1
2
การหลงติดข้างในมผี ลเสียต่อการเดินทางธรรมอย่างไร
มนั เสีย เพราะมนั หลงติด ติดอะไรกค็ ือหลง โลภ โกรธ
หลง คือ ที่มาของทกุ ข์ พระพุทธเจา้ เขา้ ไประลึกชาติ ก็เพ่ือเรียนรู้
กฎแห่งกรรม เร่ือง การเวียนวา่ ย ตายเกิด บาปบุญ คุณโทษ
พระองคแ์ สดง ใหเ้ ห็นวา่ บรรพชิตไม่ควรเสพ ส่วนสุดโต่งท้งั สอง
ส่วน ระหวา่ งของคู่ ถูกผิด ดีชวั่ ขาวดา ผหู้ ญิงผชู้ าย ซา้ ยขวา
ร้อนเยน็
แลว้ โดยเฉพาะ การเจริญวิปัสสนา มนั มีขา้ งนอก คือกาย
ขา้ งในคือ จิต ขา้ งนอกเราติดอะไร เราติดความคิด คิดมนั ทุก
เร่ือง สร้างมโนกรรมตลอด พอเขา้ ไปในจิตใตส้ านึกแลว้ ไปหลง
ติด ธรรมในธรรม คือธรรมารมณ์ ไปหลงติดอารมณ์ขา้ งใน แลว้
อารมณ์น้นั มนั ส่งถึงภาคปัจจุบนั ถา้ เราไม่ระวงั เรากไ็ ปผิดศีลผดิ
ธรรม ทกุ อยา่ งไม่ไดเ้ กิดข้ึนลอยๆ
ส่วนหน่ึงเกิดจากจิต ความคิดปรุงแต่ง
ส่วนหน่ึงเกิดจากวิบากกรรมเก่า ท่ีบนั ทึก เป็นสญั ญา
ทาไมเจอนาย ก ถูกชะตามาก เจอนาย ข หมน่ั ไส้ มนั พดู
แบบเหตุผลตรรกะไมไ่ ด้ ถามวา่ ทาไม? ไมม่ ีเหตผุ ล เพราะมนั
เป็นกรรมเก่า มีคาวา่ หลง มีคาวา่ ติด เป็นผลเสีย ตอ่ การเดินทาง
เหมือนเราหลงป่ า เราหาทางเดินออกจากป่ า แทนที่จะมุ่งมน่ั เดิน
ไป เฮย้ ..ดอกไมน้ ี่สวย เกิดมาไม่เคยเห็นเลย เราไมป่ ลอ่ ยใหพ้ ลาด
3
โอกาสตอ้ งไปวิจยั มนั แลว้ ประกาศวา่ ฉนั เห็นก่อนใคร บางคน
ไม่ไดว้ ิจยั แตเ่ ห็นวา่ มนั สวย วงิ่ เขา้ หา
สิ่งเหลา่ น้ีมนั หลอก ใหเ้ ราหลุด ออกจากการเดินทาง
เพราะเรามีความอยาก เราถึงติด ขา้ งนอกกต็ ิด ติดความคิด ติด
เวทนา ติดอารมณ์ขา้ งนอก เขา้ ไปขา้ งใน ก็ติดธรรมารมณ์ คือ
อารมณ์ในอดีต มนั เป็นจริงในอดีต แตป่ ัจจุบนั มนั ไม่จริง มนั เป็น
อนตั ตาไปแลว้ จิตเราก็ไปหลงมนั เสียเวลาเดินทาง
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า อาการที่แสดงออกกับร่างกาย เป็นอาการที่
เกิดจากธรรมารมณ์ หรืออาการทางกายภาพ
เวลาเราอยใู่ นกรรรมฐาน อยู้ ..เจบ็ เหมือนเราไปเห็นวา่ เคย
ไปหกั ขาไก่ แลว้ ในอารมณ์น้นั เรากลายเป็นเหมือนไก่ถกู หกั ขา
เราก็เจ็บ พอออกจากกรรมฐาน มนั หาย เดินไดป้ กติ ชว่ั โมงหนา้
มานงั่ ใหม่ มนั เจบ็ ต่อ อนั น้ีเป็นธรรมารมณ์ ถา้ มนั เจ็บจริงก็ตอ้ ง
ไมห่ าย นี่แหละ เป็นอารมณ์ในอดีต เรารู้สึกเจ็บจริง แตม่ นั ไม่
จริง ความรู้สึกเจ็บจริง คือ ใหจ้ ิตเราจ่ายหน้ี เรียกธรรมารมณ์
แตถ่ า้ เกิดวา่ เราข่ีมอเตอร์ไซดค์ วา่ ขาหกั แลว้ มนั เจบ็ ทาง
กายภาพ อนั น้ี เป็นเรื่องปัจจุบนั ไมใ่ ช่เร่ืองของธรรมารมณ์ จะ
อยา่ งไรก็ช่าง ไมม่ ีแมแ้ ตห่ น่ึงอยา่ ง ไม่เกี่ยวกบั ผลของกรรม บ้ี
4
หมดั หมาปวดหวั หกั ขาแยเ้ ป็นอมั พาต ก็ไมต่ อ้ งไปสนใจวา่ เป็น
เพราะอะไร เรามีหนา้ ที่ รับกรรมอยา่ งเดียว ยอมรับ แตอ่ ยา่ ไป
ทกุ ขก์ บั มนั มนั เจ็บเราก็รู้ แต่อยา่ ไปเจ็บตามมนั
เราคือจิตตวั รู้ เจ็บน้ีเป็นอุปาทาน แมก้ ระทง่ั คาวา่ เจบ็
ทาซานยงั ไม่รู้วา่ คาวา่ เจ็บคืออะไร แต่ไม่ใช่วา่ มนั ไม่รู้สึก มนั รู้
แต่รู้นิดเดียว มนั ก็สกั แตว่ า่ รู้ แต่เราฝังรากลึก เราฝังไวแ้ ลว้ วา่
เจ็บไม่ดี พอเราเจ็บ เกิดอปุ าทานเลย ความเจบ็ มนั จะลากเขา้ ไป
เจบ็ มากๆ ใหเ้ รารู้เฉยๆ แลว้ กเ็ หวี่ยงทิ้ง นิมิตต่างๆท่ีเกิด เห็นนนั่
เห็นน่ี มนั กเ็ ป็น อุปาทานของจิต ทาใหจ้ ิตปัจจุบนั เห็นนิมิตน้นั
เพื่อสมั ผสั อารมณ์น้นั เท่าน้นั เอง เหมือนเราไปนรก เห็นเขา
ข้ึนตน้ งิ้ว จิตเขาสะทอ้ นภาพนิมิตน้นั ทาใหเ้ รา สมั ผสั อารมณ์
ทุกขเ์ หมือนข้ึนตน้ งิ้ว
การที่เราเข้ากรรมฐานแล้วทาท่าซา้ ๆเป็นเวลานาน เช่น หลายเดือน
หรือหลายสัปดาห์ หมายความว่า เราจะหลงติดข้างในหรือเปล่า
อยทู่ ี่เจตนา กรรมช้ีเจตนา แตถ่ า้ เราทาไปทามา จนเป็น
ความเคยชิน แลว้ ก็ไปติดมนั ไปยดึ มน่ั ถือมน่ั วา่ ตอ้ งเป็นแบบน้ี
เท่าน้นั อนั น้นั คือ ติด จิตเดิมเคยฝึกแนวน้นั มา พอเราเขา้ ไป
สมั ผสั เขากเ็ อาโปรแกรมเดิม มาถา่ ยทอดใหจ้ ิตปัจจุบนั ร่างกาย
5
ปัจจุบนั ก็ฝึกกบั ตรงน้นั มนั เป็นการเรียนรู้ เราทาไปเร่ือยๆ
เด๋ียวพอมนั ชานาญแลว้ มนั ก็เปล่ียนโปรแกรมใหม่
แต่ไม่ติด กไ็ ม่ไดห้ มายความวา่ ปฏิเสธมนั ขยะแขยง หรือ
กลวั มนั ถา้ กลวั มนั ก็ไมต่ อ้ งปฏิบตั ิ ไม่ตอ้ งเขา้ ไป ก็นง่ั อยเู่ ฉยๆ
ถา้ เรานง่ั อยเู่ ฉยๆ เรากไ็ ม่สามารถ ไปดึงเอาอดีตบารมีเก่า มาตอ่
ยอด เขา้ ไปอยา่ งระวงั อยขู่ า้ งนอกกต็ อ้ งระวงั ระวงั ความคิด
ระวงั กิเลส ตณั หา อปุ าทาน เขา้ ไปขา้ งใน กต็ อ้ งระวงั อารมณ์ขา้ ง
ใน โดยเฉพาะอดีต ท่ีเราผกู พนั กนั มา เราเกิดมาเพื่อจะแกะเงื่อน
ปลดเง่ือน แต่ถา้ เราไมร่ ะวงั เราจะผกู ตอ่ กรรมเก่า บวก กรรม
ใหม่ คือ ผล
จริงๆแลว้ กรรมเก่าเรายอมรับมนั กเ็ ทา่ น้นั เอง เราไป
เปลี่ยนมนั ไม่ได้ แต่กรรมปัจจุบนั เราเลือกที่จะสานกรรมเก่าต่อ
หรือเราจะแกะมนั อยทู่ ่ีเรา แตถ่ า้ เราไมม่ ีสติปัญญาพอ โดยเฉพาะ
เรามีกิเลสปัจจุบนั เราก็ผกู ต่อไป ขา้ มภพขา้ มชาติ
การร้ ูตัวท่ัวพร้ อมจะทาอย่างไร
เราไม่ตอ้ งทาอะไร มนั รู้ตวั ทวั่ พร้อม ตามธรรมชาติของ
มนั อยแู่ ลว้ แต่ตอนน้ีท่ีมนั ไมร่ ู้ตวั ทวั่ พร้อม เพราะวา่ เราคิด เรา
คิดตามกิเลส เราทาตามกิเลส ตวั กิเลสก็สร้างอารมณ์ มาครอบงา
6
สติเรา รู้ตวั ทว่ั พร้อม รู้แบบธรรมชาติ เช่น เราข่ีจกั รยาน ขากถ็ ีบ
ไป มือกจ็ บั แฮนด์ ตาก็มองไปขา้ งหนา้ สติสัมปชญั ญะไมต่ อ้ งฝึก
อยา่ งช่วงน้ีอากาศร้อนมาก มดทกุ เผา่ พนั ธุเ์ คล่ือนยา้ ย เขา้ ไปอยใู่ น
หอ้ งพกั เพราะอะไร เพราะเขารู้ดว้ ยสญั ชาตญาณ เขาเหมือนพระ
อรหนั ต์ รู้ตวั ทวั่ พร้อม มนั เป็นสญั ชาตญาณตามปกติ เขาไมไ่ ดค้ ิด
เขากเ็ ลย มีญาณรู้สมั ผสั ธรรมชาติได้
การวัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม เราวัดกนั ท่ีพฤติกรรม
นอกศาลา ว่าเรามคี วามประพฤติดีขึน้ กาย วาจา ใจ เป็นกศุ ลมาก
ขึน้ กว่าเดิม ไม่ได้วดั กันท่ีท่าทางในศาลา ใช่หรือไม่
อนั น้ีคือความเขา้ ใจท่ีถูกตอ้ งแลว้ การปฏิบตั ิธรรม เพื่อให้
เราเขา้ ถึง ความเป็นปกติของธรรมชาติ เพอ่ื เปลี่ยนพฤติกรรมขา้ ง
นอกที่เราไมป่ กติ ทุกวนั น้ี จิตเราเกิดมาใหม่ๆ เราเรียก จิตเดิมก็
ได้ เด็กเกิดมาใหมๆ่ เหมือนผา้ ขาวผนื นึง แต่มีจุดด่างจุดนึง จุด
ด่างตรงน้ี คือ กระแสกรรม มนั ไม่ใช่จิต มนั เป็นจิตเดิม พอเกิด
มาเขากต็ ้งั ชื่อให้ ใหเ้ รานบั ถือศาสนา สอนประเพณีวฒั นธรรม
สอนภาษาใหเ้ รา ระบายสี ระบายสี ส่งเราไปเรียนวิชาสร้าง
อนาคต ความรู้เหลา่ น้ี มนั เป็นส่ิงปรุงแตง่
7
จากจิตเดิม กลายเป็นจิตปรุงแตง่ ชีวิตเราเลยไม่ไดท้ าตาม
ธรรมชาติ เราทาตามปรุงแตง่ หมด ตามอวชิ ชา ขอ้ มูลท่ีเรารู้ผิด
เราคิดตามภาษา พดู ตามภาษา ทาตามภาษา ชีวิตเราไมใ่ ช่ความ
จริง ไมใ่ ช่ธรรมชาติ ทีน้ีมนั ปรุงแลว้ ทาอยา่ งไร พระพุทธเจา้ ก็
ไปตรัสรู้ส่ิงน้ี พระองคร์ ู้วธิ ีแก้ กค็ ือ ทาดี ละชวั่ ขดั เกลาจิตให้
ผอ่ งใส
ทาดี คือ สร้างกาลงั ใหเ้ รามีกาลงั เพื่อที่จะเดินทางเป็น
เสบียง ละชว่ั ก็อยา่ ไปสร้างภาระใหม่ อยา่ ไปสร้างกรรมใหม่
เพอ่ื ไปแบก ยงั ไม่พอนะ ตอ้ งขดั เกลาจิตใหผ้ อ่ งใส คือ ขดั
โปรแกรมต่างๆ ท่ีเราถูกใส่มาต้งั แต่กาเนิด ของเก่ากห็ นกั หนา
สาหสั เราแบกกรรมมาดว้ ย ผา้ ขาวผืนน้ี มนั ยงั ไม่บริสุทธิเตม็ ที่
มนั มีจุดด่าง แทนที่จะเอาจุดด่างน้นั ออก กไ็ ปเพม่ิ ใหม้ ากข้ึน
ระบายสี จนเราจาไมไ่ ดว้ า่ เราคือใคร ชีวิตเรากเ็ ลยไมเ่ ป็นปกติ
เมื่อเราปฏิบตั ิธรรมแลว้ เราขดั เกลาจิตใหผ้ อ่ งใส เรา
พฒั นาจากจิตปรุงแตง่ กลายเป็น จิตหลุดพน้ ดวงตาเห็นธรรม
ไม่ใช่บรรลธุ รรมข้นั สูงสุด ข้นั ต่าสุด คือ ดวงตาเห็นธรรม จิต
เห็นจิต คือ มรรค ผลของจิตเห็นจิตอยา่ งแจ่มแจง้ คือ นิโรธ
เม่ือเราเขา้ สู่กระแสมรรค เราบรรลุธรรมเบ้ืองตน้ แลว้ เป็น
โสดาปฏิมรรค-เป็นโสดาปฏิผล คู่แรก ปฏิบตั ิตอ่ ไป กเ็ ป็น
สกิทาคามีมรรค-สกิทาคามีผล ปฏิบตั ิต่อไป ก็เป็นอนาคามีมรรค-
8
อนาคามีผล ปฏิบตั ิตอ่ ไป เป็นอรหนั ตมรรค-อรหันตผล สี่คูแ่ ปด
บรุ ุษ เป็นสมควรแก่สักการะและบูชา ถา้ ถึงข้นั สุดทา้ ยแลว้ จิตก็
เขากลบั ไปสู่สภาวะเดิมของเขา คือ จิตเดิมแท้ คือปรุงแตง่ ไม่ได้
อีกต่อไป กระดาษสีขาวยงั วาดได้ แตอ่ นั น้ีมนั วา่ ง นนั่ เรียกวา่
จิตเดิมแท้
กอ็ ยา่ ไปหลงสภาวะ ท่ีเราปฏิบตั ิ อยา่ ไปวดั ตรงน้นั วา่ เรา
เห็นโน่นเห็นนี่ เราเป็นผวู้ เิ ศษ พอ่ ครูบอกแลว้ ปฏิบตั ิตอ้ งนาไป
ประพฤติ ตอ้ งดูพฤติกรรมขา้ งนอก หลงั จากปฏิบตั ิ แลว้ เรา
เปลี่ยนมยั๊ เขาวดั ความกา้ วหนา้ กนั ตรงน้นั ไม่ใช่วดั วา่ ฉนั เห็น
โน่นเห็นนี่ แลว้ ก็ไปหลงมนั อีก อนั น้ีเลวร้ายยง่ิ กวา่ ไมต่ อ้ งไป
เห็นดีกวา่ เขาเรียกวา่ หลงสภาวธรรม ติดตวั รู้ ตวั เองหลงไม่พอ
กไ็ ปพาคนอื่นหลงดว้ ย สร้างกรรมใหม่อีก เป็นการหวงั ดี
ประสงคร์ ้าย ก็ไมไ่ ดผ้ ิดอีก เป็นกรรมร่วม สร้างกรรมร่วมกนั
มาแลว้ ไปดึงกนั เขา้ มา เอาตวั เองใหพ้ น้ ก่อน แลว้ เราจะมี
ส่วนเกิน ที่จะแบ่งปันคนอ่ืนท่ีบริสุทธ์ิ
9
เมื่อกาลังจิตตัวใน เริ่มส่ังให้ทาตามท่ีตวั เองต้องการ เช่นไม่
สามารถสวดมนต์เป็นปกติได้ เห็นชัดขึน้ กบั พลงั จิตใต้สานึก จึง
เร่ิ มกังวลใจว่ าจะทาอย่างไร
คนเขา้ ไปในจิต ไม่ไดก้ ็กงั วลใจ เม่ือไหร่ ฉนั จะเขา้ ไปได้
พอเขา้ ไปแลว้ ควบคุมมนั ไมไ่ ด้ ก็ถามวา่ ฉนั จะทาอยา่ งไร น่ี
แหละคือมนุษย์ เป็นธรรมชาติของกิเลส เราตอ้ งแกท้ ี่ไมส่ งสัย
ไม่ใช่หายสงสยั นะ ตอ้ งทาลาย ไอเ้ ช้ือท่ีเราสงสัยทิง้ ตวั น้ีมนั
สร้างนิวรณ์ ตวั ลงั เลสงสัย แทนที่เดินทางจะต้งั ใจเดิน มวั แต่
เอะ๊ …แลว้ เม่ือไหร่มนั จะถึง เรียกวา่ วติ กจริต
เรารู้ว่า จิตเขาทา โดยเราหยดุ เขาไม่ได้ เราควรฝื นเขาไหม
ไมต่ อ้ งฝืน ไม่ตอ้ งทาอะไร รู้เท่าทนั เขา เท่าน้นั เอง
เพราะนิสัยเรา กิเลสเรา ถูกสอนวา่ ทาอะไรตอ้ งมีการกระทา ตอ้ ง
เป็นคนใฝ่ดี ตอ้ งขยนั ตอ้ งมีความสาเร็จ ตอ้ ง ตอ้ ง ตอ้ ง เรามี
กิเลสตวั น้ี ทกุ กระบวนท่า ตอ้ งมีคาถามตลอด เพราะเรากลวั ผดิ
บา้ ง กลวั ไม่สาเร็จบา้ ง เพราะเราอยากสาเร็จ
ทีน้ี วิธีทากค็ ือวา่ ทาโดยไมต่ อ้ งทา ไม่ใช่ไมต่ อ้ งทา ตอ้ งปฏิบตั ิ
แตก่ ารปฏิบตั ิน้นั โดยไม่ตอ้ งทาอะไรเลย มนั สงสยั เราก็รู้วา่
สงสัย อยา่ ไปสงสัยตามมนั ทาไปทามา ไอต้ วั ข้ีสงสยั น้นั มนั ก็
หลอก ใหเ้ ราไปสงสัยตามมนั ไม่ได้ ต่อไปมนั ก็ไมส่ งสัย เราตอ้ ง
ต้งั มน่ั ศรัทธาสิ่งท่ีเราดาเนิน ตอ้ งมีสติ ไม่ใช่ฝืน
10
ถา้ เรามีสติดีแลว้ โดยสญั ชาตญาณ จิตเดิมเราเขา ไม่ทาร้าย
ร่างกายน้ีแน่นอน แตจ่ ิตปัจจุบนั มนั มีกิเลสอยู่ มนั มีความอยาก
ความอยากน้ี ทาใหเ้ รากลวั กลวั ไปหมด ก็เกิดจากความอยากนนั่
แหละ มนั ก็แสดงอาการ ก็เป็นเรื่องธรรมดา คาวา่ เหวย่ี งทิง้ คือ
เหวี่ยงความยดึ มน่ั ถือมนั่ ที่เราจะไปสงสัยตามมนั เตือนวา่ เหว่ียง
ทิง้ ผา่ น ผา่ น ผา่ น
เร่ืองความผกู พนั ข้ามภพข้ามชาติ ด้วยแรงอธิษฐาน ทาให้เกิดการ
สร้างกรรมใหม่ในชาติปัจจุบัน เรามวี ิธี ท่ีจะลบล้างคาอธิษฐาน
ทั้งหมดในอดตี ชาติเราได้หรือไม่ ควรทามย้ั และทาอย่างไร
ทาดี ละชว่ั ขดั เกลาจิตใหผ้ อ่ งใส คือ การกระทา แตเ่ รา
ลา้ งไม่หมดหรอกนะ เหมือนองคุลีมาล ไมใ่ ช่เรื่องอดีตชาติ แต่
อดีต ส่งผลใหป้ ัจจุบนั องคุลีมาลถกู ครูบาอาจารยห์ ลอก ใหไ้ ปฆา่
คนหน่ึงพนั คน แลว้ จะสอนวิชาพิเศษให้ องคุลีมาล ศรัทธาครูบา
อาจารยม์ าก ไมล่ งั เลสงสัย ออกไปฆา่ อยา่ งซื่อสัตย์ ดว้ ยวา่ กลวั จะ
ลืม ฆ่าแลว้ ก็ตดั นิ้วมาแขวนคอ ฆ่าแลว้ 999 เหลืออีกหน่ึงคน
ตอนน้นั เขา้ ใจผิดวา่ ครูบาอาจารยค์ งมีนยั ยะอะไร คลา้ ยๆเราฆา่
เพื่อใหม้ นั หมดกรรม หมดเวรเร็วๆ
11
ระหวา่ งเดินทาง ไปเมืองหลวง เพอื่ จะไปโปรดแม่ตวั เอง
เขาออกหมายจบั ตาย มหาโจรองคุลีมาล แมก่ เ็ ดินมา ลูกก็เดินไป
ถา้ ฆา่ แม่เม่ือไหร่ ไม่มีทางพน้ ทกุ ขแ์ น่นอน พระพุทธองคเ์ ห็น
วาระจิตองคุลีมาล สร้างบารมีมามาก แต่ท่ีไปฆ่านน่ั เพราะมนั
เป็นกรรมร่วม ชาตินึงเคยเกิดเป็นววั ตายายเล้ียงววั ตวั น้ีไว้ วนั นึง
ตากฆ็ า่ ววั ตวั น้ี ฉลองท้งั หมูบ่ า้ น 999คนมากินเน้ือองคุลีมาล แต่
ยายไม่กินเน้ือคนเดียว
ยายกเ็ กิดมา เป็นแมอ่ งคุลีมาลในชาติสุดทา้ ย แตไ่ ม่ตอ้ ง
เลียนแบบองคุลีมาล ไมใ่ ช่ฆา่ สัตว์ ฆา่ คนก็บรรลุธรรม มนั เป็น
นานาจิตตงั มนั ไมเ่ หมือนกนั พระพุทธเจา้ ก็เดิน ไปขวางไว้
องคุลีมาล บอกหยดุ หยดุ หยดุ พระองคบ์ อก เราหยดุ แลว้ แต่
ท่านยงั ไมห่ ยดุ หยดุ ไดอ้ ยา่ งไร ท่านยงั เดินอยู่ พระองคเ์ ดินชา้ ๆ
องคุลีมาลว่งิ ว่งิ ยงั ไงก็วง่ิ ตามไมท่ นั พระพทุ ธเจา้ บอก เราหยดุ
ทาความชวั่ แลว้ แต่ท่านยงั ทาอยู่ คาน้ีคาเดียว องคุลีมาลตื่น
ข้ึนมา บรรลธุ รรมเป็นเบ้ืองตน้
พระพุทธองคก์ ็บวชให้ มหาโจรองคุลีมาล ไปรับ
บิณฑบาต ถูกลกู เมียเขาขวา้ งปา กระทบ แต่ไม่กระเทือน จิต
ขององคุลีมาล ไม่ทกุ ขก์ บั ส่ิงท่ีเกิดข้ึน แต่หยดุ กระแสกรรมน้นั
ไมไ่ ด้ พูดอยา่ งน้ีเพ่อื อะไร เพื่อเราลา้ งอธิษฐานมาหลายชาติ ลา้ ง
ไมห่ มด แต่เวลาท่ีอยู่ กระบวนการท่ีลา้ ง ใหเ้ รามีหิริโอตปั ปะ
12
ละอายตอ่ บาป ยอมรับในกรรมที่เราทา มนั กเ็ กิดบารมีระดบั หน่ึง
อนั น้ีเป็นอบุ าย องคุลีมาล ถา้ ไม่รีบออกจากวฏั สงสาร 999 ชีวติ
นนั่ บวกกบั ของเก่าดว้ ย ไมร่ ู้อีกกี่แสนกปั เราตอ้ งเผน่ ออกจาก
วฏั สงสาร อนั น้ีเป็นคาตอบ
มีเรื่องอธิษฐานบารมี เคยเลา่ ใหฟ้ ัง นางสาวเอ เป็นโรค
เอสแอลอี มาปฏิบตั ิที่น่ี โรคภยั ไขเ้ จ็บก็หาย พ่อครูก็พาไปเท่ียว
ผาแตม้ ตอนตีสี่ เห็นฟ้าสวยมากวนั น้นั เห็นพระจนั ทร์ เห็น
ดวงดาว สกั พกั นึง พระอาทิตยล์ อยข้ึนมา แลว้ ก็นงั่ คุยกนั พ่อครู
ถามวา่ เห็นอะไรมงั่
นางสาวเอ บอกเห็นพระอาทิตยข์ ้ึนสวยมาก อยไู่ หนๆ
บอกอยนู่ ู่นๆ พอ่ ครูบอกไหนๆ ไมเ่ คยเห็น พระอาทิตยข์ ้ึนเลย
เขาก็มองหนา้ เขาบอกพอ่ ครูวา่ เขาเหวย่ี งทิง้ หมด สามส่ีเดือน
ที่มาอยทู่ ี่น่ี เหลืออยา่ งเดียวเหว่ียงไม่ทิง้ เพราะมนั อธิษฐานวา่ เคา้
จะตามแฟนไปทกุ ชาติ แฟนปัจจุบนั กแ็ ฟนคนเก่านนั่ แหละ เคา้
ทุกขเ์ พราะแฟนคนน้ี พอ่ ครูบอกวา่ คิดผดิ ก็คิดใหม่ไดน้ ะ ท่ีเอ
อกหกั ไม่ใช่เพราะแฟนไม่รัก เป็นเพราะเธอ ไปหลงรักเขา
พระอาทิตย์ ไมเ่ คยข้ึน ไมเ่ คยลง โลกมนั หมุน เราไม่
เคยเห็นวา่ เป็นเพราะตวั เรา เป็นเพราะ พระอาทิตยข์ ้ึน มนั ถึง
สวา่ ง พระอาทิตยล์ ง มนั ถึงมืด พระอาทิตยเ์ ขาไมเ่ คยข้ึนไม่เคยลง
โลกมนั หมนุ เหว่ยี งทิง้ ต่อไป เพราะอธิษฐานบารมี อธิษฐานมา
13
หลายชาติ ตอนน้ีตามมาชดใช้ หน้ีกรรมเขา กเ็ หว่ียงต่อไป จน
สุดทา้ ยเราระเบิด ไอก้ ลอ่ งโปรแกรมหมดไปแลว้
นนั่ แหละ จนวนั ไหน ทเ่ี ราละสงั ขารกอ็ อกจากวฏั สงสาร
สามโลกธาตนุ ้ี สวรรคส์ มบตั ิ มนุษยส์ มบตั ิ นรกสมบตั ิ แลว้
กระแสกรรม จะไปไล่บ้ีใครเหรอ..ไม่มี เมื่อถึงจิตเดิมแทแ้ ลว้
ระบายสีก็ไมไ่ ด้ ปรุงแต่งไม่ไดอ้ ีกต่อไป ในวฏั สงสาร ผทู้ ี่เขา้ จิต
ไดป้ ลอดภยั ทกุ อยา่ ง ผทู้ ี่เขา้ จิตไม่ไดอ้ นั ตรายทุกอยา่ ง อนั น้ีแสดง
ความคิดเห็นนะ
เราจะทราบได้อย่างไร ว่าเรามคี วามก้าวหน้าในทางธรรมบ้างแล้ว
อาการของผ้มู คี วามก้าวหน้าทางธรรมเป็นอย่างไร เราจะรู้ได้ด้วย
ตนเอง โดยไม่ต้องไปถามคนอื่น ใช่หรือไม่
คาตอบ คือ ใช่ มนั เป็นปัจจตั ตงั เวทิตปั ปโพวญิ ญูหิ เป็น
สิ่งที่รู้ ก็รู้ไดเ้ ฉพาะตน เหมือนเราไมร่ ู้วา่ เราเป็นใคร เรากไ็ ปถาม
หมอดูวา่ เราเป็นใคร ใหค้ นอ่ืนมาช้ีวา่ เราเป็นใคร เขาก็ทายทกั
เดาสุ่ม ถูกบา้ ง ผดิ บา้ ง เราไม่เคยเชื่อตวั เองเลย ไมต่ อ้ งไปถาม
ใคร เป็นส่ิงที่รู้ ก็รู้ไดเ้ ฉพาะตน ความกา้ วหนา้ ไม่กา้ วหนา้ เรา
กด็ ูพฤติกรรมเรา วา่ เปลี่ยนแปลงมย๊ั ไมใ่ ช่กา้ วหนา้ วา่ เราเขา้ ไป
เห็นกี่ชาติแลว้ เห็นโน่นเห็นนี่ อนั น้นั ไปหลงสภาวะ เห็นอดีต
14
แลว้ เราฆ่าคนมนั ไม่ดี ปัจจุบนั เราเลิกฆา่ คนมยั๊ เลิกโกหกมย๊ั เรา
ตอ้ งดูพฤติกรรมขา้ งนอก
เหมือนพ่อครูเอง สี่สิบปี วงิ่ ไปตามโลก แต่ พอมนั
เปลี่ยนแปลงแลว้ ศีลก็ไมต่ อ้ งถือ เพราะไม่ทาชวั่ แน่นอน นี่คือเรา
เห็นดว้ ยตวั เอง ไม่ใช่ไปใชธ้ รรมะ ใชศ้ ีลวินยั มากดมนั ไว้ อนั น้นั
มือถือสาก ปากถือศีล พฤติกรรมเราเปล่ียน โดยไม่ตอ้ งบงั คบั มนั
ความยดึ มน่ั ถือมน่ั ที่เราไปยดึ ติดอะไรมนั กอ็ ่อนลง
ทีน้ี ความกา้ วหนา้ ทางธรรม ท่ีพอ่ ครูเคยพูด โดยเฉพาะ
แนวที่เราปฏิบตั ิมนั จะเห็นชดั อยา่ งน้ี วา่ เรากา้ วหนา้ ไมก่ า้ วหนา้
เราตอ้ งดูวา่ เราเพ้ียนจากสายตาเพอื่ นฝงู เราหรือยงั เคยกอดคอ
กนั เมา เอะ๊ ..เราชกั ไม่ไดไ้ ปแลว้ ไอน้ ่ีเพ้ยี นแลว้ กแ็ สดงวา่ เรา
กา้ วหนา้ ระดบั หน่ึง เราเริ่มมีปัญญา
ทีน้ี ปฏิบตั ิไปปฏิบตั ิมา มนั ใกลจ้ ะส้ินคิด ถา้ อาการอยา่ งน้ี
เกิดข้ึน หลงๆลืมๆ เราไมใ่ ช่คนข้ีลืม แต่เราเริ่มไมจ่ า จิตมนั จะ
ไม่จา กลายเป็นคนสิ้นคิด น่ีคือความกา้ วหนา้ ทดสอบอารมณ์
ตวั เองนะ แลว้ ปฏิบตั ิไปปฏิบตั ิมา เราชกั จะเป็นคน ไม่มีอนาคต
ถา้ อยากกา้ วหนา้ เราตอ้ งถอยหลงั มนั สวนทาง กบั ทาง
โลก เราเริ่มถอยออกจากทางโลก ทีละเลก็ ทีละนอ้ ย ทีน้ีเวลาท่ี
เหลือเราทาอาชีพ ไมใ่ ช่เราข้ีเกียจ เราก็ขยนั เราทาเพราะ ธรรม
เราทาหนา้ ท่ีเราปัจจุบนั เราไมก่ งั วล อนาคตมากมาย เราเร่ิมเป็น
15
คน ไม่มีอนาคตแลว้ นี่แหละ คือ แสดงความกา้ วหนา้ ของจิต
เพราะมนั ออกจาก ความเคยชินของกิเลส
ชีวติ ก็อยอู่ ยา่ งสะดวกสบาย คนแซ่ซอ้ งสรรเสริญ มนั เริ่ม
วางตรงน้นั ได้ ปฏิบตั ิไปปฏิบตั ิมา อนั น้ี ยงั ไมม่ ีใครรู้ แตถ่ า้ รู้….
วนั น้นั เราจะรู้ไดเ้ องวา่ เราไม่มีวนั ผดุ วนั เกิดแลว้ นนั่ แหละ คือ
จบแลว้ คือ ความกา้ วหนา้ ถา้ จิตมนั ไม่กา้ วหนา้ มนั ไม่กลา้ ทา
หรอก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความยดึ มนั่ ถือมนั่ เรา
จะเห็นวา่ มนั อ่อนลง ส่วนมนั อ่อนมากนอ้ ย แค่ไหน อยทู่ ี่กาลงั ท่ี
เราฝึ ก
กาลงั ของจิต ก็คือ อินทรียพ์ ละ ศรัทธา วริ ิยะ สติ สมาธิ
ปัญญา ถา้ มนั ไมแ่ ก่กลา้ มนั กจ็ ะไมก่ ลา้ เพ้ยี น ไม่กลา้ คิดนอก
กรอบ น่ีคือความกา้ วหนา้ ในทางธรรม
16
โปรแกรมเตรียมความพร้อมร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ และ
โปรแกรมยืน เดิน นง่ั นอน เราไม่ต้องเข้าจิตใช่หรือไม่
คาตอบ คือ ใช่ ที่เราฝึกจิต ก็คือ อยใู่ นจิต แตอ่ ยใู่ น
จิตสานึกปัจจุบนั ไมใ่ ช่จิตใตส้ านึก เราอยใู่ นฐานจิตปัจจุบนั ก็อยู่
ในฐานกาย ถา้ เราเขา้ ไปฐานจิต ฐานธรรม อนั น้นั มนั เขา้ ไปใน
จิตในจิต ในฐานจิต ตอนน้ีเราอยใู่ นฐานกาย ฐานเวทนา แต่เอา
จิตเราปัจจุบนั เรียนรู้กบั ฐานกาย ฐานเวทนา เวทนาเกิดข้ึนที่ใจ
ใจ เป็นส่วนหน่ึง ของอายตนะ ตา หู จมกู ลิน้ กาย ใจ ยงั อยใู่ น
ฐานกาย
ท้งั สองโปรแกรม เป็นการเตรียมเคร่ืองมือเดินทาง คือ กาย
เราตอ้ งรู้ตวั รู้ปัจจุบนั เพือ่ ลดอตั ตาตวั ตน ประเพณี วฒั นธรรม
หวั โขนหยาบๆ แต่ถา้ เราเขา้ ไปในจิตเลย เราไมแ่ คร์ขา้ งนอกอยู่
แลว้ แต่ตอนน้ีไม่ใหเ้ ขา้ ไป เรากลา้ รามยั๊ เฮย้ ! มนั อาย.. มนั เขิน
น่ีคือ เจตนาทาใหเ้ ราเห็นกิเลสเรา ถา้ เราไม่กลา้ ปล่อยวางหวั โขน
เหลา่ น้ี เราจะไปนิพพานไดอ้ ยา่ งไร
เหมือนเราเดินป่ า เราตอ้ งเดินไปแบบตวั เบาๆ เตรียมสติ
เตรียมสมาธิที่มีอยแู่ ลว้ ขดุ มนั ข้ึนมา อนั น้ีคือเจตนา เป็นอบุ าย
เทคนิค ใหเ้ ราเห็นอารมณ์ปัจจุบนั
17
โปรแกรมจิตในจิต ให้เราเข้าจิตลึกๆไปเลย ใช่หรือไม่
ตอบใช่ แต่ดู อยา่ งมีสติรู้เท่าทนั ไม่ใช่เขา้ ไปแลว้ ไปเห็น
วา่ ขา้ พเจา้ เป็นผยู้ ง่ิ ใหญ่ในอดีต พอขา้ พเจา้ แพแ้ ลว้ วิง่ เอาหวั ชนฝา
ตาย ขา้ พเจา้ กท็ าตามมนั อนั น้นั ไม่ใช่ ใหอ้ ารมณ์น้นั มนั แสดง
ออกมา เรียนรู้กบั มนั แต่รู้เทา่ ทนั ตอ้ งควบคุมอารมณ์น้นั ได้ ให้
แสดงอยใู่ นกรอบ ท่ีไมไ่ ปสร้างกรรมใหม่ มีสติอยา่ งยงิ่ ไมใ่ ช่ไป
หลงมนั
เราเขา้ ไปในฐาน จิตในจิต เหมือนเราฝึกจิต ใหม้ นั รู้เทา่
ทนั กาย รู้เทา่ ทนั เวทนา เราเขา้ ไป ใหม้ นั รู้เทา่ ทนั อารมณ์ในจิต
ธรรมารมณ์น้นั ฐานท้งั สี่ เราเรียนรู้กบั มนั หมดเลย แลว้ ดึงมนั
เป็นมหาสติปัฏฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม ทีน้ีเรียนรู้ แบบสปี ด
เร็วเลย ตอ้ งรู้เท่าทนั มนั ท้งั หมด มนั เร็วอยา่ งน้ี ถามวา่ เราพิจารณา
ทนั ม้ยั ไมม่ ีทาง
ชีวิตเรา บางทีโดนด่าพร้อมกนั สิบคนเลย เราจะพจิ ารณา
ทนั ม้ยั ไม่ตอ้ งพิจารณา ไมต่ อ้ งตดั สิน ยงิ ทิ้งอยา่ งเดียว ฝึกให้
มนั เร็วข้ึน เร่งสติ หมนุ กงลอ้ ของธรรมจกั ร ชีวิตเรามนั ตอ้ งเร็ว
รูปนาม เกิดดบั เร็วมาก เราชา้ ๆไม่ทนั ยงิ อยา่ งเดียว เมื่อเราฝึก
แลว้ เขาด่าเรา กระทบหู...ดบั รูปเกิดกด็ บั เวทนา สัญญา
สงั ขาร วญิ ญาณปรุงต่อไม่ได้ ขนั ธ์หา้ ปรุงไม่ได้ ปฏิจจสมุปบาท
ขบั เคล่ือนไมไ่ ด้ วฏั สงสารกห็ ยดุ อนั น้ีคือ เร่งสติ หมุนกงลอ้ ของ
18
ธรรมจกั ร เป็น ธรรมจกั รกปั ปวตั นสูตร เป็นสูตรแรก ที่
พระพุทธเจา้ ทรงแสดง พระสงฆอ์ งคแ์ รก เกิดข้ึนในโลกน้ี
พระอญั ญาโกณฑญั ญะ ก็สูตรน้ี
นานาจิตตงั ให้เข้าๆ ออกๆ หมายถึงอะไร เช่น ให้เข้าจิตตอน
บ่ายเข้าลึกๆ แต่นานาจิตตังพอรู้ตัวว่าเข้าไปในจิตแล้วกใ็ ห้ออกมา
พอเปล่งภาษา พ่อครูก็เพ้ยี นเหมือนกนั รู้สึกวา่ ตอ้ งมีการ
กระทา ที่ใหม้ นั เขา้ ตอ้ งการกระทา ที่ใหม้ นั ออก เราไปติดตรง
น้นั คือ มนั มีการเขา้ -ออก ตามธรรมชาติของมนั คาพดู ท่ีวา่ อยา่
ไปสุดโต่งขา้ งใน ขา้ งนอก แต่ไม่ใช่ไมเ่ ขา้ ไม่ใช่ไมอ่ อก แตไ่ มใ่ ช่
ตอ้ งเขา้ ตอ้ งออก ไมม่ ีการกระทา เพอื่ ใหม้ นั เขา้ เพ่อื ใหม้ นั ออก
มนั ไปตามธรรมชาติ ของมนั เอง นี่คือมหาสติปัฏฐาน พอถึงจุด
น้นั ไมม่ ีการกระทาใดๆเกิดข้ึน
เม่ือลูกข่างมนั หมนุ เราเร่ิมตน้ ตอ้ งใชแ้ รงนิ้วสองนิ้วหมุน
มนั ก่อน พอหมุนแลว้ มนั น่ิงเอง มนั ไม่ไดฝ้ ึกสมาธิ มนั นิ่งเอง
นนั่ คือเอกตั คตั ตารมณ์ พอมนั นิ่ง มนั มีพลงั เตม็ เปี่ ยมแลว้ มนั ก็มี
อิสระ จากแรงดึงดูดอายตนะท้งั หมด แลว้ มนั ก็หลดุ ไหว น่ิง
แลว้ มนั กห็ ลดุ จิตกเ็ หมือนกนั เขาดาเนินเอง เขาเขา้ ๆ ออกๆ
19
ในขณะที่ เขาเตน้ ถามวา่ เราอยตู่ รงไหน อยใู่ นกาย อยู่
ในเวทนา อยใู่ นจิต หรือวา่ อยใู่ นธรรม มนั รวมกนั หมดเลย มนั
ไมม่ ีการกระทา โดยเขา้ ไปในจิต หรือออกมาทางกาย เราไป
เขา้ ใจวา่ ตอ้ งการกระทา เขา้ ไปลึกๆ เหมือนตอนบ่าย แลว้ ค่อยดึง
มนั ออกมา อนั น้นั มนั ยงั มีการกระทาเกิดข้ึน เป็นสมถะกรรมฐาน
วปิ ัสสนา ก็คือวา่ มนั เขา้ –ออกโดยตวั มนั เอง เรารู้เฉยๆ
ภาษาพดู ละเอียดแค่ไหน ก็หยาบ มนั จะทาใหเ้ รา ตีความผิด
เพราะเราตีความ ตามกิเลสเรา ตีความ ตามความเคยชินเราวา่ มนั
ตอ้ งมีการกระทา คุน้ เคยวา่ ตอ้ งมีการจดั การ มีปัญหาตอ้ งจดั การ
บางปัญหา จดั การโดยการไมจ่ ดั การ บางทีนง่ั อยเู่ ฉยๆ เด๋ียวมนั ก็
ผา่ นไป จิตเหมือนกนั จดั การโดย ไมต่ อ้ งจดั การ ปฏิบตั ิโดยไม่
ตอ้ งปฏิบตั ิ ไมต่ อ้ งมีการกระทา แต่ไม่ใช่ไมป่ ฏิบตั ิ ใชเ้ ทคนิควา่
ปฏิบตั ิโดย ไมต่ อ้ งทาอะไรเลย เราไม่ไดท้ าอะไรนะ มนั เตน้ มนั
หมนุ ของมนั เองนะ
หรือไม่ให้เข้าจิตลึก พอจะเข้าจิตกย็ งั้ ๆไว้
ยงั มีการย้งั ๆอีก ใหเ้ ขา้ แบบต้ืนๆ ต้ืนๆจะระลึกชาติไดม้ ้ยั
คือรู้ตวั ตลอดเวลา ลืมตาเอาไว้ ไม่ให้ดิ่งลงในจิตลึก
อยา่ งน้นั ไม่ตอ้ งปฏิบตั ิ อยขู่ า้ งนอกนี่ สบายดี เราไป
คุน้ เคย กบั การกระทา ทาโดยไมต่ อ้ งไปควบคุม ไมต่ อ้ งมีการส่งั
การ เดี๋ยวมนั รู้เอง ถา้ เราจะไปหาคาตอบแบบน้ี เราจะติดบ่วง
20
ตลอดเวลา ติดบว่ งกิเลส พอ่ ครูบอกวา่ อยา่ ไปสุดโต่งขา้ งใน พอ
เขา้ ไปแลว้ ก็ลากมนั ออกมาขา้ งนอก พออยขู่ า้ งนอก กล็ ากมนั เขา้
ไปขา้ งใน ดึงกนั ไปดึงกนั มา เหมือนชกั กะเยอ่ เร่ืองจิตวิญญาณ
ไม่ใช่อยา่ งน้นั อนั น้ี มีการพยามกระทา พอจะเขา้ จิตกย็ ้งั ๆ ไว้
เป็นการกระทาอยา่ งนึง หรือใหเ้ ขา้ แบบต้ืนๆ กม็ ีการสง่ั ใหม้ นั
ต้ืนๆ คือ รู้ตวั ตลอดเวลา นง่ั เฉยๆก็รู้ตวั อยแู่ ลว้ ควบคุมตลอด
ชีวติ เราไมเ่ ครียด ใหม้ นั รู้ไป ทกุ กระบวนท่า นี่คุมตลอด
แล้วแบบไหนถึงจะถูกต้อง
แบบที่ไม่มีแบบ ถูกตอ้ งท่ีสุด แนวทางที่ไมม่ ีแนวทาง ให้
เขาดาเนิน ไปตามธรรมชาติของเขา พ่อครูบอกแลว้ วา่ อยา่ ใช้
สมองโง่ๆของเราไปสั่งจิต จิตเป็นนาย กายเป็นบา่ ว สมองเป็น
แคส่ ่วนหน่ึงของร่างกาย เราไมฉ่ ลาดพอ ที่จะไปสอนใหจ้ ิตมนั ทา
อยา่ งน้นั ทาอยา่ งน้ี จงนอบนอ้ มถ่อมตน คืนชีวติ เราใหก้ บั จิต
แลว้ เรียนรู้ไปกบั เขา เขาเป็นครูบาอาจารยเ์ ราจริงๆ
21
ทมี่ า : เร่ือง ตอบปัญหาสภาวะธรรม
บรรยาย โดย พ่อครูบัญชา ต้ังวงษ์ไชย
ศูนย์พลาญข่อย 21 มนี าคม 2558