1
วิ่ง วน เหวีย่ ง วาง วา่ ง
2
อปุ สรรคในการปฏิบตั ิ โดยรวมก็อยใู่ น นิวรณ์๕ เป็น
เรื่องที่พระพุทธเจา้ เคยกลา่ วไว้ มากกวา่ สองพนั กวา่ ปี
พระองคย์ งิ่ ใหญ่มาก พระองคเ์ ห็นท้งั หมด ก็เลยกาหนด
ขอบเขตวา่ เราจะพบอะไรบา้ ง ในการปฏิบตั ิ เป็นเกร็ดเลก็
เกร็ดนอ้ ย ท่ีไมเ่ หมือนกนั แตร่ วมแลว้ กอ็ ยใู่ นเรื่องของ
นิวรณ์๕ ส่ิงขวางก้นั ทางเดินของจิต
นิวรณ์เกิดข้ึนจากกรรม ท่ีเราฝึกตวั เรา ใหเ้ ป็นคนมีนิสยั
เช่นไร ยกตวั อยา่ ง เราเป็นคนชอบคิด คิดวิเคราะห์แบบ
วิทยาศาสตร์ เราก็มีกิเลส ในเร่ืองอยากหาคาตอบ ตวั อยากหา
คาตอบ อยากกค็ ือ ท่ีมาของทกุ ข์ มนั กส็ ร้างนิวรณ์ ทาใหเ้ รา
ลงั เลสงสยั พอทาไม่ได้ เอ๊ะ…คนอื่นเคา้ ทาได้ แลว้ เรายงั ไมไ่ ด้
ทาไม? พอเขา้ ไปในจิตไดแ้ ลว้ เอ๊ะ…มนั ไมย่ อมหยดุ ทาไม?
ร้อนกอ็ า้ ง เยน็ กอ็ า้ ง นี่คือ เป็นความปกติ ชีวติ เราทุกข์
เพราะส่ิงน้ี สิ่งน้ีทาใหเ้ ราทกุ ข์ ความลงั เลสงสยั ความกงั วล
ความห่วงใย ความง่วงเหงา หาวนอน ปฏิบตั ิไมไ่ ดเ้ ลย ก็
เป็ นปัญหา
แนวทางที่ศนู ยพ์ ลาญขอ่ ย กค็ ือไมม่ ีแนวทาง เพียงแต่วา่
มีคาหน่ึง ที่พอ่ ครูฝากใหเ้ รา คือ เหว่ียงทิง้
3
คาวา่ เหวีย่ งทิง้ ไม่ใช่ชื่อเรียก บางคนบอกวา่ สมาธิ
เหวีย่ ง มนั คือภาษา เราไปคุน้ เคยวา่ เราตอ้ งมชี ื่อเรียก เราไมร่ ู้
วา่ จะไปปฏิบตั ิแนวไหน พอไปเรียกสมาธิเหวี่ยง ก็เลย
กลายเป็นวา่ มนั ช่ือวา่ สมาธิเหวี่ยง ทีน้ี กไ็ ปลงรายละเอียด
แลว้ วา่ เหวย่ี งแบบไหน เราก็ไปติดท่ีวธิ ีการ วธิ ีตอ้ งมี
ขบวนการของมนั มี step by step
แต่ส่ิงท่ีเราทาอยู่ มนั ไมม่ ีวิธี ทุกคนทาเอง เราไมไ่ ดไ้ ป
กา้ วลว่ ง กา้ วกา่ ย ในรายละเอียดวา่ ทุกคนตอ้ งทาอยา่ งไร แต่
ถา้ ทุกคนจาคาวา่ เหวี่ยงทิง้ เหวย่ี งทงิ้ ไมใ่ ช่เหวย่ี งอารมณ์
น้นั ทิ้ง ไม่ใช่เหวี่ยง สิ่งที่เราเห็นทิง้ เหวี่ยงความเจบ็ ปวดทิง้
เหวยี่ งความสุขทิ้ง เหวยี่ งความทกุ ขท์ ิง้ เหวย่ี งทิง้ มนั เตือน
เราว่า ให้เหวย่ี งความยึดม่ัน ถือมน่ั ที่เราจะไปหลงมันทิง้
เตือนเราว่าอย่าไปติดมนั
เหวย่ี งไปเร่ือยๆ บงั เอญิ มนั มีอาการหมุนวน เคา้ เรียกวา่
เหมือนแรงเหวีย่ ง พลงั งานทุกอยา่ ง ตอ้ งหมนุ เฮลิคอปเตอร์
ถา้ หมุนเบาๆ กเ็ หาะข้ึนไม่ได้ แต่เมื่อ เร่งสปี ดความเร็ว มนั
แรงข้ึน แรงเหวย่ี งน้นั จะทาลายสนามแม่เหลก็ มนั กท็ าใหเ้ รา
อิสระจากแรงดึงดูด กส็ ามารถเหาะข้ึนได้ เราสร้างแรงเหวยี่ ง
4
ใหก้ บั จิต แลว้ เอาพลงั แรงเหวี่ยง ตรงน้ีมาเหวย่ี ง ท่ีเราเอะ๊ ..
อะไรนะ พอเราเอ๊ะ..อะไรนะ เราเหวีย่ งตวั เอะ๊ ไมใ่ ช่เหวีย่ ง
อะไร ไมใ่ ช่ตวั เหวี่ยง ตวั อะไรที่มนั เกิดข้ึน เหวีย่ งไอตวั เอะ๊
ทิ้ง ไม่อยา่ งน้นั เราขา้ มนิวรณ์ไม่ได้
เราไม่ไดส้ ูก้ บั อยา่ งอ่ืน เราก็สูก้ บั ส่ิงน้ี ท่ีเราปลกู ฝังตวั
เรามา ไม่ใช่เรื่องชาติเดียว เราปลกู ฝังอนุสัยน้ี มาหลายชาติ
แลว้ แลว้ ก็บวกกบั กิเลสใหมใ่ นชาติน้ี ของเก่า บวกของใหม่
มนั ก็สร้างนิวรณ์ข้ึน เด็กบา้ นนอก พอ่ ครูเคยจบั เขา้ ค่าย หรือ
คนชนบท เคา้ ไมค่ อ่ ย มีความลงั เลสงสัย เคา้ ไมค่ ิด เคา้ ไม่เคย
ฝึกวิธีคิด เคา้ ตรงเลย เคา้ เหวย่ี งเขา้ ไป ในจิตงา่ ยมาก แตเ่ คา้ กม็ ี
อุปสรรคอยา่ งหน่ึง คือ ชีวิตเคา้ ยงั ตอ้ งอยู่ กบั การทามาหากิน
ฆา่ สตั วท์ ุกวนั เหวี่ยงเขา้ ไปแลว้ กจ็ ะเจอปัญหาเร่ืองกายภาพ
เร่ืองเจบ็ ปวด
คนเราเจออปุ สรรค ไมเ่ หมือนกนั แต่อุปสรรคต่างๆ
ไม่ไดเ้ กิดข้ึนมาลอยๆ ทกุ คนตอ้ งไมเ่ หมือนกนั เพราะเราสร้าง
เงื่อนไขใหก้ บั ตวั เองมา ไมเ่ หมือนกนั สะสมมาหลายชาติ
บวกกบั ชาติปัจจุบนั เราสะสมท้งั บุญท้งั บาปมา กไ็ ม่
เหมือนกนั เราตอ้ งรับวบิ าก ไมเ่ หมือนกนั แตอ่ ยา่ งไรกช็ ่าง
5
เราแบง่ เป็น สองส่วน ฝ่ ายบวก กบั ฝ่ ายลบ มนั มีของคู่ บวกก็
เหวยี่ งทิ้ง ลบก็เหวย่ี งทงิ้ คืออยา่ ไปติดมนั แตไ่ ม่ปฏิเสธบวก
ไม่ปฏิเสธลบ ปลอ่ ยใหแ้ สดงออกมา
คาว่า เหว่ียงทิง้ คือ เตือนเราว่า สักแต่ว่ารู้..สักแต่ว่าเห็น
แต่ของเรา ไมส่ ักแต่วา่ เห็นป๊ บุ ..เอ๊ะ.. มนั คืออะไร ไอต้ วั ..เอะ๊ ..
น่ีแหละ มนั มาจาก ความอยาก
ตัณหา คือ ที่มาของทุกข์ ก็สร้างนิวรณ์ข้ึนมา ทีน้ีมนั ก็
ดึงชกั กะเยอ่ จิตก็จะไป ความคิดลงั เล กด็ ึงมา ดึงกนั ไป ดึงกนั
มาอยา่ งน้ี ไม่ใช่เรื่องผดิ อีก แต่เป็นกรรมของเรา ไมเ่ ก่ียวกบั วิธี
ถูกหรือวิธีผิด ไม่ใช่เกี่ยวกบั เราวางไม่ลง แต่เรากต็ อ้ งยง่ิ
มงุ่ มนั่ ปฏิบตั ิตอ่ ไปเรื่อยๆ กเ็ หมอื นเรา ไม่เคยจบั ปื นเลย อยๆู่
เคา้ ใหเ้ รา ไปแข่งยงิ ปื น แมก้ ระท้งั กดไก เรากย็ งั ไมเ่ ป็นเลย
เราเร่ิมตน้ จากเราฝึก ฝึก ฝึก หลงั จากยงิ เป้านิ่ง คุน้ เคยกบั ปื น
แลว้ ทีน้ีตอ้ งยงิ เป้าบิน เห็นไหม เพราะเป้าบิน มนั เร็วมาก
เกิดข้ึน ทิศไหนกไ็ มร่ ู้ ไมบ่ อกเราล่วงหนา้ เห็นป๊ ุบ ตอ้ งยงิ เลย
ชีวิตเรา คือ เป้าบิน ไม่ใช่เป้าน่ิง ที่เราฝึ กสมถะ
กรรมฐาน กเ็ หมือนเราฝึ กเป้าน่ิง ไม่ใช่ผิดนะ เป็นอบุ ายวิธีที่
6
ทาให้เรา จดจ่ออย่ทู ี่จดุ ใดจุดหน่ึง สร้างอินทรีย์พละ ในเร่ือง
สมาธิ เร่ืองสติ เพื่อให้เราไม่คิด เพราะเราคิดตลอด
ต่ืนเช้ามา กค็ ิด คิดแล้วกพ็ ดู แล้วก็ สร้างวจีกรรม
มโนกรรม กายกรรม ทาให้เรา ว้าว่นุ สับสน ไม่สงบ เรากเ็ ลย
ไปฝึ กสมาธิ เพ่ือกดมนั ไว้ ใช้อบุ ายให้จิตมที ี่ยึด..อย่าไปคิด
เม่ือมนั เลิกคิด มนั กว็ างความคิด กเ็ กิดความว่าง แต่เป็นความ
ว่างช่ัวครู่ ไม่ใช่ ความว่างถาวร
ความว่างถาวร ต้องเข้าไปสู่ สุญตา ทกุ วนั นี้ เราว่างจาก
ความคิด กิเลสมนั กย็ งั อยู่ แต่ตอนนน้ั เรามพี ลงั สมาธิมาก
เรากห็ นี เข้าไปอย่ใู นฌาน ติดสุขในฌาน เพราะตอนนน้ั
อารมณ์ต่างๆ จะไม่กระทบเรา เราคิดว่าเราว่าง ถ้าอย่ตู รงน้ัน
นานนาน กไ็ ด้แค่พกั ผ่อนชั่วครู่ แค่ไม่ทกุ ข์ แต่ไม่พ้นทุกข์
หลวงพ่อชา เตือนบ่อยบอ่ ย วา่ มวั แตถ่ ือศีล นงั่ สมาธิ
มนั จะไปไหน ฟังแลว้ น่ากลวั ถือศีล ก็ดีอยแู่ ลว้ นงั่ สมาธิ กด็ ี
อยแู่ ลว้ ทา่ นไม่ไดบ้ อกวา่ ไมด่ ี ทา่ นบอกวา่ มนั จะไปไหน
มนั ก็อยตู่ รงน้นั ไปกดไว้ เหมือนหินทบั หญา้ เราไมส่ งบ เรา
วา้ วนุ่ เรากไ็ ปทาสมาธิ กดใหม้ นั สงบ มนั กส็ งบชวั่ ครู่ ในเวลา
7
น้นั เราไมท่ ุกข์ แต่พอเราเลิกกดป๊ ุบ มนั กว็ ีนอีก เพราะเช้ือท่ีทา
ใหเ้ ราไม่สงบ มนั ยงั อยู่
วปิ ัสสนา เป้าหมายสูงสุด คือ ทาใหเ้ รา เขา้ ไปสัมผสั
เร่ืองอนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา เกิดปัญญาสูงสุด รู้วา่ ทกุ อยา่ งไม่
เท่ียง เป็นทุกข์ เพราะมนั ดารงอยไู่ ดย้ าก มนั เกิดข้ึน ต้งั อยู่
สลาย เพราะมนั เป็นอนตั ตา
เม่ือจิตปัจจุบนั เขา้ ไปสมั ผสั ตรงน้นั จริงๆแลว้ มนั
ยอมรับโดยดุษฎีวา่ ทกุ อยา่ งเป็น อนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา
จิตปัจจุบนั กจ็ างคลายความยดึ มนั่ ถือมน่ั กบั ท่ีเราหลง น่ีคือ
เป้าหมายสูงสุด ท่ีเราฝึกจิตใหเ้ กิดวปิ ัสสนา
ใหเ้ ราเกิดวชิ ชา เกิดปัญญาข้ึน ปัญญารู้แจง้ วา่ ตน้ เหตุ
คือมี อวชิ ชา คือ มีความรู้ผิด มีกิเลส ตณั หา อุปาทาน เรา
รู้เท่าทนั แลว้ ก็ท่ีวา่ ขดั เกลาจิตใหผ้ อ่ งใส ทาไม มนั ไม่ผอ่ งใส
กม็ นั เกลือกกล้วั ดว้ ย กิเลส ตณั หา อุปาทาน กระแสกรรม
ในน้นั เราก็ลา้ งออก ไปเรื่อย..เรื่อย เพียงแต่วา่ อยา่ ใจร้อน อยา่
ไปคิดแบบตรรกะ วา่ จะเรียนก่ีปี จบปริญญาไหน
เร่ืองจิตวิญญาณ ไมใ่ ช่อยา่ งน้นั อยา่ ไปกาหนด มนั ถึง
เวลาแลว้ เคา้ จดั สรรตวั เคา้ เอง ถึงเราจะบรรลุธรรมแลว้ เวลาท่ี
8
เหลือทาอะไร เราจะนง่ั เฉยๆไมท่ าอะไรหรือ ก็ไม่ใช่ เจา้ ชาย
สิทธตั ถะ ในวนั วิสาขบูชาพระองคต์ รัสรู้ธรรม เป็นพระ
สัมมาสมั พทุ ธเจา้ แลว้ พระองคอ์ ยเู่ หนือบญุ บาปแลว้ ไมต่ อ้ ง
สร้างบารมีอีกแลว้ แตพ่ ระองค์ ยงั สร้างศาสนาข้ึนมา
เผยแพร่อีกส่ีสิบหา้ พรรษา ทาเพราะธรรม
ในช่วงน้นั ไมต่ อ้ งเจริญมรรค แตช่ ีวิตท่ีเหลือพระองค์
อยใู่ นมรรค ในทางตลอด อยากไปนิพพาน เน่ืองจากความ
อยากนี่มนั ไปไม่ได้ อาบน้าเพราะอาบน้า ไมใ่ ช่ร้อนถึงอาบ
ไม่ใช่เป้ื อนถึงอาบ อาบเพราะอาบ ทาเพราะธรรม เพยี งแต่วา่
แนวท่ีเราทาโดยเฉพาะสังคมไทย เราไม่ค่อยคุน้ เคย มนั
เหมือนสิ่งใหม่ เหมือนแปลก จริงแลว้ ไมใ่ ช่ส่ิงใหมห่ รอก มนั
มีอยแู่ ลว้ ตามธรรมชาติ
ในแง่ทางโลกเหมือนกนั ถา้ สมยั ในอดีตเอาเป็นวา่ ส่ีสิบ
ปี ที่แลว้ ไมต่ อ้ งนาน สงั คมโลกก็ไมใ่ ช่อยา่ งน้ี ประเทศไทยก็
อยอู่ ยา่ งวิถีไทย เรานุ่งผา้ ถุง นุ่งโจงกระเบน ทางตะวนั ตกเคา้
เป็นคาวบอย ตา่ งคนตา่ งอยู่ แต่ตอนน้ี เนื่องจากความเจริญ
ทางดา้ นเทคโนโลยี และความคิดแบบ เหมือนเคา้ จะรวมเป็น
หน่ึงเดียว รวมโลกเป็นหน่ึงเดียว เคา้ ก็สร้างโปรแกรมหน่ึง
9
บงั คบั ใหท้ ุกคน ดารงชีวิตรูปแบบเหมือนกนั พยายามจะยดั
เยยี ดความคิด ใหท้ ุกคนดารงชีวิตเหมือนๆกนั มนั กเ็ ลยเกิดการ
ขดั แยง้ ข้ึน เพราะทกุ คน มีที่มาท่ีไป เร่ิมตน้ เกิดข้ึนมา ก็ไม่
เหมือนกนั ไอคิวกไ็ ม่เหมือนกนั โดยเฉพาะคาวา่ ทนุ นิยม
ใครเกิดมา พ่อแม่มีเงินมากมาย ก็ไดเ้ ปรียบ
ทุนนิยม ใครมีทนุ มากกวา่ คนน้นั ตอ้ งไดเ้ ปรียบ ลงทุน
ไดด้ อกเบ้ีย อีกคนหน่ึง จะลงทนุ เสียดอกเบ้ีย เริ่มตน้ ก็ตน้ ทนุ
มนั กส็ ูงกวา่ แลว้ จะไปแข่งขนั กนั ไดอ้ ยา่ งไร น่ีพอ่ ครูช้ีให้
เรื่องทางโลก แต่จริงแลว้ มนั ไมไ่ ดแ้ ยกทางโลก ทางธรรม
ทางโลก กม็ ีโลกธรรมแปด ก็เป็นส่วนหน่ึงของธรรมะ อีกกี่
ลา้ นปี ใคร ก็เปลี่ยนไมไ่ ด้ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มี
สรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทกุ ข์ ตอนน้ี ถา้ เราฆา่ คนชว่ั
ท้งั หมดเลย คิดวา่ มนั จะหมดหรือ..ไม่..มนั กม็ ีอีก อีกกี่ลา้ นปี
มนั กม็ ีอีก มนั เป็นไปตามกรรม ถา้ เราเขา้ ใจเร่ืองน้ี มนุษยเ์ รา
ไมต่ อ้ งทะเลาะกนั ไมใ่ ช่ไมท่ ะเลาะกนั เฉยๆนะ เราจะมี
ส่วนเกินมหาศาล ไปแบ่งปัน
เรารู้หรือเปลา่ วา่ ตวั เราเป็นใคร? ถา้ คนคนหน่ึงไมร่ ู้วา่
ตวั เองเป็นใคร? ไมร่ ู้วา่ ชีวติ คืออะไร? เราจะเผลอไปทาถกู ทา
10
ผดิ ท้งั หมด คือ เราไมร่ ู้เราเป็นใคร ท่ีเรามาฝึกเชา้ สาย บา่ ย
เยน็ ไมใ่ ช่เรียน
คาวา่ ฝึ กปฏิบตั ิ เรากาลงั ปฏิบตั ิ เพอื่ ใหเ้ รารู้วา่ เราเป็น
ใคร โดยใชอ้ ิริยาบถตา่ งๆ การเคล่ือนไหวก็ดี เสียงก็ดี ช่วง
ตอนสายยนื เดิน นงั่ นอน ไม่มีเสียง ช่วงกลางคืน เราเตน้
นานาจิตตงั เสียงดงั มาก เร็วมาก ช่วงตอนเชา้ มีหา้ อารมณ์
ฝึกตายก่อนตายดว้ ย
เอาเป็นว่า การฝึ กจิตคือ ทาให้จิตมโี อกาสสัมผสั ทุกทกุ
ส่ิงแวดล้อม ทกุ ทุกอารมณ์ เมื่อเค้าถกู ฝึ กมาแล้ว เสียงดงั ก็
สงบ เงยี บกส็ งบ น่งั เฉยๆกส็ งบ เคลื่อนไหวกส็ งบ เพราะชีวิต
เราไม่ใช่นงั่ อย่เู ฉยๆ เหมือนตอไม้อย่างเดยี ว
ทกุ วนั น้ีเราฝึกจิต เราไปคุน้ เคยวา่ ไปฝึกสมาธิ ตอ้ งนง่ั
กดมนั ไวเ้ งียบๆ คาวา่ สมาธิ มนั เป็นอิริยาบถ๔ ทุกอิริยาบถ
ไมใ่ ช่อิริยาบถนงั่ เฉยๆ นิ่งๆ สมาธิตอ้ งน่ิง เป็นหน่ึงเดียวกบั
สิ่งน้นั
เอกคั คตารมณ์ เป็ นฌาน๔ ในสมถะกรรมฐาน ฌาน
สูงสุด เรียกว่า ฌาน๔ เร่ิมจาก วติ ก วจิ าร ปี ติ สุข
เอกคั คตารมณ์ เอกคั คตารมณ์ กค็ ือเป็ นหน่ึงเดยี ว มีอารมณ์
11
เดียวเท่าน้นั คือ อารมณ์สงบ ข้ามพ้น ความสุข ข้ามปี ติ
ข้ามวติ ก วจิ าร อนั นีค้ ือ เอกคั คตารมณ์ ถ้าไม่ถงึ ข้นั ตรงนแี้ ล้ว
เราจะเข้าไปสู่จิตในจิต ไม่ได้
ทีน้ีของเรา อาศยั แรงเหว่ียง พลงั มหาศาล เพอื่
ปลดปล่อย ถา้ เราไปนง่ั กดมนั ไว้ นง่ั กดมนั ไว้ เหมือน
มอเตอร์ไซคค์ นั หน่ึง จอดไวเ้ ฉยๆ เราเห็นวา่ มนั น่ิง เราเอานิ้ว
เดียวผลกั มนั ก็ลม้ ลง มนั น่ิงแบบไมม่ พี ลงั แต่มอเตอร์ไซคไ์ ต่
ถงั เราดูดว้ ยตาเน้ือมนั ไมน่ ิ่ง เอามือเขา้ ไป มือขาดเลย มนั น่ิง
อยกู่ บั การเคลื่อนไหว
เราเต้น เราส่ันสะเทือน ร่างกาย พลงั ตรงนที้ ้ัง กาย
เวทนา จิต ธรรม รวมเป็ นหนง่ึ เดยี ว ความคดิ เข้าแทรก
ไม่ได้ ทาไมต้องเสียงดงั ทาไมต้องเร็ว ถ้าเราไม่เร็ว เรากส็ ู้
อารมณ์ของเราไม่ได้ สู้ความคดิ เราไม่ได้ ไม่ใช่เราเต้นอยู่มนั
ไม่คดิ นะ มนั กย็ งั คดิ อยู่ แต่ตอนน้ัน พลงั ความคดิ มนั สู้ พลงั ท่ี
เราเป็ นหน่งึ เดยี ว กบั ส่ิงท่ีเราทาไม่ได้ น่นั เราอสิ ระมากคือ
เอกคั คตารมณ์ ฌาน๔ หรือ สมถะกรรมฐาน เป็ นบาทฐาน
เป็ นตวั คา้ จุน วปิ ัสสนา ถ้าเราไม่ถึงข้นั เอกคั คตารมณ์แล้ว
12
จิตกไ็ ม่อสิ ระ จติ กเ็ ข้าไปสู่โพชฌงค์ ไม่ได้ โดยเฉพาะ
ธัมมวจิ ยสัมโพชฌงค์
เราพูดถึงเร่ือง พทุ ธวจนะ พทุ ธวจนะเป็นแค่คาบอก
กล่าว ก็เหมอื น หลกั วชิ าการอยา่ งหน่ึง เป็นคาพูด
แต่ธมั มวิจยะ เป็นการปฏิบตั ิเพอื่ ใหม้ นั เกิดผล ตอนน้ีไป
เรียนรู้ๆเร่ืองวชิ าการ ฟังเทศนฟ์ ังธรรม นงั่ จดนง่ั จา แลว้ กเ็ อา
ภาษาท่ีเราไปจามา ก็ไปนงั่ เถียงกนั นิพพานเป็นอตั ตา อนตั ตา
เราตอ้ งปฏิบตั ิ เพอื่ ใหเ้ ขา้ ถึงตรงน้นั แลว้ ก็จิตเราเอง จะวจิ ยั
ธรรมเอง
แลว้ จิตแตล่ ะทา่ น วิจยั ตอ้ งไมเ่ หมือนกนั ไมใ่ ช่ไปถาม
เคา้ เธอจะเอาอะไรมาวิจยั อยา่ งสมถะกรรมฐาน ยงั ถามนะ
เธอเอาอะไรมากาหนด ฉนั กาหนด ลมหายใจ โดยเรียก
อานาปานสติ เรียกพทุ โธ เรียกธมั โม สังโฆ กแ็ ลว้ แต่ เป็นช่ือ
สมมติ คนคนน้ีเอา อิริยาบถ ยบุ หนอพองหนอ ขวาหนอซา้ ย
หนอ เห็นไหมเคา้ ใชเ้ ครื่องมือ ทุกคนก็ทาเหมือนกนั ได้
แต่วิปัสสนา เป็นเร่ืองของจิตวญิ ญาณ แลว้ อยา่
เลียนแบบ จิตแตล่ ะดวง เราฝึกมาหลายชาติแลว้ เคา้ จะเอาวิชา
เด็ดๆท่ีสุด ท่ีเคา้ เคยฝึกมาแลว้ มาต่อยอด ตอ้ งเขา้ ใจในช่วงท่ี
13
เราฝึกใหมๆ่ ไม่แมก้ ระทง่ั คนฝึกใหมๆ่ คนฝึกมานานมาก บาง
วนั อารมณ์ เป็นอยา่ งน้ี บางทีวนั นึง อารมณ์สงบดีมาก วนั นึง
วา้ วนุ่ วนั นึงเยน็ สบาย วนั นึงร้อนมาก อะไรแบบน้ี มนั กเ็ ป็น
ปกติ เคา้ ทาใหเ้ ราเห็นวา่ มนั ไมเ่ ท่ียง อารมณ์ดี กไ็ ม่เท่ียง
อารมณ์ร้าย กไ็ ม่เท่ียง มนั เป็นอนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา นี่แหละ
คือ เป้าประสงคท์ ่ีเราฝึกจิต
ไมใ่ ช่ฝึกจิต เพื่อใหม้ นั สงบฝ่ ายเดียว หนีไปอยใู่ นฌาน
บอกวา่ ง วา่ ง บอกสงบ มีความสุข อยา่ งน้นั เวลาน้นั เรา
ไมท่ กุ ข์ แต่เราไมพ่ น้ ทุกข์ เรายงั ไปกดมนั ไวอ้ ยู่ เรามีหนา้ ท่ี
นอกจาก ทาดีแลว้ ตอ้ งละชว่ั ดว้ ย ยงั ไมพ่ อ ตอ้ งขดั เกลาจิตให้
ผอ่ งใสดว้ ย ไม่ใช่หนีไปอยใู่ นฌาน ไปติดความวา่ ง ความสงบ
ตรงน้นั ความวา่ งที่แทจ้ ริง ตอ้ งเขา้ ไปสู่สุญตา คือวา่ งจาก
อตั ตา
ตน้ เหตุ คือ เรามีอตั ตา นน่ั แหละคือ วา่ งถาวร วา่ งจาก
การเวยี นวา่ ยตายเกิด นนั่ คือวา่ งถาวร แต่ตอนน้ี พอเราฝึก
สมาธิฝึกอะไรไ ปนานๆ จิตมนั มีพลงั ระดบั หน่ึง มนั สู้
ความคิดได้ มนั หลบไปตรงน้นั ก็เกิดความวา่ ง ไมใ่ ช่เรื่อง
เสียหาย แต่ถา้ ไปหลงติดเมื่อไหร่ เป็นความเสียหายอยา่ งยงิ่
14
เสียเวลาชีวิตเรา ไมใ่ ช่มาฝึก แค่ใหม้ นั วา่ ง ใหม้ นั สงบน่ิง
ชว่ั คราว เพราะเราเบื่อมาก ความวนุ่ วาย เหมือนเราปวดหวั กิน
ยาพารา มนั กห็ ายปวดชวั่ คราว พอฤทธ์ิยาหมด ถา้ เราไมเ่ ลิก
คิด สร้างมโนกรรม มนั ก็ปวดอีก การที่ไปกดมนั ไว้ กไ็ ดแ้ ค่
สงบนิ่งชว่ั คราว เพราะเช้ือที่ทาใหเ้ รา ไมส่ งบ ก็ยงั อยู่
Who am I? คาโบราณคนโบราณ เคา้ เรียกวา่ เป็น
ปริศนาธรรมอยา่ งหน่ึง ถา้ เราเขา้ ใจ เราจะรู้เลยวา่ เราคือใคร
ก่อนท่ีจะรู้วา่ เราคือใคร เอาอยา่ งน้ีก่อน เราประกอบดว้ ย
อะไร คาพดู ส้ันๆ คือ ส่ีคนหาม สามคนแห่ สองคนน่ังแคร่
หน่ึงคนพาไป
ถา้ เรา ตีความไดแ้ ลว้ เราจะรู้วา่ ตวั เรา ท่ีนง่ั อยทู่ ี่น่ี มนั
คืออะไร ถา้ บอกมนั คือใคร เราหมายถึงคน ใครน่ีคือคน เอา
เป็นวา่ ไอก้ อ้ นที่นงั่ อยตู่ รงน้ี มนั คืออะไรกนั แน่ นี่คือคาเฉลย
สี่คนหาม สามคนแห่ สองคนนงั่ แคร่ หน่ึงคนพาไป
สี่คนหาม นยั ยะก็คือ หมายถึงธาตุ๔ ดิน น้า ลม ไฟ
คนที่นงั่ อยตู่ รงน้ี กอ้ นน้ี ประกอบดว้ ย ดิน น้า ลม ไฟ ถงึ จะ
กลายเป็น ส่ิงน้ีข้ึนมา แลว้ ก็ตอ้ งบวกกบั วิญญาณธาตุ คือ
15
จิตวญิ ญาณเขา้ มา ถา้ บอกวา่ ตวั ตน เดี๋ยวจะแยกไม่ออก ความ
เป็นตวั ตน ของจิต กบั ตวั ตน ของร่างกาย
เอาจากร่างกายก่อน ประกอบดว้ ยดิน น้า ลม ไฟ แลว้ ท่ี
เรามีชีวิตได้ ประกอบกบั วญิ ญาณธาตุ ถา้ ไมม่ ีจิตวิญญาณแลว้
ความมีชีวติ เกิดข้ึนไมไ่ ด้ เช่น กอ้ นหินอะไรพวกน้ี แตต่ น้ ไม้
มีวิญญาณ ทาไมมีวิญญาณ ในตน้ ไมน้ ้นั มีธาตุน้า ในธาตุน้า
น้นั มนั มีจุลินทรีย์ จุลินทรียน์ ้นั มีวิญญาณ สตั วเ์ ซลลเ์ ดียว
อะไรกช็ ่าง ถา้ ไม่มีคาวา่ วิญญาณ ความมีชีวติ เกิดข้ึน ไมไ่ ด้
เพราะฉะน้นั เราประกอบดว้ ย ดิน น้า ลม ไฟ น่ีคือ ส่ีคนหาม
คือ ดิน น้า ลม ไฟ
สามคนแห่ เราหนีไมพ่ น้ อยภู่ ายใตก้ ฎเกณฑ์ เคา้ เรียกวา่
กฎพระไตรลกั ษณ์ ลกั ษณะสามประการ ของธรรมชาติ คือ
อนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา เก่งแคไ่ หนก็ช่าง หนีจากกฎเกณฑน์ ้ี
ไมไ่ ด้ เราเกิดมาเป็นเดก็ แรกเกิด ก็ร้องไหแ้ หกปากร้องเลย
ต้งั แตว่ นั แรก แทนท่ีจะดีใจวา่ ฉนั มาเกิดแลว้ เป็นอิสระแลว้
อยใู่ นทอ้ งคุณแม่อึดอดั มาก พอออกมาร้องไหเ้ ลย เคา้ ก็ต้งั ชื่อ
ใหเ้ ราชื่อบญั ชานะ แถมศาสนามาดว้ ย พอ่ แม่ถือพทุ ธเธอก็
พุทธกแ็ ลว้ กนั มนั ดี
16
โดยท่ีไมร่ ู้วา่ อะไร แลว้ ทาไปทามา เรากโ็ ตข้ึน แลว้ ก็แก่
มนั คนเดียวกนั หรือเปล่ ากบั ตอนท่ีเราเกิดใหม่ๆ ถา้ เราไปดู
วดี ิโอหรือไปดูภาพเก่าๆของเรา เอะ๊ !.ทาไม เราเปล่ียนแปลง
ถึงขนาดน้ี ทาไมนกั วทิ ยาศาสตร์ ไมห่ ายาท่ีวา่ ฉีดเขม็ หน่ึง
แลว้ ทาใหเ้ ป็นหนุ่มสาว ไดต้ ลอด ไมต่ อ้ งแก่อีกเลย เพราะเรา
อยภู่ ายใต้ กฎพระไตรลกั ษณ์ คือ ลกั ษณะสามประการของ
ธรรมชาติ มนั ไม่เที่ยง มนั เป็นทุกข์
เป็นทกุ ขใ์ นที่น้ี..ตวั ทุกขต์ รงน้ี มนั ไมใ่ ช่ของคู่ กบั ตวั
สุข ทุกขต์ วั น้ีคือ ดารงอยไู่ ดย้ าก มนั เป็นของชว่ั คราว เกิดข้ึน
ต้งั อยู่ สลาย มนั เปล่ียนแปลงตลอด เพราะมนั เป็นอนตั ตา มนั
ไมใ่ ช่ตวั ตน ที่แน่นอน ตน้ ไมเ้ หมือนกนั อยไู่ ดล้ า้ นปี ได้
ไหม?......ไม่ได!้ ......คาวา่ ตน้ ไมก้ ช็ ่ือสมมติ มีอายไุ ขของมนั
ตวั เราก็เหมือนกนั เห็นไหม นกั วิทยาศาสตร์ทาสิพยายามทา
อายยุ นื กินยาบารุงอะไรๆกช็ ่าง สุดทา้ ยก็ไมไ่ ด้ สมมติวา่ ยา
น้นั ไดผ้ ลจริงๆ อายยุ นื ข้ึนมา คิดวา่ เราไม่เกิดอบุ ตั ิเหตุหรือ..ไม่
มีทาง ถา้ กระแสกรรมยงั มีอยู่ เราจะตอ้ งตายอยา่ งอืน่ ไม่ได้
ตายจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ เพราะเราอยู่ ภายใตก้ ฎเกณฑส์ าม
ประการน้ี คืออนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา น่ีคือ สามคนแห่
17
สองคนนัง่ แคร่ สองคนน้ีเปรียบคือ บญุ กบั บาป บญุ
กบั บาป จริงๆแลว้ ไมใ่ ช่ความดีความชว่ั คาวา่ บุญบาป คือ
ฝ่ ายกุศล กบั อกุศล แตท่ ุกวนั น้ีมนุษยเ์ ราเอา เร่ืองดี เร่ืองชวั่
เรื่องถกู เรื่องผดิ ถา้ ใครผดิ กฎหมาย เป็นคนชว่ั หมด คนตดิ คุก
นี่ชวั่ หมดเลย แต่ทนายความ ที่เรียนกฎหมายมา รู้จกั หลีกเล่ียง
กฎหมาย เป็นคนดีหมด จริงๆแลว้ มนั ไม่ไดค้ ิดอยา่ งน้นั ดีชวั่
ในทางศาสนา เคา้ พดู ถึงเร่ืองบุญกบั บาป เร่ือง กุศล กบั อกุศล
สองคนนง่ั แคร่ โปรแกรมน้ี เป็นตวั กาหนดอนาคตเรา
หนึง่ คนพาไป หน่ึงคนนี่คือจิตสุดทา้ ย จิตสุดทา้ ย ที่มนั
จะออกจากร่างน้ี มนั จะแบกโปรแกรม สองคนน้ี คือบุญกบั
บาป ตวั น้ี จะเป็นตวั กาหนด ใหเ้ ราไปอยใู่ นร่างที่ดีข้ึน หรือ
เลวลง อนั น้ีฟังหูไวห้ ู ฟังคร่าวๆก่อน อยา่ เพ่งิ เช่ือ อยา่ เพงิ่
ปฏิเสธ เด๋ียวเรา จะเสียเวลาชีวติ เรา
เราตอ้ งทาตวั เป็นนกั วทิ ยาศาสตร์ผยู้ ง่ิ ใหญ่ ยงิ่ ไม่เชื่อยงิ่
ตอ้ งวิจยั เร่ืองน้ี แต่การวิจยั เร่ืองน้ี ไมใ่ ช่ไปหอ้ งทดลอง ไมต่ อ้ ง
ใชเ้ ทคโนโลยี เทคโนโลยไี หน ก็ช่วยไม่ได้ เรามีเคร่ืองมืออยู่
แลว้ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม กเ็ อาเคร่ืองมือ ที่เรามีอยแู่ ลว้ เป็น
เทคโนโลยใี นการวิจยั เร่ืองน้ี แลว้ เราจะรู้วา่ เราคือใครกนั แน่
18
เมื่อเรารู้เรามี แคน่ ้ีหรือ เด๋ียวก็ตายแลว้ แลว้ ยงั อยากได้
อะไรอีกหรือ อยากไปเบียดเบียน คนอ่ืนทาไม อยากไปสร้าง
กรรมทาไม เราก็รู้แลว้ วา่ เร่ืองกฎแห่งกรรมมีจริง เร่ืองบญุ
บาปมีจริง แลว้ เราจะ ไปสร้างกรรมทาไม อนั น้ีคือ สาคญั มาก
ทุกคนตอ้ งหาคาตอบ ใหไ้ ดว้ า่ เราเป็นใคร ถา้ ยงั ไม่มีคาตอบ
ชีวติ เราจะเควง้ เควง้ ไปตามกระแสโลก กระแสสงั คม พอ
เปลี่ยนยคุ เปล่ียนสมยั เรากจ็ ะเปล่ียนแปลง ไปตามโลก
วนั หน่ึงมียส่ี ิบสี่ชว่ั โมง เราแกป้ ัญหาไม่ทนั อยแู่ ลว้ เรา
จะเอาเวลาที่ไหน มาปฏิบตั ิธรรม คาวา่ ปฏิบตั ิธรรม กค็ ือทา
ใหเ้ ราเขา้ ถงึ ธรรมชาติเดิมของเรา ใหร้ ู้ความจริงตาม
ธรรมชาติ วา่ เราคือใคร?
ตอนน้ีเราเป็นคนท่ี เคา้ เรียกคุณบญั ชา ตอนเด็กก็
เดก็ ชายบญั ชา ตอ่ มาเป็นนายบญั ชา และคุณบญั ชา อนั น้ีเป็น
แค่ช่ือสมมติ ส่ิงเหล่าน้ี เมื่อเราไปยดึ มนั่ ถือมน่ั ความเป็น
ของเรา เรากส็ ร้างอตั ตาข้ึน ในจิตเรา เธอชื่อบญั ชานะ หน่ึง
สัญญา เธอนบั ถือศาสนาพทุ ธนะ สองสญั ญา ศาสนาพทุ ธดี
ที่สุดในโลกนะ นี่พ่อนะ น่ีแม่นะ หลายๆสญั ญารวมกนั เป็น
ฆนสัญญา
19
ฆนสัญญา กลายเป็นอตั ตาข้ึนมา เป็นกลุ่ม เป็นกอ้ น
ฆนสญั ญาก้นั บงั อนตั ตา ทาใหเ้ ราไมเ่ ห็น ถึงความเป็นอนตั ตา
ของมนั ตวั ตนเหลา่ น้ี เราสร้างข้ึนมาเองหมด แต่คนอ่ืนช่วยเรา
สร้างดว้ ย มนั ก็เป็นกรรมร่วม
ทีน้ี เราหยดุ โลกไมไ่ ด้ แตเ่ ราเปลี่ยนตวั เองได้ เป็นเรื่อง
เฉพาะตวั เรื่องส่วนตวั เรา สมมติ เคา้ ด่าเราวา่ พวกน้ีไมท่ ามา
หากิน เอาเวลาตรงน้ี แกป้ ัญหาไมไ่ ด้ แลว้ ยงั จะเอาเวลาไป
หลบั หูหลบั ตา จะไดอ้ ะไร เหมือนบางที เราเห็นแก่ตวั ดว้ ย มนั
ไมใ่ ช่นะ เราอาบน้า ก็เป็นเรื่องส่วนตวั เรากินขา้ ว ก็เป็นเร่ือง
ส่วนตวั ถา้ เราไมก่ ิน เราก็หิว ถา้ เราไมอ่ าบ เรากเ็ ป็นโรค
ผิวหนงั มนั ไม่ใช่เร่ืองเห็นแก่ตวั เป็นเร่ืองเฉพาะตวั ใครทาคน
น้นั ก็ได้
เหมือนเราออกกาลงั กาย ถา้ เราขยนั ไปจ๊อกกิ้งอยู่
สวนลมุ ตอ้ งแลกอะไรไหม เหนื่อย แตถ่ า้ เราไม่ทา เราก็ไม่
แขง็ แรง มนั ตอ้ งแลกอะไรสกั อยา่ งหน่ึง เหมอื นเรา ปฏิบตั ิ
จิตเหมือนกนั ปฏิบตั ิแลว้ เจบ็ โนน้ ปวดนี่ ระบมไปหมดเลย
ไมเ่ อาดีกวา่ เห็นไหม เราไมย่ อมจ่ายหน้ี เราไมม่ ี ความมงุ่ มนั่
เราถอย เรากไ็ ม่แขง็ แรง จิต กไ็ ม่แขง็ แรงเหมอื นกนั
20
ความเปล่ียนแปลงที่ เกิดข้ึนในวธิ ีน้ี วิธีท่ีไมม่ ีวธิ ี จะมี
อาการทอ้ งอืด ทอ้ งร่วง หนกั หวั หนกั หนา้ อก คลื่นไสอ้ ยาก
อาเจียน ไม่ตอ้ งทานยา ความไมป่ กติ ที่เกิดข้ึนกบั แนวน้ี คือ
ความปกติของเคา้ ถา้ นง่ั แลว้ ไม่มีอะไรเลยเ แสดงวา่ มนั ไม่
เวิร์ค มนั ไมท่ างาน เคา้ กาลงั ปรับสมดุลอยู่
ในขณะที่ ปรับสมดุลอยู่ สมมติวา่ เราเป็นหน้ีเคา้ เราก็
ตอ้ งจ่ายหน้ีใช่ไหม ถา้ เราไปหนีหน้ี ไปเหนียวหน้ี ไม่จ่าย มนั
กไ็ มไ่ ปไหน ใช่ไหม อยา่ ติดสุข ไม่ใช่สุข กไ็ มเ่ อานะ สุขกร็ ู้
ไม่ไปติดมนั ทกุ ขก์ ็รู้ ไม่ไปติดมนั อารมณ์ดีกร็ ู้ อารมณ์ชวั่ กร็ ู้
สกั แตว่ า่ รู้ สกั แตว่ า่ เห็น
บางคนแยง้ พ่อครูวา่ ไมพ่ ิจารณา ไม่ตดั สิน จะเกิด
ปัญญาไดอ้ ยา่ งไร เราไปคุน้ เคยวา่ ปัญญาตอ้ งเอาไปคิด ตอ้ ง
คิดเยอะ ๆ อนั น้นั เป็นปัญญา ท่ีเกิดจาก จินตนาการ เป็น
จินตามยปัญญา ส่วนมากคิด เขา้ ขา้ งกิเลสตนเอง มนั ไม่
บริ สุทธ์ ิ
พระพทุ ธเจา้ ส่งเสริม ภาวนามยปัญญา ทาตรงๆ เลย
ไปลิ้มรส ไปเห็นทุกข์ ไมเ่ ห็นทกุ ข์ ไมเ่ ห็นธรรม ไมใ่ ช่มา
นงั่ สมาธิ ใหม้ นั เกิดสุขฝ่ ายเดียว นน่ั ติดสุขในฌาน หลวงพ่อ
21
เทียนท่านบอกวา่ ปฏิบตั ิธรรม ไมใ่ ช่ไปนง่ั หลบั หูหลบั ตา ไป
เห็นดวงแกว้ ไปเห็นแสงโน่น แสงน่ี
ถามวา่ มนั เห็นไหม เห็น เราเห็นจริงเลย แตส่ ่ิงที่เราเห็น
มนั ไม่จริง ทา่ นกบ็ อก มนั เป็นมายา จิตมนั สร้างนิมิต สร้าง
อารมณ์ข้ึนมา มาสอบจิตปัจจุบนั ถา้ เราเผลอ ไม่เหว่ยี งทิง้ เรา
กไ็ ปติด อุย้ สุขสบาย อยุ้ มนั วา่ ง อุย้ อะไรนี่ ก็ไปติดมนั
เราฝึกวปิ ัสสนา ไม่ใช่ไปเห็นโนน้ เห็นนี่ แตส่ ่ิงที่เราเห็น
นน่ั มนั เป็นเคร่ืองมือ มาสอบอารมณ์เราวา่ เราทนั ไหม เราทนั
เราเหวีย่ งทิ้ง มนั เกิดข้ึน มนั ก็หายไป ทุกทกุ อารมณ์ เกิดข้ึนมนั
กห็ ายไป เราจะสมั ผสั อนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา นน่ั คือ
เป้าประสงค์ ไมใ่ ช่ ไปนง่ั เห็นเทวดา พวกเรายง่ิ เขา้ ไป ในจิต
ไดเ้ ร็วๆ ระวงั จิตเดิม เคา้ มาสอบจิตปัจจุบนั ถา้ จิตปัจจุบนั ยงั มี
กิเลสอยู่ ยงั ชอบอะไรวิเศษวิโสอยู่ กไ็ ปส่งเสริมกนั ชอบมาก
แสดงฤทธ์ิ อยากเป็นผวู้ เิ ศษ
การปฏิบตั ิธรรม กค็ ือ ใหเ้ ราเขา้ ถงึ ธรรมชาติ เห็นความ
จริงวา่ ทุกอยา่ งเป็นอนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา เราจะเกิดปัญญา
ปัญญาสูงสุด คือ ไมม่ ีอะไรตอ้ งรู้ ไมม่ ีอะไรตอ้ งเห็น เพราะ
มนั เป็นอนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา จะไปรู้ทาไม วิจยั ทาไม
22
คาวา่ ธมั มวจิ ยสมั โพชฌงค์ ไมใ่ ช่พจิ ารณา ไม่ใช่
ความคิด เรากาลงั วิจยั วจิ ยั ไม่ใช่ไปนงั่ คิด คือ โดดเขา้ ไป
สัมผสั กบั อารมณ์น้นั ธรรมในธรรม คือ ธรรมารมณ์ อารมณ์
วา่ งก็ระวงั บางคนชอบวา่ งอยแู่ ลว้ เรื่องอะไร ฉนั จะเหวี่ยงทงิ้
หามาต้งั นาน อยกู่ บั มนั ก่อน เสียเวลาตายเปลา่
การปฏิบตั ิธรรม ไม่ใช่ไปเห็นโน่น เห็นน่ี แตป่ ฏิเสธวา่
เราไม่อยากเห็น ก็ไมไ่ ด้ ตวั ที่เราเห็นนนั่ เหมือนเราเห็นเป้าบนิ
เรามีหนา้ ท่ียงิ เป้าบนิ แต่เราไมย่ งิ เร่ืองอะไร มนั เป็นเพชรมนั
เป็นพลอย เรื่องอะไรจะยงิ ทิ้ง ความวา่ ง ความสุข ชีวิตเรามนั
ทุกข์ พอนง่ั แลว้ มนั สุขมาก เรื่องอะไร จะเหวย่ี งสุขทิ้ง
ไม่ใช่ เหวยี่ งตวั สุขทิง้ ไมใ่ ช่รังเกียจมนั เหวีย่ งความยดึ
มน่ั ถือมนั่ กบั ความชอบสุขทิง้ สุขกไ็ ม่เอา ทกุ ขก์ ็ไมเ่ อา แต่
ไม่ไดไ้ ปปฏิเสธมนั วา่ มนั ไมม่ ี มนั มีอยู่ แตม่ นั เป็นของ
ชวั่ คราว มนั ไมจ่ ีรังยงั่ ยนื ตอ้ งจาคาวา่ เหว่ียงทิง้ ไม่เช่นน้นั เรา
จะไปหลงติด มนั น่าติดมาก เพราะมนั พิเศษ เราอยขู่ า้ งนอก
วนุ่ วายมาก เราหนีไปในน้นั สุดยอด เบา๊ เบา สบา๊ ยสบาย อะไร
ก็กระทบเราไม่ได้ เรื่องอะไรจะไมต่ ิด
23
คาวา่ ติด กค็ ือหลง หลงติด โลภ โกรธ หลง มนั ทาให้
เราทกุ ขท์ ้งั น้นั ติดอะไรก็ไม่เอา ผา่ น ผา่ นไป อยา่ ไปคุย
สภาวะธรรมกนั มนั จะเลอะเลือน
ธรรมะ คือ หนา้ ที่ หนา้ ท่ีคือธรรมะ ช่วงทางานก็ทางาน
อยา่ งมีความสุข ช่วงปฏิบตั ิก็ ปฏิบตั ิอยา่ งมีความสุข ช่วงกิน
ขา้ ว ช่วงอาบน้า ก็ทาหนา้ ที่เราอยา่ งต้งั มน่ั เราทาไดแ้ คน่ ้นั
อะไรจะเกิด มนั กเ็ กิด
ตอนเชา้ เราก็ฝึกตาย ก่อนตาย ทุกวนั อยแู่ ลว้ ดีกต็ าย ชวั่
กต็ าย จนกต็ าย รวยก็ตาย กลวั กต็ าย ไม่กลวั กต็ าย เราตายแน่
แน่ มนั ตา่ งกนั ทีต่ ายดี หรือตายชว่ั เทา่ น้นั ตายดี ไปสู่สุขคติ
ยมิ้ เลย นอนยมิ้ จะตายยงั นอนยมิ้ มนั ยมิ้ สิ เพราะหมดภาระ
แลว้ มนั ก็เปลี่ยนร่างใหม่ อยกู่ บั ร่างสัปปะรังเค น่ีทาไม
แตถ่ า้ เรา ยงั ไม่ยอมตาย ห่วงลกู ห่วงหลาน สองก็เน่า
เหมน็ ตายดว้ ยความเครียด มนั ก็ไปสู่ทคุ ติ วนิ าทีน้นั สาคญั
มาก เรามีหนา้ ที่ เตรียมตวั กนั ไมใ่ ช่เราวิตกจริต ไม่ใช่เราคิด
อะไรในแง่ร้าย ไม่ใช่ พระพทุ ธเจา้ ไมไ่ ดม้ องโลกในแง่ร้าย
ไม่ไดม้ องโลกในแง่ดี พระองค์ มองโลกในแง่ ความเป็นจริง
เพราะตายแน่ๆ
24
พระองค์ จึงเตือนเราวา่ ตอ้ งเจริญมรณานุสติ อยา่
ประมาท คนฉลาดกต็ อ้ งเตรียมตวั เราบอก เราตอ่ สู้ เพอื่
อนาคต อนาคตสูงสุดเรา คือความตาย เคยเตรียมตวั หรือยงั มี
แตเ่ ตรียมตวั รวยกนั แตไ่ มเ่ ตรียมตวั ตาย พอวนั จะตายแลว้
ท่ีสร้างมาท้งั หมด เอาไปไม่ไดเ้ ลย วางไมล่ งอีก
พวกเรานกั วทิ ยาศาสตร์ คนสมยั ใหม่ บอกวา่ ตอ้ งมีวชิ น่ั
คือมี วสิ ยั ทศั นก์ วา้ งไกล พอ่ ครูบอก สายตาส้นั หมด มองอะไร
ส้ันๆ ไมใ่ ช่มองเรื่องแคช่ าติเดียว ชาติเดียวกไ็ ม่มอง ชาติเดียว
สุดทา้ ย คือ ตาย แต่ชาติเดียว ยงั ไม่จบ มนั เป็นเร่ืองของ
วฏั สงสาร เรื่องของหลายชาติ คนที่มีวสิ ยั ทศั น์ยาว ตอ้ งมอง
ทะลุปลอ้ ง
ทุกวนั น้ี มองแค่วา่ พรุ่งน้ี ปี หนา้ ฉนั จะรวยเม่ือไหร่ น่ี
คือสายตาส้ัน ไมใ่ ช่สายตายาว สายตายาว ตอ้ งมองทะลเุ ลยวา่
สุดทา้ ยแลว้ ความตายนน่ั คือ ธรรมะ ทางโลก ทางธรรมอะไร
กช็ ่าง สุดทา้ ยก็คือทางเดียวกนั ก็คือ ความจริง คือ ตาย
เห็นธรรม คือ เห็นความจริง เขา้ ถึงความจริงตาม
ธรรมชาติ เขา้ ไปสู่สุญตา นน่ั แหละ เราจะเขา้ ใจวา่ ที่
พระพุทธเจา้ เห็น…ก็อยา่ งน้ีแหละ สิ่งที่พระองค์ อยากบอกเรา
25
กค็ ือยา่ งน้ี นนั่ คือ ผใู้ ดเห็นธรรมผนู้ ้นั เห็นเราตถาคต ไมใ่ ช่ไป
เห็นรูปร่าง หนา้ ตาพระองคอ์ ยา่ งน้นั อนั น้นั เห็นในนิมิตมนั
เป็ นมายา
เห็นธรรม คือ เห็นความจริง อนั ดบั แรก ความจริงที่เรา
ตอ้ งเห็น คือ ในร่างกายเรา นอกจาก ประกอบดว้ ยดิน น้า ลม
ไฟ แลว้ กว็ ญิ ญาณธาตุ แลว้ กส็ ิ่งหน่ึงคือ จิต
จิตเป็นความจริงอยา่ งเดียว ท่ีอยใู่ นตวั เรา นี่คือเห็น
ธรรม คือจิตเห็นจิต เราเห็นธรรมเบ้ืองตน้ แลว้ จิตเห็นจิตคือ
มรรค จิตเป็นความจริงอยา่ งเดียว ในตวั ในร่างน้ี ถา้ ร่างน้ีเอา
ไปเผา กก็ ลายเป็นอากาศธาตุ ท่ีเหลือเป็นธาตดุ ิน แต่ความร้อน
กี่พนั องศาก็เผาจิตไม่ได้ ที่บอกวา่ อยา่ คา้ กาไรเกินควร อยา่
หนีหน้ี โปรแกรมกรรมตวั น้ี เผาไมไ่ ด้ อนั น้ี คือความจริง ท่ี
อยใู่ นตวั เรา
เราถึงตอ้ งเขา้ ไปเรียนรู้ กบั ความจริงเรา อนั ดบั แรกตอ้ ง
เขา้ ไป ไม่ใช่ไปเห็นจิต แบบไปนงั่ ดูจิต ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ก็
เห็นเงาของมนั เห็นเงาของจิตเทา่ น้นั เอง เห็นอารมณ์เวทนา
ขา้ งนอก กเ็ ขา้ ใจวา่ เห็นจิต ไม่ใช่ ตอ้ งเปิ ดประตบู า้ น เขา้ ไปใน
จิตในจิต เขา้ ไปขดั เกลาจิต ใหผ้ อ่ งใส
26
เม่ือเรา เขา้ ไปในบา้ นแลว้ เราถึงรู้วา่ อารมณ์ในบา้ นมนั
เป็นอยา่ งไร เราก็ขดั เกลา มนั ออกมา นน่ั คือ เราไดเ้ ขา้ ไปอยู่
กระแสมรรคแลว้ เขา้ ไปสู่ กระแสมรรค ดวงตาเห็นธรรม
ไม่ใช่บรรลุธรรมนะ บรรลุข้นั ตน้ ก็คือวา่ เห็นจิต เขา้ ไปใน
กระแส
ทีน้ี จิตเห็นจิต คือ มรรค ผลของจิตเห็นจิตอยา่ งแจ่ม
แจง้ คือนิโรธ ตอนน้ีเรานงั่ ไปนง่ั มา เราเห็นนิมิต พระพทุ ธเจา้
ลอยมา เราคิดวา่ เราเห็น พระพทุ ธเจา้ แจ่มแจง้ แลว้ อนั น้นั เห็น
ของปลอม เห็นแจ่มแจง้ เลย คือ ไมม่ ีอะไรตอ้ งเห็น ไมม่ ีอะไร
ตอ้ งรู้ น้นั แหละแจ่มแจง้ เขา้ สู่สุญตา วา่ งจากอตั ตา ไมใ่ ช่เรื่อง
เหลวไหล ไม่ใช่ยาก ไมใ่ ช่งา่ ย มนั เป็น เรื่องธรรมดา๊ ธรรมดา
ขอใหท้ กุ คนต้งั มน่ั คืนชีวติ เรา ใหก้ บั จิตบางเวลา แต่
บางคนบอก เขา้ ไปแลว้ มนั ออกมาไมไ่ ด้ เรากต็ อ้ งฝืน ฝึกวธิ ี
ออก จะเขา้ กไ็ ด้ ออกกไ็ ด้ ไมป่ ฏิเสธขา้ งนอก ไม่ปฏิเสธขา้ ง
ใน แลว้ กจ็ าไวว้ า่ ชีวิตเราตอ้ งอยขู่ า้ งนอก มวั แต่ไปหลงอยขู่ า้ ง
ใน ขา้ งนอกไปทาลายสมมติบญั ญตั ิคนอ่ืน เป็นกรรมใหม่
เราไปฝึกขา้ งใน เพอื่ ใหม้ นั เกิดปัญญา นามาใชข้ า้ ง
นอก เพ่ือจะมาปลดปลอ่ ยจิตปัจจุบนั ใหพ้ น้ จากทกุ ข์ ไมใ่ ช่ไป
27
หลงจิตในอดีต แต่ก็ไมใ่ ช่ปฏิเสธอดีต อดีต คือ บทเรียนทาให้
เราเห็นอนาคต บางทา่ นกบ็ อกวา่ อยา่ ไปยงุ่ กบั อดีต อยปู่ ัจจุบนั
ก็ถกู
การเจริญวปิ ัสสนา เราก็กาลงั เจริญวปิ ัสสนา อยปู่ ัจจุบนั
อยู่ แตว่ ิปัสสนา มนั ตอ้ งเขา้ ไปสู่จิตในจิต มนั ปฏิเสธไมไ่ ด้
มนั ตอ้ งเขา้ ไป เสพธรรมในธรรม ธรรมารมณน์ ้นั เป็นสัญญา
เดิมที่เราบนั ทึกไว้ เป็นกรรมดี กรรมชวั่ ตวั น้นั เป็นกลอ่ ง
ปัญญาเรา เราไปรู้แจง้ ดว้ ยจิตวิญญาณเราเอง ไมใ่ ช่ผา่ นการ
นึกคิด แตอ่ ยา่ ไปหลงอดีต
ข้นั ตอน นานาจิตตงั ทาใหเ้ ราเขา้ ๆออกๆ จงั หวะน่ีทา
ใหม้ นั เขา้ ไป แลว้ กอ็ อกมา เขา้ ไป ออกมา มนั จะคุน้ เคย ทาให้
เราเขา้ ออกไดเ้ ป็นปกติ แลว้ ตอ่ ไปเราเขา้ ไป เราจะออกมา
เม่ือไหร่ก็ได้ ข้นั ตอนน้ีเ ป็นตวั เสริมกาลงั ทาใหส้ ติปัจจุบนั
เขม้ ขน้ มีความไว ความเร็ว ตอ้ งเร็วกวา่ รูปนาม
ถา้ เรา ฝึกสมถะกรรมฐานชา้ ๆ 10 กม/ชม. เราไปเจอรูป
นาม 100 กม/ชม. เราไมท่ นั อนั น้ีคือนยั ยะ ทาไมตอ้ งเร็ว ทาไม
ตอ้ งแรง ทนั ยคุ ทนั สมยั ทนั เหตุปัจจยั ท่ี มนั เปล่ียนแปลง วิถี
ชีวิตทกุ วนั น้ี มนั เร่งรีบ มนั เร่งร้อนมาก ๆ
28
แมก้ ระทงั่ เทคโนโลยี ประสาททุกอยา่ ง เราเร็วข้ึนไป
หมดเลย เรายงั จะไปใช้ เทคนิคชา้ ๆ มนั ไมท่ นั พระพทุ ธเจา้ ถึง
บอก อยา่ เพงิ่ เชื่อ ทที่ าตามตามกนั มา อยา่ เพงิ่ เชื่อ ครูบา
อาจารย์ ครูบาอาจารยท์ ่านเปลง่ ออกมา ทา่ นไม่ไดโ้ กหกเรา
ทา่ นก็เอาประสบการณ์ ของทา่ นบอกเราตรง แต่ถา้ ทา่ นไม่
ทะลุปลอ้ ง ทา่ นก็ติดบ่วง ที่ทา่ นเคยชิน ทา่ นไมเ่ ห็นความ
เปล่ียนแปลงของโลก ท่านไมร่ ู้เทา่ ทนั เหตุปัจจยั เราก็ไปทา
ตามที่ท่านบอกมา เรากว็ งิ่ ไมท่ นั อนั น้ีคือนยั ยะ
พอ่ ครูเคยยกตวั อยา่ ง พ่อครูผลกั เด็กคนหน่ึง ลม้ ลงไป
เด็กกร็ ้องไห้ ตารวจมา ทกุ คนช้ีบอก คนน้ีผลกั เดก็ คนน้นั
ลุกข้ึนมา กช็ ้ีคนน้ีผลกั จบั พ่อครูไปขงั คุก ถามวา่ ทุกขไ์ หม
ไม่ไดท้ ุกข์ เราทาความดี จะไปทุกขท์ าไม งูมนั จะกดั เด็กคน
น้นั ไม่มีใครเห็น พอ่ ครูช่วยชีวติ เคา้ บางคร้งั อยา่ เช่ือสายตา
ตวั เองมาก เรามองอะไร ตามกิเลสเรา ตามความเคยชินเรา
ถา้ เราไปสร้างกรรม กบั จิตบริสุทธ์ิ ก็ เปรียบเสมือน
เราโยนบูมเมอแรง ข้นึ ไปบนฟ้า ถา้ มนั ไมช่ นอะไร มนั จะ
ยอ้ นกลบั มา สู่ตวั เรา คนทุกวนั น้ี เป็นแบบน้ี เราเชื่อมน่ั ใน
ความคิดตวั เอง ยดึ มน่ั ถอื มนั่ มนั ถึงขดั แยง้ กนั ท้งั บา้ นท้งั เมือง
29
กเ็ อาเป็นวา่ เราข้ึนช่ือวา่ ผมู้ ีโอกาสไดม้ ารับรู้ ความ
จริงไม่มากกน็ อ้ ย เอาส่ิงน้ีไปพิจารณา ไม่อยา่ งน้นั ชีวิตเรา จะ
เผลอ สร้างกรรมบอ่ ยๆ กุศลท่ียงิ่ ใหญ่ที่สุดคือ ทาน ศลี ภาวนา
แน่นอน การเจริญภาวนาวปิ ัสสนาบารมี มากที่สุด
แตค่ าวา่ ทาน พระพทุ ธเจา้ บอกเราวา่ การทาทานมีสามวิธี ก็
คือ วตั ถุทาน ธรรมทาน อภยั ทาน วตั ถทุ าน กวา่ เราจะเรียนจบ
เสียเงิน เสียทอง เสียเวลาชีวิต ไปมากมาย เพ่ือเรียนเอาวชิ า
จบแลว้ เอาวิชามาทามาหากิน เวลาทางานกเ็ หน่ือย ไดเ้ งินมา
ยงั แบง่ ส่วนหน่ึงไปทาบุญ ช่วยเดก็ ยากจน ช่วยสร้างวดั สร้าง
วา อนั น้ีเคา้ เรียกวา่ วตั ถทุ าน ไดอ้ านิสงส์
สมมติวา่ ไดอ้ านิสงส์ 20% คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็ยงั สูใ้ ห้
ธรรมทานไมไ่ ด้ พอ่ ครูกาลงั ใหธ้ รรมทานพวกเรา พดู ทีเดียว
ไดค้ นฟังมากมาย ถา้ ต่อสายเช่ือมไปทว่ั โลก คนเป็นหลายๆ
สิบลา้ นฟังดว้ ยกนั ไมต่ อ้ งท้งั หมด มีแค่ 1% ท่ีปิ๊ งข้ึนมาก็ได้
อานิสงส์มาก ในแง่วา่ ผลท่ีมนั ได้ กบั คนหมมู่ าก น่ีมนั กวา้ ง
เคา้ เรียกวา่ การใหธ้ รรมเป็นทาน ยง่ิ กวา่ การใหท้ ้งั ปวง อนั น้ี
ในแง่วา่ ผลที่มนั เกิดข้ึน ในวงกวา้ งมนั ไดม้ ากกวา่
30
แต่อานิสงส์มนั ยงั นอ้ ยกวา่ การใหอ้ ภยั ทาน แคค่ ร้ัง
เดียว แค่คนเดียว อนั น้ีพูดถึงคนให้ เราใหว้ ตั ถทุ านเราได้ 20%
เราใหธ้ รรมทานเราได้ 30% สมมติ แต่ถา้ เราใหอ้ ภยั ทานตวั
เราเองได้ 50% เพราะเราไดเ้ อาภูเขา ออกจากอก เราไม่ตอ้ ง
แบกขา้ มภพข้ ามชาติ ไม่ตอ้ งแบกตวั พยาบาทไปดว้ ย น่ีแหละ
อภยั ทานงา่ ยท่ีสุด แต่ยคุ น้ียากท่ีสุด
ง่าย คืออะไร วตั ถทุ านยงั ตอ้ งเสียสตางค์ เสียวตั ถุ
ธรรมทานยงั ตอ้ งเสียเวลา เสียพลงั งานพดู แลว้ กเ็ สียอะไรรู้
ไหม ทุกวนั น้ี ความรู้ท่ีเราคน้ ควา้ วจิ ยั มาได้ นกั วิทยาศาสตร์
พอวิจยั สาเร็จแลว้ กลา้ ใหไ้ หม ไม่ กจ็ ดลิขสิทธ์ิ การใหธ้ รรม
ทาน เราไมข่ ้ีเหนียวความรู้ เราตอ้ งเสียเวลา เสียคาพูด เสีย
ความรู้ ท่ีเรามนั ประมาณคา่ เป็นเงินไม่ได้ เราใหเ้ คา้ โดยไม่
ตอ้ งหวงั อะไรเลย เราก็ได้ ไดม้ ากกวา่ วตั ถทุ าน แลว้ ก็
อานิสงส์ท่ีมนั ขยายวงกวา้ ง ไดม้ ากกวา่
แต่มนั ก็ยงั สู้ อภยั ทาน แค่คร้ังเดียวไมไ่ ด้ อภยั ทานให้
คนแคค่ นเดียว คนที่ใหน้ ่ีไดอ้ านิสงส์มาก แลว้ มนั กง็ ่าย ไม่ตอ้ ง
อา้ ปากพดู ไม่ตอ้ งเสียเงินสักบาทหน่ึง นี่ง่ายที่สุด แตม่ นั
กลายเป็นเรื่องยาก เพราะกิเลสเราไมย่ อม ทิฐิมานะ ถงึ ทะเลาะ
31
กนั ท้งั บา้ น ท้งั เมือง ท้งั โลก สร้างความเกลียดชงั บาดหมาง
พยาบาท อนั น้ีน่ากลวั มาก จริงแลว้ เป็นเรื่องท่แี กง้ ่ายๆ ไมต่ อ้ ง
เสียสตางค์ ไม่ตอ้ งเสียพลงั งาน
เห็นไหม เอาภเู ขา ออกจาก อก ไม่ตอ้ ง ไปนง่ั ฝัน ไป
คิดถึงคู่แคน้ แคน้ น้ีตอ้ งชาระสิบปี ยงั ไม่สาย มนั ผา่ นไป 9ปี
11เดือน 29วนั เหลืออกี วนั เดียว จะหมดเวลาแลว้ คิดถงึ มนั อีก
น่ีกต็ อ่ วซี ่าไปอีกสิบปี ตายแลว้ ไม่จบ ขา้ มภพขา้ มชาติ ที่เรารู้
เรารู้เฉยเฉย แตเ่ รายงั ไมเ่ คยเขา้ ถึง ธมั มวจิ ยสมั โพชฌงค์ ถา้
เราเขา้ ถึงแลว้ เราไม่ทะเลาะกบั ใครอีก
32
ท่ีมา : เรื่อง อุปสรรคในการปฏิบตั ิ
บรรยาย โดย พอ่ ครูบญั ชา ต้งั วงษไ์ ชย
ศูนยพ์ ลาญข่อย 22 กุมภาพนั ธ์ 2557