอง ใครขาย
เก่งหรือมีศิลปะในการขาย สามารถทำให้ผู้ ซื้อเกิดความรู้สึกอยากได้ "สินค้า" ชนิดนี้ก็จะได้งานไป
ทำ
แต่การที่จะขายของอะไรได้นั้น เราจำเป็นจะต้องรู้คุณภาพสินค้าเสียก่อน (รู้จักตัวเราเอง) เราจึงจะ
ขายให้ใครเขา ได้ ถ้าเราไม่รู้แม้กระทั่งสินค้านั้นมี คุณภาพอย่างไร มีจุดเด่นอะไร อยู่ตรงไหน ใช้แล้ว
ได้ประโยชน์อะไร ใครเขาจะมาซื้อ (นายจ้าง)
ดังนั้น การสมัครงานก็เช่นกัน ถ้าคุณไม่รู้แม้กระทั่งว่าในตัวคุณมีจุดเด่น ความรู้ ความสามารถ
ฯลฯ หรือพูดง่าย ๆ ว่าคุณเก่งทางด้านไหน และคุณจะไป โน้มน้าว ให้คนอื่นเขามาชื่นชม และ
ต้องการคุณได้อย่างไร
12
ขั้นตอนแห่งการค้นพบตัวเอง
1.1 การค้นหาทักษะ (SKILLS)
เป็นความสามารถที่ต้องมีและเป็นรากฐาน
ในการทำงานทุกชนิด ไม่มีงานชนิดไหนที่
ไม่ต้องใช้ทักษะ โดยทักษะ จะแบ่งได้เป็น 3 แบบ คือ
(1) ทักษะที่เกิดจากการเรียนรู้ เช่น ทักษะในการขับรถ พูดภาษาต่างประเทศ
(2) ทักษะที่ติดตัวที่ติดตัวเรามาและสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ เช่น การวาดรูป
ร้องเพลง
(3) ทักษะที่ได้จากสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ทำงาน โรงเรียน เช่น ทักษะการ
เข้ากลุ่มเพื่อน ทักษะการเป็นผู้นำ
ซึ่งในงานแต่ละชนิดเมื่อจำแนกหน้าที่ของงานออกแล้วจะต้องประกอบด้วย กิจกรรม
หลายอย่าง ซึ่งแต่ละกิจกรรมก็จะประกอบไปด้วยทักษะมากมาย เช่น อาชีพครู มี
กิจกรรมทางด้านการสอน บริหาร ค้นคว้า ทักษะมีทั้งการพูด การออกคำสั่ง การฟัง
การแสดงออก และการเขียน เป็นต้น
1.2 การสำรวจจุดเด่นของตนเอง
จุดเด่นมีผลต่อการหางานมากพอๆกับทักษะจุดเด่นนี้เป็นลักษณะทางบุคลิกภาพที่ทุกคนมี งาน
ทุกชนิดต้องการคนที่มีบุคลิกบางอย่างที่เด่นเป็นเฉพาะเช่น งานประชาสัมพันธ์ควรมีบุคลิกภาพ
ที่เขากับคนง่ายรู้จักจัดการเกี่ยวกับคนหรือพนักงานบัญชี ควรมีบุคลิกภาพที่ละเอียดรอบคอบ
เป็นต้น
1.3 สำรวจความสัมฤทธิ์ผลทั่วไป
ความสัมฤทธิ์ผลนี้คือ เป็นความรู้สึกประทับใจความสำเร็จไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม
โดยให้นึกถึงสิ่งที่ทำแล้วสำเร็จ และประทับใจเหล่านั้นมาสัก 4 - 5 เรื่อง และเหตุการณ์เหล่านั้น
เป็นผลสัมฤทธิ์ข และนำมาเขียนเป็นผลสรุปเก็บไว้เป็นข้อมูลไว้เป็นองค์ประกอบในการสมัคร
งาน ด้านหนึ่ง
13
1.4 สำรวจความชอบ และ ไม่ชอบ
เป็นขั้นตอนของการลองกลับไปคิดทบทวนใหม่อีกครั้งถึงประสบการณ์สมัยอยู่
โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย หรือช่วงชีวิตที่ผ่านมามีอะไรที่เกิดขึ้นใน ช่วงเหล่า นั้น
ที่คุณชอบและไม่ชอบใจบ้างไหม เช่น คุณอ
าจจะจำครูที่ดุอย่างขาดเหตุผล คุณแม่ที่
เคร่งครัดและเจ้าระเบียบ เพื่อนที่เจ้าอารมณ์ ขอให้จำบุคลิก ลักษณะ ของบุคคลที่
คุณไม่ชอบนี้ไว้ด้วย คุณจะได้รู้ว่าบุคคลประเภทใดที่คุณอยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข
1.5 สำรวจขีดจำกัด
คนเราทุกคนไม่มีความสมบูรณ์ดีพร้อมไปเสียทุกอย่าง ทุกคนต้องมีข้อบกพร่อง ซึ่งมัน
อาจเป็นจุดอ่อนที่ยังแฝงอยู่ในบุคลิกภาพของคุณในปัจจุบัน จุดอ่อนที่จะ เป็นตัวขัดขวาง
ทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรโดยคุณจะต้องพยายามทำความรู้จักกับทุกส่วนของ
บุคลิกคุณอย่างแท้จริง และนำมา เป็น จุดแก้ไข ปรับปรุง หรือเป็นข้อควรระวัง เพื่อคุณจะไปสู่
เป้าหมายแห่งความสำเร็จได้ เช่น คุณอาจเป็นคนที่มีความคิดอ่านที่ดีสมัยอยู่โรงเรียนมัธยม
แต่ คุณมักไม่กล้า แสดงตัวหรือแสดงความคิดเห็นให้ ปรากฏ ทำให้คนอื่นรับหน้าที่แทนคุณไป
แสดงว่าคุณมีจุดอ่อน คือ ขาดความกล้า หรือไม่มีลักษณะเป็นผู้นำ คุณก็นำข้อ นี้ไปปรับปรุง
และพัฒนา หรือถ้าไม่ไหวจะเป็นผู้นำก็ต้องหางานในตำแหน่งที่ไม่ ต้องแสดงความเป็นผู้นำ
ดังกล่าว
1.6 สำรวจค่านิยม
ค่านิยม คือสิ่งที่เรายึดถือว่า ดี งาม สมควรปฏิบัติ เช่น ค่านิยมเรื่องความซื่อสัตย์ ความมั่นคง
ความปลอดภัย ความเสียสละ ซึ่งถ้าคุณคิดเพียงว่าแต่ขอ ให้ได้งาน โดยไม่ตระหนักถึงค่านิยม
ของตัวเองและธรรมชาติของงาน การทำงานนั้นก็จะไม่ได้รับความสุขกับการทำงาน และทำให้
ต้องเข้า ๆ ออก ๆ หางาน ใหม่อยู่ ตลอดเวลา ดังนั้น การรู้จักค่านิยมของตัวเองจึงเป็นหัวใจ
สำคัญอีกด้านหนึ่งในการทำงานเพื่อ ความสุขของชีวิต
14
1.7 สำรวจความสัมพันธ์ที่มีต่อบุคคลอื่น
การทำงานทุกชนิดต้องสัมพันธ์กับคน จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละตำแหน่งงาน ดังนั้น
สิ่งที่คุณต้องเข้าใจคือ เราต้องอยู่กับคนไปตลอ
ดชีวิต การ เข้าใจความสัมพันธ์ที่มีต่อกันจึง
เป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่ร่วมกัน และทำงานด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ
1.8 สำรวจสิ่งแวดล้อมในการทำงาน
สิ่งแวดล้อมในการทำงานที่นี้ก็คือสถานที่ตั้งของหน่วยงานเช่นใกล้-ไกลการคมนาคม
ต่างจังหวัด หรือกรุงเทพฯ สภาพมลภาวะต่างๆ ลักษณะงานซึ่งจะต้องมีความ
ยืดหยุ่นพอที่จะปรับความต้องการให้เข้ากับสิ่งที่ได้ ตามสมควร
1.9 ความต้องการเกี่ยวกับเงินเดือน
ไม่ว่าตัวผู้สมัครงานจะมี ประสบการณ์หรือไม่มีประสบการณ์ก็ตาม การเรียก
ร้องเงินเดือนเท่าใดนั้น คุณควรจะต้องไปทำการค้นคว้าว่าโดยทั่ว ๆ ไป บุคคล
ที่จบการศึกษาระดับเดียวกันกับคุณหรือผู้ที่ทางบริษัทที่รับเข้ามาใน ตำแหน่งที่
คล้ายกับที่คุณสมัครนั้นเขาได้รับเงินเดือนประมาณเท่าใด ซึ่งส่วนใหญ่ ถ้าเป็น
งานราชการเงินเดือนจะต้องเป็นไปตามวุฒิที่ทางการกำหนด ไม่มีการต่อรอง
แต่ถ้าเป็นบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจอาจมีอัตราการจ่ายเงินที่ต่างกันออก
ไป ขึ้นอยู่กับขนาด ความมั่นคงของบริษัท และระบบการบริหารของบริษัท
2. การติดตามข่าวสาร
สิ่งที่คนหางานจะต้องตระหนักก่อนสิ่งอื่นใดก็คือ คุณจะต้องมีความกระตือรือร้น
ขวนขวายหา ข่าวสารด้วยความสนใจอย่างจริงจัง เพราะช่วงเวลา ของการโฆษณา
รับสมัครงานของแต่ละองค์กรล้วนมีระยะเวลาจำกัด บางองค์กรก็จะระบุวันหมด เขต
รับสมัครเอาไว้ ทำให้เมื่อวันเวลาผ่านไปโอกาสในการ สมัครงานแล้วได้รับการคัดเลือก
ไปสัมภาษณ์ย่อมน้อยลงด้วยเนื่องจากในแต่ละปีมีบัณฑิตจบใหม่จากสถานศึกษาที่
ผลิตออกมาอย่างไม่ขาดสายด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องขวนขวายที่จะหาข้อมูลข่ าวสารการ
รับสมัครงานให้มากที่สุด
15
สิ่งที่คนหางานจะต้องตระหนักก่อนสิ่งอื่นใดก็คือคุณจะต้องมีความกระตือรือร้นขวนขวายหา
ข่าวสารด้วยความสนใจอย่างจริงจัง เพราะช่วงเวลา ของการโฆษณารับสมัครงานของแต่ละองค์กร
ล้วนมีระยะเวลาจำกัด บางองค์กรก็จะระบุวันหมด
เขตรับสมัครเอาไว้ ทำให้เมื่อวันเวลาผ่านไปโอกาส
ในการ สมัครงานแล้วได้รับการคัดเลือกไปสัมภาษณ์ย่อมน้อยลงด้วย เนื่องจากในแต่ละปีมีบัณฑิตจบ
ใหม่จากสถานศึกษา ที่ผลิตออกมาอย่างไม่ขาดสาย ด้วยเหตุนี้ คุณจึงต้องขวนขวายที่จะหาข้อมูล
ข่าวสารการรับสมัครงานให้มากที่สุด
เมื่อคุณ ได้ข่าวสารการรับสมัครงานและคุณสมบัติครบถ้วนที่จะสมัครได้ รวมทั้งคุณพอใจที่จะ
ทำงานในตำแหน่งนั้น ๆ คุณก็ควรจะสมัครให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องรีรอทั้ง ๆ ที่
คุณ มีความพร้อมในเรื่องเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการสมัครงานตามที่ระบุไว้ ตรงกันข้าม
กลับ เป็นผล ดีกับตัวคุณเสียอีก เพราะองค์กรที่รับ สมัครงานจะเห็นความกระตือรือร้น ความมุ่งมั่น
และความต้องการ ทำงานของคุณอย่างชัดเจน ส่งผลให้ผู้รับ สมัครพึงพอใจที่คุณให้ความสนใจกับ
องค์กรนั้นมากกว่าผู้สมัคร รายอื่น ๆ ที่รอจนเกือบ หมดเขตรับสมัครแล้ว จึงค่อยไปสมัคร นอกจาก
นั้น การส่งใบสมัคร ไปตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้คุณมีข้อได้เปรียบกว่าคนอื่นในกรณีที่คุณส่งใบสมัครไปทาง
ไปรษณีย์แล้ว เกิดความล่าช้าก็อาจเป็นไปได้ว่า ใบสมัครงานหรือจดหมาย สมัครงาน ของคุณไปถึงที่
หมายภายหลังหมดเขครับสมัครงาน โอกาสที่คุณจะได้งานก็จะลดลงตามไปด้วย
คุณทราบหรือไม่ว่ามีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการสมัครงานแนะนำว่าคนเราถ้าทำงานออฟฟิศจะ ต้อง
ใช้ เวลาทำงานอยู่ในออฟฟิศถึงวันละ 7 - 8 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นคุณก็ควรจะสมัครงานด้วยจดหมาย
สมัครงาน หรือกรอกแบบฟอร์มการสมัครงานและส่งใบสมัครงานให้ได้อย่างน้อยชั่วโมงละ 1 ราย
หรือวัน ละ 7 - 8 ราย ในตำแหน่งงานที่คุณมีคุณสมบัติ ครบถ้วน และมั่นใจว่าคุณพอใจจะทำงานใน
ตำแหน่งนั้นๆ ถ้าคุณได้รับการคัดเลือก
16
ถ้าทำแบบนี้ได้ โอกาสที่จะได้งานย่อมมีสูงกว่าคนที่สมัครงานนาน ๆ ครั้งหนึ่ง แล้วก็คอยอยู่เฉยๆ
จนกว่าจะรู้ว่าไม่มีหวังเสียแล้ว จึงค่อยลุกขึ้น แสวงหาข่าวสารรับสมัครงาน แล้วก็เริ่มหาหลักฐาน
ใหม่ ส่งใบสมัครหรือจดหมายสมัครงานไปอีกครั้งแ
ล้วก็รอคอยการเรียกไปสัมภาษณ์ จะต้องไม่ลืมว่า
คู่แข่งมีมากขึ้นทุกวันแม้แต่วันเดียวก็ตามถ้าคิดเป็นชั่วโมงและอย่าลืมว่าคู่แข่งขันจำนวนมากมี
คุณสมบัติทุกอย่างเหมือนที่ทุกคนมี ตามเอกสารหลักฐานด้วยกันทั้งนั้น
ดังนั้นใน ระหว่างที่กำลังหางานทำควรมีเอกสารที่ใช้สำหรับการสมัครงานไว้ให้พร้อมและทำสำเนา
เอาไว้หลายๆชุดจะได้ไม่เสียเวลาหา หลักฐาน ถ้าใครขยันแสวงหาแหล่งรับสมัครงานได้มากกว่าคนอื่น
ๆ เอาแค่ขยันสมัครงานได้วันละ 4 - 5 แห่งเท่านั้น โอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ในการ หางานก็มีมาก
ยิ่งขึ้น
3. มองหาแหล่งงาน
โดยทั่ว ๆ ไป หนทางที่จะเริ่มมองหาแหล่งงานได้นั้นมีหลายวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
จุดที่สื่อมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ
องค์กรที่เปิดรับสมัครงาน ซึ่งคุณอาจจะเลือกดูได้จากแหล่งต่าง ๆ เหล่านี้ คือ
3.1 สื่อสิ่งพิมพ์
สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งรายวันและรายสัปดาห์ เป็นสื่อที่คนต้องการหางานทำมักจะมองหาเป็นอันดับ
แรกโดยสื่อดังกล่าวอาจจะมา ในรูปของนิตยสาร รายสัปดาห์ที่ลงข่าวสารเกี่ยวกับการรับสมัคร
งานโดยเฉพาะ เช่น นิตยสารงานวันนี้ SMART JOB หางานหาง่าย หรือมาในรูปของหนังสือพิมพ์
ที่ลงโฆษณา รับสมัครงานโดยเฉพาะ เช่น หนังสือพิมพ์แหล่งงาน งานทั่วไทย นอกจากนี้ยังมีใน
รูปแบบของ SECTION CLASSIFIED ที่แทรกอยู่ในหนังสือพิมพ์รายวัน เช่น โลกวันนี้ THE
NATION BANGKOK POST เป็นต้น โดยสื่อเหล่านี้จะมีข่าวสารเกี่ยวกับการ เปิดรับสมัครงาน
ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งนอกจากโฆษณา รับสมัครงานแล้ว ยังมีบทความต่างๆ ที่ให้ความรู้เกี่ยวข้อง
กับการสมัครงานที่น่าสนใจอีกด้วย เรียกว่าถ้าต้องการหางาน สื่อสิ่งพิมพ์มีประโยชน์ต่อการ
สมัครงานมากทีเดียว
17
3.2 สื่ออินเตอร์เน็ต
ในโลกยุคปัจจุบัน สื่ออินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการหางาน โดยผู้สมัคร
งานสามารถเข้าไปค้นหาตำแหน่งงานที่ ต้องกา
รได้ จากเว็บไซต์หางานต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย
นอกจากจะได้ปริมาณตำแหน่งงานที่มากแล้ว เว็บไซต์เหล่านี้ยังให้ประโยชน์ในเรื่องอื่น ๆ อีก
เช่น มีบทความเกี่ยว กับเทคนิคการ สมัครงาน มีคำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนใบสมัคร และ
RESUME แถมยังส่งใบสมัครและ RESUME ไปให้กับองค์กรทางอีเมล์ได้ทันทีอีกด้วย นับว่า
เป็นวิธีการที่สะดวกและได้ผลดีไม่แพ้วิธีการอื่นเลย แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้างว่าในประเทศไทยนั้น
สื่ออินเตอร์เน็ตยังไม่ใช่สื่อหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย การสมัครงานทางเว็บไซต์นั้นจึงมีข้อ
จำกัดที่ว่าข้อมูลอาจไปไม่ถึงผู้รับสมัครเพราะว่าบางบริษัทแม้ว่าจะลงรับสมัครทาง
อินเตอร์เน็ต แต่อาจ จะไม่ได้นำข้อมูลของผู้ที่สมัครงานทางอินเตอร์เน็ตมาพิจารณา หรือบาง
ครั้งก็มีความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้ใบสมัคร ไม่สามารถส่งไปถึงผู้รับ ปลายทางได้
แต่อย่างไรก็ดี สื่ออินเตอร์เน็ตก็ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากในยุคปัจจุบัน
3.3 ติดต่อผ่านทางสำนักงานจัดหางาน ซึ่งมีวิธีการสมัครงานทั้ง 2 แบบ คือ
- แบบตั้งรับอยู่ที่สำนักงาน โดยมีตำแหน่งงานว่างไว้ให้ดู หรือลงทะเบียนไว้ พร้อม
ทั้งมี นายจ้างมาขอคัดรายชื่อ และเรียกตัวสัมภาษณ์ในภายหลัง
- แบบเชิงรุกนอกสถานที่ โดยมีการจัด "วันนัดพบแรงงาน" ซึ่งข้อดีของการจัดวัน
นัดพบ แรงงาน คือ สามารถยื่นใบสมัครได้กับนายจ้าง โดย ตรงและมีการสัมภาษณ์พูดคุย
ศึกษาบุคลิกภาพและความสามารถ ทำให้สามารถแสดงคุณสมบัติได้เต็มที่ ทำให้มีโอกาสได้
งานที่เร็ว กว่าวิธีอื่นๆ
ซึ่งคุณสามารถใช้บริการของกรมการจัดหางานได้ทั่วประเทศ โดยในกรุงเทพฯ มีที่
ส่วนกลาง E-JOB CENTER และ 10 เขตพื้นที่บริการ ส่วนต่างจังหวัดติดต่อได้ที่สำนักงาน
จัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ
18
3.4 หน่วยจัดหางานของมหาวิทยาลัย
แทบทุก มหาวิทยาลัย จะมีหน่วยงานจัดหางานที่สังกัดอยู่ในกองกิจการนิสิต นักศึกษา
ซึ่งหน่วยงานที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวกลางหาแหล่งง
านให้นิสิต นักศึกษาทั้งในระหว่างฤดูร้อน และ
เมื่อสำเร็จการศึกษา
3.5 สำนักงาน ก.พ. สำหรับซึ่งมุ่งเข็มมาว่าจะเป็นข้าราชการ
3.6 ถามจากญาติสนิทมิตรสหาย
ประกาศให้พี่น้องญาติมิตรเพื่อนฝูงทุกคนรู้ให้ทั่วไปว่า "กำลังต้องการงาน" และถ้าเขารู้ว่าที่ไหน
กำลังเปิดรับสมัคร เขาก็จะได้แจ้งให้ทราบโดยด่วน
3.7 WALK IN
WALK IN คือ การเข้าไปสมัครงานในองค์การที่สนใจโดยตรง โดยไม่สนใจว่าองค์กรนั้นจะเปิด
รับพนักงานหรือไม่ วิธีการนี้อาจเป็นทาง เลือกที่ใช้ได้ในบางโอกาส ในกรณีที่มีความต้องการ
ทำงานในองค์กรนั้นจริงๆเพราะว่าองค์กรนั้นมีชื่อเสียงมีความมั่นคง สวัสดิการดี หรือเป็นคน
ที่มีโอกาสเลือกงานได้มากกว่าคนอื่น เพราะไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ก็มีข้อเสียที่ว่าใบสมัครอาจ
จะไม่ได้รับการพิจารณา ถ้าองค์กรนั้น ๆ มีนโยบายที่ จะไม่รับคนในตำแหน่งที่สมัครเป็นเวลา
นาน แต่ก็มีข้อดีคือ
ถ้าได้รับคัดเลือกให้มาสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์งาน แล้วผ่านการพิจารณา ก็จะได้ ทำงานใน
ตำแหน่งและองค์กรที่ต้องการจริง ๆ แต่การ WALK IN นี้ในความเป็นจริงอาจเป็นทางเลือกที่
ไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก
19
สรุป ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมในการหางานอย่างมีประสิทธิภาพ
1. การวิเคราะห์เกี่ยวกับตนเอง
1.1 ย้อนไปดูทักษะตัวเราเองและเรื่องอื่น ๆ ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น และนำมาดูว่าคุณสมบัติ
ต่าง ๆ นั้น สามารถใช้ได้มากในงานชนิดใดบ้าง
1.2 เมื่อเลือกอาชีพได้ตรงทักษะและคุณสมบัติแล้วต้องดูว่า
- อยากทำงานกับหน่วยงานใด (รัฐบาล เอกชน รัฐวิสาหกิจ) ขนาดอะไร (ใหญ่ กลาง เล็ก)
- สถาบันตั้งใหม่หรือดำเนินกิจการมานานแล้ว
- มีความก้าวหน้า (เร็ว ช้า)
- สถานที่ตั้ง (ในเมือง ต่างจังหวัด)
2. การวิเคราะห์หน่วยงานที่สนใจ
สิ่งที่ควรรู้เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับบริษัทเหล่านั้นก่อนการก้าวไปสู่ขั้น
ตอนสมัครงานคือ
- ความมั่นคงของบริษัท
- สวัสดิการและรายได้
- สิ่งแวดล้อมในการทำงาน
- บรรยากาศของการทำงาน
- ค่านิยมและเป้าหมายในการทำงาน
- ความก้าวหน้า
บรรณานุกรม 20
เอกสารสมัครงาน ที่จำเป็นต่อการพิจารณา
https://th.jobsdb.com/th-
เช็กลิสต์เอกสารที่ต้องพร้อม เมื่อเตรียมตัวไปสมัครงาน
https://www.sanook.com/campus/1402267/
เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงาน
https://elearning.chonburi.spu.ac.th/iclass_lessondetail.php?
uid=49303&sid=2wJ2jZZ0hLoPIUoX&slid=44501&lesson=4&popT
est=0&popRcid=
เอกสารที่ใช้สมัครงานมีอะไรบ้าง
https://www.airkhaek.com
รายชื่อคณะผู้จัดทำ 21
นางสาวธิติมา โกตวัตร
รหัสนักศึกษา 64700619 นางสาวอภิรดี คำมา
รหัสนักศึกษา 64702722
นางสาวอนุสรา เฟื่องปัญญา
รหัสนักศึกษา 64705056
ว่าที่ ร.ต.หญิงฝากฝัน สอนสา ว่าที่ ร.ต.หญิงเบญจรัตน์ วงศ์ษา
รหัสนักศึกษา 64704811
รหัสนักศึกษา 64710384