The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พ่อครูบัญชา ตั้งวงษ์ไชย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by plarnkhoi11, 2021-06-03 19:57:32

ดูที่เจตนา

พ่อครูบัญชา ตั้งวงษ์ไชย

Keywords: ธรรม,พลาญข่อย,meditation,plarnkhoi,พ่อครูบัญชา ตั้งวงษ์ไชย,ศูนย์พลาญข่อย,ทุกข์,ebookplarnkhoi

1

2

สารบญั

เป็นสิ่งท่ีรู้ ก็รู้ไดเ้ ฉพาะตน 3
ผลของการปฏิบตั ิ 3
ดูท่ีเจตนา 12

3

เป็นสิ่งที่รู้ กร็ ู้ได้เฉพาะตน
จะรู้ได้อย่างไรว่า เข้าถึงหรือยงั

ถา้ คนเขา้ ถึง เคา้ กไ็ ม่ถาม มนั เป็น ปัจจตั ตงั เวทิตพั โพ
วญิ ญูหิ เป็นสิ่งที่รู้ ก็รู้ไดเ้ ฉพาะตน กินเอง ก็อิ่มเอง ไมม่ ีผู้
เขา้ ถึง ไม่มีส่ิงที่ถกู เขา้ ถึง แค่วาง กถ็ ึง บางอยา่ งเราพดู ดว้ ย
ภาษาไม่ได้ ยงิ่ พดู ยงิ่ เลอะเลือน ยง่ิ พดู ยง่ิ ขดั แยง้ พระพทุ ธเจา้
ถึงบอกวา่ ท่านจงมาดูเถิด ปฏิบตั ิเถิด ผใู้ ดเห็นธรรม ผนู้ ้นั เห็น
เรา ตถาคต ถา้ เขา้ ถึงจริงๆแลว้ เราก็ไมม่ ีขอ้ ลงั เลสงสัย เรียกวา่
กงั ขาวติ รณวสิ ุทธิ จะไม่มีขอ้ กงั ขาใดๆท้งั น้นั จะไม่หาคาตอบ

ผลของการปฏิบตั ิ
ผลของการปฏิบัติข้อนึง ท่พี ่อครูพูดถึง คือ เกิดอาการไม่คิด
หรือสิ้นคิด ในขณะเดยี วกนั ได้ยินคาว่า ดาริชอบ หนึ่งใน
มรรค๘ มรรคมอี งค์แปด ในที่นี้ มีคาอธิบายอย่างไร

ดาริชอบ เป็นเร่ืองของมรรค เป็นหน่ึงในมรรคมีองค์
แปด เป็นช่วงที่กาลงั จะเดินทาง กาลงั ปฏิบตั ิ แตเ่ ราปฏิบตั ิแลว้
เรากลายเป็นคนสิ้นคิด ไม่สร้างมโนกรรมอีกแลว้ อนั น้ีคือผล

4

มรรคผลสูงสุด คือนิพพาน ทนี ้ี คาถามตวั น้ีพยายามจะไป
เขา้ ใจวา่ มนั เป็นสิ่งเดียวกนั แลว้ กไ็ ปเขา้ ใจผดิ อีกอยา่ งนึง คือ
คาวา่ ดาริชอบ ไปเขา้ ใจวา่ เป็นความคิด ดาริชอบไมใ่ ช่เร่ือง
ความคิด พระเจา้ อยหู่ วั เรา บางทีพระองคท์ รงดาริ คือ ช้ีทาง
ใหพ้ วกเรา ถา้ ดาริในทางวชิ าการ ในมรรคมีองคแ์ ปด เรียกวา่
สมั มาสังกปั ปะ

สัมมาสังกปั ปะ คือ ความดาริชอบ คือ ความมุ่งหมาย
ที่จะไม่ทาความเดือดร้อน เบียดเบียน หรือ ทาความลาบาก
ให้แก่ตนเองหรื อผู้อื่น ไม่ผูกพยาบาทหรื อจองเวร และ
พยายามละกามารมณ์ หรือดาริว่าจะออกบวช ดาริ ไม่ได้
แปลว่าความคิด มีความมุ่งหมาย ทีน้ีความมุ่งหมายน้ีจะ
เกิดข้ึนได้ ถา้ ความมุ่งหมายน้ีเป็ น สัมมาสังกปั ปะ เป็ นความ
มุง่ หมายที่ชอบ ตอ้ งมีสัมมาทิฐิก่อน ตอ้ งเห็นชอบ

แต่ทุกวนั น้ี เราต้งั โจทยใ์ ห้ชีวิตผิด มนั เป็ นการเห็นผิด
เป็ นชอบ เห็นกงจกั รเป็ นดอกบวั เราเห็นผิดเป็ นชอบอยา่ งไร
เราบอกว่า ถา้ เรามงั่ คงั่ เราร่ารวยแลว้ น่ันแหละคือความสุข
น่ันคือความมน่ั คง ถา้ เรามีความเห็นแบบน้นั เราก็ดาริว่า เรา
ตอ้ งรวยทุกรูปแบบ แมก้ ระทง่ั ปลน้ ก็เอา ขโมยก็เอา โกงก็เอา

5

อนั น้ีก็เป็ นเร่ืองที่ดาริไม่ชอบ ดาริ จึงไม่ไดแ้ ปลว่าความคิด
มนั เป็นความมงุ่ มนั่ ท่ีจะเดินใหไ้ ปถึงเป้า

คาวา่ ชอบ น่ีคือ สัมมา คือวา่ ไปในทางบวก แตถ่ า้ มิจฉา
ไปในทางลบ ตอนน้ีความรู้ที่เราเรียนทางวิชาการ ต้ังแต่
อนุบาล จนถึงปริญญาตรี โท เอก ก็ช่าง เกือบท้งั หมด มาใน
รูปของภาษา ในรูปของตัวอักษร พ่อครูเปล่งวาจาออกมา
ยี่สิบหกปี นักวิชาการเคา้ พยายามจะจบั คาพูด ความรู้เคา้ เกิด
จากคาพูด ซ่ึงมนั เป็ นรูปของภาษา เพราะเคา้ ยงั ไม่เคยเขา้ ไป
สมั ผสั ตวั ใน

พ่อครูพูดตลอดว่า คนคิดเป็ น คือคนไม่คิด มิใช่คน
คิดเก่ง คนคิดเก่ง ยงิ่ คิด ก็ยง่ิ ทุกข์ เรียกวา่ คนคิดไม่เป็น คนคิด
เป็น ถา้ จาเป็นตอ้ งคิด ก็คิดแต่เร่ืองเป็นกุศล เป็นประโยชน์ต่อ
ตนเองและผูอ้ ื่น นี่คือ คิดแต่เร่ืองเป็ นสัมมา คิดท่ีถูกตอ้ ง แต่
ถา้ คนบรรลุธรรม จนสุดทา้ ยแลว้ เคา้ ไม่มีอนาคต เคา้ ไม่มี
เหตตุ อ้ งคิด ที่พอ่ ครูเรียกวา่ เป็นคนสิ้นคิด

ต้งั แต่เล็กๆ เราถูกสอนว่า ลูกตอ้ งคิดเก่งเก่ง ถา้ ใครไม่
คิดถือว่าโง่ เราก็เลยคุน้ เคยว่า ชีวิตเราตอ้ งคิดสิ ไม่คิดไดย้ งั ไง
มีคนถามพ่อครู ไม่คิดไดย้ งั ไง มนั เป็ นไปไดย้ งั ไง แลว้ ไม่คิด

6

มนั ผิดตรงไหน ตอนน้ีมนั กลายเป็ นกิเลสเราแลว้ ถา้ ไม่คิดน่ี
แปลก ไม่น่าเช่ือ เรากเ็ ลยคุน้ เคยวา่ ตอ้ งคิดสิ

เราก็เข้าใจว่า ดาริชอบ คือความคิด มันไม่เกี่ยวกับ
ความคิดเลย มนั เป็นความรู้สึกต้งั มนั่ เมื่อเรารู้วา่ เส้นทางเสน้ น้ี
มนั เป็นเส้นทางท่ีควรจะเดิน เม่ือเราเดินไปแลว้ มนั จะพน้ ทุกข์
เราก็ดาริว่า เราตอ้ งต้ังมนั่ มุ่งหมายที่จะเดิน มันไม่ได้ผ่าน
ความคิด

การปฏิบตั ิ คือ เม่ือเราปฏิบตั ิมากๆ แลว้ ผลของการ
ปฏิบตั ิ คือ เกิดอาการไม่คิด แลว้ กเ็ ป็นคนสิ้นคิด เม่ือเราไม่มี
อนาคต เราไม่มีความอยากแลว้ เราไม่มีเหตตุ อ้ งคิด ที่เราคดิ
เพราะเรามีอนาคต เราจึงคิด เรามีความอยาก เราจึงคิดเราคิด
วางแผน เมื่อเราไม่มีอนาคต ไมม่ ีความอยาก เราไมม่ ีเหตตุ อ้ ง
คิด อนั น้ีคือผลของการปฏิบตั ิ มรรค ผล นิพพาน ผลสูงสุดคือ
นิพพาน

ประเด็นน้ีคลา้ ยๆวา่ เคา้ ไม่เขา้ ใจวา่ มนั เป็นคนละช่วง
มรรคคือออกกาลงั กาย ผลคือเราแขง็ แรง อนั น้ีประเดน็ แรก
ประเด็นที่สอง ก็ไปเขา้ ใจคาวา่ ดาริชอบ เป็นความคิด ตวั น้ี
เขา้ ใจผิดอีก พ่อครูบอกแลว้ ภาษาไทยดว้ ยกนั อ่านแลว้ ทกุ คน

7

เขา้ ใจไมเ่ หมือนกนั พระพทุ ธเจา้ เตือนวา่ อยา่ พ่งึ เช่ือตารา
เพราะตารา มนั อยใู่ นรูปของภาษาท้งั น้นั อยา่ พ่งึ เชื่อคนท่พี ูด
เป็นครูบาอาจารย์ เพราะท่านพดู ในรูปของภาษา เราอาจจะ
เขา้ ใจผดิ

มรรคมีองคแ์ ปด ขอ้ แรกเรียกวา่ สัมมาทิฐิ คือ ความ
เห็นชอบ ความเห็นชอบคือเห็นอะไร ความเห็นท่ีถกู ตอ้ ง เห็น
ท่ีถูกคลองธรรม เห็นตามความเป็นจริง เราพูดอยา่ งไรกช็ ่าง
ทกุ คนก็วา่ ช้นั เห็น แตบ่ างทีส่ิงท่ีเราเห็น มนั ไม่จริงก็ได้ ถา้ เรา
ไม่เขา้ ถึงปัญญาตวั น้ีจริงๆ เราก็เถียงกนั เห็นเร่ืองเดียวกนั แต่
เห็นคนละนยั ยะ มนั กต็ า่ งกนั สุดทา้ ยกต็ อ้ งฝึก ใหเ้ ราเขา้ ถงึ
ปัญญาจริงๆ ถา้ เราเขา้ ถึงตรงน้นั จริงๆ เราไปนงั่ ปฏิบตั ิธรรม
อยทู่ ี่อเมริกา อยอู่ งั กฤษ หรือวา่ โตเกียวกช็ ่าง เราจะเห็นสิ่ง
เดียวกนั และความจริงน้นั อีกก่ีลา้ นปี ก็ไม่เปลี่ยนแปลง มนั
ตอ้ งฝึกใหต้ วั เอง เขา้ ถึงตรงน้นั ก่อน

สัมมาทิฐิ ท่ีเป็นส่วนของ อริยมรรคมีองคแ์ ปด หมายถึง
ความเห็นในอริยสัจ๔ กค็ ือเห็น ทกุ ข์ สมทุ ยั นิโรธ มรรค
พวกเราทุกวนั น้ี เราทกุ ขท์ ุกวนั ปวดทอ้ งไปปลดทกุ ข์ เราเขา้
หอ้ งน้า เรากบ็ รรลุทกุ วนั เราปลดทุกขก์ อ้ นน้นั ปลดทุกเวลา

8

เราถูกด่า เราเจบ็ ใจ เราทุกขใ์ จ แตเ่ ราไมเ่ ห็น เราถกู อารมณ์
อยาก อารมณ์กลวั อะไรตา่ งๆ เราทกุ ข์ แต่เราไมเ่ ห็นทุกข์
เราจึงไม่เห็นธรรม

ดาริชอบ ก็เป็ นหน่ึง ในมรรคมีองค์แปด เห็นชอบ
ดาริชอบ เป็ นเร่ืองของปัญญา อยู่ในหมวดของปัญญา ส่วน
วาจาชอบ อาชีพชอบ การกระทาชอบ อยูใ่ นหมวดของศีล
จะมงุ่ สู่ความพน้ ทุกข์ มีศีลแค่สามขอ้ ไมแ่ บง่ ช้นั วรรณะ ไมว่ า่
จะชนชาติใด เผา่ พนั ธุใ์ ด อาชีพใด

วาจาชอบ คาว่าชอบ พูดแต่เร่ืองที่มีประโยชน์ต่อ
ตวั เองและผูอ้ ื่น พูดแต่เร่ืองสร้างสรรค์ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูด
ปดมดเทจ็ ไม่โกหก ไม่พูดใส่ร้ายป้ายสี

อาชีพชอบ อาชีพที่เราดาเนินอยู่ ท่ีเล้ียงชีพ ตอ้ งไมม่ ี
ผใู้ ดเดือดร้อน ไมเ่ บียดเบียนตวั เองและผอู้ น่ื น่ีคืออาชีพชอบ
ไม่ใช่วา่ ช้นั พูดตรงไปตรงมา ช้นั ไม่โกหกเลย มนั ดีกข็ ายแพง
มนั ไมด่ ีก็ขายถูก แคน่ ้ีเรียกวา่ อาชีพชอบ ไดม้ ย๊ั ยงั ถา้ เราทกุ ข์
กบั อาชีพน้นั ไม่ไดก้ ิน ไม่ไดน้ อน เพราะความมงั่ คงั่ อยาก
รวยนนั่ มนั ไมช่ อบ เราเบียดเบียนตวั เองแลว้ อาชีพชอบน่ี ตอ้ ง
ไม่มีผใู้ ดเดือดร้อน

9

ขอ้ สุดทา้ ย การกระทาชอบ การกระทาโดยการพดู การ
กระทาโดยการทามาหากิน ทกุ การกระทาของเรา ตอ้ งไม่มี
ผใู้ ดเดือดร้อน น่ีคือเคา้ เรียกวา่ ชอบ ถา้ มีคนเดือดร้อน มนั คือ
ไม่ชอบ จะไปนิพพานง่ายๆ ทาแค่สามขอ้ น้ี ยากมยั๊ ไม่ยาก
เรากวา่ จะเรียนอนุบาล จนถึงมธั ยม ปริญญาตรี โท เอก
แทบตาย เรียนกท็ ุกข์ จบออกมาไปทางาน กท็ กุ ขอ์ ีก วนั จะตาย
ตายไม่ลง กท็ กุ ขอ์ ีก ยงั ทมุ่ เทตลอดชีวิต พระพุทธเจา้ พดู งา่ ยๆ
แลว้ กท็ าไมไ่ ดย้ ากดว้ ย ตารวจไม่จบั ไมต่ อ้ งขอวีซ่า อนั น้ีไม่
ตอ้ งขออนุญาตใคร งา่ ยท่ีสุด

ทีน้ีศีลนี่เท่าเทียมกนั ไมแ่ ยกช้นั วรรณะ ส่วนศีลหา้ ศีล
แปด ศีลสิบ ศีลปาฏิโมกข์ มนั เป็นวนิ ยั เกิดข้ึนทีหลงั เป็นศลี
ในการอยรู่ ่วม เหมือนกติกา เราสร้างกฎหมายข้ึนมา กฎหมาย
เหตขุ อ้ ตกลง พวกเราผคู้ รองเรือน ถือศีลหา้ ก็พอ ตอ้ งทามา
หากิน แต่ตอ้ งใชเ้ วลาวา่ ง ไปเล้ียงพระ ไปเล้ียงเณร เล้ียงชี
เพราะทา่ นเหล่าน้นั เป็นนกั บวช ไม่มีหนา้ ที่ทามาหากิน มี
หนา้ ที่ศึกษาธรรม กศ็ ีลหา้ กพ็ อ ปฏิบตั ิมาใหเ้ คร่งข้ึนหน่อยนึง
กใ็ หอ้ ยศู่ ีลแปด อนั น้ีเป็นวนิ ยั

10

ศีลหา้ น่ีมีขอ้ ไหนบา้ งใหป้ ฏิบตั ิ ไม่มีเลย ละเวน้ การฆา่
สตั ว์ ช้นั กน็ ง่ั เฉยๆ ช้นั ไมฆ่ ่าสตั ว์ ละเวน้ การพูดปดมดเทจ็
ช้นั กไ็ มโ่ กหก ช้นั กน็ ง่ั เฉยๆ ผดิ ศีลในกาม ช้นั ก็ไม่ทา ช้นั ก็
นงั่ เฉยๆ ลกั ขโมย ช้นั ก็ไม่ขโมย ช้นั ก็นงั่ เฉยๆ หา้ มกิน
เหลา้ เครื่องดองของเมา ช้นั กไ็ มก่ ิน นง่ั เฉยๆ เราก็เท่ากบั เกา้ อ้ี
ตวั น้ี เทา่ กบั หินกอ้ นนึง เป็นตวั ป้องกนั ไมใ่ หเ้ ราไปสร้าง
กรรมเท่าน้นั เอง เมอ่ื ไม่ทาอะไรเลย มนั จะเกิดบารมีไดม้ ย๊ั
มนั จะไปนิพพานไดห้ รือเปล่า อนั น้ีคือ ศีลวนิ ยั

แต่ศีล เพื่อมงุ่ สู่ความพน้ ทุกขน์ ี่ มีสามขอ้ เทา่ เทียมกนั
หมด ไม่แบง่ ช้นั วรรณะ น่ีคือ วาจาชอบ อาชีพชอบ การ
กระทาชอบ ศีลในมรรค

ทีน้ีความเพียรชอบ สติชอบ สมาธิชอบ อันน้ีอยู่ใน
หมวดของสมาธิ พ่อครูช้ีให้ดู ความเพียร กบั แมก้ ระทงั่ สติน่ี
เป็นส่วนนึงของสมาธิ มนั ไมใ่ ช่พระเอก ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด
แต่ตอนน้ี การปฏิบตั ิธรรมของเรา เกา้ สิบเปอร์เซ็นต์ไปจบที่
สติ สติ สติ มันจึงไม่ไปไหน สติไม่ใช่พระเอก แลว้ มรรคมี
องคแ์ ปดน่ีมาจากไหน เป็ นตวั ขยายผล ของไตรสิกขา ก็คือ
ศีล สมาธิ ปัญญา เคา้ ขยายให้เป็นแปด เพ่ือให้มนั เห็นชดั เจน

11

ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ถามว่าสติเอาไปซ่อนอยู่ไหน เม่ือเรา
เจริญสติ สติเป็นพระเอก แลว้ สติอยู่ไหน ทาน ศีล ภาวนา
แล้วสติอยู่ไหน ก็ไม่เห็น แต่ไม่ใช่สติไม่สาคัญ สติเป็ น
เคร่ืองมือในการเดินทาง ซ่ึงสาคญั เป็ นหน่ึงในแปด แต่ไม่ใช่
พระเอก ไมใ่ ช่เป้าหมาย สูงสุดของพระพทุ ธศาสนา คือ ทาให้
พวกเราเกิดปัญญา ผลสูงสุด คือ นิพพาน

มรรคมีองคแ์ ปด มรรค คือ ทางเดินเพ่อื มุ่งสู่ความพน้
ทุกข์ แต่มีขอ้ กากบั แปดขอ้ ทีน้ี เราฝึ กสติขอ้ เดียว กาลงั มนั
ถึงม๊ยั ตอนน้ีเราทามาหากินเรื่องเดียว พอมั๊ย ทุกคนต้องมี
สัมมาอาชีวะ แต่มุ่งทามาหากินตลอดชีวิต มนั ก็ไม่พน้ ทุกข์
เพราะว่ากาลงั มนั ไม่ถึง มนั ตอ้ งท้งั แปด ถา้ เราอยากจะรู้วา่ เรา
ทาสิ่งน้ีไป มนั เป็ นความถูกตอ้ งหรือไม่ ให้มาสารวจดูว่า
ถา้ มนั ขดั แยง้ หน่ึงในแปดนี่ แมก้ ระทง่ั ขอ้ เดียว ก็คือผิด ตอ้ ง
ไม่ไดผ้ ดิ เลยท้งั แปดขอ้ น้ี มรรคมีองคแ์ ปด เรียกวา่ มรรคสมงั คี
แปดขอ้ น้ีรวมเป็ นหน่ึงเดียว ถา้ เราสามารถ ดารงชีวิตแบบน้ี
ได้ นิพพานอยใู่ กลๆ้

12

ดทู ี่เจตนา
ท่ีพ่อครูพาครอบครัว โดยเฉพาะลูกทัง้ สองที่ยงั เลก็ อยู่ เปลย่ี น
ชีวิตท่ีสะดวกสบาย จากเมืองนอกมาอย่ปู ่ า ไม่เป็นการทวน
กระแสหรือ ไม่เป็นการลิดรอนสิทธิเดก็ หรือ

คาถามน้ีมีสองประเดน็ คือ หน่ึง ไมเ่ ป็นการทวนกระแส
หรือ อนั ท่ีสอง ไม่เป็นการลิดรอนสิทธิเด็กหรือ เราเริ่มจากตวั
ทวนกระแสก่อน ทวนกระแสมนั คืออะไร ส่วนมากเราเขา้ ใจ
ไปในทางลบ เหมือนวา่ กาลงั ต่อสู้กบั อะไร ซกั อยา่ งหน่ึง หรือ
ตอ่ ตา้ นอะไรบางอยา่ ง ท่ีผคู้ นส่วนใหญเ่ คา้ ยอมรับ และทากนั
เหมือนเป็นการทาลาย ความเป็นปกติ ท่ีคนส่วนใหญ่คุน้ เคย
มีความรู้สึกวา่ เป็นส่ิงท่ีไมถ่ ูกตอ้ ง ถา้ ใครทาไม่เหมือนเรา ที่
เราเคยชินแบบน้ี เฮย้ ไอม้ นุษยต์ ่างดาว อนั น้ีทวนกระแส เรา
จะมอง เราจะมีความรู้สึกวา่ เป็นไปทางลบ เป็นการทาลาย
ความเป็นปกติของเคา้ เรามองมมุ เดียว

จริงๆ แล้วตัวทวนกระแส จากความรู้สึกในทางลบ
เหมือนเป็ นการทาลายสมมุติบัญญัติ ท่ีเค้าเคยชิน อันน้ีคือ
ความรู้สึกส่วนใหญ่ แต่การทวนกระแสในดา้ นบวก คือทวน
กระแสเพื่ออะไร เราตอ้ งถามก่อนวา่ คุณทวนกระแสเพอื่ อะไร

13

คุณมีเจตนาอะไร แต่ทวนกระแส ไม่ได้ทาลายกระแส ปลา
เป็ นทวนน้ า ปลาตายตามน้ า ปลามันไม่มีเจตนาทาลาย
กระแสน้าเลย แต่สัญชาตญาณมนั รู้ว่า ถา้ มนั ตามน้าออกไป
ทะเล มนั ตายหมด มนั จึงวา่ ยทวนกระแส แต่มนุษยเ์ ราทกุ วนั น้ี
ไม่กลา้ ทวนกระแส เพราะจะถูกเคา้ ถามแบบน้ี

พฤติกรรมพอ่ ครู คือ ใช่ ทวนกระแส แต่พอ่ ครูไม่ขวาง
กระแส ไมเ่ คยไปวา่ ใครเลยวา่ พวกเธอเดินทางผดิ แตช่ ีวติ ของ
เรา เรามีสิทธ์ิทวนกระแส แตเ่ ราไม่ทาลายกระแสน้นั เราไม่
ขวางกระแส ตอ้ งเขา้ ใจเจตนาก่อน แลว้ ทาเพอื่ อะไร แตก่ าร
ทวนกระแสดา้ นบวก คอื ทวนกระแส เพ่อื อะไรบางอยา่ ง

อยา่ งเช่นชายคนหน่ึง มีอาชีพสกดั หิน เคา้ กม็ ีหนา้ ที่ท่ี
สกดั หิน ทาลายความเป็นสภาพหินเดิม ในขณะเดียวกนั เคา้ ก็
สร้างสรรค์ หินแกะสลกั ที่สวยงาม ที่มีมลู คา่ เพมิ่ ข้ึนมาใหม่
การสร้างสรรค์ การเปลี่ยนแปลง มนั ตอ้ งองิ ของเก่า แต่เรา
ตอ้ งไม่มีเจตนา สมมตุ ิวา่ เราเอาหินตวั น้ี ไปบดทิง้ หมดเลย
แลว้ กไ็ ปผสมปูนก่อใหม่ อนั น้นั มนั ทาลายกระแส แตน่ ้ีเคา้ อิง
ของเก่า เพ่ือเปลี่ยนแปลงรูปร่าง มนั สร้างสรรค์ พฒั นา ใหเ้ ป็น
ส่ิงที่มีมูลค่าเพมิ่ หรือมปี ระโยชน์

14

การทวนกระแส จึงเป็นการบูรณาการระหวา่ ง ลบ กบั
บวก ระหวา่ งทาลาย และสร้างสรรค์ ทาลายความเคยชินเดิม
เพ่อื สร้างสรรคใ์ หส้ มบรู ณ์กวา่ เก่า ไมม่ ีเจตนา แบบทาลายลา้ ง
เหมือนสงคราม เป้าหมายของสงคราม คือ ทาลายลา้ งใหส้ ิ้น
ซากอยา่ งเดียว เผามนั ฆา่ มนั ใหห้ มด เป็นแง่ลบ ไม่ไดม้ ีอะไร
สร้างสรรค์ แต่การทวนกระแส ไมม่ ีเจตนาจะทาลายลา้ ง แต่
เราตอ้ งทาลาย เพื่อสร้างสรรค์ ทาลายกอ้ นหินกอ้ นน้ี ทาลาย
ความความเป็นมนั ทาลายบางส่วน แลว้ ก็สร้างสรรคส์ ิ่งใหมๆ่

แตก่ ระบวนการทวนกระแส ไมไ่ ดท้ าลายกระแส ไมไ่ ด้
ขวางกระแส เพียงแต่ไม่ไปตามกระแส เท่าน้นั เอง คือ สมมุติ
ว่า เป็ นชีวิตส่วนตวั เรา เราทวนกระแส แต่ไม่มีใครผูใ้ ด
เดือดร้อน เราไม่ได้เบียดเบียนใครเลย อยากก้าวหน้า ตอ้ ง
ถอยหลงั คาน้ีแหละ ที่พาใหพ้ ่อครู พาครอบครัวถอยหลงั จาก
เมืองนอก มาอยใู่ นป่ า ไมใ่ ช่บา้ นนอก ยสี่ ิบหกปี ก่อนไม่มีบา้ น
ไม่มีไฟฟ้าอยสู่ ิบกว่าปี ถอยหลงั มาสู่ทานองคลองธรรม ที่มนั
ควรจะเป็ น ทุกวนั น้ีถอยได้ยงั ไง เดินมาขนาดน้ีแลว้ นั่นคือ
คิดแบบความอยาก ไมม่ ีปัญญา

15

ทวนกระแส จึงเป็ นทางสายกลาง ไม่ไดร้ ังเกียจสิ่งเก่า
แต่อาศยั สิ่งเก่า เพ่ือสร้างสิ่งใหม่ มนั ไม่ปฏิเสธท้งั เก่า ท้งั ใหม่
ไปดว้ ยกนั แต่ทีน้ีถา้ ไม่มีการพฒั นาของเก่า หรือเปล่ียนแปลง
ของเก่าบา้ ง ส่ิงใหม่ก็ไม่เกิดข้ึน แต่ไม่มีเจตนา จะทาลาย
ของเก่า แต่ตอนน้ี คนยคุ ใหม่จะพฒั นาอะไร ขุดรากถอนโคน
ทิ้งของเก่าท้งั หมด

พอ่ ครูเคยพูดถึง เรื่องอิสรภาพ ขอ้ แรกคือ อิสรภาพจาก
อะไรบางอย่าง อนั ที่สองคือ อิสรภาพเพ่ืออะไร แต่จริงๆแลว้
อิสรภาพดว้ ยตวั มนั เอง ไมม่ ีความหมายอะไรเลย จนกวา่ เราจะ
เลือกหนทาง ท่ีสร้างสรรค์ได้ มันจะต้องปูทางไปสู่อะไร
บางอย่าง เช่น เม่ือเรามีการต่ืนรู้มากข้ึน ทาให้เราค้นพบ
ความจริงบางอยา่ งในตวั เรา ตวั เราอาจมีพรสวรรคบ์ างอยา่ ง
ที่ยงั ไม่ไดร้ ับการพฒั นา เพราะเราถูกโซ่ตรวนล่ามไว้ เราไม่
สามารถเล่นดนตรีได้ เพราะว่า มือเราถูกมัดไว้ เราไม่
สามารถเตน้ ราได้ เพราะเทา้ ของเรา ถูกล่ามไวด้ ว้ ยโซ่ตรวน

ยกตวั อยา่ ง เหมือนใครมาใหมๆ่ ท่ีนี่ มายนื เชคกิ้ง เชคกิ้ง
น่ีวิชาสุนัข เวลามนั นอนนานๆ นอนทบั ตวั เอง ร่างกายก็
ตึงเครียด มนั ก็ข้ึนมาเชค ผ่อนคลายร่างกาย แลว้ มนั ก็เห่า

16

มนั ก็หอน ผ่อนคลายอารมณ์เครียด มนั จึงไม่เป็นมะเร็ง แต่
ทีน้ี เราเชคไม่ได้ เราถูกโซ่ตรวนเร่ืองอาย บุคลิกภาพ มารา
ทาไม นนั่ แหละ เราเห็นพรสวรรคเ์ ราแลว้ แต่ว่าเราไม่กลา้ ท่ี
จะพฒั นามนั สร้างสรรค์ เพราะเราติดโซ่ตรวนเหล่าน้ี ถา้ เรา
กลา้ ถอดโซ่ตรวนออก อิสรภาพของเรากจ็ ะสมบูรณ์

ส่ิงที่น่าอศั จรรยใ์ จ กบั การทวนกระแส กค็ ือ มนั มีการ
ทาลายไปพร้อมๆ กบั การสร้างสรรค์ มนั ไปดว้ ยกนั มนั ไม่
ปฏิเสธดี ชวั่ ถูก ผิด มนั เป็นกลาง แต่การทาสงคราม คือ
ทาลายอยา่ งเดียว มนั สุดโต่ง บางส่ิงจะถูกทาลาย เพอ่ื จะไดม้ ี
การสร้างสรรคส์ ่ิงใหมเ่ กิดข้ึน มนั จึงเป็นสิ่งที่มีเสน่ห์ และ
น่าสนใจสาหรับคนทกุ คน ท้งั ท่ีผสู้ นใจ เรื่องการทาลายลา้ ง
และผทู้ ี่สนใจเรื่องการสร้างสรรค์ เราเดินทางไปดว้ ยกนั ได้

การทวนกระแส มนั ไมใ่ ช่ปรากฏการณ์สาหรับมวลชน
มนั เป็นเรื่องของปัจเจกชน เป็นเรื่องเฉพาะตวั จะใชเ้ ป็น
บรรทดั ฐาน เป็นอดุ มการณ์ ที่จะใหอ้ งคร์ วมของสงั คม ตอ้ ง
ปฏิบตั ิตามท้งั หมด จึงเป็นไปไม่ได้ สตั วโ์ ลกยอ่ มเป็นไปตาม
กรรม มีภูมิปัญญาทต่ี ่างกนั การมองเห็นท่ีมาของปัญหา
ต่างกนั การตดั สินใจเลือกทางเดินของชีวติ จึงไมเ่ หมือนกนั

17

มนั เป็นเรื่องของปัจเจก เราจะเอาความคิดเรา บอกคนท้งั โลก
มาทวนกระแสกนั เถิด แลว้ ก็ขดั แยง้ ถา้ คนไมม่ ีบญุ บารมี หรือ
วา่ ไม่มีภมู ิปัญญาอยา่ งมาก เราไมก่ ลา้ ทวนกระแส เดี๋ยวถูกด่า
เธอเป็นมนุษยต์ า่ งดาว เธอเป็นส่ิงที่แปลก แต่ถา้ เรามีภูมิปัญญา
แลว้ เรามีกาลงั พอ เราก็สักแตว่ า่ ไดย้ นิ เคา้ พดู เพราะวา่ เคา้ เป็น
ห่วงเรา เรากส็ ักแตว่ า่ ไดย้ นิ แต่เรา ก็ทวนกระแสต่อไป

ถา้ เรามีการตื่นรู้ วา่ การตามกระแสน้นั เป็นเหมือนโซ่
ตรวนผกู เราไว้ เราเป็นธาตุของกระแส ไม่มีอิสรภาพ ทางเดียว
เทา่ น้นั ตอ้ งมีความกลา้ หาญ ท่ีจะทวนกระแส โดยไมต่ า้ น
กระแส มิฉะน้นั ก็ไมม่ ีวนั ที่จะพบกบั อิสรภาพที่แทจ้ ริง เมื่อ
เราตื่นรู้แลว้ วา่ การทวนกระแสนนั่ มนั เป็นทาส มนั ไมอ่ ิสระ
แตเ่ ราไม่กลา้ ทวนกระแส ชีวติ น้ีเราก็ตอ้ งตาม น่ีคือคาตอบวา่
พอเกิดอาการระเบิดแลว้ ทาไมพอ่ ครูทวนกระแส แตพ่ อ่ ครู
ไม่ไดต้ า้ นกระแส มนั เห็นชดั เจนวา่ ที่เราตามกระแสไป
คาตอบคือทุกข์ เราหาความสุขไมเ่ จอ พอมนั ต่ืนรู้ มนั ชดั เจน
แลว้ มนั มีคาตอบ มนั ก็เดินทางทวนกระแส อยากกา้ วหนา้
ตอ้ งถอยหลงั มีคาพดู เป็นคาพดู ที่สวยงาม

18

มีเพียงส่ิงเดียวเท่ านั้น ท่ีจะทาให้ อิสรภาพทั้งหมด
ยงั คงอยู่ มันคือการตื่นรู้ โดยไม่ต้องเลือก เพราะไม่ว่าเราจะ
เลือกอะไร มันกจ็ ะสร้ างข้อจากัดให้เราทั้งสิ้น ที่เราปฏิบตั ิ
ธรรม ไม่พิจารณา ไม่ตดั สิน ไม่เลือกขา้ ง เราวางตวั เป็ นกลาง
ก็ตรงกนั นะ

พ่อครูยกตวั อยา่ งวา่ มีผชู้ ายคนหน่ึง หลอ่ มาก แตก่ จ็ น
มาก หน้ีสินรุงรัง บงั เอญิ เราชอบความมง่ั คงั่ ร่ารวย แต่เคา้ หล่อ
เคา้ ก็มาชอบเรา ไปเจอผชู้ ายอีกคนนึง รวยมาก มหารวยเลย
แตข่ ้ีเหร่มาก เคา้ กม็ าชอบเรา ถา้ เราตดั สิน เลือกคนใดคนหน่ึง
อะไรจะเกิดข้ึน ทีน้ีเราเลือกแลว้ นะ และไมว่ า่ เราจะเลือกอะไร
กต็ าม เราจะทกุ ขท์ รมานไปตลอดชีวติ เพราะเราไดบ้ างอยา่ ง
กเ็ สียบางอยา่ ง ตวั ที่เราไมช่ อบ มนั จะหลอกหลอนเราไป
ตลอดชีวติ ความหลอ่ อนั น้นั สกั พกั นึงมนั เบื่อแลว้ มนั กไ็ ม่
หลอ่ แต่เราตอ้ งลาบาก เพราะความจน เพราะเราติดความหลอ่
แตพ่ อเราติดรวย เรารวยแลว้ เราสะใจ แต่เราเห็นหนา้ ข้ีเหร่
ทุกวนั มนั จะหลอนเราตลอดเวลา ถา้ เราเลือก อิสรภาพเรา
หายไปหมดเลย

19

สกั แต่วา่ รู้ สักแตว่ า่ เห็น ไมพ่ ิจารณา ไมต่ ดั สิน น่ีคือการ
ทวนกระแส อะไรท่ีเราเลือก เราจะรู้สึกเสียใจ ในสิ่งที่เราได้
ทาลงไปเสมอ เพราะวา่ อีกส่ิงหน่ึง จะตามหลอกหลอนเรา
ตลอดเวลา การทวนกระแส จึงเป็นเรื่องขององคร์ วม มนั เป็น
การทาลาย และสร้างสรรคไ์ ปพร้อมๆกนั มนั ไมม่ ีการแบง่ แยก
ใดๆ ไม่มีการเลือกขา้ ง ดาเนินไปตามเหตแุ ละปัจจยั ตามความ
เป็นจริง จึงเป็นวถิ ี มงุ่ สู่ความอิสรภาพท่ีแทจ้ ริง

ส่วนคาถามสุดทา้ ย เป็นการลิดรอนสิทธิเด็กหรือไม่ ท่ี
พ่อครู อุ้มเด็กสองคนน้ี จากเมืองนอกมาอยู่ป่ า อันน้ี ก็
ยกตวั อยา่ งให้ฟัง พอ่ ครูมาถึง พ่อครูก็ทาไร่ก่อน ไร่แหลมทอง
ทามาหากิน ไม่ใช่ทามาหาขาย ทาอยู่ ทากิน ทาทาน ทา
เพราะทา ทาเพราะธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือ
ธรรมะ เราตอ้ งมีอาชีพ มีสัมมาอาชีวะ เราก็ตอ้ งทาทานดว้ ย
ทาน ศีล ภาวนา เป็นหนา้ ที่เรา

ทีน้ีเดก็ ๆท่ีอยใู่ นน้นั เป็นแบบครอบครัวใหญ่ เราปลกู
ตน้ มะม่วง เด็กเคา้ ก็นง่ั เลน่ ไพ่กนั อยู่ พ่อครูกเ็ ดินไป เคา้ จะวง่ิ
หนี บอกอยา่ เพงิ่ ไป ขอคุยดว้ ยหน่อย เคา้ กน็ งั่ บน่ วา่ อยทู่ ่ีนี่มนั
ไมอ่ ิสระ เหมือนไก่อยใู่ นซุม้ ทาอะไรก็ไมไ่ ด้ เล่นไพก่ ไ็ ม่ได้

20

พอ่ ครูบอกเล่นได้ ก็ใหเ้ ลน่ แตเ่ ลน่ แลว้ มนั เสีย เลน่ ไปทาไม
เลน่ การพนนั เสียหมด เสียเวลา เสียสติ เสียความอิสระ เพราะ
เราเป็ นทาสของมนั

ถามเคา้ วา่ ไก่ตวั นึงมนั อยใู่ นซุม้ ไก่ แลว้ อกี ตวั นึงมนั
เดินอยขู่ า้ งนอก มนั อิสระมาก ถามวา่ มีเสือมา มนั จะกินตวั
ไหนก่อน มนั เหมือนอิสระ แต่มนั ไปติดเหลา้ ติดเบียร์ ติดยา
เสพติด ติดหน้ีสิน มนั ไมไ่ ดอ้ ิสระเลย แต่ไกอ่ ยใู่ นซุม้ ไมใ่ ช่
หอ้ งขงั ซุม้ น้ีคือศีล คือเกราะป้องกนั ภยั

คนที่อยกู่ บั พ่อครู สองครอบครัวน้นั เคา้ วา่ พอ่ ครูเป็น
บา้ ปลูกผกั ก็ไม่ใหฉ้ ีดยา ไมใ่ หใ้ ส่ป๋ ุย ปลูกแลว้ แมลงกก็ ิน
เหลือแต่กา้ น ก็บอกพอ่ ครูเป็นบา้ เคา้ ก็เลยหนี ไมถ่ ึงสองปี
ครอบครัวนึงไปติดเอดส์ ครอบครัวนึงไปติดเหลา้ เป็นหน้ีสิน
แลว้ ก็ไปติดคุก อิสระมยั๊ เราแสวงหาแตอ่ ิสระภายนอก แตเ่ รา
ไม่เคยแสวงหาอิสระภายใน ซุม้ ไก่นนั่ ไม่ใช่หอ้ งขงั มนั คือ
เกราะป้องกนั ภยั เรา น่ีคือคาตอบ ท่ีพ่อครูพาลกู สองคนมาอยู่
ที่น่ี พอ่ ครูไมท่ าลายสิทธิลิดรอนอะไรเคา้ พอ่ ครูรักเคา้ เพื่อ
อนาคตเคา้ พอ่ ครูถึงมาอยทู่ ี่น่ี

21

เพื่ออนาคตอะไร มาอยู่ป่ า อนาคตเราตอ้ งหมายถึงว่า
ต้องมั่งคง่ั ร่ารวย พ่อครูไปเจอมาแล้ว มันไม่ใช่คาตอบ มัน
ไม่ใช่ความสุข อนาคตเคา้ ตอ้ งปลอดภยั ตอ้ งทุกข์น้อยท่ีสุด
ตอ้ งมีความมนั่ คงในชีวิต มน่ั คงคือวา่ ไมต่ อ้ งกงั วลอะไรเลย

ถา้ พ่อแม่อยากให้ลูก อนาคตแบบที่เคา้ ไปวิ่ง สร้างหน้ี
สร้างสินข้ึนมา สร้างธุรกิจใหญ่โต แล้วพอตาย ก็ทิ้งภาระ
หน้ีสินให้ลูก เรารักลูกแบบน้ัน มนั ก็กงั วลตลอดเวลา มนั จะ
มนั่ คงมย๊ั นน่ั แหละ อยูท่ ่ีปัญญาของแต่ละคน เห็นที่มาของ
ปัญหาตา่ งกนั

22

ท่ีมา : เร่ือง ดูทเ่ี จตนา
บรรยาย โดย พ่อครูบญั ชา ต้งั วงษ์ไชย
ศูนย์พลาญข่อย 14 มถิ ุนายน 2558


Click to View FlipBook Version