The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

06เจ้าปู่เจ้าย่า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Aom Nuttawadee, 2022-09-26 03:36:52

06เจ้าปู่เจ้าย่า

06เจ้าปู่เจ้าย่า

พธิ ีเล้ียงเจา ปเู จายา
บานปา แดง

ตำบลปาเลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ จงั หวดั เพชรบูรณ

มหสาำวนทิกั ยศาลิ ลปยั ะรแาลชะภวัฏฒั เพนธชรรรบมรู ณ

คำนำ

พิธีเลี้ยงเจ้าปู่เจ้าย่า บ้านป่าแดง ตำบลป่าเลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเอกสาร
องค์ความรู้ ภายใต้โครงการจัดเก็บข้อมูลทางด้านศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นข้อมูลที่ทีมงาน
สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ได้จัดทำขึ้นจากการลงพื้นที่ภาคสนาม เพื่อเก็บ
รวบรวมข้อมูลองค์ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อให้เยาวชนและประชาชนรุ่น
หลงั ได้รบั รูถ้ ึงเรื่องราวท่ีเกดิ ขึน้ ในอดีตและปัจจุบนั

ทั้งนี้ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
เอกสารเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจทั้งหลาย นำองค์ความรู้นี้ไปเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจและ
เลง็ เห็นถงึ คณุ ค่าของรอ่ งรอยทางวฒั นธรรมที่คนในอดตี ได้สร้างไว้ตอ่ ไป

สำนกั ศิลปะและวฒั นธรรม
มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เพชรบรู ณ์

สารบัญ หนา้

เรื่อง ๑
องค์ความรู้ทางวัฒนธรรม ๑
เร่อื ง พิธกี รรมเล้ียงปีเจ้าปเู จ้าย่า ๑

วตั ถปุ ระสงค์ ๑
ขอบเขต ๒
เป้าหมาย ๕
ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ ับ ๖
พิธีเลีย้ งปเี จา้ ปเู่ จ้าย่า บ้านปา่ แดง ตำบลปา่ เลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวดั เพชรบูรณ์ ๖
มลู เหตแุ ห่งการประกอบพิธีกรรมเล้ยี งเจา้ ปเู่ จา้ ยา่ ๗
การสบื ทอดพิธีกรรมการเล้ยี งเจา้ ปู่เจ้ายา่ ๘
ร่างทรงและการสืบทอด ๙
พิธีกรรมเลย้ี งเจา้ ปู่เจา้ ย่ามคี วามสำคญั ยงั ไงกับชมุ ชน ๑๑
ความเชอ่ื และความศรทั ธาที่มีตอ่ เจา้ ปูเ่ จา้ ยา่ และทำไมต้องมกี ารเลี้ยงผีเจา้ ปู่เจ้าย่า ๑๑
เครอ่ื งเซ่นไหว้ อาหารและของเซ่นไหว้ต่าง ๆ ทีใ่ ชใ้ นการประกอบพธิ กี รรม ๑๒
การจดั เตรียมสถานท่ี ๑๘๙
เคร่ืองแต่งกายของรา่ งทรง ๒๓
การเตรียมงานอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ๒๔
แนวทางการนำไปปฏบิ ตั ใิ ช้ ๒๕
ข้อเสนอแนะ
บรรณานุกรม
ภาคผนวก รายละเอียดรายวิชา (มคอ. ๓) ที่ใช้บรู ณาการ

องคค์ วามรู้ทางวัฒนธรรม
เรื่อง พธิ ีเล้ียงเจา้ ปเู่ จา้ ยา่
บา้ นป่าแดง ตำบลปา่ เลา อำเภอเมอื งเพชรบูรณ์ จังหวดั เพชรบรู ณ์

วตั ถุประสงค์
๑. เพื่อเป็นการเสาะหา รวบรวม จัดเก็บข้อมูลในตัวบุคคลท่ีมีประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน

ประเพณพี น้ื บ้าน พธิ เี ล้ยี งปีเจ้าปู่เจา้ ย่า บา้ นป่าแดง ตำบลปา่ เลา อำเภอเมอื งเพชรบรู ณ์ จังหวดั เพชรบูรณ์
๒. เพื่อจัดทำเปน็ เล่มองค์ความรสู้ ำหรับเผยแพร่ใหแ้ กเ่ ยาวชนและผทู้ ี่ให้ความสนใจศกึ ษาเรียนรู้

ขอบเขต
ศึกษาประวัติความเป็นมา และขั้นตอนการจัดพิธีเลี้ยงเจ้าปู่เจ้าย่า บ้านป่าแดง ตำบลป่าเลา อำเภอ

เมอื งเพชรบรู ณ์ จงั หวัดเพชรบูรณ์

เปา้ หมาย
จัดเก็บข้อมูลทางด้านวัฒนธรรม เรื่อง พิธีเลี้ยงเจ้าปู่เจ้าย่า บ้านป่าแดง ตำบลป่าเลา อำเภอเมือง

เพชรบูรณ์ จังหวดั เพชรบูรณ์

ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับ
๑. ได้ข้อมูลทางด้านวัฒนธรรม เรื่อง พิธีเลี้ยงเจ้าปู่เจ้าย่า บ้านป่าแดง ตำบลป่าเลา อำเภอเมือง

เพชรบรู ณ์ จังหวดั เพชรบรู ณ์
๒. ไดส้ บื สานและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมประเพณีพ้ืนบา้ นจังหวดั เพชรบูรณ์
๓. ได้องคค์ วามรสู้ ำหรับนำไปบูรณาการกับการเรยี นการสอน



พธิ ีเล้ยี งเจ้าปเู่ จ้าย่า
บา้ นปา่ แดง ตำบลป่าเลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จงั หวดั เพชรบรู ณ์

บ้านป่าแดง เป็นชุมชนเก่าแก่ท่ีอยู่อาศัยตั้งแต่ที่มีบ้านเพียงไม่กี่หลังคาเรือน จากคำบอกเล่าของ
ชาวบ้านพอทราบจำนวนครอบอครวั ท่ีข้ามาต้ังบ้านเรือนมีอยู่เพยี ง ๗ หลงั คาเรอื น ซง่ึ อพยพมาจากฝั่งประเทศ
ลาว และได้แยกย้ายกันสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยภายในหมู่บ้านป่าแดง ตามทิศต่างๆ ของหมู่บ้านดังนี้คือ
ทางดา้ นทิศเหนือ ทางด้านทิศใต้ และบริเวณตรงกลางของหมู่บา้ น ตอ่ มาได้มพี ระภกิ ษุสงฆเ์ ดินทางธุดงค์มายัง
บรเิ วณหมู่บ้าน มาด้วยกนั ๓ รูป

พระภิกษสุ งฆ์รปู ท่ี ๑ เดินทางไปอาศัยอยู่ทางด้านทิศเหนือของหม่บู ้าน ชาวบ้านเรียกบริเวณดังกล่าวว่า
นาหว้ ยป้อ

พระภิกษุสงฆ์รูปที่ ๒ เดินทางไปอาศัยอยู่ตรงกลางของหมู่บ้าน ปัจจุบันชาวบ้านเรียกบรเิ วณดังกลา่ วว่า
วัดโพธิ์กลาง

พระภิกษุสงฆ์รูปที่ ๓ เดินทางไปอาศัยอยู่ด้านทิศใต้ของหมู่บ้าน ชาวบ้านเรียกบริเวณดังกล่าวว่า
นาบา้ นเก่าทงุ่ บ้านพลำ

ต่อมา พระภิกษุสงฆ์รูปที่ ๒ ที่อาศัยอยู่ตรงกลางของหมู่บ้านมองเห็นว่าบริเวณที่ตนเองอาศัยอยู่น้ัน
มีต้นโพธิ์ใหญข่ น้ึ อย่กู ลางหมู่บา้ น และเหมาะสำหรบั ทีจ่ ะเป็นสถานท่ตี ั้งเปน็ วดั จงึ ไดเ้ ดนิ ทางไปนิมนต์พระภิกษุ
สงฆ์อีก ๒ รูป ที่อาศัยอยู่ด้านทิศเหนือและทิศใต้ของหมู่บ้าน มาร่วมกันสร้างวัดขึ้น โดยตั้งชื่อวัดว่า วัดโพธิ์
กลาง จวบจนถงึ ปจั จุบัน

สว่ นที่มาของช่อื หมูบ่ า้ นป่าแดงน้นั อดตี ชาวบ้านเรียกชอ่ื หม่บู ้านแห่งน้วี า่ หมบู่ ้านปะแดง เน่ืองมาจาก
ในอดีตภายในหม่บู ้านยงั ไมม่ ีผ้าไตรจีวรของพระภิกษุสงฆ์วางขาย ชาวบ้านจงึ ต้องทอผ้าไตรจวี รสำหรับถวายพระ

อกี ประการหน่ึงชาวบ้านมีการปลูกฝ้ายสำหรบั ทอผ้ากันอยู่แลว้ จงึ นำฝ้ายท่ีปลกู มาทอเป็นผืน แล้วนำ
ผ้าแตล่ ะผืนมาเย็บตดิ รวมกนั เรียกวา่ ปะ หลงั จากน้ันนำผา้ ผืนดังกล่าวไปย้อมด้วยขม้ิน เม่อื ย้อมผ้าเสร็จแล้วสี
ที่ติดกับผ้าค่อนข้างออกเป็นสีแดง ชาวบ้านจึงนำคำว่า ปะ มารวมกับคำว่า แดง เป็นคำว่า ปะแดง จากน้ัน
ชาวบา้ นจงึ นำคำว่า ปะแดงมาต้งั เปน็ ชื่อหม่บู ้านวา่ บ้านปะแดง แต่อยตู่ ่อมาชาวบ้านได้เรยี กเพ้ียนไปเป็นคำว่า
บา้ นป่าแดง มาจวบจนปจั จบุ นั



ประวตั ขิ องเจา้ ปเู่ จ้าย่า
เจา้ ปเู่ จ้ายา่ ได้อาศัยอยู่กินกนั เปน็ ครอบครัวจนมลี ูกหลานเหลนเป็นจำนวนมาก ซง่ึ คนโบราณสมัยก่อน
น้ันจะมีรูปร่างทใี่ หญโ่ ต เรียกกนั ว่า คนธรรพ์อกสามศอก
ที่อยู่อาศัยของเจ้าย่าในสมัยก่อนนั้น ปัจจุบันคือ เขาย่าหรือพระตำหนักเขาย่าที่ตั้งอยู่บนเขาค้อ
อำเภอเขาคอ้
ส่วนที่อยู่อาศัยของเจ้าปู่ในสมัยก่อนนั้น ปัจจุบันคือ เขาปู่ บริเวณเขาปู่ชาวบ้านเรียกกันว่า
เขาตะเคียนโง้ะ ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเขาที่มีลักษณะยื่นเข้าไปในห้วยดู
เหมือนกับหน้าผา ซ่ึงในอดีตบริเวณดงั กล่าวจะมนี กยูงอาศัยอย่เู ป็นจำนวนมาก
ปู่กับย่าได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ก็มีปากเสียงทะเลาะกันอย่างไม่ขาดสายเพราะว่าปู่นั้นเป็นคนเจ้าชู้
ความเจ้าชู้ของปู่เป็นเหตุทำให้มีเมียน้อยอยู่ที่เขาตะเบาะชื่อว่า ย่าโอ้ง และได้อยู่กินกับเมียน้อยที่เขาตะเบาะ
นานพอสมควร จนตอ่ มาปู่กเ็ ดินทางกลับมาหาย่า
ส่วนทางย่านัน้ ได้งม(เก็บ) หอยมาตัดก้น(ตูด) ใส่จานไว้สำหรับจะแกง แล้วหนั ไปก่อไฟไว้ โดยใช้ก้อน
หินสามก้อนมาวางกันเป็นรูปสามเหลี่ยมเพื่อใช้เป็นเตาไฟ เรียกว่า หินสามเส้า และยังนำปลาที่หามาได้ใส่ไม้
หีบไว้เตรียมจะปิง้ (ไมห้ ีบ คอื ไมไ้ ผ่ทผี่ ่ากลางสำหรบั ป้งิ ปลาปิ้งเนื้อ)
เม่ือปู่เดินทางมาถึงย่าเห็นหน้าปู่ก็ด่าปู่ดว้ ยความโมโหทป่ี หู่ ายไปนาน แถมยงั รขู้ า่ ววา่ ไปอยู่กับเมียน้อย
มาอกี จนเป็นเหตทุ ำใหป้ ู่กับย่าทะเลาะกัน เป็นเพราะยา่ เปน็ คนท่ีมนี ิสัยหึงหวงมาก ย่าโมโหมากจนทนไม่ไหว
ไม่รู้จะทำอะไรด้วยความโมโหก็หันไปคว้าจับจานหอยที่ตัดตูดไว้เททิ้งลงไปในห้วย ซึ่งในเวลาต่อมาห้วย
ดังกล่าวทย่ี า่ เทหอยท้ิงลงไปนัน้ ก็มกี ารพบหอยที่มีลกั ษณะตูดถูกตดั เกิดขนึ้ ชาวบา้ นเรียกหอยดังกลา่ ววา่ หอย
ตูดตัด มีให้พบเห็นในลำน้ำเขก็ ส่วนปลาที่ใส่ไม้หีบไว้ย่าก็โยนลงไปในห้วย จนปัจจุบันพบฝูงปลาวา่ ยไปมาใน
ลำนำ้ ลกั ษณะเหมอื นอยู่กับไม้หีบน่นั เอง
ส่วนปู่ด้วยความโมโหย่ามากมองไปเห็นก้อนหินสามเส้าที่ตั้งไว้เป็นเตาไป จึงเตะก้อนหินดังกล่าวไป
คา้ งอยู่บนง่ามของตน้ ยาง
ก้อนหินดงั กลา่ วทวี่ ่าน้นั ปัจจบุ ันเคยมีชาวบา้ นพยายามตามหาวา่ หินดังกล่าวอยู่ท่ีใดแตก่ ย็ ังไมม่ ีใครหา
เจอ ชาวบ้านบอกกันว่าเป็นก้อนหินที่ปูท่ ะเลาะกับย่าแล้วเตะไปค้างบนง่ามยาง อยู่ในป่าต้นน้ำของลำน้ำเข็ก
ในปัจจุบัน ซึ่งลำน้ำเข็กดังกล่าวเป็นลำน้ำที่คั่นระหว่างเขาปู่กับเขาย่าและเป็นลำนำ้ ท่ีไหลไปลงทาง อำเภอวัง
ทอง จังหวดั พษิ ณุโลก
ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ของหมู่บ้าน เจ้าปู่เจ้าย่าคือดวงวิญญาณบรรพบุรุษที่เคยอาศัยอยูใ่ น
พื้นทข่ี องหมู่บา้ นจนเสียชีวิต ดวงวญิ ญาณสงิ สถิตอยู่ ชาวบ้านปา่ แดงจึงสรา้ งศาลให้ดวงวิญญาณเจ้าปู้เจ้าย่าสิง
สถิต และไดก้ ำหนดให้มกี ารจัดพิธกี รรมเซ่นไหวด้ วงวิญญาณดังกล่าวเปน็ ประจำทกุ ปี



ต๊กุ ตารปู ป้นั เจา้ ปู่เจา้ ยา่
ทตี่ งั้ ศาล
ศาลเจา้ ปูเ่ จ้าย่า ต้ังอยบู่ ริเวณวังศาลทางขนึ้ อ่างเก็บน้ำห้วยปา่ แดง ซ่ึงในอดตี กอ่ นการก่อสร้างอ่างเก็บ

น้ำ ชาวบ้านได้ก่อสร้างฝายนำ้ ล้นก้ันลำห้วยป่าแดงเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง เหตุผลที่เลือกกั้นน้ำบริเวณน้ี
เพราะว่าเป็นบริเวณที่มีลักษณะของลำห้วยเป็นวังลึกน้ำใสไหลเย็นตลอดทั้งปีไม่เคยแห้ง ชาวบ้านจึงเรียก
บรเิ วณดงั กล่าวว่า ฝายวงั ศาล

นอกจากนบ้ี รเิ วณดังกลา่ วภายใต้วงั น้ำนนั้ มหี ินที่มลี กั ษณะเหมือนเรือ ชาวบา้ นบอกกันวา่ หินดังกล่าวมี
ความยาวประมาณสกั สองวา เคยมชี าวบา้ นลงไปทอดแหหาปลาชว่ งเดือน ๔ เดอื น ๕ โดยวิธกี ารนำแหไปคลุม
หินรูปเรือ แล้วนำยาฉุนทีช่ าวบ้านปลูกกนั เองใส่ลงไปในโพรงหินรปู เรือดงั กล่าว ฝูงปลาก็ว่ายออกจากโพรงมา
ตดิ แหท่ีคลุมไว้ สว่ นที่ริมตล่ิงจะมีลกั ษณะเป็นหน้าผามชี ะงอ่ นหินทยี่ ่ืนออกมา

ศาลเจ้าปู่เจ้าย่าหลังแรกเดิมสร้างจากไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยหญ้าคา พื้นปูด้วยไม้ไผ่สับฝาก มีขนาดไม่
ใหญ่ จวบจนเม่ือปี ๒๕๒๗ - ๒๕๒๘ เปน็ สมัยท่นี ายฟ้ืน เกตุแฟง ทำหน้าท่เี ปน็ ผใู้ หญ่บ้านป่าแดงจึงได้รวบรวม
เงินปัจจัยและแรงงานจากชาวบ้านช่วยกันก่อสร้างศาลหลังใหม่แทนหลังเดิมที่เริ่ม ชำรุดทรุดโทรมไปตาม
กาลเวลา ในระหว่างที่ขุดหลุมเสาศาลหลังใหม่ลึกลงไปประมาณ ๑ เมตร ได้พบเศษกระดุกของกระทิง
ชาวบ้านกล่าวว่าบรเิ วณดังกลา่ วเคยเป็นปรกั ของกระทงิ มาก่อน อาจเปน็ จุดที่กระทิงมาล้มตายลงก้เป็นไปได้



 ศาลเจ้าปเู่ จ้ายา่
ในปัจจบุ ัน

มูลเหตุแหง่ การประกอบพิธีเลย้ี งเจา้ ปู่เจ้ายา่
ภายในหมู่บ้านเกิดเหตุการณ์ได้มีผู้คนล้มตายโดยไม่ทราบสาเหตุชาวบ้านจึงได้ประกอบพิธีบวงสรวง

สอบถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนทราบว่า ผีเจ้าบ้านเจ้าเมืองที่ล้มตายและสิงสถิตอยู่ในหมู่บ้านต้องการเครื่องเซ่นไหว้
และบุญกุศล ชาวบ้านจึงตกลงกันให้มีการประกอบพิธีกรรมเลี้ยงปีหมู่บ้าน โดยกำหนดตรงกับวันขึ้น ๖ ค่ำ
เดอื น ๖ เป็นประจำทกุ ปีจวบจนถงึ ปัจจบุ นั

จดุ ธูป เทยี น 
ประกอบพธิ กี รรมเล้ียงเจา้ ปเู่ จ้าย่า


การสบื ทอดพิธกี ารเลย้ี งเจ้าปู่เจ้าย่า

พิธีกรรมเลี้ยงปีเจา้ ปู่เจ้าย่า เป็นพิธีกรรมที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ นอกจากกลุ่มชาวบ้านที่มี
ส่วนในการสืบทอดพิธีกรรมดังกล่าวแล้ว ยังมีหน่วยงานทางภายรัฐเข้ามารว่ มในพิธีกรรมไม่วา่ จะเป็นองค์การ
บริหารส่วนตำบลป่าเลา โครงการชลประธานอ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง กลุ่มผู้นำชุมชน ที่ให้ความสำคัญมากกับ
พธิ ีกรรมดังกลา่ วเปน็ อย่างมาก

รา่ งทรงและการสบื ทอด
อดีตร่างทรงจะมีเพียงคนเดียว ชอบอาศัยอยู่ในป่าเขาเหนืออ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดงซึ่งชาวบ้านเชื่อว่า

เป็นสถานที่ลึกลับไม่มีใครรู้ว่าอยู่ตรงไหน เมื่อถึงวันประกอบพิธีกรรมร่างทรงจะออกเดินทางจากป่าดังกล่าว
มายงั ศาลเจ้าปู่เจ้าย่า

 เชิญผเี ขา้ รา่ ง

จากการสอบถามนางมล สินสอน อายุ ๗๘ ปี กล่าวว่า ตนเองเริ่มทำหน้าที่เป็นร่างทรงตั้งแต่เมื่อ
ประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๐ ซึ่งรับการเป็นร่างทรงมาจากป้านั่นเอง ช่วงปีแรกๆ ตนเองก็ไปร่วมงานพิธีกรรมเลี้ยง
เจ้าปู่เจ้ายา่ กับชาวบ้านนนั่ และ ซง่ึ ในปีน้นั ไมม่ ีคนที่จะตีฆ้องให้กบั วงปี่พาทย์ ตนเองจงึ เข้าไปช่วยตีฆ้องให้ เม่ือ
เริ่มพิธีกรรมเข้าทรงผีที่เข้าร่างทรงหันมาทางตนเองพร้อมกับชี้หน้าบอกว่า “กูจะเลือกมึงเป็นร่างของกู
เพราะว่ามงึ มีผมหอม” เหตุผลที่จะตอ้ งมีการเลือกรา่ งทรงคนใหม่น้นั เป็นเพราะว่าร่างทรงคนเก่าอายุมากแล้ว
(ชาวบ้านกล่าวว่า ถ้าใครได้เป็นรา่ งทรงแสดงว่าคนนั้นมผี มหอม เพราะว่าผีจะเปน็ ผู้เลอื กเอง และคนที่จะเปน็
ร่างทรงได้นั้นก็จะต้องเป็นคนที่มีจิตอ่อนผีเข้าร่างง่าย ส่วนใครท่ีไม่ได้เป็นร่างทรงต่อแสดงว่าผมคนนั้นหมด
ความหอมแล้ว ผีถึงเลือกเอาร่างทรงคนใหม่) ตั้งแต่นั้นมาตนเองก็ได้ทำหน้าที่เป็นรา่ งทรงในการประกอบพิธี
ตอ่ จากปา้ โดยชาวบา้ นได้นำผ้าแพรแดงมาพนั ทศี่ ีรษะของตนเอง หลังจากนัน้ ตนเองกไ็ ม่ร้สู ึกตวั อะไรเลย


หลังจากนั้นร่างทรงคนเก่าก็ประกอบพิธีมอบหน้าที่ให้ในวันนั้น ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาตนเองก็ทำ
หน้าที่เป็นร่างทรงเรื่อยมา ช่วงท่ีตนเองท้องลูกคนแรกตอนที่คลอดใหม่ ๆ ไม่มีคนเลี้ยงลูกให้เพราะเขาก็ไป
ร่วมงานกันหมด ก็เลยบอกว่าคงไม่ไดไ้ ปรว่ มพิธี แต่พอถึงวันประกอบพิธีเลีย้ งจริง ๆ ลูกของตนเองก็นอนหลบั
ท้งั วันไมร่ อ้ งไหง้ อแง ผกี ็เขา้ สงิ ร่างตนเองเดนิ ไปยังศาลท่ีประกอบพธิ เี ล้ียงกนั เลย
การปฏิบัติตัวของการทำหน้าที่เป็นรา่ งทรงนั้นไม่มีอะไรมาก เพยี งแค่เมือ่ ถึงวนั พระจะทำบุญสวดมนต์
ไหว้พระ พร้อมทั้งระลึกถึงผีนายโรง(ผีปู่หลวง) และถ้าชาวบ้านเจ็บป่วยไม่สบายมาหาให้ทำนายก็จะต้องทำ
หน้าท่ีเชิญผีปู่หลวงลงมาสอบถามเรื่องอาการเจบ็ ป่วย ถ้าทำนายแล้วจะต้องอาบน้ำมนต์ตนเองก็จะแนะนำให้
คนปว่ ยไปอาบน้ำมนตก์ ับพระภิกษุสงฆ์หรอื ชาวบา้ นคนอนื่ ที่สามารถทำนำ้ มนต์ให้อาบได้
ถ้าในหมู่บ้านจะมีการจัดงานอะไรหรือประกอบพิธีอะไรขึ้นก็ตามที่เกี่ยวข้องกับผี ชาวบ้านก็จะมาหา
ใหช้ ว่ ยเหลอื ทุกครัง้ หรือแม้กระทั้งการบนบานศาลกลา่ วก็จะมาหาพาไปทีศ่ าล

พิธีเล้ยี งเจา้ ปเู่ จา้ ย่ามคี วามสำคญั ยงั ไงกบั ชมุ ชน
พธิ ีกรรมเลย้ี งดูเจ้าปเู่ จ้าย่า เปรยี บเสมอื นเป็นจดุ ศนู ย์รวมจิตใจในการเชื่อมต่อระหวา่ งชาวบ้านภายใน

หมูบ่ า้ นให้เปน็ น้ำหนึ่งใจเดยี วกัน และยังเป็นพนื้ ที่สำหรับให้ไดม้ ารวมตวั พบปะพดู คยุ เรื่องสาระทกุ สขุ ดิบกันสัก
หน่งึ ครง้ั ในรอบปี ทั้งยังเป็นสิ่งศักดส์ิ ิทธ์ิทชี่ ว่ ยยดึ เหนย่ี วจติ ใจให้ชาวบ้านเกิดความมั่นใจถึงการดำเนินชีวิตอย่าง
ปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาทำร้ายตนเองและครอบครัว เพราะเชื่อว่าเจ้าปู่เจ้าย่าจะคอยช่วย
ป้องกันภัยอันตราย รวมทั้งทำให้ชาวบ้านเกิดความรักความสามัคคี อยู่ด้วยกันแบบพี่น้อง ลูกเด็กเล็กแดงให้
เคารพนับถือผู้เฒ่าผู้แก่ มีอะไรคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วมมือร่วมใจช่วยกันดูแลพัฒนาหมู่บ้านให้
เจรญิ กา้ วหนา้ ต่อไป

ผู้เฒา่ ผแู้ ก่
ร่วมพิธเี ล้ยี งเจา้ ปู่เจา้ ย่า


ความเชอื่ และความศรัทธาทม่ี ตี อ่ เจา้ ป่เู จ้ายา่ และทำไมต้องมกี ารเล้ียงผเี จ้าปู่เจ้า

พิธกี รรมเลี้ยงเจ้าปู่เจา้ ยา่ เป็นพิธีท่ีทำข้ึนแลว้ ทำใหบ้ า้ นเมืองอยเู่ ยน็ เปน็ สุข นางมล สินสอน กล่าวว่า
“วนั ดีคนื ดีเวลาเกิดมลี มฟา้ ลมฝนมาอย่างแรง ชาวบ้านกย็ กมือบอกกลา่ วเจา้ ปู่กบั เจ้าย่าให้ช่วยปัดเป่าลมฟ้าลม
ฝนออกไปให้พ้นบ้านพ้นเรือน มีอยู่ปีหนึ่งบ้านหลังอื่นลมพัดหลังคาเปิดไป แต่บ้านยายไม่เป็นอะไรก็เพราะว่า
ยายบอกกล่าวเจา้ ปู่เจ้าย่าให้ช่วยเหลือแหมะ สมัยก่อนนั้นตอนท่ียังบ่มีเขื่อนช่วงที่ฝนตกในเขาอย่างแรง ในลำ
คลองก็จะมีน้ำป่าไหลมาอย่างแรง ยายเคยได้ยินบางทีก็มีเป็นเสยี งปี่พาท ฆ้อง กลอง อยู่ในลำคลองที่มีนำ้ ปา่
ไหลมาอยู่นั่นแนะ พ่อแม่ยายเขาบอกกันว่านั้นและเจ้าปู่เจ้ายา่ เขาล่องแพลอยตามลำคลองพาลูกพาหลานเขา
ไปเทยี่ วงานบุญสารทเดอื น ๑๐ กนั พอ่ แม่ยายเขาจะหา้ มไมใ่ ห้ไปดูทล่ี ำคลองน้ันเด็ดขาด”

นายฟื้น เกตุแฟง กล่าวว่า “เมื่อมีการเร่ิมที่จะมาสร้างเขื่อนป่าแดงเมื่อ ปี ๒๕๐๙ เริ่มสำรวจ และปี
๒๕๑๒ เร่มิ กักเกบ็ นำ้ แลว้ ระหวา่ งท่มี ีการกักเก็บนำ้ ในปีแรกนน้ั เกดิ มีคนตกน้ำตายในเขื่อน ปที ่ี ๒ กม็ คี นตกน้ำ
ตายอกี ๓ - ๔ปี มีคนตายประมาณ ๖ – ๗ คน ตอนนลี้ งุ กไ็ ด้มาเปน็ ผู้ใหญ่บา้ นยงั ไม่ได้มาเป็นกำนนั หรอก ลุง
ของตาเปน็ กำนนั พอถงึ เวลาเล้ียงดเู จา้ ปเู่ จ้าย่าลุงกถ็ ามเจ้าปู่ว่าเข่ือนป่าแดงของเราเนย่ี ทางหลวงเขามาทำให้
เจริญแล้วทำไมให้มีคนตายเกิดขึ้น พอมีคนตายมันเสียชื่อบ้านเราอายเขา ขอร้องได้ไหมปู่อย่าให้มีคนตายเลย
หลังจากที่ขอร้องกันวันนั้น ก็ไม่ใครตายเกิดขึ้นอีกเลยหายไปตั้งแต่นั้นเพราะว่าเขาขอร้องกันไว้ ก็คือไม่ให้มี
อันเปน็ ไป หรืออันตกน้ำตาย จนปจั จุบันนไี้ ม่มแี ลว้ ”

 บรรยากาศภายในพิธเี ลย้ี งเจ้าปเู่ จา้ ยา่


เครื่องเซน่ ไหว้ อาหารและของเซ่นไหว้ต่าง ๆ ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม
การจัดเตรียมเครอ่ื งเซน่ ไหว้

การจัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ กลุ่มผู้นำชุมชนจะออกเรี่ยไรเงินปัจจัยตามบ้านเรือนภายในหมู่บ้าน
หลงั จากท่ีเร่ียไรเงินปจั จัยจากชาวบา้ นเป็นที่เรียบร้อยแลว้ จะนำเงินท่ีได้ไปซื้อของเคร่ืองเซน่ ต่าง ๆ มาเตรยี มไว้
สำหรบั ใช้ในการประกอบพิธีกรรม
เคร่ืองเซน่ ไหวป้ ระกอบดว้ ย

 เคร่ืองเซน่ ไหว้
๑.หัวหมูต้ม (อดีตหมูที่นำมาประกอบพิธีชาวบ้านจะเดินทางไปยิงหมูในป่าเหนือหมู่บ้านหรือเหนือ
เขอื่ นป่าแดงมาเป็นของเซ่นไหว้ เพราะเชือ่ กันวา่ ผีชอบกินหมูปา่ ไม่ชอบกินหมูบา้ น แตป่ ัจจุบันได้ปรับเปล่ียน
มาสั่งหมจู ากเขียงหมูในตลาดสด)
๒.ไกต่ ม้ จำเปน็ อย่างมากจะต้องเป็นการฆ่าโดยวธิ ีการทุบให้ตาย และจะตอ้ งล้วงท่ีตูดไก่เข้าไปเพื่อจะ
นำเอาเครอ่ื งในของไกน่ นั้ ออกมาลา้ งทำความสะอาด แล้วจงึ จะยัดเคร่ืองในเข้าไปไว้เหมอื นเดิม โดยชาวบ้านให้
เหตุผลว่าเหตุที่จะต้องนำเอาเครื่องในไก่ใส่เข้าไปในตัวไก่ดังเดิมนั้นเป็นเพราะว่า ไก่จะได้ดูเหมือนว่าเป็นไก่
ท้ังตัวโดยทอ่ี วยั วะของไก่น้ันยังครบทุกส่วนเหมอื นดังเดิม
๓.ข้าวเกรยี บ/ขนมแห้งท่มี ขี ้าวตามร้านค้า
๔.ขา้ วเหนยี วนง่ึ

๑๐

๕.ข้าวสาร
๖.เหลา้ /เบียร์ (อดตี จะใชเ้ หล้าท่ชี าวบ้านต้นขึ้นเอง เพราะคนสมยั ก่อนชอบกนิ เหล้าท่ีต้มและกลั่นเอา
เอง แตป่ ัจจบุ ัน มีกฎหมายห้ามตม้ เหลา้ จึงซ้อื เหล้า ๔๐ มาแทน และยังมกี ารนำเบยี ร์เพม่ิ เขา้ มาในพิธีด้วย)
๗.นำ้ อัดลม
๘.ยาสูบ/ บุหร่ี (บุหรี่จะเปน็ ยาเส้นที่ชาวบ้านปลูกกันเองโดยนำยาเสน้ ที่ตากไว้จนแห้งแล้วมามวนกับ
ใบตองแห้ง และถ้ามีผีตัวไหนชอบสูบกัญชาชาวบ้านก็จะเตรียมกัญชาไปให้ด้วย แต่ปัจจุบันไม่มีแล้วเพราะ
ตำรวจจับ)
๙.ดอกไม้ ธูป เทียน

นอกจากเครือ่ งเซน่ ไหว้ในพธิ กี รรมแล้วยังมีขนั คายอกี ๓ คายด้วยกันทีเ่ ป็นคา่ ครู คือ
๑. ขนั คายครูรา่ งทรงหรือนางทรง ประกอบดว้ ย ๑. ขนั สำหรบั ไวใ้ สข่ ้าวสาร ขนั นีจ้ ะต้องเปน็ ขันท่เี กบ็

ไวส้ ำหรับทำพิธีนี้อย่างเดียวเทา่ น้ัน จะนำเอาขันนี้ไปทำพิธีอยา่ งอื่นไม่ได้ ๒. ข้าวสาร ๓. ดอกไม้ ๔. ดา้ ย
สายสญิ จน์ จะเปน็ ดา้ ยที่ทำจากฝ้าย ๕. พรกิ เม็ดสด ๖. เกลือเมด็ ๗. กรวยหมากลักษณะก้นแหลมที่ทำจาก
ใบกลว้ ยสด ๘. เทียนนำ้ มนต์ ๙. เงนิ ๑๒ บาท (หรือจะมากกวา่ ๑๒ บาทนี้ก็ได้)
 ขนั คายครรู ่างทรงหรือนางทรง

ขันคายหมอป่ี 
๒. ขันคายหมอปี่ ประกอบด้วย ๑. ขันสำหรับไว้ใส่ข้าวสาร ๒. ข้าวสาร ๓. เหล้า,เบียร์ ๔. กรวย
หมากลักษณะก้นแหลม ๕. เทียนน้ำมนต์ ๖. ด้ายสายสิญจน์ จะเป็นด้ายที่ทำจากฝ้าย ๕. เงิน ๑๒ บาท
(มากกว่าน้กี ็ได)้
๓. ขนั คายปพี่ าท ประกอบดว้ ย ๑. จาน ๒. บุหรี่ ๓. เหลา้ และยาเส้น ๔. ข้าวสวย ๕. พริกเม็ดสด
๖. เกลือเม็ด ๗. ปลาย่างแห้ง ๘. กรวยหมากเหมือนกรวยหมากพระ ๙. ธูป ๑ ดอก ๑๐. เทียนน้ำมนต์
๑๑. เงนิ ๑๒ บาท (มากกว่าน้ีก็ได)้ ๑๒. ขนั ทำน้ำมนต์

๑๑

ขันคายป่ีพาท


การจัดเตรียมสถานท่ี
การจัดเตรียมสถานที่ผู้ที่ได้รับผิดชอบหลักๆ จะเป็นกลุ่มผู้นำชุมชน ที่จะต้องจัดเตรียม เต็นท์ โต๊ะ

เก้าอี้ ร่วมทั้งทำความสะอาดบริเวณศาล โดยจะเริม่ เตรียมสถานที่กนั ต้ังแต่กอ่ นวันงานหน่ึงวัน โดยผู้นำชุมชน
จะประกาศเสียงตามสายเพื่อให้ชาวบ้านมาช่วยกันขนเต็นท์โต๊ะเก้าอี้ไปยังบริเวณวังสานให้เรียบร้อยก่อนวัน
งาน ส่วนกลุ่มชาวบ้านทเี่ ป็นผ้หู ญงิ กจ็ ะทำกับข้าวกบั ปลาเพื่อเลยี้ งดชู าวบา้ นท่มี าชว่ ยเตรียมงาน

เครอื่ งแตง่ กายของรา่ งทรง
นางพัน หมวกเทศน์ กล่าวว่า ในสมัยก่อนจริง ๆ นั้นก็จะมีเพียงผา้ มว่ งผ้าไหมซึ่งชุดเหล่าน้ีจะเป็นชุด

ท่ีชาวบ้านคนเฒ่าคนแกเ่ ป็นคนจดั เตรียมมาไว้ให้ผีทม่ี าเข้ารา่ งไดห้ ยบิ มาแต่งตัวตามใจชอบน่นั เอง แต่ปจั จุบันน้ี
ก็จะมีผ้าประเภทอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มเติมตามแต่ยุคสมัยนั้นเองไม่ว่าจะเป็นผ้าแพร ผ้าสไบ ผ้าขาวม้า ผ้าโจง
กระเบน ซึ่งจะมีด้วยกันหลากหลายสีสนั เพอ่ื ไวใ้ ห้สำหรับผีได้หยบิ มาใส่กนั ตามใจชอบ เพื่อให้ผีเหล่านั้นที่มา
เข้าร่างทรงถูกอกถูกใจ

๑๒

ผา้ แพร ผ้าสไบ ผ้าขาวมา้ ผา้ โจงกระเบน สำหรับผไี ดห้ ยบิ มาใส่กนั ตามใจชอบ
การเตรียมงานอปุ กรณต์ ่างๆ

นอกจากการจัดเตรยี มเคร่ืองเซ่นไหวแ้ ล้ว กจ็ ะตอ้ งมีการจัดเตรยี มเร่ืองถว้ ยจาน ช้อน แกว้ ท่สี ำหรบั ไว้
ใส่เครื่องเซ่น แต่สมัยก่อนจริง ๆ นั้น นายฟื้น เกตุแฟง กล่าวว่า ปู่ย่าตายายของตาเล่าให้ฟังว่า เมื่อถึงวัน
เลี้ยงเจ้าบ้าน ก็จะมีเรือลอยขึ้นมาจากในวังนำ้ ในเรือนั้นก็จะมีถ้วยชามอยู่ภายในเรือ ชาวบ้านก็จะเอาถ้วย
ชามเหล่าน้ัน มาใส่อาหารคาวหวานทจี่ ะเลี้ยงดเู จ้าปู่เจ้ายา่ แตพ่ อเลี้ยงดูเจา้ ป่เู จา้ ยา่ เสรจ็ แลว้ จะต้องคืนถ้วย
ชามลงไปในเรอื แตก่ ็มีบางคนท่เี กิดความโลภอยากได้ของเขาเพราะว่าถว้ ยชามเหล่านน้ั มันมีความสวยงาม ก็
เลยถือโอกาสสับเปล่ียนถว้ ยชามของเขา และเอากลับไปยังบ้านของตนเองไม่ยอมส่งคืน เจ้าของเรอื เขาโกรธ
มากท่ีส่งถ้วยชามคนื ให้ไม่ครบก็เลยคว่ำเรือ ต้งั แต่บดั นัน้ จนถงึ บดั น้ี ต้ังแตน่ ้นั เป็นต้นมาก็ไมม่ ีเรือดังกล่าวลอย
ข้ึนมาอกี เลย ชาวบ้านจงึ ต้องนำเอาถว้ ยชามไปจากบ้านกันเอง

ผที ี่มาร่วมงานพธิ กี ารเลย้ี งเจา้ ป่เู จา้ ยา่
ผีแต่ละตัวที่มาร่วมงาน มีทั้งผีที่เปน็ เครือญาติกับผเี จา้ ปูเ่ จา้ ยา่ และก็ผีที่มาเป็นแขกในงานพิธี โดยที่
ทางทีมงานได้ลงพื้นที่เพื่อไปร่วมในงานพิธี และได้นั่งจดรายชื่อผีในขณะที่ผีเข้าประทับร่างทรงในปีนี้ได้
ตามลำดับดังต่อไปนี้

๑๓

๑. ผีปู่หลวง ๒. ผปี แู่ ขง็ ๓. ผีปูพ่ ระธรรมยา ๔. ผปี ูเ่ ขยี ว ๕. ผปี ขู่ าว ๖. ผีปูส่ ดุ ๗. ผีนางทะแลแท
๘. เจ้าพ่อหลกั เมอื ง ๙. ผยี า่ ใหญ่(เมยี หลวงผีปหู่ ลวง) ๑๐. ผีย่าโอง้ (เมียน้อยผปี หู่ ลวง) ๑๑. ผสี รอ้ ยดอกหมาก
๑๒. ผีปู่แพง ๑๓. ผีจำปา ๑๔. ผีเจ้าว่อง ๑๕. ผีเจ้าไว ๑๖. ผีหนุ่มน้อยรอดดง ๑๗. ผีปู่เพ ๑๘. ผีปู่พัง
๑๙. ผีป่หู ินกลิ้ง ๒๐. ผีปู่หนิ กอ้ น ๒๑. ผปี ่หู นิ โง้น ๒๒. ผเี ฒ่าโค้ง ๒๓. เจ้าพ่อศรีเทพ ๒๔. ผีสายยนต์ ๒๕.
ผีสายยนั ต์ ๒๖. ผปี หู่ ว่าน ๒๗. ผีย่าแวน่ (เมยี ผปี ูห่ ว่าน) ๒๘. ผีป่เู ผอื ก(พผี่ ปี ู่ภยั ผปี ู่เพียว) ๒๙. ผีปู่ภัย(น้องผี
ปเู่ ผอื ก พ่ีผีปู่เพยี ว) ๓๐. ผปี ู่เพยี ว(นอ้ งผีปเู่ ผือก นอ้ งผีปภู่ ยั ) ๓๑. ผที หารปนื ใหญ่ ๓๒. ผีทหารปืนแก้ว ๓๓.
ผปี ทู องแดง ๓๔. ผปี ู่เย็น ๓๕. ผีปูท่ องคำ ๓๖. ผปี ูด่ ้วง ๓๗. ผยี า่ แปน้ (เมยี ผีปดู่ ้วง) ๓๘. ผปี ่แู กน่ ๓๙. ผีย่า
กลอย

เจา้ ปู่เจ้ายา่ เครอื ญาติ และผที ่ีมาร่วมในงานพิธีเล้ยี งเจา้ ป่เู จา้ ยา่
ผีทั้งหมดที่มาในงานก็จะมีทั้งผีที่เป็นเครือญาติกับผีเจ้าปู่เจ้าย่า และก็ผีที่เป็นแขกบ้านแขกเมืองที่มา
ร่วมงาน โดยที่ผีปู่หลวงจะเป็นผีทีใ่ หญ่ท่ีสุดในบรรดาผที ีม่ าร่วมงาน และผีปู่หลวงยงั เป็นผีที่มีความเจ้าชู้ (หรือ
คนสมัยก่อนเรียกว่า คนตอแหล) อาศัยอยู่ที่เขาปู่ (หรือชาวบ้านเรียกกันว่า เขาตะเคียนโง้ะ) ปัจจุบันก็คือ
อำเภอเขาค้อ
ผีปู่หลวงมีพ่นี อ้ งด้วยกันทั้งหมด ๒ คน ก็คอื ผีปแู่ ข็ง อาศัยอยทู่ ศ่ี าลฝายกนั้ นำ้ กลางหมู่บ้านป่าแดง
ซ่งึ ใน
อดตี ทศ่ี าลน้ีกม็ ีการเล้ยี งดว้ ย เพราะว่าในอดีตกอ่ นทีจ่ ะมีอ่างเกบ็ น้ำห้วยปา่ แดงนั้น ชาวบา้ นใช้ฝายนใ้ี นการ
กกั เก็บนำ้ ไว้ใช้และสง่ น้ำเขา้ ไปยงั ที่นาของชาวบา้ น จึงต้องมกี ารเลีย้ งผเี พือ่ ใหฝ้ ายมคี วามคงทนแขง็ แรง
ผีปหู่ ลวงมเี มยี ด้วยกนั ๒ คน คือ ผยี า่ ใหญ่ กับ ผียา่ โอง้
ผยี ่าใหญ่ เป็นเมียหลวง และยังเปน็ ผที ี่เรยี บรอ้ ย แต่กเ็ ป็นคนข้ีหงึ ข้หี วงมาก อาศยั อยูท่ ี่เขาย่า ซึง่
ปัจจุบนั คอื พระตำหนักเขาย่า อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบรู ณ์
ผีย่าโอ้ง เปน็ เมียนอ้ ย เป็นคนขอี้ ายเพราะวา่ เป็นคนท่ีมคี อลกั ษณะโอ้ง (คอใหญด่ ูแล้วไม่สวยงาม)
อาศยั อยทู่ ีเ่ ขาตะเบาะ ตำบลตะเบาะ อำเภอเมือง จงั หวดั เพชรบูรณ์
ปหู่ ลวงอยู่กนิ กับยา่ ใหญจ่ นมีลกู หลานและบริวารเป็นจำนวนมาก จากที่ไดส้ อบถามชาวบ้านรายชอ่ื ผี
ในวันจัดงานพธิ จี ึงทำใหร้ ู้รายชอ่ื ผที เ่ี ป็นลูกหลานบรวิ ารดังต่อไปนี้
ผีนางทะแลแท เปน็ ลูกสาวคนโต ซึง่ เป็นผีสาวท่ยี ังไม่มีสามี เป็นคนเจ้าชู้และจะชอบมองหาหนมุ่ ๆ
ผู้ชายทย่ี ังไม่ได้แต่งงานในหมู่บา้ นเพื่อจะเอาไปทำผัว และอยดู่ ้วย อาศยั อยู่ในปา่ ในเขาเหนอื อ่างเกบ็ นำ้ ห้วย
ปา่ แดง
ผียา่ สรอ้ ยดอกหมาก เปน็ ผีท่ีมีความสวยงามมาก และยังเปน็ ผที ่รี ำสวยและชอบร่ายรำเปน็ อยา่ งมาก
เพราะเป็นผีทช่ี อบความสนกุ สนาน อาศัยอยู่ในปา่ ในเขายอดคลองห้วยปา่ แดง ตนี เขาย่า
ผีย่าสรอ้ ยระย้า เป็นผีท่ีมีความสวยงามและเรียบร้อย เปน็ ผที ่ชี อบแต่งตวั สวยงาม และยังเปน็ ผที ี่
ชอบใน

๑๔

การร่ายรำอีกด้วย อาศัยอยู่ในป่าในเขายอดคลองห้วยป่าแดง ตีนเขาย่า
ผหี นุ่มนอ้ ยรอดดง เป็นผีหนุ่มที่ยังไม่มีเมยี เป็นผีที่เจา้ ชู้มากและจะชอบมองหาสาว ๆ ในหมบู่ า้ นทย่ี งั

ไมแ่ ต่งงานเพื่อจะนำเอาไปทำเมยี และอยู่ดว้ ยกัน อาศัยอยู่ในปา่ ในเขายอดคลองห้วยป่าแดง ตีนเขายา่
ผีปดู่ ว้ ง ผียา่ แป้น เป็นสามภี รรยากนั อาศัยอยทู่ ่ีศาลโคกด่าน บา้ นโคกดา่ น ตำบลป่าเลา
ผปี ู่แกน่ เปน็ ผที ีไ่ ม่มภี รรยา อาศัยอยู่ท่ีศาลทางเข้าหมู่บ้านป่าแดง ตรงน้ันจะมตี น้ แดงเก่าแกอ่ ยู่ ๑ ตน้
ผีปพู่ ระธรรมยา อาศัยอยูท่ ่ีศาลเขารัง อำเภอชนแดน จงั หวดั เพชรบูรณ์
ผปี ู่เขียว ผีปูข่ าว เปน็ พนี่ ้องกนั อาศัยอยใู่ นป่าในเขาเหนืออ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง
ผีปสู่ ุด อาศัยอยู่ในปา่ ในเขาเหนือคลองหว้ ยป่าแดง ตนี เขาย่า
ผีปู่แพง อาศัยอยทู่ ่ีบา้ นป่าเลา ตำบลปา่ เลา อำเภอเมือง จงั หวัดเพชรบรู ณ์
ผีจำปี ผีจำปา เป็นพีน่ ้องกัน อาศยั อยู่ในป่าในเขายอดคลองห้วยป่าแดง ตีนเขายา่
ผเี จา้ ว่อง ผเี จ้าไว เปน็ พ่นี ้องกัน อาศัยอยใู่ นป่าในเขายอดคลองหว้ ยป่าแดง ตีนเขาย่า
ผีปเู่ พ ผีปูพ่ ัง เปน็ พี่น้องกนั อาศยั อยใู่ นป่าในเขาเหนืออ่างเก็บนำ้ ห้วยป่าแดง
ผีปู่หนิ กล้งิ ผีปหู่ นิ ก้อน ผปี หู่ นิ โง้น เป็นพน่ี ้องกัน อาศยั อยู่ในป่าในเขาเหนืออ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง
ผเี ฒา่ โคง้ /ผเี ฒา่ โพง้ อาศยั อยู่ทีศ่ าลเขารัง อำเภอชนแดน
ผีสายยนต์ ผีสายยันต์ เป็นพ่นี ้องกนั อาศยั อยู่ในปา่ ในเขายอดคลองห้วยปา่ แดง ตนี เขาย่า
ผีปู่วา่ น/ผีปู่วาด ผียา่ แวน่ /ผียา่ แหวน เปน็ สามภี รรยากัน อาศยั อยู่ปากหว้ ยบง (คลององค์มาด)

เหนอื อ่างเก็บน้ำหว้ ยป่าแดง
ผปี เู่ ผือก ผีปูภ่ ัย ผีป่เู พียว เป็นพี่นอ้ งกัน อาศัยอยู่โคกป่าแดง (เหนืออ่างเกบ็ น้ำห้วยป่าแดง)
ผีทหารปืนใหญ่ เปน็ ทหารทผ่ี ีปูผ่ ยี า่ แต่งต้ังข้นึ มาให้ เปน็ ผีทช่ี อบการยิงปืน ฟันดาบ แต่กม็ ีชาวบ้าน

บางคนบอกวา่ เป็นผที หารสมัยสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ ท่ีมาล้มตายทบี่ า้ นปา่ แดง เม่ือครัง้ ท่ีจะยา้ ยเมืองหลวง
มายงั จงั หวดั เพชรบูรณ์ อาศัยอยู่ในปา่ ในเขาเหนืออา่ งเก็บน้ำหว้ ยปา่ แดง

ผที หารปนื แก้ว หรอื ชาวบา้ นบางคนกเ็ รียกว่า ผีทหารปนื เล็ก เปน็ ทหารท่ีผีปู่ผีย่าแต่งตั้งขึ้นมาให้
เปน็ ผีทีช่ อบการคลอ้ งช้างคล้องม้า แต่ก็มีชาวบา้ นบางคนบอกวา่ เป็นผที หารสมัยสงครามโลกคร้งั ท่ี ๒ ที่มา
ลม้ ตายท่บี ้านป่าแดง เมื่อครง้ั ทจี่ ะย้ายเมืองหลวงมายังจังหวัดเพชรบรู ณ์ อาศยั อยใู่ นป่าในเขาเหนอื อ่างเก็บนำ้
หว้ ยป่าแดง

ผปี ูท่ องแดง ผีปู่ทองดำ ผีป่ทู องคำ เป็นพน่ี ้องกนั อาศัยอยูท่ ว่ี ังน้ำเหนืออา่ งเก็บนำ้ หว้ ยปา่ แดง
ผปี ูเ่ ยน็ อาศัยอยทู่ ่คี ลองห้วยน้ำเยน็ บรเิ วณขา้ งอ่างเก็บน้ำหว้ ยป่าแดง
ผยี า่ กลอย อาศยั อยู่ท่วี งั สาน มหี น้าท่ดี ูแลรกั ษาศาล
ผีปูบ่ ก อาศัยอยทู่ ี่เขาโนนกระบก ในป่าในเขายอดคลองห้วยปา่ แดง ตีนเขาย่า
ผปี ู่เมา้ อาศัยอยปู่ ากคลององค์มาด เหนืออ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง
นอกจากนี้ก็ยังมีผที ่ีเป็นแขกบ้านแขกเมืองทเ่ี ปน็ เพ่อื นของผีปู่หลวงทีป่ ูห่ ลวงจะไปเชญิ มารว่ มงานใน
ครั้งน้ี คือ เจ้าพ่อหลักเมือง เปน็ เณรสองรปู คือ เณรม่นั เณรคง อาศัยอยู่เสาหลกั เมอื ง

๑๕

เพชรบรู ณ์ ศาลเจา้ พ่อหลักเมอื ง ตำบลในเมอื ง อำเภอเมอื ง จังหวดั เพชรบูรณ์
เจา้ พ่อศรีเทพ เป็นเจ้าพ่อทเี่ มอื งเกา่ ศรีเทพ อาศัยอยศู่ าลท่อี ุทยานประวัตศิ าสตร์ศรเี ทพ จะมีพิธี

บวงสรวงเปน็ ประจำทกุ ปี อำเภอศรเี ทพ จงั หวดั เพชรบรู ณ์
เจา้ พ่อผาแดง อาศัยอยู่ศาลเจ้าพ่อผาแดง ทางขน้ึ น้ำหนาว อำเภอหลม่ สกั จังหวัดเพชรบรู ณ์

ลำดับผีทีเ่ ข้ารา่ งทรง และกริ ิยาอาการท่แี สดงออกมา
๑. ผีปูห่ ลวง เคร่ืองแต่งกาย ผ้าขาวม้ามามัดเอว

เมื่อผีปู่หลวงเริ่มเข้าร่างทรงก็จะมีอาการสั้นเพียงเล็กน้อย หลังจากที่ผีปู่หลวงเข้าร่างทรงแล้ว
ชาวบ้านที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็จะส่งเครื่องเซ่นไหว้ให้ ผีปู่หลวงก็จะหันมารับเครื่องเซ่นไหว้ที่ชาวบ้านจัดเตรียมใส่
จานเอาไว้และส่งให้ รับไปสูดดมแล้วก็วางลง หยิบบุหรี่มาสูบ รินเบียร์ใส่แก้วยกขึ้นมาดื่ม แล้วก็ส่งเบียร์ที่
เหลอื อยูใ่ นขวดน้นั ใหก้ ับชาวบา้ นที่น่ังอยูใ่ กล้ ๆ จากนน้ั ก็หันมาพูดคุยสนทนาถึงสาระทุกสุขดบิ กับชาวบ้านสัก
พัก ระหว่างที่พูดคุยกับชาวบ้านนั้นหมอปี่ก็จะเป็นผู้พูดคุยกับผีปู่หลวง และก็จะถามผีปู่หลวงว่าจะรำหรื อ
เปล่า แล้วผีปู่หลวงก็บอกหมอปี่ว่าจะรำ บอกให้หมอปี่เป่าปี่หมอให้หน่อย ผีปู่หลวงก็ลุกขึ้นไปหยิบผ้าท่ี
ชาวบ้านเตรียมไว้ที่ราวไม้ ผีปู่หลวงเลือกหยิบเอาผ้าขาวม้ามามัดเอว แล้วก็รำตามจังหวะดนตรีของหมอปี่ท่ี
เป่าพร้อมกบั วงปีพ่ าททบี่ รรเลงควบคู่กนั ไปเรื่อย ๆ

การร่ายรำของผีปู่หลวงมีลักษณะในการรำเหมือนกับการรำของคนโบราณเก่าแก่ ที่เป็นการรำ
แบบดูแล้วเข้มแข็งสมกับเป็นผู้ชายมีความน่าเกรงขาม เหมาะสมกับที่เป็นผีที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผี เมื่อผีปู่
หลวงรำจนพอใจแล้วก็จะแก้เอาผ้าขาวม้าที่มัดเอวไว้นำไปพาดเก็บไว้ที่ราวไม้ดังเดิม แล้วก็ลงพักพอหาย
เหนื่อยหันมาพูดคุยกับชาวบ้านที่มาร่วมงานว่า “ปู่จะออกแล้ว และก็จะให้บรรดาลูกหลานปู่เข้ามารับ
เคร่อื งเซน่ ไหว้” แล้วกบ็ อกให้หมอปีเ่ ป่าป่ีส่ง แล้วก็กม้ หนา้ ออกจากร่างทรงน้ันไป

๒. ผปี ู่แขง็ เคร่ืองแต่งกาย นุ่งโจงกระเบน
หลังจากที่ผีปู่หลวงออกจากร่างทรงไม่นาน ผีปู่แข็งก็เข้าร่างทรงต่อเลย มีการสนทนาพูดคุยกับ

ชาวบ้านทม่ี ารว่ มงาน สูบบุหรี่ กินเบียร์ แลว้ ลกุ ข้นึ ไปหยบิ ผา้ ท่ีชาวบ้านเตรยี มไว้ท่ีราวไม้ แลว้ หยิบผ้าขาวม้า
มามัดเอว และก็รำ จะมีดนตรีบรรเลงไปเรื่อย ๆ ท่าที่รำก็จะมีลักษณะในการรำเหมือนกับการรำของผู้ชาย
เมื่อรำจนพอใจแล้ว ก็เอาผ้าขาวม้าไปพาดเก็บเอาไว้ท่ีราวดงั เดิม แล้วลงมานั่งพูดคยุ กับชาวบ้านที่มาร่วมงาน
สบู บหุ รี่ หลังจากนัน้ ก็ออกจากรา่ งทรง

๓. ผปี ู่พระธรรมยา เคร่ืองแต่งกาย น่งุ โจงกระเบน
มกี ริ ยิ าอาการท่วั ไป กินเหล้า สูบบุหร่ี และพูดคยุ กบั ชาวบ้าน

๔. ผปี เู่ ขียว (นุ่งโจงกระเบนสีเขียว) ผีป่ขู าว (นงุ่ โจงกระเบน ผา้ มัดเอวผา้ แพรสีขาว) เปน็ พน่ี ้องกัน
เคร่ืองแต่งกาย น่งุ โจงกระเบนสีเขยี ว

มกี ริ ยิ าอาการทว่ั ไป กนิ เหลา้ สูบบุหรี่ และพูดคยุ กับชาวบ้าน
๖. ผีป่สู ดุ เคร่ืองแต่งกาย นุ่งโจงกระเบน

๑๖

มกี ริ ิยาอาการทว่ั ไป กินเหล้า สูบบุหรี่ และพูดคยุ กับชาวบา้ น
๗. ผนี างทะแลแท เครือ่ งแต่งกาย น่งุ โจงกระเบน ผ้าพาดบ่าสไบเฉียง

ช่วงที่ผนี างทะแลแทเข้าร่างทรงนั้น ตอนแรกที่เข้าร่างทรงจะมีอาการสั่นเล็กน้อย หลังจากที่เขา้
ร่างแล้วก็จะแสดงอาการมองหาหนุ่มในหมู่บ้าน แต่ก็มีการพูดคุยกับชาวบ้านที่มาร่วมงานเล็กน้อย แล้วจึง
หยบิ เบียร์มารินใสแ่ กว้ แลว้ ก็ยกขึ้นด่มื กิน พร้อมกบั รับเครื่องเซ่นไหว้ที่ชาวบา้ นได้เตรียมไว้ให้ นำมาสูดดมแล้ว
ก็วางลง หลังจากนั้นก็หันไปบอกกับหมอปี่ว่าจะขอร่ายรำ และก็ลุกขึ้นไปหยิบผ้าที่ชาวบ้านเตรียมไว้ที่ราวไม้
โดยการแต่งกายนั้นจะนุ่งโจงกระเบนด้วยผ้าแพร และผ้าสไบพาดบ่าอย่างสวยงาม แล้วก็รำประกอบกับการ
บรรเลงของวงปี่พามไม้แข็งกับวงปี่หมอไปเรื่อย ๆ ท่าทางในการรำนั้นก็จะมีลักษณะอาการมองหาหนุ่ม ๆ
พร้อมกับการรำ เพ่ือที่จะนำไปเปน็ สามีอยู่ดว้ ยกัน

ถ้าผีนางทะแลแทมองเห็นหนุ่มคนไหนแล้วถูกใจก็จะถูกเรียกให้เข้าไปหา ถ้าเป็นสมัยโบราณ
เม่อื ก่อนนนั้ หนุ่มคนทถ่ี กู มองเหน็ ในเวลาต่อมาก็จะตายโดยไมร่ ู้สาเหตุ แตใ่ นปัจจบุ นั น้ีได้มกี ารขอชวี ิตกนั เอาไว้
หรือได้มีข้อแลกเปลี่ยนชีวิตของหนุ่มคนนั้นกันเกิดขึ้นในระหว่างที่ทำพิธีเลี้ยงกันนั้นเลย หลังจากที่รำจนเกิด
ความพอใจแล้ว ผีนางทะแลแทก็เอาผา้ โจงกระเบนกับสไบไปทพ่ี าดบ่าเก็บเอาไปไว้ทรี่ าวดงั เดมิ แลว้ กล็ งมานั่ง
พูดคุยกบั ชาวบ้านท่มี ารว่ มงาน หลงั จากนัน้ ก็ออกจากรา่ งทรงไป

๘. เจ้าพ่อหลักเมือง เคร่ืองแต่งกาย ห่มผ้า
ช่วงที่เจ้าพ่อหลักเมืองเข้าร่างทรงนั้น มีกิริยาทั่วไป ชาวบ้านจะกางร่มให้ และจะมีชาวบ้านใน

หมู่บ้านเดินเข้าไปหาและกราบไหว้กัน ขอพรพร้อมทั้งให้เจ้าพ่อเป่าหัวให้สามครั้ง และตีหัว เพื่อความเป็นสิริ
มงคล แล้วจงึ ได้มกี ารสนทนาพูดคุยกับชาวบา้ นเรื่องสาระทุกสุขดิบท่ีมารว่ มงาน มีการเคย้ี วหมากท่ีชาวบ้านได้
เตรียมไว้ให้ เจ้าพ่อหลักเมืองนั้นเป็นเณร ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า เณรมั่น เณรคง ถ้าเจ้าพ่อหลักเมืองเข้าร่าง
ทรงช่วงเวลาก่อนเพลจะฉันเครื่องเซ่นไหว้ แต่ถ้าเข้าร่างทรงแล้วเลยเวลาเพลแล้วเจ้าพ่อหลักเมืองก็จะไม่ฉัน
เครือ่ งเซ่นไหว้เลย แล้วหลังจากนั้นก็ออกจากร่างทรง

๙. ผีย่าใหญ่ เครื่องแต่งกาย นุง่ โจงกระเบน ห่มผา้
ช่วงที่ผีย่าใหญ่เข้าร่างทรงนั้น มีอาการสั่นเล็กน้อย เมื่อก่อนย่าใหญ่จะเป็นคนขี้หึงขี้หวงมาก ถ้า

เขา้ รา่ งเมือ่ ไรแลว้ ก็จะทำกิริยาอาการหงึ หวงป่หู ลวงกับย่าโอ้งมาก ถงึ ขนาดกบั กระทบื เท้าเลยกม็ ี แต่ในปัจจุบัน
น้ไี มม่ ีแลว้ เพราะวา่ แกเ่ ฒ่ากนั หมดแลว้

ชาวบ้านกล่าวว่า ถ้าปีไหนย่าใหญ่มาเข้าร่างทรงแล้วมีอาการหนาวสั่นมาก ๆ แสดงว่าปีนั้นน้ำมาก
ชาวบา้ นบอกวา่ เปน็ เพราะวา่ ย่าตากฝนมาจากในเขาตอนทเ่ี ดนิ ทางมา

แต่ถ้าปีไหนที่เวลาย่าใหญ่เข้าร่างทรงแล้วไม่มีอาการหนาวสั่นเลยแสดงว่าปีนั้นน้ำน้อย ซึ่งในปีนี้ย่า
ใหญ่มาเข้าร่างทรงไม่มีอาการหนาวแม้แต่น้อย ปีนี้น้ำฝนก็เลยมีน้อย ผีย่าใหญ่จะนั่งพับเพียบเรียบร้อยมาก
และได้มีการพูดคุยกับชาวบ้านที่มาร่วมงาน ผีย่าใหญ่ไม่ชอบกินเบียร์ ไม่ชอบสูบบุหรี่ และไม่ชอบในการรำ
หลงั จากท่นี ัง่ พดู คุยกับชาวบ้านเร่ืองสาระทกุ สุขดบิ ทัว่ ไปเก่ียวกบั หมู่บ้านกับชาวบ้านท่ีมารว่ มงานอยู่สักพัก ก็
ออกจากรา่ งทรงนนั้ ไป

๑๗

๑๐. ผยี า่ โอง้ เครอ่ื งแตง่ กาย นงุ่ โจงกระเบน เอาผ้าคลุมคอไว้
ช่วงที่ผียา่ โอง้ เข้าร่างทรงนั้น มกี ิริยาสัน้ พรอ้ มกบั เอาผ้าคลมุ ที่คอเอาไว้ และก็ยงั ทำกิริยาอาการ

เหนียมอาย (เป็นเพราะว่ารู้สึกอายที่คอของตนเองเป็นโอ้ง นั้นก็คือคอที่จะมีลักษณะที่ใหญ่ดูแล้วไม่สวยงาม)
ชาวบ้านจึงต้องช่วยกันนำผ้าไปคลุมปกปิดคอเอาไว้ แต่ก็ยังมีชาวบ้านบางคนพูดบอกกับย่าโอ้งว่าไม่ต้องอาย
หรอกย่า ยุคสมัยนี้มันบ่ต้องอายกันแล้ว จากนั้นย่าโอ้งก็หันมาพูดคุยกับชาวบ้านเรื่องสาระทุกสุขดิบท่ัว
ผียา่ โอง้ ไม่มกี ารรำ ไดแ้ ต่รบั เคร่อื งเซ่นไวม้ าสบู ดมแล้วก็วาง แลว้ กอ็ อกจากร่างทรงนัน้ ไป

๑๑. ผีย่าสรอ้ ยดอกหมาก เครอื่ งแต่งกาย นงุ่ โจงกระเบน หม่ ผ้าสไบเฉียง
ช่วงที่ผีย่าสร้อยดอกหมากเข้าร่างทรงนั้น มีกิริยาทั่วไป มีการสนทนาพูดคุยกับชาวบ้านที่มา

ร่วมงาน กินเบียร์ แต่ไม่สูบบุหรี่ แล้วก็ลุกขึ้นไปหยิบผ้าที่ชาวบ้านเตรียมไว้ที่ราวไม้การแต่งกายจะนุ่งโจง
กระเบนผ้าแพร พาดบ่าด้วยผ้าสไบสีสวยงาม การแต่งกายของผีตัวนี้จะแต่งตัวสวยงามมาก และก็จะรำ
สวยงามมาก เป็นผีที่ชอบรำชอบแต่งตัวสวย ๆ จะเป็นผีที่ทำให้ชาวบ้านคล้อยตามทั้งการรำสวย และแต่งตัว
สวย

ชว่ งที่รำกันอยนู่ ั้นก็จะมีเสียงดนตรบี รรเลงประกอบไปเรื่อย ๆ ท่าท่รี ำกจ็ ะมลี ักษณะในการรำที่มี
ความออ่ นช้อยงดงามตามแบบการรำของผู้หญิงโบราณ เม่อื รำจนพอใจแล้ว ก็จะเอาผ้าโจงกระเบนกับผ้าสไบ
ไปพาดเก็บเอาไว้ท่ีราวผ้าดังเดิม แล้วก็ลงมานั่งพักพดู คุยกับชาวบ้านที่มาร่วมงาน หลังจากนั้นกอ็ อกจากร่าง
ทรง

๑๒. ผปี แู่ พง เคร่ืองแต่งกาย นงุ่ ผ้าธรรมดา
ช่วงที่ผีปู่แพงเข้าร่างทรงนั้น มีกิริยา การสนทนาพูดคุยกับชาวบ้านที่มาร่วมงาน สูบบุหร่ี

กินเบียร์ แล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้าที่ชาวบ้านเตรียมไว้ที่ราวไม้ แล้วหยิบผ้าขาวม้ามามัดเอว และก็รำ จะมีดนตรี
บรรเลงไปเรื่อย ๆ ท่าที่รำก็จะมีลักษณะในการรำเหมือนกับการรำของผู้ชาย เมื่อรำจนพอใจแล้ว ก็เอา
ผา้ ขาวม้าไปพาดเกบ็ เอาไวท้ รี่ าวดงั เดมิ แล้วลงมานัง่ พูดคยุ กบั ชาวบา้ นทมี่ าร่วมงาน สบู บหุ รี่ หลงั จากนั้นก็ออก
จากร่างทรง

๑๓. ผจี ำปา เครือ่ งแตง่ กาย นงุ่ ผา้ ธรรมดา
มีกริ ิยาอาการทั่วไป กินเหลา้ สูบบหุ รี่ และพดู คยุ กับชาวบ้าน

๑๔. ผเี จ้าว่อง ผเี จ้าไว เป็นพี่น้องกัน เครอ่ื งแต่งกาย นุ่งผ้าธรรมดา
มีกริ ิยาอาการทัว่ ไป กินเหล้า สบู บหุ รี่ และพดู คยุ กบั ชาวบา้ น

๑๖. ผหี นุ่มน้อยรอดดง เครื่องแต่งกาย นุ่งผ้าธรรมดา
ช่วงที่ผีหนุ่มน้อยรอดดงเข้าร่างทรงนั้น มีกิริยาอาการสั่นเล็กน้อย แล้วก็มีการหันมาสนทนา

พูดคุยกบั ชาวบ้านท่มี ารว่ มงาน เป็นผีทช่ี อบสบู บหุ ร่ี กนิ เบียร์มาก ๆ แล้วลกุ ข้นึ ไปหยบิ ผ้าทีช่ าวบ้านเตรียมไว้ท่ี
ราวไม้ แลว้ หยบิ ผ้าขาวมา้ มามดั เอวสีแดง และกร็ ำ ชว่ งที่รำนั้นก็จะมองหาสาว ๆ ในหมู่บา้ นเพ่ือจะเอาไปทำ
เมียและอยดู่ ้วยกัน ช่วงท่ีรำก็จะมีดนตรบี รรเลงไปเรื่อย ๆ ท่าทรี่ ำกจ็ ะมีลักษณะในการรำเหมือนกับการรำของ

๑๘

ผชู้ ายท่ีรำไม่ค่อยสวย เมื่อรำจนพอใจแลว้ ก็เอาผ้าขาวม้าไปพาดเกบ็ เอาไวท้ ่ีราวดงั เดมิ แล้วก็ลงมานัง่ พูดคุยกับ
ชาวบา้ นเร่ืองสาระทุกสุขดบิ ทมี่ าร่วมงาน หยิบบหุ ร่มี าสบู หลังจากนั้นกอ็ อกจากรา่ งทรง

ในอดีตชาวบ้านบอกว่าผีตัวนี้ชอบมองหาหญิงสาวในหมู่บ้านที่ยังไม่แต่งงาน ถ้าหญิงสาวใน
หมู่บ้านคนไหนสบตาหรือผีตัวนี้มองเห็นแล้วละก็อีกไม่นานก็จะตายไป แต่ในปัจจุบันนี้ได้มีการขอร้อง
ขอสบั เปล่ียนใหเ้ อาอย่างอืน่ ไปแทนชีวิตคน เว้นเสียแตว่ า่ คน ๆ นน้ั ชะตาจะถงึ ทีต่ ายนนั่ เอง

๑๗. ผตี าเพ เป็นพ่ีผีปู่พงั เคร่ืองแตง่ กาย นุง่ ผ้าธรรมดา
ตอนที่เข้าร่างมีกิริยาอาการแบบเอียงไปเอียงมาเหมือนจะเพไป มีการสนทนาพูดคุยกับชาวบา้ น

ที่มาร่วมงาน สูบบุหรี่ กินเบียร์ แล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้าที่ชาวบ้านเตรียมไว้ที่ราวไม้ แล้วหยิบผ้าขาวมา้ มามัดเอว
และก็รำ จะมีดนตรีบรรเลงไปเรื่อย ๆ ท่าที่รำก็จะมีลักษณะในการรำเหมือนกับการรำของผู้ชาย เมื่อรำจน
พอใจแล้ว ก็เอาผ้าขาวม้าไปพาดเก็บเอาไว้ที่ราวดังเดิม แล้วลงมานั่งพูดคุยกับชาวบ้านที่มาร่วมงาน สูบบุหร่ี
หลังจากนนั้ กอ็ อกจากร่างทรง

๑๘. ผีตาพงั เปน็ น้องผปี ่เู พ เคร่ืองแต่งกาย นุ่งผ้าธรรมดา
ตอนที่เข้าร่างมีกิริยาอาการเหมือนกับจะพัง มีการสนทนาพูดคุยกับชาวบ้านที่มาร่วมงาน

สูบบุหร่ี กินเบียร์ แลว้ ลกุ ข้ึนไปหยิบผ้าที่ชาวบ้านเตรียมไว้ที่ราวไม้ แลว้ หยิบผา้ ขาวม้ามามัดเอว และก็รำ จะมี
ดนตรีบรรเลงไปเรื่อย ๆ ท่าที่รำก็จะมีลักษณะในการรำเหมือนกับการรำของผู้ชาย เมื่อรำจนพอใจแล้ว ก็เอา
ผ้าขาวม้าไปพาดเก็บเอาไวท้ ร่ี าวดงั เดมิ แลว้ ลงมานง่ั พูดคุยกับชาวบ้านท่ีมารว่ มงาน สบู บหุ รี่ หลังจากน้ันก็ออก
จากรา่ งทรง

ชาวบ้านเล่าให้ฟังเรื่องเกี่ยวกับ ผีปู่เพ ผีปู่พัง ว่าตอนที่เขามาสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดงเสร็จ
ใหม่ ๆ นั้น ผีปู่เพ ผีปู่พัง โกรธมากและโมโห บอกว่าเดียวกูจะทำให้มันพังไป มันมาสร้างขวางทางเดินของกู
และช่วงแรกของการสร้างอ่างเก็บน้ำนั้น ก็มักจะมีน้ำป่าลงมาจากเขาเป็นจำนวนมากจนอ่างเก็บน้ำเกือบจะ
แตก จนถึงวันที่เลี้ยงดุเจ้าปู่เจ้าย่ากัน ชาวบ้านได้ขอร้องปู่เพปู่พังว่าอย่าทำให้อ่างเก็บน้ำพังเลย เขามาทำ
ความเจริญให้กับบ้านเรานะปู่ ตง้ั แตท่ ี่ชาวบา้ นขอร้องครัง้ นั้นก็ไมม่ เี หตุการณน์ ัน้ เกิดขนึ้ อกี

๑๙. ผีปหู่ ินกลง้ิ เปน็ พี่ผีปูห่ นิ ก้อนกับผปี ู่หินโง้น เครอื่ งแต่งกาย นุ่งผ้าธรรมดา
ตอนที่เข้าร่างมีกิริยาอาการกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนกับหินที่กำลังกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่สักพัก แล้วก็มา

นั่งสนทนาพูดคุยกับชาวบ้านที่มาร่วมงาน สูบบุหรี่ กินเบียร์ แล้วก็หันไปบอกหมอปี่ว่าจะรำ แล้วก็ลุกขึ้นไป
หยิบผ้าที่ชาวบ้านเตรียมไว้ที่ราวไม้ เลือกหยิบเอาผ้าขาวม้ามามัดเอว และก็รำตามจังหวะดนตรีที่บรรเลงไป
เรื่อย ๆ

ท่าที่รำก็จะมีลักษณะในการรำเหมือนกับก้อนหินที่กลิ้งไปมา รำจนมีความพอใจแล้ว ก็จะเอา
ผ้าขาวม้าที่มัดเอวไปพาดเก็บเอาไว้ที่ราวดังเดิม แล้วก็ลงมานั่งพูดคุยกับชาวบ้านที่มาร่วมงานแล้วก็ออกจาก
รา่ งทรงไป

๒๐. ผีปหู่ นิ ก้อน เป็นน้องผปี ู่หนิ กลิ้ง แต่เปน็ พี่ผปี หู่ ินโง้น เคร่ืองแต่งกาย นงุ่ ผา้ ธรรมดา

๑๙

ตอนที่เข้าร่างมีกิริยาอาการนั่งนิ่งเหมือนกับก้อนหินที่วางเอาไว แล้วก็หันมาสนทนาพูดคุยกับ
ชาวบ้านทมี่ าร่วมงาน สบู บหุ รี่ กินเบยี ร์ แล้วกห็ ันไปบอกวา่ จะรำ แลว้ ก็ลกุ ข้นึ ไปหยบิ เอาผ้าที่ชาวบ้านเตรียมไว้
ที่ราวไม้ เลือกหยบิ เอาผา้ ขาวมา้ มามัดเอว และกร็ ำประกอบไปพร้อมกับดนตรที ่ีบรรเลงไปเร่อื ย ๆ

ท่าที่รำก็จะมีลักษณะในการรำที่ไมค่ ่อยออกท่าทางอะไรมากมาย ดูเหมือนกับก้อนหินที่ไม่มีการ
เคลือ่ นไหว หลังจากท่ีรำจนพอใจแล้ว ก็เอาผ้าขาวม้าท่มี ัดเอวนนั้ ไปพาดเก็บเอาไว้ทรี่ าวเหมือนเดิม แล้วกล็ งมา
น่ังพดู คุยกบั ชาวบา้ นทีม่ าร่วมงาน แล้วกอ็ อกจากรา่ งทรงไป

๒๑. ผปี ่หู ินโง้น เป็นนอ้ งผีปู่หินกลงิ้ กบั ผีปหู่ ินก้อน เคร่ืองแตง่ กาย นุง่ ผ้าธรรมดา
ตอนที่เข้าร่างมีกิริยาอาการเหมือนหินมนั โงน้ ไม่มีการพุดคุยอะไรมาก แต่ชอบสูบบุหรี่ กินเบียร์

แลว้ ก็ลกุ ขึ้นไปหยบิ ผา้ ท่ชี าวบ้านเตรียมไว้ทีร่ าวไม้ แลว้ กเ็ ลือกหยบิ เอาผ้าขาวม้ามามัดเอว และก็รำประกอบกับ
ดนตรีทบี่ รรเลงไปเร่ือย ๆ

ท่าทรี่ ำก็จะมีลักษณะในการรำท่อี อกทา่ ทางไมม่ าก ดเู หมือนกบั การรำของผชู้ ายทวั่ ไป หลังจากท่ี
รำจนพอใจแลว้ ก็จะเอาผ้าขาวมา้ ที่มดั เอวไว้ไปพาดเกบ็ เอาไว้ท่ีราวเหมือนเดิม หลงั จากนั้นก็ออกจากรา่ งทรง

๒๒. ผเี ฒ่าโค้ง/ผีเฒา่ โพง้ เครอ่ื งแต่งกาย นุ่งผ้าธรรมดา
ตอนทเี่ ข้ารา่ งทรงมกี ิริยาอาการมาแบบตลกเฮฮาแล้วกม็ ีการหนั มาสนทนาพูดคยุ กับชาวบ้านท่ีมา

ร่วมงาน เป็นผีที่ชอบสูบบุหรี่ กินเบียร์ นั่งอยู่สักพักก็หันไปบอกกับหมอปี่ว่าจะรำแล้วก็ลุกขึ้นไปหยิบเอาผ้าที่
ชาวบา้ นได้จัดเตรยี มไว้ทร่ี าวไม้ เลือกหยบิ เอาผ้าขาวม้านำมามดั เอว

ผตี ัวนีเ้ ปน็ ผีท่ชี อบผู้หญิงแต่ข้ีอายมาก เวลาทรี่ ำกจ็ ะรำแบบโคง้ ไปโค้งมา จะชอบไปโค้งผู้หญิงแม่
หม้ายในหมู่บ้านให้ลุกขึ้นมารำด้วย แต่พอหญิงแม่หม้ายลุกขึ้นมารำด้วยแล้วก็จะอายรำแบบหลบ ๆ หญิงแม่
หม้าย วิ่งหลบไปหลบมาจนทำให้ชาวบ้านที่มาร่วมงานเห็นแล้วเกิดการหัวเราะกันช่วงที่รำโค้งกันไปโค้งกันมา
ของผีเฒา่ โค้งกบั ผหู้ ญงิ แม่หมา้ ยในหมบู่ า้ นนนั้ กจ็ ะมีดนตรีบรรเลงไปเรอ่ื ย ๆ

หลังจากที่รำกันจนพอใจแล้ว ผีก็นำเอาผ้าขาวม้าที่มัดเอวไว้ไปพาดเก็บเอาไว้ที่ราวเหมือนเดิม
แล้วจึงนั่งลงพักเหนื่อยพร้อมกับพูดคุยกับชาวบ้านเรื่องสาระทุกสุขดิบที่มาร่วมงาน หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
หลงั จากนัน้ กอ็ อกจากร่างทรง

๒๓. เจา้ พ่อศรีเทพ เครือ่ งแต่งกาย นงุ่ ผ้าธรรมดา
ตอนที่เข้าร่างทรงมีกิริยาอาการแบบเข้มขึง มีการสนทนาพูดคุยกับชาวบ้านเรื่องสาระทุกสุขดิบ

ท่ัวไปที่มารว่ มงาน สบู บุหรี่ กินเบียร์ รบั ของเซน่ มาดมแลว้ กว็ าง แลว้ ลุกขึ้นไปหยิบผ้าท่ชี าวบ้านเตรียมไว้ที่ราว
ไม้ แล้วหยิบผ้าขาวม้ามามัดเอว และก็รำ ช่วงที่รำก็จะมีดนตรีบรรเลงไปเรื่อย ๆ ท่าที่รำก็จะมีลักษณะในการ
รำแบบเข้มขึงเหมือนกับการรำของผู้ชายอกสามศอกเมื่อรำจนพอใจแลว้ ก็จะเอาผ้าขาวม้าไปพาดเก็บเอาไว้ที่
ราวผ้าดังเดิม แล้วก็ลงมานง่ั พดู คุยกบั ชาวบา้ นที่มารว่ มงาน สูบบหุ ร่ี แลว้ จากนนั้ กอ็ อกจากร่างทรง

๒๔. ผสี ายยนต์ ผสี ายยนั ต์ เป็นพ่นี ้องกัน เคร่ืองแต่งกาย นุ่งผ้าธรรมดา
ตอนทเ่ี ข้าร่างมีกริ ิยามีการสนทนาพูดคุยกับชาวบา้ นที่มาร่วมงาน สูบบุหร่ี กนิ เบียร์ แล้วลุกข้ึนไป

หยิบผ้าทช่ี าวบ้านเตรยี มไว้ทีร่ าวไม้ แล้วหยิบผา้ ขาวม้ามามดั เอว และกร็ ำ จะมดี นตรบี รรเลงไปเรื่อย ๆ ท่าที่รำ

๒๐

ก็จะมีลักษณะในการรำเหมือนกับการรำของผู้ชายเมื่อรำจนพอใจแล้ว ก็เอาผ้าขาวม้าไปพาดเก็บเอาไว้ที่ราว
ดงั เดิม แลว้ ลงมานั่งพดู คุยกบั ชาวบา้ นที่มาร่วมงาน สบู บหุ ร่ีหลังจากนน้ั ก็ออกจากร่างทรง

๒๖. ผีปวู่ า่ น/ผีปูวาด ผยี า่ แวน่ /ผีย่าแหวน เปน็ สามีภรรยากัน เครอ่ื งแต่งกาย นงุ่ ผ้าธรรมดา
มกี ิริยาอาการทั่วไป กินเหลา้ สูบบุหร่ี และพูดคยุ กับชาวบา้ น

๒๘. ผปี ่เู ผอื ก ผีปภู่ ยั ผปี ู่เพยี ว เป็นพนี่ ้องกัน เครอ่ื งแต่งกาย นุง่ ผ้าธรรมดา
มีกริ ิยาอาการทวั่ ไป กินเหล้า สบู บหุ รี่ และพดู คุยกับชาวบา้ น

๒๙. ผที หารปนื ใหญ่ เครื่องแตง่ กาย นุง่ ผ้าธรรมดา
ตอนที่เข้าร่างมีกริ ิยาอาการส่ันเล็กน้อย พดู คยุ ไม่มาก หยบิ บุหร่ีมาสูบ กนิ เบียร์ แล้วก็หันไปบอก

หมอปี่ว่าจะรำ และก็ลุกขึ้นไปหยบิ ผ้าที่ชาวบ้านเตรียมไว้ท่ีราวไม้ เลือกหยิบเอาผ้าขาวม้ามามัดเอว แล้วก็เดนิ
ไปหยิบเอาปืนไม้ทีว่ างอยู่บนหิ้ง ที่ชาวบ้านได้ทำเอาไวม้ ารำทำท่ายิงปืน แล้วก็ตามด้วยดาบที่ทำจากไม้ และก็
มีดที่ทำจากไม้ มารำ ช่วงที่รำก็จะมีดนตรีบรรเลงไปเรื่อย ๆ ท่าที่รำนั้นก็จะเป็นการรำโดยการถือปืน ถือดาบ
ถือมีด ไปพร้อม ๆ กัน เมื่อรำจนพอใจแล้ว ก็เอาปืนไม้ ดาบไม้ มีดไม้ และเอาผ้าขาวม้าที่มัดเอวไว้นั้นไปพาด
เกบ็ เอาไว้ท่รี าวผา้ เหมือนเดมิ หลังจากน้นั ก็ลงมาน่ังพักพอหายเหนอ่ื ยกอ็ อกจากร่างทรงไป

๓๐. ผที หารปืนแก้ว/ผีทหารปนื เลก็ เครือ่ งแตง่ กาย น่งุ ผ้าธรรมดา
ตอนที่เข้าร่างจะมีกิริยา โดยมีการสั่นไหวของร่างกายเล็กน้อย และก็จะหันมาสนทนาพูดคุยกับ

ชาวบ้านท่ีมาร่วมงาน สูบบหุ รี่ กินเบียร์ แลว้ ลุกข้นึ ไปหยบิ ผ้าทช่ี าวบา้ นเตรียมไว้ทร่ี าวไม้ แล้วหยิบผา้ ขาวม้ามา
มดั เอวจะลกุ ข้ึนไปหยิบเอาชา้ งไม้มาถือพร้อมกับรำ โดยจะรำคกู่ ับชาวบ้านท่ีนง่ั อยู่ใกล้ ๆ รำแบบการคล้องช้าง
โดยเอาเชอื กฝ้ายให้คนท่ีรำคู่เป็นผูร้ ำคล้อง โดยเปน็ การรำคู่กัน หลังจากที่รำคล้องช้างเสร็จแล้วก็จะเอาช้างไม้
แกะสลักไปเก็บเอาไว้ที่เดิม แล้วก็จะหยิบเอาม้าไม้แกะสลักมารำคู่กันเหมือนกับที่รำคล้องช้าง และก็รำ
หลังจากนั้นก็ไปหยิบเอาเรือที่แกะจากไม้ นำเรือไม้นั้นมาใส่เศษอาหารอย่างละนิดละหน่อยลงไปในเรือแล้วก็
เอาเชอื กฝ้ายมัดคล้องเป็นสายสะพาย พร้อมกบั รำไปด้วย ชาวบา้ นบอกว่าเปน็ จะมีดนตรบี รรเลงไปเรื่อย ๆ ท่า
ที่รำก็จะมีลักษณะในการรำเหมือนกับการรำของผู้ชาย เมื่อรำจนพอใจแล้ว ก็เอาผ้าขาวม้าไปพาดเก็บเอาไว้ที่
ราวดังเดิม แลว้ ลงมานงั่ พดู คุยกบั ชาวบ้านที่มาร่วมงาน สูบบุหรี่ หลงั จากนั้นกอ็ อกจากร่างทรง

๓๑. ผปี ทู่ องแดง เครื่องแต่งกาย นงุ่ ผ้าธรรมดา
มีกิรยิ าอาการทว่ั ไป กินเหลา้ สบู บุหรี่ และพดู คยุ กบั ชาวบ้าน

๓๒. ผปี ู่เยน็ เครอื่ งแต่งกาย น่งุ ผ้าธรรมดา
มกี ริ ยิ าอาการทว่ั ไป กนิ เหลา้ สบู บหุ รี่ และพดู คุยกบั ชาวบา้ น

๓๓. ผีปู่ทองคำ เครือ่ งแต่งกาย นุ่งผา้ ธรรมดา
มีกิริยาอาการทวั่ ไป กินเหล้า สบู บุหร่ี และพูดคุยกบั ชาวบา้ น

๓๔. ผีปู่ด้วง ผียา่ แป้น เป็นสามภี รรยากัน เครอื่ งแต่งกาย น่งุ ผา้ ธรรมดา
มีกิรยิ าอาการท่ัวไป กนิ เหล้า สูบบหุ รี่ และพูดคยุ กบั ชาวบา้ น

๓๕. ผีปแู่ ก่น เคร่ืองแต่งกาย นุ่งผ้าธรรมดา

๒๑
มกี ริ ยิ าอาการทั่วไป กินเหลา้ สูบบุหรี่ และพดู คุยกับชาวบา้ น
๓๖. ผียา่ กลอย เคร่ืองแตง่ กาย นงุ่ ผา้ ธรรมดา
ช่วงที่ผีย่ากลอยเขา้ รา่ งทรงน้ัน จะลุกขึ้นไปหยิบผ้าที่ชาวบา้ นเตรียมไว้ทีร่ าวไม้ มาแต่งตัว แล้วก็
จะรำ จะมีดนตรีบรรเลงไปเรื่อย ๆ ในระหว่างที่รำท่าที่รำก็จะมีลักษณะในการรำไปประกอบกับการทำท่า
กวาดพนื้ ไปด้วย โดยจะมไี มก้ วาดทช่ี าวบา้ นจดั เตรียมไวใ้ ห้นน้ั หลังจากท่รี ำจนพอใจแลว้ กเ็ อาผา้ ขาวมา้ ไปพาด
เก็บเอาไว้ที่ราวดังเดิม แล้วลงมานั่งพูดคุยกับชาวบา้ นทีม่ าร่วมงาน กินเบียร์ แล้วจากนั้นก็ออกจากร่างทรงไป
เมื่อการเชญิ ผีเขา้ รา่ งทรงมาจนถึงผีท่ีมชี ่ือวา่ ผีย่ากลอยแลว้ ลักษณะของผีย่ากลอยเม่ือเข้ารา่ งทรงก็จะมีอาการ
ลักษณะการกวาดพน้ื จากทไ่ี ด้สอบถามหมอป่ี (ตาอ้มุ อนิ ทรเ์ หลอื ง) บอกวา่ เป็นผีท่ีอยดู่ ูแลศาลแห่งนี้เพราะผี
เจ้าปู่ส่ังใหเ้ ฝ้าดูแลศาลแห่ง และหมอปี่ยงั บอกอีกว่า ผยี า่ กลอยเปน็ ผีท่ีตกน้ำตายบริเวณวังสานนี้น่ันเองผีเจ้าปู่
จึงใหอ้ ยูป่ ระจำที่ศาลน้ี

 ร่างทรงกำลังรา่ ยตามดนตรีบรรเลง
ในขณะทด่ี ำเนินพธิ ีกรรมอยู่ชาวบ้านท่ีมารว่ มงานมีปฏิกิริยา
ช่วงระหว่างที่ทำพิธีกันอยู่นั้น ชาวบ้านที่มาร่วมในพิธีก็จะตั้งใจจดจ่อ บางคนก็พนมมือบางคนก็ไม่

พนมมือ พอผีตัวไหนเข้ารา่ งชาวบ้านก็จะบอกให้หมอปีถ่ ามว่า ผีตัวนั้นชือ่ อะไรมาจากไหน แล้วก็จะมีการถาม

๒๒
ว่าจะรำหรือเปล่า ถ้าผีจะรำก็จะเป่าปี่หมอให้พร้อมกับวงปี่พาทย์เล่นไปด้วย ในกรณีที่ผีตัวนั้นชอบให้มีเสียง
ระนาด แตถ่ า้ ผีตวั ไหนไมช่ อบวงป่ีพาทย์แต่ชอบวงป่ีหมอก็จะใหว้ งปหี่ มอเลน่ แค่วงเดียว ชว่ งตอนท่ีเจ้าพ่อหลัก
เมืองมาเข้าร่างทรงนั้น ชาวบ้านโดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ก็เข้าไปกราบไหว้ขอพร พร้อมกับให้เจ้าพ่อหลัก
เมืองเป่าหวั ให้ด้วย ช่วงทผี่ เี ฒ่าโค้ง หรือ เฒา่ โพง้ มาเข้ารา่ งกจ็ ะมผี ู้หญิงแมห่ มา้ ยในหมูบ่ ้านลุกข้ึนไปรำกับผีด้วย
ชาวบา้ นกจ็ ะปรบมอื หวั เราะกนั อยา่ งสนุกสนาน ตามภาษาชาวบ้านกนั

ชว่ งที่ทำพิธกี ันนน้ั ชาวบ้านแตล่ ะคนกจ็ ะต้งั ใจจดจ่ออยู่กบั พธิ ีกรรมกนั เป็นอย่างมาก ตอนสุดท้ายของ
พธิ ีกรรมทผี่ เี จ้าปเู่ ข้ามาอีกครั้ง เพ่อื ท่ีจะมาทำน้ำมนต์ และปลกุ เสกด้ายสายสิญจน์เพื่อจะผูกข้อไม้ข้อมือให้กับ
ชาวบ้านที่มาร่วมงาน ตอนนี้ชาวบ้านก็จะคลานเข้าไปหาเจ้าปู่เพื่อให้เจ้าปู่เป่าหัวให้และผูกข้อมือให้ชาวบ้าน
บางคนกจ็ ะขอด้ายสายสญิ จน์กลบั บา้ นไปเพอื่ จะเอาไปผกู ข้อไม้ขอ้ มอื ให้กับลกู หลานท่ีมารว่ มพิธีไม่ได้

รา่ งทรงผูกแขนใหช้ าวบ้านที่มารว่ มงาน
เร่ืองเลา่ จากปู่ย่าตายาย
นายฟื้น เกตุแฟง กล่าวว่า ปู่ย่าตายายของตาเล่าให้ฟังว่า เมื่อถึงวันเลี้ยงเจ้าบ้าน ก็จะมีเรือลอย

ข้นึ มาจากในวงั น้ำ ในเรอื นั้นกจ็ ะมีถ้วยชามอยภู่ ายในเรือ ชาวบา้ นก็จะเอาถว้ ยชามเหลา่ นัน้ มาใส่อาหารคาว
หวานทีจ่ ะเลีย้ งดูเจ้าปูเ่ จา้ ยา่ แตพ่ อเล้ยี งดเู จ้าปู่เจ้าย่าเสรจ็ แลว้ จะตอ้ งคืนถ้วยชามลงไปในเรือ แตก่ ็มีบางคน
ที่เกิดความโลภอยากได้ของเขาเพราะว่าถ้วยชามเหล่านั้นมันมีความสวยงาม ก็เลยถือโอกาสสับเปลี่ยนถ้วย
ชามของเขา และเอากลับไปยังบ้านของตนเองไม่ยอมส่งคืน เจ้าของเรือเขาโกรธมากที่ส่งถ้วยชามคืนให้ไม่

๒๓

ครบก็เลยคว่ำเรือ ตง้ั แตบ่ ดั นน้ั จนถงึ บัดนี้ ตง้ั แตน่ ้นั เปน็ ต้นมากไ็ มม่ ีเรือดังกล่าวลอยข้นึ มาอีกเลย ชาวบ้านจึง
ตอ้ งนำเอาถ้วยชามไปจากบ้านกนั เอง

นางพัน หมวกเทศน์ อายุ ๘๒ ปี กล่าววา่ พ่อแมข่ องยายเล่าให้ฟังวา่ เมือ่ ก่อนบรเิ วณวังสานนั้นจะ
มพี ญานาคอย่ตู ัวหนึ่ง ชาวบ้านเขาเรียกกันว่า นาคราช พ่อกับแม่เล่าให้ฟังต่ออีกว่าแต่ก่อนบริเวณวังสานนั้น
จะมีหน้าผาที่มีลักษณะเป็นเหมือนถ้ำหิน โดยที่ใต้ของหน้าผาจะมีช่องเข้าไป และที่ช่องนั้นก็จะมีรูที่ชาวบ้าน
เชื่อกันว่ามนั เป็นรขู องพญานาค

ในวันที่ชาวบ้านทำพิธีเลีย้ งเจา้ ปู่เจา้ ย่ากันน้ัน พอได้เวลาที่จะตอ้ งเลีย้ งอาหารให้แก่พญานาค ก็จะมี
ชาวบ้านจัดเตรยี มอาหารคาวหวานไว้ให้

แต่สมัยก่อนนั้น เมื่อถึงเวลาพญานาคตัวดังกล่าวก็จะมาโผล่หัว และทำให้ชาวบ้านที่มาร่วมพิธี
มองเหน็ เปน็ หัวพญานาคลอยไปลอยมาอยู่ในวงั น้ำ จนทำให้ชาวบ้านทีม่ ารว่ มพธิ ีตกใจเกดิ ความกลวั ชาวบ้าน
จึงต้องมีการทำพิธีบอกกล่าวขอร้องว่าอย่ามาทำให้เห็นอีกต่อไปเลย เพราะว่าชาวบ้านลูกหลานเขากลัวกัน
เดียวพอถงึ เวลาจะเอาอาหารคาวหวานไปให้กินเอง ต้ังแตม่ ีการทำพิธบี อกกล่าวกันเป็นทเี่ รยี บร้อยแล้ว ก็ไม่มี
ใครเคยเหน็ พญานาคตวั ดงั กลา่ วอกี เลย

นางพัน หมวกเทศน์ อายุ ๘๒ ปี กล่าวว่า พ่อแม่ของยายเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อน เคยมีคนมายืมฟืม
ฟืมก็คือสิ่งของที่คนสมัยก่อนเขาจะนำเอาไปใช้สำหรับในการทอผ้าหรือทอหูก ได้เดินทางมายืมฟืมไปทอหูก
ส่วนคนที่อยู่ในหมู่บ้านก็มองเห็นคนที่มายืมเป็นคนธรรมดาทั่วไปมายืมฟืมนั้นไปทอหูก ชาวบ้านในหมู่บ้านก็
ให้ยืมไป คนท่ีมายืมนั้นบอกวา่ จะยมื ไปสัก ๗ วนั พอเขาได้ฟมื แล้วเขาก็เดินกลบั ไป ชาวบา้ นคนที่ใหย้ ืมกม็ อง
ตามหลงั คนทีย่ ืมไป มองเหน็ คนท่ียืมฟมื ไปนั้นเดินลงไปในวังน้ำ ทบี่ รเิ วณวงั สาน แล้วก็หายไปในวังน้ำแห่งนั้น
ชาวบ้านคนท่ใี หย้ ืมก็บอกวา่ หมดแลว้ ฟืมกู หมดแลว้ ฟืมกู

พอถึงเวลาทีก่ ำหนดส่งฟืมคืน คือครบ ๗ วัน คนที่ยืมไปกน็ ำฟืมมาสง่ คนื ตอนที่นำฟืมมาส่งคนื นั้นก็
ดูเป็นคนธรรมดาเหมอื นคนทว่ั ไป ตอนทน่ี ำฟมื มาคนื น้ัน คนท่ีนำมาคืนกจ็ ะพูดวา่ “บ่มีอะไรมาใหม้ ีแต่ขม้ินผง
มาให้" ขม้นิ ผงในที่นก้ี ค็ ือ ทองคำนน่ั เอง

สมัยก่อนนั้น บริเวณวงั สานนัน้ จะมีความศักดิส์ ิทธ์ิมาก เป็นสถานทคี่ นโบราณสมยั ก่อนนับถือกันมาก
ซึ่งปัจจุบันนี้เวลาที่ใครขับรถผ่านไปไหนมาไหนก็จะบีบแตรรถเพื่อทำความเคารพก่อนทุกครั้ง และถ้าใน
หมู่บ้านมีงานอะไรก็ตามเกิดขึ้น ก็จะมีการบอกกล่าวก่อนจัดงานทุกครั้ง เพื่อให้งานนั้น ดำเนินและจัดไปได้
อยา่ งราบรนื่

แนวทางการนำไปปฏิบัติใช้
๑. เผยแพร่ใหก้ บั ผทู้ ีส่ นใจ นักศึกษา และประชาชนทัว่ ไป
๒. บูรณาการกับการเรียนการสอน รายวิชา HSSD๔๐๑ ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์ โดยนำองค์

ความรู้ที่ได้ไปใช้ในกระบวนการเรียนการสอน (มคอ. ๓ หมวดที่ ๕) สัปดาห์ที่ ๔ บทที่ ๒ เทคนิคการวิจัย
ประเภทต่าง ๆ ในงานพัฒนาสังคม เป็นการบรรยายโดยการยกตัวอย่างงานวิจัยและเทคนิคการเก็บข้อมูล

๒๔

ภาคสนาม เช่น ตัวอย่างงานการลงพื้นที่เก็บรวบรวมองค์ความรูเ้ รื่อง พิธีกรรมเลี้ยงปีเจ้าปู่เจ้ายา่ บ้านป่าแดง
ตำบลป่าเลา อำเภอเมืองเพชรบรู ณ์ จงั หวัดเพชรบูรณ์ ซง่ึ สามารถเชือ่ มโยงถงึ หวั ขอ้ กระบวนการวิจยั ปฏบิ ัติการ
แบบมสี ว่ นร่วมกบั ชมุ ชนไดอ้ ีก

ข้อเสนอแนะ
ควรมกี ารลงพืน้ ที่ ทบทวน ข้อมลู ให้ครบถ้วนทกุ อำเภอในจงั หวดั เพชรบรู ณ์ เพื่อให้เยาวชนรนุ่ หลังได้

ใช้ศกึ ษาหาความรู้ สง่ ตอ่ จากรนุ่ ส่รู ุ่นตอ่ ไป

๒๕

บรรณานุกรม

งัน คงยาด.ี (๒๕๕๕). อายุ ๖๙ ปี บา้ นเลขที่ ๖๓/๒ หมู่ ๕ ตำบลป่าเลา อำเภอเมืองเพชรบรู ณ์
จงั หวดั เพชรบรู ณ์. สมั ภาษณ์, ๒๕ เมษายน.

จำเนยี ร เพียรเกดิ . (๒๕๕๕). อายุ ๗๐ ปี บา้ นเลขที่ ๗๙/๑ หมู่ ๕ ตำบลปา่ เลา อำเภอเมอื งเพชรบรู ณ์
จงั หวดั เพชรบูรณ์. สัมภาษณ์, ๒๖ เมษายน.

ชอ้มุ อนิ เหลือง. (๒๕๕๕). อายุ ๗๙ ปี บ้านเลขที่ ๓๙ หมู่ ๔ ตำบลป่าเลา อำเภอเมืองเพชรบรู ณ์
จังหวัดเพชรบรู ณ์. สมั ภาษณ์, ๒๖ เมษายน.

พนั หมวกเทศน์ อายุ ๘๒ ปี บา้ นเลขท่ี ๑๗ หมู่ ๑๒ ตำบลปา่ เลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
จงั หวัดเพชรบรู ณ์. สัมภาษณ์, ๒๖ เมษายน.

ฟน้ื เกตแุ ฟง. (๒๕๕๕). อายุ ๗๓ ปี บา้ นเลขที่ ๓๖ หมู่ ๓ ตำบลปา่ เลา อำเภอเมืองเพชรบรู ณ์
จังหวัดเพชรบูรณ์. สัมภาษณ์, ๒๖ เมษายน.

มล สินสอน. (๒๕๕๕). อายุ ๗๘ ปี บ้านเลขที่ ๒ หมู่ ๕ ตำบลปา่ เลา อำเภอเมืองเพชรบรู ณ์
จังหวัดเพชรบูรณ์. สมั ภาษณ์, ๒๖ เมษายน.

สนอง เสือโต. (๒๕๕๕). อายุ ๔๖ ปี บา้ นเลขที่ ๑๑๑ หมู่ ๓ ตำบลปา่ เลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
จังหวัดเพชรบูรณ์. สัมภาษณ์, ๒๖ เมษายน.

สุคน หนุ่ ทอง. (๒๕๕๕). อายุ ๔๔ ปี บ้านเลขที่ ๘๐/๑ หมู่ ๘ ตำบลสะเดยี ง อำเภอเมอื งเพชรบรู ณ์
จงั หวัดเพชรบรู ณ์. สมั ภาษณ์, ๒๖ เมษายน.

๒๖

ภาคผนวก
รายละเอยี ดรายวชิ า (มคอ. ๓) ท่ีใช้บูรณาการ

มคอ. 3

รายละเอยี ดของรายวชิ า (มคอ.3)

คณะ มนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบูรณ์

หลักสตู รสาขาวชิ า การพฒั นาสังคม

หมวดที่ 1 ข้อมลู โดยทว่ั ไป

1. รหสั และช่อื รายวชิ า

HSSD401 ระเบยี บวิธีวจิ ยั ทางสงั คมศาสตร์

Social Science for Research Methodology

2. จำนวนหน่วยกติ

3 (2-2-5)

3. หลกั สตู รและประเภทของรายวิชา

หลักสตู รศิลปศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าพฒั นาสงั คม หมวดวชิ าเฉพาะ กลุ่มวิชาบงั คับ

4. อาจารยผ์ ้รู ับผิดชอบรายวิชาและอาจารย์ผูส้ อน

อาจารยใ์ จสคราญ จารึกสมาน ผู้รับผดิ ชอบรายวิชาและอาจารย์ผูส้ อน

5. ภาคการศกึ ษา/ชนั้ ปีทเี่ รียน

ภาคเรยี นท่ี 1 ชนั้ ปีท่ี 3

6. รายวิชาท่ีตอ้ งเรียนมาก่อน (Pre-requisite)

ไมม่ ี

7. รายวิชาท่ตี ้องเรยี นพรอ้ มกนั (Co-requisites)

ไม่มี

8. สถานท่ีเรียน

ภาควิชาพัฒนาสงั คม คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั เพชรบูรณ์

และอาคาร 9 อาคารเฉลิมพระเกยี รติ 72 พรรษา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเพชรบูรณ์

9. วันท่จี ดั ทำหรอื ปรบั ปรงุ รายละเอียดของรายวชิ าครงั้ ล่าสุด

วนั ท่ี 10 มิถนุ ายน 2564

กรอบมาตรฐานคณุ วุฒิระดบั อดุ มศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขยี นรายละเอียดของรายวชิ า (มคอ. 3) มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเพชรบรู ณ์ Page 1

หมวดที่ 2 จดุ มงุ่ หมายและวตั ถุประสงค์

1. จดุ มงุ่ หมายของรายวชิ า
เพ่ือให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับกระบวนการทำวิจัยทางสังคมศาสตร์ และสามารถ

ออกแบบโครงรา่ งงานวจิ ัยได้

2. วตั ถุประสงค์ในการพฒั นา/ปรับปรุงรายวิชา
2.1 เพือ่ ใหน้ ักศึกษามีความรู้ ความเข้าใจพ้นื ฐานเก่ยี วกับกระบวนการทำวิจัยทางสงั คมศาสตร์
2.2 เพื่อให้นกั ศึกษาสามารถออกแบบโครงรา่ งงานวจิ ยั ได้

หมวดที่ 3 ลกั ษณะและการดำเนนิ การ

1. คำอธิบายของรายวชิ า
ความเป็นมา จุดประสงค์และความหมายของการวิจัยทางสังคมศาสตร์ วิธีการต่างๆในการวิจัย การ

ดำเนินการวิจัย การใช้สถิติ การรวบรวมข้อมูล ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง การเขียนรายงาน การอ่าน
ผลการวิจัย การเขียนโครงการวจิ ยั

History, objectives and meaning of social science research, methods of research,
methodologies, the use of statistics, data collection, population and random sampling,
research report writing, reading research results, research project writing.

2. จำนวนชวั่ โมงทใี่ ช้ต่อภาคการศกึ ษา

หนว่ ยกิต บรรยาย จำนวนชว่ั โมงต่อภาคการศกึ ษา สอนเสรมิ
33
3(2-2-5) การฝกึ ปฏิบัต/ิ การฝกึ งาน การศกึ ษาด้วย ตามความ
ตนเอง เหมาะสม

39

3. จำนวนช่ัวโมงตอ่ สัปดาห์ท่ีอาจารยใ์ หค้ ำปรกึ ษาและแนะนำทางวชิ าการแกน่ ักศกึ ษาเป็นรายบุคคล

ทุกวนั จันทร์ เวลา 09.00 – 17.00 น. และวนั พธุ 13.00 – 17.00 น.

ตารางการใหค้ ำปรึกษาและแนะนำทางวชิ าการแก่นักศกึ ษาเป็นรายบคุ คล

สถานทหี่ รือ หมายเลข ท่ีอย่ขู อง รวมจำนวน

รายวชิ า อาจารย์ วนั -เวลา ให้ หมายเลข โทรศพั ท์ E-mail ผู้สอน ช่ัวโมงต่อ

ผู้สอน คำปรึกษา หอ้ ง ผู้สอน สัปดาห์

ผสู้ อน ทใ่ี ห้คำปรึกษา

ปัญหาสงั คมและ อ.ใจสคราญ จันทร์ สาขาวชิ า 056- [email protected] 13 ช่วั โมงตอ่

ประเด็นการ จารึกสมาน 09.00-17.00 น. การพัฒนา 717100 สปั ดาห์

พฒั นา และ สังคม ต่อ 1306

พุธ

13.00-17.00 น.

กรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิระดบั อดุ มศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขียนรายละเอียดของรายวิชา (มคอ. 3) มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบรู ณ์ Page 2

หมวดที่ 4 การพัฒนาการเรยี นรขู้ องนกั ศกึ ษา

1. ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม

1.1 ผลการเรยี นรู้ 1.2 กลยุทธ์/วิธีการสอน 1.3 กลยุทธ์/วธิ กี าร

ประเมินผล

1. [๐ ] มี คุ ณ ธ ร ร ม แ ล ะ 1.สอดแทรกเน้ือหาด้านคุณธรรม จริยธรรม ปลูกฝัง 1. สังเกตพฤติกรรมของ

จรยิ ธรรม ศรัทธาในความดี เก่ยี วกับความซ่อื สตั ย์ตอ่ ตนเองและผู้อ่ืน นักศึกษาในการปฏิบัติตน

ในช้นั เรียน

2. [•] มีจิตสาธารณะและมี 2.1 จัดการเรียนการสอนที่มีลักษณะยึดผู้เรียนเป็น 2.1 สังเกตพฤติกรรมของ
สำคัญ โดยจัดกิจกรรมในลักษณะบูรณาการความรู้ นักศึกษาในการปฏิบัติ
ความรับผดิ ชอบ
และประสบการณ์เดิมของผู้เรียนเข้ากับความรู้และ กจิ กรรมต่างๆของรายวิชา

ประสบการณ์ใหม่ในรายวิชาทสี่ อนได้อย่างกลมกลืน ท่ีเรียนทั้งในชั้นเรียนและ

2.2 จัดกิจกรรมท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้สัมผัสกับ นอกชนั้ เรียน

แหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียน เพื่อฝึกให้ผู้เรียนได้รู้จัก 2.2 ประเมินจากชิ้นงานที่

การเข้าสังคมและปฏิ บัติตนต่อสังคมภายนอก ผู้เรียนสร้างสรรค์แล้ว

ห้องเรยี นไดอ้ ย่างเหมาะสม นำเสนอผู้สอนทั้งเป็นกลุ่ม

และรายบุคคล

2.3 ประเมินด้วยการสอบ

ย่ อ ย ส อ บ ก ล า งภ า ค

การศึกษาและสอบปลาย

ภาคการศึกษา

3. [•] มี ศี ล ธรรม ซ่ื อสั ต ย์ 3.1 จัดกิจกรรมการเรียนท่ีเน้นการให้ผู้เรียนได้ 3.1 สังเกตพฤติกรรมของ
สจุ ริต ตระหนักถึงการอยู่ร่วมกันในสังคมทั้งภายในและ นักศึกษาในการปฏิบัติ
ภายนอกหอ้ งเรียน กิจกรรมต่างๆของรายวิชา

3.2 สอดแทรกเรื่องการประพฤติตนที่เหมาะสม เช่น ท่ีเรียนท้ังในชั้นเรียนและ

การมีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน กตัญญุรู้คุณ นอกชั้นเรียนท้ังรายกลุ่ม

ประหยัด สุขุม รู้จักกาลเทศะ การเป็นคนดีและการ และรายบคุ คล

ดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 3.2 ประเมินจากชิ้นงานท่ี

ผู้ เ รี ย น ส ร้ า ง ส ร ร ค์ แ ล้ ว

นำเสนอผู้สอนท้ังเป็นกลุ่ม

และรายบุคคล

4. [๐] สามารถรับผิดชอบตาม 4.1 สอดแทรกเรื่องการประพฤติตนให้เป็นผู้ท่ีมภี าวะ 4.1 สังเกตพฤติกรรมของ

สถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม ผู้นำและผู้ต ามท่ี ดี เพ่ื อให้ การทำงานเป็ นที ม นักศึกษาในการปฏิบัติ

ท้ังในสถานการณ์ส่วนบุคคล สัมฤทธิผลและสามารถแก้ไขข้อขัดแยง้ ได้ กจิ กรรมต่างๆของรายวิชา

แ ล ะ ข อ ง ก ลุ่ ม โ ด ย ก า ร 4.2 จดั กิจกรรมการเรียนโดยเน้นการแบง่ กล่มุ เพ่ือให้ ที่เรียนทั้งในชั้นเรียนและ

แสดงออกซ่ึงภาวะผู้นำ ในการ ผู้เรียนฝึกการแบ่งหน้าท่ีและฝึกให้มีความรับผิดชอบ นอกชัน้ เรยี น

แสดงทางเลอื กใหมท่ เ่ี หมาะสม ในหนา้ ท่ีทีต่ นไดร้ บั มอบหมาย 4.2 ประเมินจากช้ินงานท่ี

4.3 จัดกิจกรรมการเรียนให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดง ผู้เรียน สร้างสรรค์แล้ว

ศักยภาพส่วนบุคคลในการร่วมกันคิดและตัดสินใจใน นำเสนอผู้สอนทั้งเป็นกลุ่ม

กรอบมาตรฐานคุณวฒุ ริ ะดบั อดุ มศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขยี นรายละเอยี ดของรายวิชา (มคอ. 3) มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบูรณ์ Page 3

กิจกรรมต่างๆ และรายบุคคล

5. [๐ ] มี ระเบี ยบ วินั ยแล ะ 5.1 ปลูกฝังจิตสำนึกด้านระเบียบวินัยและกติกาของ 5. สังเกตพฤติกรรมของ

เคารพกติกาของสังคม รวมท้ัง สังคมโดยเน้นเร่ืองของหน้าท่ีพลเมืองที่ดี และเน้น นักศึกษาในการปฏิบัติ

เคารพในคุณค่าและศักดิ์ศรี เรื่องของสิทธิมนุษยชนเพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ความ กิจกรรมต่างๆของรายวิชา

ของความเป็นมนษุ ย์ เข้าใจและตระหนักในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความ ที่เรียนท้ังในชั้นเรียนและ

เป็นมนุษย์ นอกช้ันเรียน

5.2 ปลูกฝังจิตสำนึกเกี่ยวกับการเคารพกฎระเบียบ

ของสถานศึกษา ชุมชนและสังคม รวมท้ังการ

แสดงออกทางการแต่งกายท่ีเหมาะสม เพ่ือให้อยู่ร่วม

ในสงั คมไดอ้ ยา่ งกลมกลนื

6. [•] มีจรรยาบรรณ ทาง 6.1 ปลูกฝังจิตสำนึกสาธารณะเรื่องจรรยาบรรณใน 6.1 สังเกตพฤติกรรมของ
การเผยแพรข่ อ้ มูลต่อสาธารณะ นั ก ศึ ก ษ า ใน ก า ร ป ฏิ บั ติ
วิชาการและวิชาชพี
6.2 จัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีฝึกให้ผู้เรียนรู้จัก กิจกรรมต่างๆของรายวิชา

ความตระหนักในวชิ าชีพนักพฒั นาสังคม ที่เรียนทั้งในชั้นเรียนและ

นอกชัน้ เรยี น

6.2 ประเมินจากช้ินงานที่

ผู้ เ รี ย น ส ร้ า ง ส ร ร ค์ แ ล้ ว

นำเสนอผู้สอนทั้งเป็นกลุ่ม

และรายบคุ คล

2. ด้านความรู้

2.1 ผลการเรยี นรู้ 2.2 กลยทุ ธ์/วิธีการสอน 2.3 กลยทุ ธ์/วิธกี ารประเมินผล

1 [•] มีค วาม รู้และป ระสบ การณ์ ใน 1 .1 วิ ธี ส อ น โด ย บ ร ร ย า ย 1.การสอบข้อเขียนและการสอบ
สาขาวิชาท่ีศึกษาและสามารถประยุกต์ใช้ ประกอบการใช้สอ่ื โปรเจคเตอร์ ปฏิบตั ิ
ในการดำรงชีวิตเพ่ือใช้ในการแก้ไขปัญหา 1.2 จัดกิจกรรมโดยการจำลอง
และข้อโต้แย้งในสถานการณ์อ่ืนๆและการ สถานการณ์ต่างๆให้ผู้เรียนฝึก
วเิ คราะหแ์ ละร่วมหาแนวทางใน
แก้ไขปัญหาในการทำงานได้
แกไ้ ขปญั หา

2 [•] สามารถวิเคราะห์ปัญหา เข้าใจและ 2.1 วิ ธี ส อ น โด ย บ ร ร ย า ย 2. การสอบข้อเขียนและการสอบ
อธบิ ายความตอ้ งการทางการพัฒนาสังคม ประกอบการใชส้ ่อื โปรเจคเตอร์ ปฏิบัติ
2.2 จัดกิจกรรมชมสารคดีที่

เกี่ยวข้องกับรายวิชาและมีการ

วิพากษ์วิจารณ์ แลกเปล่ียน

เรยี นรู้ในทา้ ยชว่ั โมง

3[๐] สามารถติดตามความก้าวหน้าทาง 3.1 วิ ธี ส อ น โด ย บ ร ร ย า ย 3.การสอบข้อเขียนและการสอบ

วชิ าการ รวมทั้งการนำไปประยุกตใ์ ช้ ประกอบการใช้สือ่ โปรเจคเตอร์ ปฏิบัติ

3.2 จัดกิจกรรมชมสารคดีท่ี

กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดบั อดุ มศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขยี นรายละเอยี ดของรายวชิ า (มคอ. 3) มหาวิทยาลยั ราชภัฏเพชรบูรณ์ Page 4

4 [๐] รู้ เข้าใจ และสนใจพัฒนาความรู้ เก่ียวข้องกับรายวิชาและมีการ 4. ประเมินความสามารถในการบูร
ความชำนาญอยา่ งต่อเน่อื ง วิพากษ์วิจารณ์ แลกเปลี่ยน ณ า ก า ร ค ว า ม รู้ จ า ก วิ ช า เรี ย น กั บ
เรียนรู้ในท้ายชัว่ โมง กิจกรรมบริการวิชาการและต่อยอด
ไปส่งู านวิจยั ร่วมกบั ชมุ ชนท้องถน่ิ
4. ฝึกปฏิบัติการเขียนข้อเสนอ
โครงการวิจัยและลงปฏิบัติท่ี
เก่ี ย ว ข้ อ งกั บ ป ร ะ เด็ น ปั ญ ห า
สังคมและการหาแนวทางใน
แกไ้ ขร่วมกบั ชมุ ชน

3. ด้านทกั ษะทางปัญญา

3.1 ผลการเรียนรู้ 3.2 กลยุทธ์/วธิ ีการสอน 3.3 กลยทุ ธ์/วธิ กี ารประเมินผล

1 [•] สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ มี 1.การบรรยาย 1.ประเมินผลจากการนำเสนอท้ังใน

ทกั ษะในการคดิ วิเคราะห์อยา่ งมเี หตุผล รูปการพูด และการเขียน และการ

แก้ปญั หาเฉพาะหนา้

2 [๐] สามารถพิจารณ าแสวงหาและ 2.การเรียนรดู้ ้วยตนเอง 2.ประเมินผลจากการนำเสนอทั้งใน

เสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาทาง รูปการพูด และการเขียน และการ

วิชาการ หรือวิชาชีพ โดยยอมรับข้อจำกัด แกป้ ัญหาเฉพาะหน้า

ทางธรรมชาติ ของความรู้ในสาขาวิชาของ

ตนเอง

3 [•] สามารถรวบรวม ศึกษา วิเคราะห์ 3.การศึกษาค้นคว้าโดยอิสระ 3.ประเมินผลงาน การรายงาน
และสรุปประเดน็ ปัญหาและความต้องการ เพ่ือประกอบการเขยี นรายงาน ผลงานและการแก้ปัญหา

4. ด้านทกั ษะความสัมพันธ์ระหวา่ งบุคคลและความรับผิดชอบ

4.1 ผลการเรยี นรู้ 4.2 กลยทุ ธ์/วิธกี ารสอน 4.3 กลยทุ ธ์/วธิ กี ารประเมนิ ผล

1 [•] มีความสามารถในการทำงานร่วมกับ 1.กำหนดกิจกรรมการทำงาน 1.ประเมินจากการสังเกตพฤติกรรม
ผ้อู ืน่ มภี าวะผ้นู ำในการทำงานของกลมุ่ เปน็ กลุ่ม ของนกั ศึกษาในชั้นเรยี น

2 [๐] มีความคิดรเิ ร่ิมในการแก้ไขปัญหาท่ี 2.กำหนดกิจกรรมการทำงาน 2.1 ประเมนิ จากการสงั เกต

เกิดขนึ้ ในการทำงานของกลมุ่ เปน็ กลมุ่ โดยหมุนเวียนการเป็น พฤตกิ รรมของนักศึกษาในชัน้ เรยี น

ผู้นำและจำลองสถานการณ์ 2.2 ประเมินจากคณุ ภาพของ

ต่างๆ เพื่ อให้ ผู้เรียนร่วมกัน ผลงานที่ได้มอบหมาย

วิ เค ร า ะ ห์ แ ล ะ ร่ ว ม กั น ห า

แนวทางในการแกป้ ัญหา

3 [๐] มีความรับผิดชอบต่ออาชีพ มีน้ำใจ 3.ปลูกฝังพฤติกรรมให้มีการ 3.ประเมนิ จากการสงั เกตพฤติกรรม

และเสียสละ พร้อมอุทิศตนในการทำงาน รับผิดชอบต่อหน้าที่ตนเองและ ของนักศึกษาในชัน้ เรยี น

เพอ่ื สว่ นร่วม ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม

และมีความตรงต่อเวลา

4 [•] สามารถใช้ความรู้ในศาสตร์มาชี้นำ 4.กำหนดการทำงานเป็นกลุ่ม 4.1 ป ร ะ เมิ น จ า ก ก า ร สั ง เก ต
สังคมในประเด็นที่เหมาะสม ให้ความ แ ล ะ ใ ห้ มี ก า ร เก็ บ ข้ อ มู ล พฤติกรรมของนักศึกษาในช้ันเรียน
ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการ ภาคสนาม โดยเนน้ กระบวนการ และนอกชน้ั เรียน
มีส่วนรว่ มกบั ชุมชนสังคม 4.2 ป ระ เมิ น จ าก คุ ณ ภ าพ ขอ ง
แกไ้ ขปญั หาสถานการณ์ตา่ งๆ

กรอบมาตรฐานคุณวุฒริ ะดบั อดุ มศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขยี นรายละเอียดของรายวิชา (มคอ. 3) มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเพชรบรู ณ์ Page 5

ผลงานที่ได้มอบหมาย

5 [๐] สามารถเป็นผู้ริเร่ิมแสดงประเด็นใน 5.มอบหมายสถานการณ์หรือ 5.1ประเมนิ จากการสงั เกต

การแก้ไขสถานการณ์ ท้ังส่วนตัวและ หยิบยกกรณี ตัวอย่างท่ีเป็น พฤติกรรมของนกั ศกึ ษาในชนั้ เรยี น

ส่วนรวม พร้อมท้ังแสดงจุดยืนอย่าง ประเด็นสำคัญทางสังคมให้ 5.2 ประเมนิ จากคณุ ภาพของ

พอเหมาะท้ังของตนเองและของกลมุ่ ผเู้ รียนฝกึ ปฏบิ ตั ิในการวเิ คราะห์ ผลงานทีไ่ ดม้ อบหมาย

และวิพากษ์แลกเปลี่ยนเรียนรู้

ร่วมกัน

6 [•] มีความรับผิดชอบการพัฒนาการ 6.กำหนดกิจกรรมที่มีลักษณะ 6 .1 ป ร ะ เมิ น จ า ก ก า ร สั งเก ต
เรียนรู้ท้ังของตนเองและทางวิชาชีพอย่าง ของการบำเพ็ญประโยชน์ต่อ พฤติกรรมของนักศึกษาในช้ันเรียน
สังคมและสามารถนำความรู้ และนอกชนั้ เรยี น
ต่อเน่อื ง
จากการเรียนไปประยุกตใช้ใน 6.2 ป ระเมิ นจากคุณ ภ าพ ของ

ชีวิตประจำวันและต่อยอดไปสู่ ผลงานท่ไี ด้มอบหมาย

การแก้ไขปัญหาในชุมชนตนเอง

ได้

5. ดา้ นทกั ษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสอ่ื สาร และการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ

5.1 ผลการเรียนรู้ 5.2 กลยทุ ธ์/วธิ กี ารสอน 5.3 กลยทุ ธ์/วธิ ีการประเมินผล

1 [•] มีความสามารถในการวิเคราะห์ด้วย 1. - 1. -

กระบ วน การท างค ณิ ต ศ าส ต ร์ ห รือ

วิทยาศาสตรอ์ ยา่ งมีวิจารณญาณ เพื่อนำไป

ประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างมี

คุณภาพ

2[•] มี ค ว า ม รู้ แ ล ะ ทั ก ษ ะ ท า ง 2. ฝึกให้ทดลองแปลบทความ 2. ประเมินผลงานตามประเด็นท่ี
ภาษาต่างประเทศ และสามารถสื่อสารได้ หรอื ข่าวภาษาต่างประเทศส้ันๆ ได้รบั มอบหมาย
ท่ีเก่ียวข้องกับบทเรียน หรือ
อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
กรณีศึกษาที่น่าสนใจ เพื่อให้

ผเู้ รยี นมีความรู้ท่ีกว้างขวางมาก

ขึ้น

3 [•] มีทักษะในการส่ือสารด้วยการพูด 3. มอบหมายงานให้ค้นคว้าองค์ 3. ป ระเมินผลงานงานเขียนที่
การเขียน ตลอดจนการสื่อสารความหมาย ความรู้จากบ ทความสืบค้น น ำเส น อต าม ป ระ เด็ น ท่ี ได้ รับ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปใช้ในการ แหล่งข้อมูลต่างๆ มอบหมาย

นำเสนอผลงานวิชาการ หรือการนำเสนอ

เพ่ือประโยชน์ทางภาครัฐและภาคเอกชน

กรอบมาตรฐานคณุ วุฒิระดบั อุดมศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขยี นรายละเอยี ดของรายวิชา (มคอ. 3) มหาวิทยาลยั ราชภัฏเพชรบรู ณ์ Page 6

หมวดท่ี 5 แผนการสอนและการประเมนิ ผล

1. แผนการสอน

สปั ดาห์ หัวข้อ/รายละเอียด ชั่วโมงสอนต่อ กจิ กรรมการสอน สอ่ื ท่ใี ช้ใน อาจารย์ผสู้ อน
ที่ สปั ดาห์ การสอน
แน ะน ำราย วิชาแ ล ะ บรรยาย อภปิ ราย
1 สอบถามความรู้ท่ัวไป ทฤษฎี ปฏิบตั ิ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ Power point อ.ใจสคราญ
เกย่ี วกับการวจิ ัย มอบหมายงาน เอกสารประกอบ
30 การบรรยาย

2 – 3 บทท่ี 1 ความรู้เบื้องต้น 6 3 บรรยาย อภิปราย Power point อ.ใจสคราญ
เกี่ยวกับการวจิ ัย 3
- ความหมายของการ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ เอกสารประกอบ
วจิ ยั
- ปรชั ญาการวิจัย มอบหมายงาน การบรรยาย
- จดุ มุง่ หมายของการ
วจิ ัย 0 - บรรยาย อภปิ ราย Power point อ.ใจสคราญ
- ลักษณะและธรรมชาติ - แลกเปลยี่ นเรียนรู้ เอกสารประกอบ
ของการวิจยั ทาง - ยกตวั อย่างงานวิจัย การบรรยาย
สงั คมศาสตร์ และเทคนคิ การเกบ็
- กระบวนการวจิ ยั ข้อมลู ภาคสนาม เชน่
- ประเภทของการวิจยั ตวั อยา่ งงานการลง
พื้นท่เี กบ็ รวบรวมองค์
4 บทท่ี 2 เทคนิคการวิจัย ความรเู้ ร่ือง พิธีกรรม
ประเภทตา่ งๆในงาน เลีย้ งปเี จ้าปเู่ จา้ ยา่
พัฒนาสงั คม บา้ นปา่ แดง ตำบลปา่
- การวจิ ัยเชงิ บรรยาย เลา อำเภอเมอื ง
- การวิจัยเชิงทดลอง เพชรบูรณ์ จงั หวดั
- การวจิ ยั เชิง เพชรบรู ณ์ ซ่งึ สามารถ
ประวตั ศิ าสตร์ เชื่อมโยงถงึ หวั ข้อ
– การวิจยั ปฏิบตั กิ าร กระบวนการวจิ ยั
แบบมีส่วนรว่ ม ปฏบิ ตั ิการแบบมสี ว่ น
- การวจิ ยั ภาคสนาม ร่วมกบั ชมุ ชนได้อีก
- การวิจยั เชงิ คณุ ภาพ
- การวจิ ัยเชงิ ปริมาณ

กรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิระดบั อดุ มศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขยี นรายละเอยี ดของรายวชิ า (มคอ. 3) มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เพชรบูรณ์ Page 7

ด้วย

5 – 8 บทที่ 3 การวางแผน 9 3 - บรรยาย อภิปราย Power point อ.ใจสคราญ
การวิจัย
- กำหนดหัวขอ้ ปญั หา 6 - แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ เอกสารประกอบ
วจิ ัย 3
- ท่มี า/ความเปน็ มา 6 - แบบฝึกหัด การบรรยาย
ความสำคญั ของการวจิ ัย
- หลกั เกณฑ์การตัง้ ช่ือ - สอบกลางภาคใน
เร่อื งการวิจยั
- วัตถปุ ระสงค์ของการ สปั ดาห์ท่ี 8
วจิ ยั
- หลกั การเขียน 0 - บรรยาย อภิปราย Power point อ.ใจสคราญ
วัตถุประสงคก์ ารวิจยั
- ขอบเขตของการวจิ ยั - แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ เอกสารประกอบ
- สมมติฐาน
- คำนิยามศพั ท์ - แบบฝึกหัด การบรรยาย
- การศึกษาเอกสารและ
งานวิจัยท่เี กย่ี วข้อง 0 - บรรยาย อภิปราย Power point อ.ใจสคราญ
- ตวั แปรในการวิจยั
- กรอบความคิดในการ - แลกเปล่ียนเรยี นรู้ เอกสารประกอบ
วิจยั
- แบบฝกึ หดั การบรรยาย
9 - 10 บทท่ี 4 แหล่งข้อมลู
การเลอื กตวั อย่าง และ 3 - บรรยาย อภปิ ราย Power point อ.ใจสคราญ
เคร่อื งมอื เกบ็ รวบรวม
ข้อมูล - แลกเปลย่ี นเรียนรู้ เอกสารประกอบ
- แหลง่ ข้อมลู
- ประชากรและกลมุ่ - แบบฝกึ หดั การบรรยาย
ตัวอย่าง
- การกำหนดขนาดของ
ตัวอยา่ ง
- วธิ ีการเลือกตัวอยา่ ง

11 บทท่ี 5 ฝึกปฏิบัติวาง
แผนการวิจยั
– การเขียนเค้าโครง
- โครงการวิจยั ( 3 บท)

12-13 บ ท ท่ี 6 ก า ร เ ก็ บ
รวบรวมข้อมูลและการ
วเิ คราะห์ขอ้ มูล
- วิธีการเก็บรวบ รวม
ข้อมูล
- การเตรียมข้อมูลเพ่ือ
การวเิ คราะห์

กรอบมาตรฐานคุณวุฒริ ะดบั อดุ มศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขยี นรายละเอยี ดของรายวิชา (มคอ. 3) มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เพชรบรู ณ์ Page 8

- วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล 0 6 - บรรยาย Power point อ.ใจสคราญ
- สถติ เิ บ้อื งต้นท่ีใช้ใน - อาจารย์ให้นักศึกษา เอกสารประกอบ
การวิจัยทาง แบ่งกลุ่มเพื่อร่วมกัน
สังคมศาสตร์ ถอดบทเรียนจากการ การบรรยาย
- การเลอื กใช้สถิติ
วเิ คราะหข์ อ้ มูล เรียนการสอนตลอด
ทง้ั ภาคการศึกษา
14 - 15 บทท่ี 7 ฝึกปฏิบัติการ
เก็บและการวิเคราะห์
ข้อมูล
- การเขียนรายงานการ
วิจัย
- การนำาวธิ ีการและผล
การวิจยั ไปใชป้ ระโยชน์

16 สอบปลายภาค

2. แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้

กจิ กรรมที่ การเรยี นรู้ดา้ น ผลการเรยี นรู้ วธิ กี ารประเมนิ สปั ดาห์ท่ี สัดสว่ นการ
ประเมนิ
ประเมนิ
10%
1 คณุ ธรรม จรยิ ธรรม 1 . [๐ ] มี คุ ณ ธ ร ร ม แ ล ะ -สังเกตพฤติกรรม
60%
จรยิ ธรรม ศรทั ธาในความดี การปฏิบตั ิ

2. [•] มีจิตสาธารณะและมี -การตรงต่อเวลา
-การขานชอื่ หรือ
ความรับผิดชอบ
3. [•] มีศีลธรรม ซ่ือสัตย์ เซน็ ชือ่
สุจรติ -การเข้ารว่ ม
4. [๐] สามารถรับผิดชอบตาม กจิ กรรม

สถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม

ท้ังในสถานการณ์ส่วนบุคคล 1-15
แ ล ะ ข อ ง ก ลุ่ ม โ ด ย ก า ร

แสดงออกซึ่งภาวะผู้นำในการ

แสดงทางเลอื กใหม่ที่เหมาะสม

5. [๐ ] มีระเบียบวินัยและ

เคารพกติกาของสังคม รวมทั้ง

เค า ร พ ใน คุ ณ ค่ าแ ล ะ ศั ก ดิ์ ศ รี

ความเป็นมนุษย์

6. [•] มีจรรยาบ รรณ ทาง

วิชาการและวิชาชีพ

2 ความรู้ 1 . [•] มี ค ว า ม รู้ แ ล ะ - การสอบขอ้ เขียน

ประสบการณ์ในสาขาวิชาที่ (สอบยอ่ ย)
ศึกษาและสามารถประยุกต์ใช้ - การรายงานผลการ
ใน ก า ร ด ำ ร ง ชี วิ ต ใน ก า ร สบื ค้น การนำเสนอ
ดำรงชีวิตเพ่ือใช้ในการแก้ไข งานนิทรรศการ -6

กรอบมาตรฐานคุณวฒุ ริ ะดบั อุดมศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขียนรายละเอยี ดของรายวชิ า (มคอ. 3) มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบรู ณ์ Page 9

ปั ญ ห า แ ล ะ ข้ อ โต้ แ ย้ งใน -10

สถานการณอ์ ่ืนๆและการแกไ้ ข - 2-14

ปัญหาในการทำงานได้

2. [•] ส าม ารถ วิเค ร าะ ห์

ปญั หา เข้าใจและอธิบายความ

ต้องการทางการพฒั นาสงั คม

3 . [๐ ] ส า ม า ร ถ ติ ด ต า ม

ค ว า ม ก้ า ว ห น้ า ท า ง วิ ช า ก า ร

รวมทั้งการนำไปประยุกตใ์ ช้

4. [๐ ] รู้ เข้าใจ แล ะสน ใจ

พัฒนาความรู้ ความชำนาญ

อย่างตอ่ เน่ือง

3 ทกั ษะทางปัญญา 1. [•] ส าม ารถคิ ด อย่ างมี ประเมนิ ผลการ
วิจารณญาณ มีทักษะในการ ดำเนนิ กิจกรรมการ
คดิ วิเคราะห์อย่างมีเหตุผล แสดงนทิ รรศการ
2. [๐ ] ส าม ารถ พิ จ ารณ า การออกบูธ รายงาน
แ ส ว ง ห า แ ล ะ เส น อ แ น ะ ผลติ งานที่
แนวทางในการแก้ไขปัญหา มอบหมายและการ
ทางวิชาการ หรือวิชาชีพ โดย แก้ปญั หา
2-14 20%
5%
ยอมรับข้อจำกัดทางธรรมชาติ

ของความรู้ในสาขาวิชาของ

ตนเอง

3. [•] สามารถรวบรวม ศึกษา

วิเคราะห์ และสรุปประเด็น

ปญั หาและความต้องการ

4 ทักษะ 1. [•] มีความสามารถในการ ประเมนิ จากการ

ความสมั พันธ์ ทำงานร่วมกับผู้อ่ืน มีภาวะ สังเกตพฤตกิ รรม
ระหวา่ งบุคคลและ ผนู้ ำในการทำงานของกล่มุ ของนกั ศึกษาในชน้ั
ความรับผดิ ชอบ 2. [๐] มีความคิดริเร่ิมในการ เรียน และการระดม
แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการ ความคดิ

ทำงานของกลมุ่

3. [๐] มีความรับผิดชอบต่อ

อาชีพ มีน้ำใจและเสียสละ

พร้อมอุทิศตนในการทำงาน 1-15

เพื่อสว่ นรวม

4. [•] สามารถใช้ความรู้ใน

ศาสตร์ช้ีนำสังคมในประเด็นที่

เหมาะสม ให้ความช่วยเหลือ

และอำนวยความสะดวกใน

การแก้ไขปัญหาสถานการณ์

ตา่ งๆ

5. [๐] สามารถเป็นผู้ริเร่ิม

กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดบั อดุ มศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขยี นรายละเอยี ดของรายวชิ า (มคอ. 3) มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบรู ณ์ Page 10

แ ส ด ง ป ร ะ เด็ น ใ น ก า ร แ ก้ ไ ข

ส ถ า น ก า ร ณ์ ทั้ ง ส่ ว น ตั ว แ ล ะ

ส่วนรวม พร้อมท้ังแสดงจุดยืน

อย่างพอเหมาะทั้งของตนเอง

และของกลมุ่

6. [•] มีความรับผิดชอบการ

พฒั นาการเรยี นรทู้ ้ังของตนเอง

และทางวิชาชพี อยา่ งตอ่ เน่อื ง

5 ทักษะการวิเคราะห์ 1. [•] มีความสามารถในการ ประเมินผลจาก
เชิงตัวเลข การ วเิ คราะห์ด้วยกระบวนการทาง ทกั ษะการเขยี น
สอื่ สาร และการใช้ คณิตศาสตร์ หรือวทิ ยาศาสตร์ ผลงาน การอ่าน
เทคโนโลยี อย่างมีวิจารณญาณ เพ่ือนำไป การแปลผล และการ

สารสนเทศ ประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต นำเสนอปากเปล่า

ไดอ้ ย่างมคี ณุ ภาพ
2. [•] มีความรู้และทักษะใน สังเกตพฤตกิ รรม
การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศใน การค้นควา้ จากการ 1-15 5%
ก ารแ ส วงห าค วาม รู้ เพ่ื อ รายงานผลการ
นำไปใชไ้ ด้อยา่ งมีประสิทธิภาพ สืบค้น
3. [•] มีทักษะในการสื่อสาร

ด้ ว ย ก า ร พู ด ก า ร เขี ย น

ต ล อ ด จ น ก า ร ส่ื อ ส า ร

ค ว า ม ห ม า ย ไ ด้ อ ย่ า ง มี

ประสิทธิภาพ เพื่อนำไปใช้ใน

ก าร น ำเส น อ ผ ล งาน ท า ง

วิชาการ หรือการนำเสนอเพื่อ

ป ร ะ โ ย ช น์ ท า ง ภ า ค รั ฐ แ ล ะ

เอกชน

หมวดท่ี 6 ทรพั ยากรประกอบการเรียนการสอน

1. ตำราและเอกสารหลัก
ณรงค์ โพธ์ิพฤกษานันท์. (2546). ระเบียบวิธีวิจัย : แนวการเขียนเค้าโครงการวิจัยและ

รายงานการ วิจยั . ดวงแกว้ , กรุงเทพฯ. 2546.
2. เอกสารและข้อมูลแนะนำ

นิศากร สิงหเสนี. (2546). ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย ,กรงุ เทพมหานคร.

สุพรรณี ไชยอำพรและสนิท สมัครการ. (2547). การวิเคราะห์ทางสังคมเพ่ือการพัฒนา
แนวความคิดและวิธกี าร. โครงการส่งเสริมเอกสารวิชาการ สถาบนั บณั ฑติ พัฒนบรหิ ารศาสตร์, กรงุ เทพฯ.

กรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดบั อุดมศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขยี นรายละเอยี ดของรายวิชา (มคอ. 3) มหาวิทยาลยั ราชภัฏเพชรบรู ณ์ Page 11

สุพรรณี ไชยอำพรและสนิท สมัครการ. (2549). แนวความคิดและแนวทางการศึกษาปัญหา
สังคมกับปัญหาสังคมไทยและมาตรการป้องกันแก้ไข. โครงการส่งเสริมเอกสารวิชาการ สถาบัน
บณั ฑิตพฒั นบรหิ ารศาสตร์, กรุงเทพฯ.

หมวดที่ 7 การประเมนิ และปรับปรุงการดำเนินการของรายวชิ า

1. กลยุทธ์การประเมินประสิทธผิ ลของรายวิชาโดยนกั ศึกษา
1.1 แบบประเมินผ้สู อนและแบบประเมนิ รายวชิ าโดยนักศึกษา
1.2 การสงั เกตการณ์จากพฤตกิ รรมของผ้เู รียน
1.3 การสนทนากลุม่ ระหว่างผ้สู อนและผู้เรียน
1.4 เปิดโอกาสให้นกั ศึกษาแสดงความคดิ เห็นต่อผลการเรียนเม่ือส้นิ สุดการศกึ ษา

2. กลยุทธก์ ารประเมนิ การสอน
2.1 สังเกตการสอนของผรู้ ว่ มทีมการสอน
2.2 ผลการสอบ
2.3 การทวนสอบผลประเมนิ การเรียนรู้
2.4 ผลการประเมนิ ความพึงพอใจต่อสภาพการจดั บรรยากาศในชั้นเรยี น ทเ่ี น้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญ

ของคณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏเพชรบูรณ์

3. การปรับปรุงการสอน
หลงั จากผลการประเมินการสอนในข้อ 2 จึงมีการปรบั ปรงุ การสอนโดยการจดั กิจกรรมในการระดม

สมองและหาข้อมลู เพมิ่ เติมในการปรับปรุงการสอน ดงั น้ี
3.1 สัมมนาการจัดการเรียนการสอน
3.2 การวจิ ยั ในและนอกช้ันเรียน

4. การทวนสอบมาตรฐานผลสมั ฤทธ์ขิ องนักศกึ ษาในรายวชิ า
ในระหว่างกระบวนการสอนรายวิชา มีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ในรายหัวข้อ ตามท่ีคาดหวังจากการ

เรียนรูใ้ นวิชา ได้จากการสอบถามนกั ศึกษา หรือการสุม่ ตรวจผลงานของนกั ศึกษา รวมถงึ พจิ ารณาจากผลการ
ทดสอบยอ่ ย และหลังการออกผลการเรยี นรายวชิ า มีการทวนสอบผลสัมฤทธิโ์ ดยรวมในวชิ าได้ ดงั น้ี

4.1 การทวนสอบการให้คะแนนจากการสุ่มตรวจผลงานของนักศึกษาโดยอาจารย์อ่ืน หรือ
ผู้ทรงคณุ วฒุ ิทีไ่ มใ่ ช่อาจารย์ประจำหลักสูตร

4.2 มกี ารตงั้ คณะกรรมการในสาขาวิชาตรวจสอบผลการประเมินการเรียนรู้ของนักศึกษา โดย
ตรวจสอบข้อสอบ รายงานวธิ กี ารใหค้ ะแนนสอบและการให้คะแนนพฤติกรรม
5. การดำเนนิ การทบทวนและการวางแผนปรับปรงุ ประสทิ ธผิ ลของรายวชิ า

จากผลการประเมิน และทวนสอบผลสัมฤทธ์ปิ ระสิทธผิ ลรายวชิ า ได้มีการวางแผนการปรบั ปรงุ การ
สอนและรายละเอยี ดวิชาเพื่อใหเ้ กดิ คุณภาพมากขึ้น ดังน้ี

5.1 ปรบั ปรงุ รายวิชาทุก 4 ปีหรือตามข้อเสนอแนะและผลการทวนสอบมาตรฐานผลสมั ฤทธ์ิตาม
ข้อ 4

กรอบมาตรฐานคุณวฒุ ิระดบั อดุ มศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขยี นรายละเอยี ดของรายวชิ า (มคอ. 3) มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเพชรบรู ณ์ Page 12

5.2 เปล่ยี นหรอื สลบั อาจารยผ์ สู้ อน เพ่อื ใหน้ ักศึกษามีมุมมองในเร่ืองการประยุกต์ความร้นู ้ีกับ
ปญั หาท่มี าจากงานวจิ ยั ของอาจารยห์ รือความกา้ วหนา้ ทางวชิ าการตา่ ง ๆ

กรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดบั อดุ มศึกษาแห่งชาติ แบบฟอร์มการเขยี นรายละเอียดของรายวิชา (มคอ. 3) มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบรู ณ์ Page 13

พธิ เี ลี้ยงเจาปเู จา ยา
บา นปา แดง

ตำบลปาเลา อำเภอเมอื งเพชรบรู ณ จังหวัดเพชรบูรณ

สำนักศิลปะและวฒั นธรรม
มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบูรณ


Click to View FlipBook Version