36 ตารางที่2 การวิเคราะห์ความแปรปรวนรวม ความสูง จำนวนกอต่อไร่ จำนวนลำต่อไร่ และจำนวนลำต่อกอ จากการเปรียบเทียบมาตรฐานโคลนอ้อยชุดปี 2560 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม : อ้อยตอ 1 อายุ 8 เดือน ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ และศูนย์วิจัย และพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี ลำดับ โคลน/พันธุ์ ความสูง (เซนติเมตร) จำนวนกอ ต่อไร่ จำนวนลำ ต่อไร่ จำนวนลำ ต่อกอ 1 UT17-011 272 a 2,011 12,804 5.47 2 UT17-097 279 a 1,794 12,289 5.35 3 UT17-133 247 b 1,730 13,867 4.39 4 UT17-211 244 b 1,981 14,122 6.35 5 UT17-237 279 a 1,891 14,650 6.24 6 UT17-246 286 a 2,074 13,426 5.05 7 UT17-274 280 a 1,969 13,544 5.79 8 UT17-291 278 a 1,948 13,035 5.30 9 LK92-11 245 b 1,970 14,189 5.85 10 กวก. ขอนแก่น 3 271 a 1,937 12,840 5.67 F-test * ns ns ns CV. (%) 8.95 9.6 33.53 11.23 หมายเหตุ ตัวเลขในคอลัมน์เดียวกันที่ตามด้วยตัวอักษรเหมือนกันไม่แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยวิธีDMRT ns = ไม่แตกต่างกันทางสถิติ * = แตกต่างกันทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
37 รายงานผลการปฏิบัติงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2566 66/สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน/ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี 1. ชื่อแผนงานวิจัย การวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยเพื่ออุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมชีวภาพ 2. ชื่อโครงการวิจัย การปรับปรุงพันธุ์อ้อยโรงงานด้วยนวัตกรรมเพื่อการผลิตอ้อยเขตชลประทาน และน้ำเสริม 3. ชื่อกิจกรรม การปรับปรุงพันธุ์อ้อยโรงงานภายใต้สภาพชลประทานและน้ำเสริม 4. ชื่อการทดลอง การเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรโคลนอ้อยชุดปี 2558 สำหรับสภาพ ชลประทานและน้ำเสริม 5. ผู้ดำเนินงาน หัวหน้า สุวัฒน์ พูลพาน ผู้ร่วมงาน อุดมศักดิ์ ดวนมีสุข เสมอนาถ บัวแจ่ม อาภาพร หนูแดง กนกวรรณ สุขกรม 6. ระยะเวลา เริ่มต้น ตุลาคม 2564 สิ้นสุด กันยายน 2567 7. รายงานความก้าวหน้า การเปรียบเทียบในไร่เกษตรกร โคลนอ้อยชุดปี 2558 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม วัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงพันธุ์อ้อยให้เหมาะสมกับเขตชลประทานและน้ำเสริม มีผลผลิตสูงกว่าหรือเทียบเท่า พันธุ์กวก. ขอนแก่น 3 หรือพันธุ์ LK92-11 ดำเนินการทดลอง ณ ไร่เกษตรกร อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 1 แปลง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จำนวน 1 แปลง อ.ดอนเจดีย์ และ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี จำนวน 2 แปลง รวมทั้งสิ้น จำนวน 4 แปลง วางแผนการทดลองแบบ RCB จำนวน 4 ซ้ำ 8 กรรมวิธี จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนรวมในอ้อยตอ 1 พบว่า ผลลิตอ้อย ค่าซีซีเอส และผลผลิตน้ำตาลมี ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติด้านผลผลิตอ้อย พันธุ์ กวก. ขอนแก่น 3 มีผลผลิตมากที่สุด คือ 15.8 ตันต่อไร่ ไม่แตกต่างกับโคลนอ้อย UT10-023, UT10-044, UT15-060 และ UT15-094 แต่มากกว่าพันธุ์ LK92-11 ที่ให้ผลผลิตน้อยที่สุด คือ 12.5 ตันต่อไร่ด้านค่าซีซีเอส พบว่า พันธุ์กวก. ขอนแก่น 3 และ LK92-11 มีค่าซีซีเอสสูงสุด คือ 12.5 รองลงมา ได้แก่ โคลน UT15-094, UT14-025, UT10-023 และ UT-15-337 มีค่า ซีซีเอส 11.8, 11.7, 11.4 และ 11.4 ตามลำดับ ด้านผลผลิตน้ำตาล พบว่า พันธุ์ กวก. ขอนแก่น 3 มีผลผลิต น้ำตาลสูงสุด คือ 2.02 ตันซีซีเอสต่อไร่ ไม่แตกต่างกับโคลน UT15-094, UT15-060, UT14-025 และ UT10-023 ให้ผลผลิตน้ำตาล 1.84, 1.76, 1.75 และ 1.73 ตามลำดับ (ตารางที่ 1) ขณะนี้อยู่ระหว่างดูแลรักษาอ้อยตอ 2 8. คำหลัก : อ้อย การเปรียบเทียบในไร่เกษตรกร 9. ประเภทผลวิจัย : ก้าวหน้า 10. คำแนะนำผลวิจัย : พัฒนาต่อ 11. งบประมาณที่ได้รับทั้งหมด (งบ ตชว.) : 400,675 บาท
38 Table 1 การวิเคราะห์ความแปรปรวนรวม ผลผลิต ซีซีเอส และผลผลิตน้ำตาล อ้อยตอ 1 การเปรียบเทียบ ในไร่เกษตรกร โคลนอ้อยชุดปี 2558 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม ณ ไร่เกษตรกร อ.จอมบึง จ.ราชบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.ดอนเจดีย์ และ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรีปี 2566 โคลน/พันธุ์ ผลผลิต (ตัน/ไร่) CCS ผลผลิตน้ำตาล (ตันCCS/ไร่) UT10-023 15.0 abc 11.4 bc 1.73 abc UT10-044 13.9 a-d 9.7 d 1.34 d UT14-025 13.2 bcd 11.7 b 1.75 abc UT15-060 15.9 abc 11.0 c 1.76 abc UT15-094 15.4 ab 11.8 b 1.84 ab UT-15-337 13.0 cd 11.4 bc 1.54 cd กวก. ขอนแก่น 3 15.8 a 12.5 a 2.02 a LK92-11 12.5 d 12.5 a 1.58 bcd F-test * ** ** cv (%) 21.14 7.12 22.22 หมายเหตุ ในสดมภ์เดียวกันค่าเฉลี่ยที่ตามด้วยอักษรเหมือนกันไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยวิธี DMRT * = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ** = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 99% ตารางที่2 ความสูงของอ้อยโคลนดีเด่นชุดปี 2558 จากการเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรโคลนอ้อยชุดปี2558 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม อ้อยตอ 1 อายุ 12 เดือน ณ แปลงเกษตรกร อ.จอมบึง จ.ราชบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.ดอนเจดีย์และ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ปี 2566 โคลน/พันธุ์ ความสูง (เซนติเมตร) อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.จอมบึง จ.ราชบุรี UT10-023 235 ab 253 a 283 ab 242 a UT10-044 197 cd 211 abc 258 bc 206 b UT14-025 261 a 205 bc 272 ab 223 ab UT15-060 223 bc 236 ab 282 ab 199 bc UT15-094 225 bc 240 ab 292 a 218 ab UT15-337 161 d 220 abc 270 ab 197 bc กวก. ขอนแก่น 3 196 cd 227 abc 269 ab 202 bc LK92-11 168 d 191 c 240 c 175 c F-test ** * ** ** CV (%) 11.09 11.40 6.05 8.78 หมายเหตุ ในสดมภ์เดียวกันค่าเฉลี่ยที่ตามด้วยอักษรเหมือนกันไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยวิธี DMRT * = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ** = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 99%
39 ตารางที่3 เส้นผ่านศูนย์กลางลำของอ้อยโคลนดีเด่นชุดปี 2558 จากการเปรียบเทียบในไร่เกษตรกร โคลนอ้อยชุดปี2558 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม อ้อยตอ 1 อายุ 12 เดือน ณ แปลงเกษตรกร อ.จอมบึง จ.ราชบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.ดอนเจดีย์และ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรีปี 2566 โคลน/พันธุ์ เส้นผ่านศูนย์กลางลำ (เซนติเมตร) อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.จอมบึง จ.ราชบุรี UT10-023 2.50 b 2.58 ab 2.50 cd 2.68 b UT10-044 2.65 b 2.75 a 2.75 b 2.70 ab UT14-025 2.30 c 2.28 c 2.45 d 2.48 c UT15-060 2.18 c 2.28 c 2.48 cd 2.30 d UT15-094 2.85 a 2.60 ab 2.75 b 2.75 ab UT15-337 2.68 b 2.65 ab 2.65 bc 2.80 ab กวก. ขอนแก่น 3 2.58 b 2.83 a 3.05 a 2.85 a LK92-11 2.53 b 2.43 bc 2.70 b 2.65 b F-test ** ** ** ** CV (%) 4.30 6.08 4.23 3.80 หมายเหตุ ในสดมภ์เดียวกันค่าเฉลี่ยที่ตามด้วยอักษรเหมือนกันไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยวิธี DMRT ** = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 99% ตารางที่4 จำนวนปล้องของอ้อยโคลนดีเด่นชุดปี 2558 จากการเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรโคลนอ้อย ชุดปี2558 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม อ้อยตอ 1 อายุ 12 เดือน ณ แปลงเกษตรกร อ.จอมบึง จ.ราชบุรีอ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.ดอนเจดีย์และ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ปี 2566 โคลน/พันธุ์ จำนวนปล้อง (ปล้อง/ลำ) อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.จอมบึง จ.ราชบุรี UT10-023 23.8 a 24.5 a 25.3 a 23.3 UT10-044 23.5 a 26.8 a 26.5 ab 24.8 UT14-025 23.3 a 19.5 b 23.8 b 22.0 UT15-060 23.0 ab 26.5 a 26.5 ab 22.0 UT15-094 26.0 a 26.5 a 29.3 a 23.3 UT15-337 20.0 b 26.0 a 25.3 b 22.0 กวก. ขอนแก่น 3 23.0 ab 27.8 a 26.5 ab 22.5 LK92-11 23.0 ab 26.0 a 26.5 ab 21.0 F-test * * * ns CV (%) 8.54 11.07 7.39 6.91 หมายเหตุ ในสดมภ์เดียวกันค่าเฉลี่ยที่ตามด้วยอักษรเหมือนกันไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยวิธี DMRT ns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ * = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
40 ตารางที่5 จำนวนลำของอ้อยโคลนดีเด่นชุดปี 2558 จากการเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรโคลนอ้อย ชุดปี2558 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม อ้อยตอ 1 อายุ 12 เดือน ณ แปลงเกษตรกร อ.จอมบึง จ.ราชบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.ดอนเจดีย์และ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ปี 2566 โคลน/พันธุ์ จำนวนลำ (ลำ/ไร่) อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.จอมบึง จ.ราชบุรี UT10-023 15,035 ab 17,854 17,048 11,705 a UT10-044 11,448 c 14,996 15,327 9,876 ab UT14-025 13,414 bc 15,823 15,274 11,269 a UT15-060 16,622 a 24,582 20,780 14,683 a UT15-094 10,927 c 22,282 17,063 8,413 b UT15-337 12,378 c 19,035 15,959 10,045 ab กวก. ขอนแก่น 3 12,279 c 17,810 14,143 9,802 ab LK92-11 12,799 bc 15,050 19,771 11,377 a F-test ** ns ns ** CV (%) 13.57 26.24 18.92 15.76 หมายเหตุ ในสดมภ์เดียวกันค่าเฉลี่ยที่ตามด้วยอักษรเหมือนกันไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยวิธี DMRT ns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ** = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 99% ตารางที่6 ผลผลิตของอ้อยโคลนดีเด่นชุดปี 2558 จากการเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรโคลนอ้อยชุดปี2558 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม อ้อยตอ 1 อายุ 12 เดือน ณ แปลงเกษตรกร อ.จอมบึง จ.ราชบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรีอ.ดอนเจดีย์และ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรีปี 2566 โคลน/พันธุ์ ผลผลิต (ตัน/ไร่) อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.จอมบึง จ.ราชบุรี UT10-023 12.5 a 16.7 abc 18.5 12.3 UT10-044 9.3 ab 17.3 abc 17.8 10.3 UT14-025 8.5 b 17.3 abc 14.9 12.1 UT15-060 11.9 a 15.4 c 22.1 10.9 UT15-094 9.7 ab 23.2 a 20.0 8.7 UT15-337 7.2 b 16.0 bc 18.3 10.2 กวก. ขอนแก่น 3 9.6 ab 22.5 ab 20.9 10.1 LK92-11 8.3 b 12.2 c 20.1 9.6 F-test * * ns ns CV (%) 21.83 22.99 15.03 25.28 หมายเหตุ ในสดมภ์เดียวกันค่าเฉลี่ยที่ตามด้วยอักษรเหมือนกันไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยวิธี DMRT ns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ * = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
41 ตารางที่7 ความหวาน (CCS) ของอ้อยโคลนดีเด่นชุดปี 2558 จากการเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรโคลนอ้อย ชุดปี2558 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม อ้อยตอ 1 อายุ 12 เดือน ณ แปลงเกษตรกร อ.จอมบึง จ.ราชบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.ดอนเจดีย์และ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ปี 2566 โคลน/พันธุ์ CCS อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.จอมบึง จ.ราชบุรี UT10-023 8.78 cde 13.70 bc 11.03 b 12.25 ab UT10-044 8.65 cde 12.13 d 7.80 c 10.18 c UT14-025 9.03 bcd 12.80 cd 11.63 ab 13.48 a UT15-060 7.80 de 13.10 c 10.80 b 12.13 b UT15-094 10.08 b 13.20 c 11.10 b 12.90 ab UT15-337 7.70 e 14.33 b 10.85 b 12.73 ab กวก. ขอนแก่น 3 9.45 bc 15.70 a 11.38 ab 13.28 ab LK92-11 11.28 a 13.23 c 12.85 a 12.75 ab F-test ** ** ** ** CV (%) 8.50 4.34 9.84 6.16 หมายเหตุ ในสดมภ์เดียวกันค่าเฉลี่ยที่ตามด้วยอักษรเหมือนกันไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยวิธี DMRT ** = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 99% ตารางที่8 ผลผลิตน้ำตาลของอ้อยโคลนดีเด่นชุดปี 2558 จากการเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรโคลนอ้อย ชุด ปี2558 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม อ้อยตอ 1 อายุ 12 เดือน ณ แปลงเกษตรกร อ.จอมบึง จ.ราชบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.ดอนเจดีย์และ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ปี 2566 โคลน/พันธุ์ ผลผลิตน้ำตาล (ตันซีซีเอส/ไร่) อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อ.จอมบึง จ.ราชบุรี UT10-023 1.09 a 2.31 bc 2.03 b 1.51 UT10-044 0.79 bcd 2.10 c 1.37 c 1.10 UT14-025 1.08 ab 1.97 c 2.53 a 1.14 UT15-060 0.77 cd 3.04 ab 2.16 ab 1.07 UT15-094 0.97 abc 3.07 ab 2.22 ab 1.12 UT15-337 0.57 d 2.30 bc 1.99 b 1.30 กวก. ขอนแก่น 3 0.92 abc 3.53 a 2.35 ab 1.26 LK92-11 0.93 abc 1.59 c 2.59 a 1.21 F-test ** ** ** ns CV (%) 20.02 22.46 14.15 28.97 หมายเหตุ ในสดมภ์เดียวกันค่าเฉลี่ยที่ตามด้วยอักษรเหมือนกันไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยวิธี DMRT ns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ** = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 99%
42 รายงานผลการปฏิบัติงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2566 66/สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน/ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี 1. ชื่อแผนงานวิจัย วิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยเพื่ออุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมชีวภาพ 2. ชื่อโครงการวิจัย การปรับปรุงพันธุ์อ้อยโรงงานด้วยนวัตกรรมเพื่อการผลิตอ้อยเขตชลประทาน และน้ำเสริม 3. ชื่อกิจกรรม การศึกษาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยโคลนดีเด่นที่เหมาะสม กับเขตชลประทานและน้ำเสริม 4. ชื่อการทดลอง การตอบสนองต่อปุ๋ยไนโตรเจนของอ้อยโคลนดีเด่นชุดปี 2558 สำหรับสภาพ ชลประทานและน้ำเสริม 5. ผู้ดำเนินงาน หัวหน้า วาสนา วันดี ผู้ร่วมงาน ปิยธิดา อินทร์สุข อัจฉราภรณ์ วงศ์สุขศรี สมบูรณ์ วันดี กาญจนา หนูแก้ว 6. ระยะเวลา เริ่มต้น ตุลาคม 2564 สิ้นสุด กันยายน 2567 7. รายงานความก้าวหน้า การตอบสนองต่อปุ๋ยไนโตรเจนของอ้อยโคลนดีเด่นชุดปี2558 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม มีวัตถุประสงค์เพื่อหาแนวทางการจัดการปุ๋ยไนโตรเจน สำหรับใช้เป็นคำแนะนำการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในการปลูก อ้อยพันธุ์ใหม่ให้กับเกษตรกร ดำเนินการทดลองในปี 2565 - 2566 ณ แปลงทดลอง ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี วางแผนการทดลองแบบ Split plot จำนวน 4 ซ้ำ ปัจจัยหลัก (Main plot) คือ โคลนอ้อยดีเด่นชุดปี 2558 จำนวน 2 โคลน ได้แก่ UT15-060 และ UT15-094 โคลนอ้อยดีเด่นชุดปี 2553 จำนวน 1 โคลน ได้แก่ UT10-044 และพันธุ์เปรียบเทียบ 2 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์กวก. ขอนแก่น 3 และ LK92-11 ปัจจัยรอง (Sub plot) คือ ปุ๋ยไนโตรเจน 5 อัตรา ร่วมกับปุ๋ย P และ K อัตราตามค่าวิเคราะห์ดิน (0-3-6, 7.5-3-6, 15-3-6, 22.5-3-6 และ 30-3-6 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ สำหรับอ้อยปลูก และ 0-3-6, 9-3-6, 18-3-6, 27-3-6 และ 36-3-6 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ สำหรับอ้อยตอ) ผลการทดลองในอ้อยปลูก พบว่า ไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยหลักและปัจจัยรอง ในด้านผลผลิต ค่าซีซีเอส และผลผลิตน้ำตาล ด้านผลผลิต การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 7.5, 15 และ 30 กิโลกรัม ไนโตรเจนต่อไร่ มีผลทำให้ผลผลิตอ้อย 21.89, 22.52 และ 22.33 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งสูงกว่าการไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ที่ให้ผลผลิต 19.56 ตันต่อไร่ แต่การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 22.5 กิโลกรัมไนโตรเจนต่อไร่ ให้ผลผลิต 20.95 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งไม่แตกต่างทางสถิติกับการไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน สำหรับด้านพันธุ์ ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ ระหว่างโคลนดีเด่นและพันธุ์เปรียบเทียบ โดยให้ผลผลิตอยู่ระหว่าง 20.39-21.77 ตันต่อไร่ ขณะที่พันธุ์กวก. ขอนแก่น 3 และ LK92-11 ให้ผลผลิต 23.76 และ 20.19 ตันต่อไร่ ตามลำดับ ผลผลิตน้ำตาลให้ผลสอดคล้องกับ ผลผลิตอ้อย คือ การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 7.5, 15 และ 30 กิโลกรัมไนโตรเจนต่อไร่ มีผลทำให้ผลผลิตน้ำตาล 2.95, 3.01 และ 3.05 ตันซีซีเอสต่อไร่ ซึ่งสูงกว่าการไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนที่ให้ผลผลิตน้ำตาล 2.66 ตันซีซีเอสต่อไร่
43 แต่การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 22.5 กิโลกรัมไนโตรเจนต่อไร่ ให้ผลผลิตน้ำตาล 2.79 ตันซีซีเอสต่อไร่ ซึ่งไม่ แตกต่างทางสถิติกับการไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน สำหรับด้านพันธุ์ มีความแตกต่างทางสถิติระหว่างโคลนดีเด่นและ พันธุ์เปรียบเทียบ โดยโคลนดีเด่นทุกโคลนให้ผลผลิตน้ำตาล 2.40 - 2.87 ตันซีซีเอสต่อไร่ ซึ่งต่ำกว่าพันธุ์ กวก. ขอนแก่น 3 (3.53 ตันซีซีเอสต่อไร่) แต่โคลน UT15-094 และ UT15-060 ให้ผลผลิตน้ำตาล 2.87 และ 2.79 ตันซีซีเอสต่อไร่ ตามลำดับ ซึ่งไม่แตกต่างทางสถิติกับพันธุ์ LK92-11 ที่ให้ผลผลิตน้ำตาล 2.89 ตันซีซีเอส ต่อไร่ สำหรับค่าซีซีเอส ทั้งด้านพันธุ์และการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตราต่าง ๆ ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ ผลการทดลองในอ้อยตอ 1 พบว่า มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยหลักและปัจจัยรองในด้านผลผลิต โดยโคลนดีเด่นแต่ละโคลนที่มีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในอัตราต่างกัน ให้ผลผลิตอ้อยแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติ โดยโคลน UT-044 ให้ผลผลิตสูงสุด 19.59 ตันต่อไร่ เมื่อมีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 18 กิโลกรัม ไนโตรเจนต่อไร่ โคลน UT15-060 ให้ผลผลิตสูงสุด 19.19 ตันต่อไร่ เมื่อมีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 36 กิโลกรัม ไนโตรเจนต่อไร่ และโคลน UT15-094 ให้ผลผลิตสูงสุด 20.95 ตันต่อไร่ เมื่อมีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 27 กิโลกรัมไนโตรเจนต่อไร่ ขณะที่พันธุ์ กวก. ขอนแก่น 3 และ LK92-11 ให้ผลผลิตสูงสุด 21.74 และ 17.80 ตันต่อไร่ เมื่อมีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 36 และ 18 กิโลกรัมไนโตรเจนต่อไร่ ตามลำดับ ค่าซีซีเอสและผลผลิต น้ำตาล พบว่า ไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยหลักและปัจจัยรอง การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตราต่างๆ ให้ค่าซีซีเอส ไม่แตกต่างกัน โดยมีค่าอยู่ระหว่าง 14.68 - 14.87 ขณะที่การไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนให้ค่าซีซีเอส 14.37 ตันต่อไร่ โคลนอ้อยดีเด่นแต่ละโคลนให้ค่าซีซีเอสแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ โดยพันธุ์ กวก. ขอนแก่น 3 ให้ค่าซีซีเอสสูงสุด 15.89 ไม่แตกต่างกับพันธุ์ LK92-11 ที่ให้ค่าซีซีเอส 15.60 แต่สูงกว่าโคลนดีเด่นทุกโคลนที่ให้ ค่าซีซีเอสอยู่ระหว่าง 12.16 – 14.89 การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตราต่างๆ มีผลทำให้ผลผลิตน้ำตาลมีความแตกต่าง กันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ โดยการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 36 กิโลกรัมไนโตรเจนต่อไร่ ให้ผลผลิตน้ำตาล สูงสุด 2.86 ตันซีซีเอสต่อไร่ แต่ไม่แตกต่างกับการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 27 และ 18 กิโลกรัมไนโตรเจนต่อไร่ ที่ให้ผลผลิตน้ำตาล 2.72 และ 2.68 ตันซีซีเอสต่อไร่ ตามลำดับ พันธุ์กวก. ขอนแก่น 3 ให้ผลผลิตน้ำตาลสูงสุด 2.96 ตันซีซีเอสต่อไร่ สูงกว่าโคลนดีเด่นทุกโคลน และเมื่อพิจารณาผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ พบว่า การผลิตอ้อยโคลนดีเด่นทั้ง 3 โคลน ในอ้อยปลูก ควรมีการใส่ปุ๋ยอัตรา 7.5-3-6 กก. N-P2O5 -K2O ต่อไร่ และใน อ้อยตอ ควรมีการใส่ปุ๋ยอัตรา 18-3-6 กก. N-P2O5 -K2O ต่อไร่ จะทำให้ได้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุน มากที่สุด 8. คำหลัก : ปุ๋ยไนโตรเจน อ้อยโคลนดีเด่น ชุดปี 2558 9. ประเภทผลวิจัย : ก้าวหน้า 10. คำแนะนำผลวิจัย : พัฒนาต่อ 11. งบประมาณที่ได้รับทั้งหมด (งบ ตชว.) : 107,300 บาท
44 ตารางที่ 1 ผลผลิต (ตันต่อไร่) ของโคลนอ้อยดีเด่นและพันธุ์เปรียบเทียบ (อ้อยปลูก) อายุ12 เดือน ที่ใส่ปุ๋ย อัตราต่างๆ ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ปี 2565/2566 โคลน/พันธุ์(A) UT10-044 UT15-060 UT15-094 KK3 LK92-11 ค่าเฉลี่ย (B) N-P2O5-K2O กก./ไร่ (B) 0-3-6 20.66 18.72 19.58 20.59 18.27 19.56 b 7.5-3-6 20.20 20.29 22.22 24.75 22.00 21.89 a 15-3-6 22.30 21.84 23.09 24.53 20.84 22.52 a 22.5-3-6 19.53 20.50 21.27 24.54 18.90 20.95 ab 30-3-6 23.07 20.59 22.67 24.39 20.94 22.33 a ค่าเฉลี่ย (A) 21.15 20.39 21.77 23.76 20.19 CV (A) % 10.34 CV (B) % 10.58 หมายเหตุ ตัวเลขในคอลัมน์เดียวกันที่ตามด้วยตัวอักษรเหมือนกันไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยวิธี DMRT ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% A = ns B = * AxB = ns ns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ * = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ตารางที่ 2 ค่าซีซีเอส ของโคลนอ้อยดีเด่นและพันธุ์เปรียบเทียบ (อ้อยปลูก) อายุ12 เดือน ที่ใส่ปุ๋ยอัตราต่างๆ ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ปี 2565/2566 โคลน/พันธุ์(A) UT10-044 UT15-060 UT15-094 KK3 LK92-11 ค่าเฉลี่ย (B) N-P2O5-K2O กก./ไร่ (B) 0-3-6 12.28 14.26 12.61 14.62 14.49 13.65 7.5-3-6 11.47 12.62 13.60 14.43 15.20 13.46 15-3-6 10.65 14.07 13.03 15.14 14.01 13.38 22.5-3-6 11.42 13.44 13.00 14.55 14.17 13.32 30-3-6 11.20 14.04 13.65 15.38 13.93 13.64 ค่าเฉลี่ย (A) 11.40 13.69 13.18 14.82 14.36 CV (A) % 6.58 CV (B) % 5.49 หมายเหตุ ตัวเลขในคอลัมน์เดียวกันที่ตามด้วยตัวอักษรเหมือนกันไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยวิธี DMRT ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% A = ns B = ns AxB = ns ns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ
45 ตารางที่ 3 ผลผลิตน้ำตาล (ตันซีซีเอสต่อไร่) ของโคลนอ้อยดีเด่นและพันธุ์เปรียบเทียบ (อ้อยปลูก) อายุ12 เดือนที่ใส่ปุ๋ยอัตราต่างๆ ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ปี 2565/2566 โคลน/พันธุ์(A) UT10-044 UT15-060 UT15-094 KK3 LK92-11 ค่าเฉลี่ย (B) N-P2O5-K2O กก./ไร่ (B) 0-3-6 2.53 2.67 2.47 3.02 2.63 2.66 b 7.5-3-6 2.31 2.57 3.02 3.57 3.29 2.95 a 15-3-6 2.35 3.06 2.99 3.72 2.92 3.01 a 22.5-3-6 2.23 2.72 2.77 3.58 2.67 2.79 ab 30-3-6 2.58 2.91 3.09 3.75 2.92 3.05 a ค่าเฉลี่ย (A) 2.40 c 2.79 bc 2.87 b 3.53 a 2.89 b CV (A) % 13.18 CV (B) % 11.96 หมายเหตุ ตัวเลขในคอลัมน์เดียวกันที่ตามด้วยตัวอักษรเหมือนกันไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยวิธี DMRT ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% A = * B = * AxB = ns ns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ * = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ตารางที่ 4 ผลผลิต (ตันต่อไร่) ของโคลนอ้อยดีเด่นและพันธุ์เปรียบเทียบ (อ้อยตอ 1) อายุ12 เดือน ที่ใส่ปุ๋ย อัตราต่างๆ ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ปี 2566/2567 โคลน/พันธุ์(A) UT10-044 UT15-060 UT15-094 KK3 LK92-11 ค่าเฉลี่ย (B) N-P2O5-K2O กก./ไร่ (B) 0-3-6 14.61 c ABC 12.01 c C 13.68 c BC 15.19 c AB 16.51 a AB 14.40 9-3-6 16.12 bc AB 15.16 b B 16.24 b AB 18.69 b A 15.69 a AB 16.38 18-3-6 19.59 a A 16.59 b B 18.76 a AB 18.59 b AB 17.80 a AB 18.27 27-3-6 18.48 ab AB 17.36 ab B 20.95 a A 18.86 b AB 17.28 a B 18.59 36-3-6 18.11 ab BC 19.19 a ABC 20.63 a AB 21.74 a A 17.52 a C 19.44 ค่าเฉลี่ย (A) 17.38 16.06 18.05 18.61 16.96 CV (A) % 12.50 CV (B) % 8.20 หมายเหตุ ตัวเลขในคอลัมน์เดียวกันที่ตามด้วยตัวอักษรเหมือนกันไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยวิธี DMRT ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ความแตกต่างระหว่างอัตราปุ๋ย (B) ใช้อักษร a, b, c ความแตกต่างระหว่างโคลนดีเด่น/พันธุ์อ้อย (A) ใช้อักษร A, B, C A = ns B = ns AxB = * ns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ * = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
46 ตารางที่ 5 ค่าซีซีเอส ของโคลนอ้อยดีเด่นและพันธุ์เปรียบเทียบ (อ้อยตอ 1) อายุ12 เดือน ที่ใส่ปุ๋ยอัตราต่างๆ ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ปี 2566/2567 โคลน/พันธุ์(A) UT10-044 UT15-060 UT15-094 KK3 LK92-11 ค่าเฉลี่ย (B) N-P2O5-K2O กก./ไร่ (B) 0-3-6 11.68 15.09 14.30 16.05 14.83 14.39 9-3-6 11.86 15.12 14.99 16.23 15.81 14.82 18-3-6 12.71 14.83 14.32 15.85 15.83 14.71 27-3-6 11.99 14.77 14.84 15.80 15.93 14.67 36-3-6 12.54 14.64 15.01 15.54 15.61 14.67 ค่าเฉลี่ย (A) 12.16 d 14.89 c 14.69 c 15.89 a 15.60 ab CV (A) % 5.67 CV (B) % 4.96 หมายเหตุ ตัวเลขในคอลัมน์เดียวกันที่ตามด้วยตัวอักษรเหมือนกันไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยวิธี DMRT ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% A = ** B = ns AxB = ns ns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ** = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 99% ตารางที่ 6 ผลผลิตน้ำตาล (ตันซีซีเอสต่อไร่) ของโคลนอ้อยดีเด่นและพันธุ์เปรียบเทียบ (อ้อยตอ 1)อายุ12 เดือน ที่ใส่ปุ๋ยอัตราต่างๆ ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ปี 2566/2567 โคลน/พันธุ์(A) UT10-044 UT15-060 UT15-094 KK3 LK92-11 ค่าเฉลี่ย (B) N-P2O5-K2O กก./ไร่ (B) 0-3-6 1.71 1.81 1.96 2.44 2.45 2.07 c 9-3-6 1.91 2.29 2.43 3.03 2.48 2.43 b 18-3-6 2.49 2.46 2.69 2.95 2.82 2.68 a 27-3-6 2.22 2.56 3.11 2.98 2.75 2.72 a 36-3-6 2.27 2.81 3.10 3.38 2.73 2.86 a ค่าเฉลี่ย (A) 2.12 c 2.39 bc 2.66 b 2.96 a 2.65 b CV (A) % 11.59 CV (B) % 10.89 หมายเหตุ ตัวเลขในคอลัมน์เดียวกันที่ตามด้วยตัวอักษรเหมือนกันไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยวิธี DMRT ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% A = ** B = ** AxB = ns ns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ** = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 99%
47 ตารางที่ 7 อัตราผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Marginal rate of return: MRR) ของอ้อยโคลนดีเด่น จากการใส่ปุ๋ย อัตราต่างๆ ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรีอ้อยปลูก ปี 2565/2566 กรรมวิธี ผลผลิต (กิโลกรัม/ไร่) ต้นทุน (บาท/ไร่) รายได้ (บาท/ไร่) กำไรสุทธิ (บาท/ไร่) LER โคลน/พันธุ์ ขอนแก่น 3 23,760 28,600 25,661 - 2,939 - LK92-11 20,190 28,600 21,805 - 6,795 - UT10-044 21,152 28,600 22,844 - 5,756 - UT15-060 20,388 28,600 22,019 - 6,581 - UT15-094 21,766 28,600 23,507 - 5,093 - อัตราปุ๋ย N-P2O5-K2O กิโลกรัมต่อไร่ MRR (%) 0-3-6 19,564 361 21,129 20,768 - 7.5-3-6 21,892 632 23,643 23,012 827 15-3-6 22,520 828 24,322 23,494 246 22.5-3-6 20,948 1,024 22,624 21,599 D 30-3-6 22,332 1,221 24,119 22,898 662 D = dominated treatment หมายถึง การมีต้นทุนจากปุ๋ยเพิ่มขึ้น แต่ผลได้สุทธิลดลง ราคาอ้อยที่ระดับความหวานเท่ากับ 10 ขึ้นไป = 1.08 บาท/กก. ในปี 2565 ต้นทุนการผลิตอ้อยปลูก 28,600 บาท/ไร่ ราคาปุ๋ยเกรด 46-0-0 = 26.17 บาท/กก. ราคาปุ๋ยเกรด 18-46-0 = 28.17 บาท/กก. ราคาปุ๋ยเกรด 0-46-0 = 12.00 บาท/กก. ราคาปุ๋ยเกรด 0-0-60 = 28.25 บาท/กก.
48 ตารางที่ 8 อัตราผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Marginal rate of return: MRR) ของอ้อยโคลนดีเด่น จากการใส่ปุ๋ย อัตราต่างๆ ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี อ้อยตอ 1 ปี 2566/2567 กรรมวิธี ผลผลิต (กิโลกรัม/ไร่) ต้นทุน (บาท/ไร่) รายได้ (บาท/ไร่) กำไรสุทธิ (บาท/ไร่) LER โคลน/พันธุ์ ขอนแก่น 3 18,614 14,800 20,103 5,303 - LK92-11 16,960 14,800 18,317 3,517 - UT10-044 18,052 14,800 19,496 4,696 - UT15-060 17,382 14,800 18,773 3,973 - UT15-094 16,062 14,800 17,347 2,547 - อัตราปุ๋ย N-P2O5-K2O กิโลกรัมต่อไร่ MRR (%) 0-3-6 14,400 346 20,448 20,102 - 9-3-6 16,380 629 23,260 22,630 893 18-3-6 18,266 812 25,938 25,126 1,367 27-3-6 18,586 994 26,392 25,398 149 36-3-6 19,438 1,177 27,602 26,425 563 ราคาอ้อยที่ระดับความหวานเท่ากับ 10 ขึ้นไป = 1.42 บาท/กก. ในปี 2566 ต้นทุนการผลิตอ้อยตอ 14,800 บาท/ไร่ ราคาปุ๋ยเกรด 46-0-0 = 20.29 บาท/กก. ราคาปุ๋ยเกรด 18-46-0 = 29.04 บาท/กก. ราคาปุ๋ยเกรด 0-46-0 = 10.00 บาท/กก. ราคาปุ๋ยเกรด 0-0-60 = 28.10 บาท/กก.
49 รายงานผลการปฏิบัติงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2566 66/สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน/ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี 1. ชื่อแผนงานวิจัย วิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยเพื่ออุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมชีวภาพ 2. ชื่อโครงการวิจัย วิจัยการปรับปรุงพันธุ์อ้อยโรงงานด้วยนวัตกรรมเพื่อการผลิตในเขต ชลประทานและน้ำเสริม 3. ชื่อกิจกรรม การศึกษาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยโคลนดีเด่นที่ เหมาะสมกับเขตชลประทานและน้ำเสริม 4. ชื่อการทดลอง ศึกษาปฏิกิริยาต่อโรคเหี่ยวเน่าแดงของโคลนอ้อยดีเด่นโคลนอ้อยชุดปี 2560 สำหรับสภาพชลประทานและน้ำเสริม 5. ผู้ดำเนินงาน หัวหน้า อุไรวรรณ พงษ์พยัคเลิศ ผู้ร่วมงาน ปิยธิดา อินทร์สุข สุวัฒน์ พูลพาน กาญจนา หนูแก้ว อาภาพร หนูแดง ศรัณย์รัตน์ สุวรรณพงษ์ นพิษฐา กลัดเงิน 6. ระยะเวลา เริ่มต้น ตุลาคม 2565 สิ้นสุด กันยายน 2566 7. บทคัดย่อ การศึกษาปฏิกิริยาต่อโรคเหี่ยวเน่าแดงของโคลนอ้อยดีเด่นชุดปี 2560 สำหรับสภาพชลประทานและ น้ำเสริม มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบปฏิกิริยาการเกิดโรคเหี่ยวเน่าแดงในโคลนดีเด่น จำนวน 39 โคลน โดยมี พันธุ์ LK92-11 กวก. อู่ทอง 8 และ กวก. ขอนแก่น 3 เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ ดำเนินการที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ สุพรรณบุรีด้วยวิธี wound plug method ประเมินปฏิกิริยาที่ 45 วันหลังการปลูกเชื้อ พบว่า โคลนอ้อยที่มี ปฏิกิริยาต้านทานปานกลาง (MR) จำนวน 10 โคลน โดยมีระดับความรุนแรงของเชื้อภายในลำอ้อยเฉลี่ยอยู่ ระหว่าง 1.58 - 2.37 โคลนอ้อยที่มีปฏิกิริยาอ่อนแอปานกลาง (MS) จำนวน 16 โคลน มีระดับความรุนแรง ของเชื้อภายในลำอ้อยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 2.47 - 3.40 โคลนอ้อยที่มีปฏิกิริยาอ่อนแอ (S) จำนวน 13 โคลน มี ระดับความรุนแรงของเชื้อภายในลำอ้อยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3.47 - 4.00 ส่วนพันธุ์เปรียบเทียบ พบว่า พันธุ์ LK92-11 มีปฏิกิริยาในระดับ S เช่นเดียวกับพันธุ์กวก. อู่ทอง 8 ส่วนพันธุ์กวก. ขอนแก่น 3 มีปฏิกิริยาใน ระดับ MR และพบว่า มี 9 โคลน ที่มีอาการของโรคจากอาการลุกลามของเชื้อภายในลำน้อยกว่าพันธุ์กวก. ขอนแก่น 3 ปฏิกิริยาการเกิดโรคเหี่ยวเน่าแดงนี้จะถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการคัดเลือกในขั้นตอนการ ปรับปรุงพันธุ์ เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะทางการเกษตรที่ดีและต้านทานต่อโรคเหี่ยวเน่าแดง และ นอกจากนี้ยังใช้เป็นข้อมูลประกอบการรับรองพันธุ์ และเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่สู่เกษตรกรในอนาคต
50 8. คำหลัก : เหี่ยวเน่าแดง, โรคอ้อย, อ้อย, Colletotrichum falcatum, Fusarium moniliforme 9. ประเภทผลวิจัย : สิ้นสุด 10. คำแนะนำผลวิจัย : ถ่ายทอดได้ 11. งบประมาณที่ได้รับทั้งหมด (งบ ตชว.) : 102,300 บาท ตารางที่1 ปฏิกิริยาการเกิดโรคเหี่ยวเน่าแดงของโคลนอ้อยดีเด่น โคลนอ้อยชุดปี 2560 สำหรับสภาพ ชลประทานและน้ำเสริม ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ปี 2566 ลำดับ โคลน/พันธุ์ อาการลุกลาม ของเชื้อในลำ ปฏิกิริยา ลำดับ โคลน/พันธุ์ อาการลุกลาม ของเชื้อในลำ ปฏิกิริยา 1 UT17-008 3.89 S 22 UT17-226 1.89 MR 2 UT17-011 2.89 MS 23 UT17-234 2.65 MS 3 UT17-012 2.94 MS 24 UT17-237 2.80 MS 4 UT17-015 3.71 S 25 UT17-246 2.11 MR 5 UT17-016 2.50 MS 26 UT17-251 3.67 S 6 UT17-017 3.53 S 27 UT17-257 1.90 MR 7 UT17-018 2.47 MS 28 UT17-261 2.00 MR 8 UT17-028 2.32 MR 29 UT17-264 2.68 MS 9 UT17-057 2.58 MS 30 UT17-268 3.65 S 10 UT17-078 2.28 MR 31 UT17-269 3.35 MS 11 UT17-097 3.15 MS 32 UT17-274 3.47 S 12 UT17-115 2.65 MS 33 UT17-279 3.47 S 13 UT17-120 3.39 MS 34 UT17-285 3.40 MS 14 UT17-133 3.20 MS 35 UT17-290 2.06 MR 15 UT17-170 2.31 MR 36 UT17-291 2.37 MR 16 UT17-204 1.58 MR 37 UT17-297 3.73 S 17 UT17-211 4.00 S 38 UT17-299 2.94 MS 18 UT17-216 3.00 MS 39 UT17-302 3.73 S 19 UT17-217 3.90 S 40 กวก. อู่ทอง 8 3.47 S 20 UT17-219 4.00 S 41 LK92-11 3.47 S 21 UT17-224 3.53 S 42 กวก. ขอนแก่น 3 2.32 MR หมายเหตุ: MR = ต้านทานปานกลาง MS = อ่อนแอปานกลาง S = อ่อนแอ
51 รายงานผลการปฏิบัติงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2566 66/สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน/ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี 1. ชื่อแผนงานวิจัย วิจัยปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดฝักสด (โครงการวิจัยเดี่ยว) 2. ชื่อโครงการวิจัย วิจัยปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดฝักสด 3. ชื่อกิจกรรม การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวโพดหวาน 4. ชื่อการทดลอง การเปรียบเทียบในไร่เกษตรกร พันธุ์ข้าวโพดหวาน 5. ผู้ดำเนินงาน หัวหน้า สมบูรณ์ วันดี ผู้ร่วมงาน ฉลอง เกิดศรี ภานุวัฒน์ ศิลปะศักดิ์ขจร กาญจนา หนูแก้ว สุจิตตรา พิกุลทอง ณรงค์ ย้อนใจทัน 6. ระยะเวลา เริ่มต้น ตุลาคม 2565 สิ้นสุด กันยายน 2567 7. รายงานความก้าวหน้า เปรียบเทียบศักยภาพการให้ผลผลิตของข้าวโพดหวานลูกผสมดีเด่น S20421, S20496, S20502 และ S21187 ร่วมกับข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์การค้า จำนวน 6 พันธุ์ ได้แก่ กวก. สงขลา 84-1 กวก. ชัยนาท 2 จัมโบ้สวีทหวาน 54 เอสเอ็ม 1351 และไฮบริกซ์59 ปลูกทดสอบในต้นฤดูฝน โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่ม ในบล็อกสมบูรณ์ จำนวน 3 ซ้ำ ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ในปี 2566 ผลการทดลอง พบว่า ข้าวโพดหวาน ลูกผสมดีเด่น S20421 ให้ผลผลิตฝักทั้งเปลือก เท่ากับ 2,847 กิโลกรัมต่อไร่ มีความแตกต่างกันทางสถิติกับ พันธุ์จัมโบ้สวีท ให้ผลผลิตทั้งเปลือก 2,460 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวโพดหวานลูกผสมดีเด่น 4 คู่ผสม ให้ผลผลิตฝัก ปอกเปลือก อยู่ระหว่าง 1,834 – 2,102 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งไม่แตกต่างทางสถิติกับพันธุ์การค้าทั้ง 6 พันธุ์ ข้าวโพดหวานลูกผสมดีเด่น S20502 มีค่าความหวานเท่ากับ 16.2 องศาบริกซ์ ซึ่งมากกว่าพันธุ์กวก. ชัยนาท 2 กวก. สงขลา 84-1 และไฮบริกซ์59 อย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ ที่มีความหวานเท่ากับ 12.8, 13.7และ 14.4 องศาบริกซ์ ตามลำดับ ข้าวโพดหวานลูกผสมดีเด่นทั้ง 4 คู่ผสม มีศักยภาพในการให้ผลผลิตฝัก ปอกเปลือก และค่าความหวานไม่แตกต่างจากข้าวโพดลูกผสมพันธุ์การค้าที่เกษตรกรนิยมใช้ผลิตสำหรับส่งเข้าโรงงาน อุตสาหกรรมแปรรูป 8. คำหลัก : ข้าวโพดหวาน ปรับปรุงพันธุ์ ลูกผสม เปรียบเทียบพันธุ์ ประเมินพันธุ์ 9. ประเภทผลวิจัย : ก้าวหน้า 10. คำแนะนำผลวิจัย : พัฒนาต่อ 11. งบประมาณที่ได้รับทั้งหมด (งบ ตชว.) : 78,300 บาท
ตารางที่ 1 การเปรียบเทียบพันธุ์ในไร่เกษตรกร ข้าวโพดหวานลูกผสมชุดปี 2563 ณลำดับ ลูกผสม/พันธุ์ ความสูง (ซม.) อายุ(วัน) ต้น ฝัก ออกดอก ออกไหม ทั้1 S20421 175 a 88 b 49 51 c 2,2 S20496 153 c 75 c 49 53 abc 2,3 S20502 179 a 98 a 49 54 ab 2,4 S21187 163 b 75 c 48 52 bc 2,5 กวก. ชัยนาท 2 162 b 80 bc 49 53 abc 2,6 ไฮบริกซ์59 131 d 62 d 49 55 a 2,7 จัมโบ้สวีท 129 d 48 e 49 54 a 2,8 เอสเอ็ม 1351 135 d 49 e 49 55 a 2,9 กวก. สงขลา 84-1 162 b 72 c 48 53 abc 2,10 หวาน 54 147 c 59 d 48 54 ab 3,F-test ** ** ns ** CV (%) 3.04 7.09 2.24 2.14 หมายเหตุ ในสดมภ์เดียวกันค่าเฉลี่ยที่ตามด้วยอักษรเหมือนกันไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ที่รns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ * = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ** = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 99% 1 ขนาดฝัก : ความกว้างฝัก (D), ความยาวฝัก (L1) และปลายฝัก (L2)
52 ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรีฤดูฝน ปี 2566 ผลผลิต (กก./ไร่) ความหวาน (องศาบริกซ์) ขนาดฝัก ทั้งเปลือก ปอกเปลือก D L1 L2 ,847 abc 2,002 12.7 e 4.73 bc 15.2 de 0.6 d ,591 bcd 1,834 15.7 ab 4.96 a 16.8 b 2.1 b ,546 cd 1,939 16.2 a 4.89 ab 17.9 a 3.0 a ,725 abcd 2,102 13.3 de 4.77 abc 15.7 cd 1.3 c ,958 ab 2,039 12.8 e 4.89 ab 16.1 c 2.2 b ,651 bcd 1,883 14.4 bcd 4.73 bc 16.4 bc 2.8 a ,460 d 1,749 15.7 ab 4.62 c 14.4 e 3.0 a ,674 abcd 1,959 15.0 abc 4.84 ab 14.8 e 2.0 b ,620 bcd 1,985 13.7 cde 4.93 ab 17.1 b 0.6 d ,021 a 2,167 15.3 ab 4.96 a 17.0 b 3.1 a * ns ** ** ** ** 7.08 7.64 5.08 2.19 4.54 14.43 ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยวิธี DMRT 52
53 รายงานผลการปฏิบัติงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2566 66/สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน /ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี 1. ชื่อแผนงานวิจัย วิจัยปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดฝักสด (โครงการวิจัยเดี่ยว) 2. ชื่อโครงการวิจัย ปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดฝักสด 3. ชื่อกิจกรรม วิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวโพดข้าวเหนียว 4. ชื่อการทดลอง การเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรพันธุ์ข้าวโพดข้าวเหนียว 5. ผู้ดำเนินงาน หัวหน้า สมบูรณ์ วันดี ผู้ร่วมงาน ฉลอง เกิดศรี วรรษมน มงคล ภานุวัฒน์ ศิลปะศักดิ์ขจร กาญจนา หนูแก้ว สุจิตรา พิกุลทอง ณรงค์ ย้อนใจทัน 6. ระยะเวลา เริ่มต้น ตุลาคม 2565 สิ้นสุด กันยายน 2567 7. รายงานความก้าวหน้า การเปรียบเทียบในไร่เกษตรกร (Farm trial) เป็นขั้นตอนการเปรียบเทียบหรือทดสอบหรือประเมิน พันธุ์พืช เพื่อประเมินสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ มีความดีเด่นกว่าพันธุ์มาตรฐาน ในด้านผลผลิตและลักษณะ ที่ต้องการ เหมาะสมที่จะขยายผลจากแปลงทดลองไปสู่แปลงของเกษตรกร (อาวุธ, 2529; พิเชษฐ์, 2558) งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อคัดเลือกพันธุ์ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมดีเด่นที่ให้ผลผลิตสูง และมีลักษณะ ทางการเกษตรดีดำเนินการในฤดูฝน โดยใช้ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมจำนวน 5 คู่ผสม และพันธุ์ข้าวโพด ข้าวเหนียวลูกผสมพันธุ์การค้าจำนวน 5 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์กวก. ชัยนาท 2 พลอยชมพู เหนียวหวานชมพูและ สวีทไวโอเล็ท และเหนียวหวานทับทิม และก่อนการค้าจำนวน 1 คู่ผสม คือ CNW18109 วางแผนการทดลอง แบบสุ่มในบล็อกสมบูรณ์ (RCB) จำนวน 3 ซ้ำ พบว่า ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมทั้ง 5 คู่ผสม ให้ผลผลิตฝักสด ทั้งเปลือกและปอกเปลือกเฉลี่ย 2,620 และ 1,528 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ (ตารางที่ 1) และพันธุ์ เปรียบเทียบทั้ง 6 พันธุ์ ให้ผลผลิตฝักสดทั้งเปลือกและปอกเปลือกเฉลี่ย 2,418 และ 1,465 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมให้ผลผลิตสูงและมากกว่าผลผลิตเฉลี่ยของพันธุ์เปรียบเทียบ มีคะแนน เปลือกหุ้มฝักระหว่าง 1 - 4 คะแนน (เปลือกหุ้มฝักแน่นและยาวเลยปลายฝักมากกว่า 2 เซนติเมตร - เปลือก หุ้มฝักแน่นปิดคลุมปลายฝัก) และมีความยาวของส่วนที่ไม่ติดเมล็ดน้อยกว่า 2 เซนติเมตร มีจำนวน 3 คู่ผสม ได้แก่ CNW2082 CNW2089 และ CNW2182 โดย CNW2082 ให้ผลผลิตทั้งเปลือกสูงสุด คือ 2,905 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าพันธุ์เปรียบเทียบ CNW18109 พันธุ์พลอยชมพู เหนียวหวานชมพู สวีทไวโอเล็ท และ เหนียวหวานทับทิม ที่ให้ผลผลิตทั้งเปลือก 2,337 2,397 2,316 2,357 และ 2,448 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ แต่ให้ผลผลิตทั้งเปลือกไม่แตกต่างจากพันธุ์ กวก. ชัยนาท 2 ที่ให้ผลผลิต 2,655 กิโลกรัมต่อไร่ และ CNW2089 ให้ผลผลิตทั้งเปลือก 2,750 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าพันธุ์เปรียบเทียบ CNW18109 พันธุ์พลอยชมพู เหนียวหวานชมพู สวีทไวโอเล็ท แต่ให้ผลผลิตทั้งเปลือกไม่แตกต่างจากพันธุ์ กวก. ชัยนาท 2 และเหนียวหวานทับทิม
54 ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสม CNW2082 ให้ผลผลิตฝักสดปอกเปลือกสูงสุด 1,778 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ไม่แตกต่างกับ CNW2080 และ CNW2144 ที่ให้ผลผลผลิตฝักสดปอกเปลือก 1,629 และ 1,558 กิโลกรัม ต่อไร่ (ตารางที่1) โดย CNW2082 ให้ผลผลิตฝักสดปอกเปลือกไม่แตกต่างจากพันธุ์เปรียบเทียบ กวก. ชัยนาท 2 และพลอยชมพู ที่ให้ผลผลิตฝักสดปอกเปลือก 1,605 และ 1,551 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ แต่มากกว่า CNW18109 พันธุ์เหนียวหวานชมพู สวีทไวโอเล็ท และเหนียวหวานทับทิม ที่ให้ผลผลิตฝักสดปอกเปลือก 1,415 1,426 1,317 และ 1,473 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมที่คัดเลือก 2 คู่ผสม CNW2082 และ CNW2080 มีจำนวนวันออกดอก 50 เปอร์เซ็นต์43 และ 42 วัน จำนวนวันออกไหม 50 เปอร์เซ็นต์ เท่ากันคือ 45 วัน ความสูงต้น 173 และ 177 เซนติเมตร ความสูงฝัก 108 และ 104 เซนติเมตร จำนวนวันเก็บเกี่ยว เท่ากันคือ 63 วัน คะแนนเปลือก หุ้มฝัก 1 คะแนน (เปลือกหุ้มฝักปิดเกินปลายฝักมากกว่า 2 เซนติเมตร) ให้น้ำหนักฝักที่ดีที่สุด 10 ฝักทั้งเปลือก 2.93 และ 2.64 กิโลกรัม น้ำหนักฝักที่ดีที่สุด 10 ฝักปอกเปลือก 1.97 และ 1.81 กิโลกรัม ความกว้างฝัก 4.4 และ 4.2 เซนติเมตร ความยาวฝัก 16.8 และ 16.1 เซนติเมตร และจำนวนแถว 13.1 และ 14.2 แถว (ตารางที่ 1) ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมที่คัดเลือกจะนำไปประเมินความชอบของผู้บริโภคในปี 2568 ต่อไป 8. คำหลัก : ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสม การประเมินผลผลิต การเปรียบเทียบในท้องถิ่น 9. ประเภทผลวิจัย : ก้าวหน้า 10. คำแนะนำผลวิจัย : พัฒนาต่อ 11. งบประมาณที่ได้รับทั้งหมด (งบ ตชว.) : 71,770 บาท
ตารางที่1 การเปรียบเทียบพันธุ์ในไร่เกษตรกร ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมชุดปี 2564 ณพันธุ์ อายุ (วัน) ความสูง (ซม.) อายุ เก็บ เกี่ยว คะแนน เปลือกหุ้มฝัก (1-5)1 จำนวนฝัก เก็บเกี่ยว ดอก ไหม ต้น ฝัก 1. CNW2080 42 d 45 bc 177 abc 104 ab 63 bc 1 84 2. CNW2082 43 cd 45 bc 173 bcd 108 a 63 bc 1 84 3. CNW2089 42 d 44 c 169 cde 99 ab 62 c 1 84 4. CNW2182 44 bc 46 ab 161 e 86 d 64 ab 1 84 5. CNW2144 43 cd 45 bc 168 de 90 cd 63 bc 4 84 Mean 43 45 170 97 63 2 84 6. กวก. ชัยนาท 2 42 d 45 bc 183 a 102 ab 63 bc 2 84 7. CNW18109 42 d 44 c 150 f 83 d 62 c 1 84 8. พลอยชมพู 44 bc 46 ab 169 cde 86 d 64 ab 2 84 9. เหนียวหวานชมพู 45 ab 46 ab 141 f 84 d 64 ab 1 84 10. สวีทไวโอเล็ท 46 a 47 a 180 ab 104 ab 65 a 2 84 11. เหนียวหวานทับทิม 44 bc 45 bc 168 de 98 bc 63 bc 1 84 Mean 44 46 165 93 64 2 84 F-test ** ** ** ** ** - - C.V. (%) 2.05 1.79 3.16 5.56 1.28 - - หมายเหตุ ในสดมภ์เดียวกันค่าเฉลี่ยที่ตามด้วยอักษรเหมือนกันไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับค** = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 99% 1 คะแนนเปลือกหุ้มฝัก = 1-5 (น้อย-มาก)
55 ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรีฤดูฝน ปี 2566 น้ำหนักผลผลิต (กก./ไร่) น้ำหนัก 10 ฝัก (กก.) ขนาดฝัก จำนวน แถว ทั้ง เปลือก ปอก เปลือก ทั้ง เปลือก ปอก เปลือก ความ กว้าง ความ ยาว ปลาย ฝัก 2,716 abc 1,629 ab 2.64 1.81 4.2 e 16.1 b 2.3 14.2 cb 2,905 a 1,778 a 2.93 1.97 4.4 de 16.8 b 1.7 13.1 ef 2,750 ab 1,476 bc 2.88 1.86 4.4 de 16.5 b 0.5 14.0 cbd 2,438 bcde 1,199 d 3.03 1.99 4.5 c 14.4 c 1.8 15.7 a 2,289 e 1,558 ab 2.88 2.22 4.9 a 15.9 b 2.1 15.1 ab 2,620 1,528 2.87 1.97 4.5 15.9 1.7 14.4 2,655 abcd 1,605 ab 2.64 1.86 4.4 de 16.2 b 1.3 13.5 def 2,337 de 1,415 bcd 2.90 1.99 4.5 c 16.3 b 1.5 13.7 def 2,397 cde 1,551 abc 2.52 1.84 4.3 de 16.5 b 0.7 14.3 bcd 2,316 e 1,426 bcd 2.99 2.10 4.7 b 16.1 b 1.0 14.8 abc 2,357 de 1,317 cd 3.25 2.20 4.4 de 18.3 a 1.7 12.9 f 2,448 bcde 1,473 bc 3.23 2.29 4.8 b 16.4 b 1.6 15.2 a 2,418 1,465 2.92 2.05 4.5 16.6 1.3 14.1 ** ** - - ** ** - ** 7.61 9.28 - - 1.69 4.77 - 3.70 ความเชื่อมั่น 95% โดยวิธี DMRT 55
56 รายงานผลการปฏิบัติงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2566 66/สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน/ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี 1. ชื่อแผนงานวิจัย วิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชไร่อื่นเพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่า 2. ชื่อโครงการวิจัย วิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยคั้นน้ำเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ 3. ชื่อกิจกรรม การพัฒนาและคัดเลือกพันธุ์อ้อยคั้นน้ำในเขตชลประทาน 4. ชื่อการทดลอง การคัดเลือกพันธุ์อ้อยคั้นน้ำในเขตชลประทานชุดปี 2565 5. ผู้ดำเนินงาน หัวหน้า ปิยธิดา อินทร์สุข ผู้ร่วมงาน วาสนา วันดี ณรงค์ ย้อนใจทัน ศรัณย์รัตน์ สุวรรณพงษ์ 6. ระยะเวลา เริ่มต้น ตุลาคม 2566 สิ้นสุด กันยายน 2567 7. รายงานความก้าวหน้า การคัดเลือกพันธุ์อ้อยคั้นน้ำในเขตชลประทานชุดปี 2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้โคลนอ้อยดีเด่นที่ สามารถนำมาปลูกลงแปลงและนำไปทดสอบในขั้นตอนต่อไปได้อ้อยคั้นน้ำในประเทศไทยมีเพียง 3 พันธุ์ คือ พันธุ์ กวก. สุพรรณบุรี 50 กวก. ศรีสำโรง 1 และพันธุ์ กวก. สุพรรณบุรี 1 แต่อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงพันธุ์ อ้อยคั้นน้ำต้องมีการพัฒนาพันธุ์อย่างต่อเนื่อง เพราะต้องใช้เวลานานในการทดสอบและคัดเลือกเพื่อให้ได้ ลักษณะพันธุ์ดีตามที่ตลาดและผู้บริโภคต้องการ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องทำการวิจัยและพัฒนาหาอ้อย คั้นน้ำพันธุ์ใหม่ให้มีคุณภาพที่หลากหลายขึ้น ซึ่งจะเป็นทางเลือกและขยายโอกาสในการประกอบอาชีพของ เกษตรกร ผลการทดลองการคัดเลือกอ้อยคั้นน้ำปีที่ 1 พบว่า ได้ต้นกล้าจากการเพาะเมล็ดลงแปลงปลูกทั้งหมด 3,706 ต้น โดยมีระยะปลูกระหว่างต้น 0.5 เมตร และระยะระหว่างแถว 1.5 เมตร คัดเลือกอ้อยคั้นน้ำ โดยคัด จากลักษณะทางการเกษตรแบบรายต้น ได้จำนวน 676 โคลน และนำมาเปรียบเทียบสีน้ำอ้อยกับพันธุ์ กวก. สุพรรณบุรี 50 และ กวก. สุพรรณบุรี 1 คัดเลือกโคลนอ้อยที่มีสีน้ำอ้อยใกล้เคียงกับพันธุ์เปรียบเทียบ ได้จำนวน 54 โคลน ซึ่งโคลนดีเด่น ทั้ง 54 โคลน มีจำนวนลำต่อกออยู่ระหว่าง 4 - 13 ลำ ค่าบริกซ์อยู่ระหว่าง 14.0 - 22.2 องศาบริกซ์ และนำโคลนดีเด่นเหล่านี้ไปปลูกลงแปลงคัดเลือกในปีที่ 2 ต่อไป 8. คำหลัก : คัดเลือก อ้อยคั้นน้ำ 9. ประเภทผลวิจัย : ก้าวหน้า 10. คำแนะนำผลวิจัย : พัฒนาต่อ 11. งบประมาณที่ได้รับทั้งหมด (งบ ตชว.) : 99,794 บาท
57 ตารางที่ 1 ค่าบริกซ์ และจำนวนลำต่อกอของโคลนอ้อยที่คัดเลือกได้จำนวน 54 โคลน ลำดับที่ โคลน พ่อแม่ ความหวาน (องศาบริกซ์) จำนวนลำต่อกอ 1 UTj22-001 Suphanburi 50 x U-Thong 4 20.0 6 2 UTj22-002 Suphanburi 50 x U-Thong 4 18.0 4 3 UTj22-003 Suphanburi 50 x U-Thong 4 17.6 4 4 UTj22-004 Suphanburi 50 x U-Thong 4 17.0 7 5 UTj22-005 Suphanburi 50 x U-Thong 4 17.0 4 6 UTj22-006 Suphanburi 50 x U-Thong 4 19.0 6 7 UTj22-007 Suphanburi 50 x U-Thong 4 14.8 7 8 UTj22-008 Suphanburi 50 x U-Thong 4 21.0 7 9 UTj22-009 Suphanburi 50 x U-Thong 4 21.0 7 10 UTj22-010 Suphanburi 50 x U-Thong 4 18.0 6 11 UTj22-011 Suphanburi 50 x V20 17.0 8 12 UTj22-012 Suphanburi 50 x V20 20.2 6 13 UTj22-013 Suphanburi 50 x V20 20.2 7 14 UTj22-014 Suphanburi 50 x V20 20.0 6 15 UTj22-015 Suphanburi 50 x V20 15.0 8 16 UTj22-016 CSB01-10 x Suphanburi 50 16.2 6 17 UTj22-017 CSB01-10 x Suphanburi 50 14.0 7 18 UTj22-018 CSB01-10 x Suphanburi 50 16.2 7 19 UTj22-019 CSB01-10 x Suhanburi 50 17.2 10 20 UTj22-020 CSB01-10 x Suphanburi 50 15.4 6 21 UTj22-021 CSB01-10 x Suphanburi 50 19.0 6 22 UTj22-022 CSB01-10 x Suphanburi 50 19.0 5 23 UTj22-023 CSB01-10 x Suphanburi 50 20.0 6 24 UTj22-024 CSB01-10 x Suphanburi 50 18.0 13 25 UTj22-025 CSB01-10 x Suphanburi 50 20.8 6 26 UTj22-026 CSB01-10 x Suphanburi 50 17.8 6 27 UTj22-027 CSB01-10 x Suphanburi 50 19.2 5 28 UTj22-028 CSB01-10 x Suphanburi 50 20.2 13 29 UTj22-029 CSB01-10 x Suphanburi 50 21.2 6 30 UTj22-030 CSB01-10 x Suphanburi 50 22.2 11 31 UTj22-031 CSB01-10 x Suphanburi 50 20.8 10 32 UTj22-032 CSB01-10 x Suphanburi 50 17.0 4 33 UTj22-033 CSB01-10 x Suphanburi 50 17.8 5 34 UTj22-034 CSB01-10 x Suphanburi 50 17.8 6
58 ตารางที่ 1 (ต่อ) ลำดับที่ โคลน พ่อแม่ ความหวาน (องศาบริกซ์) จำนวนลำต่อกอ 35 UTj22-035 CSB01-10 x Suphanburi 50 15.2 10 36 UTj22-036 CSB01-10 x Suphanburi 50 19.0 13 37 UTj22-037 CSB01-10 x Suphanburi 50 20.2 7 38 UTj22-038 U-Thong 4 x Suphanburi 50 21.4 8 39 UTj22-039 U-Thong 4 x Suphanburi 50 20.8 7 40 UTj22-040 U-Thong 4 x Suphanburi 50 19.8 9 41 UTj22-041 U-Thong 4 x Suphanburi 50 20.0 7 42 UTj22-042 U-Thong 4 x Suphanburi 50 19.0 5 43 UTj22-043 U-Thong 4 x Suphanburi 50 20.8 5 44 UTj22-044 U-Thong 4 x Suphanburi 50 16.2 5 45 UTj22-045 U-Thong 4 x Suphanburi 50 19.0 7 46 UTj22-046 U-Thong 4 x Suphanburi 50 20.0 7 47 UTj22-047 U-Thong 4 x Suphanburi 50 19.0 7 48 UTj22-048 Open Suphanburi 50 16.7 9 49 UTj22-049 Open Suphanburi 50 18.0 13 50 UTj22-050 Open Suphanburi 50 15.0 11 51 UTj22-051 Open Suphanburi 50 16.0 11 52 UTj22-052 Open Suphanburi 50 17.2 8 53 UTj22-053 U-Thong 14 x Suphanburi 50 15.0 8 54 UTj22-054 Co1001 x Suphanburi 50 17.2 6
59 แบบเสนอแผนปฏิบัติงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2566 66/สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน/ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี 1. ชื่อโครงการ วิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชไร่อื่นเพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่า 2. ชื่อโครงการย่อย วิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชไร่เฉพาะกลุ่ม (อ้อย อาหารสัตว์ ข้าวฟ่าง) เพื่อผลผลิต และคุณค่าทางโภชนาการ 3. ชื่อกิจกรรม วิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวฟ่างเพื่อผลผลิตและคุณภาพ 4. ชื่อการทดลอง การรวบรวมพันธุ์และศึกษาลักษณะประจำพันธุ์ข้าวฟ่าง 5. ผู้ดำเนินงาน หัวหน้า สมบูรณ์ วันดี ผู้ร่วมงาน ปิยธิดา อินทร์สุข กาญจนา หนูแก้ว สุจิตรา พิกุลทอง ณรงค์ ย้อนใจทัน 6. ระยะเวลา เริ่มต้น ตุลาคม 2564 สิ้นสุด กันยายน 2567 7. รายงานความก้าวหน้า ดำเนินการศึกษาลักษณะประจำพันธุ์ข้าวฟ่าง ทั้งหมด 27 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวฟ่างเมล็ดจำนวน 12 สายพันธุ์ ข้าวฟ่างหวาน 12 สายพันธุ์ ข้าวฟ่างไม้กวาด 1 สายพันธุ์ และข้าวฟ่างหางกระรอก จำนวน 2 สายพันธุ์ ปลูกในสภาพแปลง โดยปลูกเป็นแถว ความยาวแถว 6 เมตร จำนวน 6 แถว ต่อ 1 สายพันธุ์ ปลูกเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566 เพื่อศึกษาลักษณะประจำพันธุ์และคัดเลือกให้ได้สายพันธุ์แท้มีความบริสุทธิ์ ตรงตามสายพันธุ์ ผลการศึกษา พบว่า ข้าวฟ่างเมล็ด จำนวน 12 สายพันธุ์ ให้ลักษณะทางการเกษตร ดังนี้ ผลผลิตเมล็ดเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 531.60 – 919.20 กิโลกรัมต่อไร่ ความสูงต้นเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 91.10 - 301.80 เซนติเมตร ขนาดลำต้นเฉลี่ย อยู่ระหว่าง 1.18 - 2.25 เซนติเมตร จำนวนใบต่อต้นเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 10 - 16 ใบ ความยาวใบเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 62.13 - 86.39 เซนติเมตร ความกว้างใบเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 6.21 - 8.64 เซนติเมตร ความยาวช่อเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 19.29 - 30.19 เซนติเมตร ความกว้างช่อเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 6.34 - 9.30 เซนติเมตร อายุเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 70 วัน เมล็ดมีสีขาวและแดง มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ มีน้ำหนัก 1,000 เมล็ด เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 25.10 – 34.20 กรัม ขนาดเมล็ดเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3.53 - 4.12 มิลลิเมตร ข้าวฟ่างหวาน จำนวน 12 สายพันธุ์ ให้ลักษณะทางการเกษตร ดังนี้ ผลผลิตเมล็ดเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 218.40 – 712.80 กิโลกรัมต่อไร่ ความสูงต้นเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 227.6 -294.2 เซนติเมตร ขนาดลำต้นเฉลี่ย อยู่ระหว่าง 1.32 - 1.80 เซนติเมตร จำนวนใบต่อต้นเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 8 - 13 ใบ ความยาวใบเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 55.28 - 78.99 เซนติเมตร ความกว้างใบเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 5.53 - 7.90 เซนติเมตร ความยาวช่อเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 16.57 - 28.88 เซนติเมตร ความกว้างช่อเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4.05 – 7.60 เซนติเมตร อายุเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 67 วัน
60 เมล็ดมีสีขาวและน้ำตาลแดง มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ มีน้ำหนัก 1,000 เมล็ดเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 12.10 - 26.20 กรัม ขนาดเมล็ดเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 2.79 - 3.43 มิลลิเมตร มีค่าความหวานเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 17.60 - 20.40 องศาบริกซ์ ข้าวฟ่างไม้กวาด 1 สายพันธุ์ให้ลักษณะทางการเกษตร ดังนี้ผลผลิตเมล็ดเฉลี่ย 471.6 กิโลกรัมต่อไร่ ความสูงต้นเฉลี่ย 199.40 เซนติเมตร ขนาดลำต้นเฉลี่ย 1.35 เซนติเมตร จำนวนใบต่อต้นเฉลี่ย 10 ใบ ความยาวใบ เฉลี่ย 68.55 เซนติเมตร ความกว้างใบเฉลี่ย 6.86 เซนติเมตร ความยาวช่อเฉลี่ย 45.85 เซนติเมตร ความกว้างช่อ เฉลี่ย 10.65 เซนติเมตร อายุเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 53 วัน เมล็ดมีสีดำ เมล็ดมีขนาดใหญ่ มีน้ำหนัก 1,000 เมล็ดเฉลี่ย 24.8 กรัม ขนาดเมล็ดเฉลี่ย 3.40 มิลลิเมตร ข้าวฟ่างหางกระรอก จำนวน 2 สายพันธุ์ ให้ลักษณะทางการเกษตร ดังนี้ผลผลิตเมล็ดเฉลี่ย 88.80 กิโลกรัมต่อไร่ความสูงต้นเฉลี่ย 105.15 เซนติเมตร ขนาดลำต้นเฉลี่ย 0.46 เซนติเมตร จำนวนใบต่อต้นเฉลี่ย 10 ใบ ความยาวใบเฉลี่ย 37.47 เซนติเมตร ความกว้างใบเฉลี่ย 3.75 เซนติเมตร ความยาวช่อเฉลี่ย 22.23 เซนติเมตร ความกว้างช่อเฉลี่ย 2.25 เซนติเมตร อายุเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 53 วัน เมล็ดมีสีดำและเหลือง ขนาดเล็ก น้ำหนัก 1,000 เมล็ดเฉลี่ย 3.15 กรัม ขนาดเมล็ดเฉลี่ย 1.45 มิลลิเมตร 8. คำหลัก : ข้าวฟ่างเมล็ด ข้าวฟ่างหวาน ข้าวฟ่างไม้กวาด ข้าวฟ่างหางกระรอก 9. ประเภทผลวิจัย : ก้าวหน้า 10. คำแนะนำผลวิจัย : พัฒนาต่อ 11. งบประมาณที่ได้รับทั้งหมด (งบ ตชว.) : 45,998 บาท
ตารางที่ 1 ข้อมูลลักษณะประจำพันธุ์ข้าวฟ่างเมล็ด ข้าวฟ่างหวาน ข้าวฟ่างไม้กวาด และข้ลำดับ พันธุ์ ลักษณความสูง ต้น (ซม.) ขนาด ลำต้น (ซม.) อายุวัน ออก ดอก จำนวน ใบต่อต้น ความยาว ใบ (ซม.) ความ กว้างใบ (ซม.) ความยาว ก้านช่อ (ซม.) ความยาว ช่อ (ซม.) 1 กวก. สุพรรณบุรี 2 169.90 1.82 83 15 62.13 6.21 3.12 22.72 2 กวก. อู่ทอง 1 129.70 1.18 28 11 71.28 7.13 5.96 25.06 3 DA5 137.00 1.29 41 12 72.72 7.27 8.18 23.55 4 DA1 133.85 1.22 33 12 73.39 7.34 6.14 22.50 5 Hegari 301.80 1.92 74 15 70.78 7.08 2.97 22.70 6 Hegari หนัก 279.80 1.64 79 16 65.66 6.57 2.22 19.29 7 กวก. สุพรรณบุรี60 114.30 1.24 28 11 80.41 8.04 9.05 29.34 8 KU 630 120.50 1.36 31 11 86.39 8.64 8.45 29.43 9 KU 439 105.30 1.49 28 10 67.98 6.80 6.35 25.79 10 KU 804 93.75 1.50 29 10 76.77 7.68 13.80 23.80 11 KU 902 91.10 1.36 28 10 82.52 8.25 6.72 30.19 12 UT 1694 150.90 2.25 53 15 63.60 6.36 3.43 21.40 13 Sawan 272.40 1.32 47 13 59.00 5.90 12.08 24.40 14 BJ 248 281.10 1.61 43 12 58.97 5.90 11.15 16.57 15 Rio 227.60 1.67 39 13 60.68 6.07 7.50 25.13 16 มข 40 271.30 1.63 29 13 73.51 7.35 7.78 23.74 17 Keller 264.80 1.50 44 12 66.01 6.60 9.02 24.70 18 กวก. สุพรรณบุรี 1 237.80 1.50 32 11 68.74 6.87 17.07 28.88 19 Wray 236.00 1.80 44 8 78.99 7.90 9.70 26.30 20 Cowley 238.80 1.64 35 10 74.90 7.49 9.40 26.61 21 CB 23 281.20 1.51 48 10 63.32 6.33 7.51 20.75 22 CB 7 285.00 1.78 43 10 68.57 6.86 10.29 17.54 23 CB 14 277.60 1.61 48 10 59.54 5.95 14.32 20.25
61 ข้าวฟ่างพันธุ์อื่นๆ ฤดูฝนปี 2566 ณะประจำพันธุ์ หมายเหตุ ความกว้าง ช่อ (ซม) น้ำหนัก 1,000 เมล็ด (กรัม) น้ำหนัก ต่อช่อ (กรัม) ผลผลิต เมล็ดเฉลี่ย (กก./ไร่) ขนาดเมล็ด (มิลลิเมตร) ค่า บริกซ์ สีเมล็ด อายุเก็บ เกี่ยว 6.57 30.40 73.40 654.00 4.12 - ขาว 108 เมล็ด 7.60 34.20 72.30 609.60 3.61 - ขาว 53 เมล็ด 8.45 31.10 67.90 531.60 3.78 - ขาว 66 เมล็ด 9.30 25.80 63.00 567.60 3.95 - ขาว 58 เมล็ด 6.35 34.70 117.20 919.20 3.63 - ขาว 99 เมล็ด 6.34 30.10 80.60 674.40 3.65 - ขาว 104 เมล็ด 7.04 29.20 88.60 709.20 3.54 - แดง 53 เมล็ด 7.25 26.50 111.80 895.20 3.73 - แดง 56 เมล็ด 8.12 25.10 109.90 865.20 5.69 - ขาว 53 เมล็ด 7.09 32.60 113.50 810.00 3.68 - ขาว 54 เมล็ด 6.55 30.70 88.00 729.60 3.56 - แดง 53 เมล็ด 6.69 27.10 84.40 781.20 3.53 - ขาว 78 เมล็ด 4.05 18.10 19.80 218.40 2.97 19.80 น้ำตาล 72 หวาน 6.38 23.40 59.00 501.60 2.88 18.00 น้ำตาล 68 หวาน 5.62 20.90 66.40 559.20 3.16 18.80 ขาว 64 หวาน 6.50 21.90 64.80 518.40 2.83 20.40 น้ำตาล 54 หวาน 5.53 17.10 64.10 535.20 3.05 17.80 น้ำตาล 69 หวาน 5.64 16.00 52.60 334.80 2.79 19.00 น้ำตาล 57 หวาน 5.12 24.40 68.90 560.40 3.36 17.60 น้ำตาล 69 หวาน 7.17 12.10 77.70 712.80 3.38 17.80 น้ำตาล 60 หวาน 5.87 18.10 46.00 372.00 3.10 18.00 ขาว 73 หวาน 6.27 17.80 45.00 387.60 3.06 19.00 ขาว 68 หวาน 7.60 24.00 56.50 482.40 3.34 17.60 ขาว 73 หวาน 61
ตารางที่ 1 (ต่อ) ลำดับ พันธุ์ ลักษณความสูง ต้น (ซม.) ขนาด ลำต้น (ซม.) อายุวัน ออก ดอก จำนวน ใบต่อต้น ความยาว ใบ (ซม.) ความ กว้างใบ (ซม.) ความยาว ก้านช่อ (ซม.) ความยาว ช่อ (ซม.) 24 CB 5 294.20 1.50 46 10 55.28 5.53 10.98 22.35 25 พันธุ์รวงเรียว 199.40 1.35 28 15 68.55 6.86 7.17 45.85 26 พันธุ์กินรี 1 102.20 0.39 28 12 35.97 3.60 10.13 21.75 27 พันธุ์กินรี 2 108.10 0.52 28 12 38.97 3.90 11.34 22.70
62 ณะประจำพันธุ์ หมายเหตุ ความกว้าง ช่อ (ซม) น้ำหนัก 1,000 เมล็ด (กรัม) น้ำหนัก ต่อช่อ (กรัม) ผลผลิต เมล็ดเฉลี่ย (กก./ไร่) ขนาดเมล็ด (มิลลิเมตร) ค่า บริกซ์ สีเมล็ด อายุเก็บ เกี่ยว 4.87 26.20 50.30 446.40 3.43 18.80 ขาว 71 หวาน 10.65 24.80 59.30 471.60 3.40 - ดำ 53 ไม้กวาด 1.95 1.80 7.00 62.40 1.56 - น้ำตาล 53 หางกระรอก 2.55 4.50 12.40 115.20 1.35 - ดำ 53 หางกระรอก 62
63 รายงานผลการปฏิบัติงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2566 66/สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน/ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี 1. ชื่อแผนงานวิจัย วิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชไร่อื่นเพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่า 2. ชื่อโครงการวิจัย วิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชไร่เฉพาะกลุ่ม (อ้อย อาหารสัตว์ ข้าวฟ่าง) เพื่อผลผลิตและคุณค่าทางโภชนาการ 3. ชื่อกิจกรรม วิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวฟ่างเพื่อผลผลิตและคุณภาพ 4. ชื่อการทดลอง การเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรพันธุ์ข้าวฟ่างหวานเพื่อผลผลิตและคุณภาพสูง 5. ผู้ดำเนินงาน หัวหน้า สุวัฒน์ พูลพาน ผู้ร่วมงาน สมบูรณ วันดี อาภาพร หนูแดง กนกวรรณ สุขกรม ศันสนีย์ หลิมย่านกวย 6. ระยะเวลา เริ่มต้น ตุลาคม 2564 สิ้นสุด กันยายน 2566 7. รายงานความก้าวหน้า การเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรพันธุ์ข้าวฟ่างหวานเพื่อผลผลิตและคุณภาพสูง มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาพันธุ์ข้าวฟ่างหวานที่มีศักยภาพที่ให้ผลผลิตน้ำคั้นและมีความหวานสูง สำหรับขอรับรองเป็นพันธุ์ต่อไป วางแผนการทดลองแบบ RCB 3 ซ้ำ โดยใช้ข้าวฟ่างหวานจากขั้นตอนการเปรียบเทียบพันธุ์ท้องถิ่น ปี 2560 - 2561 จำนวน 4 สายพันธุ์ได้แก่ CB5 CB7 CB14 และ CB23 และ พันธุ์เปรียบเทียบ 3 พันธุ์ ได้แก่ Cowley Keller และ Wray ดำเนินการทดลอง ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 จาก การทดลอง พบว่า ไม่พบความแตกต่างกันทางสถิติของน้ำหนักสดต่อไร่ และปริมาณน้ำคั้นของข้าวฟ่างหวาน ในแต่ละสายพันธุ์มีน้ำหนักต้นสดต่อไร่ อยู่ระหว่าง 13,289 - 14,685 กิโลกรัมต่อไร่ และปริมาณน้ำคั้น อยู่ระหว่าง 3,873 - 5,553 ลิตรต่อไร่ น้ำหนัก 1,000 เมล็ดอยู่ระหว่าง 18.15 - 24.74 กรัม และค่าความหวาน ไม่แตกต่างกันทางสถิติอยู่ระหว่าง 18.40 - 20.35 องศาบริกซ์(ตารางที่ 1) 8. คำหลัก : ข้าวฟ่างหวาน การเปรียบเทียบในไร่เกษตรกร 9. ประเภทผลวิจัย : ก้าวหน้า 10. คำแนะนำผลวิจัย : พัฒนาต่อ 11. งบประมาณที่ได้รับทั้งหมด (งบ ตชว.) : 43,613 บาท
ตารางที่ 1 ผลผลิตและองค์ประกอบผลผลิตข้าวฟ่างหวาน การเปรียบเทียบในไร่เกษตรปี 2566 หมายเหตุ ในสดมภ์เดียวกันค่าเฉลี่ยที่ตามด้วยอักษรเหมือนกันไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับคns = ไม่ความแตกต่างกันทางสถิติ * = แตกต่างกันทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% กรรมวิธี จำนวนต้น เก็บเกี่ยว (ต้น/ไร่) น้ำหนัก ต้นสด (กก./ไร่) น้ำหนัก ช่อสด/ไร่ (กก.) ความสูงต้น (ซม.) เส้นผ่านศูนย์ กลางลำต้น (ซม.) ควาช่อ(ซT1 Cowley 26,889 13,289 720 bc 231.3 abc 1.03 29.T2 Keller 26,667 14,231 987d 226.0 ab 1.23 33.T3 Wray 26,178 14,658 338 a 210.1 a 1.37 20.T4 CB5 27,378 14,518 889 cd 236.2 abc 1.07 20.T5 CB7 26,667 14,451 604 b 274.7 d 1.10 25.T6 CB14 27,422 14,504 613 b 244.7 bcd 1.07 31.T7 CB23 26,889 14,453 773 bcd 258.3 cd 1.27 19.F-test ns ns * * ns C.V.(%) 5.8 11.8 16.4 6.9 7.9 1
64 กรพันธุ์ข้าวฟ่างหวานเพื่อผลผลิตและคุณภาพสูง ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ความเชื่อมั่น 95% โดยวิธี DMRT ามยาว อดอก ซม.) น้ำหนัก 1,000 เมล็ด (กรัม) ปริมาณ น้ำคั้น (ลิตร/ไร่) กาก หลังจากหีบ (กก./ไร่) ความหวาน น้ำคั้น (องศาบริกซ์) จำนวน ใบ (ใบ/ต้น) .00 bc 18.15 3,873 5,973 a 19.71 11.74 a .61 c 19.52 5,553 6,533 ab 18.40 10.72 a .14 a 18.32 4,620 7,653 ab 19.33 11.03 a .82 a 24.74 4,740 8,280 b 19.44 13.41 bc .33 ab 20.05 4,460 8,586 b 19.92 15.36 c .34 bc 20.70 4,340 5,786 a 20.35 12.33 b .81 a 20.82 4,440 8,400 b 19.04 14.74 c * ns ns * ns * 12.9 6.5 11.2 14.7 4.2 6.0 64
65 รายงานผลการปฏิบัติงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2566 66/สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน/ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี 1. แผนงานวิจัย การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชไร่เพื่อความมั่นคงทางอาหาร 2. โครงการวิจัย การวิจัยการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชโดยการประยุกต์ใช้เครื่องจักรกลการเกษตร 3. ชื่อกิจกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์งาด้วยเครื่องจักรกลการเกษตร 4. ชื่อการทดลอง ศึกษาอัตราเมล็ดพันธุ์และวิธีปลูกงาแดงพันธุ์อุบลราชธานี 2 เพื่อผลิตเมล็ด พันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับการใช้เครื่องเกี่ยวแบบวางรายในพื้นที่จังหวัดลพบุรี 5. คณะผู้ดำเนินงาน หัวหน้า ระพีพันธุ์ ชั่งใจ ผู้ร่วมงาน เฌอรัชด์พัชร เขียววิชัย มงคล ตุ่นเฮ้า นงลักษ์ ปั้นลาย 6. ระยะเวลา เริ่มต้นปี 2566 สิ้นสุดปี 2567 7. รายงานความก้าวหน้า การศึกษาวิธีปลูกและอัตราเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับการใช้เครื่องเกี่ยวแบบวางราย มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเครื่องเกี่ยวแบบวางรายมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการผลิตเมล็ดพันธุ์งา วางแผนการทดลองแบบ RCBD จำนวน 4 ซ้ำ 5 กรรมวิธี คือ 1) การปลูกโดยโรยเป็นแถว ระยะห่างระหว่างแถว 50 เซนติเมตร และใช้ อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัมต่อไร่ 2) การปลูกงาโดยใช้เครื่องปลูกติดท้ายรถแทรกเตอร์ อัตรา 1 กิโลกรัมต่อไร่ 3) การปลูกงาโดยใช้เครื่องปลูกติดท้ายรถแทรกเตอร์ อัตรา 1.5 กิโลกรัมต่อไร่ 4) การปลูกแบบหว่านโดยใช้ อัตราเมล็ดพันธุ์ อัตรา 1 กิโลกรัมต่อไร่ 5) การปลูกแบบหว่านโดยใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ 1.5 กิโลกรัมต่อไร่ (วิธี เกษตรกร) พบว่าการปลูกงาโดยใช้เครื่องปลูกติดท้ายรถแทรกเตอร์ ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ 1.5 กิโลกรัมต่อไร่ มี จำนวนผลผลิตต่อไร่สูงที่สุด และการเก็บเกี่ยวโดยใช้เครื่องเกี่ยวแบบวางรายในทุกกรรมวิธีใช้ระยะเวลาในการ เก็บเกี่ยว 0.41-0.42 ชั่วโมงต่อไร่ สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 1 ลิตร อัตราค่าจ้างเก็บเกี่ยว 150 บาทต่อไร่ ซึ่งหาก เปรียบเทียบกับการทำงานของคนเกี่ยว 1 คน ใช้เวลา 7.3 - 8 ชั่วโมงต่อไร่ โดยมีอัตราค่าจ้างเก็บเกี่ยว 550 บาท ต่อไร่ ดังนั้น เกษตรกรสามารถนำเครื่องเกี่ยวแบบวางรายไปใช้ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตงา จะสามารถทดแทน การใช้แรงงานในการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เมล็ดพันธุ์งาที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานชั้นพันธุ์จำหน่าย ลดปัญหา การขาดแคลนแรงงาน และระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว สามารถนำไปปรับใช้ในการผลิตเมล็ดพันธุ์งาเชิงพาณิชย์ เกิดความยั่งยืนและนำไปใช้ในการผลิตเมล็ดพันธุ์งาพันธุ์อื่นได้ 8. คำหลัก : เมล็ดพันธุ์งา เครื่องเกี่ยวแบบวางราย คุณภาพเมล็ดพันธุ์ 9. ประเภทผลวิจัย : ก้าวหน้า 10. คำแนะนำผลวิจัย : พัฒนาต่อ 11. งบประมาณที่ได้รับทั้งหมด (งบ ตชว.) : 39,643 บาท
66 ตารางที่ 1 ความสูงต้นงา และองค์ประกอบผลผลิตงาแดงพันธุ์ กวก. อุบลราชธานี 2 ที่ใช้วิธีปลูกและอัตรา เมล็ดพันธุ์แตกต่างกัน ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชลพบุรี ปี 2566 กรรมวิธี ความสูง (เซนติเมตร) จำนวน ฝักต่อต้น จำนวน ข้อต่อต้น จำนวนกิ่ง ต่อต้น 1. ปลูกเป็นแถว อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ 140.5 56.5 20.3 2.5 2. เครื่องปลูกติดท้ายแทรกเตอร์ อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ 144.5 55.5 20.0 2.5 3. เครื่องปลูกติดท้ายแทรกเตอร์ อัตราเมล็ดพันธุ์ 1.5 กก.ต่อไร่ 143.8 56.7 19.5 2.5 4. หว่าน อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ 141.0 51.3 18.8 2.6 5. หว่าน อัตราเมล็ดพันธุ์ 1.5 กก.ต่อไร่ 143.4 50.0 19.0 2.6 F-test ns ns ns ns CV (%) 2.20 16.42 8.92 16.06 ns = ไม่แตกต่างกันทางสถิติ ตารางที่ 2 จำนวนต้นเก็บเกี่ยว ผลผลิตเมล็ดพันธุ์ น้ำหนัก 1,000 เมล็ด และระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวงา แดงพันธุ์ กวก. อุบลราชธานี 2 ที่ใช้วิธีปลูกและอัตราเมล็ดพันธุ์แตกต่างกัน ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนา เมล็ดพันธุ์พืชลพบุรี ปี 2566 กรรมวิธี จำนวนต้น ต่อไร่ ผลผลิตเมล็ด พันธุ์(กิโลกรัม ต่อไร่) น้ำหนัก 1,000 เมล็ด (กรัม) เวลา เก็บเกี่ยว (นาทีต่อไร่) 1. ปลูกเป็นแถว อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ 72,802 c 126.8 c 3.2 42.2 2. เครื่องปลูกติดท้ายแทรกเตอร์ อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ 76,553 c 129.4 bc 3.1 42.4 3. เครื่องปลูกติดท้ายแทรกเตอร์ อัตราเมล็ดพันธุ์ 1.5 กก.ต่อไร่ 87,867 ab 140.4 a 3.3 42.4 4. หว่าน อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ 77,333 c 129.6 bc 3.2 42.2 5. หว่าน อัตราเมล็ดพันธุ์ 1.5 กก.ต่อไร่ 92,400 a 135.3 ab 3.2 41.7 F-test ** ** ns ns CV (%) 3.64 3.37 4.14 2.80 ns = ไม่แตกต่างกันทางสถิติ , ** = แตกต่างกันทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 99% 1/ตัวอักษรต่างกันในสดมภ์เดียวกันมีความแตกต่างกันทางสถิติ ตารางที่ 3 คุณภาพเมล็ดพันธุ์งาแดงพันธุ์ กวก. อุบลราชธานี 2 ที่ใช้วิธีปลูกและอัตราเมล็ดพันธุ์แตกต่างกัน ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชลพบุรี ปี 2566 กรรมวิธี % ความชื้น % ความงอก % ความบริสุทธิ์ 1. ปลูกเป็นแถว อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ 5.3 70.7 99.5 2. เครื่องปลูกติดท้ายแทรกเตอร์ อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ 5.2 71.5 99.7 3. เครื่องปลูกติดท้ายแทรกเตอร์ อัตราเมล็ดพันธุ์ 1.5 กก.ต่อไร่ 5.1 71.0 99.5 4. หว่าน อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ 5.2 71.5 99.9 5. หว่าน อัตราเมล็ดพันธุ์ 1.5 กก.ต่อไร่ 5.2 71.7 99.9 F-test ns ns ns CV (%) 3.83 3.94 0.07 ns = ไม่แตกต่างกันทางสถิติ
67 ภาพที่ 1 ต้นงาปลูกเป็นแถว อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ ภาพที่ 2 ต้นงาปลูกโดยใช้เครื่องปลูกติดท้ายแทรกเตอร์ อัตรา เมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ ภาพที่ 3 ต้นงาปลูกโดยใช้เครื่องปลูกติดท้ายแทรกเตอร์ อัตราเมล็ดพันธุ์ 1.5 กก.ต่อไร่ ภาพที่ 4 ต้นงาปลูกแบบหว่าน อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กก.ต่อไร่ ภาพที่ 5 ต้นงาปลูกแบบหว่าน อัตราเมล็ดพันธุ์ 1.5 กก.ต่อไร่ ภาพที่ 6 เก็บเกี่ยวงาด้วยเครื่องเกี่ยวแบบวางราย
68 รายงานผลการปฏิบัติงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2566 66/สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน/ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี 1. ชื่อแผนงานวิจัย วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืชเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มันสำปะหลัง อ้อย และปาล์มน้ำมัน 2. ชื่อโครงการวิจัย วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูอ้อย 3. ชื่อกิจกรรม การป้องกันกำจัดโรคเหี่ยวเน่าแดง 4. ชื่อการทดลอง ศึกษาการจำแนกเชื้อราสาเหตุโรคเหี่ยวเน่าแดง: ขั้นตอนที่ 2 การศึกษา วิธีการเก็บรักษาเชื้อรา Colletotrichum falcatum และ Fusarium moniliforme สาเหตุของโรคเหี่ยวเน่าแดงในอ้อย 5. ผู้ดำเนินงาน หัวหน้า นางสาวมัทนา วานิชย์ ผู้ร่วมงาน อุไรวรรณ พงษ์พยัคเลิศ วาสนา วันดี สุมาลี โพธิ์ทอง อาภาพร หนูแดง นพิษฐา กลัดเงิน 6. ระยะเวลา เริ่มต้น ตุลาคม 2564 สิ้นสุด กันยายน 2567 7. รายงานความก้าวหน้า การศึกษาวิธีการเก็บรักษาเชื้อรา Colletotrichum falcatum และ Fusarium moniliforme สาเหตุ ของโรคเหี่ยวเน่าแดงในอ้อย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการเก็บรักษาเชื้อ C. falcatum และ F. moniliforme สาเหตุโรคเหี่ยวเน่าแดงในอ้อยที่เหมาะสม โดยสำรวจพื้นที่ที่เคยมีการระบาดของโรคเหี่ยวเน่าแดงในจังหวัด สุพรรณบุรี ได้แก่ อำเภออู่ทอง อำเภอสองพี่น้อง และอำเภอสามชุก เก็บตัวอย่างอ้อยที่แสดงอาการเส้นกลาง ใบแดงนำมาแยกเชื้อด้วยวิธี tissue transplant และแยกเชื้อราให้บริสุทธิ์บนอาหาร PDA ตรวจสอบลักษณะ ทางสัณฐานวิทยา และทดสอบความรุนแรงของเชื้อ โดยวิธี wound plug method ในอ้อยพันธุ์ LK92-11 กวก. อู่ทอง 8 กวก. อู่ทอง 10 อีเหี่ยว และ กวก. ขอนแก่น 3 ผลการทดลอง พบว่า เชื้อรา C. falcatum และ F. moniliforme มีระดับความรุนแรงที่วัดจากอาการลุกลามของเชื้อภายในลำอ้อยไปในทิศทางเดียวกัน คือ ไอโซเลทสามชุก มีระดับความรุนแรงมากที่สุด รองลงมา คือ ไอโซเลทสองพี่น้อง และไอโซเลทอู่ทอง โดยเชื้อรา C. falcatum มีความรุนแรงมากกว่า F. moniliforme และมีปฏิกิริยาการเกิดโรคเหี่ยวเน่าแดงกับอ้อยทั้ง 5 พันธุ์ แตกต่างกันตามระดับความต้านทานของอ้อยแต่ละพันธุ์ (ตารางที่ 1 - 2) ซึ่งไอโซเลทสามชุกนี้ จะนำไป ศึกษาวิธีการเก็บรักษาที่เหมาะสม ศึกษาวิธีการเก็บรักษาเชื้อ C. falcatum และ F. moniliforme โดยวางแผนการทดลองแบบ CRD จำนวน 4 ซ้ำ 4 กรรมวิธี ประกอบ 1) เก็บในน้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ 2) เก็บใน 10 % Glycerol 3) เก็บในสภาพแห้ง บนกระดาษกรองนึ่งฆ่าเชื้อ และ 4) เก็บบนอาหาร PDA ตรวจสอบความมีชีวิตและการสร้างสปอร์หลังการ
69 เก็บรักษาที่อายุ 2 4 6 8 10 และ 12 เดือน โดยนำไปเลี้ยงบนอาหาร PDA บันทึกการเจริญเติบโตและวัด เส้นผ่านศูนย์กลางของโคโลนีขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูล (ตารางที่ 3 - 4) เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ความ แปรปรวนต่อไป 8. คำหลัก : โรคอ้อย เหี่ยวเน่าแดง Red rot wilt, Colletotrichum falcatum, Fusarium moniliforme 9. ประเภทผลวิจัย : ก้าวหน้า 10. คำแนะนำผลวิจัย : พัฒนาต่อ 11. งบประมาณที่ได้รับทั้งหมด (งบ ตชว.) : 102,850 บาท
70 ตารางที่1 การประเมินอาการลุกลามของเชื้อ Colletotrichum falcatum ในลำอ้อย และปฏิกิริยาการเกิด โรคเหี่ยวเน่าแดงในอ้อยพันธุ์อีเหี่ยว กวก.อู่ทอง 8 กวก. อู่ทอง 10 LK92-11 และ กวก. ขอนแก่น 3 ลำดับ พันธุ์ Colletotrichum falcatum อู่ทอง สองพี่น้อง สามชุก อาการลุกลาม ของเชื้อในลำ ปฏิกิริยา อาการลุกลาม ของเชื้อในลำ ปฏิกิริยา อาการลุกลาม ของเชื้อในลำ ปฏิกิริยา 1 อีเหี่ยว 2.2 MR 2.0 MR 1.0 R 2 กวก. อู่ทอง 8 2.3 MR 3.1 MS 3.7 S 3 กวก. อู่ทอง 10 2.8 MS 2.9 MS 3.5 S 4 LK92-11 2.3 MR 2.5 MS 3.5 S 5 กวก. ขอนแก่น 3 2.4 MR 2.5 MS 1.8 MR เฉลี่ย 2.5 2.8 3.1 หมายเหตุ: R = ต้านทาน (Resistant) MR = ต้านทานปานกลาง (Moderately Resistant) MS = อ่อนแอปานกลาง (Moderately susceptible) S = อ่อนแอ (susceptible) ตารางที่2 การประเมินอาการลุกลามของเชื้อ Fusarium moniliforme ในลำอ้อย และปฏิกิริยาการเกิดโรค เหี่ยวเน่าแดง ในอ้อยพันธุ์ อีเหี่ยว กวก.อู่ทอง 8 กวก. อู่ทอง 10 LK92-11 และ กวก. ขอนแก่น 3 ลำดับ พันธุ์ Fusarium moniliforme อู่ทอง สองพี่น้อง สามชุก อาการลุกลาม ของเชื้อในลำ ปฏิกิริยา อาการลุกลาม ของเชื้อในลำ ปฏิกิริยา อาการลุกลาม ของเชื้อในลำ ปฏิกิริยา 1 อีเหี่ยว 1.0 R 1.0 R 1.0 R 2 กวก. อู่ทอง 8 1.0 R 1.1 R 1.3 R 3 กวก. อู่ทอง 10 1.1 R 1.7 MR 2.6 MS 4 LK92-11 1.0 R 1.2 R 1.6 MR 5 กวก. ขอนแก่น 3 1.0 R 1.3 R 1.3 R เฉลี่ย 1.0 1.3 1.6 หมายเหตุ: R = ต้านทาน (Resistant) MR = ต้านทานปานกลาง (Moderately Resistant) MS = อ่อนแอปานกลาง (Moderately susceptible)
ตารางที่ 3 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางโคโลนี และเปอร์เซ็นต์ความมีชีวิตของเชื้อรา Colletoกรรมวิธี 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน โคโลนี (ซม.) % มีชีวิต โคโลนี (ซม.) % มีชีวิต โคโลนี (ซม.) %มีชี1. น้ำกลั่น 7.86 100 8.49 100 6.03 102. 10% Glycerol 8.86 100 8.96 100 * *3. กระดาษกรอง 8.78 100 8.78 100 8.46 984. PDA 7.85 84 8.26 100 * *หมายเหตุ * อยู่ระหว่างเก็บข้อมูล ตารางที่ 4 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางโคโลนี และเปอร์เซ็นต์ความมีชีวิตของเชื้อรา Fusariกรรมวิธี 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน โคโลนี (ซม.) % มีชีวิต โคโลนี (ซม.) % มีชีวิต โคโลนี (ซม.) %มีชีวิ1. น้ำกลั่น 7.91 100 6.21 100 7.66 102. 10% Glycerol 7.63 100 * * 7.65 103. กระดาษกรอง 7.05 100 4.03 100 7.99 104. PDA 7.48 100 * * * *หมายเหตุ * อยู่ระหว่างรอเก็บข้อมูล
71 trichum falcatum จากการเก็บรักษา 4 กรรมวิธี ที่อายุ 2 4 6 8 10 12 เดือน 8 เดือน 10 เดือน 12 เดือน % ชีวิต โคโลนี (ซม.) % มีชีวิต โคโลนี (ซม.) % มีชีวิต โคโลนี (ซม.) % มีชีวิต 00 8.71 100 6.76 100 8.15 100 * 8.94 100 7.34 100 8.36 99 .0 * * * * * * * * * * * * * ium monilifome จากการเก็บรักษา 4 กรรมวิธี ที่อายุ 2 4 6 8 10 12 เดือน 8 เดือน 10 เดือน 12 เดือน % วิต โคโลนี (ซม.) % มีชีวิต โคโลนี (ซม.) % มีชีวิต โคโลนี (ซม.) % มีชีวิต 00 8.00 100 8.20 100 7.89 100 00 7.73 100 7.11 100 7.71 100 00 * * 8.72 100 7.39 100 * * * 7.97 100 8.12 55.8 71
72 รายงานผลการปฏิบัติงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2566 66/สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน/ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี 1. ชื่อแผนงานวิจัย วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืชเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มันสำปะหลัง อ้อย และปาล์มน้ำมัน 2. ชื่อโครงการวิจัย วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูอ้อย 3. ชื่อกิจกรรม การป้องกันกำจัดด้วงหนวดยาวและจักจั่นในอ้อย 4. ชื่อการทดลอง การศึกษาประชากรจักจั่นอ้อยและปัจจัยที่มีผลต่อการระบาดในพื้นที่ปลูกอ้อย ที่สำคัญ 5. ผู้ดำเนินงาน หัวหน้า สุวัฒน์ พูลพาน ผู้ร่วมงาน อนุวัฒน์ จันทรสุวรรณ น้ำผึ้ง ชมภูเขียว อุไรวรรณ พงศ์พยัคเลิศ ไพเราะ ขวัญงาม สุรีรัตน์ ทองคำ อาภาพร หนูแดง ระยะเวลา เริ่มต้น ตุลาคม 2564 สิ้นสุด กันยายน 2567 6. รายงานความก้าวหน้า สำรวจแปลงอ้อยเกษตรกรในเขตที่มีการระบาดของจักจั่น Platypleura cespiticola Boulard และ จังหวัดใกล้เคียงกับพื้นที่ระบาด 5 จังหวัด คือ กาญจนบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรีและอ่างทอง จังหวัดละ 4 แปลง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 - กันยายน 2566 พบว่า แปลงอ้อยเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และชัยนาทไม่พบจักจั่น ส่วนแปลงอ้อยเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง พบจักจั่น ทั้งระยะไข่ ตัวอ่อน และตัวเต็มวัย โดยเฉพาะแปลงอ้อยจังหวัดสิงห์บุรีพบจักจั่นอ้อยทุกเดือนตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2565 - กันยายน 2566 ซึ่งพบระยะตัวอ่อนสูงสุดในเดือนมีนาคม ระยะไข่และตัวเต็มวัยสูงสุด ในเดือนสิงหาคม (ตารางที่ 1-5) จากการสำรวจแปลงอ้อยทุกแปลงทั้ง 5 จังหวัด ไม่พบศัตรูธรรมชาติของจักจั่นอ้อย เก็บตัวอย่างดิน แปลงอ้อย 5 จังหวัดรวม 20 แปลงเพื่อทำการวิเคราะห์ พบว่า ดินจังหวัดกาญจนบุรี มีค่า pH เป็นกลางถึงด่าง เล็กน้อยคือมีค่า 6.8 - 8.2 ค่า EC 0.07 - 0.19 dS/m เป็นดินที่ไม่มีความเค็ม ค่าอินทรียวัตถุ 0.83 - 2.44 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ดินมีอินทรียวัตถุปานกลาง ยกเว้นแปลงที่ 3 ที่มีอินทรียวัตถุค่อนข้างต่ำ ค่าฟอสฟอรัส ที่เป็นประโยชน์ 26 - 54 ppm ส่วนใหญ่มีค่าปานกลางยกเว้นแปลงที่ 1 ที่มีฟอสฟอรัสสูง ค่าโพแทสเซียม ที่แลกเปลี่ยนได้29 - 100 ppm แปลงที่ 3 และ 4 มีโพแทสเซียมต่ำกว่าแปลงอื่น ๆ คือ 66 และ 29 ppm ตามลำดับ ดินจังหวัดชัยนาท มีค่า pH เป็นกรดเล็กน้อย คือ มีค่า 6.2 - 6.7 ค่า EC 0.04 - 0.12 dS/m เป็นดินที่ไม่มีความเค็ม ค่าอินทรียวัตถุ 1.07 - 2.38 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ดินมีอินทรียวัตถุปานกลาง ยกเว้น แปลงที่ 4 ที่มีอินทรียวัตถุค่อนข้างต่ำ คือ 1.07 เปอร์เซ็นต์ ค่าฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ 17 - 55 ppm แปลงที่ 3 และ 4 มีฟอสฟอรัสต่ำ คือ 17 ppm ค่าโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ 59 - 133 ppm ส่วนใหญ่มีค่า
73 โพแทสเซียมปานกลางและสูง ยกเว้นแปลงที่ 2 มีค่าต่ำคือ 59 ppm ดินจังหวัดสิงห์บุรี มีค่า pH เป็นกรด เล็กน้อยถึงด่างเล็กน้อย คือ มีค่า 6.3 - 7.5 ค่า EC 0.06 - 0.17 dS/m เป็นดินที่ไม่มีความเค็ม ค่าอินทรียวัตถุ 1.31 - 1.76 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ดินมีอินทรียวัตถุต่ำ ยกเว้นแปลงที่ 4 ที่มีอินทรียวัตถุปานกลาง คือ 1.76 เปอร์เซ็นต์ มีค่าฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์สูง 62 - 474 ppm ค่าโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ 36 - 62 ppm ซึ่งทุกแปลงมีโพแทสเซียมที่ค่อนข้างต่ำถึงต่ำมาก ดินจังหวัดสุพรรณบุรี มีค่า pH เป็นกรดเล็กน้อยถึงด่าง เล็กน้อย คือ มีค่า 6.3 - 7.7 ค่า EC 0.08 - 0.31 dS/m เป็นดินที่ไม่มีความเค็ม ค่าอินทรียวัตถุ 1.57 - 2.43 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ดินมีอินทรียวัตถุปานกลาง ยกเว้นแปลงที่ 2 ที่มีอินทรียวัตถุค่อนข้างต่ำ คือ 1.57 เปอร์เซ็นต์ ค่าฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ 19 - 44 ppm มีฟอสฟอรัสปานกลางถึงสูงในบางแปลง ค่าโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้68 - 86 ppm ส่วนใหญ่มีโพแทสเซียมปานกลาง ยกเว้นแปลงที่ 4 มีค่าต่ำ คือ 68 ppm ดินจังหวัดอ่างทอง มีค่า pH เป็นกรดเล็กน้อยถึงด่างเล็กน้อย คือ มีค่า 6.2 - 7.5 ค่า EC 0.08 - 0.24 dS/m เป็นดินที่ไม่มีความเค็ม ค่าอินทรียวัตถุมีปานกลาง 1.82 - 2.29 เปอร์เซ็นต์ ค่าฟอสฟอรัสที่เป็น ประโยชน์ 18 - 42 ppm ส่วนใหญ่มีฟอสฟอรัสปานกลาง ยกเว้นแปลงที่ 1 มีฟอสฟอรัสที่สูง คือ 42 ppm ค่าโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ 50-113 ppm ส่วนใหญ่มีโพแทสเซียมที่สูง ยกเว้นแปลงที่ 2 มีค่าต่ำ คือ 50 ppm (ตารางที่ 6) 7. คำหลัก : อ้อย จักจั่นอ้อย Platypleura cespiticola Boulard 8. ประเภทผลวิจัย : ก้าวหน้า 9. คำแนะนำผลวิจัย : พัฒนาต่อ 10. งบประมาณที่ได้รับทั้งหมด (งบ ตชว.) : 155,699 บาท
ตารางที่ 1 ปริมาณจักจั่นอ้อย อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ และ pH ในแปลงอ้อยเกษตรกเดือน จำนวนจักจั่นอ้อย (ตัว) กลุ่มไข่ ตัวอ่อน ตัวเต็มวัย คราบตัวเต็มวัย พ.ย. 65 0 0 0 0 ธ.ค. 65 0 0 0 0 ม.ค. 66 0 0 0 0 ก.พ. 66 0 0 0 0 มี.ค. 66 0 0 0 0 เม.ย. 66 0 0.18 0 0 พ.ค. 66 0.10 0.25 0.10 0 มิ.ย. 66 0.15 0 0.08 0 ก.ค. 66 0.08 0 0 0 ส.ค. 66 0.03 0 0 0 ก.ย. 66 0.08 0 0 0 เฉลี่ย 0.04 0.04 0.02 0.00
74 กร จ.สุพรรณบุรี ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 - กันยายน 2566 อุณหภูมิ (°C) ความชื้นสัมพัทธ์ (%) pH ดิน อากาศ ดิน อากาศ 31.70 33.88 83.25 65.70 7.00 29.60 31.40 71.00 48.33 7.00 28.10 31.25 64.33 38.55 7.00 31.88 34.83 67.35 36.43 7.00 35.98 37.38 68.90 53.78 7.00 35.65 37.43 77.98 54.85 6.83 36.88 39.48 78.75 48.23 6.68 37.03 36.85 77.00 61.38 6.55 36.53 35.90 65.68 56.03 6.85 40.23 37.40 60.53 53.75 6.90 33.90 34.33 80.98 65.68 6.78 34.31 35.46 72.34 52.97 6.87 7 4
ตารางที่ 2 ปริมาณจักจั่นอ้อย อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ และ pH ในแปลงอ้อยเกษตรกเดือน จำนวนจักจั่นอ้อย (ตัว) กลุ่มไข่ ตัวอ่อน ตัวเต็มวัย คราบตัวเต็มวัย พ.ย. 65 0 0 0 0 ธ.ค. 65 0 0 0 0 ม.ค. 66 0 0 0 0 ก.พ. 66 0 0 0 0 มี.ค. 66 0 0 0 0 เม.ย. 66 0 0.28 0.08 0 พ.ค. 66 0.15 0.08 0.13 0 มิ.ย. 66 0 0 0 0 ก.ค. 66 0 0 0 0 ส.ค. 66 0 0 0 0 ก.ย. 66 0 0 0 0 เฉลี่ย 0.01 0.03 0.02 0.00
75 กร จ.อ่างทอง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 - กันยายน 2566 อุณหภูมิ (°C) ความชื้นสัมพัทธ์ (%) pH ดิน อากาศ ดิน อากาศ 30.28 33.00 89.93 71.85 7.00 30.30 32.43 60.93 48.28 7.00 24.58 27.23 76.23 36.55 7.00 29.25 33.13 59.03 35.83 7.00 33.88 35.38 73.78 56.33 7.00 33.08 35.85 84.18 56.10 6.88 37.33 39.53 71.40 44.00 6.90 35.78 36.53 73.18 55.60 6.90 35.88 36.43 68.08 53.53 6.73 33.73 34.58 57.40 56.10 6.90 39.60 35.85 73.43 58.75 6.65 33.06 34.54 71.59 52.08 6.90 7 5
ตารางที่ 3 ปริมาณจักจั่นอ้อย อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ และ pH ในแปลงอ้อยเกษตรกเดือน จำนวนจักจั่นอ้อย (ตัว) กลุ่มไข่ ตัวอ่อน ตัวเต็มวัย คราบตัวเต็มวัย พ.ย. 65 0 1.05 0 0 ธ.ค. 65 0 1.78 0 0 ม.ค. 66 0 2.20 0 0 ก.พ. 66 0 2.95 0 0 มี.ค. 66 0 3.70 0 0 เม.ย. 66 0 1.83 0.10 0 พ.ค. 66 0 2.68 0.10 0 มิ.ย. 66 0.15 1.60 0.13 0 ก.ค. 66 0 1.83 0.13 0 ส.ค. 66 0.28 0 0.15 1.40 ก.ย. 66 0.13 0.03 0 3.20 เฉลี่ย 0.05 1.78 0.05 0.42
76 กร จ.สิงห์บุรี ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 - กันยายน 2566 อุณหภูมิ (°C) ความชื้นสัมพัทธ์ (%) pH ดิน อากาศ ดิน อากาศ 32.48 34.10 86.73 69.70 7.00 28.85 30.48 72.15 59.65 7.00 26.60 30.73 77.18 46.50 7.00 32.78 35.48 65.33 34.05 7.00 36.20 38.95 70.50 43.95 7.00 35.68 37.33 81.00 52.95 5.80 37.85 38.95 82.00 55.40 5.88 37.30 37.33 72.05 56.80 6.50 38.43 37.33 68.15 51.25 6.75 34.03 35.93 68.00 54.93 6.88 31.45 35.60 76.75 59.03 6.95 33.78 35.65 74.53 53.11 6.70 7 6