ค ำน ำ กรมกำรพัฒนำชุมชน มีภำรกิจเกี่ยวกับกำรส่งเสร ิมกระบวนกำรเร ียนรู้และกำรมีส่วนร่วมของประชำชน ส่งเสร ิมและพัฒนำเศรษฐกิจชุมชนฐำนรำกให้มีควำมมั่นคงและมีเสถียรภำพ สร้ำงควำมเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชน ตำมกรอบแผนปฏิบัติรำชกำรระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 -2570) แผนปฏิบัติรำชกำร เร ื่องที่ 2 กำรส่งเสร ิมและยกระดับ เศรษฐกิจฐำนรำกให้มั่นคง โดยมีเป้ำประสงค์ให้คนในชุมชนมีงำน มีรำยได้ และมีคุณภำพชีวิตที่ดี และแผนปฏิบัติรำชกำร เร ื่องที่ 4 กำรพัฒนำองค์กรให้ทันสมัย มีสมรรถนะสูง และมีธรรมำภิบำล บุคลำกรมีอุดมกำรณ์และเชี่ยวชำญในงำน พัฒนำชุมชน โดยกำรส่งเสร ิมกำรเร ียนรู้สำธำรณะเชิงรุกและสนับสนุนกำรให้บร ิกำรทำงวิชำกำร ซึ่งในกำรขับเคลื่อนงำน ตำมยุทธศำสตร์ดังกล่ำวของกรมกำรพัฒนำชุมชน มีควำมสอดคล้องกับกำรด ำเนินโครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่อง มำจำกพระรำชด ำร ิ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี (อพ.สธ.) ตำมแผนแม่บท อพ.สธ. ระยะ 5 ปีที่เจ็ด (1 ตุลำคม พ.ศ. 2564 - 30 กันยำยน พ.ศ. 2569) โครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำกพระรำชด ำร ิ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี (อพ.สธ.) ได้ด ำเนินกำรมำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้ำงควำมเข้ำใจ เห็นควำมส ำคัญของพันธุกรรมพืช และทรัพยำกร เพื่อให้เกิดกำรร่วมคิด ร่วมปฏิบัติ จนเกิดประโยชน์ถึงมหำชนชำวไทยโดยให้มีระบบข้อมูลพันธุกรรมพืช และทรัพยำกรสื่อถึงกันได้ทั่วประเทศ กรมกำรพัฒนำชุมชน โดยศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชนล ำปำง ได้ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ ด ำเนินโครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำกพระรำชด ำร ิ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี (อพ.สธ.) นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เพื่อสืบสำนโครงกำรอันเนื่องมำจำกพระรำชด ำร ิเป็นหนึ่งในภำรกิจหลักในกำรส่งเสร ิม กระบวนกำรเร ียนรู้กำรมีส่วนร่วมของประชำชน และกำรพัฒนำเศรษฐกิจชุมชนฐำนรำกให้มีควำมมั่นคงและมีเสถียรภำพ ด้วยแนวคิดกำรสร้ำงควำมรู้เกี่ยวกับกำรรักษำพันธุกรรมพืช ซึ่งเป็นทุนทำงธรรมชำติเพื่อรองรับสถำนกำรณ์ควำมเปลี่ยนแปลง และส่งเสร ิมให้ประชำชนสำมำรถเข้ำถึงแหล่งทุนที่มีอยู่ในชุมชน เพื่อน ำทุนที่มีอยู่ไปส่งเสร ิมกำรประกอบอำชีพ สร้ำงรำยได้ ให้กับครอบครัว ชุมชน ส่งผลให้เศรษฐกิจฐำนรำกมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่ำงยั่งยืน ด้วยหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง หลักสูตรเสร ิมกำรเร ียนรู้ อพ.สธ. เร ื่อง สีสันจำกพฤกษำ ลงผืนผ้ำด้วยใจรักษ์ ของศูนย์ศึกษำและพัฒนำ ชุมชนล ำปำง ได้พัฒนำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนองพระรำชด ำร ิในโครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำก พระรำชด ำริสมเด็จพระเทพรตันรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี(อพ.สธ.) เพิ่มศักยภำพด้ำนกำรใชป้ระโยชน์จำกพืชให้สี ให้แก่ประชำชนในพื้นที่ และส่งเสร ิมให้เกิดกำรตระหนักรู้ถึงควำมส ำคัญด้ำนกำรอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จำกทรัพยำกร ในท้องถิ่น โดยใชพ้ ื้นที่สนองพระรำชด ำริอพ.สธ.-ศพช.ล ำปำง เป็นแหล่งเร ียนรู้ และให้ผู้ที่มีควำมรู้ ควำมเชี่ยวชำญ หร ือ ปรำชญ์ท้องถิ่นได้เข้ำมำมีส่วนรว่มในกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ซึ่งเป็นกระบวนกำรส่งเสร ิมกระบวนกำรเร ียนรู้ด้วยภูมิปัญญำ ท้องถิ่น ทั้งนี้หวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำผู้เข้ำรว่มกิจกรรมจะได้น ำเอำองค์ควำมรูท้ ี่ได้จำกกำรอบรมในครงั้นี้ไปใชใ้นกำรประกอบ อำชพีเพมิ่รำยได้และขยำยผลให้เกิดคุณค่ำ รู้จักใช้ประโยชน์ของทรัพยำกรท้องถิ่น ก่อให้เกิดควำมรกัควำมหวงแหน และเร ียนรู้ที่จะอนุรักษ์และปลูกทดแทนเพื่อกำรผลิตที่ยั่งยืน ศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชนล ำปำง สถำบันกำรพัฒนำชุมชน กรมกำรพัฒนำชุมชน
สำรบัญ เร ื่อง หน้ำ ค ำน ำ สำรบัญ ตำรำงกำรด ำเนินกิจกรรม วิชำที่ 1 กำรอนุรกัษ์และใชป้ระโยชน์ทรพัยำกรท้องถิ่น ตำมแนวทำงโครงกำร อพ.สธ. 1 วิชำที่ 2 กำรใช้ประโยชน์จำกทุนธรรมชำติ ประเภทพืชให้สี 11 วิชำที่ 3 ฝึกปฏิบัติกำรใช้ประโยชน์จำกทุนธรรมชำติ ประเภทพืชให้สี เพื่อกำรพัฒนำผลิตภัณฑ์ 25 โดยวิธีกำรพิมพ์ลำยผ้ำจำกสีธรรมชำติ วิชำที่ 4 กำรจัดกำรควำมรู้กำรใช้ประโยชน์จำกทุนธรรมชำติ ประเภทพืชให้สี 28
ตำรำงกำรด ำเนินกิจกรรม หลักสูตรเสร ิมกำรเร ียนรู้ อพ.สธ. เร ื่อง “สีสันจำกพฤกษำ ลงผืนผ้ำด้วยใจรักษ์” กิจกรรมสนองพระรำชด ำร ิโครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำกพระรำชด ำร ิ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี (อพ.สธ.) ณ ศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชนล ำปำง วันเสำร์ที่ 27 พฤษภำคม 2566 เวลำ 08.00 - 08.30 น. ลงทะเบียน เวลำ 08.30 - 09.00 น. ปฐมนิเทศ ชี้แจงสร้ำงควำมเข้ำใจหลักสูตร ฯ เวลำ 09.00 - 10.00 น. กำรอนุรกัษ์และใชป้ระโยชน์ทรพัยำกรท้องถิ่น ตำมแนวทำงโครงกำร อพ.สธ. เวลำ 10.00 - 12.00 น. กำรใช้ประโยชน์จำกทุนธรรมชำติ ประเภทพืชให้สี เวลำ 12.00 - 13.00 น. รับประทำนอำหำรกลำงวัน เวลำ 13.00 - 15.00 น. ฝึกปฏิบัติกำรใช้ประโยชน์จำกทุนธรรมชำติ ประเภทพืชให้สี เพื่อกำรพัฒนำผลิตภัณฑ์ โดยวิธีกำรพิมพ์ลำยผ้ำจำกสีธรรมชำติ เวลำ 15.00 - 16.00 น. กำรจัดกำรควำมรู้กำรใช้ประโยชน์จำกทุนธรรมชำติ ประเภทพืชให้สี เวลำ 16.00 - 16.30 น. แลกเปลี่ยนเร ียนรู้ สรุปและประเมินผลกิจกรรม หมำยเหตุ: ก ำหนดกำรอำจเปลี่ยนแปลงได้ตำมควำมเหมำะสม
1 โครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมำจำกพระรำชด ำร ิ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี (อพ.สธ.) a เมื่อเดือนมิถุนำยน พ.ศ. 2535 สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี ทรงมีพระรำชด ำร ิกับ นำยแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขำธิกำรพระรำชวังและผู้อ ำนวยกำรโครงกำรส่วนพระองค์ฯ สวนจิตรลดำ ให้อนุรักษ์พืชพรรณ ของประเทศและด ำเนินกำรเป็นธนำคำรพืชพรรณ โครงกำรอนุรกัษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำกพระรำชด ำรฯิได้เรม่ิ ด ำเนินกำร โดยฝ่ำยวิชำกำรโครงกำรส่วนพระองค์ฯ ส ำหรับงบประมำณด ำเนินงำนนั้น ส ำนักงำนคณะกรรมกำรพิเศษ เพื่อประสำนงำนโครงกำรอันเนื่องมำจำกพระรำชด ำร ิ ได้สนับสนุนให้กับโครงกำรส่วนพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี โครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำกพระรำชด ำร ิฯ โดยจัดสร้ำงธนำคำรพืชพรรณขึ้นใน ปี 2536 ส ำหรับเก็บรักษำพันธุกรรมพืชที่เป็นเมล็ดและเนื้อเยื่อ และสนับสนุนงบประมำณด ำเนินงำนทุกกิจกรรมของ โครงกำร พ.ศ 2536 เป้หมำยหลัก เพื่อพัฒนำบุคลำกร อนุรักษ์และพัฒนำทรัพยำกรพันธุกรรมพืชและทรัพยำกร ให้เกิดประโยชน์กับมหำชน ชำวไทย วัตถุประสงค์ 1. ให้เข้ำใจและเห็นควำมส ำคัญของพันธุกรรมพืชและทรัพยำกร 2. ให้ร่วมคิด ร่วมปฏิบัติ จนเกิดผลประโยชน์ถึงมหำชนชำวไทย 3. ให้มีระบบข้อมูลพันธุกรรมพืชและทรัพยำกร สื่อถึงกันได้ทั่วประเทศ แนวทำงกำรด ำเนินงำนตำมกรอบกำรด ำเนินงำน ตำมแผนแม่บท อพ.สธ. ระยะ 5 ปีที่เจ็ด (1 ตุลำคม พ.ศ. 2564 - 30 กันยำยน พ.ศ. 2569) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้ำหมำยที่ก ำหนดไว้ข้ำงต้น จึงก ำหนดแนวทำงและแผนกำรด ำเนินงำน ตำมแผนแม่บท อพ.สธ. ระยะ 5 ปีที่เจ็ด (1 ตุลำคม พ.ศ. 2564 - 30 กันยำยน พ.ศ. 2569) โดยมีกิจกรรม 8 กิจกรรม ที่อยู่ภำยใต้ 3 กรอบกำรด ำเนินงำนและ 3 ฐำนทรัพยำกร ได้แก่ ทรัพยำกรกำยภำพ ทรัพยำกรชีวภำพ และทรัพยำกร วัฒนธรรมและภูมิปัญญำ ดังนี้ 1. กรอบกำรเร ียนรู้ทรัพยำกร เพื่อพัฒนำและเพิ่มประสิทธภิำพกำรด ำเนินงำนด้ำนกำรพัฒนำ และด้ำนกำรบร ิหำรจัดกำรด้ำนปกปัก ทรัพยำกรของประเทศ จึงต้องมีกำรเร ียนรู้ทรัพยำกรในพื้นที่ โดยมีกิจกรรมที่ด ำเนินงำน ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 กิจกรรม ปกปักทรัพยำกร กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมส ำรวจเก็บรวบรวมทรัพยำกร และกิจกรรมที่ 3 กิจกรรมปลูกรักษำทรัพยำกร การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรท้องถิ่น
2 กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมปกปักทรัพยำกร เป้ำหมำย 1. เพื่อปกปักรักษำพื้นที่ป่ำธรรมชำติของหน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ ทั้งหน่วยงำนภำครัฐและ เอกชน ที่มีพื้นที่ป่ำดั้งเดิมอยู่ในควำมรับผิดชอบ โดยไม่มีนโยบำยจะเปลี่ยนแปลงสภำพพื้นที่ แต่จะต้องเป็นพื้นที่นอกเหนือ จำกพื้นที่ของกรมป่ำไม้และกรมอุทยำนแห่งชำติสัตว์ป่ำและพันธุ์พืช หร ือจะต้องไม่เป็นพื้นที่ที่มีปัญหำกับรำษฎรโดย เด็ดขำด 2. เพื่อร่วมมือกับกรมป่ำไม้และกรมอุทยำนแห่งชำติสัตว์ป่ำและพันธุ์พืช โดยที่กรม ฯ น ำพื้นที่ของกรม ฯ มำสนองพระรำชด ำร ิ ตำมควำมเหมำะสม แนวทำงกำรด ำเนินกิจกรรมปกปักทรัพยำกรในพื้นที่ปกปักทรัพยำกร 1. กำรท ำขอบเขตพื้นที่ปกปักทรัพยำกร และให้ระบุสถำนะพื้นที่ว่ำอยู่เอกสำรสิทธปิ์ระเภทใด 1.1 เป็นพื้นที่มีเอกสำรสิทธขิ์องหน่วยงำน ฯ 1.2 เป็นพื้นที่ของหน่วยงำนอื่นแต่อนุญำตให้มีสิทธใิ์ชพ้ ื้นที่นั้นได้ *** พื้นที่ปกปักทรัพยำกร ต้องไม่เป็นพื้นที่ที่มีกรณีพิพำทกับรำษฎรในเร ื่องของกำรบุกรุกหร ือแผ้วถำง 2. กำรส ำรวจ ท ำรหัสประจ ำต้นไม้ ท ำรหัสพิกัด เพื่อรวบรวมเป็นฐำนข้อมูลในพื้นที่ของหน่วยงำนที่ร่วม สนองพระรำชด ำร ิ 3. กำรส ำรวจ ท ำรหัสพิกัด และค่ำพิกัดของทรัพยำกรชีวภำพอื่น ๆ นอกเหนือจำกพันธุกรรมพืช เช่น สัตว์ จุลินทร ีย์ 4. กำรส ำรวจ ท ำรหัสพิกัด และค่ำพิกัดของทรัพยำกรกำยภำพ เช่น ดิน หิน แร่ธำตุต่ำง ๆ คุณภำพน้ำ คุณภำพอำกำศ เป็นต้น 5. กำรส ำรวจเก็บข้อมลูภูมิปญัญำท้องถิ่น วัฒนธรรมต่ำง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกำรใชท้รพัยำกรกำยภำพและ ทรัพยำกรชีวภำพในพื้นที่ 6. สนับสนุนให้มีอำสำสมัครปกปักรักษำทรัพยำกรในพื้นที่สถำนศึกษำ เช่น นักศึกษำในมหำวิทยำลัย ในระดับหมู่บ้ำน ต ำบล สนับสนุนให้ประชำชนที่อยู่รอบ ๆ พื้นที่ปกปักทรัพยำกร เช่น มีกิจกรรมป้องกันไฟป่ำ กิจกรรม ร่วมมือร่วมใจรักษำทรัพยำกรในพื้นที่ปกปักทรัพยำกร เป็นต้น กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมส ำรวจเก็บรวบรวมทรัพยำกร เป้ำหมำย 1. เพื่อส ำรวจและเก็บรวบรวมทรัพยำกรในพื้นที่ ได้แก่ ทรัพยำกรกำยภำพ ทรัพยำกรชีวภำพ และทรัพยำกร วัฒนธรรมและภูมิปัญญำ ในพื้นที่ที่ทรำบแน่ชัดว่ำก ำลังจะเปลี่ยนแปลงจำกสภำพเดิม เช่น จำกป่ำกลำยเป็นสวน พื้นที่ ตำมเกำะต่ำง ๆ ที่จะกลำยสภำพเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว พื้นที่ที่เรง่ ในกำรสรำ้งถนนและสิ่งก่อสรำ้งต่ำง ๆ ภำยใต้รศัมีอย่ำงน้อย 50กิโลเมตร ของหน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ ให้พิจำรณำควำมพร้อมและศักยภำพของหน่วยงำนที่เป็นแกนกลำง
3 ด ำเนินงำนในแต่ละพื้นที่เป็นส ำคัญ 2. เพื่อส ำรวจและเก็บรวบรวมทรัพยำกรในพื้นที่ ได้แก่ ทรัพยำกรกำยภำพ ทรัพยำกรชีวภำพ และทรัพยำกร วัฒนธรรมและภูมิปัญญำ ภำยใต้รัศมีอย่ำงน้อย 50 กิโลเมตร ของหน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิอำจจะก ำลังเปลี่ยนแปลง หร ือไม่ก็ได้แต่เป็นคนละพื้นที่กับพื้นที่ปกปักพันธุกรรมพืช/ทรัพยำกรดังในกิจกรรมที่ 1 กิจกรรมปกปักทรัพยำกร แนวทำงกำรด ำเนินกิจกรรมส ำรวจเก็บรวบรวมทรัพยำกร 1. กำรส ำรวจเก็บรวบรวมตัวอย่ำง ทรัพยำกรกำยภำพ ทรัพยำกรชีวภำพ และทรัพยำกรวัฒนธรรมและ ภูมิปัญญำ ในบร ิเวณรัศมีอย่ำงน้อย 50 กิโลเมตร ของหน่วยงำนนั้น ๆ 2. กำรส ำรวจ ท ำรหัสประจ ำต้นไม้ ท ำรหัสพิกัด เพื่อรวบรวมเป็นฐำนข้อมูลในพื้นที่ 3. กำรส ำรวจ ท ำรหัสพิกัด และค่ำพิกัดของทรัพยำกรชีวภำพอื่น ๆ นอกเหนือจำกพันธุกรรมพืช เช่น สัตว์ จุลินทร ีย์ 4. กำรส ำรวจ ท ำรหัสพิกัด และค่ำพิกัดของทรัพยำกรกำยภำพ เช่น ดิน หิน แร่ธำตุต่ำง ๆ คุณภำพน้ำ คุณภำพอำกำศ เป็นต้น 5. กำรส ำรวจเก็บข้อมลูภูมิปญัญำท้องถิ่น วัฒนธรรมต่ำง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกำรใช้ทรัพยำกรกำยภำพและ ทรัพยำกรชีวภำพในพื้นที่ 6. กำรเก็บรวบรวมทรัพยำกรชีวภำพเพื่อเป็นตัวอย่ำงแห้ง และตัวอย่ำงดอง รวมถึงกำรเก็บตัวอย่ำง ทรัพยำกรกำยภำพ เพื่อเป็นตัวอย่ำงในกำรศึกษำหร ือเก็บในพิพิธภัณฑ์พืช พิพิธภัณฑ์ธรรมชำติวิทยำ 7. กำรเก็บพันธุกรรมทรัพยำกร ส ำหรับพืชสำมำรถเก็บเพื่อเป็นตัวอย่ำงเพื่อกำรศึกษำหร ือมีกำรเก็บใน รูปเมล็ดในห้องเก็บรกัษำเมล็ดพันธุ์กำรเก็บต้นพืชมีชวีติเพื่อไปปลูกในที่ปลอดภัย กำรเก็บชนิ้ส่วนพืชที่มชีวีติ (เพื่อน ำมำ เก็บรักษำในสภำพเพำะเลี้ยงเนื้อเยื่อ) และส ำหรับทรัพยำกรอื่น ๆ (สัตว์ จุลินทร ีย์ เห็ด รำ ฯลฯ) สำมำรถเก็บตัวอย่ำงมำ ศึกษำและขยำยพันธุ์ต่อไปได้ ในกิจกรรมที่ 3 กิจกรรมปลูกรักษำทรัพยำกร กิจกรรมที่ 3 กิจกรรมปลูกรักษำทรัพยำกร เป้ำหมำย 1. เพื่อน ำทรพัยำกรที่มีค่ำ ใกล้สูญพันธุ์หรอืต้องกำรเพมิ่ปรมิำณเพื่อน ำมำใชป้ระโยชน์จำกพื้นทใี่นกิจกรรมที่ 1และกิจกรรมที่ 2 ท ำกำรคัดเลือกมำเพื่อด ำเนินงำนเป็นกิจกรรมต่อเนื่อง โดยกำรน ำพันธุกรรมทรัพยำกรชีวภำพต่ำง ๆ ไปเพำะพันธุ์ปลูกเลี้ยง และขยำยพันธุเ์พิ่มในพื้นที่ที่ปลอดภัยเร ียกว่ำ “พื้นที่ปลูกรักษำทรัพยำกร” 2. เพื่อส่งเสรมิให้เพิ่มพื้นที่แหล่งรวบรวมพันธุท์รพัยำกรตำมพื้นที่ของหน่วยงำนต่ำง ๆ ทั้งในแปลงเพำะ ขยำยพันธุ์ ห้องปฏิบัติกำร ฯ แหล่งเพำะพันธุ์สัตว์ เช่น พื้นที่สถำบันกำรศึกษำที่น ำเข้ำร่วมสนองพระรำชด ำร ิเป็นลักษณะ ของสวนพฤกษศำสตร์ สวนรุกขชำติ ป่ำชุมชนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิและยังมีกำรเก็บรักษำในรูปเมล็ด เนื้อเยื่อและ สำรพันธุกรรมในห้องปฏิบัติกำร ฯ ในหน่วยงำนต่ำง ๆ รวมถึงกำรเก็บรักษำพันธุกรรมต่ำง ๆ ในธนำคำรพืชพรรณ อพ.สธ. สวนจิตรลดำเก็บในรูปสำรพันธุกรรมหร ือดีเอ็นเอ
4 แนวทำงกำรด ำเนินกิจกรรมปลูกรักษำทรัพยำกร ทรัพยำกรพันธุกรรมพืช 1. กำรปลูกรักษำต้นพันธุกรรมพืชในแปลงปลูก กำรปลูกรักษำต้นพืชมีชีวิตลักษณะป่ำพันธุกรรมพืช มีแนวทำงด ำเนินงำนคือ ส ำรวจสภำพพื้นที่และสรำ้งสิ่งอ ำนวยควำมสะดวกในกำรปฏิบัติงำน งำนขยำยพันธุพ์ ืช งำนปลกู พันธุกรรมพืชและบันทึกผลกำรเจร ิญเติบโต งำนจัดท ำแผนที่ต้นพันธุกรรมและท ำพิกัดต้นพันธุกรรม 2. กำรตรวจสอบพืชปรำศจำกโรคก่อนกำรเก็บรักษำพันธุกรรมพืชในรูปแบบต่ำง ๆ 3. กำรเก็บรักษำทั้งในรูปของเมล็ด ในระยะสั้น ระยะกลำง และระยะยำว ในรูปของธนำคำรพันธุกรรม ศึกษำ หำวิธีกำรเก็บเมล็ดพันธุ์ และทดสอบกำรงอกของเมล็ดพันธุ์ 4. กำรเก็บรักษำโดยศึกษำเทคโนโลยีกำรเพำะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชแต่ละชนิด ศึกษำกำรฟอกฆ่ำเชื้อ ศึกษำ สูตรอำหำรที่เหมำะสม ศึกษำกำรเก็บรักษำโดยกำรเพำะเลี้ยงเนื้อเยื่อในระยะสั้น ระยะกลำง ระยะยำว และในไนโตรเจนเหลว (Cryopreservation) และกำรขยำยพันธุ์โดยกำรเพำะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 5. กำรเก็บรักษำในรูปสำรพันธุกรรม (DNA) เพื่อกำรน ำไปใช้ประโยชน์เช่น กำรวิเครำะห์ลำยพิมพ์ดีเอ็นเอ กำรปรับปรุงพันธุ์พืช เป็นต้น 6. กำรด ำเนินงำนในรูปของสวนพฤกษศำสตร์ สวนรุกขชำติ สวนสำธำรณะต่ำง ๆ กำรปลูกพืชในสถำนศึกษำ โดยมีระบบฐำนข้อมูล ที่สำมำรถใช้ประโยชน์ได้ในอนำคต ทรัพยำกรพันธุกรรมสัตว์และทรัพยำกรพันธุกรรมอื่น ๆ ให้ด ำเนินกำรให้มีสถำนที่เพำะเลี้ยงหร ือห้องปฏิบัติกำรที่จะเก็บรักษำ เพำะพันธุ์/ขยำยพันธุ์ตำมมำตรฐำน ควำมปลอดภัย โดยมีแนวทำงกำรด ำเนินงำนคล้ำยคลึงกับกำรด ำเนินงำนในทรัพยำกรพันธุกรรมพืชข้ำงต้น 2. กรอบกำรใช้ประโยชน์ทรัพยำกร เพื่อพฒันำและเพิ่มประสิทธภิำพกำรด ำเนินงำนศึกษำวจิยัและประเมินศักยภำพของทรพัยำกรต่ำง ๆ ใน อพ.สธ. ให้เกิดประโยชน์ ทั้งในด้ำนกำรพัฒนำและกำรบร ิหำรจัดกำรให้กำรด ำเนินงำนเป็นไปในทิศทำงเดียวกันและ เอื้ออ ำนวยประโยชน์ต่อกัน รวมทั้งพัฒนำระบบข้อมูลสำรสนเทศ อพ.สธ. ให้เป็นเอกภำพ สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน โดยบรรลุจุดมุ่งหมำยตำมแนวพระรำชด ำร ิ โดยมีกิจกรรมที่ด ำเนินงำนได้แก่ กิจกรรมที่ 4กิจกรรมอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ ทรัพยำกร กิจกรรมที่ 5 กิจกรรมศูนย์ข้อมูลทรัพยำกร และกิจกรรมที่ 6 กิจกรรมวำงแผนพัฒนำทรัพยำกร กิจกรรมที่ 4 กิจกรรมอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยำกร เป้ำหมำย 1. เพื่อศึกษำและประเมินศักยภำพพันธุกรรมพืชและทรัพยำกรอื่น ๆ ที่ส ำรวจเก็บรวบรวมและปลูกรักษำ ไว้จำกกิจกรรมที่ 1-3 2. เพื่อกำรอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยำกรทั้ง 3 ฐำนทรัพยำกร ได้แก่ ทรัพยำกรกำยภำพ ทรัพยำกร ชีวภำพ และทรัพยำกรวัฒนธรรมและภูมิปัญญำ มีกำรวำงแผนและด ำเนินกำรวิจัยศักยภำพของทรัพยำกรต่ำง ๆ น ำไปสู่กำรเกิดผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์กับท้องถิ่นต่ำง ๆ และประเทศไทย
5 3. เพื่อศึกษำศักยภำพของทรัพยำกรที่อำจน ำไปสู่กำรพัฒนำพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ สำยพันธุ์จุลินทร ีย์ ตำม แนวพระรำชด ำร ิ และมีแนวทำงน ำไปสู่กำรอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ได้อย่ำงยั่งยืน แนวทำงกำรด ำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยำกร 1. กำรวิเครำะห์ทำงกำยภำพ เช่น แร่ธำตุในดิน คุณสมบัติของน้ำ ฯลฯ จำกแหล่งก ำเนิดพันธุกรรม ดั้งเดิมของพืชนั้น ๆ 2. กำรศึกษำทำงด้ำนชีววิทยำ สัณฐำนวิทยำ สร ีรวิทยำ ชีวเคมี พันธุศำสตร์ ฯลฯ ของทรัพยำกรชีวภำพ ที่คัดเลือกมำศึกษำ 3. กำรศึกษำด้ำนโภชนำกำร องค์ประกอบของสำรส ำคัญ เช่น รงควัตถุกลิ่นสำรส ำคัญต่ำง ๆ ในพันธุกรรม พืชและทรัพยำกรชีวภำพอื่น ๆ ที่เป็นเป้ำหมำย 4. กำรศึกษำกำรปลูก กำรเขตกรรม และขยำยพันธุ์พืชด้วยกำรขยำยพันธุ์ตำมปกติในพันธุกรรมพืชที่ไม่เคย ศึกษำมำก่อน และกำรขยำยพันธุ์โดยกำรเพำะเลี้ยงเนื้อเยื่อในพันธุกรรมพืชที่ไม่เคยศึกษำมำก่อน รวมถึงกำรศึกษำ กำรเลี้ยงและกำรขยำยพันธุ์ทรัพยำกรชีวภำพอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตตำมที่ต้องกำร 5. กำรศึกษำกำรจ ำแนกสำยพันธุ์โดยวิธีทำงชีวโมเลกุลเพื่อน ำไปสู่กำรพัฒนำพันธุ์พืช สัตว์ และจุลินทร ีย์ เพื่อเก็บเป็นลำยพิมพ์ดีเอ็นเอของทรัพยำกรชนิดนั้น ๆ ไว้เพื่อน ำไปใช้ประโยชน์ต่อไป 6. โครงกำร ฯ จำกกิจกรรมที่ 4 น ำไปสู่กำรท ำงำนรว่มกับสมำชกิงำนฐำนทรพัยำกรท้องถิ่น (อปท)/ชุมชน ที่อยู่ใน อปท. ที่เป็นสมำชกิงำนฐำนทรพัยำกรท้องถิ่น/สมำชกิงำนสวนพฤกษศำสตรโ์รงเรยีน (สถำบันกำรศึกษำ) เพื่อน ำผลงำนถ่ำยทอดและเกิดประโยชน์กับท้องถิ่นอย่ำงชดัเจน กิจกรรมที่ 5 กิจกรรมศูนย์ข้อมูลทรัพยำกร เป้ำหมำย 1. เพื่อให้เกิดฐำนข้อมูลทรัพยำกรของประเทศ โดยศูนย์ข้อมูลทรัพยำกร อพ.สธ. สวนจิตรลดำร่วมกับ หน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ บันทึกข้อมูลของกำรส ำรวจเก็บรวบรวมกำรศึกษำประเมินกำรอนุรักษ์ และกำรใช้ ประโยชน์ทรัพยำกรทั้ง 3 ฐำน ตัวอย่ำงเช่น ฐำนข้อมูลพรรณไม้แห้ง ฐำนข้อมูลงำนวจิยัฐำนข้อมูลทรพัยำกรท้องถิ่น ฐำนข้อมูลสัตว์ทะเล และฐำนข้อมูลจุลินทร ีย์ ข้อมูลต่ำง ๆ จำกกำรท ำงำนในกิจกรรมต่ำง ๆ ของ อพ.สธ.โดยท ำกำรบันทึก ลงในระบบฐำนข้อมูล เพื่อเป็นฐำนข้อมูลและมีระบบที่เชื่อมต่อถึงกันได้ทั่วประเทศโดยเชื่อมโยงกับฐำนข้อมูลทรัพยำกร ของหน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ อพ.สธ. 2. เพื่อให้ฐำนข้อมูลทรัพยำกรนั้น เป็นข้อมูลเพื่อน ำไปสู่กำรวำงแผนกำรใช้ทรัพยำกรอย่ำงยั่งยืนและ อำจน ำไปสู่กำรพัฒนำพันธุ์พืช และทรัพยำกรต่ำง ๆ
6 แนวทำงกำรด ำเนินกิจกรรมศูนย์ข้อมูลทรัพยำกร 1. อพ.สธ. ร่วมกับหน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ จัดท ำฐำนข้อมูลระบบดิจิตอลและพัฒนำโปรแกรม ส ำหรับระบบศูนย์ข้อมูลทรัพยำกรต่ำง ๆ ร่วมกัน เช่น โปรแกรมกำรจดักำรฐำนข้อมลูทรพัยำกรท้องถิ่น ด้ำนกำรส ำรวจ เก็บรวบรวม กำรอนุรักษ์ กำรประเมินคุณค่ำพันธุกรรมทรัพยำกร และกำรใช้ประโยชน์ 2. น ำข้อมูลของตัวอย่ำงพืชที่เก็บรวบรวมไว้เดิม โดยหน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิองค์กรอื่น เช่น กรมป่ำไม้ กรมวิชำกำรเกษตร และมหำวิทยำลัยสงขลำนคร ินทร์ เป็นต้น เข้ำเก็บไว้ในระบบฐำนข้อมูลของศูนย์ข้อมูล ทรัพยำกร อพ.สธ. 3. น ำข้อมูลที่ได้จำกกำรส ำรวจเก็บรวบรวมพันธุกรรมพืช และทรัพยำกรต่ำง ๆ เช่น ข้อมูลกำรปลูกรักษำ ข้อมูลกำรใช้ประโยชน์จำกทรัพยำกร ข้อมูลวัฒนธรรมและภูมิปัญญำ ข้อมูลพันธุ์ไม้จำกโรงเร ียนสมำชิกสวนพฤกษศำสตร์ โรงเร ียน เข้ำเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลทรัพยำกร เพื่อกำรประเมินคุณค่ำและน ำไปสู่กำรวำงแผนพัฒนำพันธุ์พืชและทรัพยำกร อื่น ๆ 4. พัฒนำกำรบร ิหำรจัดกำรฐำนข้อมูลของศูนย์ข้อมูลทรัพยำกร อพ.สธ. ให้มีเอกภำพ มีควำมสมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน ซึ่งหน่วยงำนต่ำง ๆ สำมำรถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ โดยเฉพำะฐำนข้อมูลทรัพยำกรที่ได้จำกงำนฐำน ทรพัยำกรท้องถิ่น ฐำนข้อมลูพชืจำกกำรส ำรวจเก็บรวบรวม ฐำนข้อมูลพรรณไมแ้ห้ง ฐำนข้อมลูสวนพฤกษศำสตรโ์รงเรยีน โดยมี อพ.สธ. เป็นศูนย์กลำงและวำงแผนด ำเนินงำนพัฒนำเคร ือข่ำยระบบข้อมูลสำรสนเทศ อพ.สธ. ร่วมกับหน่วยงำน ที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ เพื่อให้สำมำรถเชื่อมโยงและใช้ร่วมกันได้อย่ำงกว้ำงขวำงอำจผ่ำนทำงเว็บไซต์ที่มีระบบป้องกัน กำรเข้ำถึงฐำนข้อมูล 5. หน่วยงำนร่วมสนองพระรำชด ำร ิ มีควำมประสงค์ที่จะด ำเนินกำรแบ่งปันหร ือเผยแพร่ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในงำน อพ.สธ. จ ำเป็นต้องขออนุญำตผ่ำนทำง อพ.สธ. ก่อน เพื่อขอพระรำชทำนข้อมูลนั้น ๆ กิจกรรมที่ 6 กิจกรรมวำงแผนพัฒนำทรัพยำกร เป้ำหมำย เพื่อกำรพัฒนำและปรบัปรุงพันธุท์รพัยำกรให้ดียิ่งขึ้นตำมควำมต้องกำรของท้องถิ่น โดยที่ อพ.สธ. มีหน้ำที่ ประสำนกับนักวิชำกำรผู้ทรงคุณวุฒิของหน่วยงำนและสถำบันกำรศึกษำต่ำง ๆ เช่น ในเร ื่องของพืช โดยวิเครำะห์จำก ฐำนข้อมูลจำกกิจกรรมที่ 5มำใช้ในกำรพิจำรณำศักยภำพของพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ พันธุ์จุลินทร ีย์ ฯลฯ และน ำไปสู่กำรวิเครำะห์ ข้อมูลและคัดเลือกสำยต้นเพื่อเป็นพ่อแม่พันธุ์พืช พร้อมกับวำงแผนพัฒนำพันธุ์ระยะยำวและน ำแผนพัฒนำพันธุ์ขึ้น ทูลเกล้ำฯ ถวำยสมเด็จพระกนิษฐำธิรำชเจ้ำ กรมสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี เพื่อมีพระรำชวินิจฉัย และพระรำชทำนแผนพัฒนำพันธุ์และพันธุกรรมที่คัดเลือก ให้หน่วยงำนที่มีควำมพร้อมน ำไปปฏิบัติ พันธุ์พืช/สัตว์/ ชีวภำพอื่น ๆ ที่อยู่ในเป้ำหมำย ได้แก่ พันธุ์พืชสมุนไพร พันธุ์พืชพื้นเมืองต่ำง ๆ ที่สำมำรถวำงแผนน ำไปสู่กำรพัฒนำ ให้ดียิ่งขึ้นเหมำะสมต่อกำรปลูกในพื้นที่ต่ำง ๆ ในประเทศไทย
7 แนวทำงกำรด ำเนินกิจกรรมวำงแผนพัฒนำทรัพยำกร ทรัพยำกรพันธุกรรมพืช 1. จัดประชุมคณะท ำงำนทรัพยำกรต่ำง ๆ คัดเลือกพันธุ์พืชที่ผู้ทรงคุณวุฒิพิจำรณำแล้วว่ำควรมีกำรวำงแผน พัฒนำพันธุ์เพื่อกำรใช้ประโยชน์ต่อไปในอนำคต 2. ด ำเนินกำรทูลเกล้ำฯ ถวำยแผนกำรพัฒนำทรัพยำกรที่คัดเลือกแล้ว เพื่อให้สมเด็จพระกนิษฐำธิรำชเจ้ำ กรมสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี ทรงมีพระรำชวินิจฉัยและพระรำชทำนให้กับหน่วยงำนที่มีศักยภำพ ในกำรพัฒนำปรับปรุงพันธุกรรมทรัพยำกรชนิดนั้น ๆ ให้เป็นไปตำมเป้ำหมำย 3. ประสำนงำนเพื่อให้หน่วยงำนที่มีควำมพร้อม ในกำรพัฒนำพันธุ์ทรัพยำกรต่ำง ๆ เช่น พัฒนำพันธุกรรม พืช ด ำเนินกำรพัฒนำพันธุ์พืชและน ำออกไปสู่ประชำชน และอำจน ำไปปลูกเพื่อเป็นกำรค้ำต่อไป 4. ด ำเนินกำรขึ้นทะเบียนรับรองพันธุ์พืชใหม่ที่ได้มำจำกกำรพัฒนำพันธุ์พืชดั้งเดิม เพื่อประโยชน์ของ มหำชนชำวไทย ทรัพยำกรพันธุกรรมสัตว์และทรัพยำกรพันธุกรรมอื่น ๆ มีแนวทำงกำรด ำเนินงำนคล้ำยคลึงกับกำรด ำเนินงำนในทรัพยำกรพันธุกรรมพืชข้ำงต้น 3. กรอบกำรสร้ำงจิตส ำนึก เพื่อให้ประชำชนกลุ่มเป้ำหมำยต่ำง ๆ โดยเฉพำะเยำวชน นักเร ียน นิสิต นักศึกษำและบุคคลทั่วไป ได้มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับพืชพรรณไม้ และกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชของประเทศ จนตระหนักถึงควำมส ำคัญและประโยชน์ ของกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมหำชนชำวไทย โดยมีกิจกรรมที่ด ำเนินงำน ได้แก่ กิจกรรมที่ 7 กิจกรรมสร้ำงจิตส ำนึกในกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร และกิจกรรมที่ 8 กิจกรรมพิเศษสนับสนุนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร กิจกรรมที่ 7 กิจกรรมสร้ำงจิตส ำนึกในกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร เป้ำหมำย 1. เพื่อให้เยำวชนประชำชนชำวไทย ให้เข้ำใจถึงควำมส ำคัญและประโยชน์ของทรัพยำกรทั้ง 3 ฐำน ให้รู้จัก หวงแหน รู้จักกำรน ำไปใช้ประโยชน์อย่ำงยั่งยืน ซึ่งมีควำมส ำคัญต่อกำรจัดกำรกำรอนุรักษ์และใช้ทรัพยำกรของประเทศ อย่ำงยั่งยืน 2. เพื่อให้หน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ วำงแผนและขยำยผลเพื่อน ำแนวทำงกำรสร้ำงจิตส ำนึกใน กำรรักทรัพยำกรของ อพ.สธ. ไปด ำเนินงำนตำมยุทธศำสตร์ของหน่วยงำนนั้น ๆ แนวทำงกำรด ำเนินกิจกรรมสร้ำงจิตส ำนึกในกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร 1. งำนสวนพฤกษศำสตร์โรงเร ียน เป็นนวัตกรรมของกำรเร ียนรู้เพื่อน ำไปสู่กำรสร้ำงจิตส ำนึกในกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติวัฒนธรรม และภูมิปัญญำของประเทศไทย น ำไปสู่กำรพัฒนำคนให้เข้มแข็งรู้เท่ำทันพร้อมรับกับกระแสกำรเปลี่ยนแปลงของโลก
8 2. งำนพิพิธภัณฑ์ เป็นกำรขยำยผลกำรด ำเนินงำนเพื่อเสร ิมสร้ำงกระบวนกำรเร ียนรู้ไปสู่ประชำชน กลุ่มเป้ำหมำยต่ำง ๆ ให้กว้ำงขวำงยิ่งขึ้น โดยใชก้ำรน ำเสนอในรูปของพิพิธภัณฑ์ซงึ่เป็นสื่อเข้ำถึงประชำชนทั่วไป 3. งำนอบรม อพ.สธ. ด ำเนินงำนอบรมเร ื่อง งำนสวนพฤกษศำสตร์โรงเร ียน, งำนฝึกอบรมปฏิบัติกำรส ำรวจและจัดท ำ ฐำนทรพัยำกรท้องถิ่น หรอืงำนที่เกี่ยวข้องกับกำรสรำ้งจติส ำนกึในกำรอนุรกัษ์ทรพัยำกร โดยอำจจดัณ แหล่งฝึกอบรม ของศูนย์แม่ข่ำยประสำนงำน อพ.สธ. และศูนย์ประสำนงำน อพ.สธ. ที่กระจำยอยู่ตำมภูมิภำคต่ำง ๆ กิจกรรมที่ 8 กิจกรรมพิเศษสนับสนุนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร เป้ำหมำย 1. เพื่อเปิดโอกำสให้หน่วยงำนต่ำง ๆ ทั้งภำครัฐและเอกชน เข้ำร่วมสนับสนุนงำนของ อพ.สธ. ในรูปแบบ ต่ำง ๆ ไม่ว่ำจะเป็นในรูปของทุนสนับสนุน หร ือด ำเนินงำนที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนกิจกรรมต่ำง ๆ ของ อพ.สธ. โดยอยู่ ในกรอบของแผนแม่บท อพ.สธ. 2. เพื่อเปิดโอกำสให้เยำวชนและประชำชนได้สมัครเข้ำมำศึกษำหำควำมรู้เกี่ยวกับทรัพยำกรธรรมชำติ ในสำขำต่ำง ๆ ตำมควำมถนัดและสนใจ โดยมีคณำจำรย์ผู้เชี่ยวชำญในแต่ละสำขำให้ค ำแนะน ำ และให้แนวทำงกำรศึกษำ โดยจัดตั้งเป็นชมรมนักชีววิทยำ อพ.สธ. 3. เพื่อรวบรวมนักวิจัย นักวิชำกำร คณำจำรย์ผู้เชี่ยวชำญจำกทั้งภำครัฐและเอกชน เป็นอำสำสมัครและ เข้ำมำท ำงำนตำมแนวทำงกำรด ำเนินงำนในกิจกรรมของ อพ.สธ. ทั้งส่วนตัวและผ่ำนทำงหน่วยงำนที่ตนเองสังกัดอยู่ โดยจัดตั้งเป็นชมรมคณะปฏิบัติงำนวิทยำกำร อพ.สธ. ซึ่งจะเป็นผู้น ำในกำรถ่ำยทอดควำมรู้และสร้ำงจิตส ำนึกในกำรอนุรักษ์ ทรัพยำกรของประเทศให้แก่เยำวชนและประชำชนชำวไทยต่อไป 4. เพื่อสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบำลต ำบล เทศบำลเมือง ให้ด ำเนินงำนสมัครสมำชิก เข้ำมำในงำนฐำนทรพัยำกรท้องถิ่น แนวทำงกำรด ำเนินกิจกรรมพิเศษสนับสนุนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร 1. อพ.สธ. เป็นเจ้ำภำพร่วมกับหน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิที่มีควำมพร้อมในกำรด ำเนินกำรจัดกำร ประชุมวิชำกำรและนิทรรศกำร อพ.สธ. จัดกำรประชุมตำมที่ก ำหนดไว้ โดยมีกำรร่วมจัดแสดงนิทรรศกำรกับหน่วยงำนที่ ร่วมสนองพระรำชด ำร ิทุกหน่วยงำน นอกจำกนั้นยังมีกำรจัดกำรประชุมวิชำกำรและนิทรรศกำรสวนพฤกษศำสตร์โรงเร ียน และฐำนทรพัยำกรท้องถิ่น ระดับภูมิภำค รว่มกับสมำชกิงำนสวนพฤกษศำสตรโ์รงเรยีนและสมำชิกงำนฐำนทรัพยำกร ท้องถิ่น
9 2. อพ.สธ. สนับสนุนให้มีกำรน ำเสนอผลงำนวิจัยของเจ้ำหน้ำที่และนักวิจัย อพ.สธ. รวมถึงงำนของหน่วยงำน ที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ ในงำนประชุมวิชำกำรต่ำง ๆ ระดับประเทศ และต่ำงประเทศ และให้มีกำรขออนุญำตในกำรน ำเสนอ ผลงำนทุกครั้ง 3. หน่วยงำนภำครัฐ เอกชน และผู้มีจิตศรัทธำสนับสนุนเงินทุนให้ อพ.สธ. (โดยกำรทูลเกล้ำฯ ถวำย โดย ผ่ำนทำงมูลนิธิ อพ.สธ. เพื่อใช้ในกิจกรรม อพ.สธ.) 4. กำรด ำเนินงำนของชมรมนักชีววิทยำ อพ.สธ. และชมรมคณะปฏิบัติงำนวิทยำกำร อพ.สธ. โดยที่ อพ.สธ. สนับสนุนให้มีผู้สมัครเป็นสมำชิกชมรม ฯ ตำมเงื่อนไขของชมรม ฯ โดยที่ชมรมทั้งสอง มีกำรด ำเนินงำนสนับสนุนงำนใน กิจกรรมที่ 1-7 ตำมแผนแม่บทของ อพ.สธ. เช่น เข้ำไปศึกษำท ำงำนวิจัยในพื้นที่ปกปักทรัพยำกรอพ.สธ. ร่วมในกิจกรรม ส ำรวจทรัพยำกรต่ำง ๆ ในพื้นที่ที่ อพ.สธ. ก ำหนด 5. หน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ สำมำรถด ำเนินกำรฝึกอบรมในกำรสร้ำงจิตส ำนึกในกำรอนุรักษ์ พันธุกรรมพืชและทรัพยำกรต่ำง ๆ เพื่อสนองพระรำชด ำร ิตำมแผนแม่บท อพ.สธ. เพื่อสนับสนุนในงำนกิจกรรมต่ำง ๆ ของ อพ.สธ. ตำมแนวทำงกำรด ำเนินงำนตำมแผนแม่บทของ อพ.สธ. โดยอำจมีกำรฝึกอบรมตำมสถำนที่ต่ำง ๆ ของ หน่วยงำนนั้น ๆ เอง หร ือโดยร่วมกับวิทยำกรของ อพ.สธ. หร ือเป็นวิทยำกรของหน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิเอง แต่ผ่ำนกำรวำงแผนและเห็นชอบจำก อพ.สธ. 6. มหำวิทยำลัยที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ อพ.สธ. 5 แห่ง ได้รับพระรำชทำนฯ ให้ด ำเนินงำนเป็นศูนย์แม่ข่ำย ประสำนงำน อพ.สธ. และมหำวิทยำลัยที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิในกลุ่มที่ 5 และ กลุ่มที่ 6 ของหน่วยงำนที่ร่วมสนอง พระรำชด ำร ิ อพ.สธ. นั้น สำมำรถขอเข้ำเป็นศูนย์ประสำนงำน อพ.สธ. โดยศูนย์ประสำนงำน อพ.สธ. ด ำเนินงำนภำยใต้ กำรก ำกับดูแลของคณะกรรมกำรด ำเนินงำน อพ.สธ. ของมหำวิทยำลัย ฯ 7. หน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ สำมำรถด ำเนินงำนและจัดกำรพื้นที่ที่เพื่อกำรอนุรักษ์และพัฒนำ เกิดเป็นศูนย์เร ียนรู้ต่ำง ๆ ซึ่งเป็นศูนย์ฯ ตัวอย่ำง เพื่อกำรเร ียนรู้กำรใช้ประโยชน์ทรัพยำกรอย่ำงยั่งยืน ตำมปรัชญำของ เศรษฐกิจพอเพียง อีกทั้งศูนย์ ฯ เหล่ำนี้สำมำรถใช้ประโยชน์ให้เป็นแหล่งฝึกอบรมตำมแนวทำงกำรด ำเนินงำนของ อพ.สธ.-หน่วยงำน 8. กำรท ำหลักสูตรท้องถิ่นของมหำวทิยำลัยต่ำง ๆ ตำมแนวทำงแผนแม่บทของ อพ.สธ. 9. กำรเผยแพร่โดยสื่อต่ำง ๆ เช่น กำรท ำหนังสือ วีดีทัศน์ เอกสำรเผยแพร่ เว็บไซต์ประชำสัมพันธ์ ที่ได้รับ ควำมเห็นชอบจำก อพ.สธ. เพื่อสนับสนุนงำนกิจกรรมต่ำง ๆ ของ อพ.สธ. สำมำรถใช้สัญลักษณ์ของ อพ.สธ. ได้เมื่อได้รับ กำรพิจำรณำและเห็นชอบจำก อพ.สธ. 10. กำรจัดงำนประชุมวิชำกำรและนิทรรศกำรต่ำง ๆ ของหน่วยงำนที่ร่วมสนองพระรำชด ำร ิ ในส่วนที่ เผยแพร่งำนของ อพ.สธ. และได้รับควำมเห็นชอบจำก อพ.สธ. 11. หน่วยงำนเอกชน หร ือบุคคลทั่วไป สมัครเป็นอำสำสมัครในกำรร่วมงำนกับ อพ.สธ. 12. กำรด ำเนินงำนอื่น ๆ เพื่อเป็นกำรสนับสนุนงำนตำมกรอบแผนแม่บทของ อพ.สธ. 13. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมัครเข้ำมำงำนฐำนทรพัยำกรท้องถิ่น ข้อมูลเพิ่มเติม อพ.สธ.-ศพช.ล ำปำง SCAN QR CODE
10 แนวทำงกำรฟื้ นฟู/กำรอนุรักษ์ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพในพื้นที่ กำรด ำเนินกำรอนุรักษ์ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ จะต้องอำศัยกำรมีส่วนร่วมของทุกภำคส่วนในกำรวำงแผน กำรจัดกำรให้เป็นไปตำมเป้ำหมำยและวัตถุประสงค์โดยเฉพำะในระดับท้องถิ่น ควรต้องมีแผนกำรจัดกำรควำมหลำกหลำย ทำงชวีภำพในระดับท้องถิ่น (คณิต ธนูธรรมเจร ิญ, 2565) 1) กำรสร้ำงจิตสำนึก สร้ำงควำมตระหนัก และให้ควำมรู้เกี่ยวกับควำมส ำคัญของควำมหลำกหลำยทำง ชีวภำพ เช่น กำรรณรงค์ให้ตระหนักในคุณค่ำของควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ กำรให้ควำมรู้เกี่ยวกับวิธีกำรใช้ทรัพยำกร อย่ำงเหมำะสม กำรฝึกอบรมแนวทำงกำรอนุรักษ์ธรรมชำติ รวมถึงกำรจัดตั้งกลุ่มและเสร ิมสร้ำงควำมเข้มแข็งของเคร ือข่ำย ควำมร่วมมือของรัฐ ประชำชน ประชำสังคม และภำคธุรกิจในกำรอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์อย่ำงยั่งยืน 2) กำรอนุรักษ์และฟื้นฟูควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ เป็นกำรป้องกัน ควบคุมมิให้เกิดควำมสูญเสีย ควำมเสียหำยต่อควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพในชุมชน เช่น กำรป้องกันมิให้ถูกรุกรำน มีกำรสร้ำงกลไกในกำรปกป้อง คุ้มครองและฟื้นฟูชนิดพันธุ์ท้องถิ่น หรอืชนิดพันธุท์ ี่ถูกคุกคำม ลดอัตรำกำรสูญเสียแหล่งอำศัยตำมธรรมชำติและ ฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสื่อมโทรมให้กลับมำอุดมสมบูรณ์ กำรจัดกำรพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่กำรเพำะเลี้ยงสัตว์น้ำ และ กำรป่ำไม้ 3) กำรใช้ประโยชน์ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพอย่ำงสมดุล มนุษย์ได้น ำควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ มำใช้ประโยชน์ในกำรด ำรงชีวิตในหลำกหลำยรูปแบบ เช่น ยำรักษำโรค อำหำร ด้ำนกำรเกษตร โดยกำรอำศัยคัดสรร พันธุ์พืชที่ดีที่เหมำะสมกับสภำพภูมิอำกำศ ด้ำนกำรแพทย์น ำควำมรู้ภูมิปัญญำสมุนไพร ด้ำนอุตสำหกรรมได้น ำพืชน้ำมัน มำใช้ในกำรอุตสำหกรรมเชื้อเพลิง หร ือกำรน ำจุลินทร ีย์มำใช้ในอุตสำหกรรมอำหำร เป็นต้น หำกน ำเอำควำมหลำกหลำย ทำงชีวภำพนั้นมำใช้จนเกินก ำลังกำรผลิตได้ตำมธรรมชำติ เกินควำมสมดุลในระบบนิเวศธรรมชำติแล้ว จะท ำให้เกิด กำรสูญเสีย เกิดควำมร่อยหรอ เกิดกำรลดจ ำนวนลงอย่ำงรวดเร็ว 4) กำรพัฒนำองค์ควำมรู้และระบบฐำนข้อมูลด้ำนควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ โดยกำรน ำควำมรู้ทำง วทิยำศำสตรแ์ละเทคโนโลยีที่ผสมผสำนให้เข้ำกับภูมิปญัญำทอ้งถิ่น เพื่อให้ชุมชนสำมำรถใชป้ระโยชน์จำกทรพัยำกรได้ อย่ำงยั่งยืน นอกจำกนี้กำรศึกษำวิจัยและข้อมูลสถำนกำรณ์ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ ควรมีกำรวำงแผนในกำรสื่อสำร สร้ำงควำมเข้ำใจอย่ำงมีประสิทธิภำพ ที่มำ : เอกสำรกำรประชุมเชิงปฏิบัติกำรสร้ำงกำรรับรู้และเข้ำใจกำรด ำเนินงำนโครงกำร อพ.สธ. ส ำนักพัฒนำทุนและองค์กรกำรเงินชุมชน กรมกำรพัฒนำชุมชน
11 ทุนชุมชน ทุนชุมชน หมำยถึงสินทรัพย์หร ือทรัพยำกร (ที่เกิดขึ้นตำมธรรมชำติหร ือมนุษย์สร้ำงขึ้น)ที่ก่อให้เกิดผลผลิต ในกำรด ำรงชีวิตของคนและชุมชน ทุนชุมชนจ ำแนกเป็น 5 ด้ำน ดังนี้ 1) ทุนธรรมชำติ2) ทุนกำยภำพ ทุนสังคม 3) ทุนมนุษย์4) ทุนธรรมชำติ5) ทุนกำรเงิน ทุนธรรมชำติคือ ทรัพยำกรธรรมชำติและกำรได้รับบร ิกำรจำกทรัพยำกรธรรมชำติ ได้แก่ - ที่ดิน น้ำ ป่ำไม้ อำกำศ ทรัพยำกรทำงทะเลและสัตว์ป่ำ - คุณภำพของทรัพยำกรธรรมชำติ - กำรอนุรักษ์ฟื้นฟู - ระดับควำมหลำกหลำยและอัตรำกำรเปลี่ยนเปลี่ยนทำงชีวภำพ การใช้ประโยชน์จากทุนธรรมชาติ
12 กำรใช้ประโยชน์จำกต้นไม้ประจ ำหวัด 8 จังหวัดภำคเหนือตอนบน พันธุไ์ม้มงคลพระรำชทำนประจำ จงัหวัด เป็นพันธุไ์ม้ที่สมเด็จพระนำงเจำ้สิรกิิติ์พระบรมรำชนิ ีนำถได้ พระรำชทำนให้กับผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดของแต่ละจังหวัด เพื่อให้น ำไปปลูกเป็นสิร ิมงคลแก่จังหวัดและเพื่อเป็นกำรรณรงค์ ให้ประชำชนปลูกต้นไม้ในโครงกำรปลูกป่ำถำวรเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกำสที่พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวทรง ครองสิร ิรำชสมบัติครบ 50 ปี (พระรำชพิธีกำญจนำภิเษก) รำยชื่อพันธุ์ไม้มงคลพระรำชทำนประจ ำจังหวัดของแต่ละจังหวัดแยกตำมภำค (ตำมเกณฑ์กำรแบ่ง ของรำชบัณฑิตยสถำน) มีรำยละเอียดตำมที่ปรำกฏในตำรำงข้ำงล่ำง ทั้งนี้ พันธุ์ไม้มงคลพระรำชทำนของบำงจังหวัด (ได้แก่ นครปฐม บุร ีรัมย์ ยโสธร ระนอง ระยอง สุโขทัย และสุร ินทร์) จะเป็นพรรณไม้คนละชนิดกับต้นไม้ประจ ำ จังหวัดนั้น ๆ ส่วนจังหวัดบึงกำฬไม่มีพันธุ์ไม้พระรำชทำนเนื่องจำกขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดหนองคำย ที่ จังหวัด พันธุ์ไม้มงคลพระรำชทำนประจ ำจังหวัด ชื่อวิทยำศำสตร์ 1 เชียงรำย กำสะลองค ำ Mayodendron igneum 2 เชียงใหม่ ทองกวำว Butea monosperma 3 น่ำน ก ำลังเสือโคร่ง Betula alnoides 4 พะเยำ สำรภี Mammea siamensis 5 แพร่ ยมหิน Chukrasia tabularis 6 แม่ฮ่องสอน กระพี้จั่น Millettia brandisiana 7 ล ำปำง ขะจำว Holoptelea integrifolia 8 ล ำพูน จำมจุร ี Samanea saman 1. พันธุ์ไม้มงคลพระรำชทำนประจ ำจังหวัดเชียงรำย ปีบทอง, อ้อยช้ำง หร ือ กำซะลองค ำ (ชื่อวิทยำศำสตร์: Mayodendron igneum (Kurz); ชื่ออื่น: กำกี, ส ำเภำหลำมต้น, จำงจืด , สะเภำ) เป็นไม้ต้นผลัดใบในวงศ์แคหำงค่ำง (Bignoniaceae) สูงประมำณ 10 เมตร เร ือนยอดเป็นพุ่มทึบ ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบ 2-3 ชนิ้ ใบย่อยรูปไข่ปลำยใบแหลม ขึ้นตำมธรรมชำติบนเทือกเขำหินปูนที่ค่อนข้ำง ชื้น พบตั้งแต่พม่ำตอนใต้ไปจนถึงเกำะไหหล ำ ดอกมีสีเหลืองอมส้มหรอืสีส้มออกเป็นกระจุกตำมกิ่งและ ล ำต้น กระจุกละ 5-10 ดอก บำนไม่พร้อมกัน กลีบเลี้ยงรูปถ้วยสีม่วงแดง กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด ยำว 4-7 เซนติเมตร ปลำยเป็นแฉกสั้น ๆ 5 แฉก ผลเป็นฝัก ยำว 26-40 เซนติเมตร เมื่อแก่จะแตกเป็น 2 ซีก ปีบทองเป็นพรรณไม้พระรำชทำนเพื่อปลูกเป็นมงคล ประจ ำจังหวัดเชียงรำย และเป็นเป็นพรรณไม้ประจ ำมหำวิทยำลัย 2 แห่ง คือ มหำวิทยำลัยรำชภัฏเชียงรำย (เร ียกว่ำ "กำซะลองค ำ") และมหำวิทยำลัย เทคโนโลยีสุรนำร ี (เร ียกว่ำ "ปีบทอง") อนึ่งปีบทองเป็นพรรณไม้คนละชนิดกับต้นกอกกัน ที่มีอีกชื่อหนึ่งว่ำต้นอ้อยช้ำง เหมือนกัน ลักษณะทำงพฤกษศำสตร์: ล ำต้น ไม้ต้นขนำดเล็กถึงขนำดกลำง สูง 6-15 เมตร ผลัดใบแต่ผลิใบใหม่ไว เร ือนยอดแผ่นเป็นชั้น ล ำต้นเปลำตรง กิ่งก้ำนเล็กและลู่ลง เปลือกสีเทำ แตกสะเก็ดเล็กน้อยมีชอ่งอำกำศขนำดใหญ่ทั่วไป ใบ ประกอบแบบขนนก 3 ชั้น เร ียงตรงข้ำมสลับตั้งฉำก ยำว 20-60 ซม. ใบย่อย 3-5 คู่ เร ียงตรงข้ำม ใบรูปร ีรูปใบหอก กว้ำง 2-4.6 ซม. ยำว 5-12 ซม. ปลำยใบแหลมยำวโคนใบเบี้ยว ขอบใบเร ียบ หลังใบเร ียบ สีเขียว เป็นมัน ท้องใบเร ียบสีอ่อนกว่ำ แผ่นใบบำง เส้นแขนงใบข้ำงละ 4-5 เส้น ก้ำนใบย่อยยำว 0.3-1.1 ซม.
13 ดอก สีเหลืองทองออกเป็นชอ่แบบชอ่กระจุกตำมกิ่งและล ำต้น มี3-10 ดอก ช่อดอกยำว 1-1.7 ซม. มีขนนุ่มประปรำย กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอดคล้ำยรูปกระสวยแกมรูปไข่ สีน้ำตำลแดง มีขนนุ่มทั่วไป กลีบดอก เชื่อมเป็นรูปทรงกระบอกปลำยแยกเป็น 5 แฉก ดอกบำนเต็มที่กว้ำง 1.5-2 ซม. ผล แห้งแตก เป็นฝัก รูปทรงกระบอกยำว 30-45 ซม. ผลแก่จะบิดเวียนและแตก 2 ซีก เมล็ด แบน มีจ ำนวนมำก มีปีกแคบยำว 2 ข้ำง ระยะติดดอก - ผล : เรม่ิติดดอก : กุมภำพันธ์ สิ้นสุดระยะติดดอก : เมษำยน เรม่ิติดผล : พฤษภำคม สิ้นสุดระยะติดผล : มิถุนำยน สภำพทำงนิเวศวิทยำ : นิเวศวิทยำ ป่ำเบญจพรรณชนื้และชำยป่ำดิบแล้งตำมเชงิเขำ ถิ่นก ำเนิด กำรกระจำยพันธุ์กำรใชง้ำน ด้ำนภูมิทัศน์ ทรงพุ่มเบียดกันเป็นกลุ่มไม่แผ่กว้ำง พุ่มใบสวยงำม ควรปลูกเป็นจุดเด่นตำมมุมของพื้นที่หร ือปลูกใกล้ ทำงเดินเพรำะดอกสวยงำมแต่ซอ่นอยู่ตำมกิ่ง กำรปลูกและกำรขยำยพันธุ์ : ดินร่วนปนทรำย โดยกำรเพำะเมล็ด ตอนกิ่ง ปักชำ กิ่ง และแยกหน่อ กำรใช้ประโยชน์ : - ล ำต้น ผสมกับต้นขำงปอย ต้นขำงน้ำข้ำว ต้นขำงน้ำนม ต้นอวดเชือก ฝนน้ำกินแก้ซำง - เปลือกต้น ต้มน้ำดื่ม แก้ท้องเสีย - ใบ ต ำคั้นน้ำ ทำหร ือพอกรักษำแผลสด แผลถลอก ห้ำมเลือด - เนื้อไม้ท ำลังใส่ของ กระดำน เคร ื่องเร ือน - ไม้เบิกน ำ โตเร็ว 2. พันธุ์ไม้มงคลพระรำชทำนประจ ำจังหวัดเชียงใหม่ ทองกวำว, ทอง หร ือ ทองธรรมชำติ เป็นไม้ยืนต้นขนำดกลำงใน วงศ์ถั่ว มีถิ่นก ำเนิดในเอเชยีใต้จำกประเทศปำกีสถำน, อินเดีย, บังกลำเทศ, เนปำล, ศร ีลังกำ, พม่ำ, ไทย, ลำว, กัมพูชำ, เวียดนำม, มำเลเซีย และทำงตะวันตก ของอินโดนีเซียทองกวำวมีชื่ออื่นอีกคือ กวำว ก๋ำว (ภำคเหนือ), จอมทอง (ภำคใต้), จ้ำ (เขมร), ทองธรรมชำติ ทองพรหมชำติ ทองต้น (ภำคกลำง), ดอกจำน (อีสำน) ลักษณะทั่วไป ต้นไม้ ไม้ยืนต้นขนำดกลำง สูง 5-15 เมตร ผลัดใบ เร ือนยอด เป็นพุ่มกลมทึบ ล ำต้นแตกกิ่งต ่ ำคดงอ เปลือกนอกสีเทำถึงสีเทำคล้ำค่อนข้ำงเร ียบหร ือแตกเป็นร่อง ตื้น ๆ เปลือกในสีแดง สับเปลอืกทิ้งไว้จะมีน ้ ำยำงใส ๆ ไหลออกมำทงิ้ไว้สักพัก จะกลำยเป็นสีแดง ใบ ใบประกอบแบบขนนก ปลำยคี่ เร ียงเวียนสลับ ใบย่อยมี 3 ใบ เร ียงตรงข้ำม ใบย่อยที่ปลำยเป็นรูปมนเกือบกลม ใบย่อยด้ำนข้ำงรูปไข่เบี้ยว กว้ำง 8-15 ซม. ยำว 9-17 ซม. ปลำยใบมน โคนใบสอบ แผ่นใบหนำ หลังใบเกลี้ยง ท้องใบมีขนสำก เส้นแขนงใบข้ำงละ 5-7 เส้น ก้ำนใบย่อยยำว 3-5 มม. ดอก ออกเป็นชอ่แบบไม่แตกแขนง ตำมกิ่งก้ำนและปลำยกิ่ง ชอ่ดอกยำว 2-15 ซม. ก้ำนช่อดอกมีขน สีน้ำตำล ก้ำนช่อดอกยำว 3-4 ซม. กลีบรองกลีบดอกเชื่อมกันเป็นรูปบำตรยำว 1.3 ซม. ส่วนบนแยกออกเป็นกลีบสั้น ๆ 5 กลีบ มีขนสีน้ำตำลด ำปกคลุมตลอดกลีบดอกยำว 7 ซม. มี 5 กลีบ ขนำดไม่เท่ำกันคล้ำยดอกถั่ว กลีบด้ำนล่ำงรูป
14 เร ือแยกเป็นอิสระดอกบำนเต็มที่กว้ำงประมำณ 6 ซม. ดอกมีทั้งสีแสดและสีเหลืองสด ดอกสีเหลืองพบที่เชียงรำย เชียงใหม่ อุบลรำชธำนี สุร ินทร์ ผล ผลเป็นฝักแบนรูปบรรทัดกว้ำง 3.5 ซม. ยำว 1.5 ซม. ผลแก่สีน้ำตำลอมเหลืองมีขนอ่อนนุ่มสีขำว เป็นมัน มีเมล็ดเดียวตรงปลำยฝัก กำรปลูก : นิยมปลูกลงในแปลงปลูก เพื่อประดับบร ิเวณบ้ำนและสวน ขนำดหลุมปลูก 50x50x50 ซม. ใช้ปุ๋ยคอกหร ือปุ๋ยหมัก:ดินร่วนอัตรำ 1:2ผสมดินถ้ำปลูกเพื่อประดับบร ิเวณบ้ำนหร ืออำคำรควรให้มีระยะห่ำงที่เหมำะสม เพรำะทองกวำวเป็นไม้ที่มีทรงพุ่มใหญ่พอสมควร กำรดูแล : ต้องกำรแสงแดดจัด หร ือกลำงแจ้ง ต้องกำรปร ิมำณน้ำปำนกลำง ควรให้น้ำ 7-10 วัน/ครั้ง ชอบดินร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกหร ือปุ๋ยหมัก อัตรำ 2:3 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 4-5 ครั้ง ไม่ค่อยมีปัญหำเร ื่องโรค เพรำะ เป็นไม้ที่ทนต่อโรคพอสมควร กำรขยำยพันธุ์: โดยกำรเพำะเมล็ด กำรใช้ประโยชน์: - ดอก ต้มดื่มเป็นยำแก้ปวด ถอนพิษไข้ ขับปัสสำวะ - ฝัก ต้มเอำน้ำเป็นยำขับพยำธิ - ยำง แก้ท้องร่วง - เปลือก มีงำนวิจัยพบว่ำ สำรสกัดจำกเปลือก ชว่ยเพิ่มขนำดหน้ำอกให้ใหญ่ขึ้น แต่จะลดจำ นวนอสุจิ - เมล็ด บดผสมมะนำว ทำบร ิเวณผื่นคัน - ใบ ต้มกับน้ำ แก้ปวด ขับพยำธิ ท้องขึ้น ร ิดสีดวงทวำร - รำก ต้มรักษำโรคประสำท บ ำรุงธำตุ [2] - ควำมเชื่อของไทย ไม้มงคล คนไทยโบรำณเชื่อว่ำ บ้ำนใดปลูกต้นทองกวำวไว้ประจ ำบ้ำนจะท ำให้มีเงิน มีทองมำก นอกจำกนี้ดอกยังมีควำมสวยเร ืองรองดั่งทองธรรมชำติ ควรปลูกต้นทองกวำวไว้ทำงทิศใต้ผู้ปลูกควรปลูก ในวันเสำร์เพรำะโบรำณเชื่อว่ำกำรปลูกไม้เพื่อเอำคุณทั่วไปให้ปลูกในวันเสำร์ทองกวำวเป็นพืชที่มีควำมส ำคัญในศำสนำ ฮินดูใชเ้ป็นสัญลักษณ์ของพระพรหม พระนำรำยณ์พระอิศวร ไม้ทองกวำวใชเ้ป็นฟืนเผำศพ ถือเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ 3. พันธุ์ไม้มงคลพระรำชทำนประจ ำจังหวัดน่ำน ก ำลังเสือโคร่ง (ชื่อวิทยำศำสตร์: Betula alnoides) อยู่ใน วงศ์ Betulaceae เป็นไม้ผลัดใบระยะสั้น เปลือกต้นสีน้ำตำลแดงหร ือเทำ ออกเงนิมีเลนติเซล เมื่อสับเปลือกมีกลิ่นคล้ำยน ้ ำมันระก ำ แก่แล้วจะลอก เป็นแผ่นบำงคล้ำยกระดำษ เปลือกชนั้ ในมีกลิ่นหอม หูใบขนำดเล็ก หลุดรว่งง่ำย ใบเดี่ยว ขอบใบเป็นซี่จัก ยอดอ่อนมีขนสีเงิน ผิวด้ำนล่ำงมีจุดน้ำยำงมำกมำย ดอกแยกเพศไม่แยกต้น ดอกขนำดเล็ก อยู่เป็นช่อห้อยลง สีออกเขียว ดอก เพศผู้ห้อยเป็นพวงเหมือนพวงกระรอกเล็ก ๆ ช่อดอกเพศเมียเป็นช่อตั้ง ผล ขนำดเล็ก แบนกว้ำง มีปีกบำง กลุ่มผลมีกำบดอกปกคลุม และยังติดอยู่บน ก้ำนแม้ว่ำผลจะปลิวออกไปแล้ว พบในเอเชียใต้และคำบสมุทรอินโดจีน ไม้เนื้อแข็ง ทนทำน นิยมใช้ในงำนก่อสร้ำง เปลือกมีน้ำมันหอม มีฤทธ์เป็นยำ ใช้ท ำเหล้ำ ใบใช้เป็นอำหำรเลี้ยงสัตว์ เปลือกต้นใช้ขับลมในล ำไส้ แก้ปวดเมื่อยตำมร่ำงกำย เปลือกต้นใช้ดองเหล้ำเป็นยำสมุนไพร ล ำต้น ไม้ต้น สูงถึง 30 ม. เปลือกต้นด้ำนในมีกลิ่นหอม ใบ ใบเดี่ยว เร ียงสลับ รูปใบหอก รูปใบหอกแกมรูปไข่ หร ือรูปร ีแกมรูปไข่ กว้ำง 2.5-5.5 ซม. ยำว 4-12 ซม. ผิวใบด้ำนล่ำงมีจุดโปร่งแสง
15 ดอก แยกเพศ ออกเป็นช่อ ช่อดอกเพศผู้ ห้อยลง รูปทรงกระบอก มีดอกย่อยจ ำนวนมำก สีเหลืองอมเขียว ช่อดอกเพศเมียมีจ ำนวนดอก 3-5 ดอก ผล แบบเปลือกแข็งเมล็ดเดียว รูปไข่กลับ ยำว 1.5-2.0 มม. มีขนที่ปลำย มีปีกลักษณะเป็นเยื่อ กำรใช้ประโยชน์: - สมุนไพร, พืชวัสดุ, พืชให้ร่มเงำ - เปลือกต้น ใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่นเป็นยำดองเหล้ำ หร ือต้มดื่มเป็นยำบ ำรุงก ำลัง แก้ปวดเมื่อยตำมร่ำงกำย แก้อำกำรท้องร่วง เป็นยำอำยุวัฒนะ เจร ิญอำหำร -เปลือกนอกบำงใชท้ ำกระดำษ เปลือกชนั้ ในเป็นน ้ ำมันมีกลิ่นหอม มีสรรพคุณคล้ำยน ้ ำมันมวย หรอืใช้ เคลือบหนัง 4. พันธุ์ไม้มงคลพระรำชทำนประจ ำจังหวัดพะเยำ สำรภี เป็นไม้ดอกยืนต้นพบในประเทศไทย ลำว เวียดนำม และกัมพูชำ เป็นพันธุ์ไม้พระรำชทำนเพื่อปลูกเป็นมงคลจังหวัดพะเยำ สำรภี ยังมีชื่อพื้นเมืองอื่นอีกดังนี้ : ทรพี (จันทบุร ี) สร้อยพี (ใต้) สำหละปี (เชียงใหม่, เหนือ) ลักษณะทำงพฤกษศำสตร์ เป็นไม้ยืนต้นสูง 10-15 เมตร ไม่ผลัดใบ เร ือนยอดเป็น พุ่มทึบ ใบเป็นใบเดี่ยวเร ียงตรงข้ำม รูปไข่กลับแกมขอบขนำน เส้นแขนง ใบไม่ชัดเจน แต่เส้นใบย่อยแบบร่ำงแหเห็นชัดทั้งสองข้ำง เนื้อไม้มีสีน้ำตำล แกมแดง ใบสีเขียว หนำ แข็งเป็นมัน มียำงขำว เปลือกสีเทำด ำ แตกล่อน เป็นสะเก็ดตลอดล ำต้น ดอกสีขำวอมเหลือง ออกดอกเป็นกระจุกตำมกิ่ง สีขำว กลนิ่หอม รว่งงำ่ย มเีกสรเพศผู้สีเหลือง ผลรูปกระสวย ยำวประมำณ 2.5 ซม. เมื่อสุกสีเหลือง มีเนื้อสีเหลืองหร ือสีแสดหุ้มเมล็ด รับประทำนได้ ออกดอก มกรำคม - มีนำคม เป็นผล กุมภำพันธ์-เมษำยน ถิ่นก ำเนิด ป่ำเบญจพรรณ ป่ำดงดิบ ในเขตเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ กำรปลูก : สำรภีชอบสภำพดินร่วนซุย ควำมชื้นพอเหมำะ ขยำยพันธุ์ โดยกำรเพำะเมล็ด กำรใช้ประโยชน์: - ดอกสดและแห้ง มีรสหอมเย็น จัดอยู่ในเกสรทั้งห้ำ ใช้บ ำรุงก ำลัง แก้อ่อนเพลีย ช่วยเจร ิญอำหำร แก้ไข้ พิษร้อน ใช้ผสมในยำหอมแก้ลม วิงเวียนศีรษะ หน้ำมืดตำลำย แก้ร้อนใน ชูก ำลัง บ ำรุงหัวใจและประสำท บ ำรุงปอด แก้โลหิตพิกำร ขับลม - เกสร มีรสหอมเย็น เป็นยำแก้ไข้ บ ำรุงครรภ์ - ผลสุก เยื่อหุ้มเมล็ดมีรสหวำน รับประทำนได้ เป็นยำบ ำรุงหัวใจ ขยำยหลอดโลหิต - ดอกตูม ย้อมผ้ำไหมให้สีแดง
16 5. พันธุ์ไม้มงคลพระรำชทำนประจ ำจังหวัดแพร่ ยมหิน เป็นต้นไม้ประจำ จงัหวัดแพรท่ ี่สมเด็จพระนำงเจำ้สิรกิิติ์ พระบรมรำชินีนำถ พระบรมรำชชนนีพันปีหลวง พระรำชทำนเพื่อปลูกเป็นต้นไม้ ประจ ำจังหวัด ต้นยมหินมีควำมสูง 15-25 เมตร เปลือกมีสีน้ำตำลถึงน้ำตำลด ำ เพื่อล ำต้นมอีำยุเพมิ่ขึ้น เปลือกในสีแดงออกน ้ ำตำลชมพูแก่นไม้มีสีเหลืองเขม้ ถึงน้ำตำลแดง ชื่อวิทยำศำสตร์ Chukrasia velutina Wight & Arn.เป็นพืช ในวงศ์ Meliaceae ชื่อสำมัญ Almond-wood, Chickrassy Chittagong-wood. ลักษณะทำงพฤกษศำสตร์ เป็นแบบขนนกปลำยคี่ ยำวประมำณ 30-50 ซม. ใบแก่จะมีรูปร่ำง ใบแบบรูปไข่ หร ือรูปขอบขนำน ฐำนใบกลมหร ือมน ปลำยใบแหลม ผลของต้น ยมหิน เป็นแบบผลแห้งมีเปลือกแข็งสีน้ำตำลมีรูปทรงแบบไข่ ขนำดยำวประมำณ 2.5-50 ซม. เมล็ดของต้นยมหิน มีลักษณะเป็นแผ่นบำง ๆ สีน้ำตำล มีควำมยำว เป็นสองเท่ำของควำมกว้ำง ในแต่ละช่วงของผลจะมีเมล็ดอยู่ประมำณ 60-100 เมล็ด กำรใช้ประโยชน์: เป็นไม้ที่เหมำะส ำหรับงำนที่ใช้ในที่ร่ม สำมำรถน ำไปแปรรูปเป็นสินค้ำได้ เช่น ท ำเคร ื่องเร ือน, ก่อสร้ำง บ้ำนเร ือน 6. พันธุ์ไม้มงคลพระรำชทำนประจ ำจังหวัดแม่ฮ่องสอน จั่นหร ือ กระพี้จั่น (ชื่อวิทยำศำสตร์: Millettia brandisiana) เป็น ไม้ยืนต้นในวงศ์ถั่ว เปลือกต้นค่อนข้ำงเร ียบ ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ดอกช่อ กลีบดอกสีม่วงหร ือม่วงครำม ผลแห้งแตก เมล็ดกลมแบน เนื้อไม้ใช้ท ำเยื่อกระดำษ และดอกไม้ประดิษฐ์ใบอ่อนรับประทำนเป็นผักหร ือใส่ในแกง กระพี้จั่นเป็นพันธุ์ไม้พระรำชทำนเพื่อปลูกเป็นสิร ิมงคลประจ ำจังหวัด แม่ฮ่องสอน ตำมมติตำมคณะรัฐมนตร ีเมื่อวันที่ 1 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2537 ล ำต้น ไม้ต้น ผลัดใบ สูง 8-20 เมตร เปลือกค่อนข้ำงเร ียบ สีเทำ อมน้ำตำล ใบ ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียวปลำยคี่ เร ียงเวียน แกนกลำง ใบประกอบยำว 10-20 ซม. ก้ำนใบประกอบยำว 3-7 ซม. โคนก้ำนบวม มักมีสีคล้ำ ใบย่อย 6-8 คู่ เร ียงตรงข้ำม รูปขอบขนำนหร ือรูปปขอบขนำนแกมรูปใบหอก กว้ำง 0.8-1.7 ซม. ยำว 2.5-7.0 ซม. ปลำยแหลมหรอืมน โคนมนหรอืรูปลิ่ม ขอบเร ียบ แผ่นใบบำงคล้ำยกระดำษ ด้ำนบนสีเขียวเข้ม เกลี้ยง ด้ำนล่ำงสีอ่อนกว่ำ มีขนสั้นนุ่มประปรำยตำมเส้นกลำงใบ ผลัดใบก่อนออกดอก ดอก เป็นชอ่ดอกแบบชอ่แยกแขนง ออกตำมปลำยกิ่งและด้ำนข้ำงของกิ่ง ช่อยำว 7-22 ซม. แต่ละช่อ มีดอกจ ำนวนมำก ก้ำนดอกยำว 2-3 มม. ดอกรูปดอกถั่ว กลีบเลี้ยงสีม่วงเข้ม โคนเชื่อมติดกันคล้ำยรูประฆัง ยำว ประมำณ 5 มม. ปลำยแยกเป็นรูปสำมเหลี่ยม 5 แฉก กลีบดอก 5 กลีบ สีม่วงแกมสีขำวหร ือม่วงแกมสีชมพู มีกลีบกลำง 1 กลีบ อยู่ด้ำนบน กลีบคู่ข้ำง 2 กลีบ และกลีบคู่ล่ำง 2 กลีบ แต่ละกลีบยำว 0.8-1.1 ซม. เกสรเพศผู้ 10 เกสร เชื่อมติด 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งมี 9 เกสร ก้ำนชูอับเรณูเชื่อมติดกัน อีก 1 เกสรแยกเป็นอิสระ รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ มีขนสั้นนุ่ม ผล แบบผลแห้งแตกสองแนว เป็นฝักแบน รูปขอบขนำนแกมรูปใบหอกกลับ กว้ำง 2-2.5 ซม. ยำว 10-14 ซม. ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่สีน้ำตำลอมเหลือง
17 เมล็ด รูปค่อนข้ำงกลม สีน้ำตำลอมด ำ มี 1-4 เมล็ด กำรใช้ประโยชน์: - สมุนไพร,พืชประดับ,พืชใช้เนื้อไม้,พืชให้ร่มเงำ - ยอดอ่อน กินเป็นผักสดจมิ้น ้ ำพรกิ ใส่ในแกงหรอืย ำได้มักแตกใบอ่อนมำกชว่งปลำยฤดูหนำวถึงต้น ฤดูร้อน - ผล มีรสฝำดมัน มีสรรพคุณแก้เส้นเอ็นพิกำร 7. พันธุ์ไม้มงคลพระรำชทำนประจ ำจังหวัดล ำปำง ขะจำว หร ือกระเชำ เป็นชื่อไม้ต้นผลัดใบขนำดใหญ่ชนิด Holoptelea integrifolia ในวงศ์ Ulmaceae สูง 15–30 เมตร ขึ้นอยู่ตำมป่ำเบญจพรรณและป่ำทุ่งบนที่รำบหร ือตำมเชิงเขำที่ไม่สูงจำก ระดับน้ำทะเลมำกนัก พบในอินเดีย พม่ำ ไทย และภูมิภำคอินโดจีนชื่อเร ียก ตำมท้องถิ่น ขจำว, ขะจำว, ขจำวแจง, ขเจำ, ฮังคำว (ภำคเหนือ) ฮ้ำงคำว (เชียงรำย)ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ พูคำว (นครพนม) มหำเหนียว (นครรำชสีมำ) ฮ้ำงคำว (ชัยภูมิ, อุดรธำนี) กระเจำ, กระเจ้ำ, กระเชำ (ภำคกลำง) กระเช้ำ (กำญจนบุร ี) กระเชำะ (รำชบุร ี) กำซำว (เพชรบูรณ์) กระเจำะ, ขจำว, ขเจำ (ภำคใต้) ล ำต้น ไม้ต้น สูงได้ถึง 25 ม. ผลัดใบ ตำมกิ่งและล ำต้นมี ชอ่งระบำยอำกำศชดัเจน เปลือกและใบมีกลิ่นเหม็นเขียว ใบ ใบเดี่ยว เร ียงสลับ รูปร ี หร ือรูปไข่แกมขอบขนำน ฐำนมน ปลำยแหลมหร ือเร ียวแหลมขอบเร ียบ ยำว 10-20 ซม. กว้ำง 5-8 ซม. เนื้อใบค่อนข้ำงหนำ ผิวใบด้ำนบนเกลี้ยง ผิวใบด้ำนล่ำงมีขนหนำนุ่ม ดอก ดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตำมซอกใบ กลีบเลี้ยงสีเหลืองอ่อน มีขนนุ่ม ไม่มีกลีบดอก ผล ผลแห้ง มีปีกเดียว ผลแก่มีสีเหลืองปนน ้ ำตำล ปลำยด้ำนบนของปีกมีติ่งแหลมแตกเป็น 2 ง่ำม เมล็ด เมล็ดนูนหนำชัดเจน กำรใช้ประโยชน์: ขะจำว เป็นไม้ที่โตเร็วและทนไฟป่ำได้ดี เนื้อไม้สดมีสีเหลืองอ่อนหร ือเหลืองมะนำว เมื่อแห้งเป็นสีนวล แข็งพอประมำณ ใช้ในกำรก่อสร้ำงที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมำกนัก ท ำเคร ื่องเร ือน เคร ื่องกลึง แกนร่ม ก้ำนและกล่องไม้ขีดไฟ สำมำรถน ำมำท ำประโยชน์ได้มำกมำย ปลูกในบร ิเวณสวนข้ำงทำง เพรำะมีร่มไม้ที่โปร่งสูงกันแดดได้ดีใชท้ ำสิ่งก่อสรำ้ง ที่อยู่ในร่ม ท ำเคร ื่องมือทำงกำรเกษตร เช่น ด้ำมจอบ เสียม ท ำพำนท้ำยปืน เส้นใยจำกเปลือกเหนียว ใช้ท ำเชือก ผ้ำ และกระสอบ เปลือกท ำยำรักษำเร ื้อนสุนัข กันตัวไร และเป็นยำแก้ปวดตำมข้อ
18 8. พันธุ์ไม้มงคลพระรำชทำนประจ ำจังหวัดล ำพูน ก้ำมปู, ฉ ำฉำ หร ือ จำมจุร ีแดง (มักเร ียกสั้น ๆ ว่ำ จำมจุร ี) เป็นพืชในวงศ์ถั่ว (Leguminosae) ในวงศ์ย่อย Minosoideae เป็น ไม้ยืนต้นขนำดใหญ่มีกิ่งก้ำนสำขำมำก เปลือกสีด ำหร ือ สีเทำแตกล่อน เป็นสะเก็ด มีใบขนำดเล็กและผลัดใบเก่ง ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น เร ียงสลับ ใบประกอบย่อย 2-5 คู่ มีต่อมใต้ระหว่ำงใบประกอบย่อย ใบย่อย มี 3-6 คู่ รูปร ี รูปไข่ หร ือรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน เบี้ยว กว้ำง 0.7-3 ซม. ยำว 1.5-6 ซม. ดอกเล็กสีชมพูออกช่อกระจุกบนก้ำนช่อเชิงหลั่น ช่อกลำง ดอกมีขนำดใหญ่กว่ำช่อข้ำงๆ เล็กน้อย มีผลเป็นฝัก ยำว 15-20 ซม. เมล็ดแข็ง ฝักละ 15-25 เมล็ด รูปร ียำวประมำณ 1 ซม. ผลมีเนื้อสีชมพู รสหวำน สัตว์เคี้ยวเอื้องชอบกินเป็นอำหำรต้นจำมจุร ีมีอำยุยืนได้นับร้อยๆ ปี เป็นพืชพื้นเมืองของเม็กซิโก, บรำซิล และเปรู ต่อมำได้ถูกน ำเข้ำมำเผยแพร่ ในเอเชียใต้, เอเชียอำคเนย์, หมู่เกำะแปซิฟิก และฮำวำย เมล็ดเมื่อรับประทำน ท ำให้ปวดศีรษะ อำเจียน ถ้ำเป็นพิษรุนแรง ท ำให้ระบบไหลเวียนเลือดไม่ สม่ำเสมอ ท ำให้ชักได้ ก้ำมปูหร ือจำมจุร ีแดง เป็นต้นไม้ประจ ำจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย, โรงเร ียนเตร ียมอุดมศึกษำ, โรงเร ียน สำธิตจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย, โรงเร ียนหำดใหญ่วิทยำลัย และเป็นพันธุ์ไม้พระรำชทำนเพื่อปลูกเป็นมงคลประจ ำจังหวัด ล ำพูน นอกจำกจำมจุร ีแดงและฉ ำฉำแล้ว ก้ำมปูยังมีชื่อเร ียกอื่น ๆ อีกตำมแต่ละพื้นที่ ได้แก่ "ก้ำมกรำม" (กลำง), "ก้ำมกุ้ง" (กทม., อุตรดิตถ์), "ตุ๊ดตู่" (ตรำด), "ลัง" (เหนือ), "สำรสำ" (เหนือ), "ส ำสำ" (เหนือ, อีสำน) และ "เส่คุ่" (กะเหร ี่ยง แม่ฮ่องสอน) เป็นต้น กำรใช้ประโยชน์: - อำหำร,สมุนไพร,พืชใช้เนื้อไม้ - เปลือกต้น ป่นละเอียดเป็นยำสมำนแผล และเมล็ด รักษำอำกำรบิด ท้องเสีย - เนื้อไม้ ใช้ในงำนแกะสลัก ท ำเคร ื่องใช้ เคร ื่องเร ือนต่ำงๆ - ใบ แก้ปวดแสบปวดร้อน - เมล็ด แก้โรคผิวหนังเปลือกสมำนแผลในปำกคอ แก้ท้องร่วง - ฝักแก่ เป็นอำหำรสัตว์
19 กำรจ ำแนกกลุ่มสีจำกพันธุ์พืชให้สี ธรรมชำติมีควำมมหัศจรรย์มำกมำย และมนุษย์ก็เร ียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จำกควำมมหัศจรรย์นี้มำเป็น เวลำนำน รู้จักที่จะสร้ำงควำมงดงำมให้กับเครอ่ืงนงุ่ห่มของตนเอง จำกส่วนต่ำง ๆ ของพชื ไมว่ ่ำจะเป็น แก่น เปลอืก กิ่ง ใบ ผล และดอก ให้สงิ่ที่เรยีกวำ่ “สีย้อมจำกธรรมชำติ” อันเปน็สิ่งที่มนษุย์เรยีนรูแ้ละถ่ำยทอดกันมำอย่ำงยำวนำน และ สำมำรถบ่งชี้ถึงควำมเป็นเอกลักษณ์ของสังคมนิเวศแต่ละแห่ง ผสำนกับกำรตัด เย็บ ถัก ทอ ที่ดึงเอำควำมงดงำมที่ไม่ เหมือนใครออกมำ ท ำให้เคร ื่องนุ่งห่มจำกสีย้อมธรรมชำติจึงยังคงได้รับควำมนิยมจนถึงปัจจุบัน วัสดุธรรมชำติ ที่ให้โทนสีเหลือง-แสด ยกตัวอย่ำง เช่น ส่วนรำกของยอป่ำซึ่งให้สีแดง-ส้ม แต่ถ้ำใช้ส่วนของเนื้อรำกจะ ให้สีเหลือง หร ือแก่นไม้แกแลที่ให้สีเหลืองทอง เหลืองเข้ม เหลือง เขียว เปลือกเพกำก็สำมำรถให้ได้ทั้งโทนสีเขียว-เหลือง และฝักของ ต้นรำชพฤกษ์หร ือคูณ ซึ่งพบได้ทั่วไปตำมท้องถนน ก็สำมำรถให้สี ส้มอ่อนอมเทำได้เช่นกัน นอกจำกที่กล่ำวไปข้ำงต้น ยังมีวัสดุหร ือพืชธรรมชำติ ที่คนไทยน ำมำใช้สกัดสีเพื่อใช้ประโยชน์ และเป็นวัสดุที่หำได้ง่ำย จึงขอยกตัวอย่ำงวัสดุธรรมชำติที่ให้สีโทนดังกล่ำวที่มีกำรใช้อย่ำง แพรห่ลำยในท้องถิ่นหลำยแห่ง ได้แก่ขมิ้นชนัแก่นขนุน และเมล็ด ค ำแสด เป็นต้น วัสดุธรรมชำติที่ให้สีเหลืองที่เรำนึกถึงเป็นอันดับแรก ก็คงเป็นขมิ้นชนัแน่นอนว่ำเป็นพืชที่เรำรูจ้กักันดีเพรำะมีกำรใชป้ระโยชน์มำเป็นเวลำนำน โดยจะใชจ้ำกส่วนหัวหรอืเหง้ำขมิ้น นิยมใชใ้นกำรประกอบอำหำร แต่งสีแต่งกลิ่น โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งสรรพคุณ ทำงยำมำกมำย จงึมักเป็นส่วนผสมส ำคัญในตัวยำแผนไทยและเครอ่ืงส ำอำงหลำยประเภท เหง้ำของขมิ้นชนัมผี ิวนอก เป็นสีเหลือง-น้ำตำล ส่วนด้ำนในมีสีเหลืองเข้มหร ือสีส้มปนน้ำตำล เมื่อบดเป็นผงจะมีสีเหลืองทองหร ือสีเหลืองส้มปน น ้ ำตำล สำรสีเหลืองจำกขมิ้นชนันั้นมีสำรส ำคัญ คือ เคอรค์ ิวมิน(cur cumin) เป็นสำรกลุ่มเคอร์คิวมินนอยด์อยู่ร้อยละ 5 เป็นสำรสีเหลืองปนส้ม ใช้แต่งสีอำหำรรวมถึงย้อมผ้ำด้วย กำรสกัดสีย้อมจำกขมิ้นชนัท ำได้ไม่ยำก สำมำรถน ำมำต ำและคั้นกรองเอำน ้ ำสีแล้วน ำผ้ำฝ้ำยลงไปย้อม ในน้ำสี อำจเติมน้ำมะนำวเป็นสำรช่วยย้อม เพื่อให้สีติดผ้ำแน่นยิ่งขึ้น (กระบวนกำรสกัดสีและย้อมอำจแตกต่ำงกันไป) ในขณะที่ไม้ขนุน เป็นไม้โบรำณที่อยู่คู่กับคนไทยมำนำน เห็นได้จำกชื่อของสถำนที่ในประเทศไทยหลำยแห่งก็มีค ำว่ำ ขนุนอยู่ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในไม้มงคลตำมควำมเชื่อว่ำจะมีคนเกื้อหนุน หนุนน ำ มีบำรมี เงินทอง จึงนิยมปลูกในบร ิเวณบ้ำน
20 และเนื้อไม้ก็สำมำรถใช้ท ำเฟอร์นิเจอร์ได้ด้วย โดยส่วนที่นิยมใช้สกัดสี คือ “แก่นขนุน” หร ือเร ียกอีกอย่ำงว่ำ “กรัก” ได้มำจำกต้นขนุนที่เรำพบเห็นทั่วไป นิยมน ำมำใช้ย้อมสี จะให้สีออกเหลืองแก่ หร ือสีกรัก โดยสีเหลืองที่ได้นั้นมำจำก สำร Morin ซึ่งเป็นสำรในกลุ่มฟลำโวนอยด์ ผ้ำสีกรัก เป็นผ้ำที่นิยมใช้ในหมู่พระธุดงค์พระป่ำ และ พระกรรมฐำน เนื่องจำกถือคติว่ำเป็นสีปอน เป็นสีที่เกิดจำกธรรมชำติ ไม่ฉูดฉำดต่ำงจำกผ้ำที่ได้จำกสีย้อมสังเครำะห์ นอกจำกนี้ ส่วนของใบ และรำกขนุนเองก็ให้โทนสีเหลือง-เหลืองเขียวได้เช่นกัน สีสันอำจแตกต่ำง กันขึ้นอยู่กับสำรช่วยย้อม แต่แก่นขนุนนั้นค่อนข้ำงได้รับควำมนิยม มำกกว่ำ และมีจ ำหน่ำยทั่วไปเพื่อใช้ในกำรสกัดสีย้อมผ้ำอีกด้วย กำรสกัดสีจำกแก่นขนุนเพื่อย้อมผ้ำนั้น สำมำรถหำซื้อ แก่นขนุนแห้งส ำเรจ็รูปหรอืเอำแก่นที่ไสและเลื่อยเป็นชนิ้เล็ก ๆ มำต้ม จนได้สีตำมที่ต้องกำร อำจเติมเกลือเพื่อให้สีติดแน่นขึ้น กรองเอำน้ำสี หลงัจำกนั้นจงึน ำผ้ำลงไปย้อมรอ้น แชท่งิ้ไว้ประมำณ 24 ชั่วโมง แล้ว น ำผ้ำขึ้นตำก พืชชนิดต่อมำ คือ “ค ำแสด” หร ือ ค ำเงำะ หร ือ ค ำไทย เรยีกได้แตกต่ำงกันในแต่ละท้องถิ่น ค ำแสดไม่ใชไ่ม้ท้องถิ่นของไทย โดยมีถิ่นก ำเนิดเดิมอยู่แถบเขตรอ้นของอเมรกิำกลำง และขยำยมำจนถึง เขตร้อนทั่วโลก ส ำหรับประเทศไทยมีกำรปลูกทั่วทุกภำคโดยส่วนที่ให้ สีมีทั้งดอก ผล และใบ แต่ส่วนที่ถูกน ำมำสกัดใช้สีย้อมมำกที่สุด คือ “เมล็ดค ำแสด” เมล็ดค ำแสดถูกหุ้มด้วยเปลือกแข็งของผลทรงสำมเหลี่ยมปลำยแหลม เมื่อผลแก่จะแตกออกเห็นเมล็ด ค ำแสดที่ซ่อนอยู่ภำยใน ลักษณะเป็นเมล็ดกลมเล็ก ๆ สีน้ำตำลแดงจ ำนวนมำก เนื้อหุ้มเมล็ดมีสีแดงหร ือสีแสด ซึ่งเป็น ส่วนที่ให้สีได้เช่นกัน ค ำแสด เป็นพืชที่มีกำรใช้ประโยชน์จำกกำรสกัดสี สีที่ได้จำกเมล็ดค ำแสด เร ียกว่ำ สี annatto ซึ่งตรงกับชื่อสำมัญของไม้ชนิดนี้ คือ Annatto tree โดยสีที่ได้จำกเมล็ดค ำแสดเป็นสีแสดสดหร ือสีส้มอมแดง สีที่สกัด จำกเมล็ดค ำแสดมีกำรใช้ประโยชน์ในหลำยประเทศ ทั้งในกำรย้อมผ้ำและสีผสมอำหำร โดยเฉพำะในผลิตภัณฑ์นม จึงมี กำรส่งขำยในชื่อเมล็ด annatto หร ือ Annatto Seed องค์ประกอบของสีจำกเมล็ดค ำแสดประกอบด้วยสำร Bixin (สีแสด) และ Bixol (สีเขียวเข้ม) ในประเทศ อินเดียเองก็ใช้ส่วนของผลที่หุ้มผลสุก เร ียกว่ำ กมลำ (kamala) ย้อมผ้ำไหมและผ้ำขนสัตว์เป็นสีส้มสด และมีกำรใช้ เมล็ดค ำแสดย้อมผ้ำฝ้ำย รวมถึงในไทยเช่นกัน ปัจจุบันเมล็ดค ำแสดมีกำรพัฒนำเป็งผงสีส ำเร็จรูปแล้ว หร ือจะน ำเมล็ด ค ำแสดมำบด เติมน ้ ำ และกรองเอำกำกออก ปล่อยให้สีตกตะกอน แลว้รนิน ้ ำใส ๆ ทิ้ง น ้ ำที่เหลือน ำไประเหยแห้งจะได้ สีเป็นก้อนสีแดงส้ม หลังจำกนั้นก็น ำก้อนสีที่มำบดและต้ม และย้อมผ้ำโดยกรรมวิธีย้อมร้อน อย่ำงไรก็ตำม กระบวนกำร ย้อมและสำรช่วยย้อมที่แตกต่ำงกัน จะให้สีที่หลำกหลำยถึงแม้จะใช้วัสดุธรรมชำติชนิดเดียวกันก็ตำม
21 วัสดุธรรมชำติที่ให้สีโทนน้ำตำล สำรที่ท ำให้เกิดสี น้ำตำลหลัก ๆ คือ สำรแทนนิน ซึ่งพบได้แทบทุกส่วนของพืช มังคุด ผลไม้สุดโปรดของใครหลำยคน ด้วยรสชำติ หวำนอร่อย เป็นที่นิยมมำกในแถบเอเชีย จนได้รับกำรขนำนนำมว่ำ “รำชินีแห่งผลไม้” จึงเป็นที่นิยมบร ิโภคและเป็นผลไม้เศรษฐกิจใน ปัจจุบัน ไม่เพียงแต่เนื้อของผลที่มีรสชำติอร่อย เปลือกของมังคุด เองก็มีกำรใช้ประโยชน์อย่ำงแพร่หลำย โดยสำรแซนโทนที่มีมำก ในเปลอืกมังคุดนั้น มีฤทธยิ์ับยงั้แบคทีเรยียับยั้งกำรอักเสบ และ ยับยั้งอนุมูลอิสระ จึงมีกำรพัฒนำเป็นส่วนผสมในเคร ื่องส ำอำงและ ตัวยำเพื่อกำรเลี้ยงสัตว์หร ือด้ำนกำรเกษตร เป็นต้น ในส่วนของกำรใช้ประโยชน์ในด้ำนกำรย้อมผ้ำ สีที่ ได้จะเป็นสีน้ำตำล-น้ำตำลแดง ขึ้นอยู่กับกระบวนกำรย้อม สำรหลักที่เกี่ยวข้องกับกำรให้สีของเปลือกมังคุด คือ “แทนนิน” ซึ่งให้สีเหลืองหร ือน้ำตำล โดยแทนนินมีกำรใช้ในอุตสำหกรรมฟอกย้อมมำเป็นเวลำนำนหำกใครเคยเผลอกัดเปลือก มังคุดเข้ำให้ ก็จะเจอเข้ำกับรสฝำดและขม นั่นก็คือรสชำติของแทนนิน นอกจำกนี้ ใบของมังคุดก็น ำมำย้อมได้ โดยเติม สำรส้มช่วยติดสีก็จะให้สีออกน้ำตำลแดงเช่นกัน และเรำก็มักจะพบแทนนินในพืชที่ถูกใช้ในกำรย้อมสีหลำยชนิด ไม่ว่ำ จะเป็นประดู่ หูกวำง หร ือสำบเสือ เป็นต้น ส ำหรับกำรน ำเปลือกมังคุดมำย้อม สำมำรถใช้ได้ทั้งเปลือกผลสดและเปลือกผลแห้ง และย้อมด้วยกระบวนกำร ย้อมรอ้น สีที่ได้จำกเป็นสีน ้ ำตำลอมเหลือง หรอืใชเ้ป็นสำรชว่ยย้อมซงึ่ท ำให้สีธรรมชำติบนผ้ำติดทนยิ่งขึ้นก็ดี มะขำมป้อม ที่เป็นส่วนผสมของตัวยำหลำยขนำน โดยเฉพำะในยำอมและเป็นส่วนผสมในเคร ื่องส ำอำงอีกด้วย ในอินเดีย มีกำรใช้ประโยชน์มะขำมป้อมเป็นเวลำหลำยพันปีแล้ว โดยเร ียก ผลไม้ชนิดนี้ว่ำ “Akmalaka” ซึ่งแปลว่ำ พยำบำล และไม้ชนิดนี้ยัง มีกำรกล่ำวถึงในพุทธประวัติตำมควำมเชื่อของชำวฮินดู ส ำหรับ ประเทศไทย มะขำมป้อมเป็นผลไม้ป่ำที่คนไทยรู้จักมำนำน นิยม รับประทำนทั้งแบบผลสดและแปรรูป และเป็นผลไม้ประจ ำจังหวัด สระแก้ว กำรใช้ประโยชน์ในกำรเป็นสีย้อมนั้น ทำงภำคเหนือ นิยมใช้เปลือกของต้นมะขำมป้อมย้อมเส้นใย ไหม หร ือผ้ำขนสัตว์ โดยเฉพำะในใบแห้ง มีแทนนินมำกเมื่อย้อมผ้ำจะให้สีน้ำตำลแกม เหลือง แต่ถ้ำผสมเกลือจะได้สีน้ำตำลอมด ำ และหำกย้อมเสื่อด้วย เปลือกต้นก็จะให้สีด ำ หร ือจะใช้ลูกมะขำมป้อมแช่น้ำไว้ข้ำมวันจน น้ำเปลี่ยนเป็นสีด ำ แล้วจึงน ำผ้ำลงไปย้อมร้อน จะได้ผ้ำสีด ำแกม เขียวหร ือสีเทำ ปัจจุบันมีกำรพัฒนำสกัดสีย้อมผมธรรมชำติจำกมะขำมป้อมแล้ว นอกจำกนี้ เปลือกไม้โกงกำงแห้งก็ให้ สีน้ำตำลได้เช่นกัน เนื่องจำกเปลือกไม้มีสำรแทนนินและฟีนอลเป็นจ ำนวนมำก สีสันที่แตกต่ำงกันแปรเปลี่ยนไปตำม ประเภทและควำมสด-แก่ของวัสดุที่น ำมำใช้และสำรช่วยย้อม พืชหลำยชนิดก็สำมำรถให้ได้ทั้งโทนสีชมพูไปจนถึงสีน้ำตำล หร ือโทนเขียว-น้ำตำล ยกตัวอย่ำงเช่น ใบหร ือแก่นของต้นสัก สำมำรถให้สีกำกีหร ือสีน้ำตำลได้เช่นกัน หร ือเปลือกเพกำ ต้มกับน้ำผลมะเกลือหร ือน้ำโคลนเป็นสำรช่วยย้อม จะได้สีเหลืองส้มอมน้ำตำล หร ือเปลือกมะพร้ำวแก่กับสำรส้ม/น้ำด่ำง ขี้เถ้ำจะได้สีน้ำตำลแดง ขณะที่เปลือกผลมะพร้ำวอ่อนกับสำรส้มจะได้สีคร ีม
22 วัสดุธรรมชำติที่ให้สีด ำ-เทำ โดยวัสดุที่มีกำรใช้ประโยชน์ หลัก ๆ และใช้กันอย่ำงแพร่หลำย คือ ผลของมะเกลือ เนื่องจำกให้ สีด ำสนิท และมีควำมคงทนต่อกำรซักและแสงดีมำก มะเกลือ เป็นวัตถุดิบธรรมชำติที่ใช้ประโยชน์ได้อย่ำง หลำกหลำย พบได้ตำมป่ำเบญจพรรณ โดยผลมะเกลือมีสรรพคุณ ทำงยำนิยมใช้ในกำรถ่ำยพยำธิ แต่ต้องใช้ในปร ิมำณที่เหมำะสม ในขณะ ที่เนื้อไม้ก็มีควำมละเอียด แข็งแรงทนทำน ใช้ท ำเคร ื่องเร ือน เฟอร์นิเจอร์ และอื่น ๆ เป็นต้น นอกจำกนี้ยังนิยมใช้ในกำรย้อมผ้ำอย่ำงแพร่หลำย โดยใช้ผลแก่ที่มียำง ซึ่งมีสำรไดออสไพรอลไดกลูโคไซต์ เมื่อสัมผัส อำกำศจะกลำยเป็นสำรไดออสไพรอลที่มีสีด ำ เมื่อน ำไปย้อมผ้ำสีให้ สีด ำสนิท ติดทนดี กำรย้อมผ้ำด้วยมะเกลือมีมำตั้งแต่สมัยรัชกำลที่ 5 เป็นกิจกรรมของคนจีนในสมัยนั้น เนื่องจำกนิยมใส่ กำงเกงผ้ำแพรสีด ำ แต่สมัยนั้นยังไม่มีสีสังเครำะห์จึงใช้ผ้ำย้อมสีด ำจำกผลมะเกลือ และเกิดกิจกำร “โรงย้อมมะเกลือ” กระจำยหลำยแห่งในฝั่ งธนบุร ี โดยจะมีลำนกว้ำงส ำหรับย้อมผ้ำและตั้งอยู่ติดกับล ำคลองเพื่อใช้ในกระบวนกำรล้ำงสีย้อม เร ียกว่ำ “ลำนมะเกลือ” กำรย้อมผ้ำด้วยผลมะเกลือจะต้องใช้เวลำ โดยใช้ได้ ทั้งผลดิบและผลสุก แต่ใช้ผลสุกจะสะดวกกว่ำ โดยน ำผลสุกสีด ำ มำบดละเอียด กรองเอำแต่น้ำสีด ำมำย้อมแล้วตำก ต้องย้อมซ้ำอีก ประมำณ 3 ครั้ง หมักกับโคลนประมำณ 1-2 คืนเพื่อช่วยติดสี จะได้ ผ้ำสีด ำสนิท ในขณะที่เปลือกเงำะโรงเร ียน ที่เรำนิยมรับประทำน สำมำรถน ำมำใช้ย้อมผ้ำได้เช่นกัน เนื่องจำกในเปลือกสำรแทนนินอยู่ กำรย้อมผ้ำด้วยเปลือกเงำะจะใชเ้ปลือกสดมำบดเป็นชนิ้เล็ก ๆ ไปต้ม กับน้ำเพื่อสกัดสี โดยสีที่ได้นี้จะเป็นสีน้ำตำลเข้ม หลังจำกนั้นจึงน ำ ผ้ำลงไปย้อมร้อนกับน้ำสีที่ได้ แล้วหมักกับโคลนเป็นเวลำวันละ 7-8 ชั่วโมง นำน 3 วัน ผ้ำที่ได้จะกลำยเป็นสีด ำใกล้เคียงกับมะเกลือ นอกจำกนี้ยังมีรำยงำนกำรใช้ประโยชน์ย้อมผ้ำจำก ลูกกระบกผสมกับโคลนก็จะได้สีเทำ-เทำด ำเช่นกัน แต่ปัจจุบันไม่ พบกำรย้อมผ้ำด้วยกระบกมำกนัก อำจเป็นเพรำะเป็นไม้ที่ไม่นิยมปลูก มักขึ้นเองตำมธรรมชำติ และออกผลตำมฤดูกำล จะเห็นได้ว่ำ ผ้ำจำก สีย้อมธรรมชำติที่เป็นสีด ำ จะต้องน ำไปหมักกับโคลน เนื่องจำกช่วย ให้สีย้อมจำกวัสดุธรรมชำติที่ได้ติดทนมำกยิ่งขึ้น และให้สีที่เข้มขึ้นอีกด้วย
23 วัสดุธรรมชำติที่ให้สีครำม พืชที่ให้สีครำมหร ือสี น้ำเงินในบ้ำนเรำที่นิยมใช้ในกำรย้อมผ้ำ จะมีหลัก ๆ อยู่ 3 ชนิด คือ ต้นครำม ต้นฮ่อม และต้นเบือก/เบิก แต่ที่นิยมใช้ประโยชน์ คือ ต้นครำม/ถั่วครำม และต้นฮ่อม แต่อำจเพรำะชื่อเร ียกที่แตกต่ำง กันในแต่ละท้องถิ่น และบำงพนื้ที่ก็เรยีกต้นฮ่อมว่ำครำม จึงมัก ถูกเข้ำใจผิดคิดว่ำเป็นพืชชนิดเดียวกัน แท้จร ิงแล้วพืชทั้งสองชนิด นี้อยู่กันคนละวงศ์กัน อีกทั้งยังเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่ต่ำงกัน ครำม เป็นพืชล้มลุกตระกูลถั่ว จึงเร ียกว่ำถั่วครำม ก็ได้ จัดอยู่ในสกุล Indigofera spp. วงศ์ FABACEAE โดยใน เอเชียมีอยู่ 2 ชนิด คือ ครำม (I. tinctoria L.) และครำมใหญ่ (I. suffruticosa Mill.) มีใบประกอบแบบขนนกเร ียงสลับ ดอกช่อ ออกตำมซอกใบรูปดอกถั่วสีชมพู ผลเป็นฝัก มีทั้งฝักตรงและฝักโค้ง ต้นถั่วครำมชอบพื้นที่ที่เป็นดินร่วน น้ำน้อย แดดจัด จึงควรปลูกบร ิเวณที่ดอนโล่ง มีแสงแดดเพียงพอ ตำมหัวไร่ปลำยนำก็ได้ อันที่จร ิงแล้วมนุษย์มีกำรใช้ประโยชน์ถั่วครำมในกำรย้อมผ้ำมำเป็นเวลำกว่ำ 2,000 ปีแล้ว ในประเทศไทย กำรย้อมสีจำกครำมเป็นภูมิปัญญำที่มีกำรปฏิบัติมำแต่โบรำณ โดยเฉพำะแถบภำคอีสำนเหนือ มีกำรสอดแทรกเร ื่อง คติควำมเชื่อกำรย้อม จิตวิญญำณในครำมและหม้อย้อมครำม ที่เร ียกว่ำ “หม้อนิล” ซึ่งผู้ย้อมครำมต้องคอยเอำใจใส่ กระบวนกำรย้อม เพื่อให้ได้สีย้อมครำมที่ดีและผ้ำย้อมสีครำมที่ติดสีอย่ำงสม่ำเสมอ ในขณะที่เมื่อพูดถึง ฮ่อม เรำจะนึกถึงเสื้อผ้ำสีครำม ของฝำกขึ้นชื่อจำกจังหวัดแพร่ เร ียกว่ำ “ผ้ำม่อฮ่อม” โดยค ำว่ำ “ม่อ” เพี้ยนมำจำก มอ มีควำมหมำยว่ำ สีมืด สีครำม บ้ำงก็เขียน ว่ำ “หม้อ”หมำยควำมถึงภำชนะที่ใช้ในกำรหมักใบฮ่อม ส่วนค ำว่ำ “ฮ่อม” หมำยถึง สีครำมที่ได้จำกต้นฮ่อม ซึ่งต้นฮ่อมนี้เป็นไม้ล้มลุก มีชื่อวิทยำศำสตร์ คือ Strobilanthes cusia (Nees) Kuntze. วงศ์ ACANTHACEAE ล ำต้นสูง 50-150 ซม. ลักษณะเป็น ใบเดี่ยวเร ียงตรงข้ำมรูปวงร ี ขอบใบหยักฟันเลื่อยละเอียด กำรย้อมสีจำกฮ่อม มีกำรปฏิบัติกันมำกทำง ภำคเหนือ โดยเฉพำะกลุ่มชำติพันธุ์เผ่ำไท แต่ปัจจุบันกลับลด น้อยลง ด้วยข้อจ ำกัดที่ต้องปลูกในพื้นที่สูง ใกล้ล ำธำร มีแสงร ำไร หร ือมักขึ้นในบร ิเวณป่ำดิบเขำหร ือป่ำสนเขำที่มีอำกำศเย็น ตลอดทั้งปีอีกทั้งไม่ค่อยมีกำรส่งเสร ิมปลูกในเชิงอุตสำหกรรม มำกนัก ซึ่งผ้ำม่อฮ่อมที่จ ำหน่ำยในปัจจุบันส่วนมำกย้อมมำจำก สีสังเครำะห์หร ือสีจำกครำมถั่วที่มีส่วนผสมของฮ่อมบำงส่วน เท่ำนั้น จึงอำจกล่ำวได้ว่ำสถำนกำรณ์กำรย้อมสีครำมจำกต้นฮ่อมค่อนข้ำงวิกฤติ ด้วยวัตถุดิบที่หำยำก อันส่งผลให้ ภูมิปัญญำท้องถิ่นกำรใชส้ ีย้อมจำกฮ่อมอำจสูญหำยไปในอนำคต สีครำม ทั้งจำกครำมถั่วและฮ่อมที่ได้นั้นมำจำกกระบวนกำรหมักใบพืช โดยมีสำร Indigo ที่ให้สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสำรกลุ่มอัลคำลอยด์ โดยกระบวนกำรดังกล่ำวจะต้องหมักพืชผสมกับปูนขำว ก็จะได้ก้อนสีครำมเปียก ซึ่งสำมำรถ น ำไปพัฒนำเป็นผงสีต่อไปได้
24 วัสดุธรรมชำติที่ให้สีเขียว/เขียวเหลือง ส ำหรับ วัสดุธรรมชำติที่ให้สีเขียวนั้นมีหลำกหลำยมำก อย่ำงไรก็ตำม วัสดุที่ให้โทนสีเขียวนั้น สำมำรถให้เฉดสีที่หลำกหลำยตั้งแต่เขียวเขียวอ่อน-เหลือง ไปจนถึงสีกำกี ขึ้นอยู่กับสำรช่วยย้อม ส่วนผสม ของวัสดุอื่นในกำรย้อม และกรรมวิธีในกำรย้อม ขอยกตัวอย่ำงพันธุ์ไม้ที่ให้โทนสีดังกล่ำวและ สำมำรถหำได้ง่ำยตำมบ้ำนเรำ 1. เพกำ/ลนิ้ฟ้ำสำมำรถพบกระจำยได้ทั่วไปจะใช้ เปลือกของล ำต้นในกำรย้อมสี สำมำรถใช้ได้ทั้งเปลือกสดและ เปลือกแห้ง กำรสกัดสีจำกเพกำท ำได้หลำยวิธีและกำรใช้สำรช่วย ติดสีที่ต่ำงกัน ก็จะให้สีที่แตกต่ำงกัน หำกใช้เปลือกสดกับสำรส้ม ช่วยย้อม จะให้สีเหลืองสดใส แต่หำกต้องกำรโทนสีเขียว อำจใช้สำรติดสีจ ำพวกโซเดียมคำร์บอเนต น้ำสนิมเหล็ก หร ือ จุนสีลงไปขณะย้อม 2. หูกวำง เป็นพันธุ์ไม้ที่นิยมปลูกกันมำก โดยเฉพำะในเมืองก็สำมำรถพบเห็นได้ง่ำย จร ิง ๆ แล้วหูกวำง เป็นไม้ที่มีกำรใช้ประโยชน์ที่หลำกหลำยมำนำนแล้ว ทุกส่วนของต้นหูกวำงสำมำรถน ำมำใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด มีทั้ง สรรพคุณทำงยำ รำกและผลดิบใช้ในกำรฟอกย้อมหนัง เสื่อ และท ำน้ำหมึก สีย้อมจำกใบหูกวำง จะใช้ใบที่ไม่อ่อนหร ือ แก่จนเกินไป โดยสำรให้สีในใบหูกวำงมี 2 กลุ่มโครงสร้ำง คือ 2.1เตตรำพิโรล ซึ่งเป็นสำรที่ให้สีเขียวเป็นหลัก ได้แก่ พอร์ฟิร ิน คลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นแมกนีเซียมคอมเพล็กซ์ โดยสีเขียวนี้ไม่ทนต่อสภำพสำรละลำยที่เป็นกรดหร ือมีควำมร้อน เพรำะท ำให้แมกนีเซียมหลุดออกจำกโมเลกุล สีจะ เปลี่ยนเป็นสีเขียวขี้ม้ำหร ือน้ำตำลแกมเขียวของสำรประกอบฟีโอไฟติน 2.2 โอ-เฮเทอโรไซคลิก ได้แก่ ฟลำโวนอยด์ ประกอบด้วยสำร 3 ชนิด คือ ฟลำโวน ฟลำโวนอล และ แอนโทไซยำนิน นอกจำกนี้ใบหูกวำงมีแทนนินเป็นองค์ประกอบที่ส ำคัญ ซึ่งเป็นสำรที่มีคุณสมบัติท ำให้สีย้อมติดแน่น ทนทำน 3. มะม่วง เป็นพืชที่นิยมปลูกกันมำกในประเทศไทย โดยส่วนมำกปลูกเพื่อรับประทำน นอกจำกนี้เปลือก มะม่วงยังมีคุณสมบัติในกำรย้อมผ้ำโดยให้สีเหลืองอ่อน เขียว เขียวขี้ม้ำ ขึ้นอยู่กับสำรและวัสดุอื่นที่ช่วยย้อม มีกำรศึกษำ รงควัตถุสีที่พบในเปลือกมะม่วงส่วนมำกอยู่ในกลุ่มฟลำโวนอยด์ ซึ่งให้สีเหลืองเข้ม และรงควัตถุสีที่เป็นสำรอนุพันธ์ ในกลุ่มแซนโทน ซึ่งอยู่ในรูปกลูโคไซด์ คือ แมงจิเฟอร ิน (Mangiferin) และนอกจำกนี้ยังพบองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น Gallic Acid, Epicatechin รวมทั้ง Tannic Acid เป็นต้น 4. สำบเสือ เป็นพืชล้มลุกที่พบได้ทั่วไปในที่รกร้ำง ทุ่งหญ้ำร ิมถนน ในไร่ และร ิมสวนผลไม้ ปัจจุบันมี กำรศึกษำพัฒนำสำรสกัดเพื่อใช้ในกำรก ำจัดศัตรูพืช อีกทั้งยังมีสรรพคุณทำงยำช่วยในกำรห้ำมเลือด เนื่องจำกมีสำร eupatol, coumarin ซงึ่ออกฤทธทิ์ี่ผนังเส้นเลือด ท ำให้เส้นเลือดหดตัว สำบเสืออำจถูกมองว่ำเป็นวัชพืช แต่ในหลำย พื้นที่มีกำรใช้ประโยชน์ในกำรย้อมผ้ำอีกด้วย โดยจะใช้ส่วนใบในกำรย้อมซึ่งให้สีเขียวอมเหลืองหร ือเขียวคล้ำ ในใบสำบเสือ ประกอบด้วยสำรส ำคัญ คือ anisic acid และ flavonoid หลำยชนิด หนึ่งในนั้น คือ สำรกลุ่มแทนนินเช่นกัน นอกจำกนี้ตัวอย่ำงวัสดุธรรมชำติที่กล่ำวมำข้ำงต้นยังมีพืชอีกหลำยชนิดที่ถูกใช้ในกำรสกัดสีย้อม ไม่ว่ำ จะเป็นใบและเปลือกจำกสมอป่ำ จะให้สีกำกีแกมเขียวหร ือเขียวแก่ ใบจำกต้นแค ให้สีเขียวอ่อน หร ือพืชเศรษฐกิจอย่ำง สับปะรด หำกน ำใบอ่อนย้อมกับสำรกลุ่มที่เป็นกรด เช่น น้ำมะนำวหร ือน้ำมะกรูด จะได้สีเขียวตองอ่อน และใบจำกใบเตย ก็ให้สีเขียวได้ด้วยเช่นกัน
25 กำรพิมพ์ลำยผ้ำสีธรรมชำติ (ECO PRINT) เป็นงำนวิจัยเชิงนวัตกรรมรักษ์โลก กำรพิมพ์ลำยผ้ำด้วย พรรณพืชต่ำง ๆ ดั้งเดิม เป็นองค์ควำมรูต้ะวันตกเรม่ิจำกประเทศออสเตรเลีย โดยอำศัยกระบวนกำรธรรมชำติจำก กำรเปลี่ยนแปลงทำงธรรมชำติของใบไม้/ดอกไม้ตำมฤดูกำลและสภำวะแวดล้อม ส่งผลให้สีส้นของใบไม้/ดอกไม้แต่ละใบ ทรงคุณค่ำและสวยงำมตำมธรรมชำติ กำรพิมพ์ลำยผ้ำด้วยสีธรรมชำติจึงเชื่อมโยงกับวิถีธรรมชำติ ง่ำยต่อกำรบ ำรุงรักษำ ประหยัดพลังงำนและต้นทุนในกำรดูแล เพรำะใชส้ำรจำกธรรมชำติที่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เชน่ ขี้เถ้ำ เกลือ สำรส้ม ใบไม้ เปลือกไม้ รำกไม้ สีใบไม้และดอกไม้บนผืนผ้ำสวยงำมตำมธรรมชำติ ECO PRINT เป็นเทคนิคกำรพิมพ์ลำยผ้ำเฉพำะตัวที่ได้ลวดลำยของพรรณพืชที่ไม่อำจคำดเดำได้ ซึ่งสำร ที่เป็นสื่อในกำรจับสีหร ือเร ียกว่ำ มอร์แดนท์ (Mordant) ช่วยท ำให้สีใบไม้ติดทนทำน ตลอดจนควำมเป็นกรด-ด่ำงที่ มีผลต่อสีธรรมชำติที่พิมพ์ลงผืนผ้ำ ผ้ำแต่ละชนิดจะรองรับสีจำกธรรมชำติที่แตกต่ำงกัน แม้ว่ำสีนั้นจะมำจำกใบไม้ชนิด พันธุ์เดียวกัน ทั้งนี้ กำรน ำพรรณพืชที่เตร ียมไว้มำจัดเร ียงหร ือวำงบนผืนผ้ำให้สวยงำมตำมต้องกำรแล้วกดและม้วนแล้ว น ำไปนึ่ง เพื่อให้สีธรรมชำติของใบและดอกสำมำรถเกำะติดกับผืนผ้ำ โดยผ้ำที่ใช้ต้องเป็นผ้ำที่ท ำมำจำกเส้นใยธรรมชำติ หร ือวัสดุธรรมชำติเท่ำนั้น เช่น กระดำษ หนังสัตว์ ผ้ำทอจำกฝ้ำย ผ้ำลินิน และผ้ำไหม จะท ำให้ติดสีจำกธรรมชำติได้ดี มีสีสวยงำมชัดเจน ฉะนั้น ECO PRINT ถือเป็นงำนศิลปะอย่ำงหนึ่งที่สำมำรถน ำไปพิมพ์ลำยได้ทั้งเสื้อผ้ำ กระเป๋ำ ผ้ำพันคอ ผ้ำโพกหัว ผ้ำคลุมไหล่ เป็นต้น ซึ่งจำกกำรใช้วัสดุธรรมชำติท ำให้ผ้ำมีสีสันสะดุดตำ สำมำรถน ำไปเป็นผลิตภัณฑ์ของฝำก ของที่ระลึก สร้ำงจุดขำยใหม่ ๆ ให้กับชุมชน ก่อให้เกิดรำยได้และอำชีพต่อไป วัสดุอุปกรณ์ 1. ผ้ำขำวจำกเส้นใยธรรมชำติ ที่ซักแล้ว (ซักด้วยสบู่อ่อน ๆ หร ือสบู่เด็ก) 2. ใบไม้/ดอกไม้ ที่เลือกตำมใจชอบ (ต้องเป็นใบไม้/ดอกไม้สดจะดีที่สุด) 3. พลำสติก 4. ฟิล์มยืด (แรปห่อของ) 5. ท่อพลำสติกสอดสำยยำง 6. หม้อนึ่งอลูมิเนียม (ในกระบวนกำรให้ควำมร้อน หำกเป็นวันแดดแรง ใช้กระดำษฟอยล์ห่อแล้ว ตำกแดดได้) 7. น้ำสนิม 8. ถังแก๊ส 9. กะละมังอลูมิเนียม 10. น้ำมอร์แดนท์ การพิมพ์ลายผ้าจากสีธรรมชาติ (ECO PRINT)
26 ขั้นตอนกำรท ำ ECO PRINT ลงผืนผ้ำโดยใช้ควำมร้อน กำรเตร ียมสำรติดสี หร ือ Mordant 1. สำรส้ม (Alum 520 g) 520 กรัม คุณสมบัติ : ช่วยจับยึดสีกับเส้นด้ำยและช่วยให้สีสดสว่ำงขึ้น 2. โซดำแอช (Soda Ash 200 g) 200 กรัม คุณสมบัติ : ล้ำงครำบไขมันที่ติดมำกับเส้นด้ำย 3. ปูนขำว (Lime Powder 50 g) 50 กรัม คุณสมบัติ : ช่วยให้สีติดง่ำย 4. หินปูน (Calcium carbonate 30 g) 30 กรัม คุณสมบัติ : ท ำให้สีมีควำมต่อเนื่อง 5. น้ำหมัก (Kombucha Carbonated Fermented Beverage 150 ml) 150 มิลลิลิตร คุณสมบัติ: ท ำให้สีเข้มขึ้น 6. เบกกิ้งโซดำ (Baking Soda 100 g) 100 กรัม คุณสมบัติ : ท ำให้ผ้ำนุ่มขึ้น 7. น้ำส้มสำยชู 5% (Vinegar 5% 300 ml) 300 มิลลิลิตร คุณสมบัติ : ดูดซับสี 8. น้ำสะอำด (Water 6 l) 6 ลิตร 9. น้ำสนิมบ่ม (Ferrou Sulfate 2 l) 2 ลิตร คุณสมบัติ: ท ำให้สีเข้มขึ้น กำรท ำสำรติดสี หร ือ Mordant 1. ต้มน้ำสะอำด 6 ลิตร 2. เทโซดำแอช สำรส้มที่ผ่ำนกำรทุบละเอียด ปูนขำว และหินปูน 3. เทน้ำสนิมที่ผ่ำนกำรกรอง 2 ลิตร 4. เทน้ำหมักจำกคอมบูชำ 150 มิลลิลิตร โดยเอำเฉพำะน้ำไม่เอำวุ้น 5. เทน้ำส้มสำยชู 300 มิลลิลิตร ตำมด้วยเบกกิ้งโซดำ 6. ต้มพอให้อุ่น ไม่ต้องเดือด หร ือรอให้เย็น กำรท ำ ECO PRINT ลงผืนผ้ำโดยใช้ควำมร้อน 1. ขั้นตอนกำรเตร ียมผ้ำ น ำผ้ำที่ซักแล้ว (ผ้ำที่ต้องกำรพิมพ์ลำย) ไปแช่น้ำ Mordant ประมำณ 40 นำที
27 2. เมื่อแช่จนครบก ำหนด ให้น ำออกมำสะบัดให้มำดที่สุด เพื่อควำมชัดของลวดลำยและยืดพื้นผิวผ้ำ ให้ตึง จำกนั้นวำงผ้ำลงบนพลำสติก/แรปที่เตร ียมไว้และจัดวำงใบไม้/ดอกไม้ตำมใจชอบ 3. ใช้พลำสติก/แรปคลุมผิวหน้ำ แล้วใช้ท่อพลำสติกสอดสำยยำงออกแรงม้วนให้ใบไม้/ดอกไม้แนบสนิท กับผ้ำมำกที่สุด ในลักษณะทิศทำงเดียวเพื่อไม่ให้เกิดกำรเคลื่อนของใบไม้ 4. ม้วนให้แน่นที่สุด จำกนั้นแรปด้วยพลำสติกแรปเพื่อกันควำมชื้นออกและเข้ำ แล้วดึงท่อพลำสติกออกมำ และน ำไปนึ่งอย่ำงน้อย 40 นำที 5. แกะพลำสติก/แรปออก จะได้ผืนผ้ำลำยใบไม้/ดอกไม้จำกสีธรรมชำติ
28 เทคนิค/ข้อควรพึงระวัง 1. หำกต้องกำรสีสันของผืนผ้ำสำมำรถแชส่ ีเพิ่มได้โดยฝำง แกนขนุน เปลือกไม้ฯลฯ แล้วใช้เทคนิค กำรห่มสี 2. กำรใช้ใบไม้ที่หนำและมีควำมมันจะเกิดสีน้อย ใบสักให้สีแดง ใบขี้เหล็กให้สีเหลือง ควำมอ่อนแก่ของ ใบไม้ ฤดูกำล มีผลต่อเม็ดสี ควรถ่ำยภำพเก็บไว้เพื่อกลับมำดูผลลัพธ์กำรให้สี 3. กำรม้วนท่อสวนทิศทำงไปมำ ท ำให้วัตถุที่อยู่ข้ำงในเคลื่อนท ำให้เกิดลวดลำยที่ไม่ชัดเจน 4. แรปผ้ำให้สนิท และระวังเร ื่องผ้ำไหม้ 5. เพื่อควำมคงทนของลวดลำยผ้ำ ควรทิ้งไว้2 อำทิตย์แล้วจึงล็อคสีด้วยกำรร ีด และน ำไปซักได้ ที่มำ : เอกสำรประกอบกำรฝึกอบรม ECO Printing กำรพิมพ์ลำยผ้ำด้วยใบไม้ อำจำรย์ณัฐอมร จวงเจิม สำขำพืชศำสตร์ คณะวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีกำรเกษตร มหำวิทยำลัยเทคโนโลยีรำชมงคลล้ำนนำ ล ำปำง
29 กำรส ำรวจเก็บรวบรวมทรพัยำกรท้องถิ่น หลักกำร รู้ทรัพยำกร เห็นควำมหลำย รู้ระบบฐำน สำระส ำคัญ ส ำรวจเก็บรวบรวมข้อมูลทำงด้ำนกำยภำพ ชีวภำพ รวมทั้งวัฒนธรรมและภูมิปัญญำ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน วิเครำะห์ จัดท ำเป็นระบบฐำนข้อมูล ล ำดับกำรด ำเนินงำน 1. เก็บข้อมูลพื้นฐำนในท้องถิ่น 2. เก็บข้อมูลกำรประกอบอำชพี ในท้องถิ่น 3. เก็บข้อมูลกำยภำพในท้องถิ่น 4. เก็บข้อมูลประวัติหมู่บ้ำน ชุมชน วิถีชุมชน 5. เก็บข้อมูลกำรใชป้ระโยชน์จำกพืชในท้องถิ่น 6. เก็บข้อมูลกำรใชป้ระโยชน์จำกสัตว์ในท้องถิ่น 7. เก็บข้อมูลกำรใชป้ระโยชน์จำกชวีภำพอื่น ๆ ในท้องถิ่น 8. เก็บข้อมูลภูมิปัญญำในท้องถิ่น 9. เก็บข้อมูลแหล่งทรพัยำกรและโบรำณคดีในท้องถิ่น ตัวอย่ำงกำรบันทึกข้อมูลกำรส ำรวจและจดัท ำฐำนทรพัยำกรท้องถิ่น ที่มำ : ฐำนข้อมูลทรัพยำกร อพ.สธ. http://www.rspg.or.th/ การจัดการความรู้
30 ใบงำนที่ ๕ เรอ่ืง กำรเก็บข้อมูลกำรใชป้ระโยชน์ของพืชในท้องถิ่น ข้อมูลพืช : ชื่อชนิดพืช ........................................................................................ ชื่อวิทยำศำสตร์………………………………………………………..…………… รหัสพรรณไม้………………………………….…………………… ลักษณะวิสัย…….…..…………………………………………………………………..……….. ลักษณะเด่นของพืช.................................................................................................................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... บร ิเวณที่พบ.............................................................................................................................................................. ชื่อหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง………………………………………. ที่อยู่บ้ำนเลขที่…………………….. หมู่ที่/ชุมชนที่/แขวงที่…………………………………………. ซอย……………… ถนน……………………………………………… ต ำบล/แขวง.................................................. อ ำเภอ/เขต....................................... จังหวัด................................................... พิกัดทำงภูมิศำสตร์ (ต ำแหน่งพรรณไม้) ละติจูด (Latitude) …………………………………….. ลองจิจูด (Longitude)……………………….. อำยุประมำณ........................ปี เส้นรอบวงล ำต้น........................เมตร ควำมสูง ....................เมตร สถำนภำพ……………………………………………………………………………จ ำนวนที่พบ...........................ต้น กำรใชป้ระโยชน์ในท้องถิ่น (ระบุส่วนที่ใชแ้ละวธิกีำรใช)้ อำหำร.................................................................................................................................................................................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ยำรักษำโรค ใช้กับคน………………………………………………………………………….................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ยำรักษำโรค ใช้กับสัตว์............................................................................................................................................................................................................................ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... เคร ื่องเร ือน เคร ื่องใช้อื่น ๆ……………………………………………………………………............................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ยำฆ่ำแมลง ยำปรำบศัตรูพืช………………………………………………………………….............................................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ควำมเกี่ยวข้องกับประเพณี วัฒนธรรม………………………………………............................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ควำมเกี่ยวข้องกับควำมเชื่อทำงศำสนำ................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... อื่นๆ (เช่น กำรเป็นพิษ อันตรำย)………………………………............................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... มะม่วงเขียวเสวย Mangifera indica L. 8-5471203-03-001 ไม้ต้น ผลยำวร ี สีเขียวเข้ม ผิวมันเร ียบ ผลดิบเนื้อกรอบ หวำนอมเปร ี้ยว 42 3 คลองไผ่ สีคิ้ว นครรำชสีมำ 14.854929 101.568701 5 0.50 3 พบทั่วไป เนื้อผลดิบ รับประทำนได้ เช่น น ำมำต ำน้ำพร ิกมะม่วง ฯลฯ เนื้อผลสุก รับประทำนได้ เช่น ข้ำวเหนียวมะม่วง ฯลฯ - - เปลือกล ำต้น น ำไปต้ม ได้สีน้ำตำลใช้ย้อมผ้ำ เนื้อไม้ ส่วนล ำต้น ใช้ท ำด้ำมมีด เขียง - - - น้ำยำงใสจำกขั้วผลและกิ่ง ระคำยเคืองต่อผิวหนัง
31 ควำมส ำคัญของพืช โดยเลือกได้มำกกว่ำ 1 กลุ่ม แบ่งออกเป็น พืชไม้ผล พืชใช้เนื้อไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ พืชเส้นใย พืชผักพื้นเมือง ผักสวนครัว พืชให้แป้งและน้ำตำล พืชจักสำน พืชให้น้ำมันหอมระเหย พืชเคร ื่องดื่ม พืชอำหำรสัตว์ พืชสมุนไพร พืชมีพิษ พืชเคร ื่องเทศ พืชก ำจัดแมลง พืชน้ำมัน วัชพืช พืชให้สี พืชให้น้ำยำง พืชเพื่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ผู้ให้ข้อมูล ชื่อ-สกุล.............................................................................................................................อำยุ ................................ปี อำชีพ………………………….....…........................... ชื่อหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง..…………………………………………..................….…........................................................................................................……...........……..……… ที่อยู่บ้ำนเลขที่........................... หมู่ที่/ชุมชนที่/แขวงที่......................... ซอย........................ ถนน ........................................................................................ ต ำบล/แขวง............................................................ อ ำเภอ/เขต......................................................จังหวัด........................................................................................ หมำยเลขโทรศัพท์………………......…….……………….……….อีเมล…………………..................................................................................………………………….......…….... นำยประทีป เทียนทองค ำ 57 42 3 คลองไผ่ สีคิ้ว นครรำชสีมำ
32 ผังแสดงต ำแหน่งพรรณไม้ ภำพประกอบ บันทึกข้อมูลโดย หน่วยงำน/สถำนศึกษำ…………………………………………………………………………….. วัน เดือน ปี………………………….…………………………. เหนือ องค์กำรบร ิหำรส่วนต ำบลคลองไผ่ 11 ตุลำคม 2558
33 ใบงำนที่ ๕ เรอ่ืง กำรเก็บข้อมูลกำรใชป้ระโยชน์ของพืชในท้องถิ่น ข้อมูลพืช : ชื่อชนิดพืช ........................................................................................ ชื่อวิทยำศำสตร์………………………………………………………..…………… รหัสพรรณไม้………………………………….…………………… ลักษณะวิสัย…….……………………………………………………..………………..……….. ลักษณะเด่นของพืช.................................................................................................................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... บร ิเวณที่พบ.............................................................................................................................................................. ชื่อหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง………………………………………. ที่อยู่บ้ำนเลขที่…………………….. หมู่ที่/ชุมชนที่/แขวงที่…………………………………………. ซอย……………… ถนน……………………………………………… ต ำบล/แขวง.................................................. อ ำเภอ/เขต....................................... จังหวัด................................................... พิกัดทำงภูมิศำสตร์ (ต ำแหน่งพรรณไม้) ละติจูด (Latitude) …………………………………….. ลองจิจูด (Longitude)……………………….. อำยุประมำณ........................ปี เส้นรอบวงล ำต้น........................เมตร ควำมสูง ....................เมตร สถำนภำพ……………………………………………………………………………จ ำนวนที่พบ...........................ต้น กำรใชป้ระโยชน์ในท้องถิ่น (ระบุส่วนที่ใชแ้ละวธิกีำรใช)้ อำหำร.................................................................................................................................................................................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ยำรักษำโรค ใช้กับคน………………………………………………………………………….................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ยำรักษำโรค ใช้กับสัตว์............................................................................................................................................................................................................................ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... เคร ื่องเร ือน เคร ื่องใช้อื่น ๆ……………………………………………………………………............................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ยำฆ่ำแมลง ยำปรำบศัตรูพืช………………………………………………………………….............................................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ควำมเกี่ยวข้องกับประเพณี วัฒนธรรม………………………………………............................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ควำมเกี่ยวข้องกับควำมเชื่อทำงศำสนำ................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... อื่นๆ (เช่นกำรเป็นพิษ อันตรำย)………………………………............................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………….......
34 ควำมส ำคัญของพืช โดยเลือกได้มำกกว่ำ 1 กลุ่ม แบ่งออกเป็น พืชไม้ผล พืชใช้เนื้อไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ พืชเส้นใย พืชผักพื้นเมือง ผักสวนครัว พืชให้แป้งและน้ำตำล พืชจักสำน พืชให้น้ำมันหอมระเหย พืชเคร ื่องดื่ม พืชอำหำรสัตว์ พืชสมุนไพร พืชมีพิษ พืชเคร ื่องเทศ พืชก ำจัดแมลง พืชน้ำมัน วัชพืช พืชให้สี พืชให้น้ำยำง พืชเพื่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ผู้ให้ข้อมูล ชื่อ-สกุล.............................................................................................................................อำยุ ................................ปี อำชีพ………………………….....…........................... ชื่อหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง..…………………………………………..................….…........................................................................................................……...........……..……… ที่อยู่บ้ำนเลขที่........................... หมู่ที่/ชุมชนที่/แขวงที่......................... ซอย........................ ถนน ........................................................................................ ต ำบล/แขวง............................................................ อ ำเภอ/เขต......................................................จังหวัด........................................................................................ หมำยเลขโทรศัพท์………………......…….……………….……….อีเมล…………………..................................................................................………………………….......……....
35 ผังแสดงต ำแหน่งพรรณไม้ วำดภำพประกอบ บันทึกข้อมูลโดย หน่วยงำน/สถำนศึกษำ…………………………………………………………………………….. วัน เดือน ปี………………………….………………………….
36 ใบงำนที่ 8 เรอ่ืง กำรเก็บข้อมูลภูมิปัญญำในท้องถิ่น ข้อมูลภูมิปัญญำทอ้งถิ่น : 1. สำขำภูมิปัญญำท้องถิ่น………………………………………………………………………………………………………………. (สำขำเกษตรกรรม/สำขำอุตสำหกรรมและหัตถกรรม/สำขำกำรแพทย์แผนไทย/สำขำกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและ สิ่งแวดล้อม/สำขำกองทุนและธุรกิจชุมชน/สำขำสวัสดิกำร/สำขำศิลปกรรม/สำขำกำรจดักำรองค์กร/สำขำภำษำและวรรณกรรม/ สำขำศำสนำและประเพณี) 2. ชอื่ภูมิปัญญำท้องถิ่น………………….……………………………………………………………………………………..…………… รหัสภูมิปัญญำท้องถิ่น…………………………………………………………………………………..…..………..…………................. พิกัดทำงภูมิศำสตร์(ต ำแหน่งภูมิปัญญำท้องถิ่น) ละติจูด (Latitude).................................. ลองจิจูด (Longitude)................................................ 3. ประเภทของภูมิปัญญำท้องถิ่น ภูมิปัญญำท้องถิ่นด้ำนพืช ภูมิปัญญำท้องถิ่นด้ำนผลิตภัณฑ์และกำรแปรรูป ภูมิปัญญำท้องถิ่นด้ำนสัตว์ ภูมิปัญญำท้องถิ่นด้ำนเครอ่ืงมือเครอ่ืงใชท้ำงกำรเกษตร ภูมิปัญญำท้องถิ่นด้ำนประมง อื่นๆ……………………………………………………………….. 4. จุดเด่นของภูมิปัญญำท้องถิ่น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... 5. รำยละเอียดของภูมิปัญญำท้องถิ่น (แสดงวัสดุ/อุปกรณ์ ขั้นตอน/วธิกีำร และประโยชน์ของภูมิปัญญำท้องถิ่น) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... อุตสำหกรรมและหัตถกรรม กำรย้อมสีไหม 8-6302007-03-001 สีธรรมชำติ กำรย้อมสี มีวิธีกำรดังนี้ - ต้มละลำยวัตถุดิบธรรมชำติกับเกลือ โดยมีอัตรำส่วนต่อไปนี้ วัตถุดิบ 30 กิโลกรัม น้ำ 60 ลิตร เกลือ 150 กรัม - เมื่อได้สำรสะลำยแล้วน ำไหมไปย้อม - น ำไหมที่ย้อมไปแช่จุนสี 10-15 นำที ช่วยในกำรติดสีและควำมคงทนของสี และให้เห็นสีสุดท้ำย - เอำไปล้ำงซักฟอก และตำกให้แห้ง - แล้วเข้ำสู่กระบวนกำรคัดเลือกเส้นไหมต่อไป
37 6. กำรประชำสัมพันธแ์ละเผยแพรภู่มิปัญญำท้องถิ่น ไม่เคยประชำสัมพันธ์และเผยแพร่ เคยประชำสัมพันธ์และเผยแพร่ จ ำนวน..............ครั้ง กำรเยี่ยมชม จ ำนวน………….ครั้ง จ ำนวน…………คน จ ำนวน.............กลุ่ม กำรเยี่ยมชม จำกบุคคลภำยในหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง จ ำนวน………...ครั้ง จ ำนวน…..……คน จ ำนวน…..........กลุ่ม กำรเยี่ยมชม จำกบุคคลภำยนอกหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง จ ำนวน……….ครั้ง จ ำนวน……..…คน จ ำนวน.............กลุ่ม 7. ลักษณะของภูมิปัญญำท้องถิ่น ภูมิปัญญำท้องถิ่นดั้งเดิม ที่ได้รบักำรถ่ำยทอดมำจำก (นำย/นำง/นำงสำว/กลุ่ม)..………….…………………………...……… สรุปลักษณะแบบดั้งเดิม :………………………………………………………………………….………………………………………………………....…………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ภูมิปัญญำท้องถิ่น ที่ได้พัฒนำและต่อยอด สรุปลักษณะกำรพัฒนำและต่อยอด :………………………………………….……………………………………………………………….…………….…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ภูมิปัญญำท้องถิ่น ที่ได้คิดค้นขึ้นมำใหม่ 8. วัตถุดิบที่ใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์ที่เกิดจำกภูมิปัญญำ ซึ่งพื้นที่อื่นไม่มี ได้แก่ 1……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เจ้ำของภูมิปัญญำท้องถิ่น ชื่อ-สกุล.............................................................................................................................อำยุ ................................ปี อำชีพ………………………….....…........................... ชื่อหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง..…………………………………………..................….…........................................................................................................……...........……..……… ที่อยู่บ้ำนเลขที่........................... หมู่ที่/ชุมชนที่/แขวงที่......................... ซอย........................ ถนน ........................................................................................ ต ำบล/แขวง............................................................ อ ำเภอ/เขต......................................................จังหวัด........................................................................................ หมำยเลขโทรศัพท์………………......…….……………….……….อีเมล…………………..................................................................................………………………….......…….... ผู้ให้ข้อมูล ชื่อ-สกุล.............................................................................................................................อำยุ ................................ปีอำชีพ………………………….....…........................... ชื่อหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง..…………………………………………..................….…........................................................................................................……...........……..……… ที่อยู่บ้ำนเลขที่........................... หมู่ที่/ชุมชนที่/แขวงที่......................... ซอย........................ ถนน ........................................................................................ ต ำบล/แขวง............................................................ อ ำเภอ/เขต......................................................จังหวัด........................................................................................ หมำยเลขโทรศัพท์………………......…….……………….……….อีเมล…………………..................................................................................………………………….......…….... พัฒนำสีจำกพืชอื่น ๆ เพิ่ม เชน่สบู่แดง สบู่แดง นำยอนัน จันทร์กลำง 14/8 3 คลองไผ่ สีคิ้ว นครรำชสีมำ
38 วำดภำพประกอบ บันทึกข้อมูลโดย หน่วยงำน/สถำนศึกษำ…………………………………………………………………………….. วัน เดือน ปี………………………….…………………………. องค์กำรบร ิหำรส่วนต ำบลคลองไผ่ 11 ตุลำคม 2558
39 ใบงำนที่ 8 เรอ่ืง กำรเก็บข้อมูลภูมิปัญญำในท้องถิ่น ข้อมูลภูมิปัญญำทอ้งถิ่น : 1. สำขำภูมิปัญญำท้องถิ่น………………………………………………………………………………………………………………. (สำขำเกษตรกรรม/สำขำอุตสำหกรรมและหัตถกรรม/สำขำกำรแพทย์แผนไทย/สำขำกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและ สิ่งแวดล้อม/สำขำกองทุนและธุรกิจชุมชน/สำขำสวัสดิกำร/สำขำศิลปกรรม/สำขำกำรจดักำรองค์กร/สำขำภำษำและวรรณกรรม/ สำขำศำสนำและประเพณี) 2. ชอื่ภูมิปัญญำท้องถิ่น………………….……………………………………………………………………………………..…………… รหัสภูมิปัญญำท้องถิ่น…………………………………………………………………………………..…..………..…………................. พิกัดทำงภูมิศำสตร์(ต ำแหน่งภูมิปัญญำท้องถิ่น) ละติจูด (Latitude).................................. ลองจิจูด (Longitude)................................................ 3. ประเภทของภูมิปัญญำท้องถิ่น ภูมิปัญญำท้องถิ่นด้ำนพืช ภูมิปัญญำท้องถิ่นด้ำนผลิตภัณฑ์และกำรแปรรูป ภูมิปัญญำท้องถิ่นด้ำนสัตว์ ภูมิปัญญำท้องถิ่นด้ำนเครอ่ืงมือเครอ่ืงใชท้ำงกำรเกษตร ภูมิปัญญำท้องถิ่นด้ำนประมง อื่นๆ……………………………………………………………….. 4. จุดเด่นของภูมิปัญญำท้องถิ่น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... 5. รำยละเอียดของภูมิปัญญำท้องถิ่น (แสดงวัสดุ/อุปกรณ์ และขั้นตอน/วธิกีำร และประโยชน์ของภมูิปัญญำทอ้งถิ่น) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………….......
40 6. กำรประชำสัมพันธแ์ละเผยแพรภู่มิปัญญำท้องถิ่น ไม่เคยประชำสัมพันธ์และเผยแพร่ เคยประชำสัมพันธ์และเผยแพร่ จ ำนวน..............ครั้ง กำรเยี่ยมชม จ ำนวน………….ครั้ง จ ำนวน…………คน จ ำนวน.............กลุ่ม กำรเยี่ยมชม จำกบุคคลภำยในหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง จ ำนวน………...ครั้ง จ ำนวน…..……คน จ ำนวน…..........กลุ่ม กำรเยี่ยมชม จำกบุคคลภำยนอกหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง จ ำนวน……….ครั้ง จ ำนวน……..…คน จ ำนวน.............กลุ่ม 7. ลักษณะของภูมิปัญญำท้องถิ่น ภูมิปัญญำท้องถิ่นดั้งเดิม ที่ได้รับกำรถ่ำยทอดมำจำก (นำย/นำง/นำงสำว/กลุ่ม)..………….…………………………...……… สรุปลักษณะแบบดั้งเดิม :………………………………………………………………………….………………………………………………………....…………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ภูมิปัญญำท้องถิ่น ที่ได้พัฒนำและต่อยอด สรุปลักษณะกำรพัฒนำและต่อยอด :………………………………………….……………………………………………………………….…………….…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………....... ภูมิปัญญำท้องถิ่น ที่ได้คิดค้นขึ้นมำใหม่ 8. วัตถุดิบที่ใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์ที่เกิดจำกภูมิปัญญำ ซึ่งพื้นที่อื่นไม่มี ได้แก่ 1……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เจำ้ของภูมิปัญญำท้องถิ่น ชื่อ-สกุล.............................................................................................................................อำยุ ................................ปี อำชีพ………………………….....…........................... ชื่อหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง..…………………………………………..................….…........................................................................................................……...........……..……… ที่อยู่บ้ำนเลขที่........................... หมู่ที่/ชุมชนที่/แขวงที่......................... ซอย........................ ถนน ........................................................................................ ต ำบล/แขวง............................................................ อ ำเภอ/เขต......................................................จังหวัด........................................................................................ หมำยเลขโทรศัพท์………………......…….……………….……….อีเมล…………………..................................................................................………………………….......…….... ผู้ให้ข้อมูล ชื่อ-สกุล.............................................................................................................................อำยุ ................................ปี อำชีพ………………………….....…........................... ชื่อหมู่บ้ำน/ชุมชน/แขวง..…………………………………………..................….…........................................................................................................……...........……..……… ที่อยู่บ้ำนเลขที่........................... หมู่ที่/ชุมชนที่/แขวงที่......................... ซอย........................ ถนน ........................................................................................ ต ำบล/แขวง............................................................ อ ำเภอ/เขต......................................................จังหวัด........................................................................................ หมำยเลขโทรศัพท์………………......…….……………….……….อีเมล…………………..................................................................................………………………….......……....
41 วำดภำพประกอบ บันทึกข้อมูลโดย หน่วยงำน/สถำนศึกษำ…………………………………………………………………………….. วัน เดือน ปี………………………….………………………….
42 แบบประเมินผล “ควำมรู้ควำมเข้ำใจ กำรน ำไปใช้ประโยชน์ และควำมพึงพอใจ” ของผู้เข้ำร่วมกิจกรรม สนองพระรำชด ำร ิโครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำกพระรำชด ำร ิ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี (อพ.สธ.) หลักสูตรเสร ิมกำรเร ียนรู้ อพ.สธ. เร ื่อง “สีสันจำกพฤกษำ ลงผืนผ้ำด้วยใจรักษ์” ณ ศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชนล ำปำง ค ำชี้แจง โปรดท ำเคร ื่องหมำย และเขียนข้อควำมลงในช่องว่ำงตำมควำมคิดเห็นของท่ำน 1. ข้อมูลทั่วไป 1) เพศ ชำย หญิง 2) อำยุ ต่ำกว่ำ 30 ปี 30 – 39 ปี 40 – 49 ปี 50 – 59 ปี 60 ปี ขึ้นไป 3) กำรศึกษำ ระดับประถมศึกษำ ระดับมัธยมศึกษำ ระดับปร ิญญำตร ี ระดับปร ิญญำโท ระดับอื่น ๆ (ระบุ) ........................................... 4) ต ำแหน่ง ………………………………………………………………………. 2. ควำมรู้และควำมเข้ำใจด้ำนวิชำกำร (กรุณำให้ข้อมูลทั้ง ก่อนและหลัง เข้ำร่วมกิจกรรม) ประเด็น ก่อนเข้ำร่วมกิจกรรม หลังเข้ำร่วมกิจกรรม มำก ที่สุด มำก ปำนกลำง น้อย น้อยที่สุด มำกที่สุด มำก ปำนกลำง น้อย น้อยที่สุด 1) วิชำ กำรอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ ทรพัยำกรท้องถิ่น ตำมแนวทำง โครงกำร อพ.สธ. 2) วิชำ กำรใช้ประโยชน์จำกทุนธรรมชำติ ประเภทพืชให้สี 3) วิชำ ฝึกปฏิบัติกำรใช้ประโยชน์จำก ทุนธรรมชำติ ประเภทพืชให้สี เพื่อกำรพัฒนำผลิตภัณฑ์ โดยวิธีกำร พิมพ์ลำยผ้ำจำกสีธรรมชำติ 4) กำรจัดกำรควำมรู้กำรใช้ประโยชน์จำก ทุนธรรมชำติ ประเภทพืชให้สี
43 3. กำรน ำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ ประเด็น ระดับควำมคิดเห็น มำกที่สุด มำก ปำนกลำง น้อย น้อยที่สุด 1) สำมำรถน ำควำมรู้ที่ได้รับไปใช้ในกำรปฏิบัติงำนได้ 2) สำมำรถให้ค ำปร ึกษำแนะน ำแก่ผู้เกี่ยวข้องได้ 3) มั่นใจว่ำจะสำมำรถน ำควำมรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงและพัฒนำงำน 4) เห็นด้วยที่จะจัดกิจกรรมนี้ในครั้งต่อไปเป็นระยะ ๆ อย่ำงต่อเนื่อง 4. ควำมพึงพอใจหร ือไม่พึงพอใจต่อกำรบร ิหำรโครงกำร (กรุณำท ำเคร ื่องหมำย เพียงประเด็นละ 1 ตัวเลือก) ประเด็น พึงพอใจ มำก พึงพอใจ ปำนกลำง พึงพอใจ น้อย ไม่พึงพอใจ มำก ไม่พึงพอใจ ปำนกลำง ไม่พึงพอใจ น้อย 1) กำรประสำนงำนของเจ้ำหน้ำที่ 2) กำรอ ำนวยควำมสะดวกของเจ้ำหน้ำที่ 3) กำรถ่ำยทอดควำมรู้ของวิทยำกร 4) กำรให้บร ิกำรของบุคลำกรศูนย์ศึกษำ ฯ 4.1) บุคลำกรแต่งกำยสุภำพ เร ียบร้อย และสะอำด 4.2) บุคลำกรมีบุคลิก มำรยำท อัธยำศัยที่ดี เป็นมิตร และมีจิตบร ิกำร 4.3) บุคลำกรสำมำรถให้ข้อมูลและ ควำมช่วยเหลือได้ตำมหน้ำที่อย่ำงมี ประสิทธิภำพ 5) ควำมเหมำะสมของเนื้อหำวิชำกำร 6) บรรยำกำศในกำรเร ียนรู้ 7) ระยะเวลำกำรจัดประชุม 8) เอกสำรประกอบกำรประชุม 9) อำหำร 10) อำหำรว่ำง 11) กำรมีส่วนร่วมในกำรแสดง ควำมคิดเห็น 5. ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ เพมิ่เติมเพื่อปรบัปรุงกระบวนงำนในปีต่อไป ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................
44 แบบประเมินวิทยำกร กิจกรรมสนองพระรำชด ำร ิโครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำกพระรำชด ำร ิ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี (อพ.สธ.) หลักสูตรเสร ิมกำรเร ียนรู้ อพ.สธ. เร ื่อง “สีสันจำกพฤกษำ ลงผืนผ้ำด้วยใจรักษ์” ชื่อวิทยำกร : นำงสำวศรัญยำ ปำปลูก นักทรัพยำกรบุคคลปฏิบัติกำร รำยวิชำ กำรอนุรกัษ์และใชป้ระโยชน์ทรพัยำกรท้องถิ่น ตำมแนวทำงโครงกำร อพ.สธ. เวลำ 09.00 - 10.00 น. ค ำชี้แจง โปรดท ำเคร ื่องหมำย ✓ และเขียนข้อควำมลงในช่องว่ำงตำมควำมคิดเห็นของท่ำน หัวข้อ ระดับควำมคิดเห็น มำกที่สุด (5 คะแนน) มำก (4 คะแนน) ปำนกลำง (3 คะแนน) น้อย (2 คะแนน) น้อยที่สุด (1 คะแนน) 1. ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ ของผู้เข้ำอบรม ก่อน - หลังกำรอบรม 1.1 ก่อนกำรอบรมท่ำนมีควำมรู้ในเร ื่องที่อบรมอยู่ในระดับใด 1.2 หลังจำกอบรมท่ำนมีควำมรู้ในเร ื่องที่อบรมอยู่ในระดับใด 2. ด้ำนควำมพึงพอใจ 2.1 หัวข้อหลักสูตรตรงกับวัตถุประสงค์ในกำรจัดฝึกอบรม 2.2 ผู้เข้ำอบรมได้มีส่วนร่วมในกำรแสดงควำมคิดเห็น 2.3 เป็นประโยชน์ต่อกำรน ำไปใช้ในกำรปฏิบัติงำนของท่ำน 2.4 สำมำรถน ำไปประยุกต์ใช้ในกำรด ำเนินชีวิตได้ 3. ด้ำนควำมรู้ ควำมสำมำรถของวิทยำกร 3.1 ถ่ำยทอดควำมรู้ ประสบกำรณ์จนท ำให้เข้ำใจในเนื้อหำได้เป็นอย่ำงดี 3.2 มีเทคนิคกำรสร้ำงบรรยำกำศที่เอื้อต่อกำรเร ียนรู้ 3.3 มีกำรเปิดโอกำสให้ซักถำม หร ือ แสดงควำมคิดเห็นระหว่ำงกำรอบรม 3.4 ตอบข้อซักถำมได้เป็นอย่ำงดีและชัดเจน 3.5 ให้ค ำแนะน ำที่เป็นประโยชน์ สำมำรถน ำไปปฏิบัติได้จร ิง ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................
45 แบบประเมินวิทยำกร กิจกรรมสนองพระรำชด ำร ิโครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำกพระรำชด ำร ิ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี (อพ.สธ.) หลักสูตรเสร ิมกำรเร ียนรู้ อพ.สธ. เร ื่อง “สีสันจำกพฤกษำ ลงผืนผ้ำด้วยใจรักษ์” ชื่อวิทยำกร : นำงกรรณิกำร์ ก๋ำวิตำ นักทรัพยำกรบุคคลช ำนำญกำร รำยวิชำ กำรใช้ประโยชน์จำกทุนธรรมชำติ ประเภทพืชให้สี เวลำ 10.00 - 12.00 น. ค ำชี้แจง โปรดท ำเคร ื่องหมำย ✓ และเขียนข้อควำมลงในช่องว่ำงตำมควำมคิดเห็นของท่ำน หัวข้อ ระดับควำมคิดเห็น มำกที่สุด (5 คะแนน) มำก (4 คะแนน) ปำนกลำง (3 คะแนน) น้อย (2 คะแนน) น้อยที่สุด (1 คะแนน) 1. ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ ของผู้เข้ำอบรม ก่อน - หลังกำรอบรม 1.1 ก่อนกำรอบรมท่ำนมีควำมรู้ในเร ื่องที่อบรมอยู่ในระดับใด 1.2 หลังจำกอบรมท่ำนมีควำมรู้ในเร ื่องที่อบรมอยู่ในระดับใด 2. ด้ำนควำมพึงพอใจ 2.1 หัวข้อหลักสูตรตรงกับวัตถุประสงค์ในกำรจัดฝึกอบรม 2.2 ผู้เข้ำอบรมได้มีส่วนร่วมในกำรแสดงควำมคิดเห็น 2.3 เป็นประโยชน์ต่อกำรน ำไปใช้ในกำรปฏิบัติงำนของท่ำน 2.4 สำมำรถน ำไปประยุกต์ใช้ในกำรด ำเนินชีวิตได้ 3. ด้ำนควำมรู้ ควำมสำมำรถของวิทยำกร 3.1 ถ่ำยทอดควำมรู้ ประสบกำรณ์จนท ำให้เข้ำใจในเนื้อหำได้เป็นอย่ำงดี 3.2 มีเทคนิคกำรสร้ำงบรรยำกำศที่เอื้อต่อกำรเร ียนรู้ 3.3 มีกำรเปิดโอกำสให้ซักถำม หร ือ แสดงควำมคิดเห็นระหว่ำงกำรอบรม 3.4 ตอบข้อซักถำมได้เป็นอย่ำงดีและชัดเจน 3.5 ให้ค ำแนะน ำที่เป็นประโยชน์ สำมำรถน ำไปปฏิบัติได้จร ิง ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................
46 แบบประเมินวิทยำกร กิจกรรมสนองพระรำชด ำร ิโครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำกพระรำชด ำร ิ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำร ี (อพ.สธ.) หลักสูตรเสร ิมกำรเร ียนรู้ อพ.สธ. เร ื่อง “สีสันจำกพฤกษำ ลงผืนผ้ำด้วยใจรักษ์” ชื่อวิทยำกร : 1. นำงสำวณัฐกฤตำ ชัยตูม นักทรัพยำกรบุคคลช ำนำญกำร 2. นำงสำวสุวลี ฟูทอง นักทรัพยำกรบุคคล และทีมวิทยำกร ศพช.ล ำปำง รำยวิชำ ฝึกปฏิบัติกำรใช้ประโยชน์จำกทุนธรรมชำติ ประเภทพืชให้สีเพื่อกำรพัฒนำผลิตภัณฑ์ โดยวิธีกำรพิมพ์ลำยผ้ำจำกสีธรรมชำติ เวลำ 13.00 - 15.00 น. ค ำชี้แจง โปรดท ำเคร ื่องหมำย ✓ และเขียนข้อควำมลงในช่องว่ำงตำมควำมคิดเห็นของท่ำน หัวข้อ ระดับควำมคิดเห็น มำกที่สุด (5 คะแนน) มำก (4 คะแนน) ปำนกลำง (3 คะแนน) น้อย (2 คะแนน) น้อยที่สุด (1 คะแนน) 1. ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ ของผู้เข้ำอบรม ก่อน - หลังกำรอบรม 1.1 ก่อนกำรอบรมท่ำนมีควำมรู้ในเร ื่องที่อบรมอยู่ในระดับใด 1.2 หลังจำกอบรมท่ำนมีควำมรู้ในเร ื่องที่อบรมอยู่ในระดับใด 2. ด้ำนควำมพึงพอใจ 2.1 หัวข้อหลักสูตรตรงกับวัตถุประสงค์ในกำรจัดฝึกอบรม 2.2 ผู้เข้ำอบรมได้มีส่วนร่วมในกำรแสดงควำมคิดเห็น 2.3 เป็นประโยชน์ต่อกำรน ำไปใช้ในกำรปฏิบัติงำนของท่ำน 2.4 สำมำรถน ำไปประยุกต์ใช้ในกำรด ำเนินชีวิตได้ 3. ด้ำนควำมรู้ ควำมสำมำรถของวิทยำกร 3.1 ถ่ำยทอดควำมรู้ ประสบกำรณ์จนท ำให้เข้ำใจในเนื้อหำได้เป็นอย่ำงดี 3.2 มีเทคนิคกำรสร้ำงบรรยำกำศที่เอื้อต่อกำรเร ียนรู้ 3.3 มีกำรเปิดโอกำสให้ซักถำม หร ือ แสดงควำมคิดเห็นระหว่ำงกำรอบรม 3.4 ตอบข้อซักถำมได้เป็นอย่ำงดีและชัดเจน 3.5 ให้ค ำแนะน ำที่เป็นประโยชน์ สำมำรถน ำไปปฏิบัติได้จร ิง ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................