ปา้ ยเลขหอ้ งพัก
Room number sign
นชุ คาดู่
โครงการนเี้ ป็นสว่ นหนง่ึ ของการศกึ ษาตามหลักสตู ร
ประกาศนียบตั รวิชาชีพช้นั สูง
สาขาวิชา การโรงแรม ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรมการทอ่ งเทย่ี ว
วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาเชียงใหม่
ปกี ารศกึ ษา 2563
ป้ายเลขหอ้ งพัก
Room number sign
นุช คาดู่
โครงการน้เี ปน็ สว่ นหน่งึ ของการศึกษาตามหลักสูตร
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพชน้ั สงู
สาขาวิชา การโรงแรม ประเภทวิชา อุตสากรรมการทอ่ งเทยี่ ว
วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาเชยี งใหม่
ปกี ารศึกษา 2563
ก
ใบรับรองโครงการ
วิทยาลัยอาชวี ศึกษาเชียงใหม่
เร่อื ง ปา้ ยเลขห้องพัก
โดย นางสาวนุช คาดู่
ได้รับการรับรองให้เป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
สาขาวชิ า การโรงแรม ทวภิ าคี ประเภทวิชาอตุ สาหกรรมท่องเท่ียว
…………………………หวั หน้าแผนกวชิ าการโรงแรม …………………………….รองผ้อู านวยการฝ่าวิชาการ
(นางอปั สร คอนราด) (นายณรงคศ์ กั ด์ิ ฟองสินธุ์)
วันที่……..เดือน……………พ.ศ………… วนั ท่ี……..เดือน……………พ.ศ…………
กรรมการสอบโครงการ
…………………………………………………… ประธานกรรมการ
(นายทินกร ตบ๊ิ อนิ ถา)
..………………………………………………… กรรมการ
(นางสาวนพรรณพ ดวงแก้วกูล)
……………………………………………………. กรรมการ
(นางสาวนชั พร สาครธารง)
ข
กิตติกรรมประกาศ
โครงการผ้าป้ายเลขห้องพัก ของนักศึกษาแผนกวิชาการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษา
เชียงใหม่ ฉบับนี้สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเน่ืองจากได้รับความกรุณา ความอนุเคราะห์ การสนับสนุน
และการให้คาแนะนาแนวทางในการดาเนนิ งานจากหลายท่าน
ขอขอบพระคุณ นายทินกร ต๊ิบอินถา ครูที่ปรึกษาวิชาโครงการ ที่ให้คาปรึกษาโครงการ
แนะนาและใหข้ อ้ คิดตา่ งๆ ในการทาโครงการ ตลอดจนแกไ้ ขข้อบกพร่อง จนทารายงานโครงการฉบับ
นี้เสรจ็ สมบูรณ์
ขอขอบพระคุณ ผู้ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจ ทุกคนท่ีสละเวลาอันมีค่าช่วยเหลือและ
อนุเคราะห์ในการตอบแบบสอบถาม จนทาให้โครงการฉบับนี้สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี รวมถึงผู้มีส่วน
เกี่ยวข้องทุกท่านที่เป็นกาลังสาคัญในการให้คาปรึกษา เป็นกาลังใจและให้ความช่วยเหลือตลอดมา
จนทารายงานเลม่ นีส้ าเร็จลุลว่ งไปดว้ ยดี
นชุ คาดู่
ค
ชือ่ : นางสาวนชุ คาดู่
ชื่อโครงการ : ป้ายเลขหอ้ งพกั
สาขาวิชา : การโรงแรม
ประเภทวิชา : อตุ สาหกรรมท่องเท่ียว
อาจารยท์ ีป่ ระจาวิชาโครงการ : นายทนิ กร ตบิ๊ อนิ ถา
อาจารยท์ ี่ปรึกษาวิชาโครงการ : นายทินกร ติบ๊ อนิ ถา
ปกี ารศกึ ษา : 2563
บทคดั ยอ่
โครงการเร่ือง “ป้ายเลขห้องพัก” มีวัตถุประสงค์เพ่ือศกึ ษาขนั้ ตอนการทาป้ายเลขหอ้ งพกั อาคาร
ปฏิบตั ิการโรงแรม อาชีวศึกษาเชียงใหม่ เพ่ือศกึ ษาความพึงพอใจของผูพ้ บเห็นปา้ ยเลขหอ้ งพัก
และอานวยความสะดวกใหผ้ ทู้ ่มี าใชบ้ รกิ ารหอ้ งพกั อาคารปฏิบตั ิการโรงแรม อาชีวศกึ ษาเชียงใหม่
โดยมีกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยพิจารณา
จากการตดั สนิ ใจของผู้วิจัยเอง ลกั ษณะของกลมุ่ ทีเ่ ลอื กเป็นไปตามวัตถปุ ระสงคข์ องการวิจัย คอื กลุ่ม
ผ้พู บเหน็ ปา้ ยเลขหอ้ งพกั จานวน 50 คน ระหวา่ งวนั ที่ 7 ธันวาคม ถึงวันที่ 12 มนี าคม 2564 เคร่อื งมือ
ทใี่ ช้ในการศึกษาครงั้ นี้ คอื แบบบนั ทกึ ผลการทดลอง แบบสอบถามความพงึ พอใจของป้ายเลขห้องพัก
ผลการดาเนินงานผู้ศึกษาพบว่า พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 40
ข้อมูลสว่ นบุคคลด้านอายุ พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามสว่ นใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 15-20 ปี คิดเปน็ ร้อยละ
60 และผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้พบเหน็ ป้ายเลขห้องพัก พบวา่ ผลสรุปภาพรวมของความ
พึงพอใจของผู้พบเห็นปา้ ยเลขห้องพัก อย่ใู นระดับมากท่สี ุด ( ̅=3.99) เมอื่ สรุปผลออกมาเป็นรายข้อ
พบว่า ป้ายเลขห้องพักสามารถใช้งานได้จริง ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ( ̅=4.06) ป้ายเลข
ห้องพักมีรูปแบบที่กะทัดรัดและเรยี บร้อย อยู่ในระดับมาก ( ̅=4.06) รองลงมาคือ สามารถเพิ่ม
ความสะดวกสบายให้แก้ผู้ใช้งาน ( ̅=4.04) รูปทรงของป้ายเลขห้องพักมีสัดส่วนและรูปทรงท่ี
เหมาะสม อยู่ในระดับมาก ( ̅=4) การนาทัพยากรไม้ในท้องถิน่ นามาแปรรูปให้มีคุณค่ามากขึน้ อยู่
ในระดับมาก ( ̅=4) ลวดลายของป้ายเลขหอ้ งพักมคี วามสวยงาม อยใู่ นระดับมาก ( ̅=3.98) ขนาด
ของป้ายเลขห้องพักมีขนาดที่เป็นมาตรฐานต่อการใช้งาน อยู่ในระดับมาก ( ̅=3.94) ความคงทน
ของผลิตภณั ฑ์ป้ายเลขห้องพัก อยู่ในระดับมาก ( ̅=3.92) รูปแบบของป้ายเลขหอ้ งพกั มคี วาม
ทันสมัย อยู่ในระดับมาก ( ̅=3.92) ความคิดสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์ป้ายเลขห้องพัก อยู่ในระดับ
มาก ( ̅=3.78) ตามลาดับ
สารบัญ ง
เร่ือง หน้า
ก
ใบรบั รองโครงการ ข
กติ ติกรรมประกาศ ค
บทคดั ยอ่ ง
สารบญั จ
สารบัญ (ตอ่ ) ฉ
สารบัญรูปภาพ ช
สารบัญตาราง
1
บทที่ 1 บทนา 2
1.1 ความเป็นมาและความสาคญั ของโครงการ 2
1.2 วตั ถุประสงคข์ องโครงการ 2
1.3 ขอบเขตโครงการ 3
1.4 ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะไดร้ บั
1.5 นิยามศพั ท์ 5
8
บทที่ 2 แนวคดิ ทฤษฎีและงานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วข้อง 18
2.1 แนวคดิ และทฤษฎีเกี่ยวกับความพึงพอใจ 20
2.2 ความรู้เกย่ี วไม้และชนดิ ของไม้ 28
2.3ความรูเ้ ก่ียวกบั งานไม้
2.4 ความรู้เกี่ยวกบั อปุ กรณ์ทีใ่ ชท้ างานไม้ 32
2.5 งานวจิ ยั ที่เกีย่ วข้อง 32
34
บทที่ 3 วิธดี าเนินการวจิ ยั 34
3.1 ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง
3.2 เครอ่ื งมอื ท่ใี ชใ้ นการดาเนนิ โครงการ
3.3 ขน้ั ตอนการดาเนินโครงการ
3.4 การวเิ คราะหแ์ ละสรุปผล
จ
สารบัญ (ต่อ) หนา้
เร่อื ง 37
38
บทที่ 4 ผลการศึกษา 40
4.1 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู สว่ นบุคคล 41
4.2 ผลการวเิ คราะหค์ วามพงึ พอใจของผู้พบเห็นปา้ ยเลขห้องพกั
4.3 การจดั ลาดับผลการวิเคราะห์ความพงึ พอใจของผู้พบเห็นป้ายเลขห้องพัก 42
4.4 ผลสรุปข้อเสนอแนะ 43
44
บทที่ 5 สรปุ ผล อภิปรายและขอ้ เสนอแนะ
สรปุ ผลการศึกษา
อภิปรายผล
ขอ้ เสนอแนะ
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก แบบนาเสนอขออนมุ ัติโครงการวิชาชพี
ภาคผนวก ข เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู
ภาคผนวก ค รปู ภาพประกอบโครงการ
ภาพผนวก ง แบบรายงานผลการนาไปใช้ประโยชน์
ประวตั ิผู้จัดทา
สารบัญภาพ ฉ
ภาพท่ี หน้า
9
2.1 ไม้เน้ืออ่อน 9
2.2 ไมเ้ นอ้ื แข็ง 10
2.3 ไม้สัก 11
2.4 ไมย้ าง 11
2.5 ไมเ้ ตง 12
2.6 ไม้แดง 12
2.7 ไม้ตะเบก 13
2.8 ไมม้ ะคา่ โมง 13
2.9 ไมเ้ นือ้ แกรง่ 13
2.10 ไมม้ ะพร้าว 14
2.11 ไม้ยางพารา 14
2.12 ไม้ประดู่ 20
2.13 เลอ่ื ยลันดา 21
2.14 เลื่อยลอ 21
2.15 เล่ือยฉลุ 22
2.16 เล่อื ยตัดเหล็ก 22
2.17 เลอ่ื ยหางหนหู รอื เลอ่ื ยฉลุฝา้ 23
2.18 เลื่อยคนั ธนู 23
2.19 เลอื่ ยโค้งตัดก่ิงไม้ 24
2.20 ตลับเมตร 25
2.21 ไมบ้ รรทดั 25
2.22 ดินสอ 26
2.23 กระดาษทราย 26
2.24 สวา่ น 27
2.25 สีเคลอื บเงา
ช
สารบญั ตาราง
ตารางท่ี หน้า
1 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลส่วนบคุ คลด้านเพศ 35
2 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลด้านอายุ 36
3 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์ข้อมูลสว่ นบุคคลด้านอาชีพ 36
4 ตารางแสดงผลการววเิ คราะห์ขอ้ มูลสว่ นบคุ คลด้านการศกึ ษา 37
5 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผพู้ บเห็นผลิตภัณฑ์ป้ายเลขหอ้ งพัก 38
6 ตารางการจดั ลาดับผลการวเิ คราะหค์ วามพงึ พอใจของผู้พบเห็นป้ายเลขหอ้ งพกั 39
1
บทท่ี 1
บทนำ
1.1 ควำมเปน็ มำและควำมสำคญั ของปัญหำ
ปัจจุบันห้องพกั ภายในโรงแรมหรอื ตามรสี อร์ทต่าง ๆ ลว้ นมีสง่ิ อานวยความสะดวกมากมาย
ภายในห้องพักเพื่อเพ่ิมความสะดวกสบายให้ลูกค้าที่มาใช้บริการอย่างเช่นภายในห้องนาท่ีมีสบู่ ,
แชมพู,ครีมอาบนา,หมวกอาบนา ฯลฯ สงิ่ ของอานวยความสะดวกของแต่ละโรงแรมท่ีจดั ไว้ในห้องพัก
ก็จะต่างกันออกไปรวมถึงการตกแต่งห้องพักของแต่ละโรงแรมที่มีสไตล์การตกแต่งห้องพักที่
หลากหลายรูปแบบก่อนที่แขกจะ เข้ามาภายในห้องพัก แต่ละ ห้องก็ จะ มีเลขประ จาห้องพัก ท่ีเ ป็น
เอกลักษณ์ของโรงแรมเพ่ือความสะดวกสบายให้ลูกค้าที่มาใช้บริการในการตรวจหาห้องของตนเอง
และกอ่ นทีแ่ ขกจะเข้าพักภายในโรงแรมต้องทาการเช็คอินเข้าพักก่อนเพือ่ ให้ทราบหมายเลขที่พักของ
ตนเอง ภายในบริเวณท่ีพักก็จะมีป้ายชีไปตามเลขห้องต่าง ๆ เพื่อให้เเขกได้รู้วา่ หมายเลขห้องท่ีทา่ น
จะไปพักอยูท่ างไหน เพอื่ ใหส้ ะดวกต่อการเดนิ ทางไปทีห่ อ้ งพกั ของตนเอง
จากที่ดิฉันได้สารวจข้อมูลเกี่ยวกับห้องพักภายในอาคารปฏิบัติการโรงแรมอาชีวศึกษา
เชียงใหม่พบว่าไม้สนคือไม้ท่ีคนส่วนมากเอามาประดิษฐ์เป็นสิ่งของเป็นจานวนมาก เช่น โต๊ะ เก้าอี
การแกะสลัก ฯลฯ ซึ่งไม้สท่ีเรานามาทา เป็นไม้ที่ทนความร้อนได้สูง มีความเรียบเนียน ประหยัด
ตน้ ทนุ กวา่ ไมท้ ัว่ ไป มคี วามยดื หยนุ่ สงู และมีผวิ ทสี่ วยงามกว่าไม้ทัว่ ไป จึงเหมาะกบั การทน่ี ามาทาเป็น
ป้ายเลขหอ้ งพักภายในอาคารปฏิบัตกิ ารโรงแรมอาชวี ศกึ ษาเชยี งใหม่ และยงั มปี ระโยชน์ตอ่ ลูกคา้ ทเี่ ข้า
พักและพนักงานหรือแม่บ้านของโรงแรมนอกจากนีป้ายเลขห้องพักนันยังส่งเสริมภาพลักษณ์ของ
โรงแรมได้ โดยโรงแรมของเราเปน็ โรงแรมสถานศึกษาขนาดกลางมหี ้องพกั ทังหมด 12 ห้องด้วยกนั มี
ผู้ใช้บริการหลากหลายทังครูอาจารย์หรือบุคคลทั่วไปที่เข้ามาใช้บริการห้องพักในอาคารปฏิบัติการ
โรงแรมอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ป้ายเลขห้องพักปันจุบันถูกใช้งานเป็นเวลานานทาให้ป้ายมีการ
เส่ือมสภาพสีของป้ายจางลงมองเห็นไม่ชัดบางห้องตัวเลขก็หลุดหายทาให้เกิดปัญหา เช่น แขกหา
ห้องพักไม่เจอ แม่บ้านทาความสะอาดผิดห้องจึงเหมาะสมที่จะทาป้ายเลขห้องพักแขกขึนมาใหมเ่ พ่อื
สะดวกสบายของแขกที่เข้ามาใช้บริการห้องพกั ภายในอาคารปฏิบัติการโรงแรมอาชีวศึกษาเชียงใหม่
โดยจะใช้วัสดุท่ีหาได้ง่ายตามท้องถิ่น น่ันคือไม้สนท่ีเป็นไม้จริงมีทังปลูกในประเทศและได้มาจากการ
นาเขา้ จากต่างประเทศ ไม้สน
2
สะดวกสบายของแขกท่ีเข้ามาใช้บริการห้องพักภายในอาคารปฏิบัติการโรงแรมอาชีวศึกษาเชียงใหม่
โดยจะใช้วัสดุที่หาได้ง่ายตามท้องถ่ิน นั่นคือไม้สนท่ีเป็นไม้จริงมีทังปลูกในประเทศและได้มาจากการ
นาเข้าจากต่างประเทศ ไม้สนเน้นการปลูกไว้เพื่อเป็นวัสดุก่อสร้างหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มีคุณสมบัติ
เนือออ่ นแต่เมอ่ื นามาผ่านกระบวนการอบ อาบนายาและเติมสารเคมีเพอื่ เพ่มิ ความทนทาน แข็งแรงไม้
และอายุการใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึนจึงเหมาะที่จะนามาทาป้ายเลขห้องพักภายในอาคาร
ปฏิบัติการโรงแรมอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ดังนันทางผู้จัดทาโครงการจึงได้มีแนวคิดการทาป้ายเลข
หอ้ งพักแขกในอาคารปฏบิ ตั กิ ารโรงแรมอาชวี ศึกษาเชียงใหม่
1.2 วตั ถุประสงคข์ องโครงกำร
1) เพ่อื ประดิษฐป์ า้ ยเลขห้องพกั อาคารปฏิบตั ิการโรงแรม อาชวี ศกึ ษาเชยี งใหม่
2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้พบเห็นป้ายเลขห้องพักอาคารปฏิบัติการโรงแรม
อาชวี ศึกษา
3) เพื่ออานวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการห้องพักอาคารปฏิบัติการโรงแรม อาชีวศึกษา
เชยี งใหม่
1.3 ขอบเขตโครงกำร (เปา้ หมาย, กลุม่ ประชากร)
1) เชงิ ปริมาณ
- จานวนป้ายเลขห้องพกั แขกจานวน 12 ปา้ ย
- กลมุ่ ตัวอย่างแขกท่มี าพกั ในโรงแรมจานวน 50 คน
2) เชงิ คุณภาพ
ผลติ ภณั ฑ์ปา้ ยเลขหอ้ งพักแขกมรี ปู ลักษณส์ วยงามทนั สมยั ใช้งานได้จรงิ
3) ระยะเวลาและสถานท่ใี นการดาเนนิ งาน
ระยะเวลาดาเนินงาน ระหวา่ งวนั ท่ี 16 พฤศจิกายน 2563 ถึงวนั ท่ี 12 มีนาคม 2564
สถานทด่ี าเนนิ งาน วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาเชียงใหม่
1.4 ประโยชน์ท่คี ำดว่ำจะได้รบั
1) ห้องพักของอาคารปฏิบตั ิการโรงแรมมีป้ายเลขห้องพักทีส่ วยและทันสมัย
2) ทราบขนั ตอนการประดิษฐ์ ปา้ ยเลขห้องพกั
3) อานวยความสะดวกให้แก่แขกท่ีเข้ามาใช้บริการห้องพักอาคารปฏิบัติการโรงแรม
อาชวี ศึกษา
3
1.5 นิยำมศพั ท์
1) ป้ำยเลขห้องพัก ( Room number sign ) คือ ป้ายท่ีผลิตจากไม้ อคิริค หรือ โลหะ
ตามทอ่ี อกแบบไว้เพอ่ื บอกเลขบนห้องพักของแขกภายในโรงแรมหรอื รสี อร์ทต่าง ๆ ท่มี ีจานวนห้องพกั
มากกว่าหนงึ่ ห้องขึนไปเพอ่ื ใหแ้ ขกหาห้องพักของตนเองได้งา่ ยยงิ่ ขึน
2) ไม้ คือ เป็นวัสดุแข็งท่ีทาจากแก่นลาต้นของต้นไม้ ส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้น โดยแบ่งเปน็ ไม้
เนือแข็ง เชน่ ไมเ้ ตง็ ไมแ้ ดง โดยนยิ ามแลว้ ไม้ จะหมายถึงเนือเยอื่ ไซเลม็ ชนั ท่ีสอง (Xylem) ของต้นไม้
แตใ่ นความเขา้ ใจไม้ อาจหมายรวมไปถึงวัสดใุ ด ๆ ที่มีส่วนประกอบทามาจากไมด้ ว้ ย
4
บทท่ี 2
บทนำ
เอกสำรและงำนวิจยั ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง
ในการศึกษา เรื่องป้ายเลขห้องพักผู้จัดทาได้รวบรวมแนวคิดทฤษฎีและหลักการต่าง ๆ จากเอกสาร
และงานวิจัยทเ่ี กย่ี วข้องดงั นี
2.1 แนวคิดและทฤษฎที เ่ี กยี่ วขอ้ งกับความพงึ พอใจ
2.2 ความรูเ้ กย่ี วกบั ไม้และชนดิ ของไม้
2.3 ความรู้เก่ียวกบั งานไม้
2.4 ความร้เู ก่ียวกบั อปุ กรณ์ท่ใี ชท้ างานไม้
2.5 งานวิจัยทีเ่ กี่ยวขอ้ ง
2.1แนวคดิ และทฤษฎีทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ควำมพงึ พอใจ
1) ควำมหมำยของควำมพึงพอใจ
มนี ักวชิ าการ และนักบริหารไดใ้ ห้ความหมายของความพงึ พอใจไวห้ ลายประการ ดงั นี
เสนาะ ติเยาว์ กล่าวว่า ความพึงพอใจในการทางาน (job satisfaction) หมายถึง ระดับ
ความรสู้ กึ ท่เี กิดขนึ ของผ้ปู ฏิบตั งิ านในทางบวกหรือในทางลบตอ่ งาน
กชกร เปา้ สุวรรณ และคณะ ไดก้ ลา่ วถงึ ความหมายของความพงึ พอใจวา่ สง่ ที่ควรจะเปน็ ไป
ตามความต้องการความพึงพอใจเป็นผลของการแสดงออกของทัศนคติของบุคคลอีกรูปแบบหนึ่งซึ่ง
เปน็ ความรสู้ ึกเอนเอียงของจิตใจท่มี ีประสบการณ์ท่ีมนุษย์เราไดร้ บั อาจจะมากหรอื นอ้ ยกไ็ ด้ และ เป็น
ความรู้สึกที่มีต่อส่ิงใดสิ่งหน่ึงซึ่งเป็นไปได้ทังทางบวกและทางลบแต่ก็เม่ือได้สิ่งนันสามารถตอบสนอง
ความต้องการ หรือทาให้บรรลุจุดมุ่งหมายได้ ก็จะเกิดความรู้สึกบวกเป็นความรู้สึกท่ีพึงพอใจแต่
ในทางตรงกนั ข้าม ถ้าสิ่งนนั สรา้ งความรู้สึกผดิ หวังก็จะทาใหเ้ กดิ ความรู้สึกทางลบ เป็นความรู้สึกไม่พึง
พอใจ
วิมลสิทธิ์ หริยางกูร กล่าวว่า ความพึงพอใจเป็นการให้ค่าความรู้สึกของเราและมี
ความสัมพันธ์กับโลกทัศน์ที่เกี่ยวกบความหมายของสภาพแวดล้อม ค่าความรู้สึกของบุคคลท่ีมีต่อ
สภาพแวดลอมจะแตกตา่ งกนั เช่น ความรสู้ ึกเลว ดพี อใจ ไม่พอใจ สนใจ-ไม่สนใจ เปน็ ตน้
5
มิสเกล (Hoy & Miskel) กล่าวถึง ความพึงพอใจว่า หมายถึง ความรู้สึกต่องาน เพื่อร่วมงาน
และผลทีเ่ กดิ ขนึ กับงาน
ซีคอร์ด และแบ็คแมน (Secord & Backman) กล่าวไว้ว่า ความพึงพอใจ เกิดจากความ
ต้องการและความต้องการนนั ๆ ได้รบั การตอบสนองอย่างเพียงพอบุคคลในองค์กรอาจเกิด ความพึง
พอใจแตกต่างกัน บางคนอาจพงึ พอใจเพราะงานทีท่ าประสบความสาเร็จ บางคนอาจพึงพอใจ เพราะ
ลกั ษณะงานท่ปี ฏบิ ัติ แตบ่ างคนอาจพึงพอใจเพราะเพอื่ นรว่ มงาน
แอปเปิลไวท์ (Applewhite) มีความเห็นว่า ความพึงพอใจเป็นเร่ืองของ บุคคลโดยเห็นว่า
ความพึงพอใจในการทางานมีความหมายรวมถึง การยอมรับในสภาพแวดล้อมทาง กายภาพของที่
ทางานด้วย เช่น การมีความสุขกับการทางานที่มีเพ่ือนร่วมงานท่ีเข้ากันได้ การมีเจตคติที่ดี ต่องาน
และความพอใจเกย่ี วกับรายได้
คอตเลอร์ (Kotler ) ไดใ้ ห้ความหมายว่า ความพึงพอใจ คอื ระดบั ความร้สู ึกของ บุคคลวา่ รสู้ ึก
พอใจ ถูกใจหรือผิดหวัง อันเป็นผลมาจากการเปรียบเทียบระหว่างผลงานที่ได้รับรู้จากสินค้า หรือ
บริการกับความคาดหวังของบุคคลนัน ๆ ดังนันระดับความพึงพอใจจะสัมพันธ์กับความแตกต่าง
ระหวา่ งผลงานที่ได้รับร้คู วามคาดหวงั
จากความหมายของความพึงพอใจในการปฏิบัติงานดังกล่าวมาทังหมด สรุปได้ว่า ความพึง
พอใจในการปฏิบัติงานหมายถึง ความรู้สึกที่ดี เจตคติท่ีดีและมีความสุขต่อการปฏิบัติงานท่ีมีต่อ
สิ่งแวดล้อมภายในองค์กรโดยมีองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ความมั่นคงในอาชีพ ขนาดของหน่วยงาน
ลกั ษณะ ของงาน ความก้าวหน้าในงานและอืน่ ๆ ซ่ึงจะส่งผลให้การท างานนันประสบผลสาเรจ็ สนอง
นโยบายและ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคข์ ององคก์ ร กอ่ ใหเ้ กิดการพัฒนาขึนในองค์กรอยา่ งต่อเนอื่ ง
2) ควำมสำคัญของควำมพงึ พอใจไว้
ปภาวดี ดลุ ยจินดา ได้กล่าวถงึ ความสาคัญของความพึงพอใจ ในการปฏิบัตงิ านไว้ดงั นี
1. ความพึงพอใจในการปฏิบัตงิ านช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิต กล่าวคือ การทางานเป็นสง่ิ ท่ี
ท้าทายความสามารถของบุคคลและในขณะเดียวกันชีวิตในการทางานต้องเป็นชีวิตที่มีคุณภาพด้วย
ดังนัน ความพึงพอใจในการปฏิบตั ิงานจงึ ชว่ ยเสริมสร้างคุณภาพชวี ติ
2. ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานช่วยป้องกันการหา่ งเหินจากงาน กล่าวคือ ในการท างาน
ความขัดแยง้ ระหวา่ งบุคคลเกิดขึนไดเ้ สมอ เป็นความสขุ ของบุคคลที่เกิดจากการปฏิบัติงาน และได้รับ
ผลตอบแทนคือ ผลท่ีเป็นความพึงพอใจที่ท าให้บุคคลเกิดความรู้สึกกระตือรือร้น มีความมุ่งมั่นท่ีจะ
ทางาน
6
3) องคป์ ระกอบของควำมพงึ พอใจ
สุนันทา เลาหนันทน์ มีความเห็นว่า องค์ประกอบที่มีส่วนในการจูงใจบุคคลให้มีความพึง
พอใจในการปฏบิ ตั งิ าน ไดแ้ ก่
1. การจดั งานทท่ี ้าทายความสามารถให้ทาแต่ตอ้ งคานึงถงึ อยู่เสมอว่างานท่ีมีลักษณะท้าทาย
ตอ่ บคุ คลหน่งึ อาจจะไมเ่ ปน็ ส่งิ ท้าทายความสามารถของอกี บุคคลหนึง่ ได้
2. การเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการวางแผนหากบุคคลถูกขอร้องให้ช่วยในการวางแผน
และกาหนดภาวะแวดล้อมในการปฏิบตั งิ านกจ็ ะเป็นแรงจงู ใจในการทางานทางหนึง่
3. การให้การยกยอ่ งและสถานภาพบุคคลทุกคนไมว่ า่ อยใู่ นฐานะไรตอ้ งการได้รับการยกย่อง
จากกลุ่มและจากผ้บู ังคบั บัญชาเหมอื นกนั ทกุ คนแตก่ ารยกย่องชมเชยตอ้ งทาด้วยความจริงใจ และ ผล
ของการปฏบิ ตั ิงานจะต้องสูงกวา่ เกณฑ์เฉลีย่
4. การใหค้ วามรบั ผดิ ชอบมากขึนและการใหอ้ านาจเพมิ่ ขึนการได้เล่ือนขนั เลอ่ื นตาแหน่งการ
ให้อานาจและการมอบหมายความรับผิดชอบเป็นเคร่ืองมือในการจูงใจคนปฏิบัติงานได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ
5. การให้ความมั่นคงและความปลอดภัย ความกลัวในส่ิงต่าง ๆ เช่น การไม่ให้งานทาการ
สูญเสียตาแหน่งเป็นส่ิงที่แฝงอยู่ภายใต้จิตใจของความต้องการในเร่ืองความมั่นคงปลอดภัยจึงสาคญั
แต่ต้องคานึงด้วยว่าความมั่นคงปลอดภัยมากน้อยเท่าใดจึงเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดประสิทธิภาพในการ
ปฏบิ ตั งิ าน
6. การให้ความเปน็ อิสระในการทางานทุกคนปรารถนาจะมีอิสระในการทางานดว้ ยตัวเขาเอง
โดยเฉพาะกลุ่มท่ีมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง การบอกทุกอย่างว่าควรทาอย่างไรจะเป็นการทาให้
แรงจงู ใจตา่ ลงได้
7. การเปิดโอกาสให้เจริญก้าวหน้าทางด้านส่วนตัวความปรารภนาท่ีจะก้าวหน้าในทางด้าน
อาชพี เปน็ เปา้ หมายของทกุ คนในองคก์ รการได้มโี อกาสเขา้ ร่วมฝึกอบรมการศึกษาดูงานการหมุนเวียน
งานและการสร้างประสบการณจ์ ากการใช้เครือ่ งมือต่าง ๆ ลว้ นเปน็ แรงจงู ใจในการปฏิบตั งิ าน
8. การให้เงินรางวัลที่เกี่ยวกบั เงินการวิจัยในปัจจุบันยังสรปุ ได้ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความสาคัญ
ของเงินทีม่ แี รงจูงใจเพยี งแตช่ ีแนะว่าเงินเป็นส่งิ ท่ีทาให้เกดิ ความพอใจมากกว่าท่จี ะเปน็ แรงจงู ใจแต่คน
สว่ นมากก็ยังคงคุณค่าเงินไวส้ ูง
9. การให้โอกาสแข่งขนั การแขง่ ขนั เป็นแรงจูงใจสาคญั โดยเฉพาะอย่างย่ิงระดบั ผู้บริหารซึ่ง
ต้องการความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานทาให้แรงกระตุ้นท่ีจะแสวงหาแนวคิดใหม่ๆ มาใช้ในการ
ปฏบิ ตั งิ านทมี่ ีประสทิ ธิภาพ
7
4) ทฤษฎที เ่ี ก่ียวกับควำมพึงพอใจ
ฮิลการ์ด และคนอ่ืน ๆ (Hillgard) กล่าวว่าส่ิงจูงใจ (incentive) ท่ีทาให้เกิดความพึงพอใจ
เป็นสง่ิ จงู ใจทางบวก (positive incentive) ซ่ึงได้แก่ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ซ่ึงเปน็ สภาพแวดล้อมทางวัตถุที่
จะสรา้ งความพึงพอใจตามเง่ือนไขของความตอ้ งการ เชน่ อาหาร เปน็ ส่งิ จงู ใจทีส่ รา้ งความพงึ พอใจต่อ
แรงขับ (drives) เกีย่ วกับความหิวนาเปน็ ส่งิ จูงใจทางบวกก็ไมไ่ ด้สรา้ งความพอใจตอ่ ความตอ้ งการทาง
กายภาพ แต่อาจเกดิ จากสาเหตุเฉพาะตวั ของบุคคล เช่น รสอาหาร อาจเปน็ ความพงึ พอใจของแต่ละ
บุคคล แม้วา่ จะไม่ได้ใหค้ ุณค่าทางอาหาร
เชลเลย์ (Shelley) ได้ศึกษาแนวความคิดเก่ียวกับความพึงพอใจ สรุปได้ว่า ความพึงพอใจ
เป็นความรู้สึกสองแบบของมนุษย์คือความรู้สึกทางบวกและความรู้สึกทางลบความรู้สึกทางบวกเป็น
ความรู้สึกที่เกิดขึนแล้วจะทาให้เกิดความสุขความรู้สึกนีเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากความรู้สึก
ทางบวกอื่น ๆ กล่าวคือเป็นความรูส้ ึกท่ีมีระบบย้อนกลับความสุขสามารถทาได้เกิดความสุข 13 หรือ
ความรสู้ กึ ทางบวกเพิม่ ขนึ ไดอ้ ีก ดังนนั จะเหน็ ไดว้ า่ ความสุขเป็นความรู้สึกที่สลับซับซอ้ นและความสุข
นีจะมีผลตอ่ บคุ คลมากกว่าความรู้สึกทางบวกอ่ืน ๆ
คอตเลอร์ (Kotler) ได้กล่าวไว้ว่า ความพึงพอใจเป็นความรู้สึกยินดีหรือผิดหวังของบุคคล
จากการเปรียบเทยี บความสัมพนั ธร์ ะหว่างสง่ิ ทีไ่ ดร้ ับ (perceived) กับความคาดหวงั (expectations)
ของเขาถา้ สง่ิ ทไ่ี ด้รับไมเ่ พียงพอหรือตา่ กว่าความคาดหวงั ลูกค้าก็ไม่พอใจ (dissatisfied) ถ้าสงิ่ ที่ได้รับ
เปน็ ไปตามคาดหวังลกู คา้ ก็เกิดความพงึ พอใจ(satisfied)
ทฤษฎีแรงจูงใจของ มาสโลว์ (Maslow’s Theory motivation) ทฤษฎีนีเขาได้เสนอความ
ตอ้ งการในด้านต่าง ๆ กันของมนษุ ย์ เรียงลาดบั จากความต้องการขนั พืนฐานเพื่อการอยู่รอดไปจนถึง
ความต้องการทางสังคมและความต้องการยอมรับนับถือจากกลุ่มว่าตนมีคุณค่าและพัฒนาตนเองให้
กา้ วหน้าย่งิ ขึน
มาสโลว์ถือว่าการเรียงลาดับความต้องการนีมีความสาคัญโดยมนุษย์จะมีความต้องการใน
ระดับสูงๆ ไดก้ ็ตอ่ เมอ่ื ความต้องการขันพืนฐานไดร้ ับการตอบสนองแลว้
ทฤษฎกี ารจงู ใจการบารุงรกั ษาของ Herz berg ได้กลา่ วถงึ ปัจจัยการจงู ใจ ซ่ึงเปน็ ตัวกระตุ้น
ให้ผู้ปฏิบัติงานด้านความพึงพอใจ ได้แก่ โอกาส ความสาเร็จ การยอมรับ ความรับผิดชอบ ความ
เจริญกา้ วหนา้ และปัจจัยการบารุงรักษา ซงึ่ เปน็ ตัวขัดขวางความพึงพอใจ ไดแ้ ก่ นโยบายของ องค์กร
สภาพการทางานความสัมพนั ธร์ ะหว่างบุคคล
ทฤษฎีแรงจูงใจของ Mc celland ซ่ึงแบ่งความต้องการของมนุษย์ออกเป็น 3 ประเภท คือ
ความต้องการความสาเร็จ ความต้องการมีอานาจ และความต้องการความสัมพันธ์ โดยความ 14
ต้องการความสาเรจ็ หรือเรียกว่า แรงจงู ใจใฝ่สาเรจ็ นนั ถา้ บคุ คลใดมีสงู จะมีความปรารถนาท่ีจะทาสิ่ง
หน่ึงให้ลุล่วงไปด้วยดี
8
ทฤษฎกี ารคาดหวังของ Vroom ไดเ้ สนอแนวคดิ เกีย่ วกับแรงจูงใจในการทางานของบุคคล จะ
ประเมินความเป็นไปได้ของผลที่บังเกิดขึนแล้ว จึงดาเนินการปฏิบัติตามที่ตนคาดหวังไว้ การจูงใจ
ขนึ อยกู่ ับการคดิ ของมนษุ ย์ต่อผลทีเ่ กดิ ขนึ ทฤษฎกี ารคาดหวงั ของ Vroom นี ทานายวา่ บคุ คลจะร่วม
กิจกรรมท่ีเขาคาดหวังวา่ จะไดร้ ับรางวลั หรือสิง่ ตา่ ง ๆ ท่ีเขาปรารถนา
มิเชล แบร์ (Micheal Beer อ้างถึงใน สมหมาย เปียถนอม) ได้ให้ความหมาย ของความพึง
พอใจไวว้ า่ เปน็ ทศั นคติของคนทมี่ ีต่อส่งิ ใดส่งิ หน่ึง
1. V มาจากค าวา่ Valance หมายถงึ ความพงึ พอใจ
2. I มาจากค าวา่ Instrumentality หมายถึง สอ่ื เครื่องมอื วธิ ีทางน าไปส่คู วามพึงพอใจ
3. E มาจากค าว่า Expectancy หมายถึง ความหวงั ภายในตัวบคุ คลนัน ๆ ซึ่งบุคคลมี ความ
ต้องการและมีความหวังในหลายส่ิงหลายอย่าง ดังนันจึงต้องกระทาด้วยวิธีใดวิธีหน่ึงเพื่อตอบสนอง
ความต้องการหรือสิ่งที่คาดหวงั เอาไวซ้ ึง่ เมื่อไดร้ ับการตอบสนองแล้วตามที่ตงั ความหวงั ใน ส่ิงที่สูงขึน
ไปเรือ่ ย ๆ ซ่ึงอาจจะแสดงในรูปสมการได้ ดังนี
แรงจูงใจ = ผลของความพงึ พอใจ+ความคาดหมาย ซ่ึงหมายถงึ แรงจูงใจของบคุ คลใดบุคคล
หน่งึ ตอ่ การกระทาสิง่ ใดส่งิ หนึง่ เชน่ ต่อการประเมินผลงานขององค์กรท่เี ก่ยี วกบั ชวี ติ ความเปน็ อยู่ของ
ตน หรือแรงจูงใจที่บคุ คลจะเข้าไปมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมขององค์กรใดจะเป็นผลท่เี กิดจากทศั นคติของ
องค์กร หรือการทางานขององค์กรนันรวมกันความคาดหวังที่เขาหมายไว้ ถ้ามีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร
ต่อผลงานขององค์กรและได้รับการตอบสนองทังรูปธรรมและนามธรรมเป็นไปตามที่คาดหมายไว้
แรงจูงใจที่จะมีความรู้สึกพึงพอใจก็จะสูงแต่ในทางกลับกัน ถ้ามีทัศนคติในเชิงลบต่องานและการ
ตอบสนองไม่เป็นไปตามท่ีคาดหวังไว้ แรงจูงใจที่จะมีความรู้สึกพึงพอใจก็จะต่า ไปด้วย
2.2 ควำมรู้เกย่ี วกับไม้และชนิดของไม้
สาหรับประเทศไทยไม้ท่ีนิยมใช้กันมาอย่างเนิ่นนานได้แก่ ไม้สัก,ไม้มะค่า,ไม้เต็ง,ไม้ตะเคียน
ไมแ้ ดง,ไมป้ ระดู่,ไม้ชงิ ชัน,ไม้ยาง ฯลฯ แต่หลังจากประกาศปิดป่าแลว้ ไม้ท่ีใชก้ ันอยู่ในตลาดจงึ เป็นไม้ท่ี
นาเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว มาเลเซีย อินโดนีเซีย เราจึงได้ยินช่ือไม้ประเภทต่าง ๆ
เชน่ เต็งมาเลย์ (บาเลา),เตง็ ลาว,สักพม่า รวมถงึ ชอื่ ไม้แปลก ๆ อยา่ ง ไมก้ าเปอร์ รีสกั ตานง่ั อลนั บาตู
ยูบ้า เป็นต้น ไม้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายประโยชน์อย่างหนง่ึ คือ ใช้เป็นเชือเพลิง เช่น ถ่าน
หรือฟืน บางครังก็ใช้ในงานศิลปะ ทาเฟอร์นิเจอร์ ทาอาวุธ หรือเป็นวัสดุก่อสร้าง ไม้ยังคงเป็น
ส่วนประกอบสาคัญในการกอ่ สร้างตังแตม่ นษุ ยเ์ ร่มิ สามารถสร้างบ้านท่ีอยู่อาศัย หรือเรือ โดยเรือแทบ
ทุกลาในช่วงปี 80 ทามาจากไม้แทบทังสิน ซ่ึงในปัจจุบันบ้านหรือเรือท่ีทาจากไม้ เริ่มมีจานวนลดลง
โดยปัจจุบันมีการนาวัสดุอ่ืนมาใช้ในการสร้างแทน แต่ว่าไม้ยังคงมีส่วนสาคัญในด้านการเสริม
โครงสรา้ ง หรอื เป็นวสั ดุเสรมิ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในการสรา้ งหลงั คา และของประดับนอกบ้าน ไมท้ ใ่ี ช้
ในงานกอ่ สรา้ งรจู้ ักกนั ในชือ่ ไม้แปรรปู ไม้โดยสภาพแล้ว ไมเ่ หมาะที่จะนามาใช้ในการก่อสร้างโดยตรง
9
เนื่องจากอาจจะมีการแตกหักในโครงสร้าง จึงต้องนาไปแปรรูปเป็นอย่างอื่นก่อน เช่น ไม้อัด
,chipboard, engineered wood, hardboard, medium-density fiberboard (MDF) , oriented
strand board (OSB) เป็นต้น ไม้ดังกล่าวนีใช้ประโยชน์กันในวงกว้าง อีกทังเย่ือไม้ยังเป็น
ส่วนประกอบสาคัญในการผลิตกระดาษอีกด้วย เซลลูโลสที่อยู่ในไม้ยังใช้การทาวสั ดุสังเคราะห์ ซ่ึงไม้
ยงั ใชป้ ระโยชน์ในการทาอปุ กรณ์อน่ื ในวงการไมต้ ่างประเทศ แบ่งชนิดของไม้ออกเปน็ 2 ประเภท คอื
ไม้เนือแข็ง (Hard wood) และไม้เนืออ่อน (Soft wood) โดยไม้ท่ีมีใบกว้างเราจะเรียกว่าเป็นไม้เนือ
แขง็ ในขณะทีไ่ ม้ทีม่ าจากพืชตระกูลสนเราจะเรยี กว่า ไมเ้ นอื อ่อน ซง่ึ ในความเปน็ จริง ไมใ้ นกล่มุ หลังนี
ก็มีความแข็งที่สามารถจัดเข้ากลุ่มแรกได้ สาหรับในประเทศไทยได้มีการแยกประเภทไม้ให้ละเอียด
ย่ิงขนึ ตามลกั ษณะความแขง็ แรงของไม้ ดงั นี
ภาพที่ 2.1 ไมเ้ นอื อ่อน
ที่มา: https://sites.google.com
ไม้เนืออ่อน เป็นไม้ท่ีมีวงปีกว้างมาก เน่ืองจากเป็นไม้โดเร็ว ลาต้นใหญ่ เนือค่อนข้างเหนยี ว
แต่ทางานได้ง่าย เนอื ไมม้ สี ีจางหรือ คอ่ นข้างซีด อาทิ ไมก้ ระบาก ไมย้ าง ไม้ฉาฉา ไมเ้ หียง ไม้โมก ไม้
กระทอ้ น ไม้ยมหอม ไมจ้ าปาป่า ไม้สนตา่ งประเทศ เหมาะกับงานในทรี่ ่มหรอื งานชัว่ คราว งานตกแต่ง
และเคร่ืองมอื เครือ่ งใช้
ภาพที่ 2.2 ไมเ้ นอื แข็ง
ทีม่ า: http://bdstimber.com
10
ไม้เนอื แขง็ เป็นไม้ทม่ี ีวงปมี ากกว่าไมเ้ นอื อ่อน เพราะมกี ารเจริญเตบิ โตชา้ กวา่ คือต้องมอี ายหุ ลาย
สิบปี จึงจะนามาใช้งานได้ ลักษณะท่ัวไปของไม้จะมเี นอื มัน ลายละเอียด เนือแน่น สีเข้ม (แดงถึงดา)
มีนาหนกั มาก แข็งแรงทนทาน เช่น ไม้สกั ไมต้ ะแบก ไม้ประดู่ ไม้มะเกลือ เป็นตน้ เหมาะสาหรับงาน
เฟอรน์ เิ จอร์ งานกอ่ สร้างบา้ น และเครอ่ื งมอื
1) ควำมรเู้ กย่ี วกับชนิดของไม้ทน่ี ยิ มใช้
ในบรรดาไม้ประเภทต่าง ๆ มีไม้เพียงไม่ก่ีชนิด ท่ีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในด้านการ
ก่อสร้างบ้านเรือนและทาเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่าง ๆ ได้แก่ ไม้ที่ใช้ในการก่อสร้างท่ีไม่ต้องการความ
ประณีตมากนัก เช่น การก่อสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ไม้จาพวกนีต้องทาหน้าที่เกี่ยวกับการรับ
นาหนักและต้านทานแรงต่าง ๆ มากกว่าความสวยงาม ความแข็งแรง จึงเป็นข้อแรกท่ีจะต้องคัด
เอาไมท้ ี่แข็งแรงเท่าท่ีจะสามารถทาได้
ภาพที่ 2.3 ไม้สัก
ท่มี า: http://www.ptwteakwood.com
ไม้สกั เปน็ ตน้ ไมข้ นาดใหญ่ ขนึ เปน็ หมใู่ นป่าเบญจพรรณทางภาคเหนอื และบางสว่ นของภาค
กลางและตะวันตก ลักษณะเนือไม้สีเหลืองทองนานเข้าจะกลายเป็นสีนาตาลหรือนาตาลแก่มีกลิ่น
เหมือนหนังฟอกเก่าๆ และมีนามันในตัวมักมีเส้นสีแก่แทรกเสียนตรงเนือหยาบและไมส่ ม่าเสมอ แข็ง
พอประมาณแข็งแรงทนทานที่สุดปลวกมอดไม่ทาอนั ตราย เพราะในเนอื ไมส้ ักมีสารเคมพี ิเศษอยู่ชนิด
หน่ึงชอื่ O-cresyl methyl ether สารเคมีชนิดนีคน้ พบโดยนักวิทยาศาสตรข์ องกรมปา่ ไม้ มคี ุณสมบัติ
เม่อื ทาหรืออาบไมแ้ ลว้ ไม้จะมคี วามคงทนต่อ ปลวก แมลง เหด็ ราได้อย่างดยี งิ่ นอกจากนีในไมส้ ักทอง
ยังพบว่ามีทองคาปนอยู่ 0.5 ppm. (ไม้สักทอง 26 ต้น มีทองคาหนัก 1 บาท) นาไปเลื่อย ไสกบ
ตกแต่งงา่ ย แกะสลกั ได้ดี ชักเงาไดง้ า่ ยและดีมากเปน็ ไม้ทผ่ี ง่ึ ให้แห้งไดง้ า่ ยและอยู่ตวั ดี จงึ นยิ มนามาทา
เปน็ เฟอรน์ ิเจอร์ไมส้ กั ซึง่ มคี ณุ ค่าและความสวยงามเปน็ อยา่ งยง่ิ นาหนักโดยประมาณ 640 กิโลกรมั ต่อ
ลกู บาศก์เมตรและเปน็ ไม้เนือละเอียด น่มิ งา่ ยต่อการใช้เครอื่ งมอื ไม้มีกาลังและแข็งพอประมาณ แต่
ค่อนขา้ งเปราะ ปลวกไม่กิน เลอ่ื ยผ่าซอยงา่ ย บดิ ตัวและงอเลก็ นอ้ ยเมอ่ื แห้ง ไม้สกั มหี ลายชนิด และมี
11
ลักษณะคล้ายกัน เช่น สักทอง และสักขีควาย โดยสักทองจะมีสีเหลืองสวย ส่วนสักขีควายจะมีสีคลา
และลวดลายสบั สน เหมาะในการนามาใชท้ าเครือ่ งเรือน เช่นตู้ โตะ๊ เกา้ อี เรือ หรือทาประตูหนา้ ตา่ ง
ภาพท่ี 2.4 ไมย้ าง
ท่มี า: http://doa.go.th
ไม้ยาง ไม้ยางพารา เป็นไม้ที่มีคุณภาพ ทางกายภาพ หลายประการใกล้เคียงกับไม้สัก มี
ลวดลายทสี่ วยงาม ยอ้ มสีได้ ตกแต่งง่าย นาหนกั เบา ทงั มรี าคาถกู เม่อื เปรียบเทยี บกบั ไม้ชนิดอ่ืนด้วย
องค์ประกอบ ด้านคุณสมบัติอันโดดเด่น หลายประการเช่นนี ไม้ยางพาราจึงเป็นท่ีรู้จัก และนิยมใช้
แพรห่ ลายทว่ั โลก ในเวลาอันรวดเร็ว ในชอื่ ของ “ ไมส้ ักขาว (White Teak )”แหลง่ ที่มาของทรพั ยากร
ไม้ยางพาราไม้ยางพารา ท่ีนามาใช ้ในอุตสาหกรรม ไม้ปัจจุบันนี ล้วนแต่มาจาก สวนยางพารา ท่ี
มนษุ ย์ เปน็ ผู้ปลกู สรา้ งทังสิน ไม้เหลา่ นเี ปน็ ไม้ท่ีมอี ายุมาก ให้ผลผลิตนายางต่า ไม่คุม้ ค่าทางเศรษฐกิจ
ในการกรีดเอานายางอีกต่อไป จึงจาเป็นต้องโค่นออก แล้วปลูกทดแทนใหม่ ตามวงจรธรรมชาติ ใน
การประกอบอาชีพ การทาสวนยางทกุ ๆ ปี และยงั เปน็ ไม้เสียนใหญ่ หยาบ และออ่ น เหมาะกบั การใช้
ในที่ร่ม เน่ืองจากมียางมาก แห้งตัวชา้ แล้วยดื หดตัวสงู เมอ่ื หดตัวยางจะปะทุออกจากเนอื ไม้ เม่ือตอก
ตะปู เนือไมจ้ ะแตกได้งา่ ย เลื่อยซอยง่าย เนอื ไมส้ ีแดงเขม้ จะแขง็ แรงกว่าไม้สีอ่อน
ภาพท่ี 2.5 ไม้เต็ง
ที่มา: http://www.slktimber.com
12
ไม้เต็ง เนือไม้มสี ีนาตาลอ่อน ค่อนข้างแห้ง และละเอียด ทนทานต่อดินฟ้าอากาศ เม่ือหดตัว
มักแตกเป็นลายงา เลื่อยตัดยากเมื่อแห้ง เหมาะกับงานภายนอก และส่วนท่ีใช้รับนาหนักหรือเป็น
โครงสร้าง เช่น เสา คาน ตง สะพาน บันได ไม้รัง เนือละเอียดปานกลาง สีนาตาลอมเหลือง เนือไม้
เม่ือแห้งแตกค่อนขา้ งนอ้ ย คณุ สมบตั อิ ่ืน ๆ เหมอื นไมเ้ ต็ง
ภาพท่ี 2.6 ไมแ้ ดง
ท่มี า: https://www.teaktruck.com
ไม้แดง เนอื ไม้แน่น สแี ดง ลวดลายสวย แข็งแรง ทนทาน ทาให้ตดั เจาะยาก ใชท้ าโครงสร้าง
อาคาร เชน่ เสา คาน ตง และเคร่อื งเรือนพเิ ศษ เพราะรบั นาหนกั ได้ดี และไม่ยดึ หดตัวมาก
ภาพท่ี 2.7 ไม้ตะแบก
ทม่ี า: http://www.khuykhong.com
ไม้ตะแบก เนือไม้สีเทาอมเหลือง เนือละเอียดใสและขึนเงา มีลวดลายชัดเจน ทาให้ตกแต่ง
งา่ ย เหมาะในการกอ่ สร้างบา้ น และทาด้ามเครือ่ งมือ
13
ช
ภาพท่ี 2.8 ไม้มะค่าโมง
ทีม่ า: https://www.thaigoodwood.com
ไม้มะค่าโมง มีสีนาตาลปนแดง มีความแข็งแรงทนทาน เมื่อกลึงจะเห็นลวดลายสวยงาม
เหมาะสาหรบั ทาบนั ไดหรอื เปน็ โครงสรา้ ง
ภาพท่ี 2.9 ไมเ้ นือแกรง่
ท่มี า: https://kuedchang.wordpress.com
ไมเ้ นือแกร่ง เป็นไม้ทม่ี ีการเจริญเตบิ โตช้ามาก จงึ ทาให้ วงประจาปีถ่ีมากกว่าไม้สองชนดิ แรก
คือ ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 60-70 ปีขึนไปจึงจะนามาใช้งานได้ เนือไม้มีสีเข้มค่อนข้างแดง นาหนักไม่
มาก แต่แข็งกว่าไม้เนือแข็ง ไม้ท่ีจัดอยู่ในกลุ่มนี ส่วนใหญ่มักเป็นไม้ที่ใช้ในการก่อสร้างหรือเป้น
โครงสร้าง อาทิ คาน ตง เสา ได้แก่ ไม้แดง ไมช้ งิ ชนั ไม้ตะเคียน ไมม้ ะค่าโมง ไมพ้ ยุง ไมเ้ ตง็
ภาพที่ 2.10 ไมม้ ะพรา้ ว
ทม่ี า: https://app.builk.com
ไม้มะพร้าว เป็นไม้ท่ีมีเสียนลายที่สวยงามแต่ใช้งานยากต้องมีขันตอนและใช้เวลาการ
ดาเนินการ เพอื่ ใหไ้ ดไ้ ม้ทเ่ี หมาะสมมาใชง้ าน หากอยากใช้ เรามีคาแนะนาดงั นี
1.เลอื กใชม้ ะพรา้ วทม่ี ีอายุ 50 ปขี ึนไปจะดีที่สุด
14
2.ใช้เวลาเตรียมการประมาณ 6 เดือน โดยการพึ่งธรรมชาติ หรือ Seasoning 4 เดือน แล้วส่งอบ
3.ขนาดไม้แปรรูปท่ีแนะนาสาหรับทาพืนที่ดีท่ีสุดคือ 1 x 3 นิว แต่ไม่ควรใช้เกิน 4 นิว และความยาว
เตม็ ทตี่ อ่ แผ่น ท่ีใชไ้ ดค้ ือ 2.50 เมตร
4.การขัดพืนไม้มะพร้าวจะแตกต่างจากไม้ปกติ เน่ืองจากมีเสียนมากจึงต้องขัดด้วยกระดาษทรายไล่
เบอร์ตังแต่ 60,120,240,380,400 แล้วทานายาผนึกเสยี น
5.ไม้มะพร้าว มีราคาใกล้เคียงกับไม้เต็ง หากคุณอยากใช้ไม้จากป่าปลูก และอยากได้เอกสารรับรอง
แหล่งท่ีมาของไม้ มีองค์การสากล ชื่อ Forest Sewardship Council ซึ่งจะมีข้อมูลด้านแหล่งไม้ป่า
ปลูกในย่านเอเชียแปซิฟิก พรอ้ มกับสามารถออกหนงั สอื รับรองว่าเป็นไม้จากปา่ ปลกู จริง ๆ
ภาพที่ 2.11 ไม้ยางพารา
ทีม่ า: https://www.brain2win.com
ไม้ยางพารา เป็นไมท้ ไ่ี ดจ้ ากตน้ ยางพาราทก่ี รีดเอานายางออกหมดแลว้ เนือไม้ออกสีขาวนวล
จนถึงสีชมพู ลายไมค่ ่อยชัดเจน นยิ มนามาผา่ นกระบวนการแปรรูปเช่น อบ อาบนายา อัด ตอ่ เพลาะ
เป้นแผน่ แลว้ ไสปรับใหไ้ ด้ขนาดตามต้องการก่อนนามาใชง้ าน
ภาพที่ 2.12 ไมป้ ระดู่
ท่ีมา: https://www.nanagarden.com
ไมป้ ระดู่ ลักษณะเนอื ไมม้ ีสแี ดงอมเหลอื งถึงแดงอฐิ ลายเส้นของไมเ้ ข้มกว่าสพี ืนเล็กน้อย เป็น
ไม้เนือแข็ง มีความทนทาน นิยมนามาทาเคร่ืองเรือนจีนฝังมุกเพื่อโชว์เนือไม้ โดยเฉพาะปุ่มของไม้
ประดทู่ ี่มีลวดลายสวยงามและราคาแพง
15
2) ประเภทของไม้และวธิ กี ำรดูแลรกั ษำไม้
ประเภทของไม้แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท โดยถือเอาค่าความแข็งแรงในการดัดของไมแ้ หง้
และความทนทานตามธรรมชาติของไม้ชนิดนัน ๆ เป็นเกณฑไ์ ดแ้ ก่
- ไม้เนือแข็ง มีความแข็งแรงสูงกว่า 1000 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร มีความทนทานสูง
กว่า 6 ปี ได้แก่ ไม้เค่ียม ไม้แอ๊ก ไม้หลุมพอ ไม้เสลา ไม้สักขีควาย ไม้เลียงมัน ไม้รัง ไม้ยมหิน ไม้
มะค่าโมง ไม้มะเกลือเลอื ด ไม้ประดู่ ไม้เต็ง ไม้ตะบูนดา ไมต้ ะครอ้ หนาม ไม้ตะครอ้ ไข่ ไมแ้ ดง ไม้ก
- ไม้เนือแขง็ ปานกลาง มคี วามแข็งแรง 600 ถึง 1000 กิโลกรมั ต่อตารางเซนติเมตร มีความ
ทนทาน 6 ปี ได้แก่ ไม้เหียง ไม้รกฟ้า ไม้ยูง ไม้มะค่าแต้ ไม้พลวง ไม้นนทรี ไม้ตาเสือ ไม้ตะแบก ไม้
ตะเคยี นหนู ไม้ตะเคียนทอง ไมก้ วา้ ว
- ไม้เนืออ่อน มีความแข็งแรงต่ากว่า 600 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร มีความทนทานต่า
กว่า 2 ปี ได้แก่ ไม้อินทนิล ไม้สัก ไม้ยางแดง ไม้พะยอม ไม้พญาไม้ ไม้ทามัง ไม้ตะบูนขาว ไม้กะบาก
ไม้กระเจา ไมก้ วาด
3) วธิ ีกำรดูแลรกั ษำไม้
เน่ืองจากไม้เป็นวัสดุธรรมชาติ ดังนันย่อมชารุดเสียหายไปตามธรรมชาติ สภาพแวดล้อม
แสงแดด ความชนื การกัดกนิ ของแมลง ดงั นันการดูแลรกั ษาที่ถูกตอ้ งจึงมีความจาเป็น ไมท้ ่ไี ดร้ บั การ
ปกป้องดูแลที่ดี สามารถใช้งานได้หลายชั่วอายุคนไม้ท่ีแปรรูปออกจากโรงเลื่อย ดูไม่น่าสนใจ จนเม่ือ
ผา่ นกระบวนการทาสแี ละตกแตง่ ผิวแลว้ จึงขบั ความสวยงาม และคุณค่าท่ีมอี ยูใ่ นเนือไมไ้ ด้เดน่ ชัด ใน
สมัยก่อนช่างไม้ได้นาเอาวัสดุธรรมชาติ เช่นขีผึง นามันจากไม้บางชนดิ มาใช้ตกแต่งผิว ปัจจุบัน ได้มี
การคดิ ค้นวัสดุทงั จากธรรมชาติ และจากการสงั เคราะห์ที่ดนี ามาใช้เคลอื บผิวและตกแต่งสี ทาให้เพ่ิม
คณุ คา่ ทังความงามและสามารถทนตอ่ สภาพแวดล้อมได้ดยี ง่ิ ขนึ ดงั นี
- นายาเคลือบไม้โพลียูรีเทรน ไม่เหมาะกับพืน , ผนังภายนอก เนื่องจากแพ้ UV ใช้แล้วจะ
รอ่ นเปน็ แผ่นเลยครับ
- หากคณุ จะใชไ้ ม้ปลกู บา้ น ควรซือไมม้ าผ่งึ ให้แห้งล่วงหน้า 6 เดอื นกอ่ นใชง้ าน เพราะจะลด
ปญั หาการบิดงอ , ยืดหด
- ขนาดของไมป้ ูพนื ระเบียง Outdoor ทเ่ี หมาะสมคือ 1.5 x 4 นวิ ซึ่งเปน็ ขนาดทมี่ ีปัญหาบิด
งอนอ้ ยทีส่ ุด ความหนา 1.5 นวิ จะช่วยให้เดินแล้วไม่ยวบ อกี ทงั ยังสามารถใช้ Detail การฝงั ซ่อน
หวั สกรูไดอ้ กี ด้วย หรอื เจาะสกรูยอ้ นจากขา้ งใต้ก็ได้
การอุดโปไ๊ มด้ ว้ ยดินสอพอง ผสมกาวและขีเล่ือย อยา่ งท่ีชา่ งไม้บา้ นเราชอบทานัน ไมใ่ ช่สิ่งที่
ถกู เนือ่ งจากจะทาใหห้ ลดุ ร่อนงา่ ย ควรใช้ผลติ ภณั ฑ์โปไ๊ มส้ าเร็จรูปทใ่ี หค้ วามทนทาน
- viagra norge. สีนามันก็ไม่ค่อยเหมาะกับไม้เท่าไร หากต้องการสีติดทนทาน ต้องตระกลู สี
Acrylic พวก Timber Shield ครบั
16
- Wood Stain เหมาะมากกับงานไม้ แต่ต้องระวังเร่ืองการใช้ไม้หลายชนิดในพืนที่เดียวกนั
เพราะ Wood Stain เบอร์เดียวกนั ทาลงบนไม้ต่างชนดิ กใ็ ห้สที ต่ี ่างกนั
- การใช้ไม้ผสมกับงานปูนต้องระวังเรื่องยางไม้ให้ดี โดยเฉพาะงานคอนกรีตเปลือยและ
ซีเมนต์ขัดมัน เพราะหากเราติดตังไม้ลงบนผนังปูนโดยไม่ทา Wood Stain กันยางไม้ได้ด้านท่ี
สมั ผสั กบั ผนัง ก็จะเกดิ คราบยางไม้ไหลเปน็ ทางเวลาโดนนาฝน
- การทาสีในงานไมต้ ้องระบุใหท้ ารอบท่อนไมท้ ัง 6 ด้านนะครับ เพราะช่างมักจะละเลยดา้ น
หัวไม้ และด้านทเี่ ป็นจดุ ตอ่ ซ่ึงเป็นบริเวณนีแหละเป็นจุดทผี่ ุงา่ ยทส่ี ดุ ครับ
4) ข้ันตอนในกำรทำสีและตกแต่งผวิ
จะต้องพิถีพิถัน พืนผิวต้องสะอาด ขัดผิวอย่างดี ปราศจากรอยตาหนิ ขันตอนการทาสีและ
ตกแตง่ ผวิ มหี ลายแบบ ดังนี
- การย้อมสีด้วยนายา ว๊ดู สแเตน ปอ้ งกันแสงแดด และนาซมึ เขา้ เนือไม้
- การตกแต่งผิวด้วยนายา วาร์นิช แล็กเกอร์ เชลแลก เพ่ือขับลายไม้ก่อนจะทานายาต้อง
เตรยี มพนื ผิวให้เรียบ วสั ดทุ ีน่ ามาเตรยี มพืนผิวควรใช้ให้เหมาะสมไดแ้ ก่
- ดินสอพอง มีลักษณะดินสีขาว เป็นก้อนหรือเป็นผงผสมกับนาเพื่อให้นิ่มใช้อุดร่องเสียนหรือลงพืน
สารกันซมึ หรือซลี เลอร์ ใช้เคลอื บรองพนื วสั ดทุ ี่มรี พู รุน หรอื ใชเ้ คลือบวสั ดทุ ี่อาจปล่อยสารบางประเภท
ออกมาทาให้ฟิลม์ของวัสดุเคลือบเสียหาย สารกันซึมถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เดิมช่างใช้เชลแล็ก
เป็นตัวเคลอื บผิว
- ฟิลเลอร์ ทาหนา้ ทค่ี ล้อยดนิ สอพองอุดร่องไม้และอุดรอยแตกต่าง ๆ สามารถผสมกับสีย้อม
สฝี ุ่น ดินสเี พื่อใหไ้ ด้สตี ามตอ้ งการ สามารถขัดถูด้วยกระดาษทรายเพ่อื ให้ผวิ เรียบไดง้ ่าย
เม่ือเตรยี มพนื ผิวได้ดีแลว้ กเ็ ลอื กใชว้ ัสดุเคลือบผิวที่จะทาใหไ้ ม้สวยงามและทนทานต่อสภาพแวดล้อม
ได้ ไดแ้ ก่
- แลกเกอร์ มีทังชนิดเงาและด้าน ใชง้ านง่าย ทนต่อสภาพภมู อิ ากาศ และการขดู ขีด
5) ควำมชื้นของไม้
ปัญหาเก่ียวกับความชืนในเนือไม้ของทุกผลิตภัณฑ์ไม้มักเกิดจากสาเหตุหลัก ๆ คือความชืนจากพืน
ปนู อาจเปน็ เพราะชา่ งรบี ปปู ารเ์ กตข์ ณะที่พนื ปนู ยงั แห้งไม่สนทิ หรือยังคงมคี วามชืนอยู่ ทนี ี ความชืน
มันกต็ อ้ งหาทางระบาย ระเหยออก ปูไมท้ บั ลงไป กจ็ ะทาให้พืนเสียหายได้ อย่าเรง่ ช่างให้รีบปูพืน ทุก
อย่างมรี ะยะเวลาของมนั หลังจากขดั มนั ควรปล่อยใหค้ วามชืนในพืนคอนกรีตระเหยออกให้หมดก่อน
สาหรับพืนชันล่างซ่ึงอยู่ใกล้กับดินนัน ควบคุมยากหน่อย เพราะเราไม่สามารถปล่อยให้ดินคาย
17
ความชืนออกได้หมด ดังนัน ความชืนในดินจึงระเหยขึนตลอดเวลา โดยเฉพาะในฤดูฝน จึงอยาก
แนะนาวา่ ควรเลือกวัสดุปพู ืนชันล่างเปน็ กระเบืองเพ่ือป้องกันปัญหา แต่ทังนี หากต้องการปูปาร์เกต์
กม็ ิใชห่ มดหนทางเลย ทางออกคือให้ปพู ลาสติกแบบหนา ส่วนพืนคอนกรีตกค็ วรผสมนายากันซึมด้วย
จะช่วยป้องกนั ไม่ใหม้ ปี ัญหาความชืนจากพืนดินความชนื จากภายนอก เชน่ นาหกลงบนพนื แลว้ ไมเ่ ช็ด
ออก หรือเปิดหน้าต่างทงิ ไว้ ละอองฝนสาดเข้ามาบนพืนเป็นเวลานาน ในความเปน็ จริง พืนปาร์เกต์ก็
ไม่ไดถ้ งึ กบั บอบบางขนาดนัน เพราะมกี ารทานายาเคลอื บรักษาเนอื ไม้หลายชัน แตอ่ าจจะเปน็ ปัญหา
เร่อื งรอยต่อริมผนงั ที่ไม่สนิท (เน่ืองจากตอ้ งเวน้ ไวเ้ พอื่ ป้องกนั การขยายตวั ของไม้) ทาให้นาซึง่ เปน็ ของ
เหลวไหลซมึ เข้าไปทาความเสียหายได้ ทังนี การติดตังตัวจบ บัวเชงิ ผนงั ก็ช่วยป้องกันไดร้ ะดับหน่งึ วิธี
ปอ้ งกนั ปัญหานี คอื ใส่ใจกับการดูแลรักษาบ้านครับ ทานาหกกเ็ ช็ด อย่าลืมปดิ หน้าตา่ งก่อนออกจาก
บ้าน เป็นต้น ความชืนจากตัวปาร์เกต์เอง ไม้ท่ีนามาใช้ทาเป็นพืนไม้ปาร์เกต์ไม่ได้ผ่านการอบไล่
ความชนื ทาให้เวลาอากาศเปล่ยี นแปลง หรอื บรเิ วณที่โดนแดดสอ่ งมาก หรอื บางแห่งโดนความชืนไม่
เทา่ กนั ใชไ้ ปนาน ๆ ไม้ปารเ์ กต์ก็อาจมีปญั หาพองตัว บวมขึนได้ หรืออาจจะหดตัวได้เหมอื นกัน ตรง
นี ต้องอธิบายไว้ด้วยครับว่า ไม้ปาร์เกต์นันเป็นไม้ธรรมชาติ ซ่ึงเป็นธรรมดาท่ีจะมีการยืดหดตัวอยู่
ตลอด แตจ่ ะมองด้วยตาเปล่าไม่เหน็ ผู้ทีค่ ิดจะใช้ผลติ ภณั ฑไ์ ม้จงึ ควรมีความเข้าใจเก่ยี วกับความชืนใน
เนือไม้ ว่าจะมีผลต่อพืนผลิตภัณฑ์ไม้อย่างไร โดยท่ัวไปผลิตภัณฑ์ไม้จะต้องผ่านการอบเพื่อให้ได้
ความชนื ในเนอื ไมท้ ี่เหมาะสม และหลังจากกระบวนการผลิตไปจนถึงมือผู้ใช้งานความชนื ในเนือไม้จะ
เพ่มิ ขึนตามสภาพภูมิอากาศ อนั เปน็ สาเหตหุ น่ึงท่ีทาให้ไม้มีการขยายตัว ผใู้ ชง้ านจงึ ควรควบคมุ ไม่ให้มี
ความชืนจากปัจจัยอ่ืน ๆ เท่าท่ีสามารถทาได้ เช่นหากเป็นการปูพืนไม้บนพืนคอนกรีตควรทิงพืน
คอนกรตี ไว้ระยะหน่งึ เพอ่ื ไมใ่ ห้ความชืนจากพนื คอนกรีตทาใหม้ ีผลกบั พนื ไมท้ จ่ี ะตดิ ตงั หรอื อาจปวู ัสดุ
ป้องกันความชืน เช่น แผ่นพลาสติก เป็นต้น หรือหลีกเล่ียงการนาผลิตภัณฑไ์ ม้ไปใช้งานในลักษณะที่
อาจมีการเปล่ียนแปลงความชืนมาก ๆ เช่นการนาไม้เนือออ่ นไปใช้งานกลางแจ้งโดยไมม่ ีการป้องกนั
การเปลี่ยนแปลงความชืนในเนือไม้ เช่น การทา Wood oil , Wood Stain หรือควรเลือกชนิดไม้ให้
เหมาะสมกับการใชง้ านจริง เปน็ ตน้ หากผู้ทคี่ ดิ จะใช้ผลติ ภัณฑไ์ ม้จึงควรมีความเขา้ ใจเก่ียวกับความชืน
ในเนือไม้ ว่าจะมีผลต่อพืนผลิตภัณฑ์ไม้อย่างไร โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์ไม้จะต้องผ่านการอบเพ่ือให้ได้
ความชืนในเนือไม้ท่ีเหมาะสม และหลงั จากกระบวนการผลิตไปจนถงึ มอื ผใู้ ชง้ านความชืนในเนอื ไม้จะ
เพิ่มขนึ ตามสภาพภมู อิ ากาศ อันเปน็ สาเหตุหนึ่งที่ทาใหไ้ มม้ ีการขยายตวั ผ้ใู ชง้ านจึงควรควบคมุ ไม่ให้มี
ความชืนจากปัจจัยอ่ืน ๆเท่าที่สามารถทาได้ เช่นหากเป็นการปูพืนไม้บนพืนคอนกรีตควรทิงพืน
คอนกรีตไว้ระยะหน่ึง เพอื่ ไม่ใหค้ วามชืนจากพนื คอนกรีตทาให้มีผลกับพืนไมท้ จี่ ะตดิ ตัง หรอื อาจปวู สั ดุ
18
ปอ้ งกนั ความชนื เช่น แผน่ พลาสตกิ เป็นต้น หรือหลีกเลีย่ งการนาผลติ ภณั ฑไ์ มไ้ ปใช้งาน ในลกั ษณะที่
อาจมกี ารเปลีย่ นแปลงความชืนมาก ๆ
2.3 ควำมรเู้ กีย่ วกับงำนไม้
ในการปฏบิ ัติงานไมใ้ หม้ ปี ระสิทธิภาพ และประสิทธิผล บรรลตุ ามเป้าหมาย ผู้ปฏิบตั งิ านช่างไม้ตอ้ งมี
ความรูพ้ ืนฐานเกีย่ วกบั งานไม้ ดงั นี
1) กำรต่อไม้
การตอ่ ไมเ้ ปน็ การนาไมท้ ่ีมีความยาวไมพ่ อมาตอ่ กนั ให้ยาวขึน เพือ่ ใหไ้ ด้ขนาดตามทต่ี อ้ งการ การตอ่ ไม้
มีหลายแบบ ดังนี
- การต่อชนธรรมดา ตัดหัวไม้ให้ได้ฉากแล้วนามาชนต่อกันแล้วใช้ตะปูเกลียวตอกยึดเข้า
ดว้ ยกนั ใหแ้ นน่ เปน็ วธิ ีการต่อไม้ทงี่ า่ ยแตไ่ ม่แขง็ แรง ใชใ้ นงานท่ีไม่ตอ้ งรบั แรงดงึ
- การต่อไม้แบบชนเฉียง ทาได้โดยตัดไม้ให้มีมุมเฉียง 45 องศาเท่า ๆ กัน นามาชนกันแลว้
ตอกยึดด้วยตะปใู หแ้ น่น ใช้งานท่ีไมต่ อ้ งการรับแรงดงึ และรบั นาหนักพอสมควร
- การต่อแบบต่อดาม ทาโดยตัดหัวไม้ให้ได้ฉาก นาชินท่ี 1 และ 2 มาวางชนกัน แล้วดาม
ด้วยไม้ชินท่ี 3 และ 4 ตอกติดตะปูหรือตะปูเกลียว การดามอาจดามด้วยไม้หรือแผ่นเหล็ก ให้ความ
แขง็ แรงมากแตแ่ บบไมส่ วย ใชง้ านกอ่ สรา้ งทวั่ ไป เช่น การต่อจนั ทนั ตอ่ ตงและขอ่ื เปน็ ต้น
- การต่อแบบซิกแซ็ก ทาโดยตัดบากหัวไม้ แล้วยึดด้วยตะปูหรือตะปูเกลียวให้แน่นสามารถ
รับแรงดงึ ได้เป็นอยา่ งดี ใชง้ านกอ่ สร้างทั่วไป เชน่ การตอ่ จนั ทนั เป็นตน้
- การต่อบากตรง ทาโดยการบากไม้ตามความยาวของไม้ออกครึ่งหน่ึงของหน้าไม้ทัง 2 ชิน
นามาทาบต่อกนั ยึดให้ยาวและยึดดว้ ย หรอื ตะปเู กลียว ใชง้ านทรี่ บั นาหนกั ใหด้ พี อสมควร เช่น การต่อ
อเส หรอื คาน เป็นต้น
2) กำรเพลำะไม้
ก1ารเพลาะไมเ้ ป็นการทาใหไ้ มท้ ีม่ หี นา้ ไม้กวา้ งไมพ่ อ ให้มีขนาดความกวา้ งตามทต่ี ้องการ เพราะไม้ทม่ี ี
หน้าไม้กวา้ งมาก ๆ นนั ค่อนขา้ งหายากเพือ่ นาใช้ในงานทาพืนโต๊ะ พืนเกา้ อี หรอื งานเฟอร์นเิ จอรท์ ว่ั ไป
วิธกี ารเพลาะไมม้ หี ลายวิธี ดงั นี
- การเพลาะไม้โดยใช้ตะปูธรรมดา ให้ขีดเส้นทาเคร่ืองหมายตรงแนวกึ่งกลางความหนาของ
ไม้ทังหมดทุกแผ่น แล้วตอกตะปูเป็นระยะ ๆ ตามความต้องการลงไปคร่ึงหนึง่ ของความยาวตะปูแลว้
19
ตัดตะปูออกทุกตัว นาไม้แผ่นท่ี 2 วางตาแหน่งที่ต้องการให้ตรงกบั ตะปูท่ีตอกในแผ่นแรก แล้วเจาะรู
ให้พอดี เพ่ือฝังตะปูส่วนท่ีเหลือจากแผ่นแรก ทากาวลาเท็กซ์หรือกาวผงตลอดแนวความหนาของไม้
แล้วใช้แมแ่ รงอดั ให้เขา้ ไปให้สนิทกันทาลกั ษณะเดยี วกนั นีจนไดค้ วามกว้างของไม้ที่ต้องการ ใชก้ บหรือ
กระดาษทรายปรับผิวไมใ้ หเ้ รยี บเสมอ
- การเพลาะไมด้ ว้ ยตะปูเกลียว มีวิธกี ารทาคลา้ ยกบั การเพลาะไมด้ ว้ ยตะปธู รรมดาต่างกนั ท่ีใช้
ตะปูเกลียวฝังยึดติดไม้ ด้วยการใช้สว่านเจาะไม้แผ่นท่ี 2 เพ่ือฝังหัวตะปูเกลียวเป็นระยะ ๆ ตาม
ต้องการแล้วขันตะปูเกลียวเข้ายึดไมใ้ ห้แน่น ในขณะขันตะปูเกลียวต้องใช้แม่แรงอัดไม้เข้าให้สนิทกนั
เสยี ก่อน จะทาใหง้ า่ ยตอ่ การทางานเพลาะไม้
- การเพลาะไม้ด้วยการดามไม้ เป็นวิธีการเพลาะไม้แบบงา่ ย ๆ ทาได้โดยใช้ไมด้ ามเป็นระยะ
ๆ ตามความต้องการ แล้วตอกติดกับไม้ดามด้วยตะปูธรรมดาหรือตะปูเกลียว ในขณะที่ตอกหรือขัน
ตะปตู ้องใช้แมแ่ รงอดั ไมเ้ ข้าใหส้ นิทกันเสยี กอ่ น จะทาใหง้ า่ ยตอ่ การทางานเพลาะไม้วิธีนี
3) กำรเขำ้ ไม้
การเข้าไมเ้ ป็นการนาไม้ตังแต่สองชนิ ขึนไปมาประกบกนั ใหเ้ ปน็ มมุ ฉากหรอื ไมฉ่ ากตาม
รปู แบบทต่ี ้องการ การเข้าไมม้ หี ลายรูปแบบตามลักษณะการนาไปใชห้ รอื สรา้ งหรือผลิตชนิ งานตาม
ความเหมาะสมและประโยชน์ในการใช้สอย ดังนี
การเขา้ ไมแ้ บบชนฉากธรรมดา เปน็ วิธกี ารเขา้ ไมท้ ี่ง่ายทส่ี ดุ โดยการนาไมต้ งั แต่ 2 ชนิ
ตัดหวั ไม้เปน็ มมุ ฉาก มาชนกนั แล้วตอกยึดให้แน่นดว้ ยตะปหู รอื ตะปเู กลยี ว
- การเข้าไม้แบบชนปากกบ เปน็ การเข้าไมท้ ไี่ มต่ ้องการใหเ้ ห็นหวั ไม้ ตัดสว่ นหวั ไมเ้ ป็นมมุ 45 องศา
และนาไมท้ ีต่ ัดทังสองชินมาประกอบกนั เป็นมุมฉาก ทากาวลาเทก็ ซ์หรอื กาวผงแล้วตอกยดึ ให้แนน่
ดว้ ยตะปหู รือตะปเู กลยี ว
- การเขา้ ไมแ้ บบเดือยตรงเปน็ การเขา้ ไม้ท่ใี ช้กันมากในงานไมโ้ ดยจะต้องทาเดือยตวั ผทู้ ไี่ ม้ชินแรกและ
เดอื ยตัวเมยี ทีไ่ ม้ชินที่สองแล้วนาเดอื ยทังสองมาสวมกันปรับแต่งให้มคี วามแนน่ พอดที ากาวลาเทก็ ซ์
หรือกาวผงแล้วตอกยึดให้แน่นด้วยตะปหู รือตะปเู กลยี วนิยมใช้ในงานเฟอร์นิเจอรแ์ ละงานทวั่ ๆ ไป
4) กำรยดึ ตรึงไม้ด้วยตะปู ตะปเู กลียว สลักและนอต
การตอ่ ไม้ การเพลาะไม้ การเข้าไม้ มีความจาเป็นต้องใชว้ ัสดุยดึ ตรงึ ไมต้ ังแตส่ องชนิ ขึน
ไปให้แน่น แข็งแรง สามารถรับนาหนกั หรือรบั แรงดงึ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี นาไปใช้งานโครงสรา้ งต่าง ๆ งาน
เฟอร์นเิ จอร์ และงานทว่ั ๆ ไป ท่นี ิยมใชใ้ นปัจจุบันมอี ยู่ 3 ชนิด
20
5) กำรใชต้ ะปูตอกชนิ้ งำน
- กาหนดตาแหน่งการตอกตะปใู หช้ ดั เจนถูกต้อง
- จับยึดชินงานใหแ้ น่น
- เลือกขนาดและความยาวของตะปใู ห้เหมาะสมกับงาน แลว้ ใช้คอ้ นหงอนตอกตะปูจมพอดี
พนื ผิวงาน
6) กำรใช้ตะปเู กลยี วยดึ ชิ้นงำน
- กาหนดตาแหนง่ การยดึ ตดิ ตะปเู กลียวให้ชดั เจนถูกต้อง
- จบั ชนิ งานให้แนน่
- เจาะรูตะปูเกลยี วด้วยสวา่ นมือหรือสวา่ นไฟฟา้ ใหไ้ ด้รขู ยาดท่เี หมาะสม
- ใชไ้ ขควงขันตะปูเกลียวจมลงในชินงานตามแบบทีก่ าหนด
7) กำรใช้สลักเกลียวและนอตยึดชิ้นงำน
- กาหนดตาแหนง่ การยึดสลักเกลยี วให้ชัดเจนถูกต้อง
- จบั ยึดชนิ งานใหแ้ น่น
- เจาะรสู ลักเกลยี วใหม้ ขี นาดของรตู ามแบบท่กี าหนด
- เลอื กขนาดและความยาวของสลักเกลยี วพรอ้ มนอตท่ีมขี นาดเหมาะสมกบั ชินงาน
- เมื่อใส่สลกั เกลียวและนอตในตาแหนง่ ทต่ี อ้ งการแลว้ ใชป้ ระแจขนั สลกั เกลยี ว หรือนอตยึด
ชนิ งานให้มคี วามแน่นตามตอ้ งการ
2.4 ควำมรู้เกยี่ วกบั อุปกรณ์ท่ใี ชท้ ำงำนไม้
1) เลือ่ ย (Saw) เป็นเคร่ืองมอื พนื ฐานอกี อย่างหน่งึ สาหรบั งานช่างในบ้าน ประโยชนห์ ลักๆก็
คอื ใชต้ ดั หรอื ซอยชนิ งานใหไ้ ด้ขนาดตามต้องการ แบ่งได้ตามวสั ดทุ ี่นามาตัด เช่น เล่อื ยไม้ หรือ เล่อื ย
โลหะ และเลื่อยมที งั หมด 7 ประเภท ไดแ้ ก่
ภาพที่ 2.13 เลื่อยลันดา
ท่มี า: https://www.google.com
เล่ือยลนั ดา (Hand Saw) เราจะเหน็ เลอ่ื ยชนดิ นกี นั บ่อยที่สุด เพราะสามารถใชไ้ ด้ทังตัดและ
งานโกรกไม้ (ขึนอยู่กับคมฟันของเลื่อย)โดยฟันเล่ือยที่ค่อนข้างถ่ี (10-12 ซี่ ต่อ 1 นิว)ใช้สาหรับ
21
ตัดขวางเนือไม้เพ่ือให้เกิดรอยตัดที่เรียบ ส่วนฟันเล่ือยหยาบหรือฟันห่าง (5-6 ซี่ ต่อ 1 นิว) สามารถ
ตดั ไมไ้ ดอ้ ย่างรวดเร็ว เหมาะกับงานตัดตามแนวยาวของเนอื ไม้ โดยมคี วามยาวของใบเลือ่ ยใหเ้ ลือกใช้
งานตงั แต่ 14-28 นิว ตามขนาดของหนา้ ตดั ของไม้
ภาพที่ 2.14 เล่ือยลอ
ทม่ี า: https://www.google.com
เล่ือยลอ (Dovetail Saw) มีลักษณะคล้ายเล่ือยสันแข็งต่างกนั ที่ด้ามจับซึ่งเป็นด้ามยาว ฟัน
เลื่อยมีทังชนิดหยาบและละเอยี ด ใบเลือ่ ยกวา้ ง 2.5 นวิ ยาว 8 นิว 10 นิวและ 12 นิว (แต่ทนี่ ิยมใช้กนั
คือ 10 นิว) เหมาะสาหรับใช้บากปากไม้เพื่อทาเดือยเข้าไม้แบบต่างๆ และงานไม้ที่ต้องการความ
ประณีตเป็นพิเศษ ควรใช้งานร่วมกับปากกาจับชินงานเพ่ือให้ทางานได้สะดวกยิ่งขึน นอกจากนียัง
สามารถใช้ร่วมกับกลอ่ งตดั ปรบั มมุ ได้ด้วย
ภาพท่ี 2.15 เลอื่ ยฉลุ
ทม่ี า: https://www.pumpkin.co.th
เล่ือยฉลุ (Coping Saw) คนส่วนใหญ่รู้จักดี เพราะนิยมใช้ทางานประดิษฐ์ของนักเรียน ใบ
เลือ่ ยมขี นาดเล็กคล้ายเสน้ ลวด เวลาใช้งานตอ้ งขงึ ใบเลือ่ ยกับด้ามและคนั เล่ือยให้ตึง มกั ใช้กับงานไม้ท่ี
มีสว่ นโค้ง มีการฉลุลวดลาย และชนิ งานที่มขี นาดไมใ่ หญแ่ ละหนามากนกั
22
ภาพท่ี 2.16 เลือ่ ยตัดเหล็ก
ท่ีมา: https://www.baanandbeyond.com
เล่ือยตัดเหล็ก (Hack Saw) มีลักษณะคล้ายเลื่อยฉลุ แต่คันเล่ือยโค้งไม่มาก การใช้งานส่วน
ใหญ่จะใชต้ ัดโลหะทว่ั ไป อาทิ ตะปู นอต สกรู เหลก็ ฉาก หรอื ทอ่ พีวซี ี แตถ่ า้ เรานาไปเล่ือยไม้จะเล่ือย
ไดช้ า้ มาก เพราะฟันเลื่อยคอ่ นข้างละเอยี ดและไม่ลึกมีให้เลอื กทังแบบความยาวตามมาตรฐาน 12 นิว
และแบบสามารถปรับความยาวตามขนาดใบเล่ือยได้ รวมถึงเลื่อยเหล็กมินิที่ใช้กับใบเล่ือยขนาด 12
นิว เหมาะสาหรบั งานทม่ี ีพนื ท่จี ากดั สามารถเปลี่ยนใบเล่ือยได้
ภาพที่ 2.17 เลื่อยหางหนหู รอื เลื่อยฉลุฝ้า
ท่มี า: https://itoolmart.com
เล่อื ยหางหนหู รือเลือ่ ยฉลุฝ้า (Wallboard Saw) ใชเ้ ลอ่ื ยตัดชนิ งานเปน็ แนวโค้ง วงกลมและ
ลวดลายต่างๆ สามารถใช้เจาะฝา้ หรอื ผนงั ยิปซัมก็ได้ เพราะใบเล่อื ยมีลกั ษณะเป็นแถบยาวปลายเรียว
แหลมและคมมากสามารถถอดเปล่ยี นใบเลอื่ ยได้ นอกจากนียงั ประยกุ ตใ์ ชเ้ ป็นเครือ่ งมอื ตัดแตง่ กิ่งไม้ท่ี
เล่อื ยขนาดใหญเ่ ขา้ ไม่ถึงได้อกี ด้วย
23
ภาพที่ 2.18 เลอ่ื ยคันธนู
ท่มี า: https://www.rpam.co.th
- เล่ือยคันธนู (Bow Saw) เป็นเล่ือยท่ีมีลักษณะคล้ายคันธนู เหมาะสาหรับใช้เล่ือยตัดก่ิงไม้
ทังไม้สดและแห้งหรือตัดต้นไม้เป็นท่อนๆเพื่อการเคล่ือนย้ายสาหรับงานก่อสร้าง ใบเล่ือยผลิตจาก
เหล็กกล้าและชุบแข็งท่ีฟันเล่ือย จึงมีความคมและแกร่งเป็นพิเศษ สามารถตัดชินงานได้ทังจังหวะ
เลอ่ื ยขึนและลง โดยมใี หเ้ ลอื กหลายขนาด อาทิ 12 นิว21 นิว24 นิวหรอื 30 นิว
ภาพที่ 2.19 เล่อื ยโคง้ ตัดกงิ่ ไม้
ที่มา: https://www.patanasin-powershop.com
เลื่อยโค้งตัดก่ิงไม้(Pruning Saw) ใช้ตัดแต่งก่ิงไม้ ตัดก่อไผ่ ฯลฯ ด้วยลักษณะความโค้งของ
คมเลื่อยและฟันเล่ือย จึงทางานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว นอกจากนียังสามารถตัดแต่งกิ่งไม้ในท่ีสูงได้
โดยต่อดา้ มเลือ่ ยเข้ากับลาไมไ้ ผ่ แคน่ เี รากไ็ มต่ อ้ งปีนต้นไมใ้ หเ้ สีย่ งตอ่ การเกดิ อุบตั ิเหตอุ ีกด้วย
2) กำรดแู ลรักษำ
- ขณะเล่ือยอย่าออกแรงกดใบเลื่อยมากเกินไป เพราะจะทาให้ใบและฟันเล่ือยบิด
เบียว และไมค่ วรใชเ้ ล่อื ยผดิ ประเภท เช่น นาเล่อื ยลันดาไปตดั แผ่นไมท้ ีม่ ตี ะปูฝังอยู่ เพราะจะทาให้ฟัน
เล่อื ยเสยี หายได้ กรณนี คี วรถอนตะปูออกกอ่ น
24
- เลื่อยที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ควรทาความสะอาดด้วยการใช้ผ้าแหง้ เช็ดเบาๆเพ่อื
เอาฝุ่นออกใหห้ มด และทานามนั อเนกประสงคเ์ พื่อปอ้ งกันสนมิ (แตอ่ ย่าใหช้ มุ่ มากเกนิ ไป)จากนันเก็บ
เข้าแผงเครื่องมือ
ภาพที่ 2.20 ตลบั เมตร
ทีม่ า: http://www.indygroup.in.th
ตลับเมตร คือ เครื่องมือวัดชนิดหนึ่งที่มีสายวัดเก็บอยู่ในตลับอย่างมิดชิด ทาให้สะดวกใน
การนาติดตัวไปใช้งานได้ตลอดเวลา ตลับเมตรใช้ในการวัดหาระยะหรือตรวจสอบขนาดของวัสดุ
ชนิ งาน ฯลฯ เน่อื งจากตรงหวั สายวัดของตลับเมตรมขี อเก่ียว ซ่งึ ใช้เปน็ ท่เี กาะยึดกบั ขอบของชินงานที่
ต้องการวดั ทาใหก้ ารดึงสายวัดออกจากตลบั เพ่ือใช้ในการวัดระยะหรือตรวจสอบขนาดของวัสดุ หรอื
ชินงานได้สะดวก ซึ่งผู้ใช้ควรเรียนรู้เรื่องสาคัญของตลับเมตร ตลับ เมตรทาด้วยโลหะป๊ัมมีลักษณะ
รปู รา่ งเป็นตลับ เพ่ือมว้ นเกบ็ สายวดั ชนิดบางทีเ่ ป็นโลหะมีสปรงิ ไว้ภายในตลับอยา่ งมิดชิ ตรงสว่ นปลา
สุดของสายวัดนีเป็นขอเก่ียว และที่ด้านหน้าของสายวัดมีหน่วยการวัดเป็นนิว ฟุต หรือหน่วยเมตริก
กากบั ไว้ หรือสายวัดบางชนดิ ของตลับเมตรมีหน่วยนวิ ฟุต กากับไวข้ ้างหนง่ึ และมหี น่วยเมตรกิ กากับ
ไว้อีกข้างหนง่ึ เพ่ือสะดวกในการใช้ ตลับเมตรท่ีมีจาหน่ายตามท้องตลาดท่ัวไป มีขนาดตลับบรรจุสาย
วัดได้ความยาวตังแต่ 1.00 – 5.00 เมตร ขนาดท่ีช่างไม้และช่างก่อสร้างนิยมใช้มากท่ีสุดได้แก่ขนาด
ตลับทบ่ี รรจุสาย วดั ได้ความยาว 2.00 เมตร
ใชต้ ลับเมตร ตลบั เมตรใชส้ าหรบั การวัดระยะ ตรวจสอบขนาดของวัสดหุ รอื ชนิ งาน มวี ิธีปฏิบัตดิ ังนี
25
ภาพที่ 2.21 ไมบ้ รรทดั
ท่มี า: https://www.lamfa.com
ไมบ้ รรทดั เป็นอปุ กรณท์ างเรขาคณิต อาจทาจากพลาสตกิ ไม้ อะลมู ิเนียม หรือ เหลก็ ใช้ใน
การวัดความยาว ส่วนใหญ่จะมี 2 สเกล คือ นิว และ เซนติเมตร พบได้หลายขนาด ส่วนใหญ่จะเปน็
ขนาด 15 หรือ 30 เซนติเมตร และอาจมีความยาวถึง 100 เซนติเมตร (1 เมตร) สาหรับใช้วัดแบบ
กอ่ สรา้ ง นอกจากนีแลว้ เราอาจใช้ไมบ้ รรทดั ในการขีดเส้นให้ตรง ซง่ึ เปน็ สาเหตหุ ลักทีน่ ักเรียนจะต้อง
พกไม้บรรทัดในการสรา้ งรูปด้วยไมบ้ รรทัดและวงเวยี นนนั ไม้บรรทดั ทใ่ี ชไ้ มจ่ าเป็นต้องมีสเกลวัดความ
ยาวเหมือนไม้บรรทดั ปกติ ดังนันเราจงึ กล่าวถงึ ไม้บรรทัดทีว่ ัดความยาวไมไ่ ดว้ า่ สนั ตรง
ภาพท่ี 2.22 ดินสอ
ท่ีมา: https://ssfortunetrade.co.th
ดินสอ เป็นอุปกรณ์ในการเขียน หรือสื่อทางศิลปะ มักทาจากเนือรงควัตถุแข็งและแคบอยู่
ภายในเปลอื กทีป่ กป้องเนือดนิ สอไม่ให้หกั หรือทงิ รอยไว้บนมือขณะใชง้ าน ดินสอสร้างรอยโดยการขีด
เขียน ทิงรอยวัสดุเนอื ดินสอแข็ง ๆ ติดกับกระดาษ หรือพืนผิวอ่ืน ๆ ไว้ ดินสอแตกต่างจากปากกา ท่ี
จะกระจายรอยของของเหลวหรือหมึกเจลติดลงบนกระดาษที่มีสีอ่อนกว่าเนือดินสอส่วนมากจะทา
จากแกรไฟต์ผสมกับดินเหนียวที่จะทิงรอยสีเทาหรือดาไว้และทาให้ลบออกง่าย ดินสอท่ีทาจาก
26
แกรไฟต์ใช้สาหรับเขียนและวาดเส้น และทาให้เกิดรอยที่ทนทาน แม้ว่ามันจะใช่ยางลบลบออกง่าย
แต่ดินสอจะทนต่อความชืน สารเคมี รังสอี ลั ตราไวโอเลต และอายกุ ารใช้งาน ดินสอที่เนอื ทาจากวัสดุ
อน่ื นนั มใี ชก้ นั นอ้ ยกวา่ เช่น ดินสอทที่ าจากถ่านไม้ ท่สี ่วนมากจติ รกรจะใชว้ าดภาพและรา่ งภาพ ดินสอ
สบี างครงั มไี ว้สาหรับครหู รือบรรณาธใิ ชแ้ ก้ไขขอ้ ความ แตก่ ็จดั วา่ เป็นอุปกรณ์ศิลปะเช่นกัน โดยเฉพาะ
ชนดิ ท่ีมเี นอื ทาจากขีผงึ ท่ีจะติดลงบนกระดาษแทนที่จะลบออก ดินสอนามนั จะนุม่ กว่า มเี นอื ดนิ สอทา
จากขีผึงคล้ายสีเทียนที่ทิงรอยบนผิวราบเรียบ เช่น กระจก หรือเคร่ืองลายครามเปลือกดินสอ
โดยท่ัวไปทาจากไม้ขนาดบาง ปกติเป็นทรงหกเหลี่ยมด้านเท่าแต่บางครังก็เป็นทรงกระบอก พันรอบ
เนือดินสอถาวร เปลือกดินสออาจทาจากวัสดุอื่น เช่น พลาสติก หรือกระดาษ ก็ได้ ในการใช้ดินสอ
เปลือกจะต้องถูกสลักหรือปอกออกเพื่อให้ส่วนปลายของดินสอแหลมคม ดินสอกดมีเปลือกที่
ละเอียดอ่อนมากกว่าซ่ึงช่วยประคองชินส่วนของเนือสีให้สามารถขยายหรือหดผ่านปลายแท่งหรือ
เปลือกดินสอตามที่ต้องการ
ภาพที่ 2.23 กระดาษทราย
ท่มี า: https://www.sanook.com
กระดาษทราย คอื กระดาษรูปแบบหนึ่งซ่ึงมีสารขัดถูติดหรือเคลือบอยู่บนหน้าของกระดาษ
ใชส้ าหรับขัดพนื ผิวของวัสดุอื่นเพือ่ ใหว้ ัสดนุ ันเรียบ หรือขดั ใหช้ ันพืนผิวเกา่ หลุดออก หรือบางครงั อาจ
ทาให้พืนผิวขรุขระมากขึนเพอื่ เตรียมการตดิ ดว้ ยกาว
ภาพท่ี 2.24 สวา่ น
ท่มี า: https://th.wikipedia.org
27
สว่าน คอื เครอื่ งมือชนดิ หน่งึ ใช้สาหรับเจาะรบู นวัสดุหลายประเภท เป็นเครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้บ่อย
ในงานไมแ้ ละงานโลหะ ประกอบด้วยส่วนสาคัญคือดอกสว่านท่ีหมนุ ได้ดอกสว่านยึดอยู่กับเดือยด้าน
หน่ึงของสว่าน และถูกกดลงไปบนวัสดุท่ีต้องการจากนันจึงถูกทาให้หมุน ปลายดอกสว่านจะทางาน
เปน็ ตวั ตดั เจาะวัสดุ กาจดั เศษวัสดุระหวา่ งการเจาะ (เชน่ ขีเล่อื ย) หรือทางานเปน็ ตวั สบู อนภุ าคเล็ก ๆ
(เชน่ การเจาะนามัน) ดังนันสว่านจงึ เปน็ เครื่องมือช่างสาคัญของงานอุตสากรรมการผลิต เกือบทกุ ชนิด
ตอ้ งอาศยั กรรมวธิ กี ารเจาะรูเพ่ือประกอบชินส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน งานเจาะรตู ้องใช้เครื่องมือตัดคือ
ดอกสว่าน กบั เครื่องเจาะ เพ่ือทาการตัดเจาะชนิ งานให้เกดิ รูปทรงกระบอกท่ชี ินงาน และงานการเจาะ
หมายถงึ กระบวนการทาให้เกิดรูกลมทรงกระบอกขึนบนวัสดงุ าน โดยใชเ้ ครอ่ื งมือที่เรยี กวา่ ดอกสว่าน
หรือดอกไขควง โดยมีจดุ ประสงคต์ า่ ง ๆ เพื่อยาหมุด จบั ยดึ ด้วยนตั สกรู หรือทาเกลียว เปน็ ต้น
ภาพที่ 2.26 สีเคลือบเงา
ทีม่ า: http://jcmart1998.lnwshop.com
สีเคลือบเงา หมายถึง เป็นสีที่ใช้ตัวทาละลายเป็นส่วนผสมหรือทาให้เจือจาง เช่น ทินเนอร์
ซงึ่ มลี กั ษณะมนั เงา
3) ลกั ษณะกำรใช้งำนสเี คลอื บเงำ
- นิยมใชท้ าเคลอื บงานไม้ เพ่อื ทาให้พนื ผวิ มคี วามสวยงามและรักษาสภาพพืนผวิ ให้คงทน
- ใช้ทากับงานไม้หรือเฟอรน์ ิเจอร์ต่าง ๆ เพื่อให้ความเงางามและสวยงาม
4) ขอ้ ดขี องสีเคลือบเงำ
- มนั เงา สวยงาม
- ทาความสะอาดไดง้ า่ ย เพราะมคี วามมัน เงา
28
2.5 งำนวจิ ยั ทเ่ี กีย่ วข้อง
โครงการพวงกุญแจไม้ห้องพัก ผู้จัดทาโครงการได้ศึกษาค้นคว้าบทความงานวจิ ัยที่เกีย่ วข้อง
ดงั นี
ชาลี ลัทธิ, วรพงษ์ ลีพรหมมา, ชวิน เป้าอารีย์ และ สุรเดช สุทธาวาทิน . (2527).ช่างท่ัวไป.
กรมอาชีวศึกษา. เทคโนโลยีงานไม้ มีความสาคัญในการสร้างพืนฐานทักษะ ตังแต่กระบวนการ
ออกแบบ จนถึงการสร้างชินงานจริง การฝึกทักษะและการใช้ความรู้ในการออกแบบและสร้าง
ผลิตภัณฑ์งานไม้ ความสวยงามของผลิตภัณฑ์ไม้ ขึนอยู่กับการปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง ปฏิบัติงานได้
อย่างถูกวิธี มีรูปแบบกระบวนการ การเข้าใจเร่ืองการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในงานไม้ เพ่ือนา
ทักษะและกระบวนการต่าง ๆ นาไปใช้ได้จรงิ ในการทางาน และชีวิตประจาวันการพฒั นาชุดอปุ กรณ์
ต่อ-ประกอบไม้ เพือ่ เพิม่ ความปลอดภัย สาหรบั ฝึกปฏิบตั ิการงานไม้ ในครงั นี ผู้วิจยั ไดเ้ ล็งเหน็ ปัญหา
ท่จี ะส่งผลกระทบในการฝึกปฏิบัตกิ ารงานไม้ และสามารถลดการใชอ้ ุปกรณ์เพอื่ ต่อ-ประกอบไม้ และ
เพิ่มความสะดวก และปลอดภัยในการฝึกปฏิบัติการงานไม้ เพ่ือเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานได้
อีกทางหนงึ่ ส่งผลใหผ้ ้ทู ่ีใช้งานนันเกิดทักษะในการฝึกปฏิบัติการเพิ่มมากขึน เพิม่ ศกั ยภาพในการผลิต
ชินงานได้มีความหลากหลาย และ ได้ชุดอุปกรณ์ ต่อ-ประกอบไม้ ท่ีครบถ้วนทัง 4 ด้าน คือ (1) ด้าน
รูปทรง (2) ด้านประโยชน์ใช้สอย (3) ด้านความแข็งแรง และ (4) ด้านการผลิต โดยผลการวิเคราะห์
ขันตอนในการหารูปแบบ และความเหมาะสมใน การพัฒนาชุดอุปกรณ์ ต่อ-ประกอบไม้ เพื่อเพิ่ม
ความปลอดภัย สาหรับฝึกปฏิบัติการงานไม้ พบว่าผู้เชี่ยวชาญทัง 3 ท่าน มีความคิดเห็นเก่ียวกับ
ความเหมาะสมในขันตอน การพฒั นาชุดอุปกรณ์ ตอ่ -ประกอบไม้ เพอ่ื เพ่มิ ความปลอดภัย สาหรับฝึก
ปฏิบัติการงานไม้ โดยการประเมินในทัง 4 ด้าน ตามกรอบแนวคิดท่ีใช้ในการวิจัย คือ รูปแบบ
ประโยชน์ใชส้ อย ความแข็งแรง และ การผลิต โดยระดับความเหมาะสม อยู่ในระดับมาก (xˉ = 4.27)
ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็น จากการทดสอบ และฝึกปฏิบัติการจาก ชุดอุปกรณ์ สาหรับการต่อ –
ประกอบไม้ โดยประเมนิ จากผู้ฝึกปฏบิ ัติการงานไม้ ทงั หมด 30 ท่าน โดยประเมินตามกรอบแนวคิดท่ี
ใชใ้ นการวจิ ยั 3 ด้าน คอื หนา้ ทใี่ ชส้ อย การใชง้ าน และความปลอดภัย
โอรส เหลา่ สันติสขุ . (2561). สถาปตั ยกรรม รอยต่อระหว่างจดุ เรม่ิ ตน้ และปลายทางของงาน
ไม้. วิทยานิพนธ์ทางสถาปัตยกรรม หลักสูตรวิทยานิพนธท์ างสถาปัตยกรรม หลักสูตรสถาปัตยกรรม
ศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมปัจจุบัน
ความเข้าใจในเรื่องของวัสดุประเภทไม้ ทังชนิด รูปแบบและวิธีการก่อสร้างถูกให้ความสนใจอยู่ใน
วงจากัด ในขณะท่ีสังคม ให้ความสนใจกับวัสดุยุคใหม่ เช่น พลาสติกโพลิเมอร์ คอนกรีต ทัง ๆท่ี
29
รูปแบบของไม้ สู่การเปล่ียนแปลงเป็นงานสถาปัตยกรรม อันนาไปสู่ข้อสงสัยและคาถาม ถึงความ
เป็นไปได้บางอย่าง ของทิศทางการออกแบบไม้ และงานสถาปัตยกรรม โครงการวิทยานิพนธ์
สถาปัตยกรรม รอยต่อระหว่างจุดเร่มิ ต้นและปลายทางของงานไม้ เป็นโครงการออกแบบเชิงทดลอง
เพ่ือค้นหาความเป็นไปได้ในการสร้างงานสถาปัตยกรรม ด้วยเทคนิคการเข้าไม้ท่ีมีอยู่เดิม และนามา
พฒั นาต่อ เพื่อใหเ้ กิดประสิทธิภาพสงู สุด มีความยดื หยนุ่ สามารถปรับเข้ากบั พืนท่ี ๆ มลี กั ษณะเฉพาะ
หรือบริบทท่ีมีข้อจากัดด้านการก่อสร้าง ด้วยการศึกษา รวบรวม จาแนก รูปแบบของการเข้าไม้แบบ
ต่าง ๆ ที่มีศักยภาพในการสร้างพืนที่อย่างมีระบบ ลดความซับซ้อนในการต่อหรือการเข้าไม้ลง เพ่ือ
ความเข้าใจง่ายแกบ่ ุคคลทวั่ ไปและยังสามารถนาไปพัฒนาต่อยอด หรือซอ่ มแซมได้ไดด้ ้วยตนเอง และ
ยงั เป็นการรวบรวมองคค์ วามรู้ เทคนคิ ในเรื่องของงานไมผ้ ่านตัวสถาปัตยกรรมซง่ึ ทาให้เกิดประโยชน์
ในด้านการศึกษา และสามารถนาไปต่อยอดได้ในอนาคตผ่านพืนที่รอยต่อเหล่านีแก่สังคม อีกทังยัง
เป็นการส่งเสริม การใช้วัสดุท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ทังนีกระบวนการออกแบบและทดลอง
จะม่งุ เนน้ ไปที่การศกึ ษา พฒั นาเทคนิคการเขา้ ไม้ไปสอู่ งค์ประกอบทางสถาปตั ยกรรม การประกอบยดึ
ไม้เข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดการใช้ไม้ท่ีมีหน้าตัดขนาดใหญ่และยังคงเป็นการใช้ไม้ได้
อย่างคุ้มค่า และสามารถปรับใช้ให้เข้ากับสถาปัตยกรรมที่มีอยู่เดิม หรือสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองได้
โดยปฏิเสธการใช้วัสดุช่วยยึดใด ๆ นอกจากระบบการเข้าไม้ท่ีถูกพัฒนาเท่านัน และยังสามารถลด
ปัญหาการกอ่ สร้างจากพืนท่ี ๆ มคี วามเฉพาะตวั สูง นอกจากนียงั เป็นการสอดแทรกพืนท่ี ปฏิสัมพันธ์
ทางสังคมให้กับผู้ใช้งานเกิดประสบการณ์การศึกษาเรียนรู้ผ่านพืนท่ีรอยต่อ พืนที่ปฏิสัมพันธ์ และ
สภาพแวดลอ้ ม
กิตตพิ ิชญ์ อดุ มลาภ(2553) งานวจิ ัยนเี ป็นการศกึ ษาและพฒั นาการนาวสั ดไุ มท้ เี่ หลือใช้จาก
งานภาคอตุ สาหกรรมมาพัฒนาชดุ ปฏิบัติการเพือ่ ผลติ ตน้ แบบงานเฟอรน์ เิ จอรจ์ ากไม้พาเลท ศึกษา
ประเภทของไมแ้ ละการใช้ประโยชนท์ ีจ่ ะนามาออกแบบผลิตเฟอร์นิเจอร์ต้นแบบสาหรบั ชุดปฏิบตั ิการ
เพอ่ื ใชป้ ระโยชนใ์ นการจัดเก็บเครอ่ื งมือช่างไดอ้ ย่างเปน็ ระเบยี บ มีความสะดวกในการใช้อุปกรณ์
เครอ่ื งมือ การจัดเก็บเคร่ืองมือ เป็นประโยชน์ตอ่ การเรยี นการสอน จากการศึกษา รปู แบบพฒั นาเพื่อ
ผลิตตน้ แบบเฟอร์นิเจอรจ์ ากไม้พาเลท จากผ้เู ชยี่ วชาญด้านการออกแบบ โดยวิธกี ารสมั ภาษณแ์ ละใช้
แบบประเมนิ ไดข้ ้อสรุปเรอื่ งการผลิต และการออกแบบ จากรูปแบบงานทผี่ ู้วิจัยไดใ้ ห้ผู้เชย่ี วชาญตรวจ
ว่ามีความเหมาะสม ผวู้ จิ ัยได้นารูปแบบที่ตรวจแก้แล้วมาผลติ เฟอรน์ ิเจอร์เป็นผลงานจริง
30
ปิยาภรณ์ คาย่ิงยง. ปริญญาบริหารธรุ กิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสาระและการสร้างคุณคา่ ,
มกราคม 2559, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ. งานวิจัยครังนีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษา
แนวทางในการเพ่ิมมูลค่าให้กับเศษไม้เหลือใช้ท่ีมีอยู่ อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดเพ่ือศึกษา
พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านท่ี เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพ่ือศึกษาปัจจัย
ประชากรศาสตร์ท่ีมีผลต่อปัจจัยทางด้านส่วนประสมทาง การตลาดในการตัดสินใจซือผลิตภัณฑ์
ตกแตง่ บา้ นทเี่ ป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้แบบสอบถามเปน็ เครือ่ งมือในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเชิง
ปริมาณ ท าการสุ่มกลุ่มตัวอย่างโดยใช้วธิ ีการค านวณตามสูตร ของคอแครน (W.G. Cochran) จาก
กลุ่มตัวอย่างประชากรในเขตพืนที่กรุงเทพมหานคร ที่มีการใช้ งานอินเทอร์เน็ตและมีความสนใจใน
ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในปี พ.ศ. 2558 ได้จานวนกลุ่มตัวอย่างทังหมด 250
คน และใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านและ
ผลิตภัณฑ์ท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม เป็นเคร่ืองมือในการรวบรวม ข้อมูลเชิงคุณภาพ สถิติท่ีใช้ในการ
วิเคราะห์ข้อมูล แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ สถิติเชิงพรรณนา เพื่อใช้ วิเคราะห์และประมวลผลจากการ
เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากแบบสอบถาม และน ามาแสดงผลการ วเิ คราะหข์ อ้ มลู สถิตซิ ึง่ จะวิเคราะห์
ผลเป็นความถี่ คา่ ร้อยละ และสถิติเชิงอ้างอิง เพ่อื วเิ คราะห์ ความสมั พนั ธ์และผลกระทบต่างๆผลจาก
การศึกษา พบว่ากลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่เป็นเพศหญงิ ชว่ ง อายุ 31-40 ปี มีการศึกษาระดบั ปริญญาตรี
อาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ทังนีโดยส่วนใหญ่มี
ลกั ษณะของทอ่ี ยอู่ าศยั เปน็ บ้านเดยี่ ว มีพฤตกิ รรมการเลอื ก ซอื สินค้าตกแต่งบา้ นและสินค้าท่เี ป็นมิตร
กับส่ิงแวดล้อม ด้วยเหตุผลจากของตกแต่งบ้านชินเดิม เสียหายหรือชารุด และจะเลือกซือสินค้า
ตกแต่งบ้าน ซึ่งใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก เพราะสินค้าที่ผลิตจากไม้ ให้ความรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติหรือ
ความอ่อนโยนท่ีได้จากลวดลายของเนือไม้ และกลุ่มตัวอย่างให้ ระดับความสาคัญกับปัจจัยส่วน
ประสมทางการตลาดด้านผลิตภัณฑ์มากท่ีสุดในการเลือกซือผลิตภัณฑ์ ตกแต่งบ้านและผลิตภัณฑ์ที่
เป็นมติ รกับส่งิ แวดลอ้ ม
ธนกร นิรันดร์นุต , รัฐไท พรเจริญ (2559)งานวิจัยนีเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ท่ีนาเศษไม้เหลือใช้
จากโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปไม้มาใช้ให้เกิดคุณค่าทางทรัพยากรธรรมชาติมากย่ิงขึน โดยมี
จดุ ประสงค์ 1.ศึกษาเศษไม้เหลอื ใชจ้ ากการผลิตเพอื่ นากลบั มาใช้ทาผลิตภณั ฑ์ในงานสถาปัตยกรรม 2.
ออกแบบวัสดุจากเศษไม้เหลือใช้จากโรงงานแปรรูปไม้สร้างเป็นต้นแบบและทดสอบวัสดุ 3.
ประเมนิ ผลความพึ่งพอใจจากผลติ ภณั ฑต์ น้ แบบ ซงึ่ แนวทางการออกแบบจะใช้กระบวนนากลับมาใช้
ใหม่ (Reuse) เพ่ือให้ใช้พลังงานในการผลิตน้อยท่ีสุดและเพื่อให้การบริหารจัดการเศษไม้ในโรงงาน
31
เป็นไปไดอ้ ย่างสมบูรณ์ จึงต้องศึกษาระบบการจัดการภายในองค์กรนันโดยตรงจึงได้เลือกกรณีศึกษา
โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ขนาดกลางประเภท วงกบ ประตู หน้าต่าง บริษัทสยามวู้ดเท็ค จากัด
(SiamWoodtech Co., Ltd) เพื่อสารวจกระบวนการผลิตในองค์กร ทังขันตอนการผลิต อุปกรณ์
เครื่องมือ เคร่ืองจักรท่ีใช้ในโรงงานการบริหารจัดการเศษไม้เหลือใช้ เป็นต้น นามาวิเคราะห์หา
ข้อจากดั ในการออกแบบและแนวคิดท่ีสามารถเปน็ ไปได้ในการออกแบบในบริบทของกรณีศึกษาท่ีตัง
ไว้ โดยทาแบบร่างจากแนวคิดเบืองต้นเพ่ือนาเสนอต่อผู้ทรงคุณวุฒิด้านออกแบบ 3 ท่าน แสดง
ขอ้ เสนอแนะอย่างอิสระ เพ่อื ประโยชน์ในการพฒั นาผลิตภัณฑ์ตน้ แบบตอ่ ไป จากการพัฒนาผลิตภณั ฑ์
ซึ่งผ่านความคิดเห็นจากที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์จนเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบ หลังจากนันจึงทา
แบบสอบถามสารวจความพึงพอใจจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและกลุ่มผู้บริโภคงาน
ออกแบบตกแต่งมาเปน็ ผปู้ ระเมิน 20 ท่านในงานทัง 3 แบบ ซงึ่ ไดแ้ ก่ ม่านไม้ท่ีพับปรับได้ โคมไฟไม้ที่
ติดผนังที่พับปรับไดแ้ ละโคมไฟไม้ตังพืนพับปรับได้โดยผลการศึกษาความพึงพอใจในภาพรวมทังหมด
ของผลติ ภัณฑพ์ บว่ากลุม่ ผู้เชยี่ วชาญดา้ นการออกแบบให้ความพึงพอใจในระดับมาก
32
บทที่ 3
วิธีกำรดำเนนิ กำร
การดาเนินโครงการป้ายเลขห้องพัก มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาขันตอนการทาป้ายเลข
ห้องพักอาคารปฏิบตั ิการโรงแรม อาชีวศึกษาเชียงใหม่ 2) เพื่อศึกษาความพงึ พอใจของผู้พบเห็นป้าย
เลขห้องพัก 3) เพื่ออานวยความสะดวกให้ผู้ที่มาใช้บริการห้องพักอาคารปฏิบัติ การโรงแรม
อาชีวศกึ ษาเชยี งใหม่ ซงึ่ ผจู้ ดั ทาโครงการไดด้ าเนนิ การศึกษาดงั นี
3.1 ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง
3.2 เคร่ืองมอื ท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา
3.3 ขันตอนการดาเนินงาน
3.4 การวเิ คราะห์และสรุปผล
3.1 ประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง
โครงการเรื่อง ป้ายเลขห้องพัก ผู้จัดทาใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง
(Purposive sampling) เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยพิจารณาจากการตัดสินใจของผู้วิจัยเอง
ลักษณะของกลุ่มท่ีเลือกเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ กลุ่มผู้พบเห็นผลิตภัณฑ์ป้ายเลข
ห้องพกั จานวน 50 คน
3.2 เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ในกำรดำเนินโครงกำร
1) แบบบนั ทึกผลการทดลอง
2) แบบสอบถามความพึงพอใจ
ผู้จัดทาโครงการใช้แบบบันทึกการทดลอง แบบสอบถามความพึงพอใจ เป็นเคร่ืองมือเพ่ือ
รวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง เพื่อสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง หลังจากนันผู้จัดทา
โครงการจะจัดทาแบบสอบถามความพึงพอใจในการใช้กระเป๋าใส่ขวดนาผ้าลายเทียน ดังนันผู้จัดทา
โครงการได้แยกแบบสอบถาม ออกเป็น 3 ส่วน ดงั นี
ส่วนท่ี 1 ข้อมลู ส่วนบุคคลของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยสอบถามเกีย่ วกบั เพศ อายุ
33
ส่วนที่ 2 ข้อมูลเก่ียวกับความพึงพอใจของผู้พบเห็นผลิตภัณฑป์ ้ายเลขห้องพัก ผู้จัดทาโครงการได้ใช้
มาตราวัดแบบ Rating scale 5 ระดับตามมาตรวัดแบบลิเคิร์ท (Likert’Scale) ในการวัดระดับความ
พงึ พอใจ ดังนี
5 หมายถงึ มากที่สุด
4 หมายถึง มาก
3 หมายถงึ ปานกลาง
2 หมายถงึ น้อยหรือตา่ กวา่ มาตรฐาน
1 หมายถึง นอ้ ยทสี่ ุดหรือตอ้ งปรบั ปรุงแก้ไข
สว่ นท่ี 3 ข้อเสนอแนะซง่ึ เป็นคาถามปลายเปิดเพื่อให้ผูต้ อบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็
เกณฑ์การประเมินแบบสอบถามความคิดเห็น มี 5 ระดับโดยผู้จัดทาโครงการได้เลือกวิธีการของเรน็
สิส เอลิเคิรท์ ดงั นี (Likert’Scale,Rating scale A.2504)
4.50 - 5.00 หมายถงึ เหน็ ด้วยอยู่ระดับมากท่สี ดุ
3.50 - 4.49 หมายถึง เห็นด้วยอยรู่ ะดับมาก
2.50 - 3.49 หมายถึง เห็นด้วยอยรู่ ะดับปานกลาง
1.50 - 2.49 หมายถงึ เห็นด้วยอย่รู ะดับนอ้ ย
1.00 - 1.49 หมายถงึ เหน็ ดว้ ยอยู่ระดบั น้อยมาก
การสรา้ งเคร่อื งมอื ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลครง้ั น้ี โดยมีการสรา้ งเครอื่ งมือดงั น้ี
- ศึกษาค้นคว้าเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือกาหนดแนวทางในการสร้างเครอ่ื งมอื ในการศึกษาให้
ครอบคลุมเนอื หาทก่ี าหนด
- จดั ทาแบบสอบถามเพ่อื ใช้ในการเกบ็ ข้อมูลเกยี่ วกับ ผลติ ภัณฑ์ป้ายเลขห้องพัก
- ตรวจสอบแบบสอบถาม โดยปรึกษาอาจารยผ์ ู้สอนเก่ียวกับความถกู ต้องของแบบสอบถาม
และข้อควรแกไ้ ขของแบบสอบถามเพ่ือนาไปใชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มลู ทถ่ี กู ต้อง
- ปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถามตามที่ควรแก้แล้วเสนอต่ออาจารย์อีกครังเพ่ือตรวจเช็คความ
ถกู ต้องอกี ครงั กอ่ นจะนาไปใชใ้ นการเก็บขอ้ มูล
34
3.3 ข้นั ตอนกำรดำเนนิ งำน
1) การวางแผน (P)
- กาหนดชอื่ เรือ่ งและศึกษารวบรวมข้อมูลปญั หา ความสาคัญของโครงการ
- เขียนแบบนาเสนอโครงการ
- ขออนมุ ตั โิ ครงการ
2) ขนั ตอนการดาเนนิ การ (D)
- ศกึ ษา ประดิษฐ์ป้ายเลขหอ้ งพกั แขก ประเมินผลและปรบั ปรุง ครังท่ี 1
-ศกึ ษา ประดิษฐ์ปา้ ยเลขหอ้ งพักแขก ประเมินผลและปรับปรงุ ครังที่ 2
- ศกึ ษา ประดษิ ฐ์ป้ายเลขหอ้ งพักแขก ประเมินผล ครังท่ี 3
3) ขนั ตอนการตรวจสอบ (C)
- กลมุ่ ประชากรผพู้ บเหน็ ผลิตภัณฑ์ปา้ ยเลขหอ้ งพัก
- ประเมนิ ผลความพึงพอใจของป้ายเลขหอ้ งพัก
4) ขันประเมินตดิ ตามผล (A)
- สรุปผลการประเมนิ ความพึงพอใจผลติ ภัณฑ์ป้ายเลขหอ้ งพัก
- จัดทาเลม่ โครงการ
- นาเสนอโครงการ
3.4 กำรวิเครำะหแ์ ละสรปุ ผล
ข้อมูลท่ีได้จากการรวบรวม ผู้จัดทาโครงการได้ทาการตรวจสอบความเรียบร้อยของ
แบบสอบถาม และนาขอ้ มูลมาประมวลผลดว้ ยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สาเร็จรูป สาหรับการคดิ ค่าร้อย
ละ การหาค่าเฉลย่ี ( ̅) และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D) ดงั นี
1) การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนท่ี 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยการแจกแจง
ความถแี่ ละร้อยละ
35
สตู รกำรหำคำ่ ร้อยละ
คา่ ร้อยละ = ความถี่ท่ตี อ้ งการเปรียบเทยี บ x 100
จานวนรวมทงั หมด
2) การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนที่ 2 แบบสอบถามความพงึ พอใจของกลมุ่ ตัวอยา่ งคณะครูบุคลากร
นักเรยี น-นกั ศกึ ษา ในวิทยาลยั อาชีวศกึ ษาเชียงใหม่ ในการวิเคราห์ได้แก่ การหาค่าเฉลีย่ ( ̅) และสว่ น
เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D)
× =∑
n
× แทน คา่ คะแนนเฉลีย่
∑ แทน ผลรวมของคะแนนทังหมด
n แทน ขนาดของกลมุ่ ตัวอยา่
สูตรกำรหำคำ่ เบี่ยงเบนมำตรฐำน
S.D.√n ∑ x2 [∑ x]2
n(n-1)
เมอ่ื S.D. แทน คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐานของคะแนนของกลุม่ ตัวอย่าง
[∑ x]2 แทน ผลรวมของคะแนนทังหมดยกกาลงั สอง
∑ x2 แทน ผลรวมของคะแนนแตล่ ะตัวอย่างยกกาลงั สอง
n แทน ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง
36
บทท่ี 4
ผลกำรศึกษำ
ในการศึกษาผลิตภัณฑ์ป้ายเลขห้องพัก มีวัตถุประสงค์ เพ่ือประดิษฐ์ป้ายเลขห้องพักอาคาร
ปฏิบัติการโรงแรมอาชีวศึกษาเชียงใหม่ เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของผู้พบเห็นป้ายเลขห้องพัก ใน
การศึกษามีผลการดาเนิน ดงั หัวขอ้ ตอ่ ไปนี
ส่วนที่ 1 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ส่วนบุคคล
สว่ นที่ 2 ผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจของผู้พบเห็นป้ายเลขห้องพกั แขก
ส่วนท่ี 3 การจดั ลาดบั ผลการวิเคราะหค์ วามพงึ พอใจของผู้พบเหน็ ป้ายเลขหอ้ งพักแขก
ส่วนที่ 4 ผลสรุปขอ้ เสนอแนะ
ส่วนท่ี 1 ผลกำรวิเครำะห์ขอ้ มูลส่วนบคุ คล
จากการศึกษาป้ายเลขห้องพัก ผู้ศึกษาได้วิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งประกอบด้วยข้อมูล
เกี่ยวกับ เพศ และช่วงอายุ ซึ่งผลการวเิ คราะห์ปรากฏดงั นี
ตำรำงท่ี 1 ตำรำงแสดงผลกำรวิเครำะหข์ อ้ มลู สว่ นบุคคลดำ้ นเพศ
เพศ จำนวนคน รอ้ ยละ
ชาย 20 40.00
หญงิ 30 60.00
รวม 50 100.00
จากตารางท่ี 1 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมลู ส่วนบคุ คลด้านเพศ ผู้ศึกษาได้สรุปผลการ
วิเคราะห์พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 60.00 และเพศชาย คิด
เปน็ รอ้ ยละ 40.00 ตามลาดับ
37
ตำรำงที่ 2 ตำรำงแสดงผลกำรวเิ ครำะห์ข้อมูลสว่ นบคุ คลด้ำนอำยุ
อำยุ จำนวนคน รอ้ ยละ
60.00
15-20 30 38.00
2.00
21-25 19 100.00
25 ปขี ึนไป 1
รวม 50
จากตารางที่ 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะหข์ ้อมูลส่วนบุคคลด้านอายุ ผู้ศึกษาได้สรุปผลการ
วิเคราะห์พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามสว่ นใหญ่อยู่ในชว่ งอายุ 15-20 ปี คิดเปน็ รอ้ ยละ 30.00 รองลงมา
ชว่ งอายุ 20-25 คดิ เป็นร้อยละ 38.00 และชว่ งอายุ 25ปีขนึ ไป คิดเป็นร้อยละ 2.00 ตามลาดบั
ตำรำงท3ี่ ตำรำงแสดงผลกำรวิเครำะหข์ อ้ มลู สว่ นบคุ คลดำ้ นอำชพี
อำชีพ จำนวนคน รอ้ ยละ
92
นกั ศกึ ษา 46 -
8
ครแู ละบุคลากร - 100
อื่น ๆ 4
รวม 50
จากตารางท่ี 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลด้านอาชีพ ผู้ศึกษาได้สรุปผล
การวเิ คราะหพ์ บว่า ผู้ตอบแบบสอบถามสว่ นใหญ่เป็นนกั เรนี /นกั ศกึ ษา 46 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 92.00
รองลงมา อนื่ ๆ 4 คน คดิ เป็นร้อย 8.00 ครูและบคุ ลากร คดิ เป็นร้อยละ 0.00 ตามลาดับ
38
ตำรำงที่ 4 ตำรำงแสดงผลกำรววเิ ครำะหข์ อ้ มลู สว่ นบุคคลด้ำนกำรศึกษำ
ระดับ จำนวน รอ้ ยละ
26
ปวช. 13 54
16
ปวส. 27 4
100
ปรญิ ญาตรี 8
อนื่ ๆ 2
รวม 50
จากตารางที่ 4 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลสว่ นบุคคลด้านการศึกษา ผู้ศึกษา
ได้สรุปผลการวิเคราะห์พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ศึกษาอยู่ปวส. 27 คน คิดเป็นร้อยละ
54.00 รองลงมาศึกษาอยู่ปวช. 13 คน คิดเป็นร้อยละ 26.00 ปริญญาตรี 8 คน คิดเป็นร้อยละ 16
และอื่น ๆ 2คน คิดเป็นรอ้ ยละ 4.00 ตามลาดับ
ส่วนท่ี 3 ผลกำรวิเครำะห์ควำมพึงพอใจของผู้พบเห็นป้ำยเลขห้องพักการศึกษาครังนีผู้ศึกษาได้
ศึกษาเรื่อง ป้ายเลขห้องพัก โดยการหาค่าเฉล่ีย ( ̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) จาก
แบบสอบถามความพึงพอใจผลติ ภณั ฑ์ป้ายเลขหอ้ งพกั ข้อมลู ปรากฏดังนี
39
ตำรำงที่ 5 ตำรำงแสดงผลกำรวิเครำะหค์ วำมพงึ พอใจของผู้พบเหน็ ผลติ ภัณฑ์ปำ้ ยเลขหอ้ งพกั
รำยกำรแบบสอบถำม ̅ ผลกำรประเมิน
4.06 S.D. ผลกำรประเมนิ
ป้ายเลขห้องพักสามารถใช้งานได้จริง 4.06 0.62 มาก
ป้ายเลขห้องพักมีรูปแบบท่ีกะทัดรัดและเรียบร้อย 3.98 0.62 มาก
ลวดลายของป้ายเลขห้องพักมีความสวยงาม 3.94 0.71 มาก
ขนาดของป้ายเลขห้องพกั มีขนาดที่เป็นมาตรฐานต่อการ 0.71 มาก
ใช้งาน 3.92
ความคงทนของผลิตภัณฑ์ป้ายเลขห้องพัก 3.78 0.70 มาก
ความคิดสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์ป้ายเลขห้องพัก 4 0.71 มาก
การนาทัพยากรไม้ในท้องถิ่นนามาแปรรูปให้มีคุณค่ามาก 0.64 มาก
ขึน 3.92
รูปแบบของป้ายเลขห้องพักมีความทันสมัย 4 0.70 มาก
ร ูป ท ร ง ข อ ง ป ้า ย เ ล ข ห ้อ ง พ ัก ม ีส ัด ส ่ว น แ ล ะ ร ูป ท ร ง ท่ี 0.70 มาก
เหมาะสม 4.04
สามารถเพ่ิมความสะดวกสบายให้แก้ผู้ใช้งาน 3.99 0.64
0.05 มำก
รวม
จากตารางที่ 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้พบเห็นป้ายเลขห้องพักได้
สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบวา่ ผลสรุปภาพรวมของความพงึ พอใจของผู้พบเหน็ ป้ายเลขหอ้ งพักอยู่
ในระดับ มาก ( ̅=3.99) เม่ือสรุปผลออกมาเป็นรายข้อพบว่า ป้ายเลขห้องพักสามารถใช้งานได้จรงิ
ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ( ̅=4.06) ป้ายเลขหอ้ งพักมีรูปแบบที่กะทัดรัดและเรยี บร้อย อยู่ใน
ระดับมาก ( ̅=4.06) รองลงมาคือ สามารถเพ่ิมความสะดวกสบายให้แก้ผู้ใช้งาน ( ̅=4.04) รูปทรง
ของป้ายเลขห้องพกั มีสัดส่วนและรูปทรงที่เหมาะสม อยู่ในระดับมาก ( ̅=4) การนาทัพยากรไม้ใน
ท้องถิ่นนามาแปรรูปให้มีคุณคา่ มากขึน อยู่ในระดับมาก ( ̅=4) ลวดลายของป้ายเลขหอ้ งพกั มีความ
สวยงาม อยู่ในระดับมาก ( ̅=3.98) ขนาดของป้ายเลขห้องพักมีขนาดท่ีเป็นมาตรฐานต่อการใช้งาน
40
อยู่ในระดับมาก ( ̅=3.94) ความคงทนของผลิตภัณฑ์ป้ายเลขห้องพัก อยู่ในระดับมาก ( ̅=3.92)
รูปแบบของป้ายเลขห้องพักมีความทันสมยั อยู่ในระดับมาก ( ̅=3.92) ความคิดสร้างสรรคข์ อง
ผลิตภัณฑ์ป้ายเลขห้องพัก อยู่ในระดบั มาก ( ̅=3.78) ตามลาดบั
ส่วนที่ 4 กำรจัดลำดบั ผลกำรวิเครำะหค์ วำมพึงพอใจของผู้พบเห็นผลิตภณั ฑ์ปำ้ ยเลขห้องพัก
การศึกษาครังนีผู้ศึกษาได้ศึกษาเร่ือง ป้ายเลขห้องพัก โดยการหาค่าเฉล่ีย ( ̅) และส่วน
เบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D) และจัดลาดบั ความพึงพอใจผลิตภณั ฑป์ ้ายเลขหอ้ งพกั ขอ้ มลู ปรากฏดังนี
ตำรำงท่ี 6 ตำรำงกำรจัดลำดับผลกำรวิเครำะห์ควำมพึงพอใจของผู้พบเห็นผลิตภัณฑ์ป้ำยเลข
ห้องพัก
รำยกำรแบบสอบถำม ̅ S.D. ผลกำรประเมิน ลำดบั ท่ี
ผลกำรประเมิน 1
ปา้ ยเลขหอ้ งพักสามารถใช้งานได้จรงิ 4.06 0.74 มาก 2
มาก 3
ป้ายเลขห้องพักมีรูปแบบที่กะทัดรัดและเรียบร้อย 4.06 0.77 มาก 4
มาก
สามารถเพ่ิมความสะดวกสบายให้แก้ผู้ใช้งาน 4.04 0.83 5
มาก
รูปทรงของปา้ ยเลขหอ้ งพักมีสดั ส่วนและรูปทรงท่ี 4 0.97 6
มาก 7
เหมาะสม มาก
8
การนาทัพยากรไมใ้ นท้องถิ่นนามาแปรรูปให้มี 4 0.84 มาก 9
10
คุณค่ามากขึน มาก
มำก
ลวดลายของป้ายเลขห้องพักมีความสวยงาม 3.98 0.89
ขนาดของป้ายเลขหอ้ งพักมขี นาดที่เป็นมาตรฐาน 3.94 0.89
ต่อการใช้งาน
ความคงทนของผลิตภัณฑ์ป้ายเลขห้องพัก 3.92 0.85
รูปแบบของป้ายเลขห้องพักมีความทันสมัย 3.92
ความคิดสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์ป้ายเลขห้องพัก 3.78 0.95
รวม 3.99 0.05