1
สารบัญ 2
เจา้ กรรมนายเวร มีจริงหรือไม่ 3
การแผก่ ศุ ล ใหเ้ จา้ กรรมนายเวร 4
อาหารใจ 6
สติสมั โพชฌงค์ 9
ผลกรรมของการฆา่ ตวั ตาย 10
ความจริงที่ตอ้ งยอมรับ 12
รู้ไดอ้ ยา่ งไรวา่ จิตต้งั มนั่ ศรัทธา 15
จิตไม่เหนื่อย เหนื่อยอยทู่ ี่ใจ 19
อินทรียพ์ ละ คืออะไร 20
ประพฤติพรหมจรรย์ คืออะไร 21
สารวมในปาฏิโมกข์ คืออะไร 23
3
เจ้ากรรมนายเวรมีตวั ตนจริงหรือไม่ เป็นคนท่ีเราเคยไปสร้าง
กรรมกับเขา หรือ เป็นเพยี งความรู้สึกสานึกผิดในใจ ต่อการ
กระทาท่ีเคยทาไว้ เม่ือมสี ัญญาเก่าเกิดขึน้ มาให้ระลึกถึง
เจ้ากรรมนายเวร มนั ไม่ใช่ตัวตนเป็ นกลุ่มเป็ นก้อน
คือจิตท่ีเขาไดบ้ นั ทึกสัญญาน้นั เขาจะไปเกิดในร่างไหนกไ็ ด้
จิตไม่มีเพศ เจา้ กรรมนายเวรเรามีมหาศาล เพียงแต่ว่ากรรม
หลกั ตรงน้ัน คือท่ีมนั จะส่งผลให้เกิดอนาคตชาติ เป็ นเร่ือง
ของวิบาก แต่ถ้าเราทาความดีไว้ มันจะแคลว้ คลาดตลอด
เจา้ กรรมนายเวรสาคญั ที่สุด คือในตวั เรา จิตเราบนั ทึกอะไร
ไว้ ถา้ เรามีพยาบาทใคร เราพยายามลา้ ง เปลี่ยนกรรมน้นั ให้
กลายเป็ นอโหสิกรรม เราเปลี่ยนจิตคนอื่นไม่ได้ เราหยุด
กรรมคนอื่นกไ็ ม่ได้ เราเปลี่ยนตวั เองได้
4
การแผ่กุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เป็ นแค่กุศโลบาย ให้จิตเรามี
เมตตา หรือเขาจะได้บญุ จริง
เราได้ เราได้ให้ เปลี่ยนกรรม น้ันให้กลายเป็ น
อโหสิกรรม เขาตอ้ งเป็ นไปตามกรรมเขา อย่างคนท่ีตายไป
แลว้ คนจีนมีประเพณีไหวบ้ รรพบุรุษท่ีล่วงลบั คือ วนั เชงเมง้
เจตนาคือทาให้คนอยู่ เป็ นวนั พบญาติ บางทีไม่มีเวลาก็ตอ้ ง
มา โกรธแคน้ กันไม่พึงพอใจ เมื่อถึงเวลาน้ันใช้โอกาสไป
กราบบรรพบุรุษเราเอง อาจมีโอกาสให้อภยั กนั แต่ตอนน้ี
อุบายแบบน้ีไม่ไดผ้ ลแลว้ เธอไปวนั คู่ ฉนั ไปวนั ค่ี ไม่อยาก
มองหน้า กลายเป็ นวา่ ทาแลว้ ไม่มีประโยชน์ ถา้ ไม่ทาก็กลวั
วา่ จะไม่เจริญรุ่งเรือง
ถา้ เป็นพระพทุ ธเจา้ ไมไ่ ดส้ อนอยา่ งน้นั ไม่ไดส้ อนให้
เรายดึ มน่ั ถือมนั่ เราทาบุญแผส่ ่วนกุศล ใหส้ ตั วโ์ ลกท้งั หมด
ไม่ใช่เลือกเฉพาะเจา้ กรรมนายเวรเรา อนั น้นั ยงั ข้ีเหนียวหน้ีอยู่
เอาเฉพาะของฉนั คนอ่ืนไมใ่ ห้ ไม่ใช่สุญตาทาน สุญตาทาน
คือทานที่ไมม่ ีผรู้ ับ ไมม่ ีผใู้ ห้ สักแต่วา่ ให้ เหมือนท่ีน่ีเรามีเด็ก
ยากจนแปดเกา้ ร้อยคน ชื่ออะไรไม่รู้ พอ่ แมเ่ ขาเป็นใครไม่รู้
เรามีหนา้ ที่ให้ เราไดอ้ ะไร เราก็ไดใ้ ห้ การใหเ้ ป็นอบุ ายวิธี
5
ขดั เกลาความโลภ ความตระหน่ีเรา ทาบ่อย ๆ เรากเ็ กิดความ
เมตตามากข้ึน ไม่ใช่เขาเป็นเจา้ กรรมนายเวรเรา เรากเ็ ป็นเจา้
กรรมนายเวรเขาดว้ ย ถา้ เจอหนา้ ป๊ ปุ หมน่ั ไสแ้ ลว้ หมน่ั ไส้นี่
สุขม้ยั เราก็ทุกขเ์ อง เราแบกพยาบาทน้นั เรามีหนา้ ที่ลา้ ง
พยาบาทของเรา ส่วนเขาไม่วาง กเ็ รื่องของเขา เหมือนมีอะไร
เราก็ขอโทษ เราอยา่ ไปบนั ทึกสัญญาในจิตเราเอง ส่วนเขาจะ
ยกโทษม้ยั มนั เป็นเร่ืองของเขา
การแผเ่ มตตา เป็นอบุ ายวธิ ี ถา้ เรารู้สึกสานึกผิด เรา
ยอมรับความผดิ เรา ทาใหจ้ ิตใจเรามีเมตตาข้ึน เราทาเราก็ได้
เราไดท้ า เป็นการปลุกสานึกวา่ เรามี หิริโอตปั ปะ เรามีความ
ละอายตอ่ บาป ท่ีผา่ นมาเรารู้ เราก็ไม่ทาชว่ั เป็นการขดั เกลา
ตวั เอง ใหอ้ ยกู่ บั ตวั เอง ดูแลตวั เอง ดูคนอ่ืนนอ้ ย ๆ หน่อยนึง
คนที่ชอบเงี่ยหูฟัง ฟังแลว้ ชอบเอาไปถา่ ยทอด เขาเรียกจิต
ส่งออก เป็นสมทุ ยั เราปฎิเสธไม่ไดห้ รอก ท่ีเราแอบฟังคนอนื่
ดูคนอ่ืน นน่ั เป็นเพราะ ความอยากรู้อยากเห็น
อยากคือที่มาของทุกข์ บางทีเรามีเมตตา แลว้ เรากไ็ ป
นงั่ ทกุ ขก์ บั เร่ืองคนอ่ืน เราเปลี่ยนกรรมเขาไม่ได้ ห่วงคนอน่ื
หมด เรากอ็ ยา่ ไปยงุ่ เรื่องเขา นอกจากวา่ เขามาปรึกษาเรา เรา
6
กไ็ ม่ข้ีเหนียวความรู้ แนะนาเขา ส่วนแนะแลว้ เขาจะเช่ือ
หรือไมเ่ ชื่อ กเ็ ป็นเรื่องของเขา ไม่ตอ้ งไปพดู ตอ่ วา่ เป็นตาม
บญุ ตามกรรม
อาหารใจ
คุณแม่ป่ วยหนกั อย่ใู นภาวะหัวใจล้มเหลว จะจากไปตอนไหน
กไ็ ด้ ความคิดแม่มอี ย่างเดียว ขอให้ได้กินอาหารทุกอย่างที่
อยากกิน หลงั กินกจ็ ะมปี ัญหา หายใจไม่ออก ลกู ห้ามกโ็ มโห
เราควรทาอย่างไรดี เพ่ือไม่ให้ติดค้างกนั
เราเปลี่ยนแม่ไดม้ ้ยั สภาวะตรงน้ีมนั ยากมาก ไมใ่ หก้ ิน
แม่กส็ ร้างมโนกรรม โมโห ถา้ แม่ขาดใจตอนโมโห นน่ั คือ
อบายภมู ิ แต่รู้อยแู่ ลว้ วา่ ถา้ แม่กินอาหาร แมเ่ จบ็ ป่ วยทุกคร้ัง
ไมใ่ หก้ ินกถ็ ูกด่า น่ีเป็นปลายเหตุ ตน้ เหตุคือเราไม่เตรียมความ
พร้อม ขนาดไมไ่ ดก้ ินก็ทุกข์ แต่ถา้ ยงั ไม่อยากตาย เวลาจะ
ตายมนั จะทุกขข์ นาดไหน
คุณยา่ แม่พ่อครูสามเดือนมาอยทู่ ่ีน่ี ก่อนหนา้ น้ีสองปี
ไปผา่ ตดั มา แกกเ็ ริ่มเจบ็ แต่แกไม่เคยร้องออกมาสกั คาหน่ึง
7
ตอนอยทู่ ี่นี่นอนเจบ็ อยสู่ ่ีหา้ วนั ออกมาเตน้ อีกหกเจด็ วนั แลว้ ก็
ไปเจบ็ ต่อ เขาฝึกจิตจนวนิ าทีสุดทา้ ย สามเดือนน้นั ไม่เคย
เรียกร้องอะไรเลย แลว้ สุดทา้ ยวนิ าทีที่เขาจากไป เชด็ ตวั ใหอ้ ยู่
ไมร่ ู้เขาไปตอนไหน เขาไปอยา่ งสงบ ตลอดเวลาสามเดือน
ไมก่ ินขา้ ว คือ จิตมนั มีพลงั แลว้ กินอาหารทิพย์ จิตถูกขดั
เกลาไมพ่ อ ยงั ชาระร่างกายใหส้ ะอาดดว้ ย สะอาดท้งั จิต ท้งั
ร่างกาย แตถ่ า้ ไม่มีพลงั จิต เราทาอยา่ งน้นั ไม่ได้
คุณแมแ่ คไ่ ม่ไดก้ ินของท่ีตวั เองชอบ กโ็ กรธแลว้ แค่
ความอยากติดรสชาด กิเลสหยาบ ๆ ก็ทนไม่ได้ ถา้ วนิ าทนี ้นั
ขาดใจตาย คือ อบายภมู ิ เราประมาท เราไม่เคยเตรียมความ
พร้อม พ่อครูวา่ เดินสายกลาง เพราะวา่ เราเปล่ียนท่านไมไ่ ด้
หาอะไรที่กินทดแทน มาชดเชยกบั สิ่งที่ เขาอยากกิน ไม่ทา
อะไรเลยกไ็ ม่ได้ มนั เป็นกรรมร่วมมาแลว้ แต่ถา้ เราต้งั มนั่ เรา
บริสุทธ์ิ แลว้ คุณแมเ่ ขาทุกข์ มนั เป็นเร่ืองกรรม ท่ีท่านวาง
ไมล่ ง มนั ไม่ใช่เราทาใหท้ กุ ข์ เราตอ้ งไมม่ ีเจตนา ที่จะทา
อยา่ งน้นั แตอ่ าหารใจสาคญั มาก บ้นั ปลายสุดทา้ ย
ชีวิตเรา ไม่เคยเตรียมความพร้อม เรื่องจิตวิญญาณ ถา้
จิตวิญญาณมันมีพลัง ไม่กินข้าวก็อยู่ได้ ก็เดินสายกลาง
8
ทดแทนดว้ ยอาหารใจ ตอนน้ีเราเปล่ียนท่านไม่ได้ ถา้ ในทาง
โลก ทางวิทยาศาสตร์ เขาบอกวา่ อยากกินอะไรกินเลย มนั จะ
ไปอยแู่ ลว้ คือไปสนองตณั หา พ่อครูบอกแลว้ ว่า การกตญั ญู
รู้คุณ ไม่ไดแ้ ปลว่าสนองตณั หา สมมติว่าแม่เป็ นเบาหวาน
ท่านชอบกินของหวาน ไหน ๆ กูก็ตายแล้ว มึงอย่าห้ามกู
ไดม้ ้ยั เอาความสุขให้กูหน่อย มนั ก็สุขแค่แป๊ ปเดียว เดี๋ยวก็
เกิดปฏิกิริยาขา้ งเคียงอีก ก็ทุกข์ แต่เขาสู้กบั ความอยากเขา
ไม่ได้ อันน้ันเรารักแบบสนองตัณหา อยากเห็นแม่มี
ความสุข มนั ไมใ่ ช่สุขแท้ มนั สุขชวั่ คราว เพราะแคห่ ายอยาก
ไดไ้ ม่คุม้ เสีย เรื่องน้ีก็เป็นอทุ าหรณ์
9
สติสัมโพชฌงค์
ทกุ ครั้งที่จะทาอะไร ถ้าทาไม่ดี จะมเี สียงในหัวคอยบอกว่า ก็
รู้ว่ามันไม่ดี จะทาทาไม มันไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ และเวลานอน
ฝันอยู่ กจ็ ะรู้ว่าฝันไม่ใช่โลกจริง แบบนเี้ รียกว่าวิตกจริต หรือ
ก้าวหน้าขึน้
ไม่ใช่วติ กจริต วิตกจริต คือ ส่ิงใดเกิดข้นึ กไ็ ปคิด
เพมิ่ เติม เกิดความกลวั ตวั น้ีเป็นตวั รู้เทา่ ทนั อารมณ์ แมก้ ระทง่ั
ตอนนอน ที่เราฝึกมา จิตปัจจุบนั เกิดอินทรียพ์ ละ ท้งั ศรัทธา
วริ ิยะ สติ สมาธิ ปัญญามนั แก่กลา้ ข้ึน อารมณ์ต่าง ๆ เกิดข้ึน
เหมือนมีคนเตือนสติเรา ตวั เตือนสติน้ีเป็นสติขา้ งใน เรียกวา่
สติสัมโพชฌงค์ ไม่ใช่สติขา้ งนอก น่ีคือผลจากที่เราปฏิบตั ิ
เราจะรู้เทา่ ทนั อารมณ์ เร็วข้ึน เราแยกแยะถูก ผิด ดี ชวั่ แตเ่ รา
กท็ าตามความเคยชิน กิเลสมนั คือความเคยชิน พอทาตามกิเลส
ขา้ งในมนั บอกวา่ มนั ไม่ถูกตอ้ ง มนั มีตวั เบรค ตวั เบรคคือตวั
เตือนสติเรา ก็คือจิตเดิมเรานน่ั แหละ มาเตือน
10
ผลกรรมของการคิดสั้น ฆ่ าตัวตาย ต้ องรั บวิบากกรรม
อะไรบ้าง และท่ีเขาว่าจะต้องเกิดมาฆ่าตัวตายอีกห้าร้ อยชาติ
จริงหรือไม่ แล้วหลังจากห้าร้ อยชาติแล้ว แล้วจะไม่ฆ่าตัว
ตายอีกหรื อเปล่า
ฆ่าตวั ตาย เป็นกรรมหนกั ธรรมชาติใหร้ ่างกายเรามา
แทนท่ีจะใชร้ ่างกาย มาเจริญมรรค เรากลบั ไปทาร้ายมนั เอา
เป็นวา่ หา้ ร้อยชาติ ไมใ่ ช่ฆา่ ตวั ตายหา้ ร้อยชาติ คือไม่แก่ตาย
หา้ ร้อยชาติ ตายโหง โดยเกิดภยั ธรรมชาติ เกิดโรคภยั ไขเ้ จบ็
คือไม่แก่ตาย แต่ถา้ เราฆา่ ตวั ตายหา้ ร้อยชาติเมอ่ื ไหร่ มนั จะจบ
เพราะชาตินึงกต็ ่อไปหา้ ร้อย ๆ
ที่นี่ เคยมีคุณครู เขาระลึกชาติ สมัยเป็ นญ่ีป่ ุนแพ้
สงครามโลกคร้ังที่สอง ฆ่าตวั ตาย เกิดมาอีกก่ีชาติก็เด้ียง
ไม่เคยแก่ตายเลย อนั น้ีไม่ใช่ว่ามาฆ่าตวั ตายห้าร้อยชาติ คือ
มนั จะเกิดอุปฆาตกรรม สมมติเราไปดี ๆ แมก้ ระทงั่ ชาติน้ีเรา
ทาความดีอยู่ เราบาเพญ็ เพียรดว้ ย เคยไดย้ นิ ข่าวม้ยั บางกลุ่ม
กาลงั ขบั รถไปทาบุญผา้ ป่ ากฐินกนั ระหว่างทางรถคว่าตาย
ในขณะเรากาลงั ทาความดีอยู่ เขาเรียก อุปฆาตกรรม ท่ีเรา
เคยฆา่ ตวั ตาย ที่เราเคยไปสร้างกรรมหนกั มนั จะมาตดั กรรม
11
ดีเรา มนั มีท้งั ฝ่ ายบวกฝ่ ายลบ ฆ่าตวั ตายคือฝ่ ายลบแน่นอน
บางทีชีวิตเรามาดี ๆ กาลงั มีความสุข ป๊ ุปตายฉับพลนั พ่อครู
ถึงวา่ อยา่ ประมาท
ตอนเชา้ เราก็ฝึกตายฉบั พลนั ทกุ วนั ตายก่อนตาย กล็ บ
ลา้ งได้ มีอีกตวั อยา่ งหน่ึง เป็นสตรีระลึกชาติ เคยเป็นชาว
สุโขทยั หรืออยธุ ยา สู้รบกบั พมา่ ลูกเมียตายหมด พอสงคราม
จบ เขาบอกวา่ เขาจะอยไู่ ปทาไม บา้ นเมืองก็หมดแลว้ ลูกเมีย
กต็ ายหมดแลว้ เขาเป็นขนุ ศึก ในกรรมฐานเขาเอามีดแทง
ตวั เองตาย แตพ่ อเขาแทงป๊ ปุ เขามีสติ วนิ าทีน้นั เขากราบ
พระพุทธเจา้ เขาเรียก พทุ ธานุสติ เขาบอก เขาขอโทษในสิ่ง
ที่ทา แต่เขาอยไู่ มไ่ ดจ้ ริง ๆ เขามีสติแลว้ โปรแกรมสุดทา้ ย
ไมใ่ ช่ฆา่ ตวั ตาย ตวั สติตวั น้นั ส่งไปสุขคติภมู ิ ทีน้ีถา้ เราไมฝ่ ึก
แลว้ วนิ าทีน้นั ใคร ๆ กท็ าไมไ่ ด้
วนิ าทีสุดทา้ ย เป็นโปรแกรมที่ส่งผลเรา ท้งั ทากรรมดี
และกรรมชว่ั แต่วินาทสี ุดทา้ ยเป็นกศุ ลจิต มนั ส่งผลทางกรรม
ดีก่อน เราเรียนรู้จากทกุ คน ทกุ คนระลึกชาตไิ ปเรากเ็ ห็น ท้งั
กรรมดีกรรมชว่ั เราสร้างมาแลว้ พอเกิดมาชาติใหมก่ รรมดี
มนั ส่งผลอยา่ งไร กรรมชวั่ มนั ส่งผลอยา่ งไร พระพุทธเจา้ ก็
12
เห็นจากสิ่งน้ี ไม่ใช่ไปนงั่ เทียนคิดเอาเอง พระองคเ์ ห็นเร่ือง
เวียนวา่ ยตายเกิด กฎแห่งกรรม จากทพี่ ระองคร์ ะลึกชาติ คือ
บพุ เพนิวาสานุสติญาณ เป็นวชิ าแรกทพี่ ระพุทธเจา้ ตรัสรู้ และ
พวกเราก็ทาได้
ทีน้ีถา้ กรรมที่เราสร้าง ถา้ มนั แรงเขาเรียกอุปฆาตกรรม
บางทีกาลงั เจอวิกฤต มองไปขา้ งไหน กูตายดีกวา่ เพราะวา่
ปัญหารุมเร้าเลย บงั เอิญอุปฆาตกรรม ฝ่ ายกศุ ลมา แกป้ ัญหา
ไดห้ มดเลย ทนี ้ีเราไม่รู้หรอก เราสร้างมาท้งั สองดา้ น ปัจจุบนั
น้ีเราก็สร้างฝ่ ายกุศล บางทีกศุ ลกบั อกุศล มนั ไล่บ้ีกนั อยู่ หา้
สิบหา้ สิบ เราเพิ่มฝ่ ายกศุ ล ฝ่ ายกุศลมนั กส็ ่งผล เราหลอกใคร
ไม่ได้ หลอกตวั เองก็ไม่ได้ จิตเราเองบนั ทึกไวเ้ ตม็ ๆ
ความจริ งที่ต้ องยอมรั บ
เม่ือเห็นทกุ ข์แล้ว จะอย่กู บั ทุกข์อย่างไร โดยไม่เป็นทุกข์
ก็สกั แต่วา่ เห็น ถา้ เราเห็นทกุ ข์ เราจะไมท่ กุ ข์ ท่ีเราทุกข์
เพราะเราไม่เห็นมัน บางคนทุกข์ แต่ไม่เห็นทุกข์ ไปวิ่งหา
ความสุขนอกกาย มากลบเกล่ือนความทุกข์น้ัน คาว่าเห็น
13
ทกุ ขใ์ นท่ีน้ี ไมใ่ ช่วา่ เห็นทกุ ข์ ที่มนั ตรงขา้ มกบั สุข ทกุ ขต์ วั น้ี
เรียกว่า ทุกขสัจ ในอริยสัจ๔ คาว่า เห็นทุกข์ คือ ทุกขต์ วั น้ี
คือ เห็นความไม่เที่ยง มันทุกขงั เพราะมันดารงอยู่ได้ยาก
มนั เป็ นกฎพระไตรลกั ษณ์ ถา้ เรารู้เท่าทนั มนั รู้เท่าทนั ความ
เปลี่ยนแปลง เราจะไม่รู้สึกทุกข์ หลายคนปวดทอ้ ง ก็ไปกิน
ยาพารา เบื่อก็ไปเท่ียว เราหนีทุกข์ตลอดเวลา เราไม่เห็น
ทกุ ข์ เรากไ็ มเ่ ห็นธรรม
ยกตวั อย่างว่า เรายึดมั่นถือมั่น ว่าตัวกูของกู ทรัพย์
สมบตั ิกู นี่รถกู นี่บา้ นกู เราอยากให้มนั ดารงอยู่ แต่พอรถ
โดนชน จากรถสวย ๆ กลายเป็ นรถไม่สวย มนั ไม่เท่ียง มนั
ทุกขงั เหมือนเราไม่อยากตาย พอจะตายมนั เป็นทุกขงั มนั
ดารงอยไู่ ดย้ าก ถา้ เรายอมรับความเปลี่ยนแปลงน้นั ทุกขซ์ ่ึง
ตรงขา้ มกบั สุข มนั ไม่เกิดข้ึน แตต่ อนน้ีท่ีมนั เกิดข้ึน เพราะเรา
ไมย่ อมใหม้ นั เปลี่ยนแปลง
เม่ือวานคุณแม่ชี มาลาพ่อครู จะไปใหห้ มอช่วยดูจมกู
แกหน่อยนึง พอ่ ครูบอก มนั เป็นธรรมารมณ์ แกบอกคร้ังก่อน
ก็ไปตรวจ ไปเอก็ ซ์เรยก์ ็ไมเ่ ป็นไร เพราะตอนน้ีเขาอยใู่ นอดีต
เขาเป็นลิง เขาเป็นอะไรก็ช่าง หมายถึงวา่ มนั เป็นอารมณ์ใน
14
อดีตมนั แสดงข้ึน เรารู้สึกเจบ็ จริง ๆ แต่มนั ไมจ่ ริง นี่แหละ
ธรรมารมณ์ เราก็จ่ายหน้ีกรรมทางจิต ไม่ใช่เรื่องกายภาพเรา
จริง ๆ ถา้ เราไปหาหมอ เขาก็รักษาเราตามอาการ ปวดก็ฉีดยา
แกป้ วด กค็ ิดวา่ เราหาย มนั ไมไ่ ดห้ าย เราไปกลบเกล่ือนมนั
เฉย ๆ ท่ีบอกวา่ ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม
ธรรมารมณ์ เป็นอารมณ์ทางธรรมะ เพือ่ ใหจ้ ิตเราตอ้ ง
จ่ายหน้ีความรู้สึกเจบ็ ปวดน้นั แต่ถา้ จิตเรามีปัญญายอมรับมนั
มนั กเ็ จบ็ ไมม่ าก ท่ีเราเจบ็ มาก ๆ เราไปเจบ็ ท่ีใจ เจบ็ จนนอน
ไม่หลบั พาลกินไมไ่ ด้ เป็นอุปาทานท้งั น้นั อยทู่ ่ีกระแสกรรม
เราสร้างมามาก จิตปัจจุบนั ไมฝ่ ึก แต่ถา้ เราฝึกจิตแลว้ มนั เจบ็ ก็
ใหม้ นั เจบ็ สิ เราไปเจบ็ กบั มนั ทาไม พูดมนั เขา้ ใจแต่ไม่เขา้ จิต
เม่ือเห็นทกุ ขแ์ ลว้ น่ีสุดยอดแลว้ ไมใ่ ช่วา่ ตอ้ งไปอยกู่ บั
ทกุ ขห์ รอก เรากอ็ ยกู่ บั ขนั ธ์๕ นี่แหละ ขนั ธ์๕ ไม่ใช่เร่ืองทกุ ข์
อยา่ งเดียว เร่ืองกลวั บา้ ง เพียงแต่เรารู้เทา่ ทนั มนั เท่าน้นั เอง
ความทุกขก์ ็ไมเ่ กิดข้ึน ยอมรับในความเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวกด็ ี
เดี๋ยวก็ร้าย เดี๋ยวก็แขง็ แรง เดี๋ยวก็อ่อนแอ น่ีคือความ
เปล่ียนแปลง แคเ่ รายอมรับมนั เฉย ๆ เราก็อยา่ ไปมีความรู้สึก
กงั วล เรากไ็ ม่มีความรู้สึกทุกข์ เพราะร่างกายน้ีก็ไมใ่ ช่ของเรา
15
ท่ีเราทกุ ขเ์ พราะวา่ เราอยากใหม้ นั แขง็ แรง เราอยากใหม้ นั มี
ความสุข พอมนั ไมแ่ ขง็ แรง พอมนั ไมส่ ุขมา เรากท็ กุ ข์
ท้งั หมดก็คือวา่ เรามีความอยาก แตถ่ า้ เรายอมรับความจริงวา่
ทกุ อยา่ งเป็นอนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา ไมต่ อ้ งไปทุกขก์ บั มนั นนั่
แหละวิธีอยกู่ บั มนั
ในการปฏิบัติธรรมที่ว่าต้องมศี รัทธา ตง้ั มนั่ เราจะรู้ได้อย่างไร
ว่า จิตมนั ตง้ั มน่ั หรือเปล่า แล้วต้องมีศรัทธาตงั้ มน่ั ขนาดไหน
หรือ ต้องมอบกายถวายชีวิตไปเลย ถึงจะมดี วงตาเห็นธรรม
สามารถเข้าถึงมรรค ผล นิพพาน ได้
มาถามพ่อครูทาไม ถามจิตเราเอง ถา้ ต้งั มน่ั มนั จะไม่
สงสัย นี่คือ พสิ ูจน์วา่ ยงั ไม่ต้งั มนั่ ส่วนตอ้ งมีศรัทธาต้งั มน่ั
ขนาดไหน ถึงจะมีดวงตาเห็นธรรม อนั น้ีอยา่ เขา้ ใจผดิ
คาวา่ ดวงตาเห็นธรรม บางคนยงั ไมม่ ีศรัทธาอะไรเลย
ทาสีอยอู่ ยปู่ ๊ิ งข้ึนมา จิตหลดุ พน้ ดวงตาเห็นธรรม ไมใ่ ช่เห็น
ธรรมข้นั สูง จิตเห็นจิตคือมรรค ท่ีเรารา ๆ ใครรา ขา้ งในมนั
ส่งั เราราใช่ม้ยั เรากค็ อื จิตปัจจุบนั เราเห็นจิตมนั กาลงั ราอยู่
16
อนั น้ีคือดวงตาเห็นธรรม ไมใ่ ช่บรรลุธรรม แคบ่ รรลุธรรม
ข้นั ตน้ เขา้ ไปสู่กระแสมรรค ข้นั ต่าสุดคือโสดาปฏิมรรค
สมองเราไม่รู้หรอก มนั โง่ แตจ่ ิตมนั รู้เอง พอเปิ ดประตู
ให้มันป๊ ุป ไม่ใช่แค่โสดาปฏิมรรค เปิ ดประตูบางทีเป็ น
อนาคามี บางทีเป็ นอรหันต์เลยทีเดียว เพียงแค่ให้เราเขา้ ไป
ในกระแสมรรค อยา่ ไปคิดเอาเองวา่ จะเอาศรัทธา 100% หรือ
ศรัทธา 99% เก็บไวเ้ ผ่ือขาดเผอ่ื เหลือ ศรัทธาเท่าที่เราศรัทธา
คิดเอาเองไม่ได้ ศรัทธาตายเป็ นตาย พอนง่ั เห็นผีมาหลอก กู
ไม่เอาดีกวา่ แลว้ เราจะรู้ว่าศรัทธาจริงหรือเปล่า เจ็บนิดนึงก็
ไมเ่ อา อยา่ ไปคิดเอาเองวา่ 100% อนั น้นั นึกเอา
รู้ธรรม คือตอ้ งทาใหม้ นั เห็นธรรม เห็นธรรมคือเห็นจิต
ธรรมะคือสจั ธรรม สัจธรรมคือความจริงในตวั เรา มีความจริง
อยา่ งเดียวคือจิต เห็นธรรมแลว้ ตอ้ งทายงั ไง ก็ตอ้ งทาใหม้ นั
บรรลุธรรม บรรลธุ รรมกม็ ี ส่ีคู่แปดบุรุษ สมควรแก่สักการะ
และบชู า เขาก็แยกแยะเป็นอุณหภมู ิ เป็นระดบั ของมนั แตเ่ รา
ไม่ตอ้ งไปกงั วลเรื่องน้นั วา่ ระดบั ไหน จิตเดิมเรารู้เอง บรรลุ
กม็ ีหลายระดบั สมยั พุทธกาลฟังพระพุทธเจา้ เทศน์ ซาบซ้ึง
จิตหลุดพน้ ดวงตาเห็นธรรม พระพุทธเจา้ ถึงบวชให้ บวช
17
แลว้ ก็ไม่ใหไ้ ปไหน ปฏิบตั ิจน บรรลุธรรมแตกฉานก่อน ค่อย
ใหจ้ าริกออกไปประกาศพรหมจรรยช์ ้ีทางพน้ ทุกขใ์ หส้ ตั วโ์ ลก
เราไปอา่ นพระไตรปิ ฎก เราไปฟังธรรม เราก็เขา้ ใจแต่
ไมเ่ ขา้ จิต บางทีแคร่ ู้ธรรมเฉย ๆ กไ็ ปประกาศธรรมแลว้ แบบ
น้นั ธรรมมนั จะเลอะเลือน คุณไมร่ ู้ธรรม คุณจะไปประกาศ
ธรรมไดอ้ ยา่ งไร คุณยงั ไม่เห็นธรรม คุณจะปฏิบตั ิธรรมได้
อยา่ งไร มีแต่ฝึกสมาธิ เจริญสติ ถอื ศีล ไม่ใช่ปฏิบตั ิธรรม
เราไปติดขบวนการอบุ ายวธิ ี มวั แตเ่ จริญสติ ฝึกสมาธิ
ทาใหเ้ รา เขา้ ไปในจิตไม่เป็น เราตอ้ งเริ่มจากสมถกรรมฐาน
ฝึกสมาธิใหม้ นั มีพลงั ใหม้ นั หลุดจากแรงดึงดดู ของอายตนะ
โดยเฉพาะใจร้ายมาก จิตใจ ใจมนั ดึงจิตไว้ เวลาเรานอนหลบั
มีส่ิงเดียวเทา่ น้นั ที่มนั หลบั ไม่ได้ ที่มนั หยดุ ไม่ได้ คือ หวั ใจ
มนั เตน้ มนั ตอ้ งหายใจ มนั เป็นพลงั งานอยา่ งเดียว ท่ีมนั ดึงจิต
เราไว้ จิตไมอ่ ิสระ เขาเรียกวา่ จิตใจ เราเขา้ ใจวา่ ส่ิงเดียวกนั
ไม่ใช่ จิตก็จิต ใจกใ็ จ
ใจ คือ กอ้ นเน้ือกอ้ นนึง มีหนา้ ท่ีปั๊มเลือดหลอ่ เล้ียง
ร่างกาย เป็นโกดงั เกบ็ อารมณ์ มนั เตน้ ได้ เพราะมโนวิญญาณ
คือพลงั จิต แต่จิต กถ็ กู ดึงไปอยกู่ บั มนั ดว้ ย เรามาปลดปล่อย
18
จิตใหห้ ลุดพน้ จากการเป็นทาสของใจ พอเขา้ ไปในจิตในจิต
จิตเป็นอิสระ เราเห็นธรรมแลว้ จากน้ีไป เราก็ปฏิบตั ิธรรมได้
คือเจริญมรรคจิตได้ คือ เจริญมรรค ผล นิพพาน
พ่อครูมาจากอเมริ กาใหม่ พ่อครูทดลองให้คนมา
ปฏิบัติ เขาเกิดทิฐิมานะ น่ังหมุนจริงมั่ง ไม่จริงมั่ง มีอยู่
คร้ังนึงพ่อครูตีระฆงั ออกไมค์ เปร้ียง ตกใจกันหมด โกรธ
นน่ั ทาสมาธิหรือ แต่ถา้ ตอนน้นั จิตมนั กาลงั หมุนอยู่ ตีระฆงั
มนั จะตกจิตไม่ตกใจ เพราะจิตมนั ออกมาหมนุ ไมเ่ ก่ียวกบั ใจ
เวทนาไมเ่ กิด เราพยายามปลดปลอ่ ย ใหจ้ ิตมนั อิสระจากใจ
รูปเกิด เวทนาเกิดข้ึนทใ่ี จ เสียงเขาด่าเราคือรูป ตวั ได้
ยนิ เสียงคือนาม มนั เกิดมนั กด็ บั แตต่ อนน้ีมนั ไมด่ บั มนั ส่ง
กระแสมาที่จิต จิตมนั ก็กระทบใจ มนั ไมพ่ อใจ แต่ถา้ จิตมนั
หลุดออกจากใจแลว้ มนั ก็ส่งไปใหจ้ ิต มนั ก็ตกจิตไมต่ กใจ
รูปเกิดกด็ บั มนั ไม่ปรุงต่อ เวทนาไมเ่ กิด ไมต่ อ้ งถึงข้นั น้นั
หรอก เอาแคต่ อนเราเหวยี่ งแรง ๆ บางทีตีระฆงั อยขู่ า้ งหูก็ไม่
ตกใจ มนั แยกจิตได้
กต็ อ้ งเริ่มจากศรัทธา ต้งั มน่ั รู้ธรรมก็ตอ้ งทาใหม้ นั เห็น
ธรรม เห็นธรรมแลว้ กเ็ จริญมรรค มนั เกิดผล ผลสูงสุดคือ
19
นิพพาน คือบรรลุธรรม เม่ือบรรลุธรรมแลว้ กท็ าเพราะธรรม
ไมม่ ีเง่ือนไข ไมใ่ ช่เพราะอยากทา อยากดงั
จิตไม่เหน่ือย เหน่ือยอย่ทู ่ีใจ
ทาไม หนูไม่รู้สึกร้อนท้ัง ๆ ที่เหงื่อออก หนูไม่ร้อน ไม่เหนื่อย
คืออะไร
ก็คือไม่ร้อน ไมเ่ หนื่อย บางทีมนั ร้อน กม็ กั อา้ งวา่ มนั
ร้อน เยน็ นกั กอ็ า้ งวา่ มนั เยน็ พอมนั ไมร่ ้อนไมเ่ หนื่อย ก็ถามอีก
วา่ ทาไมไม่ร้อนไม่เหนื่อย สกั แต่วา่ รู้ สกั แตว่ า่ เห็น เมื่อมนั
ร้อนเราไมไ่ ปใส่ใจมนั มนั กไ็ มท่ กุ ข์ ท่ีเราทกุ ข์ เพราะเรา
ไม่พอใจ เราชอบเยน็ มนั เป็นอุปาทานท้งั น้นั อนั น้ีจิตมนั สกั
แต่วา่ รู้ สกั แตว่ า่ เห็นแลว้ ก็มนั ร้อน ร้อนแลว้ ยงั ไง ก็ไม่
จาเป็นตอ้ งทุกข์ ถา้ เราไมก่ งั วล เราอยา่ ไปเหน่ือยตามมนั จิต
มนั ไม่เหนื่อย เหนื่อยอยทู่ ่ีใจ
ถา้ เราใชส้ มองทา เตน้ ชวั่ โมงสองชว่ั โมง เหน่ือยใจจะ
ขาด ถา้ ใจมนั ทา แต่จิตทาแลว้ จะเหนื่อยไดอ้ ยา่ งไร เราฝึกไป
เรื่อย ๆ คือความกา้ วหนา้ นี่คือผลของมนั ร้อนก็ไม่ทกุ ข์
20
เหน่ือยกไ็ มเ่ หน่ือย น่ีแหละสกั แตว่ า่ รู้ สกั แต่วา่ เห็น ตอนที่
เรายงั ไมแ่ ขง็ แกร่ง กส็ กั แตว่ า่ รู้สกั แตว่ า่ เห็น เป็นการเตือนจิต
เม่ือเราแขง็ แกร่งแลว้ รู้เฉย ๆ ไมต่ อ้ งสักแตว่ า่ แต่ถา้ จิตมนั
หลุดพน้ แลว้ ไมต่ อ้ งสกั แตว่ า่ มนั รู้เฉย ๆ รู้กเ็ หมือนไม่รู้
ไมม่ ีผลสาหรับเรา กเ็ พราะเราไมไ่ ปรู้สึกรู้อารมณ์ แต่ไมเ่ ป็น
อารมณ์น้นั กร็ ู้เฉย ๆ อนั น้ีคือผลท่ีเราปฏิบตั ิ
อินทรีย์พละคืออะไร แล้วจะเพ่ิมกาลังมนั ได้อย่างไร
ตอ้ งการรู้หมดเลยวา่ มนั แปลวา่ อะไร อนิ ทรียพ์ ละ คือ
อินทรีย์ ๕ พละ๕ ศรัทธา วริ ิยะ สมาธิ สติ ปัญญา เม่ือก้ีถาม
พอ่ ครู ศรัทธาตอ้ งเอากี่เปอร์เซ็นต์ ยงั มตี ่อรองอีก เผอ่ื ขาด
เผอ่ื เหลือ100% กไ็ ม่พอนะ ศรัทธาตอ้ งมาหลายชาติแลว้ คา
วา่ ศรัทธาไม่ไดแ้ ปลวา่ ความเชื่อ มนั ไม่ใช่ความเช่ือหยาบ ๆ
มนั เป็นศรัทธา เป็นบารมีเก่ามาต้งั แตอ่ ดีต ยงิ่ ทา ก็ยง่ิ เห็นผล
ศรัทธาก็ยงิ่ มากข้ึน ความมีวริ ิยะกม็ ากข้ึน สติ สมาธิกม็ ากข้ึน
ปัญญาท่ีมีอยแู่ ลว้ มนั กแ็ ก่กลา้ ข้ึน มนั ก็กลายเป็นพละ อินทรีย์
พละกาลงั กม็ ากข้ึน เมื่อกาลงั มากข้ึน กป็ ฏิบตั ิไดค้ ล่องข้ึน ได้
21
เร็วข้ึน เหมือนเราวง่ิ ไม่เคยวง่ิ วนั แรก ๆ วง่ิ ไปไดก้ ิโลนึงก็
ไมไ่ หวแลว้ พอเราไม่เลิก เรามีศรัทธา เราวิ่งอีกกเ็ ป็นสอง
กิโล พรุ่งน้ีเป็นสามกิโล พอกาลงั มนั มากข้นึ ก็วง่ิ ไดเ้ ร็วข้ึน
ไดม้ ากข้ึน นี่คือคาตอบวา่ จะเพ่ิมกาลงั มนั ไดอ้ ยา่ งไร พอเรา
ออกกาลงั กายบอ่ ย ๆ ร่างกายก็แขง็ แรง เรากแ็ ขง็ แรง แตถ่ า้
เราออกกาลงั จิตบอ่ ย ๆ จิตกแ็ ขง็ แรง คาวา่ อินทรียพ์ ละ เป็น
กาลงั ของจิต แลว้ ออกกาลงั จิตทายงั ไง กค็ ือ มรรค ผล
นิพพาน ท่ีเราทาอยทู่ ุกวนั น้ี
ประพฤติพรหมจรรย์คืออะไร ใช่ถือศีลแปด หรือเปล่า
ศีลแปด เป็นแค่ตวั เตอื นสติ ใหล้ ะเวน้ ความชว่ั เทา่
น้นั เอง ประพฤตพิ รหมจรรย์ ตอ้ งทาดีดว้ ย แลว้ กข็ ดั เกลาจิต
ใหผ้ อ่ งใสดว้ ย ทีน้ีมนั เป็นภาษาวชิ าการ เดี๋ยวพ่อครูก็จะ
อธิบายใหฟ้ ัง พรหมจรรยใ์ นทางวชิ าการ แปลวา่ การศึกษา
ปรมตั ถ์ การศึกษาพระเวท การถือพรตท่ีเวน้ จากเมถนุ การ
บวชที่เวน้ จากเมถนุ การประพฤติธรรมท่ีประเสริฐ การครอง
ชีวิตที่เวน้ จากเมถนุ เสพเมถุน อนั น้ีคือคร่าว ๆ
22
ส่วนพรหมจรรยท์ ว่ั ไป หมายถงึ การครองชีวิตอยา่ ง
ประเสริฐ โดยการงดเวน้ จากเมถุน คือการมีเพศสมั พนั ธ์ การ
บวชที่ไม่ขอ้ งแวะกบั เมถนุ เดด็ ขาด มุ่งปฏิบตั ิตามศาสนา เพ่อื
บรรลมุ รรคผลอยา่ งเดียว เรียกการปฏิบตั ิอยา่ งน้ีวา่ ประพฤติ
พรหมจรรย์ พรหมจรรยเ์ ป็นอุบายวธิ ี ออกจากกาม ระงบั
ความฟุ้งซ่านแห่งจิต ท่ีเกิดจากการหมกมนุ่ อยใู่ นกาม เป็นเหตุ
ใหจ้ ิตสงบ และบรรลมุ รรคผลไดง้ ่าย
พรหมจารี หมายถงึ ผปู้ ระพฤตพิ รหมจรรย์ ผปู้ ระพฤติ
เหมือนพรหม พรหมวหิ าร ก็คือ เมตตา กรุณา มทุ ิตา อุเบกขา
พรหมน่ีไม่ใช่ถือศีลแปดอยา่ งเดียว ศีลแปดคือละเวน้ พรหม
ตอ้ งมีเมตตา กรุณา มทุ ิตา อเุ บกขา ตอ้ งมีการกระทาเกิดข้ึน
โดยการให้ ละชวั่ ไมพ่ อ ตอ้ งทาดีดว้ ย พรหมจารีในคาวดั
คาวดั คือคาในทางศาสนา หมายถงึ บรรพชิต และผถู้ ือพรต
หรือถือบวช โดยการครองชีวติ อยา่ งประเสริฐ คืองดเวน้ จาก
เมถนุ ธรรม ไมข่ อ้ งแวะเร่ืองเพศสัมพนั ธเ์ ดด็ ขาด มงุ่ ปฏิบตั ิ
เพือ่ บรรลธุ รรมเทา่ น้นั พรหมจารี เป็นคาท่ีใชส้ าหรับบุรุษ
หากคาท่ีใชส้ าหรับสตรีเรียกวา่ พรหมจาริณี พรหมจารีใน
คาไทย ในคาไทยคือภาษาโลก ๆ ใชห้ มายถึงหญิงท่ียงั บริสุทธ์ิ
23
ยงั ไม่เคยมีเพศสัมพนั ธ์ คือสาวพรหมจารี คาเดียวกนั มนั แปล
คนละเรื่อง ถา้ พรหมจารีในทางธรรม ในภาษาศาสนาหมายถึง
ผชู้ าย แตถ่ า้ เป็นภาษาโลก พรหมจารี หมายถงึ ผหู้ ญิงบริสุทธ์ิ
คือสาวพรหมจารี
สารวมในปาฏิโมกข์ คืออะไร
คนน้ีสงสยั เป็นนกั วชิ าการ ปาฎิโมกข์ หมายถึง ธรรม
ท่ีทาใหผ้ รู้ ักษาพน้ จากกิเลสเศร้าหมอง มีตณั หา เป็นตน้ ธรรม
เป็นท่ีพน้ จากอบายแห่งผรู้ ักษา ธรรมเป็นท่ีอาศยั พน้ จากอาบตั ิ
เรียกวา่ ปาฏิโมกข์ น่ีกเ็ ป็นมุมนึง
ส่วนปาฏิโมกขอ์ ีกมมุ นึง คือ คมั ภีร์เป็นท่ีรวมพระวนิ ยั
ท่ีพระพุทธเจา้ ทรงบญั ญตั ิเป็นพุทธอาณา สาหรับพระสงฆ์
ถือศีล 227 ขอ้ ของภิกษุและภิกษณุ ีถือศีล 311 ขอ้ ปาฏิโมกข์
มีพทุ ธานุญาติ ใหพ้ ระสงฆส์ วด ในท่ีประชุมสงฆท์ กุ ก่ึงเดือน
เรียกวา่ สวดปาฏิโมกข์ วนั ที่สวดเรียกวา่ วนั ปาฏิโมกข์ หรือ
วนั อุโบสถ สารวมในปาฏิโมกขร์ วมแลว้ กค็ ือ สารวมระวงั
ไม่ใหท้ าผิดศีลวินยั พระภิกษคุ ือ 227 ภกิ ษณุ ี 311 เพอ่ื
24
ป้องกนั ไม่ใหส้ ร้างกรรมใหม่ และเป็นอุบายทาใหล้ ด ละ เลิก
กิเลส ตณั หา อปุ าทาน
พอ่ ครู ยสี่ ิบปี ไมไ่ ปไหน พอถงึ เวลาไปขา้ งนอกพอ่ ครู
เลือกไปอินเดีย เขาพาพอ่ ครูไป ส่ีสังเวชนียสถาน ประสูติ
ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และ ปรินิพพาน พอ่ ครูไดไ้ ปสัมผสั
สังคมท่ีโน่น เขามีช้นั วรรณะ ที่จนก็จนติดดินจริง ๆ ที่เราดู
หนงั พระพทุ ธเจา้ เกิดมาคนจนแบบไหน คนจนแก่เป็นยงั ไง
เจบ็ ยงั ไง ตายยงั ไง ไปเห็นเรียบร้อย เป็นอยา่ งน้นั จริง ๆ คน
ในอดีตเขาพูดเลน่ ๆ เจองูกบั เจอแขก ตีอะไรก่อน เขาบอกตี
แขกก่อน ไมใ่ ช่แขกชว่ั เป็นคนไมด่ ี ประชากรเขาเยอะมาก
ความยากจนเขาตอ้ งเอาตวั รอด เขาทาทุกรูปแบบท่ีเขาจะได้
ทีน้ีพ่อครู ต้ังโจทย์ว่า ทาไม่พระพุทธองค์เลือกมา
ประสูติท่ีประเทศอินเดีย พ่อครูไปไดค้ าตอบตรงน้นั อยู่ท่ี
โน่นเห็นทุกข์ชดั มาก เจา้ ชายสิทธัตถะพระองค์ไม่ไดท้ ุกข์
อะไร เกิดมาในมหาปราสาทราชมณเฑียร มีครอบครัวท่ี
อบอุ่นสมบูรณ์ทุกรูปแบบ พระองคไ์ ม่ไดท้ ุกข์ บารมีเก่าทา
ใหพ้ ระองคเ์ ห็นทุกข์ ที่ว่าเห็นเทวทูตท้งั หา้ อนั น้ีเทวทูตใน
ภาพยนตร์ แต่ท่ีเราไปอินเดีย เห็นของจริง ๆ เลย ไปอินเดีย
25
เดี๋ยวน้ี ก็เห็นเด๋ียวน้ี ในขณะท่ีในเมืองหลวง คนรวยก็รวย
ระดบั โลกเลยนะ คือช้นั วรรณะชดั มาก แต่บงั เอิญระดบั ล่าง
พ่อครูไปสัมผสั เขาเป็ นขอทานหมด เขากราบไหวช้ ูชก เขา
นบั ถือชูชกมาก เพราะมีวิชาขอเก่ง ขอกณั หา ชาลีจากพระ
เวสสันดรได้
นนั่ แหละ คาตอบวา่ ทาไมพระพุทธเจา้ ถงึ เลอื กไปเกิด
ที่โน่น สังคมท่ีโน่นเห็นทกุ ขช์ ดั มาก ไม่เห็นทกุ ข์ กไ็ ม่เห็น
ธรรม พระองคท์ กุ ข์ จริง ๆ พระองคไ์ ม่ไดท้ ุกขอ์ ะไร แต่เกิด
ความทกุ ข์ เพราะพระองคไ์ ปเห็นทุกข์ ทาใหพ้ ระองคเ์ ศร้า
ทาไมโลกมนุษยถ์ ึงเป็นอยา่ งน้ี เข่นฆ่ากนั ปลาใหญ่กินปลา
เลก็ คนไมม่ ีจะกินก็ไมม่ ีจะกิน พระองคเ์ ห็นเทวทตู ท้งั หา้ เกิด
แก่ เจบ็ ตาย แลว้ อนั สุดทา้ ยก็คือ เห็นนกั บวช เหมือนให้
พระองคต์ อบโจทยว์ า่ ใหพ้ ระองคต์ ดั สินใจ ไปเป็นนกั บวช
พระองคเ์ ศร้า ๆ เพราะเห็นทุกข์ จึงแสวงหาโมกขธรรม เม่ือ
เห็นธรรมแลว้ จึงเจริญธรรม คือเจริญมรรค เมื่อบรรลธุ รรม
แลว้ เห็นไตรลกั ษณ์แลว้ จึงพน้ ทกุ ข์ เม่ือพน้ ทกุ ขแ์ ลว้ จึงช้ี
ทางพน้ ทกุ ขใ์ หส้ ัตวโ์ ลก
26
พระพุทธเจ้ามีพระมหากรุณาธิคุณ และพระมหา
ปัญญาธิคุณเต็มเปี่ ยม อยา่ งไม่มีใครบงั อาจจะไปเปรียบเทียบ
พระองค์ไปเห็นกฎแห่งกรรม เห็นอริยสัจ ปฎิจสมุปปบาท
เพราะพระองคเ์ ลิกคิด ความคิดทาใหเ้ ราแคบ เราไปเจาะเรื่อง
เดียว มนั เป็นแค่องคค์ วามรู้ มนั ไมใ่ ช่ปัญญา
รู้ธรรม ก็แสวงธรรม ใหม้ ีดวงตาเห็นธรรม แลว้ ก็
ปฏิบตั ิธรรม บรรลธุ รรม ท่ีบรรลธุ รรมก็มีส่ีคูแ่ ปดบุรุษ แลว้
ก็ประกาศธรรม ช้ีทางพน้ ทุกขใ์ หส้ ัตวโ์ ลก ท่เี รียกวา่ ประกาศ
พรหมจรรย์ เราตอ้ งถือพรหมจรรยก์ ่อน เม่ือเราชานาญแลว้
เราค่อยรู้วา่ การประกาศพรหมจรรย์ เราจะประกาศอยา่ งไร
ถา้ พรหมจรรย์ เรายงั ไม่สมบูรณ์ มีแต่ไปทอ่ งอา่ นหนงั สือ แลว้
ไปช้ีทาง มนั กเ็ ลอะเลอื น
พวกเราถือวา่ มีบุญกุศลมากมาย ไม่อยา่ งน้นั ไม่ไดเ้ กิด
มาในร่างมนุษยผ์ ปู้ ระเสริฐ ไม่ไดเ้ จอคาสอน อนั ยิ่งใหญ่ของ
พระพุทธองค์ และถา้ ไม่มีบุญเยอะมาก ก็ไม่ไดเ้ จอหนทาง
ตรง ๆ ไม่ใช่ว่ามนั จะเกิดข้ึน มนั ก็เกิดนะ ถา้ ไม่ถึงเวลามนั ก็
ไม่เกิดข้ึน เราไปติดบ่วง เดินทางออ้ มอยู่ตรงน้ัน ติดบ่วง
ความรู้แบบวิชาการ แปลถูกแปลผิด ตีความเขา้ ขา้ งทิฐิมานะ
27
ของตนเอง ก็เป็ นกรรมอย่างนึง เราตอ้ งให้ตวั เองแตกฉาน
ก่อน แล้วค่อยรู้ว่าสิ่ งท่ีเราทามา มันถูกตรงไหน มัน
คลาดเคลื่อนตรงไหน แลว้ เราจะช้ีทางคนอื่น จะไดไ้ ม่ไปหลง
เหมือนเรา
พระพุทธองค์ ตอ้ งทดลองก่อน พระองคล์ องทุกรกิริยา
ทรมานสังขารอยหู่ กพรรษา พระองคไ์ ปคน้ พบ ทางสายกลาง
วา่ แบบน้นั มนั สุดโตง่ พระองคไ์ ม่เคยสอนพวกเรา ใหไ้ ป
ทรมานตวั เองอีกตอ่ ไป พระองคเ์ ป็นผเู้ สียสละ เราถึงวา่ บุญ
เยอะมาก ไม่ตอ้ งไปงมเขม็ ในมหาสมุทร แตว่ า่ อยา่ ชะลา่ ใจวา่
เจอแลว้ เมื่อไหร่ก็ได้ รอเกษียณก็ไมเ่ ป็นไร หารู้ไม่วา่ เกษียณ
มนั ไม่มีพลงั แลว้ บางคนตายก่อนเกษียณ นี่คอื ความประมาท
รู้แลว้ เห็นแลว้ พวกเราถือวา่ เห็นธรรมแลว้ ถา้ ยงั ไมป่ ฏิบตั ิ
ใหม้ นั บรรลุธรรม อนั น้ีกต็ วั ใครตวั มนั
พระพทุ ธองคต์ รัสวา่ หนทางแห่งพุทธะมีจุดออ่ นสอง
อยา่ ง คือ ไมเ่ ร่ิมเดินทาง สอง เดินคร่ึงๆกลางๆ ไม่เดินต่อ ไป
ติดบว่ งอภิญญานอ้ ยนึง โอ๊ยฉนั เป็นผยู้ งิ่ ใหญแ่ ลว้ ไปสร้าง
ลทั ธิข้ึนมา เพ่อื ตอ้ งการมวลชน เพอ่ื หาสตางค์ เทวทตั ก็เป็น
แบบน้ี ปฏิบตั ิระดบั นึง ไดอ้ ภิญญา แปลงร่างไดด้ ว้ ย ก็ไป
28
หลงอภิญญา จะเอาอภิญญาน้นั ไปสร้างศรัทธา ไปหลอกคน
อ่ืน ก็เลยกลายเป็นจุดออ่ น
บงั เอิญสังคมยคุ เราน้ี เกิดมายคุ หลงั สงครามโลก คร้ังที่
สอง เขาต้งั โจทย์ ทุนนิยมแข่งขนั เสรี ความสุขเกิดจากการ
บริโภค เกิดจากการสะดวก สบาย แลว้ ก็รู้สึกสุข เงินเลยเป็น
พระเจา้ ทกุ คนก็เรียน เพอ่ื ม่งุ หาเงิน มีคาพงั เพยของคน
โบราณ เขาบอกวา่ ถา้ จะใหอ้ ูฐไปลอดรูเขม็ เป็นเร่ืองยาก แต่
จะทาใหเ้ ศรษฐีข้ึนสวรรค์ เป็นเรื่องยากกวา่ ทาไมอยา่ งน้นั
เพราะทุกคนมุง่ มน่ั ไปเป็นเศรษฐี เม่อื ไหร่มนั จะรวย
เท่าไหร่ มนั ไมม่ ีขอบเขต กเ็ ริ่มจากเราอยากเป็นเศรษฐี เรามี
ตณั หา เราอยากอยแู่ ลว้ พอมาไดข้ นาดน้ี สร้างตึกข้ึนมาสิบช้นั
มองข้ึนไปขา้ ง ๆ มนั มรี ้อยช้นั ฉนั ยงั ไม่เป็นเศรษฐีเลย มนั รวย
กวา่ ฉนั เรากบ็ ่มเพาะตวั ตณั หาตลอดเวลา เราก็สร้างกรรม
เบียดเบียนตนเอง เบียดเบียนคนอื่นแลว้ จะไปสวรรคง์ ่ายม้ยั
พ่อครูบอกแลว้ วา่ ถา้ จาเป็นตอ้ งรวย ก็รวยเถอะ อยา่ ไป
ทุกขก์ บั มนั แตถ่ า้ จาเป็นตอ้ งจน ก็จนเถิด อยา่ ไปทุกขก์ บั มนั
เราไม่ไดเ้ กิดมาเพอื่ รวย เพ่ือจน แตถ่ า้ เรารวยป๊ ปุ เราตอ้ งเพ่ิม
ความอยาก ตอ้ งกระตือรือร้น ปลกุ ไฟ ข้ึนมาดิ้นรนทรมาน
29
ตวั เอง และในขณะเดียวกนั สมมติวา่ ในโลกมนุษยเ์ รามี
ทรัพยากรจากดั แตบ่ งั เอิญเขาเป็นเศรษฐี เขามีเคร่ืองดูดฝ่นุ
เคร่ืองดูดแรงมาก ดูดเขา้ ตวั เขาไปหมดเลย เขาเหลือเฟื อ แต่ยงั
ไม่พอเขายงั กกั ตนุ ในขณะท่ีคนอื่นไม่มีจะกิน เป็นกรรม แลว้
คนสร้างกรรมข้ึนสวรรคไ์ ดม้ ้ยั อยา่ วา่ นิพพานเลย ห่างไกล
ยคุ น้ีเกิดมาเขากส็ อนวา่ รวยก่อนคอ่ ยสุข แลว้ แคไ่ หน
มนั รวย รวยแปลวา่ มีเหลือลน้ พอแลว้ มีใครพอม้ยั คนที่
หน่ึงในโลกยงั ไม่พอเลย จนแปลวา่ ไมม่ ี ไม่ไดแ้ ปลวา่ ทุกข์
จนแปลวา่ มีนอ้ ย ไมไ่ ดแ้ ปลวา่ ทกุ ข์ ถา้ คนยงั ไมพ่ อแสดงวา่
ยงั จนอยู่ ยงั ไมร่ วย แลว้ ยงั ตอ้ งกระเสือกกระสน ไมม่ ีวนั
สงบกลวั วา่ เขาจะแซงหนา้ หรือกลวั วา่ คนอน่ื จะรวยเหมือน
เขา แลว้ อารมณอ์ ยา่ งน้ีข้ึนสวรรคไ์ ดม้ ้ยั พ่อครูถึงเตือนบอ่ ยๆ
วา่ ความรวยไม่ใช่ความผิด แต่ถา้ หลงรวยเม่ือไหร่ เขน็ ข้ึน
สวรรคย์ ากมาก เพราะสังคม มนั สร้างระบบแบบน้ี กวา่ จะ
รวยไดต้ อ้ งสูต้ าย แลว้ บางทีรวยมาก็เอาเงินมารกั ษา โรคเครียด
โรคมะเร็ง
แลว้ ความรวยเราน้ี เจตนาก็ดี ไมเ่ จตนากด็ ี จริง ๆ แลว้
กรรมช้ีเจตนา แต่ความอยาก ทาใหเ้ ราตอ้ งสู้ ตอ้ งสร้าง
30
เคร่ืองดูดฝ่ นุ ใหญ่ ๆ ดูดมาเขา้ ตวั เราหมด คนอ่ืนไม่มีจะกิน
ช่างมนั คนท่ีไปกหู้ น้ียมื สินธนาคาร แสดงวา่ เขาเดือดร้อน
แลว้ กไ็ ปบวกดอกเบ้ียซ้าเติมเขาอีก มนั เป็นการทาบญุ หรือทา
บาป ฉนั ใหเ้ ธอยมื แลว้ นะ ช่วยเธอแลว้ นะ ช่วยก็ใหม้ นั ยมื
ฟรีๆ สิ ฉนั เอาเธอก่อน เมื่อเราเริ่มตน้ ดว้ ยการ เสียดอกเบ้ีย
ตน้ ทนุ เราก็สูงกวา่ คนอน่ื จะเอาอะไรไปสูเ้ ขา น่ีคือ ทนุ นิยม
คนพวกน้ี เขน็ ข้ึนสวรรคย์ ากมาก คาพงั เพยของคนโบราณ
เขาเอาจิตท่ีบริสุทธ์ิ มาพดู ความจริง ชีวติ เราไมไ่ ดเ้ กิดมา
เพื่อท่ีจะสร้างความรวย
พอ่ ครูถกู หลอกไปส่ีสิบปี ตอ้ งสะดวก แลว้ ค่อยสบาย
สบายแลว้ คอ่ ยรู้สึกสุข กวา่ จะสะดวกไดน้ ้ี เรียนแทบตาย หา
เงินแทบแย่ เอาเงินมาซ้ือเทคโนโลยี ค่อยรู้สึกสะดวกแลว้ ค่อย
รู้สึกสบาย ทุกขเ์ พราะอยากสุข ทกุ ขเ์ พราะอยากสบาย แต่
ยส่ี ิบหกปี ท่ีมาอยทู่ ่ีนี่ สบายโดยไม่ตอ้ งสะดวก ไดค้ ุยกบั พวก
เราก็สบายๆ นง่ั อยคู่ นเดียวกส็ บาย ไม่มีเวลาไหนมนั ไม่สบาย
อนั น้ีอยา่ วา่ แต่เขน็ ข้ึนสวรรคม์ นั ง่ายเลยนะ ไปนิพพานกง็ ่าย
ก็ตวั มนั เบา
31
ทางไปนิพพาน เหมือนกระดาษขาวใบหน่ึง เอาเขม็
เจาะป๊ อก บางทีอฐู มนั มีอิทธิฤทธ์ิมนั ยอ่ ตวั มนั เลก็ ๆ มนั ก็
ลอดได้ แตเ่ ศรษฐีจะแบกทรัพยส์ ินไปดว้ ย ไดม้ ้ยั ไปไม่ได้
อยา่ วา่ แตไ่ ปนิพพานเลย ข้ึนสวรรคก์ ไ็ ม่ได้ ไปข้ึนเครื่องบิน
ทุกวนั น้ี น้าหนกั ทกุ คน อยา่ เกินเทา่ น้นั เทา่ น้ี ไม่อยา่ งน้นั มนั
ลอยไมข่ ้ึน ถา้ ทุกคนเอามาก ๆ หมดทกุ คน เครื่องบินตก
แลว้ จะไปสวรรค์ จะเอาไปกี่กิโลไดห้ รือ สลึงนึงกเ็ อาไปไม่ได้
เราคา้ กาไรเกินควร เราเกิดมาตวั เปลา่ ตายแลว้ จะแบกไปดว้ ย
สวรรคม์ นั จะใหไ้ ปหรือ คา้ กาไรเกินควร
ถา้ เราเขา้ ใจชีวิตแลว้ ไม่ใช่ทกุ คนไมท่ ามาหากิน ทกุ คน
ตอ้ งมีสมั มาอาชีวะ แม่ชีก็เป็นสัมมาอาชีวะ พระภิกษุก็เป็น
สมั มาอาชีวะ ขายกลว้ ยปิ้ งก็สัมมาอาชีวะ ขอแค่เราอยา่ ไป
เบียดเบียนคนอื่น ก็สัมมาอาชีวะ ไมใ่ ช่ไปเลน่ เกมส์รวยกนั
รวยแลว้ คอ่ ยสุข ถา้ เกิดชาติน้ีมนั ไมร่ วย กเ็ ลยทุกขต์ ลอดชีวิต
ทาไมโง่ขนาดน้นั พอใจเพยี งแค่มี มีมากกพ็ อใจ มีนอ้ ยก็
พอใจ แต่ไมไ่ ดแ้ ปลวา่ พอแลว้ ตอ้ งขยนั ขนั แขง็ ทาตอ่ ไป
อยา่ งมีความสุข อยา่ อดทนทางานเพอ่ื ความสุข จงทาตนใหม้ ี
สุขเมื่อไดท้ างาน เรื่องอะไรจะไปทกุ ขก์ บั งาน ถา้ เราเขา้ ใจ
32
ชีวติ ไมม่ ีเหตผุ ล ที่ทาใหต้ วั เองทุกข์ ถา้ วนั ไหนมนั คิดอะไร
ไมอ่ อก ก็คิดเรื่องอูฐ ไปเป็นอูฐดีกวา่ อาจจะลอดรูกไ็ ด้ เป็น
คนรวยข้ึนสวรรคไ์ ม่ได้ แต่ถา้ ไมจ่ าเป็น อยา่ ไปข้ึนสวรรค์
เสียเวลา เราอยบู่ นน้นั หลายรอบแลว้ มนั ไมใ่ ช่ทางพน้ ทกุ ข์
สวรรคส์ มบตั ิ มนุษยส์ มบตั ิ นรกสมบตั ิ สามโลกธาตุ
ยงั อยใู่ นวฎั สงสาร เรามาปฏิบตั ิเพ่ือเขา้ สู่อริยะสมบตั ิ ไม่ใช่
ทะเยอทะยาน ไม่ใช่เป็นคนมกั ได้ ไมใ่ ช่เป็นคนใฝ่ สูง บาง
คนบอกวา่ สวรรคส์ ูงแลว้ ยงั จะไปนิพพานสูงกวา่ น้นั อีก เธอ
ทะเยอทะยานมากเกินไป หรือเปล่า คิดผิดคิดใหมไ่ ดน้ ะ
นิพพานไมไ่ ดอ้ ยไู่ กลตวั ไมไ่ ดอ้ ยใู่ กลต้ วั นิพพานมนั อยขู่ า้ ง
ในเรียบร้อยแลว้ นิพพานคืออะไร มนั ยง่ิ ใหญ่เทา่ ไหร่ มนั มี
โกดงั เกบ็ เพชรพลอยเทา่ ไหร่ นิพพาน มนั ไม่เหลืออะไรเลย
เราไมไ่ ดท้ ะเยอทะยานนะ เรามกั นอ้ ย สันโดษตา่ งหาก
แต่เราไปทาบญุ เพอื่ ข้ึนสวรรค์ เขาหลอกเราวา่ ทาแค่
น้ีถึงข้นั น้นั ถึงช้นั น้นั ทาบญุ ข้ึนสวรรคช์ ้นั สูง ๆ ยงั ยาก แลว้
ยงั อยากไปนิพพานอีก สวรรคอ์ ยใู่ นอก นรกอยใู่ นใจ นิพพาน
อยใู่ นจิต อยากไปนรกม้ยั พอ่ ครูพาไปแลว้ ไมใ่ หก้ ลบั มาเอา
ไหม พ่อครูพาไปสวรรคไ์ ด้ พาไปไดจ้ ริง ๆ แลว้ ใหอ้ ยทู่ ี่
33
โน่น อยากเป็นเทวดาก็ใหอ้ ยู่ ไมต่ อ้ งลงมา เอาม้ยั ไมต่ อ้ งไป
มนั ไม่ใช่ทางพน้ ทกุ ข์ อยา่ เขา้ ใจผิด มนั ไม่ไดอ้ ยไู่ กลตวั ไมไ่ ด้
อยใู่ กลต้ วั มนั อยขู่ า้ งใน เรียบร้อยแลว้ อยากกา้ วหนา้ ตอ้ ง
ถอยหลงั ฟังพระพุทธเจา้ ไมใ่ ช่นิพพานอยใู่ กล้ ๆ มนั อยขู่ า้ ง
ในแลว้
นน่ั แหละ 100% ยงั ไม่พอ ยงั มีตอ่ รองอีกก่ีเปอร์เซ็นต์
ชีวิตนึงไมพ่ อ เราลงทนุ มาต้งั หลายชีวิตแลว้ แค่อีกชีวิตเดียว
ทิง้ มนั เถอะ พ่อครูเคยเล่าใหฟ้ ัง มีพระภิกษสุ มยั พุทธกาล ท่าน
มุ่งมน่ั มาก แลว้ ก็ไม่บรรลธุ รรม มีวนั นึงเห็นนิมิตวา่ เราเป็น
หน้ีเสือตวั นึง เขาทาอยา่ งไรรู้ม้ยั ท่านกไ็ ปนอนใหเ้ สือมนั กิน
ใครกลา้ ทาบา้ ง แลกชีวิตน้ีกบั การพน้ ทุกข์ แสดงวา่ ร่างกาย
ชีวิตน้ีมนั ไมม่ ีสาระอะไร มนั ไมม่ ีสาระ ตอนน้ีมี แต่เอามนั
ไปต่อสู้ไปสร้างวตั ถุ ไปสร้างความรวย มนั ไร้สาระ เรา
ไม่ไดเ้ กิดมาเพอื่ ส่ิงน้นั เราเกิดมา เพอื่ เดินทางตอ่ เดินทาง
ไม่ใช่ไปอินเดีย ไปหิมาลยั ไปองั กฤษ ไปเวียดนาม ไม่ใช่
พระอยใู่ นภูเขาจิต ในน้นั มีพทุ ธะจิตอยแู่ ลว้ ทกุ ดวงจิตมีหมด
อยากกา้ วหนา้ ตอ้ งถอยหลงั ไมใ่ ช่ไปโน่น ไปนี่
34
ท่ีมา : เร่ืองความจริงที่ต้องยอมรับ
บรรยายโดย พ่อครูบัญชา ต้งั วงษ์ไชย
ศูนย์พลาญข่อย 8 พฤศจกิ ายน 2558