1
2
ทิฐิ ภาษาไทยทวั่ ไป ก็คือ ความอวดด้ือ ถือดี ความ
ด้ือร้ัน ความตะแบง ไม่ยอมรับผิด อา้ งโน่น อา้ งนี่ แต่ถา้ เป็น
ภาษาธรรมแลว้ ทิฐิ คอื ความเห็น มีท้งั ดา้ นบวก กบั ดา้ นลบ
ถา้ ความเห็นทีถ่ กู ตอ้ ง เรียกวา่ ความเห็นชอบ เป็นสัมมาทิฐิ แต่
ถา้ ความรู้น้นั มนั ทาใหเ้ รา มีความเห็นผดิ เรียกวา่ มิจฉาทิฐิ
ทิฐิมีสองดา้ น อยทู่ ี่วา่ ตอนน้นั เรา มีความรู้ผิด เราก็มี
ความเห็นผดิ ถา้ เรามคี วามรู้ที่ถกู ตอ้ ง เราสอนลูกวา่ ตอ้ ง
ช่วยเหลือคนนะ ตอ้ งรู้จกั แบ่งปัน ตอ้ งใหอ้ ภยั เคา้ นะ อนั น้ี
ในทางศาสนา เรียกวา่ เป็นสัมมาทิฐิ แต่ถา้ สอนลูกวา่ ลูก
เอาชนะมนั นะ เตะมนั เลย ตีมนั เลย อนั น้ีในทางศาสนา
เรียกวา่ มิจฉาทิฐิ อยทู่ ่ีวา่ เราบนั ทึก ความรู้อยา่ งไร
คาวา่ ทิฐิ เรายดึ มน่ั ถือมนั่ ในความรู้ของตวั เอง ถา้ เป็น
ความรู้ท่ีถูกตอ้ ง ก็เป็นสมั มาทิฐิ ถา้ เป็นความรู้ผิด ก็เป็น
มิจฉาทิฐิ ส่วนดา้ นนอก ขา้ งนอก คือ ตวั ใจกบั ตวั สมอง ชีวิต
เราขา้ งนอก เราจะเรียกวา่ ทศั นคติ ทุกวนั น้ีใครคิดไม่เหมือน
ฉนั ฉนั ตอ้ งปรับทศั นคติ ลูกตอ้ งฟังนะ ตอ้ งทานะ เราไม่เคย
พยายามเขา้ ใจเดก็ เรามีแตส่ ั่ง ใหเ้ ดก็ ทาตามเรา คนที่ตอ้ ง
3
เปลี่ยนทศั นคติ คือผใู้ หญ่ ใหเ้ รียนรู้กบั เดก็ บา้ ง ใหร้ ู้วา่ โลกมนั
เปลี่ยนแปลง นี่ขา้ งนอก เรียกวา่ ทศั นคติ
ถา้ มีสัญญาความรู้ที่ถกู ตอ้ ง กม็ ีทศั นคติที่ถูกตอ้ ง ถา้ มี
สัญญาซ่ึงเป็นความรู้ ที่ไม่ถกู ตอ้ ง กม็ ีทศั นคติ ที่ไมถ่ กู ตอ้ ง
เรียกวา่ อคติ อยา่ งเรารักนาย ก. เรากต็ ดั สินวา่ นาย ก. เป็นคนดี
เราเกลียดนาย ข. เราก็ตดั สินวา่ นายข. เป็นคนไมด่ ี ท้งั สอง
อยา่ ง เป็นอคติหมด ถา้ เรามีสัญญาทถ่ี กู ตอ้ ง เราจะเป็นกลาง
เราจะไมเ่ ลือกท่ีรัก มกั ท่ีชงั ถา้ เราตดั สินใจ ดว้ ยความรู้สึก
สัญญาท่ีเรามี เราไม่บริสุทธ์ิ เราตดั สิน เพราะเรารัก เรียกวา่
อคติ
พ่อครูยกตวั อยา่ ง ใหฟ้ ังวา่ บางคนถูกครูบาอาจารย์
ตกั เตือน เพอ่ื เตือนสติ กร็ ู้สึกนอ้ ยเน้ือต่าใจ แบกอารมณ์น้นั ไว้
ตลอด ไม่ยอมปลอ่ ย มีทศั นคติวา่ ครูบาอาจารยไ์ มเ่ ป็นธรรม
วา่ แต่เรา ทีคนอ่นื ทายง่ิ กวา่ เรา กไ็ มเ่ ห็นวา่ เลย ทศั นคตินี่ดีไหม
ถา้ เราไมศ่ รัทธาครูบาอาจารย์ เราก็ไม่ตอ้ งมาเสียเวลา
เรียนรู้กบั ท่าน เราไม่มศี รัทธาเลย เสียเวลา และทาใหห้ นกั อก
หนกั ใจ และนอ้ ยใจ ย้าคิดย้าทา สร้างมโนกรรมตลอด แถมยงั
4
เผลอบ่นออกมา ใหค้ นอ่ืนไดย้ นิ ดว้ ย เป็นการสร้างวจีกรรมอีก
อนั น้ีคือ คอรัปชนั่ มโนทจุ ริต วจีทุจริต
พ่อครูเคยพูดบ่อยๆวา่ ถา้ ศรัทธามี คาด่ากลายเป็นคา
สอน ถา้ ศรัทธาหมด คาสอนกลายเป็นคาด่า เพราะเรามีอคติ
เรามีทิฐิมานะ เราจะไมก่ า้ วหนา้ ทีน้ีคนที่เคา้ นอ้ ยใจ เคา้ ลืมไป
วา่ เวลาครูบาอาจารย์ เตือนสติเคา้ ก็เตอื นเป็นเรื่องส่วนตวั ไม่
มีใครไดย้ นิ ไมม่ ีใครไดเ้ ห็น แลว้ ตวั เองคิดไดย้ งั ไง วา่ ครูบา-
อาจารยไ์ ม่เตือนคนน้นั แบกภเู ขาอยใู่ นอก ตรงน้นั แหละ ตอ้ ง
รับกรรม เพราะเรามีอคติ อนั น้ีกก็ รรมใคร กรรมมนั นะ ไม่มี
ใครช่วยเราได้
มนั ไมไ่ ดเ้ กี่ยววา่ ครูบาอาจารย์ จะเตือนคนอ่ืน หรือไม่
แคร่ ู้วา่ ครูบาอาจารยเ์ ตือนเรา หมายถึงวา่ ทา่ นใหค้ วามใส่ใจ
เรา สิ่งท่ีทา่ นเตอื น คือสิ่งท่ีเราไมไ่ ดก้ ระทา เป็นการเตือนสติ
เพอ่ื ใหเ้ รา มีความ สารวมระวงั มากข้ึน เป็นคุณประโยชน์ แต่
เน่ืองจาก เรามีทิฐิมานะ มีอตั ตา จึงทาใหเ้ รา ไม่ยอมปล่อย ไม่
ยอมวาง น่ีแหละ คือคนที่มีทิฐิมานะ
เม่ือก้ีพูดถงึ เร่ืองดา้ นนอก เร่ืองทศั นคติ ส่วนดา้ นใน
น้นั ทางศาสนา เรียกวา่ ญาณทศั นะ อนั น้ีก็ตอ้ งระวงั นะ
5
ปฏิบตั ิไปปฏิบตั ิมา ช่วงหน่ึงเกิดญาณรู้ต่างๆ ผดุ ข้ึนมา หูทพิ ย์
ตาทิพย์ ถา้ ไม่ระวงั ก็ไปหลงติดในญาณรู้น้นั ทาใหเ้ กิดอตั ตา
เพ่ิมข้ึน วา่ ฉนั เก่งกวา่ คนอื่น ฉนั รู้มากกวา่ คนอ่ืน เป็นผยู้ งิ่ ใหญ่
กลายเป็นเพมิ่ อตั ตา อนั น้ี ไม่ใช่แนวทางที่ถูกตอ้ ง
พ่อครูเตือนแลว้ วา่ สักแต่วา่ รู้ สักแตว่ า่ เห็น หลวงป่ ดู ุล
ทา่ นเคย เปลง่ อะไรมา หลวงป่ หู ลา้ ก็พดู เหมือนกนั เราเห็น
จริง ปฏิบตั ิวิปัสสนา เราเห็นนิมติ จริง เห็นอะไรจริง แต่สิ่งท่ี
เห็นมนั ไม่จริง ทาไมมนั ไม่จริง กเ็ ห็นจริงๆ เห็นนรกเห็น
สวรรค์ บางคนเห็นพระพุทธเจา้ ลอยมาเลย เรื่องอะไรให้
เหว่ยี งพระพทุ ธเจา้ ทงิ้ ถามวา่ พระพุทธเจา้ เป็นแบบไหน บอก
เป็นแบบพระพุทธรูปเลย บอกเคยเห็น เจา้ ชายสิทธตั ถะไหม
โดนตีหวั จิตเดิม เคา้ สร้างนิมิตข้ึนมา เพ่ือมาสอบอารมณ์จิต
ปัจจุบนั วา่ เธอเอาจริงไหม เธอกลา้ เหว่ียงไหม นน่ั แหละไป
หลงอภิญญาต่างๆ
อภิญญา ตอ้ งระวงั มาก มนั มีประโยชน์ แต่ถา้ ไปหลง
มนั ก็กลายเป็นโทษมหนั ตเ์ ลย มนั จะสร้างอตั ตา เราปฏิบตั ิ
ธรรมเพือ่ ลดอตั ตา เพราะอตั ตา คือที่มาของทุกข์ อนั น้ี
กลายเป็นวา่ อวดรู้ อวดเห็น อยากจะแสดง อยา่ ชะล่าใจนะ เรา
6
หลงไมพ่ อ พาคนอนื่ หลงดว้ ย น่ีเป็นกรรมหนกั นะ เราไป
ขโมยนาฬิกาเคา้ เคา้ เสียนาฬิกา เคา้ เสียใจ แคน่ ้นั เองนะ แตถ่ า้
เราช้ีทาง ใหเ้ คา้ เดินทางผิด เคา้ เสียชาติเกิดนะ ไมใ่ ช่เร่ืองทา
เลน่ ๆ กบ็ อกวา่ ใหเ้ หวย่ี งทิ้ง
ทีน้ีถา้ มนั ไมพ่ เิ ศษ มนั กห็ ลอกเราไม่ได้ มนั กต็ อ้ งพเิ ศษ
บางทีอภิญญาที่เราเห็น ท่ีบอกวา่ ทาไมเห็นจริง สิ่งท่ีเห็นไม่
จริง มนั ไม่ใช่อภิญญา ไม่ใช่ญาณทศั นะ ของจิตปัจจุบนั มนั
เป็นบารมีของจิตเดิมเรา เห็นไหม เห็นหมดเลย กลบั ออกมาก็
มีกิเลสเหมือนเก่า ถา้ ไมศ่ รัทธาแลว้ ใครเตอื นเรา กไ็ มฟ่ ัง
เพราะวา่ ฉนั เห็นมาหมดแลว้ อนั น้ีระวงั นะ
พระพทุ ธเจา้ บอกวา่ ตอ้ งจบั ศรัทธาไว้ ไมง่ ้นั ไม่มีใคร
ปลดใหเ้ ราได้ มนั เป็นญาณทศั นะ ของจิตเดิม ยงั ไมใ่ ช่จิต
ปัจจุบนั จิตปัจจุบนั ไปหลงวา่ ตวั เองมีญาณรู้ ซ่ึงเป็นญาณ-
ทศั นะ ซ่ึงยงั ไม่วิสุทธ์ิ
วสิ ุทธิ๗ ตวั สูงสุดนน่ั คือ ญาณทศั นะวสิ ุทธ์ิ มีญาณก็
เหมือนไมม่ ีญาณ เห็นกเ็ หมือนไม่เห็น เพราะเคา้ ญาณบริสุทธ์ิ
เคา้ ไมไ่ ปหลงติด เคา้ รู้วา่ ทกุ อยา่ งกไ็ มใ่ ช่หมด ไมต่ ื่นเตน้ เกิด
แก่ เจบ็ ตาย เป็นธรรมดา นนั่ คือ ญาณทศั นะวสิ ุทธ์ิ
7
ตอนน้ี อยา่ ไปถึงญาณ เอาแค่ขอ้ กงั ขา กย็ งั ไม่วสิ ุทธ์ิ
กงั ขายงั มีลงั เลสงสยั ยงั หยาบๆอยนู่ ะ ถา้ เราเขา้ ถึง ตรงน้นั
แลว้ ขอ้ กงั ขาใดๆ ก็ไม่มีเลย เพราะเราเขา้ ถึง อนิจจงั ทุกขงั
อนตั ตา รู้แลว้ วา่ อะไรกไ็ ม่ใช่ น่ีเแหละ ญาณทศั นะวิสุทธ์ิ แต่
ตอนน้ี หลงกนั มาก ตวั เองหลงติดไมพ่ อ ยงั ไปหลอกคนอ่ืน
หลงอีก เตือนเทา่ ไหร่ ก็ไม่ฟัง มนั เป็นญาณยงั ไม่วสิ ุทธ์ิ
แลว้ ก็ พอ่ ครูเขา้ ใจ พอ่ ครูรู้ พ่อครูถึงใหเ้ ครื่องมือเรา
อยา่ ลืมนะ ใชเ้ ครื่องมือน้ี คาวา่ เหวีย่ งทิง้ สวรรคก์ เ็ หว่ียงทิ้ง
ไม่ใช่ไปเหว่ียงสวรรคท์ ิ้ง เหว่ียงความยดึ มน่ั ถือมน่ั ที่เราจะไป
หลงมนั ทิง้ เตอื นเราวา่ ผา่ น นรกกเ็ หว่ยี งทิ้ง อยา่ ใหม้ นั หลอก
อนั น้ีพ่อครูไม่ไดพ้ ดู เดี๋ยวจะหาวา่ พอ่ ครูลบหลคู่ รูบา
อาจารย์ พระพุทธเจา้ พดู เองเลย ในพระไตรปิ ฎก บอกวา่ ถา้
ระหวา่ งทางเดินไป เห็นพระพทุ ธองค์ ฆา่ พระองคท์ ิง้ ซะ
พระองคไ์ ม่ได้ มาเลน่ ขายของกบั เรา อยา่ งน้ีหรอก เคา้ มาสอบ
อารมณ์เรา ยงั มีความอยากอยู่ เร่ืองอะไร บางคนแยง้ พอ่ ครู
บอกวา่ กพ็ อ่ ครูพดู เองไง ผใู้ ดเห็นธรรม ผนู้ ้นั เห็นเราตถาคต ก็
เห็นตถาคตแลว้ ดีใจมากเลย ไปเหว่ียงทิง้ ไดย้ งั ไง ไม่ใช่เห็น
แบบน้นั
8
เมื่อเราเขา้ ถงึ ธรรมแลว้ เราจะเขา้ ใจพระพุทธองค์ ส่ิงท่ี
พระองคต์ รัสรู้นน่ั มนั พูดดว้ ยภาษาไมไ่ ด้ เราจะเลิกนบั ถือ
พระพุทธเจา้ เลย ถา้ เราเขา้ ถึงตรงน้นั เพราะคาวา่ นบั ถือมนั
หยาบไป เราจะบชู าถวายชีวิตพระองค์ นน่ั แหละ ผใู้ ดเห็น
ธรรม ผนู้ ้นั เห็นเราตถาคต
ถ้าเป็ นญาณทศั นะวสิ ุทธ์ิ ท่แี ท้จริงแล้ว จะทาลายอตั ตา
ของจติ ปัจจุบนั แต่ถ้าเป็ นญาณทศั นะท่ีจิตปัจจุบัน ไปหลงติด
น้ันนะ จะเพม่ิ อตั ตาตวั ตนมากขนึ้ ไม่ใช่แนวทางพ้นทุกข์ ยงิ่
ปฏบิ ตั ิ ยิ่งต้องลดอตั ตา ลดทิฐิ ลดตัวตน จงึ จะเป็ นทางพ้น
ทุกข์ ไม่ใช่ไปรู้แค่น้นั เอง แล้วไปหลงว่าตัวเองรู้มาก ต้อง
ม่งุ มั่นปฏบิ ตั ิ ให้มนั เข้าถงึ ก่อน จนเราแน่ใจว่า เราไม่หลดุ แน่ๆ
พ่อครูฟังเคา้ พดู นิทานธรรม พุทธประวตั ิกฟ็ ังอยู่ คือ
ตามที่ไดย้ นิ มา สมยั พทุ ธกาล ส่วนมากถา้ ยงั ไมม่ ีดวงตาเห็น
ธรรมก่อน ก็จะไมบ่ วชให้ บวชแลว้ ก็ไมใ่ หไ้ ปไหนนะ ไม่ใช่
แคเ่ ห็นธรรมเบ้ืองตน้ กใ็ หไ้ ปแสดงธรรม ไมไ่ ดใ้ หไ้ ปไหน
ปฏิบตั ิจนเขา้ ถึงจริงๆ พระองคจ์ ึงดาริให้ สาวกจาริกออกไป
ประกาศพรหมจรรย์ ช้ีทางพน้ ทุกขใ์ หส้ ัตวโ์ ลก เม่ือเรายงั ไม่
พน้ ทุกข์ เราจะไปช้ีทางพน้ ทุกขใ์ หเ้ คา้ ไดอ้ ยา่ งไร
9
อนั น้ีแค่ไปเรียนอ่านวชิ าการ แค่จบดอกเตอร์ แค่จบ
เปรียญ๙ ไปแสดงธรรม ธรรมมนั จะเลอะเลือน กจ็ บดอกเตอร์
สูงสุด แลว้ ไง ไมใ่ ช่คนเป็นดอกเตอร์ ดีหรือไม่ดี แต่ความเป็น
ดอกเตอร์ ความรู้ท่ีดอกเตอร์รู้นน่ั มนั เป็นแค่ความจา มนั ไมใ่ ช่
ความจริง แตไ่ ปเผยแพร่พุทธประวตั ิได้ ไปสอนวา่ มรรคมีองค์
๘ มีก่ีขอ้ ศีล๕ มอี ะไรบา้ ง ศีล๘ ศีล๑๐ มีอะไรบา้ ง
ปฏิจจสมปุ บาท มีอะไรบา้ ง แตอ่ ยา่ ไปแปล เรายงั ไม่เห็นธรรม
เราไปแสดงธรรม ธรรมมนั ก็เลอะเลอื น
สมยั พระพทุ ธกาล ดวงตาเห็นธรรม แลว้ ค่อยบวช คาวา่
ดวงตาเห็นธรรม คือ เห็นจิต เขา้ ไปในกระแสมรรคแลว้ ข้นั
ต่าสุดคือ โสดาปัตติมรรคข้ึนไป ปฏิบตั ิต่อไป เมอื่ เห็นธรรม
แตกฉานแลว้ จึงค่อยจาริกออกไป ประกาศพรหมจรรย์ ไม่ใช่
ประกาศศาสนานะ ตอนน้ี เรามาสอนศาสนาได้ โครงสร้าง
ศาสนามีอะไร ศีล๕มีอะไร ศีล๘มีอะไร ปฏิจจสมุปบาท มีกี่
ขอ้ อนั น้นั เป็นวชิ าพุทธศาสนา แตอ่ ยา่ ไปพูดวา่ แสดงธรรม
นะ ถา้ ตวั เองไม่พน้ ทกุ ข์ จะไปช้ีทางพน้ ทกุ ข์ ใหเ้ คา้ ไดอ้ ยา่ งไร
ใหท้ ุกคนชดั เจน
10
ส่วนคนที่อยทู่ ่ีนี่ บางคนก็สภาวธรรม ไม่เหมือนกนั พ่อ
ครู ไมไ่ ดใ้ ชอ้ ุบายวา่ ทกุ คนตอ้ งเป็นหุ่นยนตน์ ะ ไม่ใช่ไปสอน
ใหท้ ุกคนทาตาม พอ่ ครูสอนพวกเรายงั ไง ทกุ วนั คือ เตือนสติ
สกั แตว่ า่ รู้ สักแตว่ า่ เห็น สกั แต่วา่ ไดย้ นิ ไมพ่ จิ ารณา ไม่ตดั สิน
ไมไ่ ดส้ อนให้ พวกเราไปตดั สินใครเลย รู้เฉยๆ ยงิ ทิง้ หมด นนั่
แหละคือ ตวั ปัญญา
อยา่ งเรายงิ เป้าบินเนี่ย เฮย้ สีอะไร ใครยงิ มา ตกก่อนนะ
เดี๋ยวไอล้ กู น้ีมาๆ คุณจะพิจารณาทนั เหรอ คุณยงิ อยา่ งเดียว คุณ
ไม่มีปัญญา คุณก็ยงิ ไมถ่ ูก นนั่ แหละคือ ตวั ปัญญา ปัญญา
ไมไ่ ดแ้ ปลวา่ รู้มาก คือรู้แจง้ เห็นจริง รู้เท่าทนั อารมณ์มา
กระทบ เคา้ ด่าป๊ บุ ยงิ เลย กระทบหู จบ เสียงด่าคือ รูป ตวั ได้
ยนิ เสียงคือ นาม มนั เกิด มนั กด็ บั จบ เวทนาไมเ่ กิด สญั ญาไม่
เกิด สังขารไม่เกิด คิดปรุงแตง่ มนั ไมเ่ กิด วญิ ญาณก็ไมเ่ กิด ก็
ไมต่ อ้ งสร้างกรรม ขนั ธ์๕ ปรุงแตง่ ไม่ได้ รูปเกิด กด็ บั ขนั ธ์5
ปรุงไมไ่ ด้ ปฏิจจสมุปบาท ขบั เคลื่อนไมไ่ ด้ วฏั สงสารหยดุ
พอ่ ครูไมเ่ คยสัง่ การ แต่พ่อครู มีหนา้ ท่ีเตือนสติ แต่ถา้
พ่อครู ไม่ทาหนา้ ที่ตรงน้ี พวกเราไม่ตอ้ งเสียเวลามาทน่ี ่ี ส่วน
11
ทาหนา้ ที่แลว้ เขา้ ใจมากนอ้ ยแค่ไหน กต็ วั ใครตวั มนั พ่อครู
ไมเ่ คยไปกา้ วก่ายชีวติ ของแตล่ ะคน เพราะมนั เป็นนานาจิตตงั
ความพอดีของแตล่ ะคน กไ็ ม่เหมือนกนั กาลงั ก็ไม่
เหมือนกนั แต่ละดวงจิตไม่เหมือนกนั คนน้ีติดอยา่ งน้ี คนน้ีติด
อยา่ งน้นั จะไปสอนใหท้ กุ คน เป็นหุ่นยนตเ์ หมือนกนั
หมดแลว้ ก็แกไ้ ขไมไ่ ด้ มนั ไมต่ รงจุด พระพทุ ธองคแ์ สดงกบั
พระราหุลกแ็ บบหน่ึง พระสารีบุตรแบบหน่ึง พระโมคคลั ลา
นะแบบหน่ึง
ทีน้ี ไม่ใช่วา่ ไปรวมคาสอน ของพระองคท์ ้งั หมด แลว้ ก็
ไปนงั่ ทอ่ งจาๆโดยไมร่ ู้ มนั คืออะไร แลว้ มนั จะพน้ ทกุ ขห์ รือ
เปล่า มีแต่ขยะ จาเพือ่ เป็นแนวทาง เพ่อื เป็นการเตือนสติ ใหเ้ รา
มุง่ มนั่ รู้แลว้ ไมป่ ฏิบตั ิ ก็ไม่มีสาระอะไร มีอยู่ บางคนฟังธรรม
ทีหน่ึงกบ็ รรลธุ รรมไดก้ ็มี แต่มนั ไม่ใช่ทางสายกลาง มนั เป็น
ความสามารถเฉพาะตวั อยา่ งพาหิยะฟังธรรมพระพุทธเจา้ แค่
คร้ังเดียว ฟังป๊ ุบบรรลธุ รรมเลย คือเราไปคิดอะไร เป็นแบบ
แพก็ เก็จ แพทเทิร์นตายตวั เป็นวชิ าการ เร่ืองจิตวญิ ญาณ ไมใ่ ช่
อยา่ งน้นั
12
ตอนน้ี เราคิดแตเ่ ร่ืองชาติเดียว เธอมาใหมใ่ ช่ไหม ตอ้ ง
ไปเรียนก.ไก่ เรียนอนุบาล อยา่ ไปคิดอยา่ งน้นั เดด็ ขาด ทา่ นมา
ท่ีน่ีทกุ คน พอ่ ครูทาอยา่ งน้นั ไหม ไม่ มาใหมใ่ ช่ไหม ไปเปิ ดดู
แนวทาง โอเคมาเดินทางดว้ ยกนั ไม่มีแยกใหม่เก่า เราจะรู้ได้
อยา่ งไร วา่ จิตเคา้ จบช้นั ไหน ไอท้ ่ีปฏิบตั ิเกา่ ๆนน่ั แหละ มวั แต่
ยา่ อยกู่ บั ท่ี นน่ั เคา้ มาป๊ บุ สิบหา้ นาที เคา้ แซงแลว้ ตอ้ งบวกของ
เก่าดว้ ย เราไปกดเคา้ ไวท้ าไม เคา้ ฝึกมาต้งั หลายชาติ เคา้
ปริญญาโทแลว้ ใหเ้ คา้ ตอ่ เอกสิ ใหไ้ ปเรียนอนุบาลหน่ึง ทาไม
ศาสนาพุทธ ไม่ใช่มาเรียนรู้ แค่ทฤษฎี แลว้ กแ็ คเ่ ทคนิค
วธิ ีการ ตอ้ งปฏิบตั ิใหม้ นั เป็น ใหม้ นั พน้ นนั่ คือเป้าหมายของ
การปฏิบตั ิศาสนา
13
ทมี่ า : เร่ือง ทิฐิมานะ
บรรยาย โดย พ่อครูบญั ชา ต้งั วงษ์ไชย
ศูนย์พลาญข่อย 31 มกราคม 2558