The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

IS-อธิบายรายวิชา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อัญชลี อุปกรณ์, 2021-06-04 02:07:18

IS-อธิบายรายวิชา

IS-อธิบายรายวิชา

โดย ครอู ญั ชลี อุปกรณ์ ผ้เู รยี บเรียงและสอน
โรงเรยี นสระบุรวี ทิ ยาคม



“Independent Study : IS”

เปน็ การที่ผเู้ รยี นไดศ้ กึ ษาค้นควา้ ด้วยตนเอง เป็นวิธกี ารท่มี ปี ระสิทธภิ าพใน
การพัฒนาผเู้ รยี น เพราะเปน็ การเปดิ โลกกว้างใหผ้ เู้ รียนได้ศึกษาคน้ ควา้ อย่างอสิ ระใน
เร่ืองหรอื ประเดน็ ทต่ี นสนใจ เริ่มต้ังแต่การกาหนดประเดน็ ปัญหา และดาเนินการ
ค้นควา้ แสวงหาความรู้จากแหลง่ ขอ้ มูลท่หี ลากหลาย มกี ารวิเคราะห์ สงั เคราะห์
การอภิปรายแลกเปลีย่ นความคดิ เหน็ เพอ่ื นาไปสกู่ ารสรุปองคค์ วามรู้ จากน้ันก็หา
วธิ กี ารทเี่ หมาะสมในการสอื่ สารนาเสนอใหผ้ ู้อ่ืนได้รับทราบ และสามารถนาความร้ทู ไี่ ด้
จากการศกึ ษาคน้ คว้าไปทาประโยชนแ์ กส่ าธารณะ ซึ่งส่งิ เหล่านเ้ี ปน็ กระบวนการท่ี
เชอื่ มโยงต่อเนอื่ งกนั ตลอดแนว

ม.3
ม.2 เทอม 2

ม.2 เทอม 1

คาอธิบายรายวิชา
I 20201 การศึกษาคน้ คว้าและสร้างองคค์ วามรู้ : IS 1

ศกึ ษา วิเคราะห์ ฝกึ ทกั ษะ ตงั้ ประเดน็ ปัญหา /ตั้งคาถาม ในเรือ่ งท่สี นใจโดยเร่ิมจากตนเอง เชอ่ื มโยงกับชมุ ชน ทอ้ งถน่ิ และ
ประเทศ ตง้ั สมมติฐานและใหเ้ หตผุ ลโดยใช้ความรจู้ ากศาสตรส์ าขาตา่ งๆ คน้ ควา้ แสวงหาความร้เู กยี่ วกับสมมตฐิ านทีต่ ้ังไว้จากแหลง่
เรยี นรูท้ ่ีหลากหลาย ออกแบบวางแผนรวบรวมข้อมลู วเิ คราะห์ข้อมลู โดยใชว้ ธิ กี ารทเ่ี หมาะสม ทางานบรรลผุ ลตามเป้าหมายภายใน
กรอบการดาเนินงานทก่ี าหนด โดยการกากับดูแล ชว่ ยเหลอื ของครูอยา่ งตอ่ เนอื่ ง สังเคราะหส์ รปุ องคค์ วามรู้ และรว่ มกนั เสนอแนวคิด
วิธแี ก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ระบบ ด้วยกระบวนการคดิ กระบวนการสบื คน้ ข้อมลู กระบวนการแกป้ ัญหาอยา่ งเปน็ ระบบ โดยการปฏิบัติ
เป็นรายบคุ คลหรอื กลมุ่ เพ่ือให้เกดิ ทกั ษะในการคน้ คว้าแสวงหาความรู้ เปรยี บเทยี บเช่ือมโยงองคค์ วามรู้ สังเคราะห์ สรปุ อภิปราย
เพอื่ ใหเ้ หน็ ประโยชน์และคณุ คา่ ของการศึกษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง

ผลการเรียนรู้
1. ตั้งประเด็นปัญหาโดยเลือกประเดน็ ทส่ี นใจเริม่ จากตนเอง ชุมชนท้องถน่ิ และประเทศ
2. ตั้งสมมติฐานประเด็นปัญหาท่ตี นเองสนใจ
3. ออกแบบ วางแผน กาหนดขอบเขต ลาดบั ข้ันตอนในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
4. ศกึ ษา คน้ ควา้ แสวงหาความรู้เกย่ี วกบั ประเดน็ ท่ีเลือกจากแหล่งเรยี นร้ทู หี่ ลากหลาย และระบุแหล่งทมี่ าของขอ้ มูลไดถ้ ูกต้อง
5. ตรวจสอบความน่าเชอื่ ถอื ของแหล่งท่มี าของขอ้ มลู
6. จัดกระทาข้อมลู แปลความหมาย และวเิ คราะห์ข้อค้นพบดว้ ยสถติ ทิ ่เี หมาะสม
7. สงั เคราะห์ สรปุ องคค์ วามรู้ ด้วยกระบวนการกลมุ่
8. เสนอแนวคิด การแกป้ ญั หาอย่างเป็นระบบ ดว้ ยองค์ความร้จู ากการค้นพบดว้ ยตนเองหรอื กลุ่ม
9. บอกประโยชนแ์ ละคุณคา่ ของการศกึ ษาค้นควา้ ด้วยตนเอง

การจดั เรียงเน้อื หาของ IS

ส่วนที่ 1 บทที่ 1 เนอ้ื หาสว่ นบทนา
ส่วนท่ี 2 บทที่ 2 เน้ือหาสว่ นแนวคิดและทฤษฎที ี่เกี่ยวขอ้ ง
ส่วนท่ี 3 บทที่ 3 เนื้อหาสว่ นระเบียบวธิ วี จิ ัย
ส่วนท่ี 4 บทที่ 4 เนอ้ื หาส่วนของผลการศึกษา
ส่วนที่ 5 บทที่ 5 เนื้อหาสว่ นสรุปและอภปิ รายผล

การจดั เรียงเนือ้ หาของ IS

1. เน้ือหาส่วนบทนา หรือ บทท่ี 1

จะมจี ดุ ประสงค์เพื่อแสดงเป้าหมายของการศึกษาคน้ ควา้ ในครัง้ นน้ั และความเป็นไปได้ของ
การศกึ ษาเป็นสาคัญ ซึ่งโดยสว่ นมากจะประกอบดว้ ย

1.1 ทม่ี าและความสาคญั
1.2 ปัญหาของการศกึ ษา
1.3 วตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษา
1.4 สมมตุ ฐิ านของการศึกษา
1.5 ขอบเขตของการศึกษา
1.6 นยิ ามศพั ท์เฉพาะ
1.7 กรอบแนวคดิ ของการศึกษา

2. เนื้อหาส่วนแนวคดิ และทฤษฎีท่ีเกีย่ วข้อง หรือ บทที่ 2

เป็นการนาเสนอทฤษฎี เนอื้ หาที่เกี่ยวขอ้ งกับประเดน็ ท่ตี อ้ งการศกึ ษา
โดยอ้างอิงจากประเดน็ ที่เกี่ยวข้องกบั วัตถุประสงคท์ ่ตี ้งั ไวท้ งั้ หมด ทัง้ น้กี ารนาการศึกษาในอดตี
มาอา้ งองิ หรือมาศกึ ษานั้น ควรมีอายุของขอ้ มูลการศึกษาไมม่ ากกว่า 5 ปี เนอ่ื งจากยงั เป็น
การศึกษาทีท่ นั สมัยและเป็นปจั จบุ ัน

3. เนือ้ หาสว่ นระเบียบวิธวี จิ ยั หรอื บทท่ี 3

จะกลา่ วถึงรูปแบบ กระบวนการในการศกึ ษา การประมวลผล และการวเิ คราะหข์ อ้ มลู
โดยนิยมจดั รูปแบบการนาเสนอของสว่ นท่ีสามนีอ้ อกเป็นส่สี ว่ น ไดแ้ ก่

3.1 ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง
3.2 เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการเก็บขอ้ มลู

เพื่อจดั เก็บขอ้ มลู จากกลมุ่ ตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ แบบสอบถาม การสมั ภาษณ์ และการสงั เกต

3.3 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
3.4 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ซง่ึ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู หมายถงึ การกาหนดรูปแบบการ
วเิ คราะห์ และแจกแจงขอ้ มลู ท่ีตอ้ งการใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มลู ท่ีเก็บไดจ้ ากกลมุ่ ตวั อยา่ ง
ซง่ึ นอกจากจะเป็นการแจกแจงเพ่ือแสดงชดุ ขอ้ มลู เช่นแปลงอยใู่ นรูปของคา่ เฉล่ีย

4. เน้อื หาส่วนของผลการศกึ ษา หรอื บทท่ี 4

ส่วนของผลการศึกษาน้ี คือการนาชดุ ขอ้ มลู ทีไ่ ด้จากการเก็บข้อมลู จากกลมุ่ ตัวอย่างมา
ประมวลผลดว้ ยการวเิ คราะหแ์ ละแจกแจงขอ้ มูลท่กี าหนดไว้ ผ่านขอ้ มูลเชงิ สถติ ใิ นการศึกษาแบบ
ปริมาณ หรอื การวิเคราะห์ในกรณีเป็นการศึกษาแบบคณุ ภาพ เพอ่ื แสดงให้เห็นถงึ คาตอบที่
สามารถเปน็ ไปได้ของชุดข้อมูลจากกลุ่มประชากร

5. เนอื้ หาส่วนสรุปและอภปิ รายผล หรือ บทที่ 5

หลังจากได้ผลการศกึ ษาจากสว่ นท4่ี แล้ว
ในสว่ นท5ี่ จะนาผลการศกึ ษามาสรปุ และแจกแจงตามวตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษาท่ไี ด้ตง้ั ไว้
พรอ้ มกบั นาผลการศกึ ษาดงั กล่าวน้ันมาตอบปัญหาของการศึกษาโดยในสว่ นของการสรุปนนั้ จะนา
ผลการศกึ ษาจริงมาเปรียบเทียบกบั “สมมุติฐานของการศกึ ษา” ท่ไี ด้ตงั้ ไวเ้ พ่อื วิเคราะห์วา่ ผล
การศกึ ษาจรงิ นนั้ ตรงกบั สมมุตฐิ านทไ่ี ด้ต้ังไวห้ รือไม่ หลังจากน้นั ในส่วนของการอภิปรายผลจึงนา
ผลการศกึ ษาดงั กลา่ วมาอภิปรายตอ่ ไปถงึ สาเหตุทเี่ กิดผลดังกลา่ ว ซ่งึ การอภปิ รายน้ันอาจจะอ้างองิ
จากแนวคิด ทฤษฎี เหตุการณ์จรงิ หรอื งานศึกษาในอดีตก็ได้


Click to View FlipBook Version