1
สารบัญ 2
กาย จิต เป็นหน่ึงเดียวกนั 3
ต้งั มน่ั ศรัทธา 8
สติสัมปชญั ญะ กบั สตสิ มั โพชฌงค์ 9
การเขา้ จิต กบั การเขา้ ทรง 18
ไมเ่ ห็นทกุ ข์ ไมเ่ ห็นธรรม 21
ศาสนา กบั วิทยาศาสตร์ 25
3
กาย จิต เป็นหน่ึงเดยี วกนั
ขณะท่ีนง่ั เหวีย่ งพอรู้สึกว่าแรงเหวยี่ ง เริ่มแรงขึน้ และเร็วขึน้
จนกายกับจิต เกือบจะเป็นหน่ึงเดียว แต่แล้วแรงเหวยี่ งกบั
ค่อยๆผ่อนตัวเองช้าลง ทง้ั ๆที่อีกใจหน่ึงกบ็ อกว่า ต้องเหวีย่ ง
ให้แรงกว่านี้ พอรู้สึกแบบนที้ ีไร คอจะล๊อค จนเหวยี่ งต่อไป
ไม่ได้ทันที ต้องค่อยๆเร่ิมต้นเหว่ียงใหม่ทุกคร้ัง เช่นเดียวกับ
เวลากลิง้ พอรู้สึกว่าต้องกลิง้ ให้เร็วกว่านี้ กจ็ ะหยดุ กลิง้ ทันที
ส่วนการยืนหมนุ แค่คิดว่าจะหมนุ กจ็ ะเกิดอาการเวียนหัว
คล่ืนไส้ อยากอาเจียนขึน้ มาทันที ต้องทาอย่างไร
เหวย่ี งตอ่ ไป กาย จิต กาลงั จะเป็นหน่ึงเดียว ถา้ เรา เอะ๊
มนั เป็นสอง แลว้ เรามีความรู้สึกวา่ จะตอ้ งเร็วกวา่ เก่า มนั ก็เป็น
สอง มนั หยดุ ทนั ทีเลย ตอนเราเหว่ยี ง พอเราไปคิดเรื่องอน่ื
มนั จะหลุดออกจากวงจรน้นั ทนั ที เราก็ทาไปเร่ือย ๆ เด๋ียวมนั
กช็ านาญข้ึน เขาเหวีย่ งเร็วจริงๆ เหว่ยี งเตม็ ทแี่ ลว้ ตอนน้นั ถึง
เราจะคิดอะไรกช็ ่าง เขาจะเหว่ยี ง เขาจะไม่ยอมหยดุ ใหมๆ่
4
เรายงั ไม่ชานาญ แลว้ พอคิดวา่ จะเหวีย่ ง มนั เวยี นหวั ก่อน
เรียกวา่ มาร คือลึก ๆ เรากลวั เรารู้ลว่ งหนา้ วา่ จะเป็นอีก
กลวั มนั ก็แฟบ เราหลอกคนอื่นได้ เราหลอกจิตตวั เองไม่ได้
ความรู้สึกเรานิดเดียว มนั มีผล ทาไปเร่ือยๆ ฝึกประสบการณ์
สุดทา้ ยก็มีขนั ติ
ทาอะไรกช็ ่าง ไมว่ า่ ทางโลก ทางธรรม เราตอ้ งมีความ
อดทน ไม่ตอ้ งกลวั ผดิ ชีวติ คนเราตอ้ งผิดบอ่ ย บอ่ ย แต่อยา่ ผิด
เรื่องเก่าเกา่ มนั จะเจริญเติบโต ถา้ กลวั ไปหมดเลย ไม่กลา้ ลอง
มนั จะเกิดประสบการณ์ไดอ้ ยา่ งไร แตส่ าคญั วา่ ผิดบ่อยๆ น้นั
ตอ้ งมีสามญั สานึกวา่ บางอยา่ งตอ้ งควรลอง บางอยา่ งกไ็ ม่
ควรลอง อยา่ งบางคนพดู วา่ ไม่ลองไมร่ ู้
มีฝรั่งคนนึง เขาอยใู่ นโลกวทิ ยาศาสตร์ เคา้ บอกวา่ มนั
ตอ้ งมีเหตผุ ลสิ ถา้ ไม่มีเหตผุ ลเขาไม่ลอง คือ หน่ึง ไม่มีเหตผุ ล
เขากไ็ ม่ยอมลอง สอง ทุกอยา่ งเขาจะยงั ไม่เช่ืออะไร เขาตอ้ ง
ลองก่อน ก็ถูกแลว้ เป็นเรื่องท่ีถูก แต่บางอยา่ ง เธอลองคร้ัง
5
เดียวเธอตายเลย จะลองม้ยั เด๋ียวพอ่ ครูพาไปผาแตม้ แลว้ โดด
หนา้ ผา ดูวา่ มนั จะตายหรือเปลา่ ถา้ แบบน้นั สามญั สานึกเรา
กร็ ู้วา่ ไม่ตอ้ งลอง
ส่วนที่เรามาฝึกจิต เขาก็ไม่เก็บสตางคส์ ักหน่อยนึง เขา
ไม่มีอุบายเลยวา่ ตอ้ งอยา่ งน้นั ตอ้ งอยา่ งน้ี ทกุ คนทาเอง เราก็
ไมเ่ สียหายอะไร ใชส้ ามญั สานึกเรา ดูก่อนวา่ มนั ไม่มีอะไร
นงั่ ดูเขาเหวยี่ ง เขาเหมอื นคนบา้ ร้องไห้ หวั เราะ แลว้ พอหยดุ
เขากห็ าย เรากส็ ร้างศรัทธาเช่ือมนั่ เราก็ลอง ยงิ่ ไมเ่ ชื่อ อยา่ หนี
นักวิทยาศาสตร์ท่ีแท้จริง ยิ่งไม่เช่ือ ย่ิงต้องลอง ทา
ดูก่อน พิสู จน์ว่ามันคืออะไรกันแน่ อย่าเพ่ิงด่วนสรุ ป
โดยเฉพาะแนวน้ี แนวท่ีไม่มีแนว มันไม่มีแนวท่ีตายตัว
เราไปถามใคร เขาก็บอกเรา ก็ไม่เข้าใจหรอก แล้วอย่า
เลียนแบบ ทกุ ดวงจิตมนั จะไม่เหมือนกนั มนั เป็นนานาจิตตงั
มนั เป็นธรรมะ ธรรมะท่ีแทจ้ ริง ไม่มีธรรมะ ไม่มีสูตรตายตวั
6
ที่ไม่มีธรรมะ นน่ั หละคือตวั ธรรมะ แต่ปัจจุบนั ถ่ายทอดไม่มี
ธรรมะ แลว้ จะมีธรรมะไดอ้ ยา่ งไร
มีคนปรินท์ข้อมูลจากโซเชียล ให้พ่อครูอ่าน ในส่ือ
โซเชียลมีเดียทุกวนั น้ี พ่อครูว่าในความเจริญ มนั ก็เป็ นเวที
แลกเปลี่ยนความรู้ ก็เป็ นสิ่งท่ีดีอยู่ แต่ไม่ใช่ห้าห่ันกนั แต่
ไม่ใช่เวทีไปแสดงความรู้ โดยท่ีไม่วจิ ยั ให้มนั แตกฉาน ชอบ
วิจารณ์ก่อน อนั น้ีก็เป็นกรรม มีคนเขาโพสต์วา่ เหมือนเล่น
คา “ไม่ให้ยดึ มนั่ ถือมนั่ แมก้ ระทง่ั ธรรมะ” ผิดม้ยั ไม่ไดผ้ ิด
แต่ภาษามันบ่งออกมาแลว้ ว่า เขายงั ไม่เคย เขา้ ถึงธรรมเลย
เขาจะไปรู้ว่าธรรมคืออะไร เมื่อธรรมะ ไม่มีธรรมะ ท่ีไม่มี
ธรรมะ คือตวั ธรรมะ แลว้ เราจะไปยึดมนั ไดอ้ ยา่ งไร ถา้ เขา
เขา้ ถึงธรรมจริงๆ เขาจะไม่พดู คาน้ี
เราเห็นจริงๆ มนั เป็ นอุปาทานของจิต ท่ีสร้างนิมิต มา
สอบประเมิน จิตปัจจุบนั อันน้ีประเมินแลว้ ว่า ตัวเองเห็น
ธรรมแลว้ กไ็ ปหลงวา่ ตวั เองเห็นธรรม ถา้ ราเขา้ ถึงธรรมจริงๆ
7
ธรรมมนั ไม่มีอะไร แลว้ เราจะไปยึดทาไม คนท่ีเขา้ ถึง จะถูก
ฆ่าตายทนั ที เมื่อตวั เขาไม่มีแลว้ ใครจะไปเป็ นตวั ยึดมน่ั
ถือมน่ั ส่วนเวลาเราเขา้ ไปในจิต เราเขา้ ไปแค่สภาวธรรมหน่ึง
มนั เป็นธรรมารมณ์อยา่ งหน่ึง มนั ยงั ไม่ใช่ธรรม เราก็เขา้ ใจว่า
เราเห็นธรรม เห็นสวรรค์ เห็นนรก มนั เป็ นสภาวธรรม
ครูบาอาจารย์ ต้งั แต่หลวงป่ ูมนั่ มาถึงยุคน้ีวดั ป่ า ท่านเปล่ง
ออกมา เหมือนกนั ว่า เราเห็นนิมิตจริง ๆ แต่ส่ิงที่เราเห็น
มนั ไมจ่ ริง
ก็ต้งั มนั่ ในคาสอนพระพุทธองค์ เดินไปเรื่อย ๆ อยา่ ให้
ความอยาก พอเห็น ก็ไปหลงวา่ เราเห็นธรรมแลว้ บางที
อยากแบง่ ปัน บริสุทธ์ิ ไม่มีอามิส แต่อยากแบง่ ปัน อยาก นี่ก็
คืออามิส บงั เอิญเรากไ็ ปเขา้ ใจผิดวา่ ท่ีเราเห็น มนั เป็นธรรม
เราเขา้ ใจผดิ ไม่พอ เราก็บอกใหค้ นอื่นเขา้ ใจผดิ ดว้ ย แทนที่
จะเป็นธรรมทาน กลายเป็นวจีกรรม ไม่พึงกระทา อยา่ ไปยงุ่
คนอ่ืน เอาตวั เองใหพ้ น้ ก่อน ถา้ ยงั มี ความลงั เลสงสัย มีอะไร
มนั ยงั ไมใ่ ช่ธรรม เป็นธรรมารมณ์ เป็นสภาวธรรมอยา่ งหน่ึง
8
ตั้งมั่น ศรัทธา
ย่ิงปฏิบัติธรรม ย่ิงรู้สึกว่าตวั เอง เป็นคนกิเลสมาก แล้วชอบ
คิดอกศุ ล มีอัตตาสูง จะลด ละวาง ด้วยวิธีไหน ถ้ายงั ไม่เข้าถึง
กล่องปัญญาท่แี ท้จริง
กถ็ กู แลว้ คาถามน้ี มีคาตอบอยแู่ ลว้ ก็ทาไปเร่ือย ๆ
ใหม้ นั เขา้ ถึงกลอ่ งปัญญาท่ีแทจ้ ริง เมื่อยงั ไม่เขา้ ถึง แตเ่ ห็น
กิเลสตวั เอง อนั น้ีเป็นปัญญาเบ้ืองตน้ วิปัสสนาเกิดแลว้ คนที่
เห็นกิเลสตวั เอง เป็นปัญญาอยา่ งยง่ิ เห็นมนั บอ่ ย ๆ แลว้
กิเลสมนั กห็ ลอกเราไมไ่ ด้ ต้งั มน่ั ศรัทธา กบั สิ่งที่ตวั เองทา
เดินตอ่ ไป
9
สติสัมปชัญญะ กับ สติสัมโพชฌงค์ ต่างกนั อย่างไร
องคค์ วามรู้ยคุ น้ี มนั เป็นรูปของภาษา เรากอ็ ยากรู้วา่
ภาษาแบบน้ี มนั หมายความวา่ อยา่ งไร จริงๆ แลว้ ธรรมะมนั
ไม่มีภาษา แมก้ ระทง่ั ศาสนา มนั ก็ไมม่ ีภาษาดว้ ย ศาสนา
วทิ ยาศาสตร์ วิชาโน่น วิชาน่ี มนั ไมม่ ี เป็นความจริงตาม
ธรรมชาติ มนั เกิดข้ึนทีหลงั มนุษยส์ ร้างข้นึ ภาษากม็ นุษย์
สร้างข้ึน แต่กิเลสเรา คือ ต้งั แต่เลก็ จนโต เราถกู สอนใหเ้ รียนรู้
รู้ภาษา แลว้ กเ็ ขาสอดแทรกภาษา ดาตา้ ขอ้ มลู ต่างๆ วิชาการ
ตา่ ง ๆ ในรูปของภาษา เรากเ็ ลยไปคุน้ เคยวา่ เราตอ้ งการมี
ความรู้เร่ืองภาษา ถึงเอาภาษามานง่ั ทะเลาะกนั
สติสัมปชญั ญะ คือ เรื่องขา้ งนอก เราขี่จกั รยานอยู่ ขาก็
ถีบไป มือก็จบั แฮนด์ไป ตาก็มองข้างหน้า แปลว่า รู้ตัวทั่ว
พร้อม คือ ใชส้ ติมาดาเนินชีวิต เรียกว่า สติสัมปชญั ญะ
แตเ่ วลาไปนงั่ หลบั ตา ไปฝึกสมาธิ เจริญสติ อนั น้นั อยใู่ นช่วง
ฝึกสติ เหมือนนกั มวย เวลาฝึ กซอ้ ม เราชกกระสอบ เป็นการ
10
ฝึ กสมาธิ เจริ ญสติ ฝึ กให้ชานาญมากข้ึน เราเพ่งอยู่กับ
กระสอบ และกระสอบมนั ชกเราคืนไม่ได้ เรียกว่ากาลงั ฝึ ก
สติ ฝึ กสมาธิ แต่พอเราข้ึนเวที เราไม่มีเวลาฝึ กแลว้ คู่ต่อสู้
เขาชกเราได้ เขาดิ้นได้ นน่ั คือ ตอ้ งมีสติสัมปชญั ญะ ตอ้ งใช้
สติเรา รู้ตวั ทวั่ พร้อม ไม่ใช่รู้ตวั เองเทา่ น้นั รู้ส่ิงท่ีมองเห็นเลย
รู้สิ่งท่ีเขาจะชกเรา ตอนน้นั เขาไม่บอกวา่ จะชกขวาแลว้ ตอน
น้ันเราจะทายงั ไง เราก็ตอ้ งหลบ ตอ้ งหลีก อนั น้ีคือข้ึนเวที
แล้ว เอ าม าใช้ เรี ยก ว่า ม รรคภ ายน อ ก ก็ ได้ เป็ น
สติสมั ปชญั ญะ
ส่วน สติสัมโพชฌงค์ เป็ นเรื่อง ของจิตใตส้ านึก
สติปัฏฐานสี่ กายในกาย เวทนาในเวทนา ตอ้ งเขา้ ไปในจิต
ในจิต เราถึงสามารถ เสพธรรมในธรรมได้ ธรรมในธรรม
น้นั คือ ธรรมารมณ์ บนั ทึกกรรมดี กรรรมชว่ั แลว้ ก็สะสม
บารมีท้ังฝ่ ายบวกฝ่ ายลบ ฝ่ ายบวกก็คือโพชฌงค์ เรามีสติ
สัมโพชฌงค์ กค็ ือสติตามธรรมชาติ เป็นกาลงั ของจิต เรามีอยู่
แลว้ เม่ือเราเขา้ ไปในจิตในจิต โพชฌงค์ท้งั เจ็ด ที่เรามีอยแู่ ลว้
11
สติสัมโพชฌงค์ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ มนั วิจยั ธรรมตาม
ธรรมชาติ วิจัยโดยไม่ต้องเข้าห้องทดลอง ไม่ต้องใช้
เทคโนโลยี ไม่ตอ้ งคิด ไม่ตอ้ งพิจารณา ก็คือเตน้ ก็เตน้ ลองดู
แลว้ เด๋ียวมนั จะรู้วา่ แลว้ มนั ไดอ้ ะไร
นง่ั เฉยๆ เรากน็ ง่ั ลองดู เรารา เราก็ราลองดู โดยไมผ่ า่ น
การนึกคิด ไม่มีความอยากรู้ อยากเห็น เด๋ียวมนั รู้เอง ธมั ม-
วิจยสัมโพชฌงค์ เขาวจิ ยั ธรรม ตามธรรมชาติของเขา แลว้ ก็
ปัสสทั ธิสมั โพชฌงค์ เขามีความสงบตามธรรมชาติ ซ่ึงเป็น
บารมีจิตเดิม เขาเกิดข้ึนมา อนั น้ีเป็นเร่ืองโพชฌงค์ เป็นบารมี
เก่าของเรา ที่เราฝึกมาหลายชาติแลว้ แต่ถา้ เราไม่เขา้ ไปในจิต
ในจิต เราไมส่ ามารถจะสัมผสั โพชฌงคน์ ้ีได้ โพชฌงคท์ ้งั เจด็
อนั บุคคลเจริญทาใหม้ ากแลว้ ยอ่ มทาวิชชา และวมิ ุตติ ให้
สมบูรณ์
แตต่ อนน้ีเราไม่เขา้ ไปในจิต เราเอาจิตเรา มาฝึกสติ ฝึก
สมาธิ อยใู่ นฐานกาย อยทู่ ่ีลมหายใจ ลมหายใจไม่ใช่กายดว้ ย
12
นะ เป็นของนอกกาย แตเ่ ป็นส่ิงที่ใกลช้ ิดเรามากท่ีสุด มนั
เป็นสิ่งนอกกาย อนั น้ีเขาเรียก อานาปานสติ เป็นฐานท่ีต้งั
แห่งการเจริญสติ เป็นการฝึกสติ ยงั อยใู่ นช่วงสมถกรรฐาน
พุทธเจา้ ตรัส ไวว้ า่ ดูก่อน ภิกษทุ ้งั หลาย อานาปานสติ
อนั บุคคลเจริญธรรม ใหม้ ากแลว้ ยอ่ มทาสติปัฏฐานท้งั ส่ี ให้
บริบรู ณ์ ใหบ้ ริบูรณ์ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม ตอ้ งเป็นหน่ึง
เดียวในขณะจิตเดียว
แต่ตอนน้ี เราแยกมาอยใู่ นฐานกาย เดินจงกรม เดินไป
เดินมาก็เกิดเวทนา เกิดเมื่อย เกิดเพลีย เรากเ็ ห็นเวทนาใน
เวทนา แลว้ กม็ านงั่ ดูจิต มานง่ั เพง่ จิต บา้ นหลงั น้ีช่ือวา่ จิต เรา
กน็ ง่ั ดูมนั เราก็เห็นอารมณ์หยาบๆ ของจิต เห็นเงาของจิต เรา
ไปส่องหนา้ ตา่ งดู ขา้ งในมนั ก็ยงั เป้ื อนเหมือนเก่า นง่ั ดูไปกี่ปี
มนั ก็ยงั เป้ื อนเหมอื นเกา่ เราไมไ่ ดข้ ดั เกลาจิต ใหผ้ อ่ งใสเลย
เราไม่ไดไ้ ปดูแบบน้นั เปิ ดประตบู า้ นเขา้ ไปเลย เขา้ ไปในจิต
ในจิต เราจะสัมผสั ธรรมในธรรม ธรรมารมณ์ท่ีบนั ทึก เป็น
13
จิตใตส้ านึกของเรา ในกรรมดี กรรมชวั่ ตรงน้นั เรากไ็ ปขดั
เกลาจิตใหผ้ อ่ งใส น่ีคอื สติปัฏฐานท้งั ส่ีบริบรู ณ์
ทีน้ีสติปัฏฐานส่ี สายวดั ป่ ามีฝึ ก ครูบาอาจารยใ์ หญ่เรา
มาเป็นร้อยปี ท่านฝึ กแบบทีละข้นั อยใู่ น ฐานกาย ฐานเวทนา
ฐานจิต ใชพ้ ลงั มหาศาล พลงั ฌานเขา้ ไปในจิต ท่านก็ไปเสพ
ธรรมในธรรม ท่านสามารถระลึกชาติได้ แต่ท่านไม่ได้
แสดงออกทางกายภาพ อนั น้ันตอ้ งใชพ้ ลงั มหาศาล บางที
ใช้ตลอดชีวิต เราสะสมไปเรื่อย ๆ แต่พ่อครูบอกว่า แนวน้ัน
ยคุ น้ีมนั ไม่ทนั แลว้ เพราะกิเลสมนั ข่ีจรวด เหตปุ ัจจยั โลกมนั
เปล่ียน ส่ิงเร้าใจมันแรง ความอยากมันมาก เราตอ้ งรวม
ฐานท้งั สี่ ให้เป็ นหน่ึงเดียว มนั จะไดม้ ีพลงั ส่งให้เรา เขา้ ไป
ในจิตในจิต
เม่ือมนั อาศยั อายตนะ ตา หู จมกู ลิน้ กาย ใจ มาสร้าง
แรงเหว่ยี ง มนั เขา้ ไป มนั ก็จะออกมาที่เก่า มนั ก็บูรณาการ กาย
เวทนา จิต ธรรม รวมเป็นหน่ึงเดียวเป็น มหาสติปัฏฐาน เป็น
14
สติใหญ่ ถา้ ไม่ถึงสติใหญ่ เราจะระลึกชาติไมไ่ ด้ เราจะเขา้ ไป
เสพธรรมในธรรมไม่ได้ ตอ้ งเขา้ ไปในจิตในจิต พอเราเขา้
ไป อารมณ์ในจิตเรา เป็นอยา่ งไร เขากแ็ สดงทางกายภาพ
ที่เราร่ายรา ที่เราทาอะไร เร่ิมจากเราใชส้ มองสร้าง
แรงส่นั สะเทือน แรงเหว่ียง แรงเตน้ เพือ่ ใหเ้ ราอิสระจาก
แรงดึงดูดของความคิด หลุดออกจากแรงดึงดูด ของอายตนะ
คือ ตา หู จมกู ลิ้น กาย แลว้ กใ็ จ เมอื่ เขา้ ไป เราก็เสพ
ธรรมารมณ์ โปรแกรมในน้นั มนั เป็นอยา่ งไร เรากแ็ สดงทาง
กายภาพ เขาจะดึง กาย เวทนา จิต ธรรม ใหเ้ ป็นหน่ึงเดียว นี่
คือ สติปัฏฐานท้งั สี่บริบรู ณ์แลว้ เรียกวา่ ถา้ เราพอใจแคน่ ้นั
คือ เจริญมหาสติปัฎฐาน
แต่ถา้ เราเจริญแค่ลมหายใจ เขา้ ออก เขา้ ออก แลว้ มนั
เกิดแรงหมนุ เหมือนคนจีน ท่ีเขาฝึกราไทเก๊ก ฝึกชี่กง คือ
ทาใหม้ นั เกิดแรงหมนุ เหมือนรถยนต์ เราสตาร์ทเคร่ืองติดแลว้
เรากข็ ้ึนไปเปิ ดแอร์ได้ เปิ ดวิทยไุ ด้ แต่เราใส่เกียร์ มนั ดบั ก็
15
เพราะพลงั มนั ไม่พอ เราตอ้ งเร่งเคร่ือง เร่งสติหมุนกงลอ้ ของ
ธรรมจกั ร แต่ถา้ เราไม่เร่ง เราพอใจแค่น้นั เราก็ไดเ้ จริญ
อนุสติ เป็นอานาปานสติ คือ อนุสติ หน่ึงในสิบอนุสติ
อนุสติสิบ ก็เป็นสมถกรรมฐาน ก็เป็นการเจริญสติ เราเขา้
กลอ่ งปัญญาไมไ่ ด้ เกิดสมาธิเบ้ืองตน้ เกิดความสงบ เราใช้
ลมปราณน้นั เป็นท่ีต้งั แห่งฐานสติของเรา เลือดลมก็ระดบั
หน่ึง โรคบางโรคก็หายไดข้ ณะน้นั แตโ่ รคบางโรค เราตอ้ ง
ไปสะสางคดีความในจิต เราตอ้ งเขา้ ไป จิตในจิต ตอ้ งเร่ง
เครื่อง เร่งสติ หมนุ กงลอ้ ของธรรมจกั ร เขา้ ไปในจิตในจิต
เราบูรณาการรวม กาย เวทนา จิต ธรรม เป็นหน่ึงเดียว
สติปัฏฐานท้งั สี่ เมื่อบคุ คลเจริญธรรม ไดม้ ากแลว้ ยอ่ มทา
โพชฌงคท์ ้งั เจด็ ใหบ้ ริบรู ณ์ ถา้ เราไม่เขา้ ไปในจิตในจิต เรา
เจริญโพชฌงคต์ อ่ ไมไ่ ด้ จิตมนั เจริญมาหลายชาติแลว้ เราตอ้ ง
เขา้ ไปในเวป็ ไซต์ เราเล่นคอมพิวเตอร์ ถา้ เอาแค่ซอฟตแ์ วร์
มนั ก็บนั ทึกโปรแกรมไดแ้ ค่น้นั ถา้ เราไมเ่ ขา้ ไป ถึงฮาร์ดดิสก์
16
ท่ีบนั ทึก ตอนน้ีไมพ่ อ ตอ้ งเขา้ ไปในอนิ เตอร์เน็ต สามารถ
เชื่อมส่ือกบั ทุกอยา่ งในจกั รวาลน้ีได้ นน่ั คือ ปัญญาอยา่ งยงิ่
พระพุทธเจา้ ตรัสรู้เรื่องน้ีมาสองพนั กว่าปี มนุษยท์ ุก
วนั น้ีเพ่ิงมาคน้ พบ ค่อยไปทาคอมพิวเตอร์ ทาอินเตอร์เน็ต
พวกน้ี บางคนว่า เอ๊ะ..ทาไมตอ้ งเขา้ ไปในจิต อยปู่ ัจจุบนั ๆ
เราไม่เขา้ ใจวา่ อยกู่ บั ปัจจุบนั คืออะไร เราอยกู่ บั กาย เราก็อยู่
ปัจจุบนั กาย เราอยู่กบั เวทนา ก็อยปู่ ัจจุบนั เวทนา เราอยใู่ น
จิต ก็อยู่ในปัจจุบันจิต เราเขา้ ไปเสพธรรมในธรรม ก็อยู่
ปัจจุบนั ธรรมในธรรม สมมติวา่ อดีตโปรแกรมเราเป็ นเสือ
ปัจจุบนั กาล กาลเวลาที่เราเป็ นเสือ เราก็สติรู้เท่าทนั อารมณ์
เสือในเวลาน้ัน เราก็เกิดปัญญาว่า เสือเวลามนั หิวเป็ นยงั ไง
เวลามนั โกรธเป็นยงั ไง เราก็เรียนรู้
เขาเรียกว่าซึมซับอดีต ไม่ใช่ไปหลงอดีต ถา้ คนเรามี
อดีตเยอะ เยอะ มีแค่ขยะ อดีตมนั จะใช้เรา แลว้ เราจะเป็ น
ทาสของอดีต ก็คือกรรมในอดีต มนั จะส่งผลกบั เรา แต่ถา้ เรา
17
ซึมซับมนั รู้เท่าทนั มนั อดีตจะกลายเป็ นบทเรียน และเราจะ
ใช้อดีตมาเป็ นเคร่ืองมือ เดินทางต่อไปขา้ งหน้า ไปเอาบารมี
เดิมมาต่อ ถา้ เราซึมซบั มนั แต่ถา้ เราไมซ่ ึมซบั มนั เราเป็นทาส
ของอดีต ไมใ่ ช่ไปหลงอดีต
สติสัมโพชฌงค์ เป็ นเร่ืองขา้ งใน สัมโพชฌงค์ คือ
สติตามธรรมชาติ ซ่ึงมีอยู่แล้วในจิตใต้สานึกเรา ส่วน
สติสัมปชญั ญะเป็ นจิตปัจจุบนั อยขู่ า้ งนอก เอามาใชใ้ นชีวิต
ปัจจุบนั รู้ตวั ทวั่ พร้อม แต่เจริญสติ เจริญสมาธิ อนั น้ันเป็ น
ช่วงที่เราฝึ กสติ เป็ นช่วงท่ีฝึ ก ฝึ กให้มนั มีกาลงั มากข้ึน มนั
ไม่มีอะไรเสียหาย แตถ่ า้ ไปติดมนั เม่ือไหร่ มนั ก็อยแู่ ค่ตรงน้นั
หลวงพ่อชาท่านเตือนตลอดว่า ท่านก็เป็ นเจา้ ตน้ ตารับองค์
หน่ึงเหมือนกัน ในเรื่องสอน อานาปานสติ ท่านก็บอกว่า
มวั แต่ถือศีล น่ังสมาธิมนั จะไปไหน สมาธิเป็ นแค่บาทฐาน
เบ้ืองตน้ เป็นการสะสมพลงั เพ่ือจะกา้ วไปสู่วปิ ัสสนา แต่พอ
ท่านจากไปแลว้ กไ็ ปติดอยทู่ ่ีอานาปานสติ กา้ วต่อไปไม่ได้
18
การเข้าจิต กับ การเข้าทรง ต่างกนั อย่างไร
ในเม่ือเข้าไปแล้ว กไ็ ปแสดงอาการเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ หรือ
เทพองค์นนั้ องค์นี้ ถ้าการเข้าจิตแล้ วไปเจริญมรรคจิต แล้ว
ทาให้ตัวเองพ้นทุกข์ แต่ไม่สามารถช่วยคนอ่ืนได้ เพราะสัตว์
โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แล้วอย่างนี้ การท่ีคนเข้าทรง ไป
บอกอนาคต ติดต่อกับวิญญาณ หรือช่วยบรรเทาทุกข์ช่วยคน
อื่น คนเข้าทรงได้รับผลกรรมอย่างไร ถ้าคนทรงบางคนเกบ็
ค่าไหว้ครู ส่วนบางคนกใ็ ห้ทาบญุ ตามศรัทธา แล้วเขากน็ า
เงินนน้ั ไปทาบญุ คนทรงจัดว่าเข้าข่ายการอวดอุตริม้ัย ถ้าเป็น
พระภิกษสุ งฆ์ที่มวี ิชาอาคม แล้วนามาช่วยญาติโยม เช่น
รักษาโรค อาบนา้ มนต์ ไล่วิญญาณ หรือสิ่งช่ัวร้ายออกไป
หรือไม่ กป็ ลกุ เสกพระ เคร่ืองรางของขลงั อย่างนีจ้ ัดว่าเป็น
กรรมม้ัย แล้วผลจะเป็นอย่างไร
คาตอบ คือ สตั วโ์ ลกยอ่ มเป็นไปตามกรรม กรรมช้ี
เจตนา ตอ้ งดูเจตนา เขาทาอยา่ งน้นั เพ่ืออะไร ถา้ เขามีอามิส
19
เขาหลอกจิตเขา ไมไ่ ด้ ก็เป็นกรรม แต่ถา้ เขาใหด้ ว้ ยความ
บริสุทธ์ิ ไม่หวงั อามิสอะไรเลย เขากไ็ ดอ้ านิสงส์ ส่วนวา่ จะ
เป็นกิจของเขา เป็นหนา้ ท่ีของเขาหรือเปลา่ สาหรับพอ่ ครู
แลว้ สตั วโ์ ลกยอ่ มเป็นไปตามกรรม ไมไ่ ดห้ มายความวา่ เรา
ไมไ่ ดท้ าอะไรเลย
แต่ยส่ี ิบหกปี พอ่ ครูไมเ่ คยช่วยใครนะ พอ่ ครูไมไ่ ดฝ้ ืน
กฎแห่งกรรมใคร พอ่ ครูมีหนา้ ที่ ให้ คาวา่ ไม่ช่วย ไมไ่ ด้
แปลวา่ ไมไ่ ดใ้ ห้ คือ ให้ แตไ่ มค่ าดหวงั ถา้ เราหวงั เราจะ
ผดิ หวงั ถา้ เขาไมไ่ ดส้ ร้างบุญมา เขญ็ เทา่ ไหร่กไ็ มข่ ้ึน แลว้ เรา
ตอ้ งรับกรรม มนั เป็นกรรม ท่ีเรามีเจตนาช่วย เพราะเราอยาก
ใหเ้ ขาดีข้ึน แมไ้ ม่ไดห้ วงั อะไรจากเขาเลย แคอ่ ยากใหเ้ ขาดีข้ึน
มนั เป็นอามิส ก็เป็นกรรมอยา่ งหน่ึง
เอาเป็นว่า คาถามท้งั หมดน้ี อยทู่ ี่เจตนาของเขา ดีที่สุด
คือ อยกู่ บั เรา ไม่ตอ้ งไปดูคนอื่น เขาทาอะไร เราอย่าทาก็พอ
20
ถา้ เราไปคาดโทษเขาอีก เราก็ไปแยง่ งานยมบาล เป็นวจีกรรม
บางทีเรามองขา้ งนอกเขา เราไม่เห็นขา้ งในเขา
พ่อครูยกตวั อย่างน้ีบ่อยๆ พ่อครูผลกั เด็กคนนึงลม้ ลง
เคา้ ก็ร้องไห้ พอ่ แมผ่ ปู้ กครองเห็น เห็นหมดเลย เดก็ ลุกข้ึนมา
ก็ช้ีตวั คนน้ีแหละผลกั ตารวจมาจบั ขงั คุก ถามว่าทุกข์ม้ัย
จะไปทกุ ขท์ าไม เราทาความดี ทาความดีอยา่ งไร ไปผลกั เดก็
ล้ม ก็งูมันกาลังจะกัดเด็กคนน้ัน ไม่มีใครเห็นเลย ถึงว่า
บางคร้ัง อย่าเชื่อสายตาตัวเองมากมายนัก เราไปดูแค่กิริยา
แลว้ ไปกล่าวโทษเขา ไ ม่ใช่หนา้ ที่เรา อนั น้นั หมิ่นเหมต่ ่อการ
แยง่ งานยมบาลทา เผลอๆ ตกนรก ยมบาลโกรธมาก คือให้
อยยู่ าวหน่อย เป็นเพอ่ื นยมบาล ไมใ่ ช่หนา้ ท่ีเรา
21
ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม
นงั่ สมาธิเหว่ียง แล้วรู้สึกปวดหัว จะแก้ไขอย่างไร
เหว่ียงต่อไป สตั วโ์ ลกยอ่ มเป็นไปตามกรรม ไม่มีส่ิงใด
เกิดข้ึนลอย ๆ มนั มีเหตขุ องมนั อยู่ ถามวา่ ตวั เองเคยคิดม้ยั คิด
คิด มนั เป็นมโนกรรม การปวดหวั ก็เป็นการ ไปรับหน้ีกรรม
อยา่ งหน่ึง โดยเฉพาะพวกเราคนอยใู่ นเมือง เราไม่ไดส้ ู้กบั
อยา่ งอ่นื สูก้ บั ความคดิ
ส่วนคนชนบท หลายปี ท่ีผา่ นมา เขาไม่คิดอะไรมาก
เขาศรัทธา เขา้ ไปไดเ้ ลย แตพ่ อเขา้ ไปได้ เขากเ็ จบ็ ปวด
ร่างกาย เพราะเขาฆา่ สตั ว์ คนเราสร้างกรรมมา ไม่เหมือนกนั
แลว้ สุดทา้ ยกเ็ ลือกที่จะไมเ่ อา บญุ กศุ ลเขาแคน่ ้นั แม่ครัวท่ีน่ี
เขา้ ไดห้ มด แตถ่ อยหมด กต็ อ้ งรับกรรม
ทีน้ีพวกเราคิด คิดก็ปวดหวั พอ่ ครูคนนึง คิดจนเป็น
ไมเกรน เป็นไมเกรนปวดม้ยั ปวด เราก็ไปกินยาระงบั มนั ก็
หายปวดชว่ั คราว แลว้ ก็คิดอีก แลว้ ก็ปวดอีก แลว้ กก็ ินยาอีก
22
สุดทา้ ยเราก็คิดวา่ เราหายแลว้ มนั ไมไ่ ดห้ าย เราระงบั ปวด
เราทาลายระบบประสาท ไมใ่ หไ้ ปรู้สึกตรงน้นั เทา่ น้นั เอง ก็
พฒั นาไปสู่ไมเกรน และความเครียด แลว้ พฒั นาไปสู่มะเร็ง
ยง่ิ ปวด ก็ยง่ิ เหวยี่ ง ยง่ิ เจบ็ ก็ยง่ิ เหวีย่ ง อยา่ ไปหนีมนั ไม่มีผใู้ ด
หนีกรรมตวั เองพน้ เราหนีในวนั น้ี ก็ตอ้ งใชใ้ นวนั หนา้ ใชใ้ น
ชาติหนา้ ยอมรับมนั จา่ ยมนั เดี๋ยวมนั ก็หายไป
แลว้ เราก็จะเห็น ความปวดเป็นอนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา
มนั ไมเ่ ท่ียงเหมือนกนั ความสุข นงั่ ไปนง่ั มา มีความสุขมาก
เดี๋ยวสักพกั ความสุขน้นั กห็ ายไป ไมม่ ีจีรังยง่ั ยนื เราไดเ้ ตม็ ๆ
เราไดป้ ัญญารู้แจง้ วา่ มนั ไม่เท่ียง ไมม่ ีอะไรเสียหาย ปวดก็
มีประโยชน์ ไม่ใช่นง่ั เอาแคค่ วามสุขอยา่ งเดียว ไปติดสุขกลบั
มีโทษ ไปติดสุขในฌาน มนั ไมไ่ ปไหน ไปหลงติดอยตู่ รงน้นั
สุขก็เอามาเรียนรู้ แลว้ เราจะเรียนรู้วา่ มนั ก็ไมเ่ ท่ียง ทกุ ขอ์ ยา่
ไปหนีมนั ไมเ่ ห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม เรามานงั่ ใหม้ นั เห็นทุกข์
เรามีทุกขเ์ ป็นประธาน
23
ทาไมวนั แรก เกิดมาก็ร้องไห้ แหกปากร้องกันเลย
ทกุ ขต์ ้งั แต่วนั เกิด แก่มาลุกก็โอย นงั่ กโ็ อย ก็ทุกขอ์ ีก เจบ็ มาก
เคยเห็นคนหัวแตก ถูกรถชน เขา้ โรงพยาบาล ดีใจจงั เลย
ฉนั หวั แตก มีม้ยั มนั กร็ ้องโอดโอยกนั ท้งั น้นั ทุกขเ์ พราะเจ็บ
วนั จะตายก็ตายไม่ลง ทุรนทุราย ทุกขเ์ พราะเกิดแก่เจ็บตาย
เกิด แก่ เจบ็ ตาย มนั ไม่ทุกข์ มนั เป็นธรรมดา แต่ท่ีมนั ทุกข์
เพราะเราไม่อยากให้มนั เป็ น เด็กเกิดใหม่ เขามีสัญชาตญาณ
เขาจาไดห้ มายรู้วา่ เขาเกิดทีไรเขาทุกขท์ ุกที กลวั มาก มนั ก็
ร้องไห้ เขาจาได้
เรามาปฏิบัติ เพ่ือล้างความจา ล้างอุปาทานเหล่าน้ี
ลา้ งสัญญาเหล่าน้ี แลว้ ต่อไป ก็รู้แลว้ ว่า เกิดก็ธรรมดา แก่ก็
ธรรมดา เจบ็ ก็ธรรมดา ตายก็ธรรมดา เราจะทุกขไ์ ดอ้ ยา่ งไร
มนั เป็ นธรรมดา แต่ที่เราทุกข์น่ัน เราหลงผิด เราเขา้ ใจผิด
เราไม่อยากให้มนั ตาย พอมนั ตาย เราก็ทุกข์ แต่ถา้ เรา
เขา้ ใจความตาย เป็ นเรื่องธรรมดา ความตายไม่ไดเ้ ป็ นเร่ือง
24
สูญเสีย ความตายเป็ นแค่ การเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนจาก
ร่างนึงไปอีกร่างนึง เราจะไปทุกขท์ าไม
ถา้ จิตมนั เขา้ ถึงตรงน้นั แลว้ มนั จะไม่มีเหตุตอ้ งไปทุกข์
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็ นธรรมดา เป็ นไปตามกรรม แต่ตอนน้ี
เกิด แก่ เจ็บ ตาย มนั เป็ นทุกข์ เพราะว่ากระแสกรรม ทาให้
เราไปรู้ผดิ ไปหลงผดิ มนั ก็ส่งผลใหเ้ รา ไปรับทุกขก์ รรมก่อน
25
ศาสนา กบั วิทยาศาสตร์
ทุกคร้ังที่เราพูดวนั อาทิตย์ ก็มีการอดั เสียง ออกไปยทู ูป
ใหพ้ อ่ ครูพูดธรรมะ ก็พดู ธรรมะเก่าๆ ไม่ใช่เลา่ นิทาน ธรรมะ
มนั ก็เร่ืองเก่าๆ แต่ยคุ น้ีเขาติดความรู้ แลว้ ก็ไปติดความรู้ท่ี
ต่างกนั พอ่ ครูจะเรียบเรียงใหฟ้ ัง
ตอนเราเกิดมา เขาก็ต้งั ช่ือใหเ้ รา เขารักเรามาก เขากใ็ ห้
ศาสนาเรา เธอเป็นพุทธนะ เป็นคริสต์ เป็นอิสลาม เพราะ
พ่อแมพ่ ิสูจน์แลว้ วา่ มนั ดี โดยเฉพาะตอนน้นั เราไม่รู้วา่ มนั
คืออะไร แลว้ ก็ส่งเรา ไปเรียนวิชาสร้างอนาคตกนั เราก็เดิน
ตามที่เขาสงั่ ใหเ้ รานบั ถือศาสนา ปากกน็ บั ไป มือกถ็ ือไป
โดยไมร่ ู้วา่ มนั คืออะไร ชีวิตเรา กลายเป็นส่ิงท่ีคนอื่น อยาก
ใหเ้ ราเป็น
ยสี่ ิบหกปี ก่อน หลงั จากเกิดอาการ เหมือนมนั ระเบิด
จิตพอ่ ครู ทาใหพ้ อ่ ครูไดเ้ ห็นอะไร หลายอยา่ ง ท่ีมนั เกิดข้ึน
ในโลกใบน้ี ในช่วงสามส่ีวนั ท่ีไม่ไดห้ ลบั ไม่ไดน้ อน มนั นอน
26
ไมไ่ ด้ มนั กินไม่ได้ คาวา่ กินไมไ่ ด้ นอนไมไ่ ด้ เราจะรู้สึกวา่
มนั ไมด่ ี มนั ทกุ ขม์ าก ไม่..มนั กลบั กนั มนั สุขมาก ไม่ตอ้ ง
เสียเวลานอน ไมต่ อ้ งเสียเวลากิน ก็นง่ั อยเู่ ฉยๆ ตรงน้นั แหละ
สามคืนส่ีวนั เขาก็สวา่ ง พ่อครูก็เห็นอะไรหลายๆ อยา่ ง
โลกมนุษยเ์ ราทกุ วนั น้ี มนั เกิดอะไรข้ึน กย็ อ้ นหลงั ส้ันๆ
ใหเ้ ราเห็นวา่ มนุษยท์ าอะไรอยู่ เราศึกษา ประวตั ิศาสตร์โลก
เท่าที่เราจบั ใจความได้ ไมต่ อ้ งถงึ ระดบั กอ่ นไดโนเสาร์อะไร
พวกน้ี เอาท่ีมนุษยส์ มยั ใหม่ๆท่ีเราจบั ตอ้ งได้
ยคุ ล่าอาณานิคม คนกลุม่ หน่ึง เขาคิดวา่ การมีอาณา
นิคมมากๆ เขาจะมนั่ คง เขากม็ าลา่ ใหญเ่ ลย ตอนเกิดสึนามิที่
ภเู กต็ ญาติธรรมท่ีภูเก็ตมาปฏิบตั ิธรรมที่น่ี แต่คนทว่ั โลกไป
ตายที่โน่น พวกน้ี มาล่าอาณานิคมสมยั ก่อน เขาตอ้ งมาใช้
หน้ีกรรม ลา่ ไปลา่ มา ผลู้ ่าก็ทกุ ข์ ผถู้ ูกลา่ กท็ ุกข์ ไอเดีย
ความคิดน้นั ก็ลม่ สลาย เพราะแกป้ ัญหา มนุษยชาติไมไ่ ด้
เปลี่ยนทฤษฎีใหม่ คา้ ขายเสรี ใครใคร่คา้ คา้ ใครใคร่ขาย
27
ขาย ขายทุกอยา่ งท่ีขวางหนา้ เอามนุษยม์ าคา้ ทาส มนุษย์
ไม่ใช่สตั ว์ ส่ิงของ คา้ ไปคา้ มา ถูกแรงตา้ น ผคู้ า้ ก็ทุกข์ ผถู้ กู
คา้ กท็ ุกข์ แกป้ ัญหามนุษยชาติไมไ่ ด้ ไอเดียน้นั ก็ล่มสลาย
มายคุ เรา ที่นง่ั อยทู่ ่ีน่ี ยคุ หลงั สงครามโลกคร้ังท่ีสอง
แปดสิบกวา่ ปี ที่ผา่ นมา ผชู้ นะสงครามต้งั โจทยโ์ ลก ทนุ นิยม
แขง่ ขนั เสรี โดยมีวตั ถเุ ป็นตวั แข่งขนั วตั ถเุ ป็นตวั ซ้ือตวั ขาย
เพ่อื สร้างทุน เป็นการลงทุนเพ่อื เพมิ่ ทุน โดยมีธุรกิจนิยม เป็น
เครื่องมือขบั เคล่ือนสิ่งน้ี
สมัยก่อนพ่อครูยงั ทัน ตอนเด็กๆ ยงั จาได้อยู่ เขา
เรียกวา่ พ่อคา้ แม่คา้ เราคา้ เพื่อกาไร เพื่อดารงชีวิต แต่ตอนน้ี
คา้ ขายไม่พอแลว้ ตอ้ งเป็ นธุรกิจการคา้ ตอ้ งเป็ นธุรกิจตอ้ ง
ย่ิงใหญ่ดว้ ย การยิ่งใหญ่ เราเกิดจากการทาลายศตั รู เพราะ
คาว่า ทุนนิยมแข่งขนั เสรี หน่ึงคาว่าทุน สองคาว่าแข่งขนั
สามเอาวตั ถุเป็นตวั แขง่ ขนั สี่ธุรกิจ พ่อครูจะพูดสี่ขอ้ น้ี น่ีคือ
โจทยข์ องผชู้ นะสงคราม แลว้ ก็ใชอ้ ภิสิทธ์ิ
28
เราจะถามหาคุณธรรมในโลกน้ี ไม่มี ใหเ้ ราเขา้ ใจวา่
เราอยใู่ นโลกแบบไหน ตอนน้ีก่อน แลว้ เรากาลงั ทาอะไรอยู่
เน่ืองจากเขาต้งั โจทยแ์ บบน้ี เขาตอ้ งชนะทกุ การแข่งขนั ไมม่ ี
ใครต้งั ใจวา่ เฮย้ ...ซอ้ มเก่งๆ เราจะแข่งขนั แลว้ เราจะเป็นผแู้ พ้
มีม้ยั ไมม่ ี ทนุ นิยม กค็ ือ เรานิยมทุน เราลงทนุ เพื่อเราจะได้
มากข้ึน เราสร้างทนุ เรามีทนุ เป็นเป้าหมาย แลว้ เรามี
เครื่องมือคือแข่งขนั แขง่ ขนั เพ่อื อะไร เพอ่ื เป็นการกระตนุ้
คิดวา่ คุณภาพดีข้ึน ทุกวนั น้ีคุณภาพดีข้ึนม้ยั
สมยั ก่อนเขาอา้ งวา่ มกี ารแขง่ ขนั คุณภาพดีข้ึน ราคา
จะถกู ลง ผบู้ ริโภคไดป้ ระโยชน์ ตอนน้ีจริงม้ยั มนั เหมือนจริง
แต่มนั ไม่จริง จกั รยานซ้ือใหเ้ ด็กๆ ไม่ทนหรอก มนั ทามาขาย
ไมไ่ ดท้ ามาใช้ สมยั พ่อครูเด็กๆ ตอนน้นั เรามีโรงสี เขาส่ง
ขา้ วสาร สมยั น้นั กระสอบนึงร้อยกิโล บรรทกุ สองกระสอบ
เลย ข่ีจกั รยานส่ง ใชไ้ ดเ้ ป็นสิบๆ ปี ทุกวนั น้ีเขาทาอยา่ งน้ีม้ยั
ไม่ ทาอยา่ งน้ีมนั ขายไดน้ อ้ ย ทาใหม้ นั สวยๆ มือถือเหมือนกนั
29
มีรุ่นใหมๆ่ ตลอด แลว้ เป็นขยะลน้ โลก น่ีคือ การแข่งขนั การ
ย้อื แยง่ ทาลายทรัพยากรของโลก
การแข่งขนั คือ จุดเร่ิมตน้ ของความแตกแยก แลว้ ก็เอา
วตั ถเุ ป็นตวั แข่งขนั ขบวนการสร้างวตั ถุ ตอ้ งใชพ้ ลงั งานไฟฟ้า
เป็ นหลัก ก็สร้างเข่ือนข้ึนมา เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ป่ าถูก
ทาลาย ระบบนิเวศขาดสมดุล ตอนน้ีเราจะเห็น มนั แลง้ มาก
ไม่มีน้าพอ สาหรับเกษตรกรรม น้าที่เหลือตอ้ งกกั เก็บไว้ เพื่อ
ผลิตกระแสไฟฟ้า น่ีคือ ความคิดแบบทุนนิยม เราทาลาย
ตน้ น้าธาร เราทาลายป่ าไม้ ตน้ ไมเ้ ป็ นตวั ผลิตฝน เราทาลาย
โรงงานผลิตฝน แล้วก็มาสร้างเข่ือน เพ่ือกักเก็บฝน
กลายเป็ นว่า เวลาท่วมก็ท่วม เวลาแลง้ ก็แลง้ น่ีคือความคิด
แบบทุนนิยม เขาเอาทุนเป็ นที่ต้ัง เขาไม่เอา ชีวิตมนุษย์
เป็ นที่ต้งั
หมอสมยั อดีต เห็นคนไขท้ ุกวนั หมอสมยั ปัจจุบัน
เห็นแต่ไข้ ไม่เห็นคน ไขน้ ้ีราคาแค่น้ี ไขน้ ้ีราคาแค่น้ี คนที่
30
ไม่มีเงิน ไม่เห็นหมอ กลายเป็ นธุรกิจการแพทย์ ในสมองมี
แต่เรื่องธุรกิจ ปรัชญาวิชาหมอสมัยโบราณ มีไวร้ ักษา
โรคภยั ไขเ้ จบ็ แต่ตอนน้ีวิชาแพทย์ มีไวห้ าเงิน มีไวส้ ร้างทุน
ธุรกิจการเมือง การศึกษา ก็กลายเป็ นธุรกิจ เป็ นการ
ลงทุน ก็เอาแต่ปริมาณ ไม่เนน้ ที่คุณภาพ ให้กลายเป็นมนุษย์
ผปู้ ระเสริฐ ขายปริญญา เพราะทกุ อยา่ ง มนั คิดแบบธุรกิจนิยม
เราเรียนเป็ นอะไรก็ช่าง ขบวนการที่เราไปทางาน ก็ถูกธุรกิจ
นิยมครอบหมด กระตุน้ ให้แข่งขนั เพียงเพ่ือตอ้ งการผลงาน
เพือ่ ที่เขาจะไดป้ ระโยชน์มากๆ พวกเธอเครียดช่างเธอ ทุกคน
แค่เป็ นเครื่องจกั ร สร้างทุนให้เขา เครียดหมด นี่คือผลพวง
ของมนั
ความคิด แบบแยกส่วน การศึกษาเป็นแบบน้ี น่ีคือ
เจตนาของทนุ นิยม เขาจะไม่ใหเ้ ราฉลาดเกินไป เธอรู้เร่ือง
เดียว เก่งเร่ืองเดียว แลว้ กม็ าเป็นเคร่ืองมือ ในการสร้างทนุ
ของฉนั การศึกษาเห็นคร่าว ๆ วา่ แยกเป็นสองส่วน คือ
31
วทิ ยาศาสตร์ กบั ศิลปะ วิทยาศาสตร์ กแ็ ตกแขนงยอ่ ย ๆ
ออกไปเพ่อื เป็นอาชีพ ศิลปะ กแ็ ตกแยกยอ่ ย ๆออกไปเพอ่ื เป็น
อาชีพ เรารู้เรื่องเดียว แลว้ เราจะบริหารชีวติ ตวั เอง ถกู หรือ
เปล่า ไมใ่ หเ้ รารู้มาก แลว้ กเ็ อาลาภยศสรรเสริญมาล่อ ใหเ้ รา
ภาคภมู ิใจ ตายเปลา่ พอ่ ครูถึงหนีมนั มา ระเบดิ แลว้ พอ่ ครูไม่
กลา้ พดู อะไรเลย มนั เป็นไปท้งั โลกแลว้ เราแกม้ นั ไมไ่ ด้ แต่
ชีวิตเป็นของเรา เรามีสิทธิเลือก พอ่ ครูก็เลือกมาอยใู่ นป่ า
ตอนน้ีความรู้ มาในรูปวิชาการ ถา้ ใครมีโอกาสเรียน
มหาวิทยาลัย ทุกอย่างต้องถูกบังคับว่า ต้องยึดหลักทาง
วิชาการ ออกมาเป็ นข้าราชการ ก็ต้องอยู่ในกรอบวิชาการ
เขาตีกรอบให้เรา กรอบที่เขาต้องการ เราไม่กล้าคิดนอก
กรอบ เราตอ้ งเป็ นทาสเขาตลอดชีวิต เป็ นมา้ ให้เขาขี่เฉยๆ
ตอ้ งดูก่อนว่า เราต้งั โจทยผ์ ิด เราจะทาถูกแค่ไหน เราก็ทาผิด
พ่อครูช้ีให้ดูว่า โลกน้ีมนั เกิดอะไรข้ึน แมก้ ระทง่ั เจา้ ลทั ธิ
ทุนนิยมแข่งขันเสรี เขากาลังจะตาย เพราะเขาล้างผลาญ
ทรัพยากรของโลก จนเกือบจะหมดแลว้
32
เมื่อจุดเร่ิมต้นมนั ผิด ทาถูกแค่ไหนมนั ก็ผิด มีเถา้ แก่
คนนึง เปิ ดร้านขายก๋วยเตี๋ยว สมมติวนั นึง เขาขายพนั บาท
ลูกเขาก็ได้เรียนหนังสือ บ่ายสาม เขาก็ปิ ดร้านแล้ว ตีขิม
ร้องเพลง วนั นึงเถา้ แก่หนา้ บา้ น เขาคุยกบั เมียเขาวา่ เอะ๊ ..นี่มนั
สบายเกินไป เดี๋ยวจะทาให้มันไม่สบาย เรียกเถ้าแก่ร้าน
ก๋วยเตี๋ยวมาคุย เฮ้ย ทาไมไม่เปิ ดภัตตาคาร ฉันจะให้เธอกู้
อนั น้ีมนั ไม่เจริญเติบโต สุดท้ายก็ไปกู้เงินธนาคาร เพื่อเปิ ด
ภตั ตาคารใหญ่โต ตอนน้ันขายวนั ละพนั บาท เล้ียงลูกจน
เจริญเติบโต บ่ายสามกป็ ิ ด
พอเปิ ดภตั ตาคาร เที่ยงคืนกห็ ยดุ ไมไ่ ด้ ขายวนั ละเป็น
หมื่น แตไ่ มพ่ อจา่ ยหน้ี เจริญ แปลวา่ ยง่ิ ใหญ่ข้ึน แตไ่ ม่ได้
แปลวา่ มนั่ คง สมมติวา่ เรามีเงินเดือนแสนบาท เงินเดือนน้ี
เป็นแค่รายรับ แตเ่ ราจ่ายไปแสนสอง ถามวา่ ไดเ้ ทา่ ไหร่ ติดลบ
ไปสองหม่ืน อีกคน มีเงินเดือนหา้ พนั เขามีรายรับหา้ พนั
เขาจ่ายไปสามพนั เขามีรายไดเ้ หลือสองพนั คนน้ียอ่ มมนั่ คง
33
กวา่ แต่ตอนน้ีเราเอาจีดีพี เราถูกทนุ นิยมมนั หลอก ตอ้ งเอา
จีดีพีตวั เลขเยอะๆ เธอตอ้ งทาใหฉ้ นั เช่ือถือ ฉนั จะไดม้ าลงทนุ
ถา้ การลงทุน เป็นการช่วยเหลือชาติ ทาไมไมล่ งทนุ ใน
ประเทศเขา เขาโง่เหรอ เขามาหลอก เธอตอ้ งมีสิทธิพเิ ศษ
ฉนั จะสร้างงานใหเ้ ธอ เธอจะไดเ้ ศรษฐกิจดีข้ึน เขามาลงทุน
บา้ นเรา เราตอ้ งเสียดุลการคา้ ไปซ้ือน้ามนั ไปซ้ือถ่านหิน เพอื่
มาผลิตกระแสไฟฟ้า ใหม้ นั ขาดดุลการคา้ เราโง่แลว้ โงอ่ ีก
น่ีแหละทนุ นิยม นกั วชิ าการก็ทาตามเขา เก่งจริงหรือ เก่งจริง
ทาอะไรโง่ ๆ แบบน้ีทาไม บาปนะ แลว้ ทาใหค้ นเขายง่ิ จน
เขาไมไ่ ดเ้ ลือก เกิดเป็นคนจน เขาก็กลายเป็นแพะ เป็นเหยอ่ื
เราตอ้ งรู้วา่ เราเกิดอยใู่ นสงั คมแบบไหน นี่คือ ธรรมะ
ธรรมะ คือ สัจธรรม สัจธรรมคือความจริง การที่เอา
ความจริงมาสนทนากนั คือ การแสดงธรรมอยา่ งหน่ึง ธรรมะ
ไม่ใช่ภาษาบาลี ธรรมะไม่ใช่อยู่ที่อินเดีย หรือภูเขาหิมาลยั
ธรรมะคือธรรมชาติ คือความจริงอยา่ งยง่ิ แต่ตอนน้ีความจริง
34
ที่มนั เกิดข้ึน กบั ชีวิตเรา มนั เป็ นความจริง ท่ีเกิดจากการ
ปรุงแต่ง จากการรู้ผิดของมนุษย์ เราก็ไปหลงมนั ชีวิตเราก็
ทุกข์สิ สาธารณทุกขถ์ ว้ นหน้า เครียดไปหมด วิชาการก็ทา
ใหไ้ ดผ้ ลสิ ทาไมมนั ไมไ่ ดผ้ ล เพราะมนั ถูกธุรกิจบลอ็ กไวอ้ ยู่
ถา้ เธอทาได้ผล ธุรกิจนิยมมันก็เจ๊ง ขนาดว่า มันเอาเปรียบ
ขนาดน้ี โลกน้ียงั ไปไมร่ อดเลย
พูดถึงเร่ืองวิชาการ ทุกวนั น้ี เขาแยกแขนงๆ ให้เธอรู้
เรื่องเดียว ถา้ เธอรู้มาก ฉันจะใช้เธอไม่ได้ ถา้ เธอรู้เรื่องชีวิต
เธอยงิ่ จะตอ้ งไปเป็นลกู จา้ งฉนั เขาไมอ่ ยาก ใหเ้ ราเรียนรู้หรอก
เรียนรู้แต่วิชาการ เพื่อเป็ นเครื่องมือ ในการสร้างทุนให้เขา
เท่าน้ันเอง ยุคน้ีเป็ นยุคท่ีแข่งขนั ทุกคนต้องเพิ่มอาวุธทาง
ปั ญ ญ า เพ่ิ ม เท คโน โลยี วิท ยาศาส ตร์ เลยมี บ ท บ าท
วิทยาศาสตร์เป็นเร่ือง ไมใ่ ช่ไมด่ ีนะ
พระพุทธเจา้ ก็สอนแบบวิทยาศาสตร์ อยา่ เพง่ิ เช่ืออะไร
ง่ายๆ ตอ้ งทดลอง ทดสอบ วิจยั ดว้ ยตวั เราเอง อย่าเชื่ออะไร
35
ง่ายๆ เป็ นเร่ืองดี แต่มันถูกธุรกิจนิยมบล็อกไว้อยู่ และ
วิทยาศาสตร์ถูกใส่ความคิดว่า ตอ้ งทดลอง ทดสอบ เห็นดว้ ย
แต่วิทยาศาสตร์ก็ให้ความสนใจ รูปธรรมเท่าน้ัน เขาปฏิเสธ
นามธรรม
ร่างกาย เขาก็ไปวิจยั ว่า ทายงั ไงให้ร่างกายแข็งแรง
ปวดหัวเอายาพาราไปกิน วิทยาศาสตร์รู้แค่น้ัน ไประงับ
ประสาท แลว้ กินบ่อย ๆ มนั เอ๋อ มนั ถูกระงบั มันไม่โต
จากจิตหลอน กลายเป็นประสาทหลอนอีก
ทาไม ยส่ี ิบหกปี พอ่ ครูไมป่ วดหวั เลย ไม่ใช่เร่ือง
กายภาพ มนั กแ็ ก่ไปตามอตั ภาพ แต่เรื่องจิตวญิ ญาณ ตน้ เหตุ
ที่ทาใหเ้ ราปวดหวั มนั เป็นเร่ืองที่เราคิดมาก เรื่องของอารมณ์
เครียด วทิ ยาศาสตร์เขา้ ไปไม่ถึง เราเอาแค่คร่ึงเดียว เอากาย
อยา่ งเดียว ไม่เอาจิตวญิ ญาณ พอ่ ครูถึงบอกวา่ วทิ ยาศาสตร์ถา้
ขาดศาสนาแลว้ เปรียบเสมือนคนขาขาด
36
ทีน้ีมาพูดถึงศาสนา ตอนน้ีศาสนา ก็กลายเป็ นแค่ วิชา
พุทธศาสนา ถูกความความคิด แบบทุนนิยม ธุรกิจนิยม มา
ครอบไว้ ถา้ ศาสนาเฟ่ื องฟู คนฉลาดมีปัญญาแลว้ ทุนนิยม
เขาจะครอบงาเราไม่ได้ ศาสนาก็ถกู ทาลายทางตรง ทางออ้ ม
สมยั เดก็ ๆ พ่อครูยงั เรียนพทุ ธศาสนาเตม็ คาบเรียน แตท่ กุ วนั น้ี
เอาไปซ่อนอยู่ในวิชาสังคม แลว้ ก็ไปท่องจานิดๆหน่อยๆ
เพราะเขาไม่ต้องการ ให้ศาสนามีบทบาท ตอนน้ีศาสนาก็
กลายเป็ นธุรกิจ พุทธพาณิชย์ หลายแห่งเป็ นเมืองท่องเที่ยว
บางแห่งเป็ นแหล่งหาเงิน ตวั ศาสนาเองทุก ๆ ศาสดา ท่าน
บรรลธุ รรม พอ่ ครูเชื่อ ส่วนข้นั ไหนเป็นอีกเรื่องนึง
โดยเฉพาะในพุทธศาสนาเรา เจา้ ชายสิทธัตถะ ตรัสรู้
เป็ นสัมมาสัมพุทธเจา้ พระองค์ตรัสรู้ อริยสัจสี่ ความจริงที่
ยิง่ ใหญ่ส่ีประการคือ ทุกข์ สมุทยั นิโรธ มรรค ความจริงน้ี
พระองคท์ า้ ทายเลย ท่านจงมาดูเถิด ปฏิบตั ิเถิด ผใู้ ดเห็นธรรม
ผูน้ ้ันเห็นเรา ตถาคต อีกกี่ลา้ นปี ใครก็ลบล้างไม่ได้ มัน
ไม่ใช่ทฤษฎี
37
สมยั พทุ ธกาล มีอาจารยส์ ัญชยั เป็นฤาษี กเ็ ป็นอาจารย์
ของพระโมคคลั ลานะ ไปติดบ่วงสมาธิ ติดบว่ งฌาน ทีน้ี
โมคคลั ลานะ มาเจอพระพุทธเจา้ แลว้ กไ็ ปเชิญอาจารยท์ า่ นมา
อาจารยส์ ัญชยั ถามพระพทุ ธเจา้ วา่ หลกั การที่ทา่ นสอนน้ี คือ
อะไร เขาจะตอ้ นพระพทุ ธเจา้ เขา้ มุม เพราะขา้ พเจา้ ไมเ่ ช่ือ
เรื่องหลกั การใดๆเลย พระพทุ ธเจา้ ตอบวา่ หนทางท่ีขา้ พเจา้
เสนอน้นั ไม่ใช่หลกั การ ไมใ่ ช่ปรัชญา แตเ่ ป็นประสบการณ์
ที่เกิดกบั ขา้ พเจา้ จริงๆ ขา้ พเจา้ เพียงมาเล่าใหฟ้ ังเฉยๆ มนั ไม่
มีหลกั การตายตวั
แตต่ อนน้ีศาสนาเป็นอยา่ งไร ทกุ ๆ ศาสนากม็ ีหลกั การ
เป็นของตนเอง แลว้ ใหท้ ุกคนทาตามหลกั การน้นั มนั ถึงไม่
ไปไหน เขา้ ใจรึยงั วา่ ยสี่ ิบหกปี พ่อครู ไม่เคยต้งั ช่ือเรียกเลย
ท่ีเราทาไม่มีวธิ ี ที่ศนู ยไ์ ม่มีกติกาแมแ้ ต่ขอ้ นึง ไมม่ ีหลกั การท่ี
ชดั เจน เราอยแู่ บบพีแ่ บบนอ้ ง มนั เป็น นานาจิตตงั ถา้ จิตมนั
เขา้ ถึงแลว้ มนั ไม่โง่ท่ีจะไปต้งั หลกั การ มนั กเ็ ป็นแค่วชิ าการ
แลว้ กม็ านงั่ ทะเลาะกนั ของฉนั ถกู ของเธอผดิ เพราะเราไป
38
หลงกบั หลกั การ แนวคิดแบบทนุ นิยม เขาจะไปสร้างอะไร
บลอ็ กพวกเราไว้ อยา่ นอกหลกั การ ที่เขาวางไว้ อยใู่ น
เครือขา่ ย อยใู่ นโปรแกรมที่เขาวางไว้ เขาจะครองโลก
ตอนน้ีลูกหลานเรา ก็เป็นเหยื่อ จะใหเ้ ขาคิดนอกกรอบ
เขาคิดไม่เป็ น เพราะเขาถูกสอน ให้แค่จาวิชาการต่างๆ
โดยเฉพาะระดบั มธั ยม เป็นแค่เครื่องมือพสิ ูจน์ วา่ เธอขยนั จา
ม้ยั มาประเมินความจากัน เธอเก่ง เขาต้องการให้เราเก่ง
แบบโง่ๆ ไม่มีปัญญา คิดไม่เป็ น ก็เรียนไปตามกรอบ ท่ีเขา
กาหนดไว้ มีกี่วิชา มีก่ีอาชีพ ตอนน้ีทุกอาชีพ อยู่ในกามือ
ของทุนนิยม ของธุรกิจนิยม แลว้ ก็ตวั ไอเดียน้ี มนั แพแ้ ลว้
ความคิดแบบน้ี แก้ปัญหามนุษยชาติไม่ไดแ้ ลว้ มนั รอล้ม
ไปไมร่ อด
ถา้ เรานบั ถือศาสนาแบบน้ี ไปหลงหลกั การ พิธีรีตอง
วธิ ีการตายตวั เป็นการนบั ถือศาสนา แบบหลงงมงาย พอ่ ครู
ถึงบอกวา่ ถา้ การนบั ถือศาสนา แบบขาดวทิ ยาศาสตร์ ก็
39
เหมือนคนตาบอด เพราะเราไปทาตาม เราตอ้ งเชื่อท่ีเขาบอก
แมก้ ระทงั่ ทกุ คน กอ็ า้ งคาสอนพระพทุ ธเจา้ แต่เราเขา้ ไมถ่ ึง
คาสอนจริง วา่ พระองคส์ อนอยา่ งน้ี จริงหรือเปลา่ มแี ตอ่ า้ ง
ตวั หนงั สือ แลว้ กแ็ ปลผดิ แปลถกู เขา้ ขา้ งทิฐิมานะตวั เอง ถา้
นบั ถือศาสนาแบบศรัทธา แบบหลงงมงายแลว้ กเ็ หมือนคน
ตาบอด วิทยาศาสตร์ถา้ ขาดศาสนา เหมือนคนขาขาด ศาสนา
ถา้ ขาดวิทยาศาสตร์ เหมือนคนตาบอด
มีคนส่งหนงั สือใหพ้ อ่ ครูเลม่ นึง เขากย็ กตวั อยา่ ง คนน้ี
เป็นนกั ปราชญ์ นกั ปรัชญา เขาก็ชอบ เป็นนกั พดู นิทาน
เพราะเขาอา่ นหนงั สือมาก มีขอทานสองคน คนนึงตาบอด
คนนึงขาขาด อาชีพเดียวกนั คือเป็นขอทานท้งั คู่ แตไ่ มถ่ กู กนั
แยง่ ลูกคา้ กนั อาศยั อยใู่ นชายป่ าน้นั เหมือนกนั มีวนั นึงเกิด
ไฟไหมป้ ่ า มนั ใกลต้ วั เขามากเลย คนไมม่ ีขา มนั ก็ว่งิ ไม่ทนั
คนตาบอด ก็ไมร่ ู้วา่ ไหมต้ รงไหน ตา่ งคนตา่ งเรียกหากนั คน
ขาขาด ก็เรียกคนตาบอด กอู ยทู่ างน้ี คนตาบอดกเ็ อาคนขาขาด
40
ขี่คอ คนขาขาดมีหนา้ ที่บอกทาง คนตาบอดมีหนา้ ท่ีวง่ิ เห็นม้ยั
มนั ตอ้ งร่วมกนั ศาสนา กบั วิทยาศาสตร์
แมก้ ระทงั่ ศาสนาเอง ก็ไม่ใช่สัจธรรมความจริง ท่ีมีอยู่
แลว้ ในโลกน้ี เกิดจากมนุษยส์ ร้างข้ึนมา อยา่ วา่ แต่วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ก็ไม่ใช่ความจริง ซ่ึงมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ
มนุษยส์ ร้างข้ึนมาเหมือนกนั มนั เป็นศาสตร์วชิ าชนิดเดียวกนั
ซ่ึงมีหน้าที่ ค้นหาความจริ งตามธรรมชาติ แต่บังเอิญ
วิทยาศาสตร์ค้นหาความจริง ในหมวดเดียวคือ กายภาพ
หรือว่ารูปธรรม ปฏิเสธนามธรรม เขาถึงแก้ปัญหาไม่ได้
เห็นม้ยั ถา้ ตาบอด กบั ขาขาดมนั ไม่ร่วมมือกนั มนั ตายหมด
โลกใบน้ีถา้ ยงั เป็ นอย่างน้ี มนั ตายหมด มนั กาลงั จะตายแลว้
ขา้ งล่างเป็นโพรง
พระพุทธเจา้ เป็นนกั วทิ ยาศาสตร์ ท่ียงิ่ ใหญท่ ่ีสุดใน
จกั รวาล พ่อครูใชค้ าวา่ เลิกนบั ถือพระพทุ ธเจา้ ทนั ที ยส่ี ิบหกปี
ท่ีมนั ระเบิดตอนน้นั บชู าถวายชีวติ พระองค์ ไปรู้ไดย้ งั ไง
41
ไปเห็นไดย้ งั ไง ไมใ่ ช่เห็นเฉยๆ รู้วิธีแกด้ ว้ ย เพราะพระองค์
รู้รอบ วทิ ยาศาสตร์รู้คร่ึงเดียว แลว้ ก็บงั เอิญ พอต้งั เป็น
ศาสนาข้ึนมาแลว้ คาสอนกก็ ลายเป็นรูปของภาษา เราเอา
ภาพยนตร์พระพุทธเจา้ มาค่อยๆดู ดีมาก วนั ที่พระองคต์ รัสรู้
เป็นพระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ น้นั พระองคป์ ระกาศเราคือ พทุ ธะ
เรา คือ ศาสนา เราคือศาสนา คือคาทพ่ี ระองคเ์ ปลง่ ออกมา
คือ ศาสนา
แต่ตอนน้ีมีโครงสร้าง มีรูปแบบของศาสนา มนั จึง
ไม่ใช่ศาสนาที่แทจ้ ริง ถา้ เราไม่เขา้ ใจตรงน้ี เราก็มีอตั ตา ว่า
ของฉันแท้ ของเธอเทียม ทุกคนมีอตั ตาของตวั เอง ถา้ ศาสนา
จริ งๆ ไม่ทะเลาะกัน ให้เราเข้าใจ อย่าไปหลง พ่อครูก็
จรรโลงศาสนามาย่ีสิบหกปี แต่พ่อครูไม่ประกาศศาสนา
พอ่ ครูประกาศพรหมจรรย์ ช้ีทางพน้ ทุกขใ์ หส้ ตั วโ์ ลก
พระพุทธเจา้ ไม่ไดบ้ อก ไม่ไดด้ าริใหส้ าวก ไปประกาศ
ศาสนา พระองคด์ าริใหส้ าวก จาริกไปประกาศพรหมจรรย์
42
ช้ีทางพน้ ทกุ ขใ์ หส้ ตั วโ์ ลกท้งั หมด ไม่ใช่กล่มุ ใด กลุ่มนึง ลทั ธิ
ใด ลทั ธินึง เวลาท่ีเหลือ พ่อครูจึงจรรโลงศาสนา ประกาศ
พรหมจรรยช์ ้ีทางพน้ ทกุ ขใ์ หเ้ ขา จะเป็นชาติไหน จะนบั ถือ
ศาสนาไหน กเ็ ป็นเร่ืองของเขา เขาเป็นฝร่ังกเ็ ป็นฝร่ัง จะให้
เขามาเป็ นคนไทยทาไม
พระพทุ ธเจา้ ถึงบอก อยา่ เพ่งิ เชื่อตารา พอตารามนั เป็น
ตวั หนงั สือ มนั หยาบเกินไป ที่ทกุ คนอ่านแลว้ จะเขา้ ใจ
เหมือนกนั พระไตรปิ ฎกเลม่ นึง คนนึงแปลวา่ อตั ตา คนนึง
แปลวา่ อนตั ตา น่ีคือความรู้องคว์ ิชา ไม่ไช่ปัญญา พระองค์
บอก ท่านจงมาดูเถิด ปฏิบตั ิเถิด ผใู้ ดเห็นธรรม ผนู้ ้นั เห็นเรา
ตถาคต
เจา้ ชายสิทธตั ถะ ก็ไมม่ ีพระไตรปิ ฎกอา่ น พระองคเ์ ริ่ม
จาก ประสบการณ์ของพระองคเ์ อง แตต่ วั ศาสนาไม่มีอะไร
เสียหาย เหมือนเราเปิ ดโรงเรียน โรงเรียนไมม่ ีอะไรเสียหาย
แต่เราอยา่ ไปหลงวา่ โรงเรียนน้ีของเรา ศาสนาน้ีของกู กู
43
ของแท้ มึงของเทียม อนั น้นั ไม่ใช่ศาสนา ศาสนาไม่ไดส้ อน
อยา่ งน้นั
ศาสนาสอนให้ ลด ละ เลิก เม่ือโรงเรียนมีประโยชน์
เรากด็ ูแลโรงเรียน เป็นเครื่องมือในการขบั เคลื่อน คาสอน
พระพทุ ธเจา้ หรือเป็นท่ียดึ เหนี่ยวของเด็ก แต่ไม่ใช่ไปหลง
โรงเรียน โรงเรียนไมไ่ ดท้ าอะไรถูก อะไรผดิ แตบ่ คุ ลากรใน
โรงเรียนตอ้ งระวงั เดี๋ยวถูกกิเลสครอบงา เพราะเราไม่สารวม
ระวงั พ่อครูช้ีใหด้ ูวา่ ตอนน้ีเราอยใู่ นสงั คมแบบไหน แลว้
เราจะเลือกชีวิตอยา่ งไร เราหนีโลกไม่ได้ แลว้ พอ่ ครูหนีมา
ทาไม ไมไ่ ดห้ นี ทน่ี ี่กแ็ ผน่ ดินโลก
ที่แปลงน้ี พ่อครูข้ึนทะเบียนเป็นโรงเรียน มลู นิธิดูแล
ไม่ตอ้ งข้ึนชื่อใครท้งั น้นั ไม่ใช่ของใคร ของสัตวโ์ ลกท้งั หมด
ของคนทกุ ชนชาติ เราถูกให้ นบั ถือพทุ ธต้งั แต่กาเนิด ยงิ่ มา
ขนาดน้ี ศาสนาพทุ ธไม่มีอะไรเสียหาย ถา้ คุณเขา้ ใจพทุ ธ
จริงๆ พุทธกม็ ีประโยชน์ พอ่ ครูกเ็ ป็นพุทธ แตเ่ รามีหนา้ ท่ี
44
รักษาแกน่ ธรรมไว้ ประกาศพรหมจรรย์ ช้ีทางใหส้ ัตวโ์ ลก
ท้งั หมด อยา่ ไปประกาศศาสนา แยง่ ชิงมวลชนกบั คนอน่ื
พระพุทธเจา้ ไมไ่ ดส้ อนอยา่ งน้นั ทกุ คนกอ็ า้ งศาสนาอยา่ งน้นั
ระวงั นบั ถอื ศาสนา แบบหลงงมงาย โดยไม่เป็นวทิ ยาศาสตร์
กเ็ หมือนคนตาบอด
ศาสนาเนน้ เร่ืองจิตวญิ ญาณ วิทยาศาสตร์กไ็ ปเนน้ เร่ือง
กายภาพ ตอ้ งรวมกนั ท้งั สองอยา่ ง ท้งั พทุ ธศาสนา ท้งั
วิทยาศาสตร์ ไมใ่ ช่ธรรมะ มนั ไม่มีอยจู่ ริงตามธรรมชาติ มนั
เป็นสิ่งที่มนุษยส์ ร้างข้นึ มนั มีประโยชน์ ถา้ เรารู้จกั ใช้ แต่ถา้
เราหลงมนั เมื่อไหร่ เป็นโทษอยา่ งยงิ่
สมยั พทุ ธกาล ถา้ เราเรียนพระไตรปิ ฎก ทาไมพระพดู
กบั สาวกคนน้ีพูดอยา่ งน้ี พดู กบั สาวกองคน์ ้ีพดู อยา่ งน้ี แน่นอน
เราพดู กบั ลิง กใ็ ชภ้ าษาลิง ถา้ เราพดู ภาษาดอกเตอร์ จะพดู กบั
มนั รู้เรื่องหรือ บางทีลิงตอ้ งปลดอยา่ งน้ี เสือตอ้ งปลดอยา่ งน้ี
45
คนเรามี นานาจิตตงั ไม่เหมือนกนั กไ็ ปอา้ งอยา่ งน้ี ตวั เองเช่ือ
ก็ไปยดึ มน่ั ถือมน่ั ตอ้ งเป็นอยา่ งน้ี มนั ไมเ่ กี่ยวกบั การพน้ ทกุ ข์
พอ่ ครูเห็นจากตวั เอง พอ่ ครูเป็นคนไม่มีศีล ศีลห้าบอก
ไม่ให้ทาอะไร ทาหมด ส่ีสิบปี ทาไม มานั่งอยู่ตรงน้ีได้
องคุลีมาล ก็ผิดศีล ฆ่าคน ทาไมบรรลุธรรมได้ ไม่ใช่บอก
ให้ทุกคน ไปเป็ นแบบองคุลีมาล มนั ไม่ใช่ แต่ละคนมีเหตุ
ปัจจยั ไม่เหมือนกนั พระพทุ ธเจา้ บอกให้ละเวน้ พระพทุ ธเจา้
สอนทางสายกลา ง ไมใ่ ช่ไม่ใหฆ้ ่า อยา่ งสายเซ็น พระเขาขดุ
ดิน เขาอยู่ในป่ า เขาก็ต้องปลูกผกั เล้ียงตัวเอง พอเขาขุด
ข้ึนมาเขาทายงั ไง มนั ขาดคร่ึง เขาก็ตีๆ ให้มนั ตายไวๆ เขา
ไม่ได้ทาอะไรเลย เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับมัน ให้ละเวน้
อรหันตจ์ ้ีกงกินเหลา้ กินเน้ือสัตวท์ ุกวนั ทาไมบรรลุอรหันต์
ได้ ไม่ใช่หา้ ม ให้ละเวน้ เพราะวา่ ถา้ เรากินแลว้ เราเมาขาด
สติ กไ็ ปสร้างกรรมใหม่
46
เราตอ้ งเขา้ ใจ ศีลคืออะไร ศีล คือ ความปกติของจิต
จิตทุกดวงเกิดมา ถา้ เราเป็นทาร์ซาน เกิดมาพอ่ แม่เอาไปทงิ้ ใน
ป่ า ข้ีเกียจเล้ียง เราจะโชคดีมาก เราไม่ตอ้ งถือศีลหา้ เราจะมี
ศีลหา้ เตม็ เปี่ ยม ทาร์ซานมีศีลหา้ เตม็ เป่ี ยม ไมต่ อ้ งถือศีล ทกุ
วนั น้ี มือถือสาก ปากถือศีล ถือๆหลดุ ๆ ไม่ใช่ศีลจริงๆ มนั
เป็นแค่ขอ้ บงั คบั เป็นวนิ ยั ถา้ จิตมนั เขา้ ถึงสภาวะเดิม เป็นปกติ
เม่ือมนั ไมม่ ีความอยาก ไม่มีอนาคตแลว้ ทาไมตอ้ งไปผดิ ศีล
ทาร์ซานมนั ตอ้ งโกหกม้ยั มนั จะโกหกทาไม มนั ไมม่ ีความ
อยาก มนั ไม่รู้วา่ รถยหี่ อ้ แพงๆ เป็นยงั ไง มนั ไมอ่ ยากได้ มนั
เลยไมผ่ ิดศีล
ตอนน้ี ศลี เราหายไปไหนหมด เราถูกความรู้ผิด ตอ้ ง
ชนะ ตอ้ งเกง่ ทนุ นิยมเขาสอนภาษา เราตอ้ งเพม่ิ อาวธุ ทาง
ปัญญา ถามวา่ คุณจะเอาไปฆา่ ใครหรือ เอาไปทาลายมนุษย์
ดว้ ยกนั เอง นกั วชิ าการ กไ็ ปเชื่อเขา เอาความสามารถของ
นกั วชิ าการ ไปสร้างเครื่องมือทางปัญญาใหเ้ ขา แลว้ ก็มาเอา
เปรียบคนจน กรรมหนกั อยา่ คิดวา่ เราสร้างชาติ อยา่ คิดวา่ เรา
47
เสียสละเพือ่ โลก กาลงั สร้างกรรมหนกั เราหยดุ เขาไม่ได้ แต่
ชีวติ เป็นของเรา เราไมไ่ ดห้ นี เราถอยมาต้งั หลกั เพือ่ เป็น
นกั สู้ท่ียง่ิ ใหญ่ ไมม่ ีใครเป็นนกั สู้เท่ากบั เราหรอก เชา้ สาย
บ่าย เยน็ ไมเ่ คยหยดุ เลย ขยนั แคไ่ หน
มีใครปฏิบตั ิธรรมทุกวนั เชา้ สาย บา่ ย เยน็ อยใู่ นศาลา
หกชวั่ โมง ที่เหลือเรากป็ ฏิบตั ิธรรม อยใู่ นมรรคตลอด เรา
เจริญ มรรค ผล นิพพาน ทุกวนั ไม่ไดท้ าเลน่ ไม่ใช่พดู เฉยๆ
ทาเป็นกิจวตั รประจาวนั ไม่ใช่วิชาสอน มนั เป็นหนา้ ที่ มนั
เป็นวถิ ี การเจริญมรรค ผล นิพพาน ไมใ่ ช่วา่ ขยนั ฉนั ก็มา
เจริญ ไมข่ ยนั ฉนั ก็เลิกเจริญ มนั ไมใ่ ช่ปฏิบตั ธิ รรม อนั น้ีเป็น
แค่ฝึกวชิ าสมาธิ วชิ าสติเฉย ๆ
เราปฏิบตั ิธรรมทุกวนั ท่ีน่ี เพยี งแตว่ า่ เราแบ่งเวลา ช่วง
ไหนเราจะไปเคลียร์ขา้ งใน ออกมาขา้ งนอก เราก็ใชก้ าลงั ที่
เราฝึกมามาวดั ดวงเราดู เออ..เราโดนกระทบมา..ไหวม้ยั ท่ีวา่
มาปฏิบตั ิแลว้ มีกิเลสเยอะๆ ไม่ใช่เยอะข้ึน เราเห็นมนั ชดั ข้ึน
48
สมยั ก่อนเราโกรธ เราก็เป็ นโกรธเลย เราก็โกรธตามมนั เลย
แต่ตอนน้ี เราเห็นมันชัดข้ึน ไม่ใช่มันมากข้ึน ก็ต้ังมั่น
ดาเนินตอ่ ไป
ปฏิบตั ิธรรมตอ้ งเจริญ มรรคผล นิพพาน ไมใ่ ช่ไปฝึก
วิชาสติ วชิ าสมาธิ แลว้ บอกปฏิบตั ิธรรม ปี นึงมีสามร้อยหก
สิบหา้ วนั ไปเขา้ ค่ายฝึกสมาธิ ฝึกสติสิบหา้ วนั กป็ ิ ดวาจา
สบ๊ายสบาย ไมไ่ ดย้ นิ ใครพดู เลย ฉนั กไ็ มต่ อ้ งสร้างวจีกรรม
เป็นใบอ้ ยสู่ ิบหา้ วนั พอกลบั ไปบา้ น ตอ้ งพดู แกแ้ คน้ เพราะ
ไมไ่ ดพ้ ดู มาสิบหา้ วนั นนั่ หรือปฏิบตั ิธรรม
ปฏิบตั ิธรรม หิวก็กิน ง่วงกน็ อน มีอะไรกเ็ อาออกมา
หมด ไม่ตอ้ งไปกดมนั ไว้ แลว้ กลบั ไปบา้ น มนั จะไดไ้ มม่ ีแรง
ไปบน่ น่ีคือธรรมะ สุนขั มนั นอนนานๆ มนั ก็เชคกิ้ง มนั ก็ส่ัน
สลดั ความตึงเครียด ท่ีนอนทบั ตวั เองอยตู่ ้งั นาน กเ็ ห่า กห็ อน
มนั ถึง ไมเ่ ป็นมะเร็ง
49
ทุกวนั น้ี เรามีมารยาท ติดสารวม มวั แต่ไปติดรูปแบบ
เขารู้ เขาอา่ นพระไตรปิ ฎก รู้แคไ่ หน รู้จริงรึเปล่า นบั ถือ
พทุ ธศาสนาแบบซ่ือบ้ือ เป็นแทง่ เป็นกอ้ น มนั ถึงไมไ่ ปไหน
การปฏิบตั ิธรรม มนั ไม่ใช่เร่ืองของรูปแบบวฒั นธรรม
มนั เป็นเรื่องของจิต จิตหลุดพน้ ดวงตาเห็นธรรม ทุกอยา่ งจบ
อยทู่ ่ีจิต รูปแบบขา้ งนอก ประเพณีวฒั นธรรมอะไร เราก็ไม่
ละเลย ศาสนาเหมือนตน้ ไม้ มนั ตอ้ งมีเปลอื กกระพ้ี ตอ้ งมี
แก่นดว้ ย ไม่ใช่มีแก่นอยา่ งเดียว ไม่มีเปลือกกระพ้ีดว้ ย เพราะ
มนั ไม่ไดอ้ ยคู่ นเดียว แตเ่ รื่องจิตวญิ ญาณ เป็นเร่ืองเฉพาะตวั เรา
ส่วนองคร์ วมของศาสนา เราตอ้ งมีเปลือกกระพ้ี
ถ้าพระพุทธเจ้า กลับชาติมาเกิด พ่อครู บอกแล้ว
พระองคจ์ ะจาศาสนาพระองคไ์ ม่ได้ มนั ระบาย ไม่รู้ตน้ อะไร
ไม่ใช่ตน้ โพธ์ิแลว้ อุบายนั่น อุบายนี่ เพื่อเอามาเป็ นธุรกิจ
เราก็มีเวียนเทียน เราก็รักษาประเพณี เด๋ียวเขา้ พรรษาเราก็มี
เราไมไ่ ดล้ ะเลยส่ิงน้ี เราไมท่ าลายสมมติและบญั ญตั ิ