The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เส้นทาง และ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Som Som Panwad, 2022-09-23 07:10:59

เส้นเวลาทางประวัติศาสตร์

เส้นทาง และ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์

Keywords: ประวัติศาสตร์

เส้นเวลาทางประวัติศาสตร์

รายวิชา ส32102 ประวัติศาสตร์ 1

จัดทำโดย
นางสาว ปานวาด อุสาหะ เลขที่ 28

ชั้นมัธยมศึกษาที่ 5/4
เสนอ

อาจารย์ ภคพร เจริญลักษณ์
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

โรงเรียนภัทรญาณวิทยา

ความสำคัญของเวลา
และยุคสมัยทางประวัติศาสตร์

ในการศึกษาประวัติศาสตร์จะมีความเกี่ยวข้องกับเวลา
เพราะประวัติศาสตร์เป็นการศึกษาเรื่องราวในอดีตของมนุษย์ โดยศึกษาว่ามนุษย์มีวิถี
ชีวิตอย่างไร มีความคิดอะไร มีผลงานใดบ้าง และการสร้างสรรค์ผลงานนั้นได้มีผลกระ
ทบต่อพัฒนาการของมนุษย์ในอดีตและปัจจุบันอย่างไร จึงอาจกล่าวได้ว่าการดำเนินชีวิต
ด้านต่าง ๆ ของมนุษย์อยู่ภายใต้เงื่อนไขของเวลามาโดยตลอด แต่การที่มนุษย์สามารถ
สื่อสารกันได้เรื่องเวลาก็เพราะมนุษย์มีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับระบบการบอกเวลาตรง
กัน

ในสมัยประวัติศาสตร์ไทยที่มีระยะเวลาหลายร้อยปี และเกิดเหตุการณ์ทาง
ประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากมาย นักประวัติศาสตร์จึงได้กำหนดช่วงเวลาและยุคสมัยทาง
ประวัติศาสตร์ขึ้นเพื่อให้ง่ายแก่การจดจำ เพื่อให้เข้าใจเหตุการณ์ตรงกัน และเพื่อให้รู้
ลักษณะเด่นของยุคสมัยทางประวัติศาสตร์นั้น ๆ ตลอดจนให้ความสำคัญต่อปีศักราช
โดยกำหนดเวลาเป็นพุทธศักราช (พ.ศ.) จุลศักราช (จ.ศ.) เป็นต้น

สำหรับการกำหนดยุคสมัยทางประวัติศาสตร์จะกำหนดตามลักษณะเด่นของ
เหตุการณ์ เช่น เมื่อกล่าวถึงช่วงเวลาที่มนุษย์ยังไม่มีตัวหนังสือใช้บันทึกก็กำหนดยุค
สมัยทางประวัติศาสตร์เป็น "สมัยก่อนประวัติศาสตร์" เมื่อกล่าวถึงช่วงเวลาที่มนุษย์เริ่มมี
ตัวหนังสือใช้ก็กำหนดเวลาเป็น "สมัยประวัติศาสตร์" ส่วนการแบ่งสมัยประวัติศาสตร์ใน
ดินแดนไทยนิยมใช้เกณฑ์การแบ่งตามอาณาจักรหรือราชธานี หรือแบ่งตามสมัยของ
ราชวงศ์ และแบ่งตามลักษณะสำคัญของประวัติศาสตร์

การนับและการเทียบศักราชในประวัติศาสตร์ไทย

การนับศักราชแบบไทยมีอยู่หลายแบบ ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้

พุทธศักราช (พ.ศ.) พ.ศ. ใช้กันแพร่หลายในประเทศที่ประชาชนนับถือพระพุทธ
ศาสนา เช่น ไทย ลาว พม่าและกัมพูชา โดยไทยเริ่มใช้ พ.ศ. มาตั้งแต่สมัยอยุธยา
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและใช้อย่างเป็นทางการในสมัยรัชกาลที่ 6
เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยเริ่มนับ พ.ศ. 1 เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์
ปรินิพพานไปแล้ว 1 ปี

มหาศักราช (ม.ศ.) ม.ศ. เป็นศักราชที่เริ่มใช้ในอินเดียโดยพระเจ้ากนิษกะ
แห่งราชวงศ์กุษาณะทรงตั้งขึ้น และต่อมาได้แพร่หลายไปยังดินแดนที่ได้รับ
อารยธรรมอินเดียมหาศักราชพบมากในจารึกสมัยสุโขทัยและจารึกในดินแดน
ไทยรุ่นแรก ๆ การเทียบมหาศักราชเป็น พ.ศ. ให้บวกด้วย 621

จุลศักราช (จ.ศ.) จ.ศ. เป็นศักราชของพม่าสมัยพุกามก่อนแพร่เข้ามาในดินแดนประเทศ
ไทยา นิยมใช้ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยต่าง ๆ ทั้งสมัยสุโขทัย อยุธยา
รัตนโกสินทร์ตอนต้น และล้านนา การเทียบจุลศักราชเป็น พ.ศ.
ให้บวกด้วย 1181

รัตนโกสินทร์ (ร.ศ.) ร.ศ. เป็นศักราชที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมี
พระราชดำริขั้นใช้ในกลางรัชสมัยของพระองค์ โดยเริ่มนับ ร.ศ. 1 ในปีที่สถาปนากรุง
รัตนโกสินทร์เป็นราชธานี คือ พ.ศ. 2325 การเทียบรัตนโกสินทร์ศกเป็น พ.ศ. ให้
บวกด้วย 2324 นอกจากการนับศักราชที่กล่าวมา ในบางกรณีบางเหตุการณ์ที่เราไม่
ต้องนับเวลาอย่างละเอียดโดยการระบุศักราช ก็อาจนับเวลาอย่างกว้าง ๆ ได้อีก เช่น
สหัสวรรษ หมายถึง เวลาในรอบ 1,000 ปีศตวรรษ หมายถึง เวลาในรอบ 100 ปี
ทศวรรษ หมายถึง เวลาในรอบ 10 ปี เป็นต้น

การเทียบศักราชในประวัติศาสตร์

การใช้ศักราชที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดความสับสนไม่ชัดเจนในการศึกษาประวัติศาสตร์

ไทยและสากลการเทียบศักราชให้เป็นแบบเดียวกันจะเป็นประโยชน์ในการศึกษา

ประวัติศาสตร์มากเช่น ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ซึ่งครองราชย์สมบัติระหว่าง พ.ศ.

1822 – 1841 เมื่อเทียบเป็น ค.ศ. จะเท่ากับ ค.ศ. 1279 – 1298 หรือในสมัยสมเด็จพระ
นเรศวรมหาราชซี่งครองราชย์สมบัติ ระหว่าง พ.ศ. 2133 – 2148 เมื่อเทียบเป็น ค.ศ. จะ
เท่ากับ ค.ศ. 1590 – 1605 เป็นต้น การเทียบศักราชได้คล่องจะทำให้เราเรียนประวัติศาสตร์
ได้อย่างมีความหมายและเข้าใจมากขึ้น ซึ่งการเปรียบเทียบศักราชสามารถกระทำได้ง่าย ๆ โดย

นำ ตัวเลขผลต่างของอายุศักราชแต่ละ ศักราชมาบวกหรือลบกับศักราชที่เราตัองการ ดังนี้







การเทียบมศ.ัศก.รา+ช621 = พ.ศ. พ.ศ. - 621 = ม.ศ.

จ.ศ.+1181 = พ.ศ. พ.ศ. - 1181 = จ.ศ.

ร.ศ. + 2324 = พ.ศ. พ.ศ. - 2324 = ร.ศ.

การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย

สมัยก่อนประวัติศาสตร์

แบ่งตามลักษณะเครื่องมือหิน

ยุคหินเก่า ยุคหินใหม่
700,000-10,000 ปีมาแล้ว 10.000-4,000ปีมาแล้ว

แบ่งตามลักษณะเครื่องมือโลหะ

ยุคสำริด ยุคเหล็ก
4,000-2,500 ปีมาแล้ว 2,500 ปีมาแล้ว

การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย

สมัยประวัติศาสตร์

แบ่งตามลักษณะการปกครอง สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
พ.ศ. 1792 - พ.ศ. 2475

สมัยประชาธิปไตย
พ.ศ. 2475 - ปัจจุบัน

แบ่งตามหลักสากล สมัยโบราณ
พ.ศ.1792 - พ.ศ. 2394

สมัยใหม่ หรือ สมัยปรับปรุงประเทศ
พ.ศ. 2394 - พ.ศ. 2475

สมัยปัจจุบัน หรือ สมัยประชาธิปไตย
พ.ศ. 2475 - ปัจจุบัน

สมัยประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

หลักฐานการเริ่มสมัยประวัติศาสตร์ ที่เริ่มมีตัวอักษรใช้ในดินแดนประเทศไทยที่เก่าแก่ที่สุด คือ ศิลาจารึก
สมัยประวัติศาสตร์การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย แบ่งตามระยะเวลาของเมืองหลวง ดังนี้

๑.สมัยก่อนสุโขทัยเริ่มต้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๘๐๐

เนื่องจากประมาณเวลาช่วงดังกล่าวมีบันทึกขอ
งพ่อค้านักเดินทางสำรวจชาวโรมันหรืออียิปต์โบราณ

กล่าวถึง ดินแดนแหลมทอง หรือสุวรรณภูมิโดยเรียกว่า ไครเช(Chryse) หรือโกลเดน เคอร์ซอนเนส ( Golden
Khersonese ) ซึ่งแปลว่าแหลมทอง ดั้งนั้น จึงถือว่าประวัติศาสตร์ไทยเริ่มต้นประมาณ พ.ศ. ๘๐๐ต้นมา

๒.สมัยสุโขทัย( ประมาณ พ.ศ. ๑๗๙๒ – ๒๐๐๖ )

เริ่มจากปีพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ขึ้นครองราชย์สมบัติ และสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานี
จนกระทั่งเมื่อสุโขทัยถูกรวมกับอาณาจักรอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๐๐๖

๓.สมัยอยุธยา ( พ.ศ. ๑๘๙๓ – ๒๓๑๐ )

เริ่มจากปีที่รามาธิบดีที่ ๑ ( อู่ทอง ) ขึ้นครองราชย์และสถาปนากรุงอยุธยาเป็นเมืองหลวง เมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๓
จนถึงปีสุดท้ายในรัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร( พระเจ้าเอกทัศ ) เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐
ซึ่งเป็นปีที่กรุงศรีอยุธยาล่มสลาย

๔. สมัยธนบุรี ( พ.ศ. ๒๓๑๐ – ๒๓๒๕ )

เริ่มจากปีที่พระเจ้าตากสินมหาราชขึ้นครองราชย์และสถาปนากรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวง
เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ จนถึงปีสุดท้ายของรัชกาล เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕

๕.สมัยรัตนโกสินทร์ ( พ.ศ. ๒๓๒๕ – ปัจจุบัน)

เริ่มจากปีที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชขึ้นครองราชย์และสถาปนากรุงเทพฯ
เป็นเมืองหลวง จนถึงปัจจุบัน

อาณาจักรโบราณของไทย

อาณาจักรฟูนัน (พุทธศตวรรษที่ 6-11)

เป็นอาณาจักรเก่าแก่ในดินแดนสุวรรณภูมิหรือคาบสมุทรอินโดจีน
มีอำนาจรุ่งเรืองอยู่นานกว่า 500 ปี
ศูนย์กลางอาณาจักรฟูนันอยู่ที่ใดไม่ปรากฎแน่ชัด

อาณาจักรทวารวดี (พุทธศัตวรรษที่ 11 – 16)

เป็นชื่อที่ใช้เรียกอาณาจักรทางแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
เป็นอาณาจักรที่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากศาสนาพราหมณ์จาก

อินเดีย
เป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่มี เมืองนครปฐม เป็นศูนย์กลาง

อาณาจักรละโว้(พุทธศตวรรษที่12-18)

ศูนย์กลางอยู่ที่เมืองละโว้หรือลพบุรีในปัจจุบัน
ละโว้เป็นเมืองสำคัญหนึ่งในสมัยทวารวดี
ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีแม่น้ำสำคัญ 3 สายไหลผ่านคือ
แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี
ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์

อาณาจักรโบราณของไทย

ตามพรลิงค์ พ.ศ.(12-17)

ตามพรลิงค์” (Tambralinga)พ.ศ. 12-17
เป็นชื่อรัฐโบราณที่สำคัญรัฐหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ครอบคลุมพื้นที่ตอนบนของคาบสมุทรไทย

ตั้งแต่บริเวณจังหวัดชุมพรลงไปจนถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช
ของประเทศไทย

อาณาจักรศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13-19)

มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองปาเล็มบังบนเกาะสุมาตราประเทศอินโดนีเซีย
มีอิทธิพล ครอบคลุมตั้งแต่เกาะชวาในอินโดนีเซีย
ขึ้นมาถึงอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

อาณาจักรล้านนา พ.ศ. 18 - 24

เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อพญามังรายทรงสร้างเมืองเชียงใหม่ใน พ.ศ. 1839
เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการปกครองของเมืองที่อยู่ภายใต้
พระราชอำนาจของพระองค์ และได้ดำรงอยู่ต่อมา 600 ปีเศษ
จนถึง พ.ศ. 2442เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงประกาศยกเลิกหัวเมืองประเทศราชให้อาณาจักรล้านนา
ซึ่งอยู่ในฐานะเมืองประเทศราชเปลี่ยนฐานะเป็นมณฑลพายัพ

พระมหากษัตริย์ไทยสมัยสุโขทัย

กษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงซึ่งขึ้นครองกรุงสุโขทัยต่อจากราชวงศ์ศรีนาวนำถุม
ตามที่นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันยอมรับ มีอยู่ทั้งหมด ๙ พระองค์
แต่ปีที่เสด็จขึ้นครองราชย์และปีที่สวรรคตของกษัตริย์บางพระองค์ยังเป็นปัญหาถกเถียงกันอยู่
และยังหาข้อยุติที่แน่นอนไม่ได้ รายนามของกษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วงทั้ง ๙ พระองค์

พระนาม ปีที่ครองราชย์

1 พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ราว พ.ศ. 1792 ถึงปีใดไม่ปรากฏ

2 พ่อขุนบานเมือง ปีใดไม่ปรากฏ ถึง พ.ศ. 1822

3 พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พ.ศ. 1822 - พ.ศ. 1841
4 พระยาเลอไทย พ.ศ. 1841 ถึงปีใดไม่ปรากฏ
5 พระยางั่วนำถม ปีใดไม่ปรากฏ ถึง พ.ศ. 1890
6 พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไทย)* พ.ศ. 1890 - พ.ศ. 1911
7 พระมหาธรรมราชาที่ 2 พ.ศ. 1911 - พ.ศ. 1942
8 พระมหาธรรมราชาที่ 3
(พระยาไสลือไทย หรือ พระยาไสลิไทย) พ.ศ. 1942 - พ.ศ. 1962
9 พระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล)** พ.ศ. 1962 - พ.ศ. 1981

ประวัติศาสตร์ไทย

สรุปการแบ่งสมัยประวัติศาสตร์ของไทย

การแบ่งยุคสมัยประวัติศาสตร์ของไทย คือ การกำหนดช่วงเวลาเพื่อให้เข้าใจเรื่องราวหรือ
เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในดินแดนไทย โดยทั่วไปการกำหนดช่วงเวลาที่เริ่มต้นและสิ้นสุด
ของช่วงสมัยใดสมัยหนึ่ง มักจะอ้างอิงเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือเป็นจุด
เปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ เช่น การขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งจนถึงปีที่พระองค์
สวรรคตหรือสิ้นอำนาจหรือแบ่งตามศูนย์กลางอำนาจการปกครอง เป็นต้น
นักประวัติศาสตร์ไทยบางคนเสนอการแบ่งยุคสมัยประวัติศาสตร์ไทยเป็นสองสมัย

1.ประวัติไทยสมัยโบราณ นับจากเริ่มแจกจนถึง พ.ศ. 2394
2. ประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2394 - จนถึงปัจจุบัน
สมัยประวัติศาสตร์ไทยยังแบ่งเป็นสมัยย่อยๆได้อีกหลายแบบ
1. แบ่งตามราชธานี
2. แบ่งตามราชวงศ์
3. แบ่งตามพระนามพระมหากษัตริย์
4. แบ่งตามพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง
5. แบ่งตามลักษณะการปกครอง
6. แบ่งตามรัฐบาล
7. แบ่งตามแนวประวัติศาสตร์สากล


Click to View FlipBook Version