The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

5. พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sumarin0618, 2022-07-06 10:15:26

5. พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539

5. พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539

1

พระราชบญั ญตั ิความรบั ผดิ ทางละเมดิ ของเจา้ หนา้ ที่ พ.ศ. 2539

ฉบบั ที่ 1 ใหไ้ ว้ 27 กนั ยายน ประกาศ 14 พฤศจกิ ายน บงั คับใช้ 15 พฤศจกิ ายน 2539 15 มาตรา

ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ นายบรรหาร ศลิ ปอาชา

เหตุผลในการประกาศใช้ การที่เจ้าหน้าที่ดำเนินกิจการต่างๆ ของหน่วยงานของรัฐนั้น หาได้เป็นไปเพื่อประโยชน์อันเป็นการเฉพาะตัวไม่

การปล่อยให้ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหนา้ ที่ ในกรณที ี่ปฏิบัติงานในหนา้ ท่ีและเกิดความเสียหายแก่เอกชนเป็นไปตามหลกั กฎหมายเอกชน

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงเป็นการไม่เหมาะสมก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่า เจ้าหน้าที่จะต้องรับผิดในการกระทำต่างๆ

เป็นการเฉพาะตัวเสมอไป เม่อื การท่ที ำไปทำให้หนว่ ยงานของรัฐตอ้ งรบั ผดิ ต่อบคุ คลภายนอกเพียงใดกจ็ ะมกี ารฟ้องไลเ่ บีย้ เอาจากเจา้ หน้าทเี่ ต็ม

จำนวนนนั้ ท้งั ท่ีบางกรณเี กดิ ขึน้ โดยความไมต่ ั้งใจหรือความผิดพลาดเพยี งเล็กนอ้ ยในการปฏิบัติหน้าท่ี นอกจากนน้ั ยงั มกี ารนำหลักเรื่องลูกหน้ี

รว่ มในระบบกฎหมายแพ่งมาใชบ้ งั คับ ใหเ้ จา้ หน้าทตี่ อ้ งรว่ มรบั ผดิ ในการกระทำของเจา้ หนา้ ทผ่ี ู้อืน่ ดว้ ย ซ่ึงระบบนั้นม่งุ หมายแตจ่ ะได้เงนิ

ครบโดยไม่คำนงึ ถงึ ความเป็นธรรมทจ่ี ะมตี ่อแต่ละคน กรณีเป็นการก่อใหเ้ กดิ ความไมเ่ ปน็ ธรรมแกเ่ จ้าหน้าทแ่ี ละยงั เปน็ การบั่นทอนกำลังขวัญใน

การทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย จนบางครั้งกลายเป็นปัญหาในการบริหารเพราะเจ้าหน้าที่ไม่กล้าตดั สินใจดำเนินงานเท่าที่ควร เพราะ

เกรงความรับผิดชอบท่ีจะเกิดแก่ตน อน่ึง การใหค้ ุณใหโ้ ทษแก่เจา้ หน้าที่เพือ่ ควบคุมการทำงานของเจ้าหน้าที่ยังมวี ิธีการในการบริหารงานบุคคล

และการดำเนินการทางวินัยกำกับดูแลอีกส่วนหนึ่ง อันเป็นหลักประกันมิให้เจ้าหน้าที่ทำการใดๆ โดยไม่รอบคอบอยู่แ ล้ว ดังนั้น จึงสมควร

กำหนดใหเ้ จ้าหน้าท่ตี อ้ งรบั ผิดทางละเมิดในการปฏบิ ัติงานในหน้าทีเ่ ฉพาะเมื่อเปน็ การจงใจกระทำเพื่อการเฉพาะตัว หรือจงใจ

ให้เกดิ ความเสียหายหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น และให้แบ่งแยกความรบั ผดิ ของแต่ละคนมใิ ห้นำหลักลกู หนี้ร่วม

มาใชบ้ งั คับ ทัง้ น้ี เพ่ือให้เกดิ ความเป็นธรรมและเพม่ิ พูนประสิทธภิ าพในการปฏิบตั งิ านของรัฐ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบญั ญัตินี้

รกั ษาการ โดย นายกรฐั มนตรี

มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตนิ ี้ (นยิ ามศพั ท์)

เจ้าหนา้ ที่ หมายความว่า ขา้ ราชการ พนกั งาน ลกู จา้ ง หรือผปู้ ฏบิ ตั งิ านประเภทอน่ื ไม่ว่าจะเป็นการแตง่ ตง้ั ในฐานะเปน็ กรรมการ
หรือฐานะอนื่ ใด

หน่วยงานของรัฐ หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค

ราชการส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา และให้
หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
พระราชบญั ญตั ิน้ีด้วย

2

มาตรา 5 หนว่ ยงานของรฐั ตอ้ งรบั ผดิ ตอ่ ผเู้ สยี หายในผลแหง่ ละเมิดทเ่ี จ้าหน้าที่ของตนได้ทำในการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี

ผู้เสียหายอาจฟอ้ งหนว่ ยงานของรฐั ดงั กลา่ วไดโ้ ดยตรง แตจ่ ะฟอ้ งเจา้ หนา้ ทไ่ี มไ่ ด้

ถ้าการละเมดิ เกิดจากเจ้าหนา้ ทซี่ ึ่งไม่ไดส้ งั กดั หนว่ ยงานของรฐั แห่งใด
ใหถ้ อื วา่ กระทรวงการคลงั เปน็ หน่วยงานของรฐั ทีต่ อ้ งรับผิด

มาตรา 6 ถ้าการกระทำละเมิดของเจา้ หน้าท่ีไมใ่ ชก่ ารกระทำในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี เจา้ หนา้ ทีต่ อ้ งรับผดิ ในการนน้ั เปน็ การเฉพาะตวั

ผเู้ สยี หายอาจฟอ้ งเจา้ หนา้ ทไ่ี ดโ้ ดยตรง แตจ่ ะฟอ้ งหนว่ ยงานของรฐั ไมไ่ ด้

มาตรา 7 (1) ในคดที ่ีผเู้ สยี หายฟอ้ งหนว่ ยงานของรฐั ถ้าหน่วยงานของรฐั เห็นวา่ เปน็ เรอื่ งทีเ่ จ้าหน้าท่ตี อ้ งรับผิดหรือต้องรว่ มรับผดิ
(2) ในคดีท่ีผูเ้ สยี หายฟอ้ งเจา้ หนา้ ท่ี ถา้ เจา้ หนา้ ทเี่ หน็ ว่าเป็นเรอ่ื งที่หน่วยงานของรฐั ตอ้ งรับผดิ หรอื ต้องร่วมรับผิด

หนว่ ยงานของรฐั หรือ เจา้ หน้าที่ ดังกล่าว

มสี ทิ ธขิ อใหศ้ าลทพ่ี จิ ารณาคดนี นั้ อยเู่ รยี กเจา้ หนา้ ทหี่ รอื หนว่ ยงานของรฐั แลว้ แตก่ รณี
เขา้ มาเปน็ คคู่ วามในคดี

ถา้ ศาลพพิ ากษายกฟอ้ งเพราะเหตุทห่ี น่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าท่ีทถี่ กู ฟอ้ งมิใชผ่ ตู้ อ้ งรบั ผดิ (ฟอ้ งผดิ คน)

ใหข้ ยายอายคุ วามฟอ้ งรอ้ งผทู้ ตี่ อ้ งรบั ผดิ ซงึ่ มไิ ด้ถูกเรียกเขา้ มาในคดี

ออกไปถงึ 6 เดอื น นบั แตว่ นั ที่คำพิพากษาน้นั ถึงทส่ี ุด

3

มาตรา 8 ในกรณที ี่ หนว่ ยงานของรฐั ตอ้ งรับผดิ ใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทน แกผ่ ู้เสยี หายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าท่ี

หน่วยงานของรฐั มีสทิ ธเิ รียกใหเ้ จา้ หนา้ ทผ่ี ทู้ ำละเมดิ ชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนดงั กลา่ วแกห่ น่วยงานของรัฐได้

ถ้าเจา้ หน้าท่ไี ด้ ทำดว้ ยความจงใจ หรือ ประมาทเลนิ เลอ่ อยา่ งรา้ ยแรง

สทิ ธเิ รยี กใหช้ ดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนจะมีไดเ้ พยี งใด ใหค้ ำนึงถงึ
1. ระดบั ความรา้ ยแรงแหง่ การกระทำ และ
2. ความเปน็ ธรรม ในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์

โดย ไม่ตอ้ งใหใ้ ชเ้ ตม็ จำนวนของความเสยี หายกไ็ ด้

ถ้าการละเมดิ เกดิ จาก... ให้ หกั สว่ นแหง่ ความรับผดิ ดงั กลา่ วออกด้วย

1. ความผดิ หรอื ความบกพรอ่ งของหนว่ ยงานของรฐั หรือ
2. ระบบการดำเนินงานสว่ นรวม

ถ้าการละเมดิ เกดิ จาก... 1. ไมใ่ หน้ ำหลกั เรอ่ื งลกู หนร้ี ว่ มมาใชบ้ งั คบั และ
เจ้าหนา้ ทห่ี ลายคน 2. เจ้าหนา้ ทแี่ ตล่ ะคนตอ้ งรบั ผดิ ใชค้ า่ สินไหมทดแทนเฉพาะสว่ นของตนเทา่ นน้ั

มาตรา 9 ถ้า หน่วยงานของรฐั หรือ เจา้ หนา้ ท่ี ไดใ้ ชค้ ่าสนิ ไหมทดแทนแกผ่ เู้ สยี หาย

สทิ ธทิ ่จี ะเรียกใหอ้ กี ฝา่ ยหนง่ึ ชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนแก่ตนให้มีกำหนด อายคุ วาม 1 ปี นับแต่วนั ที่หนว่ ยงานของรัฐหรอื

เจ้าหน้าที่ไดใ้ ช้คา่ สนิ ไหมทดแทนนน้ั แก่ผ้เู สยี หาย (ไลเ่ บยี้ )

4

มาตรา 10 เจา้ หนา้ ท่ี เป็นผูก้ ระทำ ละเมดิ ต่อหนว่ ยงานของรฐั ไมว่ า่ จะเปน็ หนว่ ยงานของรฐั ทีผ่ ้นู ้ันอยู่ในสงั กดั หรือไม่

การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหนา้ ท่ี
1. ถา้ กระทำในการปฏบิ ัติหน้าท่ี ใหน้ ำบทบัญญัติมาตรา 8 มาใชบ้ งั คับโดยอนุโลม
2. ถา้ มใิ ช่การกระทำในการปฏบิ ัตหิ น้าที่ ใหบ้ ังคับตามบทบัญญตั ิแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สทิ ธเิ รียกรอ้ งคา่ สนิ ไหมทดแทนจากเจา้ หน้าที่ท้ังสองประการ ให้มีกำหนด อายุความ 2 ปี นบั แตว่ ันท่ีหนว่ ยงานของรฐั รู้ถงึ

การละเมิดและรู้ตัวเจา้ หน้าท่ี ผจู้ ะพึงตอ้ งใชค้ า่ สินไหมทดแทน

กรณีที่หน่วยงานของรฐั เหน็ วา่ เจา้ หนา้ ทผี่ นู้ น้ั ไมต่ อ้ งรบั ผดิ แต่กระทรวงการคลงั ตรวจสอบแลว้ เหน็ วา่ ตอ้ งรบั ผดิ

ใหส้ ทิ ธเิ รยี กรอ้ งคา่ สินไหมทดแทนน้ันมกี ำหนด อายคุ วาม 1 ปี

นบั แต่วันท่ีหน่วยงานของรฐั มีคำส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลงั

มาตรา 11 กรณที ี่ผเู้ สยี หายเหน็ วา่ หนว่ ยงานของรฐั ตอ้ งรบั ผดิ ตามมาตรา 5 (การฟอ้ งหนว่ ยงานรฐั )

ผ้เู สียหายจะยนื่ คำขอตอ่ หนว่ ยงานของรฐั ให้พจิ ารณาชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนสำหรับความเสียหายทเี่ กดิ แกต่ นก็ได้

หนว่ ยงานของรฐั ต้อง 1. ออกใบรบั คำขอใหไ้ วเ้ ปน็ หลกั ฐาน และ
2. พจิ ารณาคำขอนนั้ โดยไมช่ กั ชา้

หน่วยงานของรฐั พิจารณาคำขอ ท่ีไดร้ ับให้แล้วเสรจ็ ภายใน 180 วนั
หากเรอื่ งใดไมอ่ าจพจิ ารณาไดท้ นั ในกำหนดนั้นจะตอ้ ง...
1. รายงานปญั หาและอปุ สรรคใหร้ ฐั มนตรเี จ้าสงั กดั หรือ
2. กำกบั หรือ ควบคมุ ดูแลหนว่ ยงานของรัฐแห่งน้ันทราบ และ
3. ขออนมุ ตั ขิ ยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรดี งั กล่าวจะพิจารณาอนุมตั ใิ ห้ ขยายระยะเวลาได้ไมเ่ กนิ 180 วนั

เมือ่ หน่วยงานของรฐั มีคำส่ังเช่นใดแล้วหากผเู้ สยี หายยงั ไม่พอใจในผลการวนิ จิ ฉยั ของหนว่ ยงานของรฐั

มีสทิ ธิ รอ้ งทกุ ขต์ อ่ คณะกรรมการวนิ จิ ฉัยรอ้ งทกุ ข์ ตามกฎหมายวา่ ด้วย

คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ ภายใน 90 วนั นบั แต่วนั ทตี่ นได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย

5

มาตรา 12 กรณีที่เจา้ หนา้ ทีต่ อ้ งชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนท่หี น่วยงานของรฐั ไดใ้ ช้ให้แก่ผเู้ สียหายตามมาตรา 8 หรอื ในกรณที ่ีเจ้าหน้าทต่ี อ้ งใชค้ า่
สนิ ไหมทดแทนเนื่องจากเจา้ หน้าที่ผู้นนั้ ไดก้ ระทำละเมดิ ตอ่ หนว่ ยงานของรัฐตามมาตรา 10 ประกอบกับมาตรา 8

ให้ หนว่ ยงานของรฐั ทเ่ี สยี หาย มอี ำนาจออกคำสั่งเรยี กใหเ้ จา้ หนา้ ทผี่ นู้ ั้นชำระเงนิ ดงั กลา่ วภายในเวลาทก่ี ำหนด

มาตรา 13 ใหค้ ณะรฐั มนตรจี ดั ใหม้ รี ะเบยี บเพ่ือให้ เจา้ หนา้ ทซี่ งึ่ ตอ้ งรบั ผดิ ตามมาตรา 8 และมาตรา 10

สามารถ ผอ่ นชำระเงนิ ทจี่ ะตอ้ งรับผิดน้นั ได้

โดยคำนงึ ถงึ 1) รายได้
2) ฐานะครอบครวั และความรบั ผดิ ชอบ และ
3) พฤตกิ ารณแ์ หง่ กรณี

มาตรา 14 เมอื่ ได้มกี าร จดั ตง้ั ศาลปกครอง ขึ้นแล้ว สทิ ธริ อ้ งทกุ ขต์ อ่ คณะกรรมการวนิ จิ ฉยั รอ้ งทกุ ข์ ตามมาตรา 11

ใหถ้ ือวา่ เปน็ สทิ ธฟิ อ้ งคดตี อ่ ศาลปกครอง


Click to View FlipBook Version