1
สารบัญ 2
กรรมช้ีเจตนา 3
ความสุขท่ีไมม่ ีอยจู่ ริง 4
กระแสปฏิจจสมุปบาท 9
กิริยา หรือ อารมณ์ 15
กุศล อกศุ ล 17
ของคู่ 20
นิมิต 22
สิ้นคิด 25
พลงั งานของจิต 28
เรานบั ถือศาสนาพุทธ เพอ่ื อะไร 30
3
ทำไมพ่อครูพดู ว่ำ กรรมชีเ้ จตนำ ไม่ใช่ เจตนำชีก้ รรม
เราพยายามจะจดั ใหม้ นั ตรงไวยากรณ์ ภาษาบง่ บอก
นิสัย ถา้ เคา้ ไมพ่ ดู ออกมา ไมแ่ สดงมา เราจะเห็นเจตนาเคา้ ม้ยั
กถ็ กู แลว้ เจตนาช้ีใหร้ ู้วา่ มนั เป็นกรรมหรือเปลา่ เจตนาดี
กลายเป็นกรรมดี เจตนาไม่ดีกลายเป็นกรรมชวั่ แต่ทนี ้ีเจตนา
มนั อยขู่ า้ งใน เราตอ้ งเห็น การกระทาของเคา้ ก่อน ถา้ เคา้ ทา
บอ่ ย ๆ เรากเ็ ห็นเจตนา เพราะเจตนาอยขู่ า้ งใน เราไมเ่ ห็น
นอกจากจิตเราบรรลุ สามารถเห็นวาระจิตเคา้ ได้ คือเคา้ ไม่ได้
พูด เราก็เห็น เขาคิด เรากแ็ อบเห็นความคิดเคา้
ภาษาบง่ บอกนิสัย ถา้ เคา้ ไมพ่ ดู ออกมา เรากไ็ ม่เห็น
นิสยั เรากไ็ มเ่ ห็นเจตนา บางทพี ูดทีนึง กย็ งั ไม่แน่วา่ เจตนาเคา้
เป็นอยา่ งน้นั หรือเปล่า แต่ถา้ พูดซ้า ๆ ทาซ้า ๆ เราเริ่มเห็นแลว้
วา่ เจตนาเคา้ เป็นอยา่ งไร เจตนาดีหรือไม่ดี หรือบางคนเพ่อื น
เราชอบแกลง้ แกลง้ เพราะเป็นนิสยั แตไ่ มม่ ีเจตนาต้งั ใจแกลง้
เจตนาเป็นอยา่ งไร ทาเพราะไมไ่ ดค้ ิดอะไร หรือวา่ ทา
เพราะมีเจตนา คนอื่นไม่รู้ แต่จิตเรารู้แลว้ วา่ เราทาเนื่องดว้ ย
เจตนาอะไร เราไปพดู คาพดู น่ีมนั โยงกนั ไปหมด เหตุคือผล
ผลคือเหตุ มนั ไปอยา่ งน้ี คือ ไมม่ ีจุดเร่ิมตน้ จุดเบ้ืองปลาย
4
ภาษาบง่ บอกนิสยั กิริยาบ่งบอกสกุล เราตอ้ งเห็น
ภาษาที่เคา้ เปล่งออกมาก่อน เราจึงเห็นนิสัยเคา้ ถา้ เคา้ ทากรรม
บ่อย ๆ เราจะเห็นเจตนา การแสดงกิริยาเราเห็นบอ่ ย ๆ เราก็
เห็นสกลุ ขา้ งใน เคา้ เป็นอยา่ งไร เขาบ่มเพาะมาดี หรือไม่ดี ก็
ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เอาเวลามาเหว่ียง ดีม้ยั ดีกวา่ จะไปรู้วา่ ภาษา
ตรงน้ี ตรงไหนถกู ตรงไหนผิด
ควำมสุขท่ีไม่มีอย่จู ริง
เป็นผ้หู ญิงตัวเลก็ ๆ ทต่ี ัดสินใจทำอะไร ด้วยตวั เองมำ
ตลอด หวงั ให้ชีวิตมแี ต่ควำมรำบรื่น มีงำน มเี งิน มีคนรัก แต่
ที่ผ่ำนมำล้มเหลวหมด จึงเหลือตวั คนเดยี ว เร่ืองร้ายร้ายที่ผา่ น
มาก็พยายามกด ไมแ่ สดงออก เรื่องดีๆ ท่ีผา่ นไปก็พยายาม
หวนระลึกถงึ ทุกวนั นจี้ ะทำอะไรไม่กล้ำทำ ต้องคอยขอให้คน
อ่ืนช่วยคิด เหมือนตอ้ งการคนผิดแทน เคยนงั่ สมำธิ ได้กลิ่น
หอมเหมือนดอกไม้ไทย ๆ อยำกทรำบว่ำหมำยถึงอะไร เคย
ออกจำกสมำธิแล้ว เห็นเพชรเป็นพวง ๆ ผดุ ออกจำกใต้แผ่น
5
กระเบือ้ งด้วยตำเนือ้ หลำยคร้ังกย็ งั เห็น มคี วำมหมำยอะไร
หรื อไม่
แสดงวา่ ยงั ไมไ่ ดเ้ รียนรู้วิชาพลาญขอ่ ย ถา้ เรียนรู้แลว้
ก็ สกั แตว่ า่ เห็น เร่ืองร้ำยเร่ืองดีที่ผ่ำนมำ ถ้ำเรำสำมำรถลบได้
จะขอลบแต่เร่ืองร้ำย ๆ เรื่องเสียใจ ได้ไหม คนเราจะเอาแต่
เร่ืองดีไว้ อนั น้ีเป็นธรรมชาติของกิเลส คณุ อำปฏิบตั ิสำย
หลวงป่ ูมน่ั คอยยำ้ ว่ำ ชำติท่ีแล้วมกี รรมหนกั เค้ำมำตำมทวง
ทำให้กลวั จับใจ ทุกวนั นี้ คอยระแวงระวงั และโทษเจ้ำกรรม
นำยเวร เป็นผ้กู ระทำทกุ คร้ัง ที่เกิดเร่ืองทุกข์ใจ อยำกให้พ่อครู
ชีแ้ นะให้หลดุ พ้น กำรมำปฏิบัติธรรมท่ีศนู ย์นี้ เป็นคร้ังแรก
หวังเป็นอย่ำงย่ิง ท่ีจะกลบั ออกไปด้วยจิตที่เข้มแขง็ และอย่กู ับ
ลมหำยใจที่เหลือ มีควำมสุข เอาเป็นวา่ ตอ้ งการมีความสุข
สะทอ้ นใหเ้ ห็น ความรู้สึก เป็นสญั ชาตญาณปุถชุ น
ทุกคน ท่ีเกิดมาในสงั คมน้ี ทุกคนแสวงหาความสุข พอ่ ครูพดู
บ่อย ๆ วา่ ความสุขมนั ไม่มี หลายคนก็ไม่รู้ ถามวา่ ความสุข
คืออะไร วาดใหด้ ูหน่อย ก็วาดไม่ออก แต่ทกุ คนกย็ งั แสวงหา
มนั อยู่ เราไปเขา้ ใจวา่ ถา้ เราพอใจ เราสมหวงั หวงั สิ่งใดได้
6
หมด นนั่ คือความสุข มนั เป็นแค่ความพอใจ มนั ไม่ไดแ้ ปลวา่
ความสุข
ความสุขในโลกน้ีไมม่ ี ในโลกน้ีไมม่ ีความเยน็ ท่ีพ่อ
ครูพูดบ่อย ๆ พระอาทิตยเ์ ป็นตวั จ่ายความร้อน ไมม่ ีดาวดวง
ไหนจ่ายความเยน็ ทน่ี ้าแขง็ มนั เยน็ เพราะความร้อนมนั นอ้ ย
เทา่ น้นั เอง ฉนั ใดฉนั น้นั ความสุขไมม่ ี ถา้ ความทุกขย์ งั มี ถา้
เอาทุกขอ์ อก ในโลกน้ี มีทกุ ขม์ าก ทกุ ขน์ อ้ ย เทา่ น้นั เอง วนั ที่
เราทุกขน์ อ้ ย มนั กแ็ สดงความรู้สึก รู้สึกเบาสบาย นนั่ แหละ
มนั คือความสุข มนั เป็นเรื่องของอารมณ์ เป็นของคู่ ภาษาทา
ใหเ้ ราไขวเ้ ขว
เราแสวงหาสิ่งท่ีมนั ไมม่ ี เราไมม่ ีวนั เจอ พอวนั ไหน
เราไดด้ ง่ั ใจ เรากพ็ อใจ เราบอกสุ้กสุข ชีวติ เรามนั ไม่ไดด้ งั่ ใจ
ตลอดเวลา พอสุขมีคนมาแยง่ แยง่ ส่ิงท่ีเรารักไป เราก็เลยทุกข์
ท้งั หมด คือเราไม่ไดเ้ ขา้ ใจชีวิตเรา พดู องคร์ วมหมายถึงวา่
ผิดหวงั บ่อย ๆ จนกลายเป็นคน ไม่เชื่อมนั่ ในตวั เอง ขยาดไป
หมด จากตวั เองเป็นคนเช่ือมน่ั ทาอะไรไดด้ ว้ ยตวั เอง พอหวงั
อะไร ก็ผดิ หวงั หวงั อยากมีคนรัก ก็ไมไ่ ดด้ ง่ั ใจ เม่ือก้ีมีสาม
อยา่ ง มีงาน มีเงิน มีคนรัก นี่ชดั เจนมาก
7
มีผนู้ าท่านนึงพูดวา่ งานคือเงิน เงินคืองาน บนั ดาลสุข
เป็นชุดเลย ถา้ มีงานแลว้ ก็มีเงิน มีเงินแลว้ ก็ซ้ือความสุข
สะดวกสบาย นนั่ คือความสุข เราก็แสวงหา ทุกคนมีงาน มา
กวาดใบไมใ้ นศนู ยน์ ้ีกง็ านแลว้ มาช่วยกนั ดูแลเดก็ น่ีกง็ าน ถา้
งานแบบน้ี มนั ไมม่ ีเงิน กลายเป็นไม่ใช่งาน เพราะเคา้ บอกวา่
งานคือเงิน เงินคืองาน มนั ถึงจะบนั ดาลสุขได้ ทกุ อยา่ งเลยตอ้ ง
ผา่ นเป็นเงินก่อน ถึงจะมีความสุข เราบอกวา่ มนั เป็นสมมติ
บญั ญตั ิ รู้หมด เงินก็สมมติ งานกส็ มมติ คนรักก็สมมติ ทาไม
คนรักสมมติ ตวั เราเองก็สมมติ ยงั ไมใ่ ช่ตวั เราเลย เราจะมีคน
รักอะไรที่ไหน
เรารักคนท่ีเราชอบเคา้ นนั่ คือคนรักเรา แต่คาวา่ ถา้ คน
น้นั เคา้ รักเรา แสดงวา่ เคา้ เป็นคนท่ีรักเรา เราไปเขา้ ใจอยา่ งน้นั
วา่ คนท่ีเราชอบคือคนรัก พอผดิ หวงั ข้ึนมา คนท่ีเรารักถูกคน
อื่นแยง่ ไป เราก็เลยทกุ ข์ เราไปติดกบั สมมติ มนั เป็นสมมติ
หมด ตวั เรากส็ มมติ เร่ิมตน้ จากเราไปหลงวา่ ตวั เรา อาจารย์
พุทธทาสพูดแรงหน่อยนึง กค็ ือวา่ ตวั กขู องกู ขนาดพูดแรงนี่ก็
ไมห่ ลุด ยงั กอดตวั กอู ยู่ เม่ือมีตวั กู กม็ ีของของกู มีคนรักกู เรา
สร้างสมมติฐานข้ึนมาเอง แลว้ พอเรายดึ มน่ั ถือมน่ั วา่ เคา้ เป็น
8
คนรักเรา เคา้ น่าจะทากบั เราอยา่ งน้ี ถา้ ไม่ถกู ใจเรา เราก็เอา
ความรู้สึกเราเป็นท่ีต้งั เคา้ เป็นคนรักเรา เคา้ ควรจะซ่ือสตั ยก์ บั
เรา เคา้ ควรจะดูแลเรา เราเอาตวั เองเป็นบรรทดั ฐาน พอไม่ได้
ดงั่ ใจ กเ็ ลยทกุ ข์ ท้งั หมดคือ เราสร้างอุปาทานข้ึนมาเอง
เป็นเรื่องปกติธรรมดา ของวถิ ีคนโลก แตม่ นั ไมใ่ ช่วถิ ี
พน้ ทกุ ข์ เราไมส่ ามารถจะรักษาอะไร ท่ีเรารักเราชอบ ใหม้ นั
อยยู่ งคงกระพนั แมก้ ระทงั่ ตวั เรา ยงั รักษาตวั เองไมอ่ ยู่ เจา้ ตวั
ช้นั เธอหา้ มแก่ เธอหา้ มเจบ็ เธอหา้ มตายเด็ดขาด ช้นั ไมช่ อบ
ตวั เรามนั ยงั ไมฟ่ ังเราเลย แลว้ คนรักเรา มนั จะฟังเราไดอ้ ยา่ งไร
เคา้ รัก ก็ต่อเมื่อเคา้ ตอ้ งการเรา เม่ือเคา้ เบื่อแลว้ เคา้ จะรักเรา
ทาไม เสียเวลา
หนูอกหกั เพราะแฟนไม่รัก ที่เราอกหกั นี่ ไม่ใช่เพราะ
แฟนไมร่ ัก เป็นเพราะเราไปหลงรักเคา้ มนั สวา่ ง ไมใ่ ช่เป็น
เพราะพระอาทิตยข์ ้ึน มนั มืด ไม่ใช่เป็นพระอาทิตยล์ ง เป็น
เพราะโลกมนั หมุน พอเราฟังบอ่ ย ๆ เราก็เคยชิน กลายเป็น
กิเลสเรา
ท้ังหมดน่ีคือตัวเราเองท้ังหมด ถ้าถามพ่อครูทา
อย่างไร อยากจะออกไปตวั ว่าง ๆ เปล่า ๆ เหว่ียงทิ้งสถาน
9
เดียว ท่ีเราปฏิบตั ิเห็นอารมณ์ เหว่ียงทิ้ง ไม่ใช่เหวี่ยงอารมณ์
น้นั ทิ้ง ไม่ใช่เหว่ียงกิเลสทิ้ง เหว่ียงความหลงทิ้ง เหว่ียงความ
ยึดมนั่ ถือมน่ั ท่ีเรามีกบั มนั ทิ้ง คือ การขดั เกลาจิตให้ผ่องใส
ทาอยา่ งเดียว อยา่ ทาไม ทาไม ทาไม มวั แต่หาคาตอบ มนั ไม่
ไปไหน
กระแสปฏิจจสมปุ บำท
กรุณำช่วยอธิบำย กำรเกิดกระแสปฏิจจสมปุ บำท ท่ีเกิดขึน้ ตำม
สภำวะที่เกิดท่ีเกิดจริง ไม่ใช่ทฤษฎีตำมที่หนงั สือท่ัวไปอธิบำย
ปฏิจจสมุปบาท เป็ นวิชานึง ในพระพุทธศาสนา
พระพุทธเจา้ แสดงเร่ืองน้ี เพียงแค่ให้เรารู้ว่า ความเช่ือมโยง
เก่ียวเนื่องกนั ไม่มีแมแ้ ต่หน่ึงอยา่ งเกิดข้ึนลอย ๆ อยา่ งตวั เรา
อยู่ ๆ ก็เกิดเป็นตวั เราเลยหรือ ก็ไม่ มนั ประกอบดว้ ย ดิน น้า
ลม ไฟ กบั วิญญาณธาตุ กลายเป็นตวั เราข้ึนมา ไมม่ ีแมแ้ ต่หน่ึง
อย่างเกิดด้วยตวั มนั เอง พระพุทธเจ้าไปตรัสรู้ ไปเห็นสิ่งน้ี
ความจริ งตามธรรมชาติ หลักของปฏิจจสมุปบาท ท่ี
พระพุทธเจ้าช้ีให้เห็น ก็คือว่า จะเห็นเร่ืองความเชื่อมโยง
10
เกี่ยวเนื่องของมนั ท่ีเคา้ พยายามขีดกลม ๆ สิบสองข้นั ตอน
แต่สาหรับพ่อครู ไมเ่ ก่ียวกบั ทฤษฎีวิชาการตรงน้ี
ปฏิจจสมปุ บาท ท่ีมนั เกิดข้ึนมา เน่ืองจากขนั ธ์หา้
ขนั ธ์หา้ เกิดข้ึนมา เน่ืองจากอายตนะหก อายตนะภายในก็คือ
ตา หู จมูก ลิน้ กาย ใจ แลว้ ก็มีอายตนะภายนอกหก รูป รส
กล่ิน เสียง สมั ผสั มีอยแู่ ลว้ ตามธรรมชาติ รูปกระทบทางตา ถา้
วญิ ญาณท่ีตาไม่รับกระแสน้ี เห็น ก็เหมือนไม่เห็น ไม่มีผล
อาจารยพ์ ุทธทาส เคยพูดเรื่องปฏิจจสมุปบาทว่ามนั
เป็นวนิ าทีเดียว สิบสองข้นั ตอน ตอนน้ันก็ถูกโจมตีจาก
นกั วชิ าการ มนั เกี่ยวกบั เร่ืองเวยี นวา่ ยตายเกิด มีภพชาติ มีชรา
มรณะ ท่านก็อธิบายในเชิงว่า ไม่ใช่ ไม่ใช่ภพภูมิอยา่ งท่ีเรา
ว่า ไม่ใช่ชาติหนา้ ชาติน้ี คือเกิดข้ึนขณะจิตเดียว พ่อครูเขา้ ใจ
ท้งั สองฝ่ าย
อาจารย์พระพุทธทาส ท่านพยายาม จะทาให้
พระพุทธศาสนาเป็ นวิทยาศาสตร์ จับตอ้ งได้ ถา้ ไปพูดถึง
เร่ืองภพชาติ เราจะไปวิจยั อย่างไร เราตอ้ งตาย ตอ้ งอย่าลืม
เกิดชาติหนา้ ตอ้ งอยา่ ลืม ไปวิจยั มนั ต่อ จริง ๆ แลว้ มนั พิสูจน์
ได้ โดยเราระลึกชาติ เม่ือเราเห็นอดีตชาติแลว้ เราเห็นปัจจุบนั
11
เราจะเห็นอนาคต เห็นจริง ๆ แต่ตอ้ งจากคนที่บาเพ็ญเพียร
แตค่ นเขา้ ไปไมไ่ ด้ ในทางวทิ ยาศาสตร์เลยไมเ่ ช่ือเร่ืองอดีต
ท่านพยายามจะแสดง ปฏิจจสมุปบาท ในลกั ษณะ
เรียกว่า อารมณ์ของวิปัสสนา มันเกิดข้ึนสิบสองข้ันตอน
เด๋ียวน้ีเลย แต่ทีน้ีมันปฏิเสธไม่ได้ สิบสองข้ันตอนที่มัน
เกิดข้ึนเดี๋ยวน้ี กรรมที่เราสร้างตอนน้ี มนั ก็ส่งผล ทาให้เกิด
ภพชาติ แบบชาติหน้าจริง ๆ ปฏิจจสมุปบาทวงเล็ก วงเล็ก
คือ เกิดปัจจุบนั เรียกวา่ วปิ ัสสนารมณ์ ต อน ที่ เราเจริ ญ
วิปัสสนา เราจะเห็นข้ันตอนน้ี ในขณะจิตเดียวสิบสอง
ข้นั ตอน แต่ในขณะเดียวกนั กรรมที่มนั เกิดข้ึน เราบนั ทึกไว้
แลว้ ปฏิเสธไม่ไดว้ ่าสัญญาตวั น้ี มนั ก็ส่งผล ถึงอนาคตชาติ
จริง ๆ กเ็ ร่ืองน้ีถกกนั มาก
ทฤษฎีไอน์สไตน์ ท่ีคน้ พบทฤษฎีสัมพนั ธภาพ ก็เป็น
ส่วนหน่ึงตรงน้ี ไอนสไตนค์ น้ พบวา่ ความเชื่อมโยงเก่ียวเน่ือง
ของสรรพส่ิงทุกอยา่ ง ไมม่ ีแมแ้ ต่อยา่ งนึง เกิดข้ึนลอย ๆ ดว้ ย
ตวั มนั เอง ปฏิจจสมปุ บาท ท่ีพระองคท์ รงแสดงนยั ยะก็คือวา่
ไมม่ ีเบ้ืองตน้ ไม่มีเบ้ืองปลาย ส่ิงน้ีมี ส่ิงน้ีจึงมี เหตุเกิด ผลจึง
เกิด เห็นความเชื่อมโยงเก่ียวเนื่อง แมก้ ระทงั่ สรรพสิ่งพลงั งาน
12
แมก้ ระทง่ั เรื่องกระแสกรรม เหมือนกนั มนั เชื่อมโยงกนั หมด
มนั ไม่ไดเ้ กิดข้ึนลอย ๆ
สาหรับพ่อครูดูแลว้ ปฏิจจสมปุ บาทเกิดข้ึนได้ ก็
ต่อเม่ือขนั ธห์ า้ ทางาน ถา้ ขนั ธ์หา้ ไม่ทางาน เคา้ ด่าเรา เสียงด่านี่
คือรูป ตวั ไดย้ นิ เสียงคอื นาม ปกติรูปนามมนั เกิดดบั มนั เกิด
เคา้ เลิกด่ามนั ก็ดบั แตเ่ ราไมท่ นั เราไมเ่ ห็นตอนมนั ดบั รูปเกิด
ป๊ บุ กระทบหู กระเทือนใจ เวทนาเกิด มนั บนั ทึกสญั ญาใหม่วา่
เคา้ ด่าเรา สญั ญาใหมน่ ี่ ไปกระทบสัญญาเก่า ที่บอกวา่ ไมช่ อบ
ถูกด่า มนั สปาร์คข้นึ มา สังขารเกิด มนั กค็ ดิ ปรุงแตง่ แลว้ วา่
เธอด่าช้นั ช้นั เสียเปรียบไม่ได้ ฉนั ตอ้ งด่าเธอ ภายในหน่ึง
วินาที ขนั ธห์ า้ ปรุงเรียบร้อย เราเป็นนกั สู้ผยู้ งิ่ ใหญ่ วิญญาณ
เกิด เราก็ด่าคืน กเ็ ป็นวจีกรรม บนั ทึกเป็นสัญญา เคา้ เกลียดเรา
กลายเป็นพยาบาท และท่ีเราดา่ เคา้ จิตเราเองกบ็ นั ทึกวา่ เราดา่
มนั เป็นกรรม เราหลอกคนอื่นได้ เราหลอกจิตเราไมไ่ ด้ น่ีคือ
กระบวนการทางานท้งั หมด
เพยี งแตว่ า่ เคา้ ขยายผลขนั ธห์ า้ ออกเป็นสิบสอง ให้
เห็นข้นั ตอน ในปฏิจจสมปุ บาท รูป เวทนา สัญญา สงั ขาร
วญิ ญาณ เหมือนไตรสิกขา ไตรสิกขามี ศีล สมาธิ ปัญญา
13
ไตรสิกขาเคา้ กข็ ยายผล เป็นมรรคมีองคแ์ ปด คือจะเห็นเป็น
ข้นั ตอนใหม้ นั ละเอียดข้ึน ไม่มีสูตรอะไรเกิดข้ึนลอย ๆ มนั ก็
มีท่ีมาของมนั ถา้ ขนั ธห์ า้ ไม่ปรุง ปฏิจจสมปุ บาท ขบั เคลื่อน
ไมไ่ ด้
ขนั ธ์หา้ เหมือนเป็นฟันเฟื องเลก็ ๆ ที่เกิดตลอดเวลา
หา้ ข้นั ตอนน้ีฟันเฟืองขบั เคลื่อน มนั กไ็ ปขบั เคล่ือนฟันเฟื อง
ของปฏิจจสมปุ บาท น่ีคือการทางานของร่างกายเรา เราดบั
อายตนะภายนอกไมไ่ ด้ คือ รูป รส กลนิ่ เสียง สัมผสั อารมณ์
อยา่ งเคา้ ด่าเรา เคา้ ก็มีอารมณ์มากระทบเรา มนั เป็นเร่ืองท่ีมีอยู่
ตามธรรมชาติ เราดบั มนั ไมไ่ ด้ เรามีหนา้ ที่ฝึกจิตเรา ใหม้ ีสติ
รู้เทา่ ทนั เทา่ น้นั เอง
ยกตวั อยา่ ง เคา้ ด่าเรา มากระทบหู เรามาเหว่ยี งแลว้ ก็
สักแต่วา่ ไดย้ นิ สกั แตว่ า่ ไดเ้ ห็น เห็นป๊ บุ เรายงิ เป้าบิน มนั
กระทบหูดบั ไม่กระเทอื นใจ ขนั ธ์หา้ ไมป่ รุง ปฏิจจสมุปบาท
ขบั เคลื่อนไมไ่ ด้ วฏั สงสารหยดุ ภพชาติหยดุ เพียงแต่วา่ ภาษา
เหลา่ น้ี อาจารยพ์ ุทธทาสพยายามจะช้ีแจง ใหร้ ู้วา่ เป็นเรื่อง
ขณะจิตเดียว แต่ถา้ พดู อยา่ งน้นั เป็นเรื่องของ วปิ ัสสนารมณ์
เป็นเร่ืองอารมณ์วิปัสสนา ในขณะน้นั แต่เราก็ปฏิเสธไมไ่ ดว้ า่
14
ในขณะจิตเดียว เมื่อปฏิจจสมปุ บาท ขบั เคล่ือน ครบวงจรแลว้
กส็ ่งผลถึงภพชาติไดจ้ ริง ๆ เราสร้างภพ สร้างชาติข้ึนมา
ตวั ตน คือ เรื่องขณะจิตเดียว เราบนั ทึกสัญญาน้ี เช้ือตรงน้ีมนั
ขบั เคลื่อน เวียนวา่ ยตายเกิดเลย
บงั เอิญไอนส์ ไตน์ ก็ไปคน้ พบเร่ืองน้ี แต่วา่ เน่ืองจาก
วิทยาศาสตร์สนใจแคร่ ูปธรรม ไปแสวงหาพลงั งาน ที่จะ
เหนือกวา่ คนอื่น เอามาใชป้ ระโยชน์ เคา้ ก็เลยไมเ่ อาหลกั การ
ทฤษฎีสัมพนั ธภาพ ไปวิจยั เร่ืองนามธรรม เร่ืองจิตวิญญาณ
เพราะวา่ เคา้ ปฏิเสธไม่มีจิตวญิ ญาณ น่าเสียดายมาก ถา้ ตอนน้นั
ไอนส์ ไตน์พบพระพุทธเจา้ ไอน์สไตน์จะเป็นพระอรหนั ตเ์ ลย
ชีวิตไอน์สไตน์ก่อนจะเสียชีวิต วกิ ลจริต เป็นบา้
เพราะไปเห็นส่ิงหน่ึง ท่ีมนั เลก็ กวา่ อะตอม ที่เรียกวา่ อนุภาคใต้
อะตอมน้นั รู้อยู่ มนั มอี ยู่ แต่ไม่มีเครื่องมือ จะไปควบคุมมนั
ไดอ้ ยา่ งไร เลยจมปลกั อยใู่ นความคิดน้นั
พระพุทธเจ้าเห็นปฏิจจสมุปบาท เพราะพระองค์
เลิกคิด ถา้ ยงั คิดอยู่ จะไปเห็นส่ิงน้ีไมไ่ ด้ มนั คนละช้นั พ่อครู
ถึงบอกว่า ไม่ต้องเอาไอน์สไตน์ มาเปรี ยบเทียบ กับ
พระพุทธเจ้า มนั คนละเร่ือง ไอน์สไตน์ยงั เป็ นบ้าก่อนตาย
15
แลว้ บางทีตอ้ งเกิดมาใหม่ ถา้ เกิดมาระลึกชาติได้ ไอน์สไตน์
จะกระอกั เลือดด้วย ทฤษฏีที่เค้าเข้าไปค้นพบ เอามาสร้าง
อาวธุ นิวเคลียร์ สร้างอะไรอะไร ที่มนั จะทาร้ายมนุษย์ ไม่ใช่
พระพุทธเจา้ ไม่เห็นเรื่องน้ี แต่พระพุทธเจา้ ไปเห็นแลว้ ถา้ สิ่ง
น้นั มีโทษ พระองคไ์ มแ่ สดง พระองคไ์ ม่ติด ไมถ่ ูกความอยาก
ครอบงาไว้
กิริยำ หรือ อำรมณ์
กำรแสดงท่ำทำงออกมำ แต่ไม่มอี ำรมณ์ หรือควำมรู้สึกใดใด
ร่วมด้วยเลย หมำยควำมว่ำเรำได้ล้ำงอุปำทำนท่ีเป็นอำรมณ์ได้
แล้ว แต่ยงั ล้ำงอปุ ำทำนที่เป็นท่ำทำงยงั ไม่ได้ใช่ไหม
ทา่ ทางที่แสดงออกมา ไมใ่ ช่อุปาทาน มนั เป็นกิริยา
อุปาทานมนั เก่ียวกบั อารมณ์ลว้ น ๆ แต่ทีน้ีถา้ พดู วา่ เราลา้ ง
อุปาทานไดแ้ ลว้ เรากบ็ รรลธุ รรมท้งั หมด เราอาจจะลา้ ง
อุปาทานในเร่ืองน้นั ๆ ได้ เป็นเรื่อง ๆ แต่ไม่ใช่ลา้ งไดท้ ้งั หมด
ถา้ จะใชภ้ าษา ก็ตอ้ งพดู ใหม้ นั ชดั เจน เอาเป็นวา่ เราร่ายรา
เราเดินไป เหมือนเรานง่ั พทุ โธ สามสี่สิบปี ก็พทุ โธ ไม่ใช่เรา
16
ไปติดพุทโธ ไมใ่ ช่อปุ าทานเรา มนั เป็นกิริยาท่ี เราใชเ้ ทคนิค
ตรงน้ี ถา้ พทุ โธคือ เจริญสติ ฝึกสมาธิ มนั เป็นกิริยา ท่ีเราร่ายรา
อะไรกช็ ่าง มนั เป็นกิริยาของจิต ที่จิตมนั ใชอ้ บุ ายวา่ ใหเ้ รามา
ร่ายรา ดีกวา่ เราไปคิด ดีกวา่ เราไปสร้างกรรม เราก็สงบน่ิงอยู่
กบั กิริยาน้นั คือ สะสมแตม้ ไปเร่ือย ๆ อนั น้ีเรียกวา่ มรรคจิต
ถา้ ทา โดยจิตเป็นคนทา ไม่ใช่เราสง่ั การ แต่ถา้ เราฝึก
สมถกรรมฐาน ยงั มีเราสั่งการอยู่ ขวายา่ งหนอ พทุ โธ ยงั มีการ
กระทาเกิดข้ึน ฝึกตวั น้นั เราเรียกวา่ outside in จิตเราจดจ่อตรง
น้นั เพือ่ ใหเ้ ราเลิกคิด เม่ือเราวางความคิด เรากร็ ู้สึกวา่ ง เราก็
รู้สึกสงบชวั่ ครู่ แต่ปัญญามนั ไมเ่ กิด แตถ่ า้ เราเขา้ ไปในจิตใน
จิต จิตเคา้ ทาเอง จิตปัจจุบนั ไม่ตอ้ งทาอะไรเลย ดูเคา้ ทาเฉย ๆ
เราก็ อ๋อ ไปเร่ือย ๆ เป็นกิริยาของจิต เรียกวา่ มรรคจิต กิริยาท่ี
เราแสดงออก ไมใ่ ช่อปุ าทาน มนั เป็นกิริยา
17
กุศล อกศุ ล
ในบำงคร้ังเวลำปฏิบตั ิแล้ว ปรำกฏภำพของส่ิงศกั ดิ์สิทธ์ิ ส่ิงที่
เรำศรัทธำ หรือบคุ คลที่เรำศรัทธำมำก ๆ ขอเรียกว่ำ เป็น
ควำมรู้สึกด้ำนสว่ำง มนั จะมภี ำพของควำมรู้สึกตำ่ ๆ ด้ำนมืด
ขึน้ มำเปรียบเทียบเสมอ ควรปฏิบตั ิอย่ำงไรกับภำพสภำวะใน
แบบนน้ั เพรำะทำให้ไม่สำมำรถปฏิบัติต่อไปได้ จิตตก รู้สึก
ผิดและเศร้ำ ส่ิงเหล่ำนีป้ รำกฏมำเพ่ือเตือน หรือบอกอะไร
หรือไม่ และ วิธีจะทำให้เรำหลดุ จำกสภำวะนนั้
สิ่งเหลา่ น้ีที่ปรากฏมา เพอ่ื เตือน หรือบอกอะไรเรา
หรือไม่ อยา่ งไร เคา้ ทาใหเ้ ราเห็นของคู่ มีข้วั บวก ก็มีข้วั ลบ
เราก็ดูมนั เฉย ๆ แตท่ นี ้ีถา้ ทาให้ จนเราปฏิบตั ิไม่ได้ เพราะวา่
สมมติวา่ เรากาลงั ชอบข้วั บวก เจอแตเ่ ร่ืองกุศล อกุศลกม็ ากวน
เราอีกแลว้ เรากเ็ กิดรู้สึกไม่ชอบ ทาใหเ้ ราไปกงั วล ไม่เป็นหน่ึง
เดียวกบั การดาเนิน ข้วั บวกก็เห็น ข้วั ลบกเ็ ห็น นี่คือวิปัสสนา
เราเห็นของคู่ ข้วั บวกกไ็ มต่ ิด ข้วั ลบก็ไมต่ ิด แต่ตอนน้ีเราไป
ติดข้วั บวก ข้วั บวกกช็ อ้ บชอบ แตพ่ อข้วั ลบ กไ็ ม่ชอบ มนั ก็ทา
ใหเ้ ราเห็น ก็ดูมนั เฉย ๆ
18
ส่วนวธิ ีจะหลดุ จากสภาวะน้นั หลดุ มนั คือวา่ ไม่อยาก
เห็นมนั ใช่ม้ยั กไ็ มต่ อ้ งปฏิบตั ิ เราปฏิบตั ิเพอื่ เห็นมนั ไมใ่ ช่ไป
หนี คาวา่ หลดุ ออกจากมนั หลดุ ออกจาก ความยดึ มนั่ ถือมน่ั
ความหลงในสภาวะน้นั กเ็ ห็นเฉย ๆ เราจะรู้ทาไม พอ่ ครูบอก
วา่ สกั แตว่ า่ รู้ สักแตว่ า่ เห็น สักแตว่ า่ ไดย้ นิ เนน้ เร่ืองน้ีบอ่ ย ๆ
เพราะเราไมส่ ักแตว่ า่ เห็นก็ อะไรวะ ทาไมวะ ทาไปเรื่อย ๆ
ทาแบบไหน ทาแบบวา่ สักแตว่ า่ รู้ สกั แต่วา่ เห็น เดี๋ยวดีเอง
อารมณ์ดีกส็ ักแต่วา่ รู้ อยา่ ไปยนิ ดี
พอยนิ ดี เห็นแตเ่ ร่ืองส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิ ส่ิงท่ีเราเคารพ ส่ิง
ศรัทธา ไม่กลา้ เหวย่ี ง เร่ืองอะไรจะเหว่ยี งทิง้ โดนมนั หลอก
เราเห็นนิมิตตา่ ง ๆ จริง แตส่ ่ิงท่ีเราเห็นมนั ไมจ่ ริง มนั เป็นจิต
เดิมเรา สร้างอปุ าทานข้ึนมา เคา้ รู้วา่ จิตปัจจุบนั น้ี ชอบอะไร
เกลียดอะไร กลวั อะไร เคา้ ก็มาสอบอารมณ์ วา่ เหวยี่ งทงิ้ ม้ยั
เห็นอะไรกช็ ่าง เราไม่ไดเ้ หวีย่ งอารมณด์ ีทิ้ง ไม่ไดเ้ หว่ียง
อารมณ์ร้ายทิง้ คาวา่ เหว่ียงทิง้ คือ เตือนเราวา่ เหวี่ยงความยดึ
มน่ั ถือมนั่ ท่ีเราจะไปหลงทิ้ง
ชีวิตเราเหมอื นกนั เราโดนหลอกเพราะอะไร เพราะ
เรามีความอยาก ถา้ เคา้ ไม่แต่งสูทแพง ๆ ขบั รถยหี่ อ้ แพง ๆ
19
มนั ทาใหเ้ ราเช่ือถอื ม้ยั มนั เนียนมาก ชีวิตจริง เราโดนหลอก
ก็เพราะอยา่ งน้ี เพราะมคี วามอยาก อุตส่าห์หนีทางโลกมาแลว้
มาเดินสายธรรม เขา้ ไปในจิตไดแ้ ลว้ คิดวา่ ปลอดภยั แลว้ ยงั
เอานิสยั ทางโลกมาใชอ้ ยู่ ก็โดนมนั หลอกสิ สกั แต่วา่ รู้ สกั แต่
วา่ เห็น สกั แต่วา่ ไดย้ นิ ไมพ่ ิจารณาไม่ตดั สิน
เรามีหนา้ ท่ี ทาความสะอาด เรากท็ าความสะอาดอยา่ ง
เดียว ไม่ตอ้ งไปรู้ มนั เป้ื อนเพราะอะไร ไปวิจยั อยตู่ รงน้นั เอา
ไปเขา้ หอ้ งแลป เมด็ น้ีมนั เป้ื อนเพราะอะไร เจอแลว้ มนั เป็น
หมึก ต่อไปข้ึนป้ายไว้ หา้ มเอาหมึกเขา้ มาในศาลา พอถูไปอีก
เห็นเมด็ น้ี กเ็ อาไปเขา้ หอ้ งแลปอีก มวั แตว่ ิจยั ถามวา่ ศาลาน้ี
วนั น้ีมนั จะสะอาดหรือเปลา่ เพราะความอยากรู้ เรามาเหว่ียง
ความอยากเราทงิ้ ไมต่ อ้ งไปรู้มนั วธิ ีแกง้ ่าย ๆ วิธีจะทาใหเ้ รา
หลดุ จากสภาวะ ทาอยา่ งไร กอ็ ยา่ ไปติดสภาวะน้นั ก็แค่น้นั
อยา่ ไปติดมนั เทา่ น้นั เอง แตอ่ ยา่ หนีมนั อยกู่ บั มนั
บางคนเขา้ ป่ า ไปนงั่ กรรมฐาน สบ๊าย สบาย ไม่ตอ้ ง
ไปกระทบกระทงั่ ใคร ไมต่ อ้ งสร้างกรรม เราไปหนีความจริง
พอออกมามาเจอเสียงดงั ๆ วีนเลย เรากอ็ ยกู่ บั มนั อยกู่ บั
สภาวะน้นั เราปฏิบตั ิ เพ่ือใหเ้ ราเห็นสภาวะน้ี เราเป็นนกั กีฬา
20
ยงิ เป้าบิน มนั ก็ตอ้ งมีเป้าใหย้ งิ ถา้ ไม่มีเป้า เราจะรู้วา่ เรายงิ ถกู
หรือเปลา่ คาวา่ หลุดจากสภาวะน้นั ไม่ใช่หนีมนั ถา้ หนีมนั งา่ ย
ท่ีสุด กไ็ มต่ อ้ งปฏิบตั ิ เราเขา้ ไป เพอ่ื จะใชส้ ภาวะน้นั เป็น
อปุ กรณ์ ในการประเมนิ ความเร็วของเรา
ของคู่
ช่วงนำนำจิตตงั เมื่อเข้ำจิตได้ และเข้ำไปรับรู้อำกำรต่ำง ๆ
พยำยำมกลับมำสู่ควำมว่ำง หลงั จำกที่ตำมอำกำรที่เกิดขึน้ แต่
เน่ืองจำกอำกำรที่รับรู้ เป็นอำกำรท่ีสนกุ สนำนตลอดเลย กำร
รับรู้อำกำรอย่ำงมสี ติ และมีควำมรู้สึกสนกุ ไปด้วยบ้ำง ไม่ได้
ยึดติด สำมำรถปล่อย และอำกำรเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ถือว่ำ
ปฏิบตั ิได้อย่ำงถกู ต้องไหม เพรำะมีรู้ และร่วมสนกุ บ้ำง
คาพูดน้ีก็เป็นของคู่ มีถกู กบั มีผิด มนั ไม่มีถูกไม่มีผิด
ถา้ รู้ไมผ่ ดิ รู้วา่ มนั สนุก ก็รู้ สนุกไม่ปฏิเสธ มนั สุขกไ็ มป่ ฏิเสธ
สาคญั ใหร้ ู้ พอกาลงั สนุกอยู่ บงั เอิญมีบางคน เคา้ กาลงั เหวีย่ ง
แลว้ ตีหวั เรา เราจะเห็นวา่ หลงั จากสนุกแลว้ เจอแบบน้ี ยงั จะ
สนุกตอ่ หรือเปลา่ อะไรก็ช่าง รู้มนั
21
อารมณ์ สนุ กน้ัน ก็เป็ นอุปกรณ์ ในการดาเนิ น
เหมือนกัน เราก็ได้เรียนรู้ มันสนุก มันก็เบิกบาน ก็ดีแล้ว
ชีวิตจริง ทาไมทาให้ตัวเองทุกข์ ความสนุก ความเบิกบาน
เป็ นความรู้สึกดี แต่ชีวิตเราก็ทาให้ เป็ นอย่างน้ันสิ เบิกบาน
ตลอดเวลา ทาไมหาเรื่อง ทาใหต้ วั เองทกุ ขบ์ อ่ ย ๆ
ทาไปเร่ือย ๆ จิตมนั จะเกิดปัญญา โดยไมต่ อ้ งผา่ นการ
นึกคิด มนั คงไมเ่ ตน้ ราอยา่ งน้ี แลว้ ก็สนุกอยา่ งน้ี ตลอดเวลา
หรอก เดี๋ยวอารมณ์มนั กเ็ ปล่ียน เราก็เห็นวา่ ความสนุกน้ีมนั
เกิดข้ึน ต้งั อยู่ สลาย มนั ไม่เท่ียง เพียงแตว่ า่ บางทีมนั ใชเ้ วลา
ยาวส้นั แลว้ แต่กรรมตรงน้นั มนั มากนอ้ ยแคไ่ หน แต่บางคร้ัง
มนั ไมใ่ ช่กรรม มนั เป็นช่วงจิตอดีต ทาเป็นอุบาย ใชใ้ หจ้ ิต
ปัจจุบนั เหมือนมีงานทา เพลิดเพลินกบั ตรงน้นั เพื่อเลิกสร้าง
มโนกรรม เป็นการสะสมแตม้ โดยที่เราไมต่ อ้ งมานง่ั ฝึกจบั ลม
หายใจ แลว้ กใ็ ชพ้ ลงั สมาธิกดมนั ใหเ้ ขา้ ไปอยใู่ นฌาน เพ่ือหนี
ความวนุ่ วาย อนั น้ีเสียงดงั เรากไ็ ม่วนุ่ วาย เรากส็ งบ กบั ส่ิงท่ีเรา
ดาเนินอยู่ ความสนุกสนาน กเ็ ป็นอารมณ์หน่ึง ไม่มีแมแ้ ต่หน่ึง
อยา่ ง ไมเ่ ก่ียวกบั รูปนาม อารมณ์สนุกสนาน อารมณ์โกรธ
22
อารมณ์พอใจ ไมพ่ อใจ ก็เป็นนาม แลว้ กร็ ูป เรากเ็ คล่ือนไหว
เรากเ็ ห็นรูปนาม เห็นท้งั หมด
พ ระพุ ท ธเจ้าส อ น ให้ เราเห็ น ท้ังรู ป ท้ังน าม
วิทยาศาสตร์เอาแต่เร่ืองรูปธรรม ถ้าในแง่เรียนรู้ชีวิต เรา
เรียนรู้คร่ึงเดียว เป็ นคร่ึงที่สาคัญสาหรับชีวิต เราก็ไม่เอา
ความรู้สึ กสุ ข ทุกข์ ดีใจ เสี ยใจ อะไร มันเป็ นเรื่ องของ
นามธรรม แตเ่ ราปฏิเสธเร่ืองน้ี เราถึงแกป้ ัญหาชีวิตเราไมไ่ ด้
นิมิต
มีอย่คู ืนนึง หลังจำกโยคะเสร็จแล้ว ใจกบ็ อกกบั ตวั เองว่ำ ต้อง
นอนพักผ่อน โดยนอนสมำธิท้องยบุ หำยใจเข้ำพอง อยู่ ๆ กจ็ ะ
เห็นภำพเหมือนคนฉำยหนงั ให้ดู เป็นเรื่องท่ีเรำเจอส่ิงท่ีเกิดขึน้
บำงคร้ังกน็ ่ำกลวั บำงคร้ังกน็ ่ำสงสัยว่ำ ที่ไหน อะไร บำงครั้งก็
เห็นตัวเองอย่ใู นนน้ั จะว่ำฝันกไ็ ม่เชิง เพรำะเวลำเร่ืองท่ีเป็นเรำ
กย็ งั ได้ยินเสียงภำยในห้อง และนอกห้อง เช่น เสียงพดั ลม
มนั เป็ นสภาวะธรรมอย่างหน่ึง ที่เราเห็นนิมิตอะไร
ต่าง ๆ เราเห็นจริง ๆ แต่ส่ิงที่เราเห็น อยา่ ไปหาคาตอบ ว่ามนั
23
จริงหรือไม่จริง ถา้ ถามพ่อครู มันไม่จริงสักอย่างหน่ึง มนั
เป็ นเร่ืองอดีตของเรา อดีตเราเป็นอยา่ งน้นั จริง ๆ แต่มนั ก็ผ่าน
ไปแลว้ มนั เป็นอนตั ตาไปแลว้ แมก้ ระท่ังปัจจุบัน ตวั เรา
เราก็ว่าตวั เราน่ังอยู่น่ีจริง ๆ มนั ก็ยงั ไม่จริง ไม่มีแมแ้ ต่หน่ึง
อยา่ งจริงกแ็ ลว้ กนั มนั เป็นส่ิงสมมติชวั่ คราวท้งั หมด
ความจริงอยา่ งเดียวกค็ ือ จิตเรา มนั เป็นไปตามกระแส
กรรม ที่บนั ทึกไวใ้ นน้นั มนั ตอ้ งไปเวยี นวา่ ยตายเกิด อยใู่ นร่าง
ผูห้ ญิงก็ได้ ร่างผูช้ ายก็ได้ ร่างสัตวเ์ ดรัจฉานก็ได้ จิตจริง ๆ
ไม่มีเพศ แต่ไปอยใู่ นร่างน้นั ตามกระแสกรรม ท่ีสร้าง ถา้ ชาติ
น้ี เราเป็ นผูช้ ายเจา้ ชู้ รังแกผูห้ ญิงบ่อย ๆ มนั จะให้เราเกิดเป็ น
ผหู้ ญิงสวย แลว้ ก็ถกู หลอก ถกู รังแก เราตอ้ งรับกรรมตรงน้นั
ถา้ เอาตวั เราไปเผา กลายเป็นอากาศธาตุ ที่เหลือเป็น
ธาตุดิน เราหายไปไหน แต่สิ่งท่ีมนั เผาไม่ได้ คือจิตวิญญาณ
กระแสกรรมท่ีบนั ทึกในน้นั ธรรมชาติบอก อยา่ คา้ กาไรเกิน
ควร คิดวา่ จะหนีหน้ี คิดวา่ เผาแลว้ จบ อนั น้นั เป็นความจริง
อยา่ งเดียว ที่อยใู่ นตวั เรา กระแสกรรมตรงน้นั
ยกตวั อยา่ งวา่ ถา้ เราไม่ฝึก วินาทีท่ีเราจะขาดใจตาย
พ่อครูสัมผสั หลายคนเลย หลายปี ที่ผา่ นมา คนเคา้ มีอาชีพเป็น
24
เพชฌฆาต เชือดหมูทกุ วนั พอเคา้ จะตาย เคา้ ร้องเสียงหมอู ๊ีด
ข้ึนมา ภาพน้นั มนั จะไหลมา ชีวติ น้ีทาอะไรบา้ ง มนั จะรับ
วบิ ากตรงน้นั มนั จะทกุ ข์ แลว้ ถา้ ตายตอนน้นั คือนรกสมบตั ิ
วนิ าทีสุดทา้ ยจึงสาคญั มาก ถา้ เราไมฝ่ ึก เรามาลา้ งมนั ออกก่อน
พอเราจะขาดใจตอนน้นั ภาพมนั ไหลออกมาหมด ท่ีเราเคยทา
มา เหมือนเราตอ้ งเสพกรรมตรงน้นั กอ็ ยา่ ประมาท
เรามีร่างกายแขง็ แรง ยงั มีโอกาสอยู่ ก็มาจ่ายมนั ก่อน
มาเรียนรู้กบั มนั ช่วงท่ีเราปฏิบตั ิมาก ๆ มนั จะไหลออกมา เป็น
นิมิต คือ มนั กาลงั ปลอ่ ยออก ลา้ งออก ช่วงท่ีลา้ งออกเป็นเร่ือง
กุศล เรารู้สึกมีความสุข พอมนั เอาเร่ืองอกุศลมา กร็ ู้สึกกลวั
หงุดหงิด เป็นกระบวนการยอมรับสิ่งที่เราทา ท่ีเรามาเหวยี่ ง
ตรงน้ี เราไปรับอารมณ์น้นั เหมือนจริง เจบ็ ปวด สามส่ีวนั เดิน
ไม่ได้ ไปใหห้ มอเอก็ ซ์เรย์ ไม่มีอะไรเลย มนั เป็นธรรมารมณ์
มนั ใชเ้ อก็ ซ์เรยไ์ ม่ได้ เคร่ืองมืออะไรกจ็ บั มนั ไม่ได้ เราทาไป
เร่ือย ๆ เราจะรู้เองวา่ อะไรท่ีเรียกวา่ ธรรมารมณ์ มนั เป็น
อารมณ์ทางธรรมะ อารมณ์ส่งผลถึงกายภาพ
แตถ่ า้ เราไปหาหมอ หมอเคา้ รักษาตามอาการ ปวดหวั
กินยา ฉีดยา แลว้ ระงบั ประสาท ไม่ใหม้ นั รับรู้สึกตรงน้นั เรา
25
ไม่ไดห้ ายจริง ๆ คือเราหนีหน้ี ชีวติ เราไมย่ อมใหต้ วั เอง
เจบ็ ปวด เพราะวา่ ทรมานช้นั ไมเ่ อา ปวดหวั กินยาพารา เอาไม่
อยกู่ ฉ็ ีดยา เราหนีหน้ีตลอด เราไมเ่ ห็นทกุ ข์ เราจึงไม่เห็นธรรม
แต่พอเรามาปฏิบตั ิแนวน้ี มนั จะทาใหเ้ ราเห็น ทุกขม์ ีไวใ้ หเ้ ห็น
ไมม่ ีไวใ้ หเ้ ป็น เห็นทกุ ขบ์ อ่ ย ๆ เราเห็นธรรมแลว้ เรามีทุกข์
เป็นประธาน แต่ถา้ เราไม่ฝึกจิต เราทาไม่ได้ เราไมช่ อบทกุ ข์
เรากส็ ู้อารมณ์น้นั ไม่ได้ เรากห็ นีมนั อีก น่ีคือกระบวนการ ที่
ยอมรับความจริง
สิน้ คิด
ทำไมปฏิบัติแล้ว รู้สึกไม่อยำกใช้ควำมคิดเลย ไม่อยำกร่วม
กิจกรรมกบั คนหม่มู ำก รู้สึกอึดอัด และ เวลำทำงำนท่ีใช้
ควำมคิด บำงคร้ังจะผลัดวันไปเร่ือย ๆ คิดไม่ออกเลย แต่ถึง
เวลำฉุกเฉินกท็ ำได้ เวลำทำงำนกต็ ้องเจอคนมำก ๆ กลับมำจะ
เพลยี และปวดเมื่อยเหนื่อยกว่ำปกติ เหมือนไม่สบำย
ทาไมปฏิบัติแลว้ รู้สึกไม่อยากใช้ความคิดเลย ไม่
อยากร่วมกิจกรรมกบั คนหมู่มาก รู้สึกอึดอดั ขอ้ น้ีสาเร็จสอง
26
วิชาแลว้ คือ หน่ึง กาลงั จะสิ้นคิด สอง กาลงั จะเพ้ียน เพ้ียน
จากความเป็ นปกติ ท่ีเราอยู่กับเพื่อน เพราะจิตมันเกิดมี
ปัญญาแลว้ มนั เห็นวา่ ความคิดนี่ไร้สาระ ความคิดเป็นบอ่ เกิด
แห่งความเครียด ก็เลยไม่ตอ้ งคิด บางคนปฏิบตั ิแล้วบอกว่า
ทาไมข้ีลืมจงั เลย มนั ไม่ได้ลืม แต่มันไม่จา มันจะไปจา ให้
เป็ นขยะทาไม แลว้ ก็ตอ้ งเสียเวลา มาเหว่ียงทิ้งอีก อนั น้ีเป็ น
ปกติ แต่ช่วงที่มนั เปล่ียนแปลงใหม่ ๆ เราตอ้ งระวงั เพราะว่า
เรายงั อยู่ในสังคม เราตอ้ งขา้ มพน้ ชอบ ไม่ชอบให้ได้ ทีน้ีถา้
จิตมนั เลือกได้ มนั ไมอ่ ยากคิด
ข้อที่สอง เวลาทางานท่ีใช้ความคิด บางคร้ังจะ
ผลดั วนั ประกนั พรุ่ง ก็มนั เหน่ือยท่ีจะคิด เป็นธรรมชาติของมนั
วิชาสิ้นคิด กาลังจะสาเร็จแล้ว พอไม่กังวลอะไร ไม่มีเหตุ
ตอ้ งคิด ถึงเวลามนั ก็ทา ชีวิตเราตอนน้ีกงั วลมาก ย้าคิดย้าทา
กลวั ไปหมด ตดั สินใจไปแลว้ ยงั มาคิดอีก ส่ังงานเสร็จแลว้
เอ๊ะ เราคิดถูกหรือเปลา่ ย้าคิดย้าทา มนั เป็นอยา่ งน้ี ไปเสียเวลา
กับเรื่องคิดกังวล เราปฏิบัติแล้ว เด๋ียวมันค่อย ๆ จิตมันจะ
ฉลาดข้ึน มนั ไม่โง่ท่ีจะเสียเวลา เป็ นธรรมชาติ ความไม่ปกติ
ที่เกิดข้ึน คือความปกติกบั สิ่งที่เราทา ถา้ ทาแลว้ นง่ั สบายสงบ
27
เฉย ๆ แสดงวา่ ไม่ไดอ้ ะไร ปฏิบตั ิแลว้ เราตอ้ งเปล่ียน ถ้าเรายัง
เหมือนเก่า แสดงวา่ เราปฏิบตั ิเสียเวลา อนั น้ีเร่ิมเห็นลาง ๆ วชิ า
สิ้นคิดกาลงั จะสาเร็จแลว้ วชิ าเพ้ยี นน่ีก็เห็นชดั เจนแลว้
เวลำทำงำนต้องเจอคนมำกๆ กลับมำ เพลีย ปวดเมื่อย
อินทรียพ์ ละเรายงั ไมแ่ ก่กลา้ เราดูดธรรมารมณ์เคา้ มา
ยกตวั อยา่ ง ถา้ เรานงั่ ดูละครท่ีเคา้ แสดงตลก เราก็เปิ ดจิตไปอิน
อยกู่ บั มนั เราก็จะตลกกบั มนั อารมณ์ตลกเขา้ มา ถา้ เราไปดู
ภาพยนตร์เคา้ โศกเศร้า ถา้ เราเปิ ดจิตอินกบั มนั เรากจ็ ะเศร้ากบั
มนั เราไมส่ กั แต่วา่ เห็น เราเผลอดูดอารมณ์เขา้ มา น่ีเหน่ือยมาก
เพลีย โดยเฉพาะคล่นื มนุษย์ ใหม่ ๆ เป็นอยา่ งน้ี แลว้ ตอ่ ไปมนั
กฉ็ ลาดข้ึน กส็ ักแต่วา่ รู้ สักแตว่ า่ เห็น ไมเ่ ผลอเรออยา่ งยงิ่ แต่
เราตอ้ งเจอสภาวะน้ีก่อน เราจะไดเ้ ขด็ หลาบ
กิเลสเราก็มี เอะ๊ พูดอะไร เง่ียหูฟังหน่อยนึง ฟังป๊ ุบ
เขา้ มาแลว้ เอะ๊ เคา้ มงุ ดูอะไร ดูซกั หน่อยนึง เขา้ มาแลว้ เคา้
เรียกวา่ ธรรมารมณ์เขา้ ทาใหเ้ รารู้สึกเพลียมาก เพราะรับ
อารมณ์ตรงน้นั อยา่ ทอ้ ถอย เดินตอ่ ไป วชิ าเพ้ยี นเกิดข้ึนแลว้
วิชาสิ้นคิดเกิดข้ึนแลว้ ต่อไปวชิ าไมม่ ีอนาคตจะเกิดข้ึน ไมม่ ี
28
อนาคต มนั กอ็ ยกู่ บั ปัจจุบนั ทาหนา้ ท่อี ยา่ งมีความสุข ไมต่ อ้ ง
คิดถึงอนาคต แลว้ กอ็ ยา่ หยดุ เดิน
วชิ าสุดทา้ ย ถา้ เราถงึ เราจะไม่มีวนั ผดุ วนั เกิด มีแต่น่า
กลวั ท้งั น้นั ยงั ไม่สายนะ ถา้ ยงั ไม่พร้อมหยดุ ซะ อยา่ ปฏิบตั ิ ถา้
กลวั เพ้ยี น กลวั เป็นคนสิ้นคิด กลวั ไมม่ ีอนาคต กลวั จะไมม่ ีวนั
ผดุ วนั เกิด อยา่ งเดียวคอื อยา่ ปฏิบตั ิ ไปซิ่งตอ่ เบ่ือมา กอ็ าศยั วธิ ี
ไปเท่ียวเตร่ใหค้ วามสนุกสนาน มากลบเกลื่อนความเบ่ือ ปวด
หวั มาก็กินยาพารา ถา้ รักชอบอยา่ งน้นั เรากท็ าอยา่ งน้นั มาแลว้
ตลอดชีวติ มนั จะกลบั กนั กบั ส่ิงท่ีกิเลสเราคนุ้ เคยเลย แต่ถา้ เรา
ไมท่ าลายกิเลสเหล่าน้ี เราก็ไมพ่ น้ ทกุ ข์
พลังงำนของจิต
เวลำนอนแล้วเหว่ียงเอง น่ีคือหำยใจเข้ำออกไม่ยำวพอใช่
หรื อไม่
เราไปคุน้ เคยวา่ เวลาเราเหวยี่ งแลว้ พอเราจะหยดุ เราก็
บอกหายใจเขา้ ลึก ๆ กดมนั ไว้ แลว้ กป็ ลอ่ ยออกมา มนั คนละ
เร่ือง พอจิตเรามนั แก่กลา้ มนั หมนุ แลว้ มนั ไมอ่ ยากหยดุ หรอก
29
เรานอนหลบั ร่างกายเราหลบั มนั ตื่น มนั ทางานตลอดเวลา
เป็นเรื่องสภาวะปกติ อาบน้าอยมู่ นั ก็หมนุ กินขา้ วมนั กห็ มนุ
แรงหมนุ มนั เป็นแรง เตือนสติเราตลอดเวลา ถา้ เกิดเราเป็น
อยา่ งน้ีตลอด เวลามีคนด่ามามนั เหวยี่ งออก มีตวั โปรเทคชน่ั
มีเกราะป้องกนั ภยั
เป็นพลงั งานอยา่ งหน่ึงของจิต มนั หมนุ ตลอด แตท่ ีน้ี
ไม่ใช่วา่ เวลาเราเหวย่ี งเขา้ ไปร่ายรา ทาไมมนั ไมห่ มุน ไม่ใช่
มนั หมนุ อยู่ มนั หมนุ อยตู่ ลอด แลว้ มนั ก็ทากิริยาตรงน้นั ไม่ใช่
มานงั่ หมนุ อยา่ งน้ีอยา่ งเดียว นงั่ หมนุ กเ็ ป็นทา่ ที่เรานงั่ หมุน
เพือ่ สตาร์ทเครื่อง ใหม้ นั ติด ตอนน้ีเราติดแลว้ ไมใ่ ช่วา่ ตอ้ งไป
นงั่ สตาร์ท นงั่ มนั กห็ มนุ เอง พอเราร่างกายหมนุ ไปดว้ ย มนั ก็
ไดข้ บั เคล่ือนเลือดลม ไหลเวียน ทาใหก้ ายไมไ่ ปดึงจิตไว้ กาย
ผอ่ นคลาย เป็นเคร่ืองมือของจิตเทา่ น้นั เอง
30
ท่ีเรำนับถือพุทธศำสนำเพ่ืออะไร
เกิดมาป๊ บุ คนท่ีรักเราท่ีสุด กต็ ้งั ชื่อเธอชื่อบญั ชา
เพราะพ่อแมเ่ รียกแลว้ มีความสุข กไ็ ม่ไดถ้ ามเรา แถมศาสนา
มาดว้ ยนะลูก เพราะพอ่ แมว่ า่ ศาสนาพุทธมนั ดี กเ็ ขียนลงใน
ใบเกิดพุทธนะ เราก็นบั ถือศาสนาพุทธ โดยท่ีเราไม่รู้วา่ มนั คือ
อะไร เพ่อื อะไร ดีแลว้ แค่น้ีไมพ่ อ แลว้ ก็ตอ้ งถามตวั เอง เร่ิม
จากเราเป็นใครก่อน ท่ีเคา้ ใหเ้ ราชื่อวา่ บญั ชา เราเป็นใครกนั แน่
แลว้ ก็แถมใหศ้ าสนามาอีก
พอเราเริ่มอยใู่ นวยั เรียน เคา้ ส่งเรา ไปเรียนวชิ าสร้าง
อนาคต เราเลยกลายเป็นสิ่งที่ สงั คมอยากใหเ้ ราเป็น เราไม่เคย
รู้เลยวา่ เราเป็นใคร เกิดมาทาไม ตายแลว้ ไปไหน แลว้ ตอนน้ีก็
กาลงั ต้งั คาถามวา่ เรานบั ถือพุทธศาสนาเพอ่ื อะไร ทุกศาสนา
เคา้ ต้งั ข้ึนมาทาไม ธรรมชาติจริง ๆ ไมม่ ีศาสนา ศาสนาเกิด
ข้ึนมาในโลกมนุษย์ แคส่ ามสี่พนั ปี เทา่ น้ีเอง
แลว้ ศาสนา คืออะไร ศาสนาเป็นองคก์ รจดั ต้งั ข้ึนมา
ศาสดาน้นั ๆ เคา้ มีความรู้สึกวา่ เคา้ ตอ้ งการบอกกลา่ ว เผยแพร่
ในส่ิงท่ีทา่ นไปเห็นมา ก็เลยต้งั รูปแบบของศาสนา ศาสนาแต่
ละศาสนา มีเทคนิคอบุ ายวธิ ีตา่ งกนั แตท่ ่ีคลา้ ย ๆ กนั ไม่
31
ตา่ งกนั มาก ก็คือพยายามเนน้ ใหเ้ ราทาดี ทกุ ศาสนาสอนใหค้ น
เป็ นคนดี
พุทธศาสนาไม่ไดส้ อนใหค้ นเป็นคนดี ไม่ไดส้ อนให้
เราเป็นคนชวั่ สอนใหเ้ ราพน้ ทุกข์ ถา้ ยงั เป็นคนดีอยู่ พอเคา้ วา่
เราไมด่ ี เรากท็ กุ ขอ์ ีก เป็นคืออตั ตา ยงั มีกลุ่มเป็นกอ้ น วา่ ช้นั
เป็นคนดี ไปสร้างอตั ตา ศาสนาพุทธสอนใหเ้ ราทาดี ทาแค่
พอดี แตอ่ ยา่ ไปติดดี แลว้ กล็ ะชวั่ เพอ่ื ไมต่ อ้ งสร้างกรรมใหม่
แคน่ ้ีพอม้ยั ไมพ่ อ อยา่ ลืมหน้ีเก่า ไหนบอกวา่ เงินกส็ มมติ
หน้ีสินกส็ มมติ ก็ช่างหวั มนั สิ ธนาคารยอมม้ยั หน้ีเวรหน้ี
กรรมยอมม้ยั ตอ้ งขดั เกลาจิตใหผ้ อ่ งใส เราตอ้ งเขา้ ไปในจิตใน
จิต ไมใ่ ช่มาเพิ่มสติ เพมิ่ สมาธิอยา่ งเดียว โดยองคร์ วมก็ตอบวา่
เรานบั ถือศาสนาพุทธจริง เพอ่ื เรียนรู้วธิ ีพน้ ทกุ ข์ ศาสนาพุทธ
ไมไ่ ดส้ อนอยา่ งอื่นเลย
แตแ่ ก่นธรรมของพทุ ธศาสนา มงุ่ ไปท่ีทกุ ข์ เหตุแห่ง
ทุกข์ ความดบั ทกุ ข์ หนทางไปสู่การพน้ ทุกข์ อริยสจั ส่ี นี่คือ
ความจริงท่ียงิ่ ใหญ่ ทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ไปตรัสรู้ ส่วนธรรมะแยก
ยอ่ ยออกไป ใครอยากเรียนรู้ ก็เรียนรู้ไป รู้ก็ได้ ไมร่ ู้กไ็ ม่เป็นไร
32
แมก้ ระทง่ั เร่ืองศีล พอ่ ครูไมเ่ คยรู้ แลว้ ก็ไมเ่ คยปฏิบตั ิตามเลย
มนั เป็นวชิ าการทางพุทธศาสนา
วิถีชีวิตมนั ก็เปล่ียนไป หลายสาขาอาชีพ ศาสนาก็เลย
พฒั นาแตกแขนง คล้าย ๆ ว่าต้องมีธรรมะใหม่ ๆ เพื่อมา
แกป้ ัญหาใหม่ ๆ จริงแลว้ หลกั ของมนั มีอยู่แค่น้ี เกิดมาวนั
แรกก็แหกปากร้อง ทุกขเ์ พราะเกิด เรามีทุกข์เป็ นประธาน
พระพุทธเจา้ พูดแต่เรื่องทุกข์ เรื่องสุขพูดอยู่อย่างเดียว คือ
นิพพานเป็นสุขอยา่ งยง่ิ เพราะวา่ ดบั ทุกขไ์ ดแ้ ลว้ อาการท่ีไม่
ทุกขเ์ ลย ไม่กงั วลเลย ไม่ห่วงใยเลย เป็ นสุขอยา่ งยิ่ง แลว้ ก็ใคร
เปลี่ยนเราก็ไมไ่ ด้
แตท่ กุ วนั น้ีเราตอ้ งการ ความรวย ความมง่ั คง่ั พอได้
แลว้ กส็ ุข พอเสียไปก็ทุกข์ มนั สุก ๆ ดิบ ๆ มนั ไม่ใช่ทุกข์ แลว้
มนั ไม่ใช่สุขจริง ๆ มนั เป็นแค่ความพงึ พอใจ ทุกคนชอบ
สะดวกสบาย กช็ อบวา่ มนั คือความสุข แตม่ นั ไม่ใช่ความสุข
เป็นแค่ความรู้สึกพอใจ เรานบั ถือพุทธศาสนา เพอ่ื เรียนรู้วิชา
ทาใหเ้ ราพน้ ทกุ ข์
ทีน้ีวชิ าทาใหเ้ ราพน้ ทกุ ข์ ไมใ่ ช่ไปท่องจา ไปอา่ น ไป
อวดรู้กนั อนั น้นั รู้มาก กย็ งิ่ ทุกขม์ าก ไปแบกขยะไว้ ศาสนา
33
มิใช่เป็นเพยี งคาสอน แต่เป็นการปฏิบตั ิ เพื่อใหเ้ ราพน้ ทกุ ข์
คาวา่ พทุ ธ ภาษาบาลีแปลวา่ รู้ ผรู้ ู้ แลว้ ต้งั เป็นชื่อของศาสนา
ศาสนาแห่งปัญญา สอนใหเ้ ราเกิดปัญญา เราทุกข์ เพราะวา่ เรา
ไมม่ ีปัญญา เรามีแค่ความรู้ผิด ไปเรียนความรู้ซ่ึงแฝงดว้ ยความ
โลภ โกรธ หลง เม่ือมคี วามโลภ ความอยาก ก็ไปสร้างกรรม
อยากจนไป โกหกเคา้ ขโมยของเคา้ โกงเคา้ กเ็ ป็นกรรม กรรม
มนั กส็ ่งผล ตายแลว้ ไม่จบ เกิดไปอนาคตชาติ ก็ไปเคลียร์หน้ี
กนั พระพทุ ธเจา้ ไปตรสั รู้สิ่งน้ี
ถา้ ใครอยากสุข กเ็ อาความทุกขอ์ อก อาการทไี่ มท่ ุกข์
คือความสุขอยา่ งยง่ิ ไมใ่ ช่ไปแสวงหาอยขู่ า้ งนอก ไปเที่ยว ไป
หาความสนุกสนาน ความเพลิดเพลนิ มนั ไมไ่ ดแ้ ปลวา่ สุข มนั
ตอ้ งมีอามิสก่อน คอ่ ยรู้สึกสุข มนั ไมใ่ ช่สุขแท้ ตอ้ งไดม้ ากอ่ น
ตอ้ งพอใจก่อน ถึงจะรู้สึกสุข พ่อครูถกู หลอกไปสี่สิบปี
สะดวก แลว้ ก็สบาย แลว้ จึงสุข กวา่ จะสะดวกได้ เราเรียน
เกือบตาย อยากเป็นทีห่ น่ึง ตอ้ งเรียนมากกวา่ คนอื่น ออกมา
ตอ้ งทางานหนกั กวา่ คนอ่ืน จนกลายเป็นมีเงิน จะไดซ้ ้ือความ
สะดวก แลว้ ค่อยรู้สึกสบาย ตอ้ งไปออ้ ม
34
แต่ยสี่ ิบหกปี อยทู่ ่ีนี่ สบายโดยไมต่ อ้ งสะดวก นงั่ อยู่
ท่ีนี่ก็สบาย อยคู่ นเดียวกส็ บาย สบายตลอดโดยไมต่ อ้ งสะดวก
สะดวกน่ีกวา่ จะสะดวก ตอ้ งไปหาเงิน ไปแสวงหา ไปซ้ือมา
สะใจ คอ่ ยรู้สึกสะดวก แลว้ คอ่ ยสบาย มนั ไมใ่ ช่ความสุข ตอ้ ง
มีส่ิงทดแทน ความตอ้ งการตวั เองก่อน พอเราบ่มเพาะนาน ๆ
เราก็ติดวา่ ตอ้ งเป็นอยา่ งน้นั ตอ้ งเป็นอยา่ งน้ี ควรจะเป็นอยา่ ง
น้ี ไม่ควรจะเป็นอยา่ งน้นั เอากิเลสเราเป็นตวั ต้งั ถา้ ไมไ่ ดด้ ง่ั ใจ
เราบอกวา่ เธอไม่น่าทาอยา่ งน้ีเลย มนั ไมด่ ี คนดีตอ้ งเป็นอยา่ ง
น้ี เป็นแคอ่ งคค์ วามรู้ เราถกู ใส่มา มนั เป็นคาสั่ง ไมใ่ ช่ธรรมะ
ธรรมะท่ีแทจ้ ริงไมม่ ีธรรมะ ที่ไมม่ ีธรรมะ นนั่ แหละ
คือธรรมะ ธรรมะจริง ๆ ไม่มีอะไร เป็นอนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา
ไมม่ ีดี ไมม่ ีชวั่ ไม่มีถูก ไมม่ ีผิด ไมม่ ีรวย ไมม่ ีจน ไม่มีสุข ไม่มี
ทุกข์ ภาษามนั พูดไดแ้ ค่น้นั มนั มีแตก่ ศุ ล กบั อกุศล สุขทกุ ขด์ ี
ชวั่ เป็นภาษามนุษย์ บางคนไดก้ ินทเุ รียนมีความสุข บางคนได้
กลิ่นก็ทุกขแ์ ลว้ มนั ไม่ใช่ความจริง เป็นอปุ าทาน เรากใ็ ช้
อุปาทานเรา เป็นมาตรวดั ควรจะทาอยา่ งน้นั ควรจะทาอยา่ งน้ี
ไมใ่ ช่ธรรมะ เกิดจากความรู้ผิดของเรา
35
เรามีแลว้ เราจะทาอยา่ งไร เหวย่ี งทิง้ ขดั เกลาจิตให้
ผอ่ งใส ทาแค่สามอยา่ ง ความสุขแทอ้ ยใู่ กล้ ๆ ไม่ใช่อยใู่ กล้
ดว้ ย มนั อยขู่ า้ งในเรียบร้อย นิพพาน ไมไ่ ดอ้ ยใู่ กลต้ วั มนั อยู่
ขา้ งในเรียบร้อยแลว้ อยากกา้ วหนา้ ตอ้ งถอยหลงั อีกนิดเดียว
เหมือนเหรียญสองดา้ น แค่พลิกเท่าน้นั เอง มนั เป็นเสน้ ผมบงั
ภเู ขา อยา่ ไปหาความสุขขา้ งนอก มนั ไม่มี มนั ไมม่ ีขาย แค่เรา
ดบั ทุกขไ์ ด้ แลว้ อาการที่มนั ไม่ทกุ ข์ ไมก่ งั วล ไม่มีอะไรเลย ตวั
เราก็ถูกฆา่ ทิง้ แลว้ แลว้ มนั มีใครที่อยากจะสุข นน่ั แหละคือ
ความสุขอยา่ งยง่ิ มนั เป็นส่ิงท่ีสาคญั ท่ีสุด ไม่ใช่ในชีวติ น้ี ใน
ชีวิตในวฏั สงสาร เราเสียเวลามาเยอะมาก เยอะมาก จาไดไ้ ม่
หมดหรอก
พทุ ธศาสนาสอนใหเ้ ราปลดเปล้ืองความทกุ ขไ์ ดจ้ ริงๆ
แลว้ กแ็ กป้ ัญหาอยา่ งเบด็ เสร็จ ไมต่ อ้ งเวยี นว่ายตายเกิด ไม่ตอ้ ง
ไปสะสางคดีความ เอามันชาติน้ีจบเลย อยู่ที่ว่าจะเอาม้ัย
ชดั เจน ไหน ๆ ก็ถูกบงั คบั ใหน้ บั ถือศาสนาแลว้ ตอ้ งใชใ้ หเ้ ป็น
ประโยชน์ ถา้ ไม่มีคาตอบ ไม่ตอ้ งนบั ถือ แต่ถา้ คนนบั ถือแลว้
ยกตวั อยา่ งคนรับศีลแลว้ ไม่ทาตามศีล ผดิ ศีล แต่ถา้ คนไมม่ ีศีล
มนั จะผิดศีลไดย้ งั ไง
36
คนผดิ ศีล คือ คนรู้ศีล รับศีลแลว้ ไม่ทาตามศีลน้นั
คนไม่รู้ ทาเพราะไม่รู้ ไม่ผิด แตค่ นรู้แลว้ ยงั ไปทาอีก คือคน
ผดิ อยทู่ ่ีเจตนา กรรมช้ีเจตนา กเ็ อาเป็นวา่ ลองมาหมดแลว้ ลอง
อีกซกั ต้งั ดีม้ยั ลองแนวน้ี ง่ายมาก แคว่ าง วางกท็ าเลย ทา
เดี๋ยวน้ี กม็ ีคาตอบเด๋ียวน้ี
พระพทุ ธองคบ์ อก ทาอะไรก็ช่าง ทางโลกทางธรรม
ตอ้ งเริ่มจากศรัทธาก่อน เราตอ้ งมีความพงึ พอใจ กบั สิ่งที่เราทา
ก่อน ไม่อยา่ งน้นั เราจะละลา้ ละลงั ใช่หรือเปลา่ กลา้ ๆ กลวั ๆ
เหมือนชกั กะเยอ่ จิตมนั จะไป แต่ใจดึงไว้ แลว้ เมื่อไหร่มนั จะ
ไป แต่อยา่ ศรัทธา แบบหลงงมงาย เคา้ วา่ ดี กกู ็ดีตาม เคา้ พาเรา
ว่งิ กว็ ิง่ ไป เคา้ พาลงเหว ก็ลงเหวกบั เคา้ ไมใ่ ช่อยา่ งน้นั
ก่อนจะศรัทธา ต้องใช้สติปั ญญา เท่าท่ีเรามีอยู่
พิจารณาก่อน มนั มีอนั ตรายม้ัย มนั สมเหตุสมผล หรือเปล่า
ศรัทธาแบบทางโลกนี่ก่อน เมื่อศรัทธาแลว้ อยา่ ลงั เล ต้งั ใจทา
มนั ก่อน ทาอย่างสุขุมรอบคอบ ทาก็ทาเลย ไม่ตอ้ งไปกลัว
ความกลัวทาให้เราเสื่อม มันทาให้เราเกิดวิตกจริตกล้า ๆ
กลวั ๆ มนั จะไมม่ ีพลงั
37
ทมี่ า : เร่ือง ความสุขทไ่ี ม่มอี ย่จู ริง
บรรยายโดย พ่อครูบัญชา ต้ังวงษ์ไชย
ศูนย์พลาญข่อย 18 ตุลาคม 2558