The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นางสาวสุนิดา-ศรีสมัย-เลขที่-17-ห้อง-1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by g.patthapon43, 2022-04-20 03:45:22

นางสาวสุนิดา-ศรีสมัย-เลขที่-17-ห้อง-1

นางสาวสุนิดา-ศรีสมัย-เลขที่-17-ห้อง-1

หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑๕
เรอ่ื ง แรงกระทบ

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ภาคเรยี นที่ ๒

ผสู้ อน นางสาวสุนดิ า ศรสี มยั

จำนวน ๖ แผนการเรียนรู้ จำนวน ๗ ชว่ั โมง

องคป์ ระกอบของหน่วยการเรียนรู้

๑. ชือ่ หน่วยและสาระสำคญั ของหน่วย
๒. มาตรฐานและตัวช้ีวัดของหนว่ ย
๓. ตารางวเิ คราะห์ความสอดคลอ้ งมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวช้ีวดั หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑๕ เร่อื ง แรงกระทบ
๔. แผนภาพมโนทศั น์ของหน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑๕ เรอื่ ง แรงกระทบ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๕
๕. ตารางวิเคราะห์บทเรียนตามมาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวชีว้ ัด
๖. จุดประสงคก์ ารเรียนร้แู ละสาระการเรียนร้รู ะดบั หนว่ ย
๗. กิจกรรมและช้ินงานท่สี ำคญั
๘. การวัดและประเมนิ ผล
๙. สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
๑๐. แผนการจัดการเรียนร้รู ะดบั หนว่ ย
๑๑. แผนการจดั การเรียนร้รู ะดับปฏบิ ัตกิ าร (รายคาบ)

แผนการจัดการเรียนร้รู ะดับหนว่ ย

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑๕ เรอ่ื ง แรงกระทบ
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๕

โรงเรยี นโคโรนามิตรภาพที่ ๑๙
จำนวน ๖ แผนการจัดการเรยี นรู้ เวลา ๗ ช่ัวโมง

ผู้สอน นางสาวสนุ ิดา ศรสี มัย

๑. ชอ่ื หน่วยและสาระสำคัญของหนว่ ย
ชือ่ หนว่ ย : แรงกระทบ
ระดบั ช้นั : ประถมศกึ ษาปีที่ ๕
จำนวน : ๖ แผนการจดั การเรียนรู้
เวลา : ๗ ชั่วโมง
สาระสำคัญ : หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๑๕

๒. มาตรฐานและตวั ชี้วดั ของหน่วย รวมทั้งส้นิ ๑๓ ตัวช้วี ัด

สาระที่ ๑ การอ่าน
มารฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรูแ้ ละความคิดเพือ่ นำไปใชต้ ดั สินใจ แก้ปญั หาใน

การดำเนนิ ชีวติ และมนี ิสยั รักการอา่ น
ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง
ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยคและข้อความทีเ่ ปน็ การบรรยายและพรรณนา
ท ๑.๑ ป.๕/๗ อ่านหนงั สือท่ีมคี ุณคา่ ตามความสนใจอย่างสม่ำเสมอและแสดงความคดิ เห็น

เกยี่ วกบั เร่ืองทีอ่ า่ น
ท ๑.๑ ป.๕/๘ มีมารยาทในการอา่ น
ท ๑.๑ ป.๕/๕ วิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั เรอ่ื งที่อ่านเพื่อนำไปใช้ในการดำเนนิ ชวี ติ
ท ๑.๑ ป.๕/๘ มีมารยาทในการอา่ น

สาระที่ ๒ การเขยี น
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสอื่ สาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเรอ่ื งราว

ในรปู แบบต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
ท ๒.๑ ป.๕/๑ คัดลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทัดและคร่ึงบรรทัด
ท ๒.๑ ป.๕/๙ มมี ารยาทในการเขยี น

ท ๒.๑ ป.๕/๓ เขียนแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพความคดิ เพื่อใช้พัฒนางานเขียน
ท ๒.๑ ป.๕/๙ มีมารยาทในการเขยี น
สาระที่ ๔ หลักการใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและ
พลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ
ท ๔.๑ ป.๕/๑ ระบุชนดิ และหน้าทข่ี องคำในประโยค
ท ๔.๑ ป.๕/๒ จำแนกสว่ นประกอบของประโยค
ท ๔.๑ ป.๕/๗ ใช้สำนวนได้ถูกต้อง

๓. ตารางวเิ คราะห์ความสอดคลอ้ งมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชวี้ ัด หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑๕ เรอ่ื ง แรงกระทบ

มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชี้วัด แผนท่ี
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ รวม

สาระท่ี ๑ การอ่าน ✓ ๑
ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง ✓ ๑
ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยคและข้อความท่ีเป็นการบรรยายและ
พรรณนา ✓ ๑
ท ๑.๑ ป.๕/๓ อธิบายความหมายโดยนยั จากเร่ืองท่ีอา่ นอย่างหลากหลาย ✓ ๑
ท ๑.๑ ป.๕/๔ แยกข้อเท็จจริงและข้อคดิ เหน็ จากเรอ่ื งท่อี า่ น ✓✓ ๒
ท ๑.๑ ป.๕/๕ วเิ คราะห์และแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั เร่อื งท่ีอ่านเพอื่ นำไปใชใ้ นการ ๑
ดำเนินชีวติ ✓ ๑
ท ๑.๑ ป.๕/๖ อ่านงานเขียนเชิงอธบิ าย คำส่ัง ขอ้ แนะนำ และปฏบิ ตั ิตาม ✓
ท ๑.๑ ป.๕/๗ อ่านหนงั สือทม่ี ีคุณคา่ ตามความสนใจอย่างสม่ำเสมอและแสดงความ ๒
คดิ เห็นเกย่ี วกบั เร่อื งท่อี ่าน ✓✓
ท ๑.๑ ป.๕/๘ มีมารยาทในการอ่าน

สาระที่ ๒ การเขยี น
ท ๒.๑ ป.๕/๑ คดั ลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทัดและคร่งึ บรรทดั
ท ๒.๑ ป.๕/๒ เขียนสอ่ื สารด้วยคำได้ถกู ต้องชดั เจนและเหมาะสม
ท ๒.๑ ป.๕/๓ เขียนแผนภาพโครงเร่อื งและแผนภาพความคิดเพ่ือใช้พัฒนางานเขยี น

ท ๒.๑ ป.๕/๔ เขียนยอ่ ความจากเร่อื งท่อี า่ น
ท ๒.๑ ป.๕/๕ เขียนจดหมายถึงผปู้ กครองและญาติ
ท ๒.๑ ป.๕/๖ เขียนแสดงความรสู้ กึ และความคิดเหน็ ได้ตรงตามเจตนา
ท ๒.๑ ป.๕/๗ กรอกแบบรายการต่าง ๆ
ท ๒.๑ ป.๕/๘ เขียนเรือ่ งตามจินตนาการ
ท ๒.๑ ป.๕/๙ มีมารยาทในการเขียน

สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู

ท ๓.๑ ป.๕/๑ พูดแสดงความรคู้ วามคดิ เห็นและความรสู้ ึกจากเรอื่ งทฟ่ี งั และดู
ท ๓.๑ ป.๕/๒ ตัง้ คำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผลจากเรื่องทีฟ่ ังและดู
ท ๓.๑ ป.๕/๓ วิเคราะหค์ วามนา่ เชอื่ ถือจากเรื่องท่ฟี ังและดอู ยา่ งมีเหตผุ ล

มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชว้ี ัด แผนท่ี
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ รวม

ท ๓.๑ ป.๕/๔ พูดรายงานเรอื่ งหรอื ประเด็นทศ่ี ึกษาค้นควา้ จากการฟงั การดู และ ✓๑
✓๑
การสนทนา
✓๑
ท ๓.๑ ป.๕/๕ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู
๑๓
สาระท่ี ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย
ท ๔.๑ ป.๕/๑ ระบุชนดิ และหนา้ ท่ีของคำในประโยค
ท ๔.๑ ป.๕/๒ จำแนกสว่ นประกอบของประโยค

ท ๔.๑ ป.๕/๓ เปรยี บเทยี บภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถ่ิน
ท ๔.๑ ป.๕/๔ ใชค้ ำราชาศพั ท์
ท ๔.๑ ป.๕/๕ บอกคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
ท ๔.๑ ป.๕/๖ แต่งบทรอ้ ยกรอง
ท ๔.๑ ป.๕/๗ ใช้สำนวนได้ถกู ตอ้ ง

สาระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
ท ๕.๑ ป.๕/๑ สรปุ เรอื่ งจากวรรณคดีหรอื วรรณกรรมทอ่ี า่ น
ท ๕.๑ ป.๕/๒ ระบุความรู้และข้อคิดจากการอ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่สี ามารถ
นำไปใช้ในชวี ติ จริง
ท ๕.๑ ป.๕/๓ อธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรม
ท ๕.๑ ป.๕/๔ ทอ่ งจำบทอาขยานตามท่กี ำหนดและบทร้อยกรองที่มคี ุณคา่ ตามความ
สนใจ

รวม

๔. แผนภาพมโนทศั น์ของหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑๕ เรื่อง แรงกระทบ ช้ันปะถมศ

P = - ทกั ษะอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบท
ร้อยกรอง – ทกั ษะการวิเคราะห์ - ทักษะการ
อ่านแลว้ เขยี น

K = - อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อย หน่วยการ
กรอง – อา่ นวเิ คราะห์ - อ่านแลว้ เขยี น
เรอ่ื ง แ
A = - พยายามอา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้
และบทรอ้ ยกรองให้ถูกตอ้ ง – มคี วามมนั่ ใจ การอ่าน
ในการอ่าน
- มมี ารยามในการอา่ น หล

P = - ทักษะการแตง่ ประโยค – ทกั ษะ K = - การแตง่ ประโย
จำแนกสว่ นประกอบของประโยค สว่ นประกอบของประ
- ทกั ษะการใช้สำนวน

ศึกษาปีที่ ๕

การเขียน P = - ทักษะเขียนแผนภาพโครงเรอ่ื ง - ทกั ษะการ
เขียนแผนภาพความคิด – ทกั ษะการคดั ลายมือ
รเรยี นร้ทู ่ี ๑๕
K = - เขยี นคดั ลายมือ
แรงกระทบ –เขียนแผนภาพโครงเรือ่ ง
- เขียนแผนภาพความคดิ
ลกั การใชภ้ าษาไทย
A = - พยายามเขียนให้ถกู ตอ้ ง - มคี วามมัน่ ใจใน
ยค – จำแนก การเขยี น – มีมารยาทในการเขยี น - มีการพฒั นา
ะโยค - การใช้สำนวน งานเขียน

A = - พยายามแตง่ ประโยคใหถ้ กู ต้อง
– มีความม่ันใจในการแต่งประโยค
- เหน็ คุณคา่ ของสำนวนไทย

๕. ตารางวเิ คราะหบ์ ทเรียนตามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ช้ีวัด

หน่วยการ การอ่าน การเขียน การฟงั การดู

เรยี นรู้ และการพูด

หน่วยการ ๑. อ่านออก ๑. คัดลายมือ ๑.
แล
เรยี นรู้ท่ี ๑๕ เสียงบทร้อย ตวั บรรจงเตม็ คำ
๒.
แรงกระทบ แกว้ และบทร้อย บรรทัดและคร่งึ ส่ว
ขอ
กรองได้ถกู ตอ้ ง บรรทัด ๓.
ถูก
๒. อธิบาย ๒. มีมารยาทใน

ความหมายของ การเขียน

คำ ประโยคและ ๓. เขยี น

ขอ้ ความที่เป็น แผนภาพโครง

การบรรยาย เรื่องและแผน

และพรรณนา ภาความคิดเพื่อ

๔. อา่ นหนังสอื ใชพ้ ฒั นางาน

ท่ีมคี ุณค่าตาม เขยี น

ความสนใจ ๔. มีมารยาทใน

อยา่ งสม่ำเสมอ การเขียน

และแสดงความ

คดิ เหน็ เกี่ยวกับ

เร่อื งทอี่ า่ น

หลักการใช้ วรรณคดแี ละ ทักษะการคิด คณุ คา่ ของ
ภาษาไทย วรรณกรรม บทเรียน
. ระบุชนดิ ๑. คดิ สร้างสรรค์ - ได้ตระหนกั ถงึ
ละหน้าทข่ี อง ๒. คิดวิเคราะห์ ความสำคัญ
ำในประโยค ของการคบ
. จำแนก เพือ่ น
วนประกอบ - มคี วาม
องประโยค พยายามในการ
. ใชส้ ำนวนได้ อา่ น และการ
กตอ้ ง เขยี น
- มีมารยาทใน
การอา่ น และ
การเขยี น
- ตง้ั ใจฟงั และมี
ความ
กระตือรือร้นใน
การเรยี น

หนว่ ยการ การอ่าน การเขียน การฟัง การดู
เรียนรู้ และการพูด
๕. มีมารยาทใน
การอา่ น
๖. วิเคราะห์
และแสดงความ
คดิ เหน็ เก่ยี วกับ
เรื่องท่ีอา่ นเพื่อ
นำไปใชใ้ นการ
ดำเนินชีวติ
๗. มีมารยาทใน
การอา่ น

หลกั การใช้ วรรณคดีและ ทกั ษะการคิด คณุ คา่ ของ
ภาษาไทย วรรณกรรม บทเรียน

๖. จุดประสงค์การเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ระดบั หนว่ ย สาระการเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - หลักการอ่านออกเสียง

๑. เม่อื นกั เรียนเรยี นเร่ืองการอา่ นออกเสียง แลว้ นักเรียนสามารถ - หลกั การการสรปุ ขอ้ คิดจากเร่อื ง
๑. บอกสาระสำคัญของการอา่ นออกเสียงไดถ้ กู ต้อง ทอ่ี า่ น
๒. อ่านออกเสียงร้อยแกว้ ได้ถูกต้อง - การคดั ลายมอื
๓. เหน็ ถึงความสำคญั ของการอา่ นออกเสยี งไดถ้ ูกตอ้ ง
- การเขยี นแผนภาพความคดิ
๒. เม่ือนักเรยี นเรียนเรื่องการสรปุ ขอ้ คดิ จากเรอ่ื งทีอ่ า่ น แลว้ นกั เรียนสามารถ
๑. บอกหลักการสรปุ ข้อคิดจากเรอ่ื งทอ่ี ่านไดถ้ ูกตอ้ ง - การแต่งประโยค
๒. สรุปขอ้ คิดจากเรอ่ื งท่ีอ่านได้ถูกตอ้ ง
๓. เหน็ คุณค่าของการสรุปขอ้ คิดจากเรื่องทีอ่ ่าน - สำนวนไทย

๓. เมอื่ นกั เรยี นเรยี นเร่อื งการคัดลายมือ แลว้ นกั เรยี นสามารถ
๑. บอกสาระสำคญั ของการคัดลายมอื ได้ถูกต้อง
๒. คัดลายมือได้ถูกตอ้ ง
๓. เห็นถึงความสำคัญของการคดั ลายมอื ไดถ้ กู ต้อง

๔. เม่ือนักเรียนเรยี นเรือ่ งการเขยี นแผนภาพความคดิ แล้วนกั เรยี นสามารถ
๑. บอกสาระสำคญั ของการเขยี นแผนภาพความคิดได้ถูกตอ้ ง
๒. เขียนแผนภาพความคดิ ไดถ้ ูกตอ้ ง
๓. เหน็ ความสำคัญของการเขยี นแผนภาพความคดิ ได้ถูกต้อง

๕. เมอ่ื นกั เรียนเรยี นเรือ่ งการแต่งประโยค แลว้ นกั เรยี นสามารถ
๑. บอกสาระสำคัญของการแต่งประโยคได้ถูกตอ้ ง
๒. แตง่ ประโยคไดถ้ กู ตอ้ ง
๓. เหน็ ถงึ ความสำคัญของการแต่งประโยคไดถ้ กู ตอ้ ง

๖. เมอ่ื นกั เรยี นเรียนเรือ่ งสำนวนไทย แล้วนักเรียนสามารถ
๑. บอกสาระสำคญั ของสำนวนไทยไดถ้ กู ต้อง
๒. นำสำนวนไทยมาใชใ้ นการแต่งประโยคได้ถูกตอ้ ง
๓. ตระหนกั ถงึ คณุ ค่าของสำนวนไทย

๗. กิจกรรมและช้ินงานทส่ี ำคญั / ๘. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผล

ท่ี กิจกรรมและช้ินงานทส่ี ำคัญ วธิ ีการวัด เกณฑ์
เครอื่ งมอื ท่ใี ช้วดั การ

ผ่าน

๑ ๑. บอกสาระสำคัญของการอา่ นออกเสยี งไดถ้ กู ต้อง - ตรวจผลงาน - แบบประเมิน :

๒. อ่านออกเสยี งรอ้ ยแก้วไดถ้ ูกต้อง - ตรวจใบงานท่ี ๑ การบอกหลักการ

๓. เหน็ ถงึ ความสำคญั ของการอ่านออกเสียงได้ การอา่ นออกเสยี งบท อ่านออกเสียงบท

ถกู ตอ้ ง รอ้ ยแกว้ เรือ่ ง แรง ร้อยแกว้

กระทบ - แบบประเมนิ :

การอา่ นออกเสยี ง

รอ้ ยแกว้

- ใบงานท่ี ๑ เรอื่ ง

การอ่านออกเสยี ง นกั เรียน
บทรอ้ ยแกว้ เร่อื ง ตอ้ งได้
แรงกระทบ
คะแนน
๒ ๑. บอกหลกั การสรปุ ขอ้ คิดจากเรอ่ื งทอ่ี า่ นไดถ้ ูกต้อง - ตรวจผลงาน - แบบประเมนิ : ๖๐ %

๒. สรปุ ข้อคิดจากเรื่องที่อา่ นไดถ้ กู ตอ้ ง - ตรวจใบงานท่ี ๒ การบอกหลกั การ ข้นึ ไป

๓. เห็นคุณค่าของการสรปุ ขอ้ คิดจากเรอื่ งทอ่ี า่ น สรปุ คดิ พนิ ิจ สรปุ ข้อคดิ จากเรือ่ ง

พิจารณา ทอ่ี ่าน

- แบบประเมิน :

การสรปุ ข้อคิดจาก

เรื่องท่อี า่ น

- ใบงานท่ี ๒ เรื่อง

สรุปคิดพินจิ

พิจารณา

๓ ๑. บอกสาระสำคัญของการคดั ลายมอื ได้ถกู ต้อง - ตรวจผลงาน - แบบประเมนิ :

๒. คัดลายมือได้ถกู ต้อง - ตรวจใบงานที่ ๓ การบอก

๓. เห็นถึงความสำคญั ของการคัดลายมือได้ถูกตอ้ ง เขียนดีพาสุขสันต์

ท่ี กจิ กรรมและช้นิ งานที่สำคญั การวัดและประเมนิ ผล เกณฑ์
วิธีการวัด เครอ่ื งมือที่ใช้วดั การ
ผ่าน
๔ ๑. บอกสาระสำคญั ของการเขยี นแผนภาพความคิด - ตรวจผลงาน สาระสำคญั ของ
การคดั ลายมอื นักเรียน
ไดถ้ ูกตอ้ ง - ตรวจใบงานท่ี ๔ - แบบประเมิน : ตอ้ งได้
การคดั ลายมอื คะแนน
๒. เขยี นแผนภาพความคิดไดถ้ ูกต้อง เขยี นแผนภาพ - ใบงานที่ ๓ เรื่อง ๖๐ %
เขยี นดีพาสุขสันต์ ขึ้นไป
๓. เหน็ ความสำคญั ของการเขียนแผนภาพความคิด จรรโลงใจ - แบบประเมนิ :
บอกสาระสำคัญ
ไดถ้ กู ต้อง ของการเขยี น
แผนภาพความคิด
๕ ๑. บอกสาระสำคญั ของการแตง่ ประโยคได้ถกู ต้อง - ตรวจผลงาน - แบบประเมิน :
การเขียนแผนภาพ
๒. แตง่ ประโยคไดถ้ ูกต้อง - ตรวจใบงานที่ ๕ ความคิด
- ใบงานท่ี ๔ เรื่อง
๓. เห็นถงึ ความสำคัญของการแต่งประโยคได้ถูกตอ้ ง ชวนคิด ชวนแตง่ เขียนแผนภาพ
จรรโลงใจ
ประโยค - แบบประเมิน :
บอกสาระสำคญั
ของการแต่ง
ประโยค
- แบบประเมิน :
แต่งประโยค
- ใบงานที่ ๕ เร่ือง
ชวนคิด ชวนแต่ง
ประโยค

การวัดและประเมนิ ผล

ท่ี กจิ กรรมและช้นิ งานท่ีสำคัญ วธิ ีการวัด เกณฑ์
เครอื่ งมือท่ีใชว้ ดั การ

ผา่ น

๖ ๑. บอกสาระสำคญั ของสำนวนไทยไดถ้ กู ตอ้ ง - ตรวจผลงาน - แบบประเมนิ :

๒. นำสำนวนไทยมาใชใ้ นการแตง่ ประโยคได้ถูกต้อง - ตรวจใบงานที่ ๖ การบอก นักเรยี น
สาระสำคัญของ ต้องได้
๓. ตระหนักถงึ คุณค่าของสำนวนไทย เลน่ สำนวน ชวนฝนั สำนวนไทย คะแนน
- แบบประเมิน : ๖๐ %
การนำสำนวนไทย ขนึ้ ไป
มาใช้ในการแต่ง

ประโยค

- ใบงานที่ ๖ เรอื่ ง

เลน่ สำนวน ชวนฝนั

๙. สอื่ และแหลง่ การเรียนรู้

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑ - ใบความรู้ เรอื่ ง หลกั การอา่ นออกเสียง

- ใบงาน เรอ่ื ง การอ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ เรือ่ ง แรงกระทบ

- Powerpoint เรอ่ื ง หลักการอ่านออกเสียง

- หนงั สือเรยี นภาษาพาทชี ั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๕

- ส่อื กระดานอ่านออกเสียงพาเพลิน

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒ - ใบความรู้ เรื่อง หลกั การการสรปุ ข้อคดิ จากเรื่องทอ่ี า่ น

- ใบงาน เรือ่ ง สรุปคิดพนิ จิ พจิ ารณา

- Powerpoint เรอื่ ง หลกั การการสรุปข้อคิดจากเรื่องท่อี ่าน

- หนงั สือเรยี นภาษาพาทีช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕

- ส่อื กระดานสนุกคิด หรรษา

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ - ใบความรู้ เรือ่ ง การคดั ลายมอื

- ใบงาน เร่อื ง เขยี นดีพาสุขสนั ต์

- Powerpoint เร่อื ง การคดั ลายมือ

- หนงั สอื เรียนภาษาพาทีช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕

- ส่อื กระดานชวนเขยี น พาเพลนิ

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๔ - ใบความรู้ เรื่อง การเขียนแผนภาพความคดิ

- ใบงาน เรื่อง เขียนแผนภาพจรรโลงใจ

- Powerpoint เรอ่ื ง การเขียนแผนภาพความคดิ

- หนังสอื เรียนภาษาพาทชี ั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๕

- สอื่ กระดานภาพคดิ ภาพฝัน

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ - ใบความรู้ เรือ่ ง การแต่งประโยค

- ใบงาน เร่อื ง ชวนคิด ชวนแต่งประโยค

- Powerpoint เร่อื ง การแต่งประโยค

- หนังสอื เรยี นภาษาพาทชี ้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๕

- ส่ือชดุ ฝกึ แต่งประโยค

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๖ - ใบความรู้ เร่ือง สำนวนไทย

- ใบงาน เรอ่ื ง เลน่ สำนวนชวนฝัน

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
- Powerpoint เรอ่ื ง สำนวนไทย
- ส่อื บตั รคำสำนวน
- ส่ือกระดานสำนวนชวนฝัน

๑๐. แผนการจดั การเรียนรรู้ ะดบั หนว่ ย

ชือ่ แผนการจัดการเรยี นรู้ / จุดประสงค์การเรยี นรู้ กิจกรรมสำคญั
แผนที่ มาตรฐานการเรียนรู้และ

ตัวช้วี ัด

๑ - หลกั การอ่านออกเสียง เมื่อนกั เรียนเรยี นเรอ่ื งการอา่ นออก - เรียนรหู้ ลกั การอา่ นออก

ท ๑.๑ ป.๕/๑ เสยี ง แล้วนักเรยี นสามารถ เสยี ง

ท ๑.๑ ป.๕/๒ ๑. บอกสาระสำคญั ของการอ่านออก - อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้

ท ๑.๑ ป.๕/๗ เสยี งไดถ้ กู ตอ้ ง เร่ือง แรงกระทบ

ท ๑.๑ ป.๕/๘ ๒. อ่านออกเสียงรอ้ ยแก้วได้ถูกต้อง - นกั เรยี นแสดงความรแู้ ละ

๓. เห็นถงึ ความสำคญั ของการอา่ นออก ความคิดเห็นเก่ียวกบั การ

เสียงได้ถูกตอ้ ง ออกออกเสียง

- นกั เรียนทำใบงาน

- สรุปความรู้

๒ - หลักการการสรุปขอ้ คดิ เม่อื นกั เรยี นเรยี นเรอ่ื งการสรปุ ข้อคิด - เรียนรู้หลักการการสรุป

จากเร่ืองทอี่ า่ น จากเร่อื งที่อา่ น แล้วนักเรยี นสามารถ ขอ้ คิดจากเรอื่ งท่ีอ่าน

ท ๑.๑ ป.๕/๕ ๑. บอกหลกั การสรุปขอ้ คดิ จากเรอ่ื งที่ - เสนอตวั อย่างการสรปุ

ท ๑.๑ ป.๕/๘ อา่ นไดถ้ ูกตอ้ ง ขอ้ คิดจากเร่ืองทอ่ี า่ น

๒. สรปุ ข้อคิดจากเรือ่ งทอ่ี า่ นไดถ้ ูกต้อง - นักเรยี นแสดงความรู้และ

๓. เห็นคณุ ค่าของการสรุปข้อคดิ จาก ความคิดเหน็ เกยี่ วกบั การ

เร่อื งท่อี ่าน สรุปขอ้ คิดจากเรอื่ งท่อี ่าน

- นกั เรียนทำใบงาน

- สรปุ ความรู้

๓ การคดั ลายมอื เม่อื นักเรยี นเรียนเรื่องการคดั ลายมือ - เรียนรู้สาระสำคัญของการ

ท ๒.๑ ป.๕/๑ แลว้ นกั เรียนสามารถ คัดลายมอื

ท ๒.๑ ป.๕/๙ ๑. บอกสาระสำคญั ของการคดั ลายมือได้ - เสนอตัวอยา่ งการคดั

ถกู ต้อง ลายมอื

๒. คัดลายมือได้ถูกต้อง - ฝึกคดั ลายมอื

๓. เห็นถึงความสำคัญของการคัดลายมอื

ได้ถกู ตอ้ ง

ช่ือแผนการจัดการเรยี นรู้ / จดุ ประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมสำคัญ
แผนที่ มาตรฐานการเรยี นรู้และ

ตวั ชว้ี ัด

- นักเรียนแสดงความรู้และ

ความคิดเหน็ เกีย่ วกบั การคัด

ลายมอื

- นักเรียนทำใบงาน

- สรุปความรู้

๔ การเขยี นแผนภาพความคิด เมอ่ื นกั เรยี นเรยี นเรอื่ งการเขียนแผนภา - เรียนร้สู าระสำคญั ของการ

ท ๒.๑ ป.๕/๓ ความคิด แล้วนกั เรยี นสามารถ เขียนแผนภาพความคิด

ท ๒.๑ ป.๕/๙ ๑. บอกสาระสำคญั ของการเขยี น - เสนอตวั อย่างการเขยี น

แผนภาพความคิดไดถ้ กู ตอ้ ง แผนภาพความคิด

๒. เขียนแผนภาพความคิดไดถ้ กู ตอ้ ง - ฝึกเขียนแผนภาพความคิด

๓. เหน็ ความสำคญั ของการเขยี น - นักเรยี นแสดงความรู้และ

แผนภาพความคิดไดถ้ ูกต้อง ความคิดเหน็ เก่ียวกบั การ

เขียนแผนภาพความคิด

- นกั เรยี นทำใบงาน

- สรปุ ความรู้

๕ การแต่งประโยค เมื่อนกั เรียนเรยี นเร่อื งการแต่งประโยค - เรียนรู้สาระสำคัญของการ

ท ๔.๑ ป.๕/๑ แลว้ นักเรียนสามารถ แตง่ ประโยค

ท ๔.๑ ป.๕/๒ ๑. บอกสาระสำคัญของการแตง่ ประโยค - เสนอตวั อย่างการแต่ง

ได้ถูกตอ้ ง ประโยค

๒. แต่งประโยคไดถ้ ูกตอ้ ง - ฝกึ แต่งประโยค

๓. เหน็ ถึงความสำคญั ของการแต่ง - นกั เรยี นแสดงความรแู้ ละ

ประโยคได้ถกู ต้อง ความคดิ เห็นเก่ยี วกับการ

แตง่ ประโยค

- นักเรียนทำใบงาน

- สรปุ ความรู้

ช่ือแผนการจัดการเรียนรู้ / จุดประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมสำคญั
แผนท่ี มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละ

ตัวชวี้ ัด

๖ สำนวนไทย เมือ่ นกั เรียนเรยี นเรื่องสำนวนไทย แลว้ - เรียนรู้สาระสำคัญของ

ท ๔.๑ ป.๕/๗ นักเรียนสามารถ สำนวนไทย

๑. บอกสาระสำคญั ของสำนวนไทยได้ - เสนอตัวอยา่ งสำนวนไทย

ถกู ต้อง - ฝึกจำแนกสำนวนไทย

๒. นำสำนวนไทยมาใช้ในการแต่ง - นักเรยี นแสดงความรูแ้ ละ

ประโยคได้ถกู ต้อง ความคดิ เห็นเกีย่ วกับสำนวน

๓. ตระหนักถงึ คุณค่าของสำนวนไทย ไทย

- นกั เรียนทำใบงาน

- สรปุ ความรู้

๑๑. แผนการจัดการเรยี นรู้ระดบั ปฏบิ ตั ิการ (รายคาบ)

แผนการจดั การเรยี นรู้

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑๕ แรงกระทบ

เร่อื ง สำนวนไทย

รหัส ท ๒๑๑๐๒ ช่ือรายวชิ า ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย

ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง

ครสู นุ ิดา ศรีสมยั

_________________________________________________________________________

มาตรฐานการเรยี นรู้
ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ

ภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ

ตวั ชี้วัด
ป. ๖/๖ วเิ คราะหแ์ ละเปรยี บเทยี บสำนวนทเ่ี ปน็ คำพังเพยและสภุ าษติ

สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
สำนวนไทย คือ ถอ้ ยคำทีเ่ รียบเรียงเปน็ ข้อความ หรอื คำพูดที่เป็นช้นั เชิงไม่ตรงตามรูปแบบภาษา

เปน็ ถอ้ ยคำหรือ คำพูดที่มลี ักษณะเฉพาะตัว มคี วามหมายเปน็ นยั แฝงอยู่ กินใจความกว้าง หรือลึกซึ้ง
นำมาใช้ให้มีความหมายแตกตา่ งไปจากความหมายเดิมของคำ ๆ นนั้

สาระการเรียนร้/ู เน้ือหาย่อย
ความรู้ (K)
๑. เพื่อให้นักเรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจเกย่ี วกับสำนวนไทย

ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
๑. เพอื่ ให้นกั เรียนสามารถนำสำนวนไทยมาใช้ในการแต่งประโยคจากเร่ืองเสียแล้วไม่กลับคืน

ไดถ้ กู ตอ้ ง
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
๑. เพ่อื ให้นกั เรียนสามารถนำสำนวนไทยมาใช้ในการแตง่ ประโยคจากเรื่องเสียแล้วไม่กลับคืน

ไปเปน็ แนวทางในการนำสำนวนไทยมาใช้ในการแตง่ ประโยคเร่ืองอื่น ๆ ได้

การประเมินผลรวบยอด
ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
กจิ กรรม “เลน่ สำนวน ชวนฝนั ”

กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำ
๑. ครูกล่าวทักทายนักเรียน และครูให้นกั เรียนดูบตั รคำเร่ืองสำนวนไทย ครูและนกั เรียนรว่ ม

สนทนา ครเู ช่อื มโยงเข้าสู่บทเรียน (K, P)
ขัน้ สอน
๑. ครแู จกใบความร้เู ร่อื ง สำนวนไทย พรอ้ มทั้งอธิบายความหมายของสำนวนไทย สาเหตุทเ่ี กิด

สำนวนไทย ลักษณะของสำนวนไทย การนำสำนวนไทยไปใช้ในการในการสื่อสาร และยกตัวอย่าง
พร้อมใช้สื่อประกอบการสอน (K, P)

๒. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๖ กลุ่ม โดยวิธีการให้นักเรียนออกมาหยิบดอกไม้คนละ ๑ ดอก
และนักเรียนที่หยิบดอกไม้สีเดียวกันรวมกลุม่ กัน และให้นักเรียนทำกิจกรรม “เล่นสำนวนชวนฝัน”
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเรียงคำให้เป็นสำนวนไทยแล้วนำสำนวนไทยมาแต่งประโยค
โดยครูชี้แจงให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านคำที่ติดอยู่ดอกไม้แต่ละดอกให้ถูกต้อง เรียงลำดับคำให้เป็น
สำนวน และนำสำนวนมาแตง่ ประโยค พร้อมท้ังออกมานำเสนอหน้าช้ันเรยี น (K)

๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านคำที่ติดอยู่ดอกไม้แต่ละดอกและเรียงลำดับคำให้เป็นสำนวน และ
นำสำนวนมาแต่งประโยค พร้อมทง้ั คัดเลอื กตัวแทน และเตรียมตัวออกมานำเสนอหนา้ ช้นั เรียน (P)

๔. ตวั แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชน้ั ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปราย
พรอ้ มท้ังครูให้ขอ้ เสนอแนะและใหค้ วามรเู้ พมิ่ เตมิ (P, K)

ขนั้ สรปุ
๑. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปกจิ กรรม “เล่นสำนวนชวนฝนั ” เปน็ กจิ กรรมทีใ่ หน้ ักเรียนแต่ละ

กลุ่มเรียงคำเป็นสำนวนไทยแล้วนำสำนวนไทยมาแต่งประโยค (K) นักเรียนสามารถทำกิจกรรมได้
ถกู ตอ้ ง สะทอ้ นใหเ้ ห็นวา่ นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ และสามารถนำความรู้มาใชใ้ นการทำกิจกรรม
(P)

๒. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้เรื่อง สำนวนไทย เป็นถ้อยคำที่เรียบเรียงเป็น
ขอ้ ความ หรอื คำพูดทเี่ ปน็ ชัน้ เชงิ ไม่ตรงตามรูปแบบภาษาเป็นถ้อยคำหรือ คำพูดท่มี ีลักษณะเฉพาะตัว
(K) จากทีน่ ักเรยี นได้เรยี นและทำกิจกรรม ทำนักเรียนเกิดองค์ความรู้ (P) และสามารถนำความรู้การ
นำสำนวนไทยมาใช้ในการแต่งประโยคจากเรื่อง เสียแลว้ ไมก่ ลับคนื ไปเปน็ แนวทางในการนำสำนวน
ไทยมาใช้ในการแต่งประโยคอื่น ๆ ได้ (A)

การวัดและประเมินผล
วธิ กี ารวดั ประเมนิ ผล
๑. แบบประเมินกิจกรรม “เล่นสำนวนชวนฝัน” เป็นการวัดผลประเมินผลของนักเรียนราย

กลุ่มเกี่ยวกับการนำสำนวนไทยมาใช้ในการแต่งประโยคจากเรื่องเสียแล้วไม่กลับคืน โดยมีประเด็น
การวัดผล ดังนี้ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสำนวนไทย สามารถนำสำนวนไทยมาใช้ในการแต่ง
ประโยคจากเรื่องเสียแล้วไมก่ ลบั คนื ได้ถูกต้อง ความร่วมมอื ในการทำงานกล่มุ อย่างสามคั คี และความ
สะอาดเป็นระเบียบของใบกิจกรรม จากน้ันครูประเมินกิจกรรม “เล่นสำนวนชวนฝัน” เพื่อใช้ไปเป็น
แนวทางในการปรับปรงุ พัฒนานักเรียนและการจัดการเรยี นการสอนของครูในครงั้ ต่อ ๆ ไป

เคร่ืองมือในการวดั ผลประเมินผล
๑. กิจกรรม “เล่นสำนวนชวนฝัน” เป็นกิจกรรมกลุ่มที่ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มใช้ความรู้ความ

เข้าใจเกยี่ วกับสำนวนไทย (K) พร้อมทั้งสามารถนำสำนวนไทยมาใช้ในการแตง่ ประโยคจากเรอ่ื ง เสีย
แล้วไม่กลับคืนได้ถกู ต้อง ซงึ่ ทำให้นักเรียนเกิดองค์ความรู้ (P) และสามารถนำสำนวนไทยมาใช้ในการ
แตง่ ประโยคจากเรือ่ งเสยี แล้วไม่กลับคืนไปเป็นแนวทางในการนำสำนวนไทยมาใช้ในการแตง่ ประโยค
เรื่องอ่ืน ๆ ได้ (A)

เกณฑ์การวดั ประเมินผล
๑. แบบประเมินกิจกรรม “เล่นสำนวนชวนฝัน” ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๖๐ คิดเป็นคะแนน ๗

คะแนน จากคะแนนเต็ม ๑๒ คะแนน อยใู่ นระดับดี

ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้
๑. ใบความรู้ เรอ่ื ง สำนวนไทย
๒. บตั รคำสำนวน
๓. กระดานสำนวนชวนฝัน

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลังเรยี น

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ จำนวน ๑๐ ข้อ
คำสั่ง ให้นักเรียนเลอื กคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุด

๑. ข้อใดมีความหมาย ตรงกับคำว่า "กินปนู ร้อน ๔. "ปดั สวะใหพ้ น้ ตวั " มีความหมายตรงกบั ข้อใด
ท้อง" ก. การเตือนใหร้ จู้ ักรักษาความสะอาดทง้ั ในบ้าน
ก. คนทำผิดมักกระวนกระวายใจ และนอกบา้ น
ข. คนทำผิดมกั จะชอบแกต้ ัว ข. การมีนสิ ัยมักงา่ ย ปดั ภาระให้พ้นตัว
ค. คนทำผดิ มกั จะแสดงอาการพิรธุ ออกมา ค. การไม่รับผดิ ชอบในงานทตี่ นไดร้ ับมอบหมาย
ง. คนทำผดิ มักจะเผลอบอกโดยไมร่ ตู้ วั ง. การรักษาผลประโยชนข์ องตนโดยไมใ่ ส่ใจว่าผู้อื่น
จะเดือดร้อนเพราะการน้นั
๒. เขาเปน็ คนมีอำนาจ สามารถช้ีต้นตาย ปลาย
เปน็ ตรงกับข้อใด ๕. "สิง่ ทเี่ ปน็ ภัยอยใู่ กลต้ ัว" ใช้สำนวนว่าอยา่ งไร
ก. ใชใ้ ห้ตายให้เป็นได้ ก. หนเี สือปะจระเข้
ข. ทำอะไรก็ได้ ข. ขว้างงูไมพ่ ้นคอ
ค. มอี ำนาจคับฟา้ ค. หนามยอกอก
ง. วา่ อยา่ งไรเป็นอย่างน้นั ง. ชา้ งสาร งูเหา่ ข้าเก่าเมียรัก

๓. การทำอะไรไปลว่ งหน้า ทงั้ ๆ ทไ่ี มท่ ราบถึง ๖. "คนท่ที ำสิง่ ใดโดยวิธรี ุนแรง" กลา่ วเป็นสำนวน
ผลลพั ธ์ กลา่ วเปน็ สำนวนอปุ มา อย่างไร ไดอ้ ยา่ งไร
ก. น้ำลอดใต้ทราย ก. นำ้ เช่ยี วอย่าเอาเรือขวาง
ข. หวังน้ำบ่อหน้า ข. หกั ด้ามพร้าด้วยเข่า
ค. หวา่ นพชื หวงั ผล ค. ตัดไปหัวลม
ง. ไม่เหน็ น้ำตดั กระบอก ง. ขงิ ก็ราขา่ กแ็ รง

๗. "หาความเดอื ดร้อนใสต่ ัวเองโดยใช่เหตุ" กล่าว
เปน็ อุปมาว่าอย่างไร
ก. เอาเนื้อมาสู้เสอื
ข. เอามอื ซกุ หบี
ค. เอาเน้ือไปแลกกับหนงั
ง. เอาทองไปรกู่ ระเบื้อง

๘. สำนวนใด "มุ่งสอนผหู้ ญิงโดยเฉพาะ"
ก. ชงิ สกุ ก่อนหา่ ม
ข. ปลกู เรือนครอ่ มตอ
ค. นำ้ ตาลใกลม้ ด
ง. กนิ น้ำใตศ้ อก

๙. "อยดู่ ไี ม่วา่ ดีไปเอาลูกเขามาเล้ยี ง เปน็ การ
...................แท้ ๆ"
ก. แกว่งเทา้ หาเสย้ี น
ข. เอามือซุกหีบ
ค. พุ่งหอกเข้ารก
ง. หาเหาใสห่ วั

๑๐. สำนวนข้อใดมรี ากฐานจากสภาพแวดล้อมท่ี
อยหู่ า่ งไกลตัวเราทีส่ ุด
ก. ตเิ รอื ทัง้ โกลน
ข. ถอยหลังเข้าคลอง
ค. ชกั แมน่ ้ำทัง้ ห้า
ง. ขนทรายเขา้ วดั

แบบทดสอบหลงั เรยี น จำนวน ๑๐ ขอ้
กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๕
คำส่งั ให้นักเรียนเลือกคำตอบท่ีถกู ตอ้ งทส่ี ุด

๑. สำนวนใด มคี วามหมายแสดงความเสยี เปรียบ ๔. การแสดงความวติ กกงั วลเกินกวา่ เหตุ กล่าวเป็น
ก. กนิ น้ำใตศ้ อก สำนวนไทยวา่ อย่างไร
ข. ตาบอดไดแ้ ว่น ก. ตีงใู ห้กากนิ
ค. อาภพั เหมอื นปนู ข. ตตี นไปก่อนไข้
ง. ใกลเ้ กลอื กินดา่ ง ค. ใจดีส้เู สอื
ง. อกสง่ั ขวญั แขวน

๒. "แกงจืดจึงรูค้ ุณเกลือ" หมายความว่าอยา่ งไร ๕."วันพรุ่งน้ีสอบ คนื นคี้ ่อยดูหนงั สือ" ตรงกับ
ก. ของไมม่ รี าคาแต่มคี า่ สำนวนใด
ข. ของดแี ตไ่ มม่ รี าคา ก. หวังน้ำบ่อหน้า
ค. ทง้ิ ไปแลว้ กลับเสยี ดายภายหลัง ข. ใจดีส้เู สือ
ง. นึกถึงคุณคา่ ของส่งิ ทค่ี ิดว่าไมม่ ปี ระโยชน์ ค. ตำข้าวสารกรอกหมอ้
ง. ชา้ ๆ ไดพ้ ร้าสองเลม่ งาม

๓. ขอ้ ใดมสี ำนวนไม่สมั พันธก์ นั ๖. การทำอะไรทต่ี ้องเสยี ทรพั ย์มากมายแล้วได้ผล
ก. ขม้นิ กับปนู นุ่นกบั ไฟ ไมค่ ุม้ ค่ากบั เงนิ ทองทต่ี ้องเสียไป ตรงกบั สำนวนใด
ข. เสือซอ่ นเลบ็ คมในฝัก ก. ตีงใู หก้ ากนิ
ค. กนั ดกี วา่ แก้ ตดั ไฟตน้ ลม ข. ตำนำ้ พริกละลายแม่นำ้
ง. เสน้ ผมบังภูเขา หญา้ ปากคอก ค. ถ่ลี อดตาชา้ ง ห่างลอดตาเลน็
ง. เสยี น้อยเสียยาก เสียมากเสียนาน

๗. ตา่ งคนต่างแรงไมย่ อมกนั ตรงกับสำนวนใด
ก. ไก่เหน็ ตีนงู งเู หน็ นมไก่
ข. ขนมพอสมน้ำยา
ค. ขงิ ก็ราขา่ ก็แรง
ง. เกลือจิม้ เกลอื

๘. ให้ระมัดระวังคำพูดและการกระทำใหด้ ี อาจมี
คนไดย้ นิ หรือเหน็ ได้ ตรงกบั สำนวนใด
ก. ตาเปน็ นกแขวก
ข. ตาเปน็ สบั ปะรด
ค. ตาเฟื้องตาสลงึ
ง. กำแพงมีหู ประตมู ชี อ่ ง

๙. "พดู ให้เขวไปนอกเรื่อง" ตรงกบั สำนวนข้อใด
ก. ชกั ใบใหเ้ รอื เสีย
ข. ชักน้ำเขา้ ลึก
ค. ชกั ศึกเขา้ บ้าน
ง. ชักแม่นำ้ ทง้ั ห้า

๑๐. "เกลยี ดส่ิงใดได้สงิ่ นัน้ " ตรงกบั ขอ้ ใด
ก. เกลยี ดเข้ากระดูกดำ
ข. เกลยี ดความความถงึ
ค. ไก่เหน็ ตนี งู งเู หน็ นมไก่
ง. เกลยี ดตวั กนิ ไข่ เกลยี ดปลาไหลกนิ นำ้ แกง

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรยี น

กอ่ นเรียน หลังเรยี น

๑. ค ๑. ก
๒. ง ๒. ง
๓. ง ๓. ก
๔. ง ๔. ข
๕. ง ๕. ค
๖. ข ๖. ข
๗. ข ๗. ค
๘ง ๘. ง
๙. ง ๙. ก
๑๐. ค ๑๐. ข

ส่อื /นวตั กรรม

ใบความรู้เรอ่ื ง สำนวนไทย

ความหมายของสำนวนไทย

สำนวนไทย คอื ถอ้ ยคำที่เรยี บเรยี งเปน็ ขอ้ ความ หรอื คำพูดท่ีเปน็ ชัน้ เชงิ ไมต่ รงตามรปู แบบภาษา
เปน็ ถอ้ ยคำหรือ คำพูดท่มี ีลักษณะเฉพาะตวั มคี วามหมายเปน็ นัยแฝงอยู่ กินใจความกวา้ งหรือลกึ ซ้งึ
นำมาใช้ใหม้ ีความหมายแตกตา่ งไปจากความหมายเดิมของคำ ๆ น้ัน

สาเหตทุ ่ีเกดิ สำนวนไทย

สาเหตุของการเกิดสำนวนไทย มีดงั นี้
๑. ตอ้ งการคำเพ่ือส่อื สารความรูส้ กึ ใหเ้ ขา้ ใจ เม่อื เกดิ ความต้องการคำใหเ้ พียงพอกับ

ความรสู้ กึ จงึ ตอ้ งคดิ คำใหม่อาจองิ คำเดิม แตเ่ ปล่ียนความหมายไปบา้ ง หรอื คล้ายความหมายเดิม
๒. หลีกเลย่ี งการใชค้ ำบางคำ ซ่งึ ถา้ ใชแ้ ล้วอาจหยาบคาย หรอื กอ่ ให้เกิดความไมส่ บายใจ

เช่น ไม้ใกล้ฝ่ัง หมายถงึ แก่ใกล้จะตาย เปน็ ตน้
๓. เพือ่ ให้สุภาพ หรอื เหมาะสมกับฐานะของบุคคล เชน่ ทำตัวไม่เหมาะสมพดู จาไมไ่ พเราะ

ใชก้ ับสำนวนทวี่ ่า สำเนียงสอ่ ภาษากริ ิยาส่อสกุล เป็นตน้
๔. ต้องการให้คำพูดมีรสชาตหิ รือเกิดภาพให้ชดั เจนมากข้ึน เชน่ เธอเปน็ คนข้ีเกยี จมากนะ

งานกไ็ มท่ ำสกั ทีชอบปลอ่ ยให้งานค่ังคา้ งสะสม ตรงกบั สำนวนท่ีวา่ ดนิ พอกหางหมู เปน็ ตน้

ลกั ษณะสำนวนไทย

สำนวนไทยมลี ักษณะดังน้ี
๑. มลี กั ษณะเปน็ ความเปรยี บหรืออุปมาอุปไมยถึงสง่ิ ตา่ ง ๆ ดังนี้ อุปมา คือสิ่งหรือขอ้ ความ

ทีย่ กมาเปรยี บสง่ิ หนงึ่ ว่าเหมอื นอกี สง่ิ หนงึ่ มักจะมีคำว่า เหมอื น เปรยี บ ส่วนอปุ ไมย คือ สิ่งหรอื ขอ้ ความที่
เปรยี บเทยี บกบั สิ่งอนื่ เพ่ือใหเ้ ข้าใจแจม่ แจ้งใช้คู่กบั อุปมา เช่น เงยี บเหมอื นเปา่ สาก เปน็ การกล่าว
เปรียบเทยี บถึงลกั ษณะความเงียบ เปน็ ต้น

๒. ถอ้ ยคำมีความไพเราะ การใชถ้ อ้ ยคำในสำนวนไทยมกั ใช้ถอ้ ยคำสละสลวยมสี มั ผสั คลอ้ ง
จองเนน้ การเล่นเสียงสมั ผัสสระ สมั ผัสอักษร ให้เสียงกระทบกระทงั่ กนั เกิดความไพเราะน่าฟงั ทงั้ สมั ผัส
ภายในวรรคและระหวา่ งวรรค มีการจดั จงั หวะคำหลายรปู แบบ ไดแ้ ก่

๒.๑ เปน็ กลุม่ คำซอ้ น ๔ คำ เช่น กอ่ กรรมทำเขญ็ ค่เู รยี งเคียงหมอน เปน็ ตน้
๒.๒ เปน็ กลมุ่ คำซอ้ น ๖ คำ เช่น ขงิ ก็ราข่าก็แรง ข้ีก้อนใหญ่ใหเ้ ดก็ เห็น เปน็ ต้น
๒.๓ เป็นกลมุ่ คำซ้อน ๘ คำ หรือมากกว่าบ้าง เช่น ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะ
แตง่ กนิ อยู่กบั ปากอยากอยู่กับทอ้ ง เปน็ ต้น
๓. มลี ักษณะเปน็ คำคม คือ ถ้อยคำท่ีเปน็ คารม หรอื โวหารอนั คมคายเป็นคำพูดทีใ่ หแ้ ง่คิดมี
ความหมายลึกซึง้ กนิ ใจ เชน่ ใกล้เกลือกนิ ดา่ ง หมายถงึ มองข้ามของดที อ่ี ย่ใู กลต้ ัวซึ่งจะเป็นประโยชน์แกต่ น
กลับไปแสวงหาสิ่งอนื่ ที่ด้อยกว่า เป็นตน้
๔. มลี กั ษณะเปน็ บคุ ลาธษิ ฐาน คอื สำนวนที่นำคำกรยิ าทใี่ ช้สำหรบั มนษุ ย์ไปใช้กบั สตั ว์หรอื

สิ่งไม่มีชวี ติ ทำให้สง่ิ เหล่านัน้ มีอารมณก์ ิรยิ า ความร้สู ึกนึกคดิ เหมือนคน เช่น นำ้ พง่ึ เรือเสือพึ่งป่า

กระต่ายตื่นตูม วัวลืมตีน เป็นตน้

การนำสำนวนไทยไปใชใ้ นการในการสอื่ สาร

การนำสำนวนไทยไปใช้ในการส่ือสารหรอื แนวทางการนำสำนวนไทยไปใชใ้ นการส่อื สาร มีดงั นี้
๑. เพื่อแสดงวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยมของคนไทย แสดงให้เหน็ ถึงรากเหง้าของคน

ไทย คือ คนไทยชอบเปรียบเปรย เช่น งงมากจนทำอะไรไม่ถกู ไมร่ ูจ้ ะทำยงั ไง ตรงกบั สำนวนไทยท่วี า่ งงเปน็
ไกต่ าแตก เปน็ ต้น

๒. ใช้ในการส่อื สาร เพ่อื เปรยี บเทยี บใหเ้ ห็นภาพพจนท์ ่ชี ดั เจนยงิ่ ขนึ้ แทนท่จี ะอธบิ ายยาว
ๆ ก็ใช้สำนวนแทน

๓. ใชแ้ สดงภมู ปิ ัญญาภูมริ ูข้ องคน แสดงให้ถงึ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การตีความ
๔. ใช้เพอ่ื ความบันเทงิ เล่นเป็นเกม ในกิจกรรมค่ายตา่ ง ๆ เช่น ต่อสำนวน ใบ้สำนวน บตั ร
คำสำนวน เกมส์เศรษฐีสำนวนไทย เป็นตน้
๕. การใช้สำนวนท่ถี ูกต้องเหมาะสม สามารถส่ือความหมายไดอ้ ย่างชัดเจนถกู ตอ้ งและ
รวดเร็ว โดยทว่ั ไปเราใช้สำนวนเพอ่ื การสือ่ สารในกรณีตอ่ ไปนี้

๕.๑ ใช้ในการจงู ใจ เช่น แพเ้ ปน็ พระ ชนะเปน็ มาร หมายถงึ การยอมแพ้ทำให้เรือ่ ง
สงบลงได้ การไมย่ อมแพ้ทำให้เรื่องไม่สงบ เป็นต้น

๕.๒ ใชข้ ยายความหรือเนน้ ความเขา้ ใจ เช่น หนเี สือปะจระเข้ หมายถึง หนภี ยั
อันตรายอยา่ งหน่ึง กลบั ต้องพพบกบั ภัยอันตรายอกี อยา่ งหนงึ่ เปน็ ตน้

๕.๓ ใช้แทนถอ้ ยคำท่ีไม่ตอ้ งการกลา่ วตรง ๆ เช่น เฒา่ หวั งู ใชก้ ับคนแก่หรือคน
สงู อายุที่ทำเจา้ ชู้กับเด็กสาว คนแกเ่ จา้ เล่ห์ เปน็ ตน้

๕.๔ ใช้เพ่ิมสีสันและความสละสลวยของถ้อยคำในการสือ่ สาร เชน่ ขา้ วแดงแกง
ร้อน หมายถึง บุญคุณที่ผู้มีพระคุณเคยไดใ้ ห้ความช่วยเหลอื เป็นต้น

ตัวอยา่ งการนำสำนวนไทยมาใช้ในการส่อื สาร

ทำนาบนหลังคน
ความหมาย คนที่เหน็ แก่ได้ หาผลประโยชนใ์ ส่ตนเอง โดยใช้วิธเี บยี ดเบียน ขูดรดี เอารัดเอาปรยี บผ้อู ื่น
ตวั อยา่ งประโยค เฮียเกง่ ชอบทำนาบนหลังคน

กบในกะลาครอบ
ความหมาย คนท่ขี าดวสิ ัยทัศน์มองเหน็ แต่สง่ิ ที่อยู่ใกลต้ ัวเท่าน้ัน
ตัวอย่างประโยค อิงอิงทำตัวเหมือนกบในกะลาครอบ

กระต่ายตน่ื ตูม
หมายถึง ตนื่ กลวั เกนิ กว่าเหตุ
ตวั อย่างประโยค ฟ้าทำตวั เป็นกระตา่ ยตน่ื ตมู

ลิงหลอกเจ้า
หมายถึง กริยาหยอกลอ้ ลอ้ เลียนผู้ใหญห่ รือผู้ทม่ี ีอายมุ ากกว่าในเวลาท่เี ขาเผลอ
ตัวอยา่ งประโยค สุชาดาเป็นพวกลงิ หลอกเจ้า

เสือซอ่ นเล็บ
หมายถึง ผ้ทู มี่ ีความเกง่ กลา้ สามารถแต่ไมย่ อมแสดงออกมาใหป้ รากฏ
ตัวอยา่ งประโยค ธิติทำตวั เปน็ เสอื ซอ่ นเลบ็

ค่มู ือการใช้สอ่ื
กระดานสำนวนชวนฝัน

สือ่ การสอน (ขน้ั สอน)

สอ่ื การสอน เรอ่ื ง สำนวนไทย

กระดานสำนวนชวนฝัน คอื สื่อที่ใช้ประกอบแผนการจดั การเรียนรู้ เร่อื ง สำนวนไทย ซ่ึงเป็นสอื่
ประกอบกิจกรรมในขัน้ สอน โดยใหน้ ักเรยี นดภู าพประกอบสำนวน และหาสำนวน ใหต้ รงกบั ภาพที่ครู
กำหนดให้ และนำมาติดในกระดาน เพอ่ื ทดสอบความเข้าใจของนกั เรียน

วธิ กี ารใชส้ อื่
๑. ครูนำสือ่ กระดานสำนวนชวนฝนั มาต้ังไว้หนา้ ชน้ั เรยี น
๒. ครูอธบิ ายวธิ ีการเลน่ กระดานสำนวนชวนฝัน โดยใหน้ กั เรยี นดภู าพสำนวนไทยทคี่ รูกำหนดให้

และหาบตั รคำว่าในภาพนน้ั ตรงกบั สำนวนอะไร และนำมาติดในกระดาน
๓. ครใู หต้ ัวแทนของแตล่ ะกลุ่ม นำบตั รคำทก่ี ำหนดให้ไปตดิ บนกระดานสำนวนชวนฝนั ให้ถูกต้อง
๔. ตัวแทนของแตล่ ะกลมุ่ อา่ นข้อความทต่ี นเองติดในกระดาษสำนวนชวนฝนั ใหเ้ พ่อื นในห้องฟงั
๕. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปอภิปราย

คู่มอื การใชส้ ่อื
บตั รคำสำนวนไทย

ทองไมร่ รู้ ้อน หมายถึง
การกระทาทีเ่ ฉยเมย ไมก่ ระตือรอื รน้
ไมส่ นใจวา่ ผอู้ ื่นจะเดือดรอ้ น
หรือรูส้ กึ อยา่ งไร

สือ่ การสอน (ขน้ั นำ)
บัตรคำสำนวนไทย คือ สือ่ ท่ีใชป้ ระกอบแผนการจดั การเรียนรู้ เรอื่ ง สำนวนไทย การนำสำนวน

ไทยใช้ในการแต่งประโยค ซ่ึงเป็นส่อื ประกอบกกจิ กรรมในข้นั นำ โดยให้นกั เรียนดบู ตั รคำสำนวน และให้
นักเรียนอ่านสำนวนและความหมาย เพอ่ื ทดสอบความรู้ของนกั เรยี นกอ่ นเขา้ สบู่ ทเรยี น

วิธกี ารใช้ส่อื
๑. ครใู ห้นกั เรยี นดบู ตั รคำสำนวนไทย
๒. ครใู ห้นักเรียนอา่ นสำนวนและความหมาย
๓. นักเรียนอ่านสำนวนและความหมาย
๔. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปและอภปิ ราย

แบบฝึกหดั

ใบกิจกรรม
เรือ่ ง เล่นสำนวนชวนฝนั

คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ อ่านคำทต่ี ิดอย่ดู อกไม้แตล่ ะดอกใหถ้ ูกตอ้ ง เรยี งลำดบั คำให้เปน็ สำนวน
และนำสำนวนมาแต่งประโยค พรอ้ มทงั้ ออกมานำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น

๑.

รอ้ น ปนู ท้อง กนิ

ตรงกับสำนวนไทย ..........................................................................................................................
ความหมาย รู้สกึ เดือดรอ้ นเพราะมีความผิดอยู่
แต่งประโยค .....................................................................................................................................

๒.

ทราย วัด เขา้ ขน

ตรงกบั สำนวนไทย ..........................................................................................................................................
ความหมาย รว่ มมอื รว่ มใจกันทำบุญ
แตง่ ประโยค ....................................................................................................................................................

๓.
น้ำตา สายเลือด เปน็ แทบ

ตรงกบั สำนวนไทย ..........................................................................................................................................
ความหมาย เศรา้ โศกเสยี ใจมาก รอ้ งไห้จนตาบวมแดง
แต่งประโยค ....................................................................................................................................................
๔.

ไฟ เล่น กบั

ตรงกับสำนวนไทย ..........................................................................................................................................
ความหมาย การเขา้ ไปพัวพนั หรอื เกี่ยวข้องกบั สิ่งทีไ่ มด่ สี ิ่งทเี่ ปน็ อนั ตราย
แตง่ ประโยค ....................................................................................................................................................

๕. ไมม่ ี ขล่ยุ มี
ป่ี

ตรงกับสำนวนไทย ..........................................................................................................................................
ความหมาย ไมม่ เี ค้าลาง ไม่มที ม่ี ามากอ่ น ไม่มีเหตุให้คิดมาก่อน
แต่งประโยค ....................................................................................................................................................

๖.

ลม ทวน หู ทำ

ตรงกับสำนวนไทย ..........................................................................................................................................
ความหมาย แกล้งทำเป็นไม่ได้ยนิ
แตง่ ประโยค ....................................................................................................................................................

๗. บงั ภู ผม เขา
เสน้

ตรงกับสำนวนไทย ..........................................................................................................................................
ความหมาย เร่ืองงา่ ยๆแตค่ ิดวิธีแกไ้ ขไมอ่ อก
แตง่ ประโยค ....................................................................................................................................................

๘.

ตาย ปาก ปลา หมอ เพราะ

ตรงกบั สำนวนไทย ..........................................................................................................................................
ความหมาย พูดพลอ่ ยไปจนตวั ตอ้ งเป็นอันตราย
แตง่ ประโยค ....................................................................................................................................................

๙.

ข้นึ น้ำ รบี ตัก ให้

ตรงกบั สำนวนไทย ..........................................................................................................................................
ความหมาย สํานวนสุภาษติ นหี้ มายถงึ เมอื่ มีโอกาสดี ๆผ่านเข้ามา ใหร้ บี คว้าโอกาสน้ันเอาไว้ และเก็บเก่ียว
ผลประโยชนใ์ หเ้ ตม็ ท่ี กอ่ นที่ชว่ งเวลาทมี่ ีโอกาสดี ๆจะผ่านไป
แต่งประโยค ....................................................................................................................................................

๑๐.

หัว นก สอง

ตรงกับสำนวนไทย ..........................................................................................................................................
ความหมาย คนท่ที ำตวั ฝักใฝ่เข้าด้วยทง้ั 2 ฝ่ายทีไ่ มเ่ ปน็ มิตรกันโดยหวังประโยชนเ์ พื่อตนเอง
แตง่ ประโยค ....................................................................................................................................................

๑๑. น้ำ ท่วม
ปาก

ตรงกับสำนวนไทย ..........................................................................................................................................
ความหมาย รู้อะไรแลว้ พดู ไมไ่ ด้
แต่งประโยค ....................................................................................................................................................

๑๒.

ถุง คลุม ชน

ตรงกับสำนวนไทย ..........................................................................................................................................
ความหมาย ลกั ษณะการแตง่ งาน ทีผ่ ู้ใหญจ่ ดั การให้โดย ทเ่ี จา้ ตวั ไม่รู้จักคนุ้ เคยหรือ รกั กนั มาก่อน
แตง่ ประโยค ....................................................................................................................................................

รายช่อื สมาชกิ ในกลุ่ม ป.๖ / ............
๑. ................................................................................................ เลขท.ี่ ...................
๒. ................................................................................................ เลขท่.ี ...................
๓. ................................................................................................ เลขที่....................
๔. ................................................................................................ เลขท.่ี ...................
๕. ................................................................................................ เลขที่....................
๖. ................................................................................................ เลขท่ี....................
๗. ................................................................................................ เลขท่.ี ...................
๘. ................................................................................................ เลขท.่ี ...................
๙. ................................................................................................ เลขท่.ี ...................
๑๐. ................................................................................................ เลขที่....................

แบบวัดและประเมนิ ผล


Click to View FlipBook Version