คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 49 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น 2.2.1 กิจกรรมแนะแนว 2.2.2 กิจกรรมนักเรียน ได้แก่ กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บ�ำเพ็ญประโยชน์ และนักศึกษาวิชาทหาร และกิจกรรมชุมนุม ชมรม 2.2.3 กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 2.3 ผู้รับผิดชอบเสนอผลการประเมินต่อคณะอนุกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรม พัฒนาผู้เรียนเพื่อให้ความเห็นชอบ 2.4 ผู้รับผิดชอบเสนอผู้บริหารสถานศึกษา พิจารณาเพื่ออนุมัติผลการประเมินกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การจบแต่ละระดับการศึกษา เกณฑ์การตัดสิน ผู้เรียนจะต้องได้รับการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและผ่านเกณฑ์ตามที่สถานศึกษาก�ำหนด โดยก�ำหนดเกณฑ์ในการประเมินอย่างเหมาะสม ดังนี้ 1. ก�ำหนดคุณภาพหรือเกณฑ์ในการประเมินตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก�ำหนดไว้ 2 ระดับ คือผ่าน และไม่ผ่าน 2. ก�ำหนดประเด็นการประเมินให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ในแต่ละกิจกรรมและก�ำหนด เกณฑ์การผ่านการประเมิน ดังนี้ 2.1 เกณฑ์การตัดสินผลการประเมินรายกิจกรรม ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ปฏิบัติกิจกรรมและ ผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา ก�ำหนด ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ไม่ผ่านการปฏิบัติ กิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่สถาน ศึกษาก�ำหนด 2.2 เกณฑ์การตัดสินผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรายปี/รายการ ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ผ่าน” ในกิจกรรมส�ำคัญทั้ง 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 50 ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ไม่ผ่าน” ในกิจกรรมส�ำคัญทั้ง 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อ สังคมและสาธารณประโยชน์ 2.3 เกณฑ์การตัดสินผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อจบระดับการศึกษา ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ผ่าน” ทุกชั้นปีในระดับการศึกษานั้น ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ไม่ผ่าน” บางชั้นปีในระดับการศึกษา นั้น บทบาทของผู้เรียน 1. ศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ตนเอง และเข้าร่วมกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความ สามารถ หรือตามข้อเสนอแนะของสถานศึกษา 2. เข้ารับการปฐมนิเทศจากครูผู้รับผิดชอบกิจกรรม 3. ร่วมประชุมเลือกตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ตามลักษณะของกิจกรรม 4. ร่วมประชุมจัดท�ำแผนงาน โครงการ ปฏิทินงาน และปฏิบัติกิจกรรม ด้วยความเอาใจใส่ อย่างสมํ่าเสมอ 5. ร่วมประเมินการปฏิบัติกิจกรรมและน�ำผลมาพัฒนาตนเองและน�ำเสนอผลการปฏิบัติ กิจกรรมต่อครูผู้รับผิดชอบ 6. แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถอดประสบการณ์ ทบทวน และสะท้อนความรู้สึกภายหลังการปฏิบัติ กิจกรรม(AAR)รวมทั้งสร้างเครือข่ายจิตอาสาและขยายผลต่อยอดสู่ความยั่งยืน บทบาทของผู้ปกครองและชุมชน 1. มีส่วนร่วมในการวางแผนการจัดกิจกรรม และอาสาร่วมกิจกรรมต่างๆ ของสถานศึกษา และชุมชน 2. ยอมรับในศักยภาพของผู้เรียน ให้โอกาสให้ผู้เรียนได้ส�ำรวจตนเองเพื่อประกอบการตัดสิน ใจในการเลือกแผนการเรียน การศึกษาต่อ และประกอบอาชีพอาชีพ 3. ดูแล เอาใจใส่ผู้เรียน และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา ป้องกัน และแก้ไขปัญหา ของผู้เรียน 4. เป็นที่ปรึกษาหรือแนะแนวทางการด�ำเนินชีวิตที่ดีงามให้แก่ผู้เรียน 5. ร่วมมือกับสถานศึกษาเพื่อติดตามประเมินผลพัฒนาและการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียน
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 51 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น การสมัครเรียนรักษาดินแดน ตามระเบียบกรมรักษาดินแดน ว่าด้วยการเปิด-ปิดสถานศึกษา และสมัครเข้ารับฝึกวิชาทหาร พ.ศ.2528 ข้อ 11 ต้องมีคุณลักษณะและคุณสมบัติ ดังนี้ คุณลักษณะ 1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย 2. มีอายุไม่เกิน 22 ปีบริบูรณ์ นับตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารส�ำหรับผู้ที่ยังไม่ บรรลุนิติภาวะ ต้องได้รับความยินยอมของบิดามารดา หรือผู้ปกครอง 3. ไม่พิการ ทุพพลภาพ หรือมีโรคซึ่งไม่สามารถรับราชการทหารได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการ รับราชการทหาร 4. ไม่เป็นบุคคลซึ่งไม่มีคุณวุฒิที่จะเป็นทหารได้เฉพาะบางท้องที่ ตามกฎหมายที่ออกตามความ ในมาตรา 13 (3) แห่ง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 5. มีขนาดรอบตัว นํ้าหนัก และความสูงตามเกณฑ์ก�ำหนด 6. ต้องมีความประพฤติเรียบร้อย 7. ไม่เป็นทหารประจ�ำการ กองประจ�ำการ หรือถูกก�ำหนดตัวเข้ากองประจ�ำการแล้ว คุณสมบัติ 1. ก�ำลังศึกษาอยู่ในสถานที่กรมการรักษาดินแดนเปิดท�ำการฝึกวิชาทหารแล้ว 2. ส�ำเร็จการศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบได้กับผู้ส�ำเร็จวิชาการศึกษา ตั้งแต่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขึ้นไป ได้ระดับคะแนนไม่น้อยกว่าที่กองทัพบกก�ำหนด สิทธิการขอใช้สิทธิ์นักศึกษาวิชาทหาร 1. ผู้ส�ำเร็จฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 2 และชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายอาชีพหรือสายสามัญ ซึ่ง สอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการขึ้นไปด้วย เมื่อเข้ารับราาชการทหารกองประจ�ำการครบตาม ก�ำหนดแล้ว จะได้รับสิทธิ์แต่งตั้งยศเป็นสิบตรี 2. ผู้ส�ำเร็จฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 3 และส�ำเร็จวิชาชีพตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ วิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย ซึ่งมีหลักสูตรตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปด้วย เมื่อได้ขึ้นทะเบียนกองประจ�ำการและ ปลดเป็นกองหนุนแล้ว ได้รับสิทธิ์แต่งตั้งยศเป็นสิบโท และตามรายละเอียดของระเบียบกรมการรักษาดินแดน ว่าด้วยสิทธิ์และการขอใช้สิทธิ์นักศึกษา วิชาทหาร พ.ศ.2528 ตอนที่ 5 เรื่อง ขอแต่งตั้งยศผู้ส�ำเร็จการฝึกวิชาทหาร
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 52 วิชาลูกเสือ-เนตรนารี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ลูกเสือโลก หลักสูตรเครื่องหมายวิชาพิเศษ ให้นักเรียนสามารถที่ จะสอบเครื่องหมายวิชาพิเศษ ได้ดังต่อไปนี้ หรืออื่นๆ ตามสมควร 1. กิจกรรมของคณะลูกเสือแห่งชาติและลูกเสือโลก 2. ค�ำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ 3. ระเบียบแถว 4. การใช้ชีวิตกลางแจ้ง 5. การผูกเงื่อนและประโยชน์ของเงื่อน 6. การปฐมพยาบาล 7. ความปลอดภัยทั่วไป ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ลูกเสือชั้นพิเศษ หลักสูตรเครื่องหมายวิชาพิเศษ ให้นักเรียนสามารถที่ จะสอบเครื่องหมายวิชาพิเศษ ได้ดังต่อไปนี้ หรืออื่นๆ ตามสมควร 1. หน้าที่พลเมือง 2. สิ่งแวดล้อม 3. การเดินส�ำรวจ 4. สมรรถภาพทางกาย 5. การแสดงออกทางศิลปะ 6. อุดมคติ 7. นักอุตุนิยมวิทยา 8. การบริการ
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 53 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ลูกเสือหลวง หลักสูตรเครื่องหมายวิชาพิเศษ ให้นักเรียนสามารถที่ จะสอบเครื่องหมายวิชาพิเศษ ได้ดังต่อไปนี้ หรืออื่นๆ ตามสมควร 1. นักผจญภัย 2. นักดาราศาสตร์ 3. ผู้จัดการค่ายพักแรม 4. นักเดินทางไกล 5. หัวหน้าคนครัว 6. นักบุกเบิก 7. นักธรรมชาติวิทยา 8. นักสะกดรอย 9. นักดนตรี 10. นักกีฬา เกณฑ์การผ่านรายวิชา 1. ต้องแต่งกายชุดลูกเสือ-เนตรนารีถูกต้องครบทุกชั่วโมง 2. ต้องเข้าเรียนครบ 80% ของเวลาเรียนทั้งหมด 3. ต้องสอบผ่าน 50% ของทุกรายวิชา 4. ต้องเข้าร่วมกิจกรรมวันส�ำคัญที่ทางโรงเรียนจัดหรือขอร้องให้เข้าร่วมทุกกิจกรรม 5. กรณีแต่งกายไม่เรียบร้อยเกิน 6 ครั้ง หรือขาดเรียนเกิน 6 ครั้ง (3/3) โรงเรียนจะเชิญผู้ ปกครองมาพบครูผู้สอน เพื่อรับทราบและให้นักเรียนเรียนซ่อมเสริมสิ่งที่ขาด 6. ต้องผ่านการฝึกอบรมวิชาพิเศษ ไม่ตํ่ากว่า 13 วิชา และผ่านวิชานักการเดินทางไกลอยู่ค่าย พักแรม อย่างน้อย 3 วัน 2 คืน เครื่องหมายสายยงยศลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ในภาคเรียนที่ 2 ของปีที่ 3 (ชั้น ม.3) ลูกเสืออาจได้รับสายยงยศได้ โดยจะต้อง 1. สอบได้เครื่องหมายลูกเสือโลก 2. สอบได้วิชาพิเศษ “นักผจญภัย” 3. สอบได้วิชาพิเศษวิชาต่อไปนี้อีก 2 วิชา คือ นักดาราศาสตร์, นักอุตุนิยมวิทยา,ผู้จัดการค่าย พักแรม, ผู้พิทักษ์ป่า, นักเดินทางไกล,หัวหน้าคนครัว,นักบุกเบิก,นักสะกดรอย,นักธรรมชาติวิทยา 4. ต้องถักสายยงยศ (สายหนัง) ได้ด้วยตัวเอง
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 54 กิจกรรมยุวกาชาด ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 กิจกรรมวิชาต่างๆ และจ�ำนวนคาบเวลาเรียน ล�ำดับที่ กิจกรรมบังคับ คาบเวลาเรียน ภาคเรียนที่ กิจกรรมพิเศษ 1 2 1 2 3 4 5 6 7 การกาชาด เคหพยาบาล บ�ำเพ็ญประโยชน์ ระเบียบแถว อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การผูกเงื่อนและประโยชน์ของเงื่อน การใช้ชีวิตกลางแจ้ง 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 1. ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2. ว่ายนํ้า 3. มารยาททางสังคม 4. พี่เลี้ยงเด็ก 5. วางแผนครอบครัว 6. ฝึกบริหารจิต 7. พัฒนาบุคลิกภาพ 8. ทักษะในครอบครัว 9. ผจญภัย 10. บุกเบิก 11. การอยู่ค่าย 12. เดินทางไกล ในการเรียนกิจกรรมยุวกาชาด สมาชิกยุวกาชาดต้องเรียนกิจกรรมบังคับให้ครบตามที่ก�ำหนด ไว้ในแต่ละระดับชั้น จึงจะถือว่าผ่านกิจกรรมและสมาชิกยุวกาชาดอาจจะเลือกเรียนกิจกรรมพิเศษเพิ่ม เติม เพื่อให้ได้รับเครื่องหมายคุณวุฒิอีกก็ได้ ตามความเหมาะสมระดับชั้นละไม่เกิน 3 กิจกรรม ส�ำหรับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สามารถเรียนกิจกรรมพิเศษที่เหลือได้ทั้งหมด
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 55 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ระเบียบโรงเรียนสีชมพูศึกษา ว่าด้วยการวัดและประเมินผล ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสีชมพูศึกษา พุทธศักราช 2553 (ปรับปรุง พ.ศ.2564) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ตามที่โรงเรียนสีชมพูศึกษา ได้ประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสีชมพูศึกษา พุทธศักราช 2553 (ปรับปรุง พ.ศ.2564) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ตามค�ำสั่งกระทรวง ศึกษาธิการ ที่ สพฐ 293/2551 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551เรื่องให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จึงเป็นการสมควรที่จะก�ำหนดระเบียบโรงเรียนสีชมพูศึกษา ว่าด้วยการวัดและ ประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อให้สามารถด�ำเนิน การได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับค�ำสั่งดังกล่าว ฉะนั้น อาศัยอ�ำนาจตามความในข้อ 39 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวง ศึกษาธิการ พ.ศ.2546 และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถาน ศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนสีชมพูศึกษา ว่าด้วยการวัดและประเมินผลตามหลักสูตร สถานศึกษาโรงเรียนสีชมพูศึกษา พุทธศักราช 2553 (ปรับปรุง พ.ศ.2564) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบ ข้อบังคับที่ขัดแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ 4 ระเบียบนี้ให้ใช้ควบคู่กับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสีชมพูศึกษา พุทธศักราช 2553 (ปรับปรุง พ.ศ.2564) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ข้อ 5 ให้ผู้บริหารสถานศึกษาสถานศึกษารักษาให้เป็นไปตามระเบียบนี้
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 56 หมวดที่ 1 หลักการด�ำเนินการวัดและประเมินผลการเรียน ข้อ 6 การประเมินผลการเรียนให้เป็นไปตามหลักการต่อไปนี้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่างๆ ของผู้เรียนตาม มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดของหลักสูตร น�ำผลไปปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรียนรู้และใช้เป็นข้อมูลส�ำหรับ การตัดสินผลการเรียน สถานศึกษาต้องมีกระบวนการจัดการที่เป็นระบบ เพื่อให้การด�ำเนินการ วัดและประเมิน ผลการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ ผลการประเมินตรงตามสภาพความรู้ ความสามารถที่แท้ จริงของผู้เรียน ถูกต้องตามหลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ รวมทั้งสามารถรองรับการประเมินภายใน และการประเมินภายนอกตามระบบประกันคุณภาพการศึกษาได้ สถานศึกษาจึงควรก�ำหนดหลักการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ของสถาน ศึกษาดังนี้ 6.1 สถานศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายที่ เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม 6.2 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ก�ำหนดในหลักสูตรและจัดให้มีการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตลอดจนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 6.3 การประเมินผู้เรียนพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรม การเรียนรู้ การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอน ตามความเหมาะสมของ แต่ละระดับและรูปแบบการศึกษา 6.4 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอนต้อง ด�ำเนินการด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถวัดและประเมินผลผู้เรียนได้อย่างรอบด้านทั้งด้าน ความรู้ ความคิด กระบวนการ พฤติกรรมและเจตคติ เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัด ธรรมชาติวิชา และระดับ ชั้นของผู้เรียน โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานความเที่ยงตรง ยุติธรรม และเชื่อถือได้ 6.5 การประเมินผลการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน พัฒนาการจัดการเรียนรู้ และตัดสินผลการเรียน 6.6 เปิดโอกาสให้ผู้เรียนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบผลการประเมินผลการเรียนรู้ 6.7 ให้มีการเทียบโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษาและรูปแบบการศึกษาต่างๆ 6.8 ให้สถานศึกษาจัดท�ำเอกสารหลักฐานการศึกษา เพื่อเป็นหลักฐานการประเมินผลการเรียนรู้ รายงานผลการเรียน แสดงวุฒิการศึกษาและรับรองผลการเรียนของผู้เรียน
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 57 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น หมวดที่ 2 วิธีการและประเมินผลการเรียนรู้ ข้อ 7 สถานศึกษาต้องด�ำเนินการวัดและประเมินผลให้ครบองค์ประกอบทั้ง 4 ด้าน คือ กลุ่ม สาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์และกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ก�ำหนดจุดหมาย สมรรถนะส�ำคัญของผู้ เรียน และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาการเรียนให้เป็นคนดี มีปัญญามี คุณภาพชีวิตที่ดีและมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก ก�ำหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามมาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่ก�ำหนดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่ม สาระ มีความสามารถด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์และเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และการวัดและประเมินผลการเรียน รู้มีองค์ประกอบต่างๆ ดังแผนภาพที่ 2.1 คุณภาพผู้เรียน มาตรา/ตัวชี้วัดการเรียนรู้ ใน 8 กลุ่มสาระ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน แผนภาพที่ 2.1 แสดงองค์ประกอบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 7.1 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามรายกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ผู้สอนท�ำาการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นรายวิชาตามตัวชี้วัดที่ก�ำหนดใน หน่วยการ เรียนรู้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย โดยครูผู้สอนก�ำหนดอัตราส่วนคะแนนรายตัวชี้วัดหรือผลการเรียนรู้ คะแนน สอบปลายภาค ให้นักเรียนทราบอย่างชัดเจน โดยรายวิชาในกลุ่มสาระ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี คณิตศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษาฯ และภาษาต่างประเทศ เป็น 70:30 ส่วนกลุ่มสาระศิลปะ การงานอาชีพและกลุ่มสาระ สุขศึกษาและพลศึกษา ให้ก�ำหนดอัตราส่วนคะแนนเป็น 80:20 โดยท�ำการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ไปพร้อม กับการจัดการเรียนกรสอน ได้แก่ การสังเกตพัฒนาการและความประพฤติของผู้เรียน การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบ ซึ่งผู้สอนต้องน�ำนวัตกรรมการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่หลากหลาย
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 58 เช่น การประเมินสภาพจริง การประเมิน การปฏิบัติงาน การประเมินจากโครงงาน และการะประเมินจากแฟ้ม สะสมงาน ไปใช้ในการประเมินผล การเรียนรู้ควบคู่ไปกับการใช้แบบทดสอบแบบต่างๆ และต้องให้ความส�ำคัญ กับการประเมินระหว่างปี/ภาค มากกว่าการประเมินปลายปี/ภาค ดังแผนภาพที่ 2.2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาฯ วัดและประเมินการเรียนรู้ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย บูรณาการในการเรียนการสอน แผนภาพที่ 2.2 แสดงองค์ประกอบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ 7.2 การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน เป็นการประเมินศักยภาพของผู้เรียนในการอ่าน การฟัง การดูและรับรู้ จากหนังสือ เอกสารและสื่อต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง แล้วน�ำมาคิดวิเคราะห์เนื้อหาสาระที่น�ำไปสู่ การแสดงความคิดเห็น การสังเคราะห์สร้างสรรค์ในเรื่องต่างๆ และถ่ายทอดความคิดนั้นด้วยการเขียนซึ่งสะท้อน ถึงสติปัญญา ความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาและสร้างสรรค์จินตนาการอย่าง เหมาะสมและมีคุณค่าแก่ตนเอง สังคมและประเทศชาติ พร้อมด้วยประสบการณ์ และทักษะในการเขียนที่มี ส�ำนวนภาษาถูกต้อง มีเหตุผลและล�ำดับขั้นตอนในการน�ำเสนอ สามารถสร้างความเข้าใจแก่ผู้อ่านได้อย่าง ชัดเจนตามระดับความสามารถในแต่ละระดับชั้น การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ให้ครูประจ�ำวิชา ด�ำเนินการวัดผลตามเกณฑ์ที่ก�ำหนด และสรุปผลเป็นรายปี/รายภาค เพื่อวินิจฉัยและใช้เป็นข้อมูลเพื่อประเมิน การเลื่อน ชั้นเรียนและการจบการศึกษาระดับต่างๆ
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 59 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง ดังแผนภาพที่ 2.3 หนังสือ เอกสาร วิทยุ โทรทัศน์ สื่อต่างๆ ฯลฯ แล้วสรุปเป็นความรู้ ความเข้าใจของตนเอง วิเคราะห์ สังเคราะห์ หาเหตุผล แก้ปัญหา และสร้างสรรค์ ถ่ายทอดความรู้ ความคิด สื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจ อ่าน (รับสาร) คิดวิเคราะห์ เขียน (สื่อสาร) 7.3 การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 และตามที่สถานศึกษาก�ำหนดเพิ่มเติม ให้ครูผู้สอนด�ำเนินการวัดผลไปพร้อมกับการประเมินผลระดับ ชั้นเรียนตามเกณฑ์ที่ก�ำหนด เป็นการประเมินรายคุณลักษณะแล้วรวบรวมผลการประเมินจากผู้ประเมินทุก ฝ่ายน�ำมาพิจารณาสรุปผลเป็นรายปี/รายภาค เพื่อใช้เป็นข้อมูลประเมิน การเลื่อนชั้นเรียนและการจบการ ศึกษาระดับต่างๆ ดังแผนภาพที่ 2.3 คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ มีจิตสาธารณะ ซื่อสัตย์ สุจริต รักความเป็นไทย มีวินัย มุ่งมั่นในการ ท�ำงาน อยู่อย่างพอเพียง ใฝ่เรียนรู้ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แผนภาพที่ 2.3 แสดงองค์ประกอบการวัดและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 60 7.4 การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้ประเมินเป็นรายปีโดยสถานศึกษาเป็นผู้ก�ำหนดแนวทางการ ประเมิน ผู้รับผิดชอบกิจกรรมด�ำเนินการประเมินตามจุดประสงค์ และเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรมตามเกณฑ์ ที่ก�ำหนดไว้ในแต่ละกิจกรรมและใช้เป็นข้อมูลประเมินการเลื่อน ชั้นเรียนและการจบการศึกษาระดับต่างๆ ดัง แผนภาพที่ 2.4 กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมนักเรียน - ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บ�ำเพ็ญประโยชน์และ นักศึกษาวิชาทหาร - ชุมนุม/ชมรม แผนภาพที่ 2.4 แสดงการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หมวดที่ 3 เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ข้อ 8 การตัดสินผลการเรียน ระดับมัธยมศึกษา การตัดสินผลการเรียนในระดับมัธยมศึกษามีการตัดสินในหลายลักษณะคือ การผ่านรายวิชาก�ำหนด เป็นภาคเรียน การเลื่อนชั้นปีก�ำหนดเป็นปีการศึกษาและการจบระดับชั้นก�ำหนดเป็นระดับมัธยมศึกษาตอน ต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลักเกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เพื่อตัดสินผลการเรียนของผู้ เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีดังนี้ 8.1 ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมดในรายวิชานั้นๆ 8.2 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัดโดยมีผลการประเมินอยู่ในระดับผ่าน (มีผลการเรียน ไม่น้อยกว่า “1”)
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 61 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น 8.3 ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชาโดยมีผลการประเมิน ไม่น้อยกว่า “1” 8.4 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยมีผลการประเมินอยู่ในระดับ ผ่าน “ผ” การพิจารณาเลื่อนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงบางตัวชี้วัด ซึ่งสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถ พัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ก็ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะผ่อนผันให้เลื่อนชั้นได้ ข้อ 9 การให้ระดับผลการเรียน 9.1 การตัดสินผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้ใช้ระบบตัวเลขแสดงระดับผลการ เรียนเป็น 8 ระดับในการตัดสิน รายวิชาที่จะนับหน่วยการเรียนได้จะต้องได้ระดับผลการเรียนตั้งแต่ 1 ขึ้นไป โดยมีแนวการให้ระดับผลการเรียนดังนี้ คะแนนร้อยละ ระดับผลการเรียน ความหมายของผลการประเมิน 80-100 4 ดีเยี่ยม 75-79 3.5 ดีมาก 70-74 3 ดี 65-69 2.5 ค่อนข้างดี 60-64 2 ปานกลาง 55-59 1.5 พอใช้ 50-54 1 ผ่านเกณฑ์ขั้นตํ่า 0-49 0 ตํ่ากว่าเกณฑ์ ในกรณีที่ไม่สามารถให้ผลการเรียนเป็น 8 ระดับได้ให้ใช้ตัวอักษรระบุเงื่อนไขของผลการเรียนดังนี้ “มส” หมายถึง ผู้เรียนไม่มีสิทธิเข้ารับการประเมินผลปลายภาคเรียน โดยผู้เรียนที่มีเวลาเรียนไม่ถึง ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนในแต่ละรายวิชาและไม่ได้การผ่อนผันให้เข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน “ร” หมายถึง รอการตัดสินและยังตัดสินไม่ได้ โดยผู้เรียนไม่มีข้อมูลผลการเรียนรายวิชานั้นครบถ้วน เช่น ไม่ได้วัดผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไม่ได้ส่งงานที่มอบหมายให้ท�ำซึ่งงานนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการ ตัดสินผลการเรียน หรือมีเหตุสุดวิสัยที่ท�ำให้ประเมินผลการเรียนไม่ได้
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 62 9.2 เกณฑ์ การประเมินอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ถือเป็นความสามารถหลักที่ส�ำคัญซึ่งจ�ำเป็นต้องปลูกฝังและพัฒนา ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนด้วยกระบวนการจัดการศึกษาตามหลักสูตรในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ขณะเดียวกันก็จ�ำเป็น ต้องตรวจสอบว่า ความสามารถดังกล่าวเกิดขึ้นแล้วหรือยัง เนื่องจากการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านคิด วิเคราะห์ และเขียน ผู้เรียนจะได้รับพัฒนาตามล�ำดับอย่างต่อเนื่อง ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระ การเรียนรู้ หรือกิจกรรมต่างๆ กระบวนการตรวจสอบความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นทั้งความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติ จะด�ำเนินการไปด้วยกันในกระบวนการ หลักการประเมินอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน 1. เป็นการประเมินเพื่อการปรับปรุงพัฒนาผู้เรียนและประเมินเพื่อการตัดสินการเลื่อนชั้นและจบ การศึกษาระดับต่างๆ 2. ใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสได้แสดงออกซึ่งความสามารถดังกล่าวอย่าง เต็มศักยภาพและท�ำให้ผลการประเมินที่ได้มีความเชื่อมั่น 3. การก�ำหนดภาระงานให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติ ควรสอดคล้องกับขอบเขตและประเด็นการประเมินที่ ก�ำหนด 4. ใช้รูปแบบ วิธีการประเมินและเกณฑ์การประเมินที่ได้จากการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง 5. การสรุปผลการประเมินเพื่อรายงาน เน้นการรายงานคุณภาพของสามารถในการอ่านคิดวิเคราะห์ และเขียน เป็น 4 ระดับ คือ ดีเยี่ยม ดี ผ่าน และไม่ผ่าน ขอบเขตการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 การอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกสที่ให้ข้อมูลสารสนเทศ ข้อคิด ความรู้เกี่ยวกับสังคมและ สิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้ผู้อ่านน�ำไปคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ สรุปแนวคิด คุณค่าที่ได้ น�ำไปประยุกต์ใช้ ด้วยวิจารณญาณ และถ่ายทอดเป็นข้อเขียนสร้างสรรค์หรือรายงานด้วยภาษาที่ถูกต้องเหมาะสม เช่นอ่านหนังสือพิมพ์ วารสาร หนังสือเรียน บทความ สุนทรพจน์ ค�ำแนะน�ำ ค�ำเตือน แผนภูมิ ตาราง แผนที่ ตัวชี้วัดความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 1. สามารถคัดสรรสื่อที่ต้องการอ่านเพื่อหาข้อมูลสารสนเทศได้ตามวัตถุประสงค์ สามารถสร้างความ เข้าใจและประยุกต์ใช้ความรู้จากการอ่าน 2. สามารถจับประเด็นส�ำคัญและประเด็นสนับสนุน โต้แย้ง 3. สามารถวิเคราะห์ วิจารณ์ ความสมเหตุสมผล ความน่าเชื่อถือ ล�ำดับความและความเป็นไปได้ ของเรื่องที่อ่าน 4. สามารถสรุปคุณค่า แนวคิด แง่คิดที่ได้จากการอ่าน 5. สามารถสรุป อภิปราย ขยายความ แสดงความคิดเห็น โตแย้ง สนับสนุน โน้มน้าว โดยการเขียน สื่อสารในรูปแบบต่างๆ เช่น ผังความคิดเป็นต้น
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 63 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ขอบเขตการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 การอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ข้อมูลสารสนเทศ ความรู้ ประสบการณ์ แนวคิด ทฤษฎี รวมทั้งความงดงามทางภาษาที่เอื้อให้ผู้อ่านวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น โต้แย้ง หรือ สนับสนุน ท�ำนาย คาดการณ์ ตลอดจนประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจ แก้ปัญหา และถ่ายทอดเป็นข้อเขียน เชิง สร้างสรรค์ รายงาน บทความทางวิชาการอย่างถูกต้องตามหลักวิชา เช่นอ่านบทความวิชาการ วรรณกรรม ประเภทต่างๆ ขอบเขตการประเมิน การอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ข้อมูลสารสนเทศ ความรู้ ประสบการณ์ แนวคิด ทฤษฎี รวมทั้งความงดงามทางภาษาที่เอื้อให้ผู้อ่านวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น โต้แย้งหรือ สนับสนุน ท�ำนาย คาดการณ์ ตลอดจนประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจ แก้ปัญหา และถ่ายทอดเป็นข้อคิดเชิง สร้างสรรค์ รายงาน บทความทางวิชาการอย่างถูกต้องตามหลักวิชา เช่น อ่านบทความวิชาการ วรรณกรรม ประเภทต่างๆ ตัวชี้วัดความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน 1. สามารถอ่านเพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มพูนความรู้ประสบการณ์และการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำวัน 2. สามารถจับประเด็นส�ำคัญ ล�ำดับเหตุการณ์จากการอ่านสื่อที่มีความซับซ้อน 3. สามารถวิเคราะห์สิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารกับผู้อ่าน และสามารถวิพากษ์ ให้ข้อเสนอแนะในแง่ มุมต่างๆ 4. สามารถประเมินความน่าเชื่อถือ คุณค่า แนวคิดที่ได้จากสื่งที่อ่านอย่างหลากหลาย 5. สามารถเขียนแสดงความคิดเห็น โต้แย้ง สรุป โดยมีข้อมูลอธิบายสนับสนุนอย่างเพียงพอ ตัวชี้วัดความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 1. สามารถอ่านเพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ และการประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจ�ำวัน 2. สามารถจับประเด็นส�ำคัญ ล�ำดับเหตุการณ์จากการอ่านสื่อที่มีความซับซ้อน 3. สามารถวิเคราะห์สิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารกับผู้อ่าน และสามารถวิพากษ์ ให้ข้อแนะในแง่มุม ต่างๆ
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 64 4. สามารถประเมินความเชื่อถือ คุณค่า แนวคิดที่ได้จากสิ่งที่อ่านอย่างหลากหลาย 5. สามารถเขียนแสดงความคิดเห็น โต้แย้ง สรุป โดยมีข้อมูลอธิบายสนับสนุนอย่างเพียงพอและสม เหตุสมผล การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ควรประเมินในห้องเรียนตามปกติเป็นดีที่สุด หรือใช้ เวลานอกห้องเรียนจากการมอบหมายให้ผู้เรียนท�ำงานกลุ่มที่สะท้อนความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนเป็นพิเศษ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการประเมินเป็นครั้งๆ แล้วน�ำผลมาสรุปรวม โดยควร แบ่งระยะเวลาสรุปเป็นช่วงๆ ทั้งนี้ คณะกรรมการประเมินควรร่วมกันพิจารณาเพื่อมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้ไปสู่ตัว ชี้วัดความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 65 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เกณฑ์การตัดสินคุณภาพการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน การประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนของผู้เรียนเพื่อเลื่อนชั้นและจบการ ศึกษาแต่ละระดับการศึกษา ตามเกณฑ์ที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และสถาน ศึกษาก�ำหนด การตัดสินผลการประเมินเพื่อเลื่อนชั้นใช้ผลการประเมินปลายปี ส่วนการตัดสินการจบระดับ การศึกษาใช้ผลการประเมินปลายปีสุดท้ายของระดับการศึกษาประเมินความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ก�ำหนดเกณฑ์การตัดสินคุณภาพการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนเป็น 4 ระดับ คือ ดีเยี่ยม ดี ผ่าน ไม่ผ่าน ดีเยี่ยม หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนที่มี คุณภาพดีเลิศอยู่เสมอ ระดับคุณภาพ = 3 ดี หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนที่มี คุณภาพเป็นที่ยอมรับ ระดับคุณภาพ = 2 ผ่าน หมายถึง มีผลงานมีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนที่มี ข้อบกพร่องบางประการ ระดับคุณภาพ = 1 ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน หรือถ้ามีผลงาน ผลงานนั้นยังมีข้อบกพร่องที่ต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข หลายประการ ระดับคุณภาพ = 0 การประเมิณการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน สรุปการประเมิน ดีเยี่ยม ดี ผ่าน ตัดสิน ปรับปรุง แต่งตั้งคณะกรรมการการพัฒนาและประเมินความสามารถ ในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ของสถานศึกษา ศึกษานิยามหรือความหมายของความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ก�ำหนดขอบเขตและตัวชี้วัดแต่ละระดับการศึกษา ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันศึกษาหลักการประเมิน และพิจารณาก�ำหนด รูปแบบวิธีการพัฒนาและประเมิน ก�ำหนดแนวทางการพัฒนาและประเมินให้สอดคล้องกับขอบเขต และตัวชี้วัด ด�ำเนินการพัฒนา ประเมิน และปรับปรุงแก้ไข ตามรูปแบบและวิธีการที่ก�ำหนดอย่างต่อเนื่อง บันทึกผลการประเมิน รายงานผลการประเมินต่อผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 66 แนวทางการแก้ไขผู้เรียนกรณีไม่ผ่านเกณฑ์ ในกรณีที่ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน อยู่ในระดับไม่ผ่านครูผู้สอนและ คณะกรรมการประเมินควรเร่งด�ำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้เรียนมีความก้าวหน้าในตัวชี้ วัดที่มีจุดบกพร่อง สมควรได้รับการแก้ไขในระยะเวลาพอสมควรที่ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ และสร้างผลงานที่ สะท้อนความสามารถในตัวชี้วัดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขได้อย่างแท้จริงด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น มอบหมาย ให้ผู้เรียนได้อ่าน ได้คิดวิเคราะห์จากเรื่องที่อ่าน และสามารถสื่อสารสาระส�ำคัญจากเรื่องที่อ่านโดยการเขียน อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วน�ำผลงานไปเทียบกับแนวการให้คะแนนและเกณฑ์การตัดสินที่สถานศึกษาก�ำหนด ตั้งแต่ระดับ ดีเยี่ยม ดี และ ผ่าน 9.3 การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรอิงมาตรฐานซึ่งก�ำหนดสิ่ง ที่ผู้เรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดซึ่งจะประกอบด้วยความรู้ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์ เมื่อผู้เรียนได้รับการพัฒนาไปแล้ว นอกจากจะมีความรู้ความสามารถ ตลอดจนคุณธรรม จริยธรรมที่ก�ำหนดไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดแล้ว จะน�ำไปสู่การมีสมรรถนะ ส�ำคัญ 5 ประการ และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มี วินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการท�ำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะและโรงเรียนสีชมพูศึกษา ได้เพิ่มอัตลักษณ์ของโรงเรียน คือ นักเรียนมีสัมมาคารวะ ยิ้มไว้ ทักทายเป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตัวที่ 9 การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ต้องใช้ข้อมูลจากการสังเกตพฤติกรรม ซึ่งโรงเรียนสีชมพูได้เลือกวิธีการ ประเมินโดยให้ครูผู้สอนประจ�ำวิชาเป็นผู้ประเมินทุกคุณลักษณะแล้วส่งผลการประเมินที่งานวัดผลซึ่งจะด�ำเนิน การประมวลผลของนักเรียนทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งใช้เวลาในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมเพื่อน�ำมาประเมินและ ตัดสิน โดยมีเกณฑ์ในการประเมินดังนี้ ดีเยี่ยม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัยและน�ำไปใช้ในชีวิต ประจ�ำวัน เพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผล การประเมินระดับดีเยี่ยม จ�ำนวน 5-9 คุณลักษณะและไม่มีคุณลักษณะ ใดได้ผลการประเมินตํ่ากว่า ระดับดี ดี หมายถึง ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของ สังคมโดยพิจารณาจาก 1. ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จ�ำนวน 1-4 คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินตํ่ากว่าระดับดี หรือ 2. ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จ�ำนวน 4 คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินตํ่ากว่าระดับผ่าน หรือ 3. ได้ผลการประเมินระดับดี จ�ำนวน 5-9 คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินตํ่ากว่าระดับผ่าน ระดับคุณภาพ 3 ระดับคุณภาพ 2
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 67 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนรู้และปฏิบัติตามกฏเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศึกษาก�ำหนดโดย พิจารณาจาก 1. ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จ�ำนวน 5-9 คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินตํ่ากว่าระดับผ่าน หรือ 2. ได้ผลการประเมินระดับดี จ�ำนวน 4 คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินตํ่ากว่าระดับผ่าน ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก�ำหนด โดย พิจารณา จากผลการประเมินระดับ ไม่ผ่าน ตั้งแต่ 1 คุณลักษณะ กรณีที่ผู้เรียนไม่ผ่านเกณฑ์คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ให้ผู้ที่รับผิดชอบด�ำเนินการปรับปรุง พัฒนา และประเมินตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำหนด 9.4 การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่ สถานศึกษาก�ำหนดและให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผ่าน และไม่ผ่าน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มี 3 ลักษณะ คือ 1. กิจกรรมแนะแนว 2. กิจกรรมนักเรียน ประกอบด้วย (1) กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บ�ำเพ็ญประโยชน์ และนักศึกษาวิชาทหารโดยผู้ เรียนเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง จ�ำนวน 1 กิจกรรม (2) กิจกรรมชุมนุม หรือ ชมรมอีก 1 กิจกรรม 3. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ให้ใช้ตัวอักษรแสดงผลการประเมินดังนี้ “ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงาน ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำหนด “มผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงาน ไม่เป็นไปตามที่สถานศึกษาก�ำหนด ในกรณีที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน ไม่ผ่าน “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริม ให้ผู้เรียนท�ำกิจกรรมใน ส่วนที่ผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ท�ำจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทั้งนี้ ต้องด�ำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนนั้นๆ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา พิจารณา ขยายเวลาออกไปอีกไม่เกิน 1 ภาคเรียน แต่ต้องด�ำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ระดับคุณภาพ 1 ระดับคุณภาพ 0
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 68 สมรรถนะด้าน รายการประเมิน 1. ความสามารถ ในการสื่อสาร 1.1 มีความสามารถในการรับ -ส่งสาร 1.2 มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิดความเข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใช้วิธีการสื่อสารที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ 1.4 เจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ได้ 1.5 เลือกรับและไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยเหตุผลและถูกต้อง 2. ความสามารถ ในการคิด 2.1 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ 2.2 มีทักษะในการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ 2.3 สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ 2.4 มีความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ 2.5 ตัดสินใจแก้ปัญหาเกี่ยวกับตนเองได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถ ในการแก้ปัญหา 3.1 สามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ 3.2 ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา 3.3 เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงในสังคม 3.4 แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา 3.5 สามารติดสินใจได้เหมาะสมตามวัย 4. ความสามารถ ในการใช้ทักษะ ชีวิต 4.1 เรียนรู้ด้วยตนเองได้เหมาะสมตามวัย 4.2 สามารถทำงานกลุ่มร่วมกับผู้อื่นได้ 4.3 นำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน 4.4 จัดการปัญหาและความขัดแย้งได้เหมาะสม 4.5 หลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเอง 5ความสามารถ 51เลือกและใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสมตามวัย
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 69 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ในการคด 2.2 มทกษะในการคดนอกกรอบอยางสรางสรรค 2.3 สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ 2.4 มีความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ 2.5 ตัดสินใจแก้ปัญหาเกี่ยวกับตนเองได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถ ในการแก้ปัญหา 3.1 สามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ 3.2 ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา 3.3 เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงในสังคม 3.4 แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา 3.5 สามารติดสินใจได้เหมาะสมตามวัย 4. ความสามารถ ในการใช้ทักษะ ชีวิต 4.1 เรียนรู้ด้วยตนเองได้เหมาะสมตามวัย 4.2 สามารถทำงานกลุ่มร่วมกับผู้อื่นได้ 4.3 นำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน 4.4 จัดการปัญหาและความขัดแย้งได้เหมาะสม 4.5 หลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเอง 5. ความสามารถ ในการใช้ เทคโนโลยี 5.1 เลือกและใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสมตามวัย 5.2 มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 5.3 สามารถนำเทคโนโลยีไปใช้พัฒนาตนเอง 5.4 ใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ 5.5 มีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี การประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน กำหนดเป็นผ่านและไม่ผ่านในการกำหนดเกณฑ์การ ตัดสินเป็นดีมาก ดี และพอใช้ และความหมายของแต่ละระดับ ดังนี้ ดีมาก หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตนตามสมรรถนะจนเป็นนิสัย และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อ ประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับดีมากจำนวน 3-5 สมรรถนะ และ ไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับดี ดี หมายถึง ผู้เรียนมีสมรรถนะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรับของสังคมโดย พิจารณาจาก 1) ได้ผลการประเมินระดับดีมาก จำนวน 1-2 สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการ ประเมินต่ำกว่าระดับดี หรือ การประเมินสมรรถนะส� ำคัญของผู้เรียน ก� ำหนดเป็นผ่านและไม่ผ่านในการก� ำหนดเกณฑ์การตัดสินเป็นดีมาก ดี และ พอใช้ และความหมายของแต่ละระดับ ดังนี้ ดีมาก หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตนตามสมรรถนะจนเป็นนิสัย และน� ำไปใช้ในชีวิตประจ� ำวันเพื่อประโยชน์สุขของ ตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับดีมากจ� ำนวน 3-5 สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการประเมินตํ่า กว่าระดับดี ดี หมายถึง ผู้เรียนมีสมรรถนะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรับของสังคมโดยพิจารณาจาก 1) ได้ผลการประเมินระดับดีมาก จ� ำนวน 1-2 สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการประเมินตํ่ากว่าระดับดี หรือ 2) ได้ผลการประเมินระดับดีมาก จ� ำนวน 2 สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการประเมินตํ่ากว่าระดับพอใช้ หรือ 3) ได้ผลการประเมินระดับดี จ� ำนวน 4-5 สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการประเมินตํ่ากว่าระดับพอใช้ พอใช้ หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศึกษาก� ำหนด โดยพิจารณาจาก 1) ได้ผลการประเมินระดับพอใช้ จ� ำนวน 4-5 สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการประเมินตํ่ากว่าระดับพอใช้ หรือ 2) ได้ผลการประเมินระดับดี จ� ำนวน 2 สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการประเมินตํ่ากว่าระดับพอใช้ ต้องปรับปรุง หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามเกณฑ์และเงื่อนไขที่ก� ำหนด โดยพิจารณาจากผลการประเมิน ระดับต้องปรับปรุง ตั้งแต่ 1 สมรรถนะ เกณฑ์การให้คะแนนระดับคุณภาพ ดีมาก - พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสมํ่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ดี - พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน พอใช้ - พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้ 1 คะแนน ต้องปรับปรุง - ไม่เคยปฏิบัติพฤติกรรม ให้ 0 คะแนน 2) ได้ผลการประเมินระดับดีมาก จำนวน 2 สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการ ประเมินต่ำกว่าระดับพอใช้ หรือ 3) ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน 4-5 สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการ ประเมินต่ำกว่าระดับพอใช้ พอใช้ หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศึกษากำหนด โดยพิจารณาจาก 1) ได้ผลการประเมินระดับพอใช้ จำนวน 4-5 สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่า ระดับพอใช้ หรือ 2) ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน 2 สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับ พอใช้ ต้องปรับปรุง หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยพิจารณา จากผลการประเมินระดับต้องปรับปรุง ตั้งแต่ 1 สมรรถนะ เกณฑ์การให้คะแนนระดับคุณภาพ ดีมาก - พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ดี - พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน พอใช้ - พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้ 1 คะแนน ต้องปรับปรุง - ไม่เคยปฏิบัติพฤติกรรม ให้ 0 คะแนน สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5 ด้าน ผลการประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5 ด้าน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1.ความสามารถในการสื่อสาร 2.ความสามารถในการคิด 3.ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 70 ข้อ 10 เลื่อนชั้น ผู้เรียนจะได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกภาคเรียนและได้รับการเลื่อนชั้นเมื่อสิ้นปีการศึกษาโดยมี คุณสมบัติตามเกณฑ์ ดังนี้ 1) ผู้เรียนมีเวลาเรียนตลอดปีการศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมด 2) ผู้เรียนมีผลการประเมินผ่านทุกรายวิชาพื้นฐาน 3) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินในระดับ “ผ่าน” ทั้งนี้ ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยและสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอน ซ่อมเสริมได้ให้อยู่ในดุลพิจของสถานศึกษาที่ผ่อนผันให้เลื่อนชั้นได้และรายวิชาใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับการแก้ไขในภาคเรียนถัดไป ข้อ 11 การสอนซ่อมเสริม การสอนซ่อมเสริม เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนรู้และเป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้มี เวลาเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพิ่มขึ้น จนสามารถบรรลุตามมาตราฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่ก�ำหนดไว้ การสอนซ่อมเสริม เป็นการสอนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามแผนจัดการเรียนรู้ปกติเพื่อแก้ไข ข้อบกพร่องของผู้เรียน โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายและค�ำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน การสอนซ่อมเสริมสามารถด�ำเนินการได้ในกรณีดังต่อไปนี้ 1) ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพื้นฐานไม่เพียงพอที่จะศึกษาในแต่ละรายวิชานั้น ควรจัดการสอนซ่อม เสริม ปรับความรู้/ทักษะพื้นฐาน 2) การประเมินระหว่างเรียน ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการ หรือเจตคติ/ คุณลักษณะที่ก�ำหนดไว้ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 3) ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์และ/หรือตํ่ากว่าเกณฑ์การประเมิน โดยผู้เรียนได้ระดับผลการเรียน “0” ต้องจัดการสอนซ่อมเสริมก่อนจะให้ผู้เรียนสอบแก้ตัว 4) ผู้เรียนมีผลการเรียนไม่ผ่าน สามารถจัดสอนซ่อมเสริมในภาคฤดูร้อน ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษา จากรายละเอียดต่างๆ ข้างต้น สรุปเป็นแผนภาพที่ 2.5 แสดงกระบวนการตัดสินและแก้ไขผลการ เรียนระดับมัธยมศึกษาดังต่อไปนี้ 5) เวลาเรียนตามหลักสูตร หน่วยกิต เวลาเรียน เวลาเรียน 80% เวลาเรียน 60% 2 80 ชม. 64 ชม. 48 ชม. 1.5 60 ชม. 48 ชม. 36 ชม. 1 40 ชม. 32 ชม. 24 ชม. 0.5 20 ชม. 16 ชม. 12 ชม.
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 71 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น แผนภาพที่ 2.5 แสดงกระบวนการตัดสินและแก้ไขผลการเรียนระดับมัธยมศึกษา
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 72 ข้อ 12 การเรียนซํ้าชั้น สถานศึกษาจะจัดให้ผู้เรียนเรียนซํ้าใน 2 กรณีดังนี้ กรณีที่ 1 เรียนซํ้ารายวิชา หากผู้เรียนได้รับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัว 2 ครั้งแล้วไม่ผ่านเกณฑ์ การประเมิน ให้เรียนซํ้ารายวิชานั้น ทั้งนี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัดให้เรียนซํ้าในช่วงใดช่วง หนึ่งที่สถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวัน วันหยุด ชั่วโมงว่างหลังเลิกเรียน ภาคฤดูร้อนเป็นต้น กรณีที่ 2 เรียนซํ้าชั้น มี 2 ลักษณะ คือ 1) ผู้เรียนมีระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นตํ่ากว่า 1.00 และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหา ต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น 2) ผู้เรียนมีผลการเรียน 0 , ร,มส เกินครึ่งหนึ่งของรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนใน ปีการศึกษานั้น ทั้งนี้ หากเกิดลักษณะใดลักษณะหนึ่ง หรือทั้ง 2 ลักษณะ ให้สถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณา หากเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรก็ให้ซํ้าชั้น โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและ ให้ใช้ผลการเรียนใหม่แทน หากพิจารณาแล้วไม่ต้องเรียนซํ้าชั้น ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ในการแก้ไขผลการเรียน ข้อ 13 เกณฑ์การจบ 13.1 การจบระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมโดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน พื้นฐาน 66 หน่วยกิต และรายวิชาเพิ่มเติมตามที่สถานศึกษาก�ำหนด 2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิต ตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 11 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้น ฐาน 66 หน่วยกิต และรายวิชาเพิ่มเติม ไม่น้อยกว่า 11 หน่วยกิต 3) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับคุณภาพ 1 ขึ้นไปทุก รายวิชาหรือมีผลการประเมินเป็น “ผ”ทุกวิชา 4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับคุณภาพ 1 ขึ้นไปทุกรายวิชา หรือมีผลการประเมิเป็น “ผ” ทุกรายวิชา 5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมดและ มีผลการประเมิน ผ่าานทั้ง 3 ลักษณะ 13.2 การจบการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย 1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมโดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 4 หน่วยกิต รายวิชา พื้นฐาน 41 หน่วยกิต และรายวิชาเพิ่มเติมตามสถานศึกษาก�ำหนด 2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยการเรียน ตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต รายวิชาพื้นฐาน 41 หน่วยกิต และรายวิชาเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิต 3) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับคุณภาพ 1 ขึ้นไปทุก รายวิชา หรือมีผลการประเมินเป็น “ผ” ทุกรายวิชา
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 73 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น 4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับคุณภาพ 1 ขึ้นไปทุกรายวิชา หรือมีผลการประเมินเป็น “ผ” ทุกรายวิชา 5) ผู้เข้าเรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมด และมีผลการประเมินผ่านทั้ง 3 ลักษณะ 13.3 ผลการเรียนที่มีเงื่อนไข ผลการเรียนที่มีเงื่อนไข ได้แก่ ไม่มีสิทธิ์เข้ารับการประเมินผลปลายภาคในรายวิชาและรอการตัดสิน ให้ใช้ตัวอักษรระบุเงื่อนไขแสดงผลการเรียน ประกอบด้วย 1) ตัวอักษรแสดงผลการเรียนแต่ละรายวิชาใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ “มส” หมายถึง ไม่มีสิทธิเข้ารับการประเมินผลการปลายภาคเรียน โดยผู้เรียนที่มีเวลา เรียงไม่ถึงร้อยละ 80 ของเวลาเรียนในแต่ละรายวิชาและไม่ได้รับการผ่อนผันให้เข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน “ร” หมายถึง รอการตัดสินและยังตัดสินไม่ได้ โดยผู้เรียนไม่มีข้อมูลผลการเรียนรายวิชา นั้นครบถ้วน เช่น ไม่ได้วัดผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไม่ได้ส่งงานที่มอบหมายให้ท�ำซึ่งงานนั้นเป็นส่วน หนึ่งของการตัดสินผลการเรียน 2) ตัวอักษรแสดงผลการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน “ผ” หมายถึง ผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำหนด “มผ” หมายถึง ไม่ผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำหนด 13.4 การเปลี่ยนผลการเรียน “0” สถานศึกษาจัดให้มีการสอนซ่อมเสริมในตัวชี้วัดที่ผู้เรียนสอบไม่ผ่านก่อน แล้วจึงสอบแก้ตัวให้และให้ สอบแก้ตัวได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ทั้งนี้ต้องด�ำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ถ้าผู้เรียนไม่ด�ำเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาที่ก�ำหนดไว้นี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่ พิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไม่เกิน 1 ภาคเรียน ถ้าสอบแก้ตัว 2 ครังแล้ว ยังได้ระดับผลการเรียน “0” อีก ให้สถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการด�ำเนิน การเกี่ยวกับการแก้ผลการเรียนของผู้เรียนโดยปฏิบัติดังนี้ 1) ให้เรียนซํ้ารายวิชาถ้าเป็นรายวิชาพื้นฐาน 2) ให้เรียนซํ้าหรือเปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติม โดยให้อยู่ในดุลยพินิจ ของสถานศึกษา ในกรณีที่เปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทนรายวิชาใด 13.5 การเปลี่ยนผลการเรียน “ร” การเปลี่ยนผลการเรียน “ร” เมื่อประเมินผลการเรียนไม่ได้ เช่น เจ็บป่วย เมื่อผู้เรียนได้เข้าสอบหรือส่งผลงานที่ติดค้างอยู่ เสร็จเรียบร้อย หรือแก้ปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว ให้ได้ระดับผลการเรียนตามปกติ (ตั้งแต่ 0 - 4)
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 74 การเปลี่ยนผลการเรียน “ร” ให้ด�ำเนินการแก้ไขตามสาเหตุให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ถ้าผู้ เรียนไม่มาด�ำเนินการแก้ “ร” ตามระยะเวลาที่ก�ำหนดไว้ให้เรียนซํ้ารายวิชา ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ใน ดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “ร”ออกไปอีกไม่เกิน 1 ภาคเรียนแต่เมื่อพ้นก�ำหนดนี้แล้วให้ ปฏิบัติดังนี้ (1) ให้เรียนซํ้ารายวิชา ถ้าเป็นรายวิชาพื้นฐาน (2) ให้เรียนซํ้าหรือเปลี่ยนรายวิชาใหม่ ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติม โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษา ในกรณีที่เปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียบแสดงผลการเรียนว่า เรียนแทนรายวิชาใด 13.6 การเปลี่ยนผลการเรียน “มส” การเปลี่ยนผลการเรียนเป็น “มส” มี 2 กรณีดังนี้ 1. กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ 80 แต่มีเวลาเรียนไม่ น้อยกว่าร้อยละ 60 ของเวลาเรียนทั้งหมด ให้สถานศึกษาจัดให้เรียนเพิ่มเติมโดยใช้ชั่วโมงสอนซ่อมเสริม หรือ เวลาว่าง หรือวันหยุด หรือมอบหมายงานที่ให้ท�ำ จนมีเวลาเรียนครบตามที่ก�ำหนดไว้ส�ำหรับรายวิชานั้นแล้ว จึงให้สอบเป็นกรณีพิเศษ ผลการสอบแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการเรียนไม่เกิน “1” การแก้ “มส” กรณีนี้ให้ กระท�ำให้เสร็จสิ้นในปีการศึกษานั้น ถ้าผู้เรียนไม่มาด�ำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาที่ก�ำหนดไว้นี้ให้เรียน ซํ้า ยกเว้น มีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไม่เกิน 1 ภาคเรียน แต่เมื่อพ้นก�ำหนดนี้แล้ว ให้ปฏิบัติดังนี้ (1) ให้เรียนซํ้ารายวิชา ถ้าเป็นรายวิชาพื้นฐาน (2) ให้เรียนซํ้าหรือเปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมโดยให้อยู่ในดุลยพินิจ ของสถานศึกษา 2. กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” และมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ 60 ของเวลาเรียน ทั้งหมด ให้สถานศึกษาจัดให้เรียนซํ้าในรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนรายวิชาใหม่ได้ส�ำหรับ รายวิชาเพิ่มเติมเท่านั้น ในกรณีที่เปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทนรายวิชา ในกรณีภาคเรียนที่ 2 หากผู้เรียนยังมีผลการเรียน “0” “ร” “มส” ให้ด�ำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อน เปิดเรียนปีการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพื่อแก้ไขผลการเรียนของผู้ เรียน ทั้งนี้โดยส�ำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา/ต้นสังกัดควรเป็นผู้พิจารณาประสานให้มีการด�ำเนินการเรียนใน ภาคฤดูร้อนเพื่อแก้ไขผลการเรียนของผู้เรียน
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 75 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น 13.7 การเปลี่ยนผลการเรียน “มผ” หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ก�ำหนดให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน 3 ลักษณะคือ 1)กิจกรรมแนะแนว 2)กิจกรรมนักเรียน ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด บ�ำเพ็ญประโยชน์หรือนักศึกษาวิชาทหาร โดยผู้เรียนเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง 1 กิจกรรมและเลือก เข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม หรือชมรมอีก 1 กิจกรรม และ 3)กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ในกรณีที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนท�ำกิจกรรมจนครบตาม เวลาที่ก�ำหนด หรือปฏิบัติกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณลักษณะที่ต้องปรับปรุง แก้ไข แล้วจึงเปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ทั้งนี้ด�ำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษา ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ดร.บุญจันทร์ มูลกัน ผู้อ�ำนวยการโรงเรียนสีชมพูศึกษา หมายเหตุ อ้างถึงค�ำสั่งคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ 922/2561 เรื่องปรับปรุงโครงสร้างเวลาเรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
นางกานต์ญาดา ขุนเดช รองผู้อ�ำนวยการโรงเรียน ฝ่ายบริหารงานทั่วไป
โครงสร้างบริหารงาน ฝ่ายบริหารงานทั่วไป โรงเรียนสีชมพูศึกษา ผู้อ�ำนวยการโรงเรียน รองผู้อ�ำนวยการ ฝ่ายบริหารงานทั่วไป หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป งานธุรการ งานรายงานผลการปฏิบัติงาน งานการเงินและบัญชี งานคณะกรรมการสถานศึกษา งานวางแผนการบริหารการศึกษา งานพัสดุ งานระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา งานบริหารงานบุคคล งานจัดระบบควบคุมภายใน งานพัฒนาระบบสารสนเทศ งานยานพาหนะ งานอื่นที่ได้รับมอบหมาย
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 78 ฝ่ายบริหารงานทั่วไป วัตถุประสงค์ของฝ่ายบริหารงานทั่วไป คือ มีการวางแผนแนวทางในการด�ำเนินงานที่ชัดเจน (แผนยุทธศาสตร์, พัฒนา) มีแผนงานที่สามารถ ปฏิบัติตามแผนได้ ไม่ตํ่ากว่า 85 % ระบบบริหารการเงิน บัญชี พัสดุ และสินทรัพย์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ชัดเจน ตรวจสอบได้ ข้อมูลทั่วไป ฝ่ายบริหารงานทั่วไป ตั้งอยู่อาคาร 3 โรงเรียนสีชมพูศึกษา ต�ำบลวังเพิ่ม อ�ำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น รหัสไปรษณีย์ 40220 โทรศัพท์ 043-339030 ต่อ 201 โทรสาร 043-339030 ต่อ 202 วิสัยทัศน์ฝ่ายบริหารทั่วไป มุ่งพัฒนาการเงิน งานบัญชี งานพัสดุ งานบุคลากร งานแผนงาน และสารสนเทศให้รวดเร็วทัน เหตุการณ์ มีประสิทธิภาพเป็นปัจจุบัน ถูกต้องตามระเบียบเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และตรงกับความ ต้องการของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ภาระงาน 1. งานวางแผนการบริหารการศึกษา 2. งานการเงินและบัญชี 3. งานพัสดุ 4. งานธุรการ 5. งานบริหารงานบุคคล 6. งานยานพาหนะ 7. งานพัฒนาระบบสารสนเทศ 8. งานคณะกรรมการสถานศึกษา 9. งานระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา 10. งานรายงานผลการปฏิบัติงาน 11. งานจัดระบบควบคุมภายใน 12. งานอื่นที่ได้รับมอบหมาย
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 79 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยรายได้และการจ่ายเงินของสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ น าเงินรายได้ของสถานศึกษาไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาในสถานศึกษาสังกัดองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๖ มาตรา ๗๔ (๙) และมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติ องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๖๗ (๙) มาตรา ๖๙ และมาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๕ มาตรา ๘๕ (๑๐) และมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติสภาต าบลและองค์การบริหารส่วนต าบล พ.ศ. ๒๕๓๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงออกระเบียบไว้ ดังนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยรายได้และการจ่ายเงิน ของสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการน าเงินรายได้ของ สถานศึกษาไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๑ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ค าสั่งหรือหนังสือสั่งการในส่วนที่มีก าหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การ บริหารส่วนต าบล “ผู้บริหารท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนต าบล “สถานศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ที่มีอ านาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา เช่น สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน “สถานศึกษาที่มีการจัดการศึกษาลักษณะพิเศษ” หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานซึ่งจัดการศึกษาในหลักสูตรพัฒนาผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศ เป็นหลักสูตรที่สถานศึกษาจัดท าขึ้น เพื่อพัฒนาผู้เรียนแต่ละบุคคลให้มีความเชี่ยวชาญตามความถนัดของตนโดยรายวิชาเพิ่มเติมมีลักษณะ ต่อเนื่องกันเป็นหลักสูตรหรือแผนการเรียนรู้ ได้แก่ หลักสูตรความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ หลักสูตร หนา ๑้ ่ เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 80 ความเป็นเลิศทางด้านดนตรี หลักสูตรความเป็นเลิศทางด้านกีฬา หลักสูตรความเป็นเลิศทางด้านศิลปะ หลักสูตรความเป็นเลิศทางด้านวิชาชีพ หรือด้านอื่น ซึ่งอาจจัดการศึกษาได้ทั้งในรูปแบบนักเรียนประจ า ตามหลักเกณฑ์ที่ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือสถาบันการพลศึกษา หรือสถาบัน ทางการศึกษาของรัฐที่เรียกชื่ออย่างอื่นก าหนด หรือแบบนักเรียนไปกลับ ตามความพร้อมขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น “หัวหน้าสถานศึกษา” หมายความว่า ผู้ด ารงต าแหน่งผู้อ านวยการสถานศึกษา หรือผู้ที่ได้รับ การแต่งตั้งจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้รับผิดชอบบริหารสถานศึกษา “หัวหน้าหน่วยงานคลัง” หมายความว่า ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้บริหารท้องถิ่นให้รับผิดชอบ เป็นหัวหน้าปฏิบัติงานเกี่ยวกับการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน หรือ งานเกี่ยวกับการเงินการบัญชี ตามที่ก าหนดไว้ในระเบียบนี้ “เจ้าหน้าที่การเงิน” หมายความว่า ข้าราชการส่วนท้องถิ่น หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น พนักงานครู หรือพนักงานส่วนท้องถิ่นที่ได้รับแต่งตั้งจากผู้บริหารท้องถิ่นให้มีหน้าที่หรือปฏิบัติงาน เกี่ยวกับการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน หรืองานเกี่ยวกับการเงินการบัญชี ของสถานศึกษา “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการ บริหารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หรือคณะกรรมการของสถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่น “แผนปฏิบัติการประจ าปี” หมายความว่า แผนพัฒนาการศึกษาของสถานศึกษาที่ใช้ปฏิบัติการ ประจ าปีงบประมาณนั้น ๆ “เงินรายได้สะสม” หมายความว่า รายได้ที่เป็นยอดผลต่างระหว่างเงินรายได้กับค่าใช้จ่ายของ สถานศึกษาประจ าปีงบประมาณนั้น ๆ รวมทั้งรายได้สะสมปีงบประมาณก่อน ๆ ด้วย “ค่าเรียน” หมายความว่า เงินที่เก็บเป็นค่าการศึกษานอกเหนือจากหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ข้อ ๕ ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอ านาจตีความวินิจฉัยปัญหา ก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเพื่อด าเนินการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ หมวด 1 รายได้ของสถานศึกษา ข้อ 6 เงินรายได้ของสถานศึกษา ประกอบด้วย (๑) เงินที่ได้จากการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งงบประมาณ ให้สถานศึกษา ดังรายการ ต่อไปนี้ (ก) เงินที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับจากการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปและ ตั้งงบประมาณให้สถานศึกษาเป็นค่าอาหารกลางวัน เงินรายหัวนักเรียน และเงินพัฒนาการจัดการศึกษา หนา ๒้ ่ เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 81 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น (ข) เงินที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งงบประมาณให้สถานศึกษาเป็นค่าอาหารกลางวัน เงินรายหัวนักเรียน เงินพัฒนาการจัดการศึกษา และเงินค่าใช้จ่ายอื่นที่ก าหนดไว้ตามระเบียบนี้ (๒) เงินที่มีผู้อุทิศให้แก่สถานศึกษา ทั้งนี้ หากเป็นการอุทิศให้แบบมีเงื่อนไขต้องได้รับ ความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน (๓) เงินที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานอื่น (4) เงินที่ได้จากการเรียกเก็บเป็นค่าบ ารุงการศึกษาหรือค่าเรียนนอกเหนือจากหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามแนวทางที่อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก าหนด (๕) เงินที่ได้จากการรับจ้าง การแสดง หรือกิจกรรม หรือจากการจ าหน่ายสิ่งของ (๖) เงินที่ได้จากทรัพย์สินของสถานศึกษา (๗) ดอกผลที่เกิดจากเงินรายได้สถานศึกษา (๘) รายได้อื่น ๆ ตามที่กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือตามที่กระทรวงมหาดไทย ก าหนดให้เป็นรายได้ของสถานศึกษา ในกรณีที่สถานศึกษามีรายได้ตาม (๕) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการแบ่งสัดส่วนของรายได้ดังกล่าวให้แก่ผู้เรียนที่เกี่ยวข้องได้ โดยผ่านความเห็นชอบ ของคณะกรรมการ ข้อ ๗ เงินค่าบ ารุงการศึกษา ตามข้อ ๖ (๔) จะเรียกเก็บได้เฉพาะในเรื่องที่สถานศึกษา จะพัฒนาการเรียนการสอนเสริมเพิ่มเติมนอกเหนือจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน การจัดประสบการณ์ และการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาหรือบริการอื่น เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและมาตรฐาน การศึกษาของผู้เรียนได้ตามอัตราที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น ซึ่งต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของ ผู้ปกครองและผู้เรียน โดยในการจัดเก็บให้ค านึงถึงผู้ปกครองที่มีฐานะยากจนและผู้ปกครองที่ไม่มีสิทธิ เบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรด้วย ทั้งนี้ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ข้อ ๘ ในกรณีที่มีเหตุพิเศษ คณะกรรมการอาจยกเว้นให้ผู้เรียนเป็นการเฉพาะราย ไม่ต้องช าระเงินบ ารุงการศึกษานอกเหนือจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ได้ หมวด ๒ รายจ่ายของสถานศึกษา ข้อ 9 รายจ่ายของสถานศึกษา ประกอบด้วย (1) ค่าใช้จ่ายตามรายการหรือวัตถุประสงค์ที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐ (2) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการศึกษาส าหรับผู้เรียนโดยตรงและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป ส าหรับสถานศึกษา ซึ่งมีรายการค่าใช้จ่ายเป็นไปตามแนวทางที่อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก าหนด (3) ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรการศึกษา (4) ค่าใช้จ่ายในการน าผู้เรียนไปทัศนศึกษา หนา ๓้ ่ เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 82 (๕) ค่าใช้จ่ายในการน าผู้เรียนไปร่วมกิจกรรม การแข่งขันกีฬา หรือการแข่งขันทักษะทางการศึกษา ภายในและต่างประเทศ (๖) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือการส่งบุคลากร ของสถานศึกษาไปเข้ารับการฝึกอบรม (๗) ค่าวัสดุหรือครุภัณฑ์ที่เป็นสื่อหรืออุปกรณ์ส าหรับใช้ในการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา (๘) ค่าวัสดุหรือครุภัณฑ์ส านักงานของสถานศึกษา (๙) ค่าจ้างเหมาบริการงานการสอน งานท าความสะอาด งานรักษาความปลอดภัย พาหนะ รับส่งนักเรียนตามความจ าเป็นที่ต้องจัดให้มี (1๐) ค่าสอนพิเศษและค่าสอนเกินภาระงานสอนในสถานศึกษาตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าสอนพิเศษและค่าสอนเกินภาระงานสอนในสถานศึกษาและสถาบันอุดมศึกษา (1๑) ค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษา แห่งชาติ ไม่เกินสองครั้งต่อภาคเรียน (1๒) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดหา ปรับปรุง ซ่อมแซม บ ารุงรักษาวัสดุหรือครุภัณฑ์ส านักงาน และอาคารสถานที่กรณีที่มีความจ าเป็นเร่งด่วน (1๓) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดหา ปรับปรุง ซ่อมแซมหรือพัฒนาสิ่งอ านวยความสะดวก สาธารณูปโภคหรือสาธารณูปการ (1๔) ค่าใช้จ่ายที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะสั่งการก าหนดให้เป็นรายจ่ายของสถานศึกษา ได้เฉพาะรายการที่กฎหมาย ระเบียบ หนังสือกระทรวงมหาดไทยก าหนดให้เป็นรายจ่ายขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้น (๑๕) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องตาม (๑) - (๑๔) หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่มีกฎหมาย ระเบียบ ค าสั่ง หรือหนังสือของกระทรวงมหาดไทยก าหนด รายจ่ายตาม (3) (4) (5) (6) (๗) และ (๘) ให้เป็นไปตามอัตราค่าใช้จ่ายตามระเบียบ กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมและการเข้ารับการฝึกอบรมของเจ้าหน้าที่ ท้องถิ่น ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หรือระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการจัดงาน การจัดการแข่งขันกีฬา และการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี รายจ่ายตาม (๕) ในกรณีการน าผู้เรียนไปร่วมกิจกรรม การแข่งขันกีฬา หรือการแข่งขัน ทักษะทางการศึกษาภายในประเทศ ให้เป็นอ านาจของผู้บริหารท้องถิ่น ส่วนกรณีการน าผู้เรียนไปร่วม กิจกรรมการแข่งขันกีฬา หรือการแข่งขันทักษะทางการศึกษาในต่างประเทศ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นนั้นต้องท าความตกลงกับปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นรายกรณีก่อนด าเนินการและให้อนุมัติ เฉพาะบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับภารกิจดังกล่าวโดยตรงเท่านั้น หนา ๔้ ่ เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 83 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น หมวด 3 การบริหารรายได้ รายจ่าย และการพัสดุของสถานศึกษา ข้อ 10 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวัน เงินรายหัวนักเรียน และเงินพัฒนาการจัดการศึกษา และเงินอื่นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สถานศึกษา ตามข้อ ๖ (๑) ให้ตั้งงบประมาณโดยตราเป็นข้อบัญญัติหรือเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ าปี หรืองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี ไว้ในงบด าเนินงาน หมวดค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ รายการค่าใช้สอย ประเภทรายจ่ายเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติราชการที่ไม่เข้าลักษณะรายจ่ายหมวดอื่น ๆ โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายการบริหารสถานศึกษา เว้นแต่กรณีที่มีการก าหนดให้งบประมาณรายการนั้น ไม่ต้องตราเป็นข้อบัญญัติหรือเทศบัญญัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือค าสั่ง เมื่อข้อบัญญัติหรือเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ าปีหรืองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ตามวรรคหนึ่งประกาศใช้แล้ว ให้เบิกจ่ายเพื่อโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของสถานศึกษา โดยค านึงถึง สถานะทางการเงินการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้อ ๑๑ เงินรายได้ที่สถานศึกษาได้รับให้ใช้จ่ายตามกิจการของสถานศึกษา ให้จัดท าเป็น โครงการหรือกิจกรรม บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการประจ าปีงบประมาณของสถานศึกษา โดยผ่านความ เห็นชอบของคณะกรรมการ และให้หัวหน้าสถานศึกษาประกาศใช้แผนปฏิบัติการประจ าปีงบประมาณ ของสถานศึกษา ข้อ 1๒ รายได้ของสถานศึกษาตามข้อ ๖ เมื่อสถานศึกษาใช้จ่ายเงินรายได้ของสถานศึกษา ประจ าปีงบประมาณแล้ว หากมีเงินเหลือจ่ายให้ตกเป็นเงินรายได้สะสมของสถานศึกษา เว้นแต่กรณี รายได้ที่มีการก าหนดเงื่อนไขเงินเหลือจ่ายให้ส่งคืน ข้อ 1๓ ในกรณีที่สถานศึกษามีรายได้ไม่เพียงพอและมีความจ าเป็นต้องใช้จ่ายเงิน ผู้บริหาร ท้องถิ่นอาจอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้สะสมได้ตามความจ าเป็น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ การใช้จ่ายจากเงินรายได้สะสมตามวรรคหนึ่งให้กระท าได้เฉพาะกิจการที่อยู่ในอ านาจหน้าที่ของ สถานศึกษา ซึ่งเกี่ยวกับด้านการบริการผู้เรียน หรือกิจการที่เพิ่มพูนรายได้ของสถานศึกษา หรือกิจการ ที่จัดท าเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้เรียน ต้องเกิดประโยชน์กับผู้เรียนโดยตรง และต้องเป็นไป ตามแผนพัฒนาของสถานศึกษา ทั้งนี้ การใช้จ่ายจากเงินรายได้สะสมของสถานศึกษา ให้จัดท าเป็น โครงการหรือกิจกรรมบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการประจ าปีงบประมาณ ข้อ 1๔ ให้ผู้บริหารท้องถิ่นเป็นผู้มีอ านาจอนุมัติการด าเนินการโครงการหรือกิจกรรมของ สถานศึกษา เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นอาจมอบอ านาจเป็นหนังสือให้หัวหน้าสถานศึกษาก็ได้ (๑) การด าเนินการโครงการหรือกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการประจ าปีงบประมาณที่มีวงเงิน ไม่เกินห้าแสนบาท หนา ๕้ ่ เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 84 (๒) การด าเนินการโครงการหรือกิจกรรมที่ไม่ได้ก าหนดในแผนปฏิบัติการประจ าปีงบประมาณ เฉพาะที่มีความจ าเป็นเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้เรียนที่มีวงเงินไม่เกินห้าหมื่นบาท ข้อ 1๕ การจัดซื้อจัดจ้างและการอนุมัติจ่ายเงินรายได้ของสถานศึกษาให้เป็นอ านาจของ ผู้บริหารท้องถิ่น หมวด 4 การรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงินและการตรวจเงินของสถานศึกษา ข้อ 1๖ การรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงินและการตรวจเงินของ สถานศึกษาให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยอนุโลม รูปแบบฎีกาเบิกจ่ายเงินของสถานศึกษาให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ก าหนด ข้อ 1๗ การอนุมัติฎีกาเบิกจ่ายเงินที่จ่ายจากเงินรายได้หรือเงินรายได้สะสมของสถานศึกษา ให้มอบหมายเจ้าหน้าที่การเงินของสถานศึกษาเป็นผู้ด าเนินการจัดท าฎีกาเบิกเงิน ก าหนดและควบคุม เลขที่ฎีกา เสนอให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานคลังเป็นผู้ตรวจฎีกาก่อนเสนอต่อ ผู้มีอ านาจอนุมัติตามข้อ ๑๔ และข้อ 1๕ แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๘ การสั่งจ่ายเงินจากธนาคารที่สถานศึกษาได้ฝากเงินไว้ ให้ผู้บริหารท้องถิ่นแต่งตั้ง หัวหน้าสถานศึกษาและข้าราชการครู หรือพนักงานครูอย่างน้อยสองคน เป็นผู้มีอ านาจลงนาม สั่งจ่ายเงินนั้น ในกรณีสถานศึกษาไม่มีผู้ด ารงต าแหน่งครู ผู้บริหารท้องถิ่นอาจแต่งตั้งข้าราชการหรือพนักงาน ส่วนท้องถิ่นอื่นด าเนินการแทน โดยค านึงถึงระดับต าแหน่ง หน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้ที่ได้รับ แต่งตั้งเป็นส าคัญ ในกรณีของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้หัวหน้าหน่วยงานคลังกับข้าราชการ หรือพนักงาน ส่วนท้องถิ่นอย่างน้อยสองคนที่ได้รับมอบหมายจากผู้บริหารท้องถิ่น เป็นผู้มีอ านาจลงนามสั่งจ่าย เงินฝากธนาคาร ข้อ 1๙ การจัดท าบัญชีและรูปแบบบัญชีของสถานศึกษาให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลัง ก าหนด หมวด ๕ สถานศึกษาที่มีการจัดการศึกษาลักษณะพิเศษ ข้อ ๒๐ นอกเหนือจากที่ก าหนดไว้ในข้อ 9 รายจ่ายของสถานศึกษาที่มีการจัดการศึกษา ลักษณะพิเศษ ประกอบด้วย หนา ๖้ ่ เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 85 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น (๑) ค่าเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ส าหรับผู้เรียนในการฝึกกีฬา ฝึกงาน ฝึกปฏิบัติการ หรือการแข่งขัน (๒) ค่าวัสดุหรือครุภัณฑ์ที่จ าเป็นส าหรับจัดที่พักอาศัยให้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษา (๓) ค่าประกันอุบัติเหตุผู้เรียน (ก) ในขณะฝึกกีฬา ฝึกงาน ฝึกปฏิบัติการ หรือในระหว่างการเรียนตามหลักสูตร (ข) ในระหว่างการแข่งขัน (๔) ค่าจ้างเหมาบริการซักรีดเฉพาะในกรณีที่มีความจ าเป็น (5) ค่าอาหารประจ าวัน (6) ค่าอาหารเสริมเฉพาะในกรณีที่มีความจ าเป็น (๗) ค่าใช้จ่ายอื่นที่จ าเป็นในการจัดการศึกษาลักษณะพิเศษ เช่น ค่าวัสดุ อุปกรณ์ ในการเรียนการสอน ค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่ง ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง ตามความจ าเป็น เหมาะสม และ ประหยัด ส าหรับตาม (๕) และ (๖) ให้เบิกจ่ายได้ไม่เกินอัตราที่กรมบัญชีกลางก าหนด หรือที่ส่วน ราชการถือปฏิบัติอยู่ ข้อ ๒๑ การก าหนดให้สถานศึกษาใดเป็นสถานศึกษาที่มีการจัดการศึกษาลักษณะพิเศษ ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทย หมวด ๖ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ข้อ 2๒ ให้ผู้บริหารท้องถิ่นมอบหมายหัวหน้าหน่วยงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็น หัวหน้าหน่วยงานคลังของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และมอบหมายข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก การรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงินของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บ รักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยอนุโลม บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๓ ในกรณีสถานศึกษาใดมีเงินรายได้สะสมตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการน าเงินรายได้ของสถานศึกษาไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาในสถานศึกษา สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้ถือเป็นเงินรายได้สะสมของสถานศึกษาตามระเบียบนี้ ข้อ 2๔ การใดที่ได้ด าเนินการไปก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับและยังด าเนินการไม่แล้วเสร็จ ให้ด าเนินการต่อไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการน าเงินรายได้ของ หนา ๗้ ่ เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 86 สถานศึกษาไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๑ จนกว่าจะแล้วเสร็จ ข้อ ๒๕ สถานศึกษาใดที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งจัดหลักสูตรพัฒนาผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศ ตามค านิยาม ค าว่า “สถานศึกษาที่มีการจัดการศึกษาลักษณะพิเศษ” ตามระเบียบนี้ อยู่ก่อนวันที่ ระเบียบนี้ใช้บังคับให้ถือว่าเป็นสถานศึกษาที่มีการจัดการศึกษาลักษณะพิเศษ ตามระเบียบนี้ รายจ่ายของสถานศึกษาตามวรรคหนึ่งซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามข้อ ๒๐ ของระเบียบนี้ ที่ได้ด าเนินการไปแล้วและได้กระท าโดยสุจริตก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับให้ถือเป็นการกระท าที่ชอบ ตามระเบียบนี้ ข้อ ๒๖ การจัดท าบัญชีและรูปแบบบัญชีของสถานศึกษาตามข้อ ๑๙ หากกระทรวงการคลัง ยังไม่ได้ก าหนดไว้ ให้น าการจัดท าบัญชีและรูปแบบบัญชีตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการน าเงินรายได้ของสถานศึกษาไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาในสถานศึกษา สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๑ มาใช้โดยอนุโลม จนกว่ากระทรวงการคลังจะก าหนด ประกาศ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หนา ๘้ ่ เลม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 87 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น งานระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา บทบาทหน้าที่ 1. ก�ำกับดูแล และรับผิดชอบงานระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา 2. บริหารงานระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา 3. จัดท�ำและพัฒนางานระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา 4. ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ความรับผิดชอบ 1. การจัดการทรัพยากร มีแนวทางการปฏิบัติดังนี้ 1) ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภายในสถานศึกษา ทราบรายการทรัพย์สินของสถานศึกษาเพื่อใช้ ทรัพยากรร่วมกัน 2) วางระบบการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับบุคคลและหน่วยงาน 3) สนับสนุนให้บุคคล และสถานศึกษาร่วมมือกันใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ต่อกระบวนการจัดการ เรียนการสอนของสถานศึกษา 2. การระดมทรัพยากร ศึกษาวิเคราะห์กิจกรรมและภารกิจ งาน/โครงการตามกรอบประมาณการระยะปานกลางและแผน ปฏิบัติการประจ�ำปี ที่มีความจ�ำเป็นต้องใช้วงเงินเพิ่มเติมจากประมาณการรายได้งบประมาณไว้ เพื่อจัดล�ำดับความ ส�ำคัญของกิจกรรมให้เป็นไปตามความเร่งด่วนและช่วงเวลา มีแนวทางการปฏิบัติดังนี้ 1) จัดหาแผนการระดมทรัพยากรทางการศึกษาและทุนการศึกษา โดยก�ำหนดวิธีการแหล่งการ สนับสนุน เป้าหมาย เวลาด�ำเนินงาน และผู้รับผิดชอบ 2) เสนอแผนการระดมทรัพยากรทางการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษาเพื่อขอความเห็นชอบ และด�ำเนินการในรูปคณะกรรมการ 3. การจัดหารายได้และผลประโยชน์ มีแนวทางการปฏิบัติดังนี้ 1) วิเคราะห์ศักยภาพของสถานศึกษาที่ด�ำเนินการจัดหารายได้ และสินทรัพย์ในส่วนที่จะน�ำมาซึ่งราย ได้และผลประโยชน์ของสถานศึกษา เพื่อจัดท�ำทะเบียนข้อมูล 2) จัดท�ำแผนปฏิบัติการ หรือระเบียบของสถานศึกษาเพื่อจัดหารายได้และบริหารรายได้และผล ประโยชน์ตามแต่ละสภาพของสถานศึกษา โดยไม่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
นายก�ำธร สวัสดิ์นะที รองผู้อ�ำนวยการโรงเรียน ฝ่ายปกครอง
โครงสร้างการบริหารงาน ฝ่ายปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ผู้อ�ำนวยการโรงเรียน งานส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม งานนิเทศติดตามผลการพัฒนาระบบฝ่ายปกครอง งานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและคุ้มครองเด็ก งานป้องกัน แก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา หัวหน้าการฝ่ายปกครอง งานเครือข่ายผู้ปกครอง งานรักษาความปลอดภัย รองผู้อ�ำนวยการฝ่ายปกครอง งานส่งเสริมประชาธิปไตย การวัดและประเมินผลพฤติกรรมของนักเรียน งานป้องกันและแก้ปัญหาพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ งานกิจกรรมพิเศษ งานอื่นที่ได้รับมอบหมาย
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 90 ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องผูปกครองนักเรียนนักศึกษา โดยที่เปนการสมควรปรับปรุงประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องผูปกครองนักเรียนใหเหมาะสมยิ่ง ขึ้น ฉะนั้นอาศัยอํานาจตามความในขอ 23 แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 216 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515 จึงใหยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องผู ปกครองนักเรียนลงวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2503 และ ใหผูปกครองนักเรียนนักศึกษา ระดับตํ่ากวาปริญญาตรีในสถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการดังนี้ 1. “ผูปกครอง” หมายความวา บุคคลซึ่งรับนักเรียนหรือนักศึกษาไวในความปกครอง หรือ อุปการะเลี้ยงดูหรือบุคคลที่นักเรียนนักศึกษานั้นอาศัยอยู 2. ใหนักเรียน นักศึกษา ที่ก�ำลังรับการศึกษาในหลักสูตรระดับ ปวส. ปกศ.สูง หรือเทียบเทา ลงมาในสถานศึกษาในสังกัด หรือในความควบคุมดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ เวนแตการศึกษา ผูใหญมีผูปกครองตลอดระยะเวลาที่ศึกษาอยู 3. ในวันมอบตัวนักเรียนนักศึกษาใหม่ ใหผู ปกครองมามอบตัวนักเรียนนักศึกษาที่สถานศึกษา พรอมกับสงหลักฐานเอกสารตางๆ ตามที่สถานศึกษากําหนด 4. ผูปกครองอาจต องร วมมือกับสถานศึกษาเพื่อควบคุมความประพฤติและการศึกษาเล าเรียน โดยใหนักเรียนนักศึกษา แต งกาย แต งเครื่องแบบประพฤติตนตามระเบียบ ข อบังคับหรือค าสั่งของสถานศึกษา ํ หรือของกระทรวงศึกษาธิการ หรือตามที่กฎหมายกําหนด 5. ผูปกครองควรติดต อกับสถานศึกษาอยู เสมอ เพื่อจะได ทราบป ญหาต างๆ เกี่ยวกับการศึกษา ของนักเรียน นักศึกษา และจะไดช่วยสถานศึกษาแกไขปญหานั้น ๆ 6. เมื่อผูปกครองย ายที่อยู หรือความเป นผู ปกครองสิ้นสุดลงด วยประการใด ๆให ผู ปกครองแจ ง สถานศึกษาทราบ 7. สําหรับนักเรียนนักศึกษาที่รับการศึกษาอยูในสถานศึกษาแลวใหสถานศึกษาตรวจสอบ ติดตามหลักฐานการเปนผู ปกครองนักเรียน นักศึกษา หากเห็นว านักเรียน นักศึกษาคนไหนไม มีผู ปกครอง หรือ มีผูปกครองไมเหมาะสมก็ใหสถานศึกษาดําเนินการใหเปนไปตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ พ.ศ. 2522 ลงชื่อ กอ สวัสดิ์พาณิชย (นายกอ สวัสดิ์พาณิชย) รัฐมนตรีชวยวาการ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 91 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ก�ำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 อาศัยอ�ำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครอง เด็ก พ.ศ. 2546 อัน เป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจ�ำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบ กับมาตรา 31 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 48 และมาตรา 50 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติ ให้กระท�ำได้โดยอาศัยอ�ำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎ กระทรวงไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 นักเรียนและนักศึกษาต้องไม่ประพฤติตน ดังต่อไปนี้ (1) หนีเรียนหรือออกนอกสถานศึกษาโดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วงเวลาเรียน (2) เล่นการพนัน จัดให้มีการเล่นการพนัน หรือมั่วสุมในวงการพนัน (3) พกพาอาวุธหรือวัตถุระเบิด (4) ซื้อ จ�ำหน่าย แลกเปลี่ยน เสพสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สิ่งมึนเมา บุหรี่ หรือ ยาเสพติด (5) ลักทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ข่มขู่ หรือบังคับขืนใจเพื่อเอาทรัพย์บุคคลอื่น (6) ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ท�ำร้ายร่างกายผู้อื่น เตรียมการหรือกระท�ำการใดๆ อันน่าจะก่อ ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน (7) แสดงพฤติกรรมทางชู้สาวซึ่งไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ (8) เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี (9) ออกนอกสถานที่พักเวลากลางคืน เพื่อเที่ยวเตร่หรือรวมกลุ่ม อันเป็น การสร้างความ เดือดร้อนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น ข้อ 2 ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาก�ำหนดระเบียบว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา ได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้ ให้ไว้ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2548 (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 92 กฎกระทรวง ก�ำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดระบบงานและกิจกรรม ในการแนะแนว ให้ค�ำปรึกษาและฝึกอบรมแก่นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง พ.ศ.2548 อาศัยอ�ำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 อัน เป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจ�ำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา 29 ประกอบ กับมาตรา 31 มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 48และมาตรา 50 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย บัญญัติให้กระท�ำได้โดยอาศัยอ�ำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออก กฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้“กิจกรรมในการแนะแนว” หมายความว่า กิจกรรมที่เกี่ยวกับการแนะแนว การให้ค�ำปรึกษาและฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมความประพฤติที่เหมาะสม ความรับผิดชอบต่อสังคม และความ ปลอดภัยแก่ นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง “นักเรียนหรือนักศึกษาที่เสี่ยงต่อการกระท�ำผิด” หมายความว่า นักเรียนหรือนักศึกษาที่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้ 1. ประพฤติตนไม่สมควรกับสภาพการเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา 2. ประกอบอาชีพในทางผิดกฎหมายหรือขัดต่อศีลธรรมอันดี 3. คบหาสมาคมกับบุคคลที่น่าจะชักน�ำไปในทางกระท�ำผิดกฎหมายหรือขัดต่อศีลธรรมอันดี 4. อยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสถานที่อันอาจชักน�ำไปในทางเสียหาย ข้อ 2. ให้โรงเรียนและสถานศึกษาจัดให้มีระบบงานและกิจกรรมในการแนะแนวให้ค�ำปรึกษาและ ฝึกอบรมแก่นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง ทั้งนี้ ตามระดับของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ข้อ 3. ให้โรงเรียนและสถานศึกษามีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ 1. พัฒนาระบบงานแนะแนวที่จะช่วยเหลือดูแลนักเรียนและนักศึกษาเป็นรายบุคคลพร้อม ทั้งส่งเสริมให้ครูทุกคนมีบทบาทในการแนะแนวรู้จักและเข้าใจผู้เรียน สามารถค้นพบและจัดการเรียนรู้ที่จะ พัฒนาศักยภาพของผู้เรียนและให้ค�ำปรึกษาด้านการด�ำรงชีวิต การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การศึกษาต่อและ การมีงานท�ำ ทั้งนี้ ให้มีระบบข้อมูลตั้งแต่แรกเข้าเพื่อติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องจนจบการศึกษา 2. ส�ำรวจ เฝ้าระวัง และติดตามนักเรียนและนักศึกษาที่เสี่ยงต่อการกระท�ำผิดเพื่อจัด กิจกรรมในการพัฒนาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 93 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น 3. แจ้งให้ผู้ปกครองของนักเรียนและนักศึกษาที่เสี่ยงต่อการกระท�ำผิดได้ทราบถึง พฤติกรรมและหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทั้งนี้อาจก�ำหนดให้นักเรียนหรือนักศึกษาดังกล่าวเข้าร่วมกิจกรรม ตามที่เห็นสมควร 4. จัดให้มีมาตรการส่งเสริมความปลอดภัย ป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรง โดยมี แผนงานผู้รับผิดชอบ และการติดตามตรวจสอบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ 5. สนับสนุนให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการส่งเสริมความประพฤติ และความปลอดภัยของนักเรียน และนักศึกษา 6. จัดให้มีระบบการติดตามประเมินผลและรายงานผลการด�ำเนินงานต่อส่วนราชการต้น สังกัดอย่างน้อยปีการศึกษาละ 1 ครั้ง ให้ไว้ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2548 (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 94 ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 อาศัยอ�ำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงวางระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียน หรือนักศึกษา พ.ศ. 2543 ข้อ 4 ในระเบียบนี้ “ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา” หมายความว่า ผู้อ�ำนวยการ อธิการบดี หรือหัวหน้า ของโรงเรียนหรือสถานศึกษา หรือต�ำแหน่งที่เรียก ชื่ออย่างอื่นของโรงเรียนหรือสถานศึกษานั้น “กระท�ำความผิด” หมายความว่า การที่นักเรียนหรือนักศึกษาประพฤติฝ่าฝืนระเบียบ ข้อ บังคับของสถานศึกษา หรือของกระทรวงศึกษาธิการ หรือกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและ นักศึกษา “การลงโทษ” หมายความว่า การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่กระท�ำความผิด โดยมีความ มุ่งหมายเพื่อการอบรมสั่งสอน ข้อ 5 โทษที่จะลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่กระท�ำความผิด มี 4 สถานดังนี้ (1) ว่ากล่าวตักเตือน (2) ท�ำทัณฑ์บน (3) ตัดคะแนนความประพฤติ (4) กิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ข้อ 6 ห้ามลงโทษนักเรียน และนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความ โกรธ หรือด้วยความพยาบาท โดยให้ค�ำนึงถึงอายุของนักเรียนหรือนักศึกษา และความร้ายแรงของพฤติการณ์ ประกอบการลงโทษด้วย การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาให้เป็นไปเพื่อเจตนาที่จะแก้นิสัยและความประพฤติ ไม่ดีของนักเรียนหรือนักศึกษาให้รู้ส�ำนึกในความผิด และกลับประพฤติตนใน ทางที่ดีต่อไป ให้ผู้บริหารโรงเรียน หรือสถานศึกษาหรือผู้ที่ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษามอบหมายเป็นผู้มีอ�ำนาจในการลงโทษนักเรียน
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 95 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น นักศึกษา ข้อ 7 การว่ากล่าวตักเตือนใช้ในกรณีนักเรียน หรือนักศึกษากระท�ำความผิด ไม่ร้ายแรง ข้อ 8 การท�ำทัณฑ์บนใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษาที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม กับสภาพนักเรียน หรือนักศึกษา ตามกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤตินักเรียน และนักศึกษา หรือได้รับโทษว่ากล่าวตักเตือน แล้ว แต่ยังไม่เข็ดหลาบ การท�ำทัณฑ์บนให้ท�ำเป็นหนังสือ และเชิญบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาบันทึกรับทราบ ความผิดและรับรองการท�ำทัณฑ์บนไว้ด้วย ข้อ 9 การตัดคะแนนความประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการ ตัดคะแนนความ ประพฤตินักเรียนและนักศึกษาของแต่ละสถานศึกษาก�ำหนด และให้ท�ำบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน ข้อ 10 ท�ำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นักเรียน และนักศึกษากระท�ำความ ผิดที่สมควร ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการก�ำหนด ข้อ 11 ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และ ให้มีอ�ำนาจตีความและ วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 อดิศัย โพธารามิก (นายอดิศัย โพธารามิก) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 96 แนวปฏิบัติตนของนักเรียนโรงเรียนสีชมพูศึกษา เกี่ยวกับการรักษาความมีระเบียบวินัย นักเรียนโรงเรียนสีชมพูศึกษาทุกคน พึงปฏิบัติตนเองให้เป็นผู้มีระเบียบวินัยและเป็นผู้มีคุณธรรมเพื่อ ประโยชน์แก่ตนเองและส่วนรวมดังนี้ 1. การแต่งกาย - มีเครื่องแต่งกาย เครื่องเรียน เครื่องใช้ อุปกรณ์ต่างๆ ครบตามที่โรงเรียนก�ำหนด - แต่งกายถูกต้องตามระเบียบการแต่งกายของนักเรียนตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการและ ตามที่โรงเรียนก�ำหนด เพื่อความเพียบพร้อมและความเป็นระเบียบเรียบร้อย - เครื่องแต่งกายต้องเหมาะสมกับขนาดของร่างกาย ถุงเท้า เข็มขัดไม่มีลวดลาย - การแต่งเครื่องแบบของนักเรียนชายต้องใส่เสื้ออยู่ในกางเกงทั้งภายในและภายนอกบริเวณ โรงเรียน - ปักอักษรย่อโรงเรียนที่เสื้อตามแบบพิมพ์หรือตามตัวอย่างที่โรงเรียนก�ำหนด - ไม่สวมใส่เครื่องประดับ หรืออาภรณ์ใดๆ เช่น ต่างหู สร้อย แหวน ฯลฯ ยกเว้นนาฬิกาลายสุภาพ ห้ามใช้เครื่องส�ำอางตกแต่งร่างกายเช่น ทาปาก เขียนคิ้ว ทาเล็บ 2. การปฏิบัติตนขณะอยู่ในบริเวณโรงเรียน - เมื่อมาถึงโรงเรียนนักเรียนต้องอยู่ในความดูแลรับผิดชอบค�ำสั่ง ระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน ห้ามออกนอกบริเวณระหว่างท�ำการสอนเว้นแต่ได้รับอนุญาต - ต้องเชื่อฟังและอยู่ในโอวาทค�ำแนะน�ำของครูทุกท่าน - ประพฤติตนให้เหมาะสมกับสภาพนักเรียนที่ดี เช่น ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่ พูดจาหยาบคาย - มีความสุภาพอ่อนโยนต่อบุคคลทั่วไป - เป็นผู้มีวินัยด้วยตนเอง - เมื่อเข้าพบครูให้นักเรียนยืนท�ำความเคารพและสุภาพในลักษณะส�ำรวม ถ้าเข้าพบพร้อมกันหลาย คนต้องเข้าแถวตามล�ำดับก่อนหลังไม่ควรยืนรุมล้อมครู - การเข้าซื้ออาหารและบริการอื่นๆ ควรกระท�ำเช่นเดียวกัน - รักษาความสามัคคีในหมู่คณะ - ต้องช่วยกันดูแลรักษาทรัพย์สินของโรงเรียนอันเป็นส่วนรวม - ต้องช่วยกันประหยัดการใช้นํ้าและกระแสไฟฟ้าของโรงเรียนอันเป็นการประหยัดพลังงานชาติไป พร้อมๆ กัน - นักเรียนคนสุดท้ายที่ออกจากห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ ห้องประชุม ให้ปิดไฟฟ้าทุกดวงและทุก ครั้งหากนักเรียนพบว่าห้องเรียนใดเปิดไฟฟ้าทิ้งไว้ให้ช่วยกันปิด การใช้นํ้าต้องใช้อย่างประหยัด ไม่เปิดก๊อกนํ้าทิ้งไว้ - นักเรียนที่เข้ามาบริเวณโรงเรียนต้องแต่งเครื่องแบบให้เรียบร้อยและถูกต้องเสมอ - ไม่ส่งเสียงรบกวนห้องเรียนข้างเคียง
คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 97 องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น - ไม่อนุญาตใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด (โทรศัพท์, เครื่องเล่น MP3) ยกเว้นนักเรียนได้รับอนุญาต เป็นกรณีพิเศษ 3. การปฏิบัติตนทั่วไป- ไม่กระท�ำการใดๆ อันจะน�ำความเสื่อมเสียมาสู่ชื่อเสียงของโรงเรียนและหมู่คณะ - ช่วยกันเพิ่มพูนชื่อเสียง ศรัทธา และความเสื่อมใสให้เกิดขึ้นแก่โรงเรียนและหมู่คณะ - เลื่อมใสในศาสนาที่นับถือ มีเมตตากรุณา เสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นตามสมควรและถือ ประโยชน์ส่วนรวมเป็นส่วนใหญ่ - มีความอดทน ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและมีความพยายามอย่างเต็มความสามารถทั้งในขณะที่อยู่ โรงเรียนและที่บ้าน - เป็นผู้เคารพระเบียบข้อบังคับ กฎหมาย และกติกาของสังคมอยู่ในธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม กล้าพูด กล้าตัดสินใจ กล้าท�ำในสิ่งที่ควรรู้จักสิทธิหน้าที่ของตนอยู่ทุกขณะ - ยึดถือคุณธรรม ความกตัญญูกตเวที ความสามัคคี ความซื่อสัตย์สุจริต ความอุตสาหวิริยะ ขยัน อดทน มีวินัยในตนเอง - รักษาค�ำพูด รับปากว่าจะท�ำอย่างไรนั้นแล้วต้องท�ำอย่างนั้นอยู่เสมอ - มาเรียนอย่างสมํ่าเสมอเมื่อหยุดเรียนต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบการลา - พึงลดความขัดแย้งด้วยการข่มใจมีเหตุผล ปรึกษาผู้ใหญ่ ครู - รักษาทรัพย์สินของโรงเรียนมิให้บุบสลาย แตกหัก และให้มีการใช้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา - ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเล่าเรียน เพิ่มพูนประสบการณ์ ความรู้ความช�ำนาญ เสริมสร้างสุขภาพด้วยการออกก�ำลังกาย รับประทานอาหารถูกสุขลักษณะ และพักผ่อนให้เพียง พอ เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีและมีกิจกรรมร่วมกับบุคคลในครอบครัวหมู่คณะและชุมชน - เข้าใจบทบาท สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบต่อตนเองในแต่ละสถานการณ์ โอกาส และ สถานที่ - เมื่อเลิกเรียนให้รีบกลับบ้านเว้นแต่จะมีกิจกรรมที่มีครูควบคุมการฝึกซ้อมหรือควบคุมการเล่น - หลีกเลี่ยงไม่มั่วสุมแหล่งอบายมุขและยาเสพติด 4.การปฏิบัติตนขณะที่มีชั่วโมงเรียน - ตั้งใจเรียน ไม่น�ำวิชาอื่นมาอ่านหรือท�ำขณะที่เรียนวิชาใดวิชาหนึ่ง - ไม่ลุกย้ายที่นั่งพูดคุยหรือท�ำเสียงดังให้เสียบรรยากาศของห้องเรียนและสมาธิของครูและนักเรียน - หากมีปัญหาข้อสงสัยให้ยกมือขออนุญาตเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นถามหรือแสดงข้อคิดเห็น 5. การออกนอกห้องเรียน - ในขณะที่มีชั่วโมงเรียนนักเรียนจะต้องอยู่ในห้องเรียนจะอยู่ในสถานที่อื่น เช่น ห้องสมุด โรงอาหาร ห้องปฏิบัติการหรือห้องอื่นๆ ไม่ได้เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากครูที่ท�ำการสอนในชั่วโมงนั้น - ถ้ามีความจ�ำเป็นต้องออกนอกห้องให้ขออนุญาตครูที่ท�ำการสอนทุกครั้ง หากไม่มีครูให้แจ้ง หัวหน้าห้องเรียนทราบ - ก่อนเข้าห้องเรียนในตอนเช้าและระหว่างพักกลางวัน ควรท�ำกิจกรรมส่วนตัวให้เรียบร้อยไม่ควร ขออนุญาตออกนอกห้องเรียนในชั่วโมงแรกของภาคเช้าและภาคบ่าย
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น คู่มือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปีการศึกษา 2566 98 6. การออกนอกบริเวณโรงเรียน - ถ้านักเรียนมีความจ�ำเป็นที่จะต้องออกนอกบริเวณโรงเรียนในระหว่างที่มีการเรียนการสอน ให้ ขอรับบัตรอนุญาตจากครูที่ท�ำการสอน หัวหน้าระดับ - ในระหว่างพักกลางวัน ถ้านักเรียนมีความประสงค์จะออกนอกบริเวณโรงเรียน ให้ขอเอกสาร อนุญาตจากหัวหน้าระดับ - เมื่อนักเรียนได้รับบัตรอนุญาตแล้ว ให้นักเรียนเอกสารไปแสดงต่อครูเวรประจ�ำวัน หรือเจ้าหน้าที่ รักษาประตูเสียก่อน แล้วลงชื่อในสมุดอนุญาตจึงจะออกไปได้ และให้น�ำเอกสารนั้นติดตัวไปด้วย - เมื่อกลับมาแล้วให้น�ำเอกสารอนุญาตส่งครูเวรหรือยาม เพื่อเป็นหลักฐานพร้อมกับลงชื่อกลับใน สมุดอนุญาตออกนอกบริเวณ 7. การเล่น - ในขณะที่นักเรียนเล่นอยู่ในสนามหรือบริเวณอื่นๆ ภายในโรงเรียนควรเล่นด้วยความระมัดระวัง อย่าให้อุปกรณ์การเล่นไปถูกร่างกายของผู้อื่น หรือผู้ที่เดินผ่านมาบริเวณใกล้เคียง - ไม่ควรเล่นใกล้บริเวณอาคารเรียนขณะที่มีการเรียนการสอน เป็นการรบกวนสมาธิของผู้ที่ก�ำลัง เรียนและเป็นการขาดมารยาทไม่เกรงใจครูที่ก�ำลังท�ำการสอน 8. การรับประทานอาหาร - รับประทานอาหารในบริเวณและสถานที่ที่โรงเรียนจัดไว้ โรงเรียนไม่มีนโยบายให้นักเรียนไปรับ ประทานอาหารนอกบริเวณโรงเรียน ทั้งนี้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรือความเสียหายอื่นใดที่สามารถ เกิดขึ้นกับนักเรียนได้ - ถ้านักเรียนคนใดมีความประสงค์จะออกไปรับประทานอาหารนอกบริเวณโรงเรียน ให้ผู้ปกครอง มาท�ำเรื่องขออนุญาตเป็นรายๆ ไป ภายในเวลาที่ทางโรงเรียนก�ำหนด เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว โรงเรียนจะออกใบอนุญาตให้ แต่ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายอันจะเกิดขึ้นแก่ นักเรียนด้วยตนเอง - การเข้าซื้ออาหารต้องเข้าแถวตามล�ำดับก่อนหลัง - การรับประทานอาหารนักเรียนจะต้องรักษามารยาท และรักษาความสะอาดของโต๊ะและสถาน ที่ที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้สะอาดอยู่เสมอ - จะต้องไม่เดินรับประทานอาหาร ดื่มนํ้า หรือของขบเคี้ยวทุกชนิด - ไม่น�ำอาหารเครื่องดื่มหรือของขบเคี้ยวทุกชนิดมารับประทานในห้องเรียนหรือบนอาคารเรียน - ภายหลังรับประทานอาหารแล้วให้น�ำภาชนะใส่อาหารไปส่งคืนยังที่จัดไว้ ถุงนํ้า ถุงพลาสติก ไม้ เสียบอาหาร เศษอาหาร ให้ทิ้งลงในถุงขยะหรือที่ที่จัดไว้ให้ - การรับประทานอาหารให้นักเรียนรับประทานอาหารตามเวลาที่ทางโรงเรียนก�ำหนดให้เท่านั้น 9. การรักษาสภาวะแวดล้อมและความสะอาดภายในบริเวณโรงเรียน - ไม่บ้วน ถ่มนํ้าลาย (ต้องบ้วนใส่กระดาษแล้วน�ำไปทิ้งที่ถังขยะหรือในที่ที่เหมาะสม) - ไม่ขว้าง ปา ทิ้ง เศษกระดาษ หรือสิ่งของเหลือใช้ออกนอกห้องเรียน หรือลงบนพื้น ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ สนามหรือบริเวณโรงเรียน ต้องทิ้งลงในถังขยะทุกครั้ง