ประวัติความเป็นมาของสถาบัน………………………………………………………………………………………………………..1 วิสัยทัศน์ปรัชญา ปณิธาน พันธกิจ และคุณค่าองค์กร..................................................................................2 ตราสัญลักษณ์สีและดอกไม้ประจำสถาบัน………………………………………………………………………………….……3 แผนผังและอาคารต่าง ๆ ของสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา............................................................................4 โครงสร้างหน่วยงาน………………………………………………………………………………………………………………..………5 ทำเนียบผู้บริหารสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา……………………………………………………………………………………..6 โครงสร้างการบริหารสำนักงานสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา.............……………………………………..………………7 คำนิยาม........................................................................................................................... ..............................8 ระบบพนักงานสถาบัน...................................................................................................................................8 ประเภทพนักงานสถาบัน................................................................................................. ..............................8 การสรรหาและการคัดเลือก.................................................................................................. .........................8 การกำหนดตำแหน่งและอัตราเงินเดือน.........................................................................................................9 การพ้นสภาพการเป็นผู้ปฏิบัติงานของสถาบัน.............................................................................................11 วันและเวลาทำงาน....................................................................................................... ...............................12 การแต่งกาย.............................................................................................. ...................................................13 สิทธิและหลักเกณฑ์การลา............................................................................................ ...............................14 การไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน……………………………………………………………………………..19 Contents ส่วนที่ 1 ข้อควรทราบเกี่ยวกับสถาบันดนตรีกับยาณิวัฒนา ส่วนที่ 2 ข้อควรทราบสำหรับผู้ปฏิบัติงานในสถาบัน ส่วนที่ 3 วันทำงาน การแต่งกาย และการลา Page
การประเมินผลการปฏิบัติงาน.....................................................................................................................23 องค์ประกอบและค่าน้ำหนัก.................................................................................................... ....................23 การประกันชีวิตและสุขภาพ.................................................................................................... .....................26 สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลและการศึกษาบุตร............................................................................................30 เงินทดแทนในกรณีเสียชีวิตหรือประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการปฏิบัติงานในหน้าที่………………33 เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต..........................................................................................................................33 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ......................................................................................................... ........................34 เอกสารที่เกี่ยวข้อง.......................................................................................................... .............................37 เอกสารสำหรับดาวน์โหลด...........................................................................................................................38 ส่วนที่ 4 การประเมินผลการปฏิบัติงาน ส่วนที่ 5 สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลอื่นสำหรับผู้ปฏิบัติงานฯ Page ภาคผนวก
สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศิลปากร และกระทรวงวัฒนธรรมที่ร่วมกันจัดทำโครงการจัดตั้งสถาบันดนตรีในรูปแบบของ Conservatory เพื่อเฉลิมพระเกียรติในมงคลวโรกาสที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ที่ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจน้อยใหญ่เพื่อชาวไทยตลอดมา รวมทั้งเพื่อสนองพระปณิธานที่จะพัฒนาดนตรี คลาสสิกในประเทศไทยให้ก้าวหน้าทัดเทียมนานาชาติ เมื่อศาสตราจารย์เกียรติคุณ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในเวลานั้น กราบทูลโครงการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษา ด้านดนตรีให้ทรงทราบ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ก็ได้มีพระกรุณาธิคุณพระราชทานชื่อสถาบันว่า ประวัติความเป็นมา... ส่วนที่ 1 ข้อควรทราบเกี่ยวกับสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา หน้าที่ 1
วิสัยทัศน์ เป็นสถาบันอุดมศึกษาทางด้านดนตรีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก MusiQuE ภายในปี พ.ศ. 2569 ปณิธาน พันธกิจ 1. เป็นสถาบันดนตรีที่สร้างและพัฒนาบุคลากรทางด้านดนตรีคลาสสิกที่มีศักยภาพสูง มีความคิด สร้างสรรค์ และมีความสามารถในการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางด้านดนตรีให้เป็นประโยชน์เหมาะสม กับบริบทของสังคม 2. เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่องค์ความรู้ทางด้านดนตรีและศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้กับสังคม 3. เป็นศูนย์รวมในการศึกษาค้นคว้าวิจัย บูรณาการ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านดนตรี ระหว่างบุคคล ชุมชนและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คุณค่าองค์กร รักในการสร้างสรรค์และแสวงหาความรู้ทางด้านดนตรีรอบด้าน มีความสง่างามและมีศักดิ์ศรีในตน มีมุมมองทางด้านดนตรีลึกซึ้ง กว้างไกล สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ทางด้านดนตรีได้อย่างเหมาะสมกับ ความเปลี่ยนแปล ของสังคมและยุคสมัย สามารถเข้าถึงผู้คนได้ทุกระดับชั้น มีคุณธรรม จริยธรรม และสามารถที่จะประยุกต์ใช้ความรู้ทางด้านดนตรีเพื่อผู้อื่นได้ รักในดนตรี สง่างาม มีวิสัยทัศน์และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ประสานความแตกต่าง อ่อนน้อมถ่อมตน หน้าที่ 2
ตราสัญลักษณ์ ตราสัญลักษณ์ของสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาประกอบด้วย ตัวอักษรย่อ “สกว” ประกอบกับสัญลักษณ์ทางดนตรี คือ กุญแจซอล กุญแจประจำหลัก G สีขาว อยู่ภายในรูปทรงลาย ใบเทศ อันเป็นหนึ่งในแม่ลายกระหนกของศิลปะไทย สีฟ้าที่หมายถึง สีประจำพระองค์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ด้านล่าง เป็นตัวอักษรชื่อภาษาไทย สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา และภาษาอังกฤษ PRINCESS GALYANI VADHANA INSTITUTE OF MUSIC สีทอง หมายถึง ความรู้สึกสูงค่า สร้างสรรค์ ความเจริญรุ่งเรือง คลาสสิก สีประจำสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา = สีฟ้า(BLUE) ดอกไม้ประจำสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ดอกแก้ว Orange jasmine หน้าที่ 3
แผนผังและอาคารต่าง ๆ อาคารอำนวยการ อาคารกัลยาณินคีตการ อาคารเก็บเครื่องดนตรี อาคารคีตราชนครินทร์ อาคารศูนย์การเรียนรู้และสันทนาการ หน้าที่ 4
โครงสร้างหน่วยงาน หน้าที่ 5
ทำเนียบผู้บริหารสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา หน้าที่ 6
โครงสร้างการบริหารสำนักงานสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา กลุ่มงานบริหารกลาง กลุ่มงานยุทธศาสตร์แผน และงบประมาณ กลุ่มงานบริหารวิชาการ กลุ่มงานสภาสถาบัน และงานตรวจสอบภายใน หัวหน้ากลุ่ม หัวหน้ากลุ่ม หัวหน้ากลุ่ม งานบริหารบุคคลและกฎหมาย งานสารบรรณและพิธีการ งานเทคโนโลยีสารสนเทศ งานประชาสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ งานอาคารสถานที่และยานพาหนะ งานแผนและงบประมาณ งานประกันคุณภาพ งานการเงินและบัญชี งานพัสดุ งานบริการวิชาการ กิจกรรมดนตรี และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม งานวิชาการและวิจัย งานทะเบียนและวัดผล งานกิจการนักศึกษา งานบริหารสำนักวิชา งานสภาสถาบัน งานตรวจสอบภายใน หน้าที่ 7
“พนักงานสถาบัน” หมายความว่า พนักงานสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา “ผู้ปฏิบัติงาน” หมายความว่า พนักงานสถาบันและลูกจ้างของสถาบัน “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา “คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการบริหารงานบุคคลสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา บริหารโดย - คณะกรรมการบริหารสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา - คณะอนุกรรมการบริหารงานบุคคลสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา - ประเภทปฏิบัติการทั่วไป - ประเภทปฏิบัติการวิชาชีพ - ประเภทวิชาการ - ประเภทบริหาร การสรรหาและคัดเลือกบุคคลภายนอกเพื่อบรรจุเป็นผู้ปฏิบัติงานของสถาบันเป็นไปตามข้อบังคับ สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2555 2.4.1 การบรรจุบุคคลภายนอกเป็นผู้ปฏิบัติงานของสถาบัน ให้บรรจุและแต่งตั้งจากผู้ที่ผ่านกระบวนการสรรหาหรือคัดเลือก ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่อธิการบดีกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ในกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็น อธิการบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ อาจอนุมัติให้บรรจุแต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานที่มีคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งต่างไปจากที่กำหนดก็ได้ ส่วนที่ 2 ข้อควรทราบสำหรับผู้ปฏิบัติงานในสถาบัน 2.1 คำนิยาม 2.2 ระบบพนักงานสถาบัน 2.3 ประเภทของพนักงานสถาบัน 2.4 การบรรจุ แต่งตั้ง และการจ้าง หน้าที่ 8
2.4.2 การทำสัญญาจ้างสำหรับผู้ที่ผ่านกระบวนการสรรหาและการคัดเลือก กำหนดให้สถาบันทำสัญญาจ้างกับผู้ผ่านการคัดเลือกและบรรจุเป็นผู้ปฏิบัติงานของสถาบัน โดยให้เป็นลูกจ้างชั่วคราวระยะเวลา 1 ปีเมื่อผ่านการประเมินการปฏิบัติงานจึงให้บรรจุเป็นพนักงานทดลองงาน เพื่อทดลองปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ได้รับคัดเลือกเป็นระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ให้มีการประเมินการปฏิบัติงานให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 15 วัน ก่อนครบกำหนด ระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวหรือการเป็นพนักงานทดลองงาน ตามประกาศสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา เรื่อง กำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนผู้ปฏิบัติงานของสถาบัน ฯ 2.5.1 อัตราเงินเดือนแรกบรรจุ กำหนดอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิหรือระดับค่างานที่เทียบเท่าของผู้ปฏิบัติงาน สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ดังนี้ คุณวุฒิ/หรือระดับค่างานที่เทียบเท่า อัตราเงินเดือนแรกบรรจุ (บาท) ต่ำกว่า ม.ปลาย หรือระดับค่างาน 1 10,400 ปวช. หรือระดับค่างาน 1 11,200 ปวส. หรือระดับค่างาน 2 13,800 ปริญญาตรี หรือระดับค่างาน 3 18,000 ปริญญาโท (ปฏิบัติการ) หรือระดับค่างาน 4 21,000 ปริญญาโท (วิชาการ) หรือระดับค่างาน 4 23,800 ปริญญาเอก (วิชาการ) หรือระดับค่างาน 5 28,600 เทียบเท่าระดับค่างาน 6 40,000 เทียบเท่าหรือระดับค่างาน 7 55,000 เทียบเท่าระดับค่างาน 8 70,000 2.5 การกำหนดตำแหน่งและอัตราเงินเดือน หน้าที่ 9
2.5.2 บัญชีอัตราเงินเดือนของผู้ปฏิบัติงานของสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา 1) บัญชีอัตราเงินเดือนประเภทปฏิบัติการทั่วไป ขั้นสูง (บาท/เดือน) ขั้นต่ำ (บาท/เดือน) 20,750 บาท 8,300 บาท 29,250 บาท 11,700 บาท 38,000 บาท 15,200 บาท อัตราเงินเดือน ปฏิบัติการทั่วไป 1 (ค่างานระดับ 1) ปฏิบัติการทั่วไป 2 (ค่างานระดับ 2) ปฏิบัติการทั่วไป 3 (ค่างานระดับ 3) 2) บัญชีอัตราเงินเดือนประเภทปฏิบัติการวิชาชีพ ขั้นสูง (บาท/เดือน) ขั้นต่ำ (บาท/เดือน) 38,000 บาท 15,200 บาท 54,750 บาท 20,700 บาท 71,250 บาท 25,500 บาท อัตราเงินเดือน ปฏิบัติการวิชาชีพ 3 (ค่างานระดับ 3) ปฏิบัติการวิชาชีพ 4 (ค่างานระดับ 4) (ชำนาญการ) ปฏิบัติการวิชาชีพ 5 (ค่างานระดับ 5) (ชำนาญการพิเศษ) 3) บัญชีเงินเดือนประเภทวิชาการ ขั้นสูง (บาท/เดือน) ขั้นต่ำ (บาท/เดือน) 55,500 บาท 22,200 บาท 71,250 บาท 28,500 บาท 80,000 บาท 40,000 บาท 111,000 บาท 55,000 บาท 140,000 บาท 70,000 บาท อัตราเงินเดือน วิชาการ 4 (ค่างานระดับ 4) (อาจารย์) วิชาการ 5 (ค่างานระดับ 5) (อาจารย์) วิชาการ 6 (ค่างานระดับ 6) (ผศ.) วิชาการ 7 (ค่างานระดับ 7) (รศ.) วิชาการ 8 (ค่างานระดับ 8) (ศ.) หน้าที่ 10
4) บัญชีอัตราเงินเดือนประเภทบริหาร ขั้นสูง (บาท/เดือน) ขั้นต่ำ (บาท/เดือน) 80,000 บาท 40,000 บาท 110,000 บาท 55,000 บาท 140,000 บาท 70,000 บาท 200,000 บาท 100,000 บาท อัตราเงินเดือน หัวหน้ากลุ่มงาน/ หัวหน้าสาขาวิชา/ ผู้ช่วยคณบดี (ค่างานระดับ 6) ผอ.สำนักงานสถาบัน/ ผู้ช่วยอธิการบดี/ รองคณบดี (ค่างานระดับ 7) รองอธิการบดี/ คณบดี (ค่างานระดับ 8) อธิการบดี (ค่างานระดับ 9) ผู้ปฏิบัติงานของสถาบันพ้นจากสภาพความเป็นผู้ปฏิบัติงานของสถาบันเมื่อ 1. ตาย 2. ครบเกษียณอายุนับแต่วันถัดจากวันที่มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ 3. ได้รับอนุญาตให้ลาออก 4. ยุบหรือเลิกตำแหน่ง หรือยุบหน่วยงาน 5. สิ้นสุดสัญญาจ้าง 6. ถูกสั่งให้ออก หรือเลิกจ้าง หรือตามเหตุผลและความจำเป็นอื่นที่คณะกรรมการบริหารสถาบัน ดนตรีกัลยาณิวัฒนากำหนด 7. ถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออก 2.6 การพ้นสภาพความเป็นผู้ปฏิบัติงานของสถาบัน หน้าที่ 11
วันทำการ ได้แก่ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลาทำงาน วันละ 8 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น. โดยเวลาพัก 1 ชั่วโมง ไม่นับเป็นเวลาทำงาน วันหยุดงาน ประกอบด้วย 1. วันหยุดประจำสัปดาห์ได้แก่ วันเสาร์และวันอาทิตย์ 2. วันหยุดตามประเพณี 3. วันหยุดพิเศษอื่นตามที่อธิการบดีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา การปฏิบัติงานล่วงเวลา การปฏิบัติงานล่วงเวลาโดยได้รับค่าตอบแทนจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังนี้ 1. ผู้ปฏิบัติงานต้องได้รับคำสั่ง หรือได้รับอนุมัติจากอธิการบดี หรือผู้ที่อธิการบดีมอบหมาย 2. ต้องเป็นงานในกรณีเร่งด่วน หรืองานที่ได้รับมอบหมายพิเศษนอกเหนือจากงานในหน้าที่ปกติ ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดและจำเป็นต้องปฏิบัติให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็ว เพื่อประโยชน์แก่งาน และเพื่อไม่ให้เสียหายแก่สถาบัน โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของผู้ปฏิบัติงาน และความเร่งด่วน หรือต้องเป็นภารกิจเฉพาะกิจที่โดยสภาพของงานต้องปฏิบัติในวันหยุด 3. การปฏิบัติงานนอกเวลาทำงานปกติต้องปฏิบัติงานติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงแต่ต้องไม่เกิน 4 ชั่วโมง สำหรับวันหยุดต้องปฏิบัติงานติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงแต่ต้องไม่เกิน 8 ชั่วโมง 4. ค่าตอบแทนการปฏิบัติงานล่วงเวลาให้จ่ายในอัตรา 60 บาท/ชั่วโมง การคำนวณค่าล่วงเวลาปฏิบัติงาน ในการปฏิบัติงานนอกเวลาทำงานปกติ มีหลักเกณฑ์ดังนี้ 1. เริ่มปฏิบัติงาน ไม่เกินเวลา 08.30 น. ให้เริ่มคำนวณค่าล่วงเวลา ตั้งแต่ 17.01 น. เป็นต้นไป 2. เริ่มปฏิบัติงาน เวลา 08.31-09.30 น. ให้เริ่มคำนวณค่าล่วงเวลา ตั้งแต่ 17.31 น. เป็นต้นไป 3. กรณีลาครึ่งวันหรือขาดงานครึ่งวัน ให้เริ่มคำนวณค่าล่วงเวลา ตั้งแต่ 17.01 น. เป็นต้นไป ส่วนที่ 3 วันทำงาน การแต่งกาย และการลา 3.1 วันและเวลาทำงาน หน้าที่ 12
สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนากำหนดให้บุคลากรแต่งกายด้วยชุดสุภาพ ให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงาน ในสถาบันการศึกษา ดังนี้ 3.2.1 การแต่งการสำหรับการปฏิบัติงานในวันทำการปกติ บุคลากรสถาบันควรแต่งกายด้วยชุดสุภาพ เรียบร้อย ผู้ชายควรสวมเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อคอปก ของสถาบัน กางเกงสแล็คสีดำหรือสีสุภาพ รองเท้าหนังหุ้มส้นสีดำหรือสีสุภาพ สำหรับผู้หญิงควรสวม เสื้อเชิ้ต เสื้อคอปกสถาบัน หรือชุดสุภาพ กระโปรงยาวสีดำหรือสีสุภาพ รองเท้าคัชชูหุ้มส้นสีดำหรือสีสุภาพ ไม่ควรสวมเสื้อแขนกุดหรือกระโปรงสั้น การแต่งกายที่เหมาะสมของบุคลากรสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา 3.2.2 การแต่งกายสำหรับงานประชุม กิจกรรมต่าง ๆ หรืองานพิธีการสำคัญ การแต่งกายของบุคลากรสำหรับการเข้าร่วมประชุม หรือกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งของสถาบัน หรือของหน่วยงานภายนอก ควรสวมชุดสุภาพและสวมเสื้อสูทของสถาบัน การแต่งกายสำหรับงานพิธีการสำคัญ เช่น พิธีพระราชทานปริญญาบัตร บุคลากรสถาบัน ควรสวมชุดปกติขาว 3.2 การแต่งกาย หน้าที่ 13
ประเภทการลา จำนวนวันลาได้/ปี เงื่อนไขการลา หมายเหตุ ลาป่วย 30 วัน ลาติดต่อกันเกิน 3 วัน ต้องแนบใบรับรองแพทย์ ลากิจส่วนตัว 10 วัน ยื่นใบลาล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันทำการ ทั้งนี้ พนักงานทดลองงานไม่มีสิทธิลากิจส่วนตัว เว้นแต่กรณีจำเป็น ต้องได้รับอนุมัติจาก ผู้บังคับบัญชาให้หยุดได้ แต่จะไม่ได้รับเงินเดือนในวันที่หยุดนั้น ลาพักผ่อน ไม่เกิน 20 วัน รวมลาพักผ่อนสะสม ยื่นใบลาล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันทำการ ทั้งนี้ ต้องเป็นพนักงานสถาบันที่ปฏิบัติงานติดต่อกัน มาแล้วครบ 1 ปี ลาคลอดบุตร ไม่เกิน 90 วัน ยื่นใบลาล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันทำการ และให้ยื่นใบรับรองแพทย์ ภายใน 15 วันทำการนับ แต่วันที่คลอด ลาไปช่วยเหลือภริยา ที่คลอดบุตร ไม่เกิน 15 วัน ยื่นใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ทั้งนี้ ต้องเป็นพนักงานสถาบันที่ปฏิบัติงานติดต่อกัน มาแล้วครบ 1 ปี ลาอุปสมบท ไม่เกิน 120 วัน ยื่นใบลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ทั้งนี้ ต้องเป็นพนักงานสถาบันที่ปฏิบัติงานติดต่อกัน มาแล้วครบ 1 ปี ใช้สิทธิได้เพียง ครั้งเดียว ลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ไม่เกิน 30 วัน ยื่นใบลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ทั้งนี้ ต้องเป็นพนักงานสถาบันที่ปฏิบัติงานติดต่อกัน มาแล้วครบ 1 ปี ใช้สิทธิได้เพียง ครั้งเดียว หมายเหตุ: การยื่นใบลาต้องได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว จึงจะหยุดงานได้ (ยกเว้นกรณีลาป่วย) 3.3 สิทธิและหลักเกณฑ์การลา หน้าที่ 14
3.3.1 การลาป่วย พนักงานสถาบันมีสิทธิลาป่วยเพื่อรักษาตัวโดยได้รับเงินเดือนระหว่างลา ในกรณีปกติ30 วันทำการต่อปีในกรณีที่ขอลาป่วยติดต่อกันเกิน 3 วันทำการ ให้แนบใบรับรองแพทย์ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ที่ทางราชการรับรองมาพร้อมกับใบลาด้วย การลาป่วยที่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลและหรือพักรักษาตัวต่อเนื่องตามความเห็น ของแพทย์ให้พนักงานสถาบันมีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างไม่เกิน 60 วันทำการต่อปีทั้งนี้ รวมทั้งปีมีสิทธิ ลาป่วยโดยได้รับเงินเดือนระหว่างลาไม่เกิน 90 วันทำการ หลักเกณฑ์การลาป่วย ให้พนักงานสถาบันจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจ อนุญาตในวันแรกที่มาปฏิบัติงาน 3.3.2 การลาคลอดบุตร พนักงานสถาบันซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์มีสิทธิลาคลอดบุตรครรภ์หนึ่ง ไม่เกิน 90 วัน โดยรวมวันหยุดระหว่างวันลาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลาก่อนหรือลาหลังคลอด โดยให้ได้รับ เงินเดือนตลอดระยะเวลาที่ลาแต่ไม่เกิน 45 วัน หลักเกณฑ์การลาคลอดบุตร ให้พนักงานสถาบันยื่นใบลาต่อผู้บังคับบัญชาล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันทำการ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงจะหยุดงานได้ และให้ยื่นใบรับรองแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 15 วันทำการนับแต่วันที่คลอด ในกรณีการคลอดฉุกเฉินที่ไม่อาจยื่นใบลาล่วงหน้าได้ ให้พนักงานสถาบันหรือบุคคลในครอบครัว ของพนักงานสถาบันผู้คลอดบุตรแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาทราบในโอกาสแรกที่จะทำได้ และให้ยื่นใบลาพร้อม ใบรับรองของแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 15 วันทำการนับแต่วันที่คลอด 3.3.3 การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร พนักงานสถาบันที่ปฏิบัติงานในสถาบันติดต่อกัน มาครบ 1 ปี ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติงานตามสัญญาทดลองปฏิบัติงานหรือตามสัญญาปฏิบัติงาน ซึ่งประสงค์ จะลาไปช่วยเหลือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายที่คลอดบุตร ให้มีสิทธิลาครั้งหนึ่งติดต่อกันไม่เกิน 15 วัน นับแต่วันที่คลอดรวมวันหยุดระหว่างวันลา โดยให้ได้รับเงินเดือนระหว่างลา หลักเกณฑ์การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ให้พนักงานสถาบันจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาต ทั้งนี้ ให้ยื่นใบรับรองแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมพร้อมสำเนา สูติบัตรของบุตรต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 3 วันหลังจากกลับมาปฏิบัติงานตามปกติ หน้าที่ 15
3.3.4 การลากิจส่วนตัว พนักงานสถาบันมีสิทธิลากิจส่วนตัวเพื่อทำกิจธุระอันจำเป็นได้ ตามสมควรแต่ไม่เกิน 10 วันทำการต่อปีโดยได้รับเงินเดือนในวันที่ลา การลาแต่ละครั้งให้ลาอย่างน้อย ครึ่งวันทำการ พนักงานสถาบันที่อยู่ระหว่างการทดลองปฏิบัติงานไม่มีสิทธิลากิจส่วนตัว เว้นแต่ในกรณีจำเป็น อันมิอาจหลีกเลี่ยงได้และได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาแล้ว ให้หยุดได้แต่จะไม่ได้รับเงินเดือนในวันที่หยุดนั้น หลักเกณฑ์การลากิจส่วนตัว ให้พนักงานสถาบันยื่นใบลาต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่ง ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันทำการ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงจะหยุดงานได้ เว้นแต่มีเหตุผลความจำเป็นจะยื่นใบลา พร้อมระบุเหตุผลความจำเป็นไว้แล้วหยุดงานไปก่อนก็ได้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชา ชั้นต้นก่อน 3.3.5 การลาพักผ่อน พนักงานสถาบันที่ปฏิบัติงานในสถาบันติดต่อกันมาแล้วครบ 1 ปี ไม่ว่าจะเป็น การปฏิบัติงานตามสัญญาทดลองปฏิบัติงานหรือตามสัญญาปฏิบัติงาน สามารถลาพักผ่อนได้ปีละไม่เกิน 10 วันทำการ โดยได้รับเงินเดือนในวันที่ลา ทั้งนี้ ในปีที่มีสิทธิลาพักผ่อนครั้งแรกให้สามารถลาพักผ่อน ได้ตามสัดส่วนระยะเวลาทำงานในปีนั้น และการลาพักผ่อนแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่า 1 วันทำการ หากพนักงานสถาบันใช้วันลาพักผ่อนในปีใดไม่ครบ 10 วันทำการ ให้สะสมวันลาพักผ่อนที่มิได้ลา ในปีนั้นรวมเข้ากับวันลาพักผ่อนปีต่อ ๆ ไปได้ แต่เมื่อรวมวันลาพักผ่อนสะสมกับวันลาพักผ่อนในปีปัจจุบัน จะต้องไม่เกิน 20 วันทำการ เว้นแต่พนักงานสถาบันที่ปฏิบัติงานติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปีให้มีสิทธิ นำวันลาพักผ่อนสะสมรวมกับวันลาพักผ่อนในปีปัจจุบันได้ไม่เกิน 30 วันทำการ พนักงานสถาบันสายวิชาการพึงหลีกเลี่ยงการลาพักผ่อนในระหว่างภาคการศึกษาที่ตนมีภาระ งานสอนหรือในระหว่างการสอบกลางภาคหรือปลายภาค ในระหว่างการลาพักผ่อน หัวหน้าส่วนงานมีอำนาจเรียกตัวพนักงานสถาบันกลับมาปฏิบัติงาน ก่อนครบกำหนดการลาพักผ่อนได้ ถ้าหากมีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์ของส่วนงาน หลักเกณฑ์การลาพักผ่อน ให้พนักงานสถาบันยื่นใบลาต่อผู้บังคับบัญชาเหนือชั้นขึ้นไปชั้นหนึ่ง ไม่น้อยกว่า 3 วันทำการ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงจะหยุดงานได้ หน้าที่ 16
3.3.6 การลาอุปสมบท ให้พนักงานสถาบันซึ่งเป็นชายที่ปฏิบัติงานในสถาบันติดต่อกันมาแล้ว อย่างน้อย 1 ปี มีสิทธิลาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาได้ไม่เกิน 120 วัน โดยได้รับเงินเดือนระหว่างลา และให้ใช้สิทธิได้เพียงครั้งเดียวในระหว่างที่ปฏิบัติงานอยู่ที่สถาบัน หลักเกณฑ์การลาอุปสมบท ให้พนักงานสถาบันยื่นใบลาต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวันอุปสมบท ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน เว้นแต่ในกรณีพิเศษที่ไม่อาจยื่นใบลาภายในเวลาที่กำหนด ให้ชี้แจงเหตุผล ความจำเป็นประกอบการลา และให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าส่วนงานที่จะพิจารณาให้ลาหรือไม่ก็ได้ เมื่อได้รับอนุมัติให้ลาแล้วจะต้องอุปสมบท ภายใน 10 นับแต่วันเริ่มลา และจะต้องกลับมา รายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการภายใน 5 วันนับแต่วันลาสิกขา ทั้งนี้ จะต้องนับรวมอยู่ภายในระยะเวลา ที่ได้รับอนุญาตการลา เมื่อกลับมาปฏิบัติงานแล้วให้พนักงานสถาบันนำส่งเอกสารรับรองการอุปสมบท ในกรณีที่ได้รับ ให้ลาแล้ว หากปรากฏว่ามีอุปสรรคทำให้ไม่สามารถอุปสมบทตามที่ขอลาไว้ได้ เมื่อได้รายงานตัวกลับเข้า ปฏิบัติงานตามปกติและขอถอนวันลา ให้หัวหน้าส่วนงานอนุมัติ แต่หากมีวันที่ได้หยุดงานไปแล้วให้ถือว่า เป็นวันลากิจส่วนตัว 3.3.7 การลาไปประกอบพิธีฮัจย์ พนักงานสถาบันที่นับถือศาสนาอิสลามและปฏิบัติงาน ในสถาบันติดต่อกันมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี มีสิทธิลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้ไม่เกิน 30 วันรวมวันหยุดในระหว่างการลา หลักเกณฑ์การลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ให้พนักงานสถาบันยื่นใบลาต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวันเดินทาง ไปประกอบพิธีฮัจย์ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน เว้นแต่ในกรณีพิเศษที่ไม่อาจยื่นใบลาภายในเวลาที่กำหนด ให้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นประกอบการลา และให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าส่วนงานที่จะพิจารณาให้ลา หรือไม่ก็ได้ เมื่อได้รับอนุมัติให้ลาแล้วจะต้องประกอบพิธีฮัจย์ ภายใน 10 นับแต่วันเริ่มลา และจะต้องกลับมา รายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการภายใน 5 วัน นับแต่วันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยหลังจากการเดินทาง ไปประกอบพิธีฮัจย์ทั้งนี้ จะต้องนับรวมอยู่ภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตการลา เมื่อกลับมาปฏิบัติงานแล้วให้พนักงานสถาบันนำส่งสำเนาเอกสารการเดินทาง ในกรณีที่ได้รับ ให้ลาแล้ว หากปรากฏว่ามีอุปสรรคทำให้ไม่สามารถไปประกอบพิธีฮัจย์ตามที่ขอลาไว้ได้ เมื่อได้รายงานตัว กลับเข้าปฏิบัติงานตามปกติและขอถอนวันลา ให้หัวหน้าส่วนงานอนุมัติ แต่หากมีวันที่ได้หยุดงานไปแล้ว ให้ถือว่าเป็นวันลากิจส่วนตัว หน้าที่ 17
3.3.8 การลาไปปฏิบัติศาสนกิจตามมติของคณะรัฐมนตรีพนักงานสถาบันซึ่งปฏิบัติงาน ในสถาบันติดต่อกันมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี มีสิทธิลาไปปฏิบัติศาสนกิจตามมติของคณะรัฐมนตรี ณ สถาน ปฏิบัติธรรมที่ได้รับการับรองจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ไม่เกิน 30 วัน โดยมีสิทธิได้รับ เงินเดือน ทั้งนี้ การลาไปปฏิบัติศาสนกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ให้อยู่ในดุลพินิจของอธิการบดีได้ไม่เกิน 30 วัน โดยมีสิทธิได้รับเงินเดือน หลักเกณฑ์การลาไปปฏิบัติศาสนกิจตามมติของคณะรัฐมนตรีให้พนักงานสถาบันยื่นใบลา ต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวันเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน เว้นแต่ในกรณีพิเศษที่ไม่ อาจยื่นใบลาภายในเวลาที่กำหนด ให้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นประกอบการลา และให้อยู่ในดุลพินิจของ หัวหน้าส่วนงานที่จะพิจารณาให้ลาหรือไม่ก็ได้ เมื่อได้รับอนุมัติให้ลาแล้วจะต้องไปปฏิบัติศาสนกิจภายใน 10 นับแต่วันเริ่มลา และจะต้องกลับมา รายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการภายใน 5 วัน นับแต่วันที่ครบในการปฏิบัติศาสนกิจ ทั้งนี้ จะต้องนับรวมอยู่ ภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตการลา เมื่อกลับมาปฏิบัติงานแล้วให้พนักงานสถาบันนำส่งเอกสารรับรองการปฏิบัติศาสนกิจ ในกรณีที่ ได้รับให้ลาแล้ว หากปรากฏว่ามีอุปสรรคทำให้ไม่สามารถไปปฏิบัติศาสนกิจตามที่ขอลาไว้ได้ เมื่อได้รายงาน ตัวกลับเข้าปฏิบัติงานตามปกติและขอถอนวันลา ให้หัวหน้าส่วนงานอนุมัติ แต่หากมีวันที่ได้หยุดงานไปแล้ว ให้ถือว่าเป็นวันลากิจส่วนตัว 3.3.9 การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล หลักเกณฑ์การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล พนักงานสถาบันที่ได้รับ หมายเรียกเข้ารับการตรวจเลือก ให้รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวันเข้ารับการตรวจเลือกไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมง ส่วนพนักงานสถาบันที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการเตรียมพล ให้รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชา ภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่เวลารับหมายเรียกเป็นต้นไป และให้ไปเข้ารับการตรวจเลือก หรือเข้ารับ การเตรียมพลตามวันเวลาในหมายเรียกนั้นโดยไม่ต้องรับคำสั่งอนุญาต และให้ผู้บังคับบัญชาเสนอรายงาน ลาไปตามลำดับจนถึงอธิการบดี เมื่อพนักงานสถาบันที่ลานั้นพ้นจากการเข้ารับการตรวจเลือก หรือเข้ารับการเตรียมพลแล้ว ให้มา รายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติงานตามปกติต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 7 วัน เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจำเป็น อธิการบดี อาจขายเวลาให้ได้แต่รวมแล้วไม่เกิน 15 วัน ทั้งนี้ การลาอุปสมบท ลาไปประกอบพิธีฮัจย์ และลาไปปฏิบัติศาสนกิจตามมติของคณะรัฐมนตรี สามารถใช้สิทธิลาประเภทใดประเภทหนึ่งได้เพียงหนึ่งครั้งตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงานในสถาบัน หน้าที่ 18
3.4.1 การไปศึกษา พนักงานสถาบันที่ประสงค์ลาไปศึกษาต่อจักต้องพิจารณาว่าเป็นสาขาวิชา ที่ตรงตามตำแหน่งหน้าที่ หรือตามความจำเป็นของสถาบันที่ต้องการผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชานั้น รวมทั้งต้องสอดคล้องกับนโยบายและแผนงานพัฒนาบุคลากรของสถาบันด้วย การขออนุญาตลาศึกษาต่อของพนักงานสถาบันประเภทอื่นที่ไม่ใช่ประเภทวิชาการให้ขออนุญาต ลาศึกษาต่อได้เฉพาะการศึกษาตามหลักสูตรที่จัดการศึกษานอกเวลาทำการเท่านั้น คุณสมบัติทั่วไปของผู้ปฏิบัติงานที่ไปศึกษาต่อ 1. เป็นพนักงานสถาบันที่ปฏิบัติงานติดต่อกันมาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ทั้งนี้ การนับเวลาปฏิบัติงานให้ นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มมาทดลองปฏิบัติงาน 2. เป็นผู้มีผลการประเมินการปฏิบัติงานอยู่ในเกณฑ์ดี 3. ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย 4. เป็นผู้มีอายุไม่เกิน 45 ปี นับถึงวันที่เริ่มต้นเปิดภาคการศึกษา หลักเกณฑ์การลาไปศึกษาต่อ ให้พนักงานสถาบันที่ประสงค์จะลาไปศึกษาต่อ เสนอเรื่อง ขออนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติโดยเสนอผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับ พร้อมทั้งแนบหนังสือตอบรับเข้าศึกษา จากสถานศึกษานั้น ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย พนักงานสถาบันที่ได้รับอนุมัติให้ลาไปศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา ให้ได้รับเงินเดือนในระหว่าง ลาไปศึกษาได้ตามระยะเวลาที่หลักสูตรกำหนด เว้นแต่กรณีที่ผู้นั้นอยู่ในระหว่างการศึกษาก่อนได้รับ การบรรจุเป็นพนักงานสถาบัน ให้ลาไปศึกษาโดยได้รับเงินเดือนตามระยะเวลาที่เหลือของหลักสูตร ในกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่อาจศึกษาให้สำเร็จได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด อธิการบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาอาจพิจารณาอนุมัติ ให้ขยายเวลาศึกษาต่อไปได้ตามความจำเป็นโดยได้รับเงินเดือน ทั้งนี้ เมื่อรวมแล้วต้องไม่เกินหนึ่งเท่า ของระยะเวลาตามที่ได้รับอนุมัติ การขอขยายเวลาศึกษาต่อตามที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วนั้น ให้เสนอเหตุผลความจำเป็นต่อผู้บังคับบัญชา ตามลำดับเพื่อขออนุมัติได้ครั้งละไม่เกิน 1 ปี โดยให้อยู่ในอำนาจอนุมัติของอธิการบดีโดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการบริหารสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา การขอลาศึกษาต่อที่เกินระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติ พนักงานสถาบันสามารถเสนอขออนุมัติ เพื่อศึกษาต่อได้โดยไม่รับเงินเดือน ทั้งนี้ อธิการบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารสถาบัน ดนตรีกัลยาณิวัฒนาอาจพิจารณาอนุมัติได้ตามความเหมาะสม 3.4 การไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน หน้าที่ 19
เงื่อนไขการไปศึกษาต่อ ให้พนักงานสถาบันที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาทำสัญญาผูกพันกับสถาบัน ดังนี้ 1. พนักงานสถาบันที่ไปศึกษาในเวลาปฏิบัติงานแบบเต็มเวลาหรือบางส่วนของเวลา ไม่ว่าจะด้วยทุนประเภทใด ให้กลับมาปฏิบัติงานชดใช้ให้สถาบันเป็นเวลาหนึ่งเท่าของเวลาที่ผู้นั้นได้รับ อนุมัติให้ไปศึกษา 2. พนักงานสถาบันที่ไปศึกษานอกเวลาปฏิบัติงานและได้รับทุนประเภท 1 ให้สถาบัน ทำสัญญาผูกพันให้กลับมาปฏิบัติงานชดใช้ให้สถาบันเป็นเวลาหนึ่งเท่าของเวลาที่ผู้นั้นได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา พนักงานสถาบันจะเปลี่ยนแปลงหลักสูตร สถานศึกษา แนวทางการศึกษา ให้ผิดไปจากที่ได้รับ อนุมัติไว้ไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติและพนักงานสถาบันจะต้องรายงานผลการศึกษา ที่สถานศึกษารับรองให้สถาบันทราบทุกภาคการศึกษา ในการศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ให้ผู้ลาศึกษาต่อเสนอร่างเค้าโครงวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาเอก เพื่อขอความเห็นชอบจากสถาบัน โดยงานวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาเอกควรเป็นงานที่สอดคล้อง กับภารกิจหรือพันธกิจของสถาบัน และต้องส่งรายงานความก้าวหน้าของวิทยานิพนธ์ให้สถาบันทราบทุก6 เดือน เมื่อครบกำหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติหรือเมื่อสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ให้พนักงานสถาบัน รายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติงานภายในระยะเวลาไม่เกิน 15 วันทำการ นับแต่วันที่ครบกำหนดเวลาที่ได้รับ อนุมัติหรือเสร็จจากการศึกษา และให้รายงานผลการศึกษาต่อสถาบันภายในระยะเวลาไม่เกิน 15 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้งผลการศึกษาจากสถานศึกษา ให้พนักงานสถาบันตามเสนอเรื่องเพื่อขอเพิ่มวุฒิการศึกษาหรือขออนุมัติปรับเงินเดือนและหรือ ค่างานตามวุฒิการศึกษาต่อสถาบันภายในระยะเวลาไม่เกิน 20 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้งผลการศึกษา จากสถานศึกษา ในกรณีที่พนักงานสถาบันไม่สามารถศึกษาให้สำเร็จตามหลักสูตรที่ขออนุมัติไว้ด้วยเหตุผลใด ก็ตาม ให้รายงานตัวเพื่อกลับเข้าปฏิบัติงานทันทีภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ให้ยุติการศึกษาสำหรับการศึกษาภายในประเทศ ส่วนการศึกษา ณ ต่างประเทศให้รายงานตัวกลับเข้า ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งส่งคำชี้แจงภายในระยะเวลาไม่เกิน 15 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้งให้ยุติการศึกษา และให้รายงานผลการศึกษาแก่อธิการบดีภายในระยะเวลาไม่เกิน 15 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้งผล การศึกษาจากสถานศึกษา 3.4.2 การไปฝึกอบรม พนักงานสถาบันอาจลาไปฝึกอบรมโดยได้รับเงินเดือนระหว่างลาได้ไม่เกิน 1 ปีนับตั้งแต่วันไปฝึกอบรมจนถึงวันก่อนมารายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติงาน คุณสมบัติทั่วไปของผู้ปฏิบัติงานที่ไปฝึกอบรม 1. เป็นพนักงานสถาบันที่ปฏิบัติงานติดต่อกันมาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ทั้งนี้ การนับเวลา ปฏิบัติงานให้นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มมาทดลองปฏิบัติงาน 2. เป็นผู้มีผลการประเมินการปฏิบัติงานอยู่ในเกณฑ์ดี 3. ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หน้าที่ 20
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการไปฝึกอบรม ให้พนักงานสถาบันเสนอเรื่องขออนุมัติจากผู้มีอำนาจ อนุมัติ โดยเสนอผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับ ทั้งนี้ ให้พนักงานสถาบันที่ได้รับอนุมัติให้ลาไปฝึกอบรม ต้องทำสัญญาผูกพันกับสถาบันในกรณี ดังนี้ 1. การไปฝึกอบรม ณ ต่างประเทศ 2. การไปฝึกอบรมภายในประเทศเกิน 6 เดือน หรือที่สถาบันจัดสรรเงินทุนจากเงิน รายได้ของสถาบันเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมเกิน 50,000 บาท พนักงานสถาบันจะต้องกลับมาปฏิบัติงานให้สถาบันอย่างน้อยเท่ากับระยะเวลาที่ผู้นั้นได้รับ อนุมัติให้ไปฝึกอบรม และเมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ไปฝึกอบรม ให้พนักงานสถาบัน รายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติงานในวันทำการแรกถัดจากวันเสร็จสิ้นการฝึกอบรมภายในประเทศ และภายใน ระยะเวลา 3 วันทำการนับแต่วันเสร็จสิ้นการฝึกอบรม ณ ต่างประเทศ พร้อมส่งเอกสารรับรองการฝึกอบรม จากสถานศึกษาให้แก่สถาบันด้วย 3.4.3 การไปปฏิบัติการวิจัย พนักงานสถาบันประเภทวิชาการอาจได้รับอนุมัติให้ไปปฏิบัติการ วิจัยที่อาจเป็นโครงการการปฏิบัติการวิจัยภายในประเทศและหรือต่างประเทศก็ได้ โดยให้ได้รับเงินเดือน ไม่เกิน 60 วันต่อปี คุณสมบัติทั่วไปของผู้ปฏิบัติงานที่ไปปฏิบัติการวิจัย 1. เป็นพนักงานสถาบันประเภทวิชาการที่ปฏิบัติงานติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 2 ปี ทั้งนี้ การนับเวลาปฏิบัติงานให้นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มมาทดลองปฏิบัติงาน 2. เป็นผู้มีผลการประเมินการปฏิบัติงานอยู่ในเกณฑ์ดี 3. ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการไปฝึกอบรม ให้พนักงานสถาบันเสนอเรื่องขออนุมัติจากผู้มีอำนาจ อนุมัติ โดยเสนอผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับ ในการไปปฏิบัติการวิจัยตามโครงการที่ได้รับอนุมัติ หากต้องไปปฏิบัติการวิจัย ณ ต่างประเทศ ให้ลาได้ปีละไม่เกิน 30 วัน และการไปปฏิบัติการวิจัยในประเทศให้ไปได้ไม่เกิน 1 วันต่อสัปดาห์ในระหว่าง เปิดภาคการศึกษา โดยให้ถือว่าการไปปฏิบัติงานวิจัยภายในประเทศเป็นการไปปฏิบัติงานให้แก่สถาบัน ทั้งนี้ ระยะเวลาการไปปฏิบัติการวิจัยทั้งภายในประเทศและหรือต่างประเทศรวมกันแล้วไม่ต้องเกินระยะเวลา ตามที่กำหนดไว้ กรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นที่พนักงานสถาบันประเภทวิชาการจะต้องลาไปปฏิบัติการวิจัย เกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด อธิการบดีโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการอาจพิจารณาอนุมัติได้ตาม ความเหมาะสมโดยอาจไม่ได้รับเงินเดือนก็ได้ การอนุมัติให้ไปปฏิบัติการวิจัยจะต้องไม่กระทบต่อภาระงานที่ผู้นั้นได้รับมอบหมาย และงานวิจัย นั้นต้องสอดคล้องตามเกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษาและเป็นประโยชน์ต่อสถาบันด้วย พนักงานสถาบันจะต้องรายงานผลการไปปฏิบัติงานวิจัยให้สถาบันทราบตามระยะเวลาที่กำหนด ในโครงการ โดยให้รายงานผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับ หน้าที่ 21
3.4.4 การดูงาน ผู้ปฏิบัติงานอาจได้รับอนุมัติให้ลาไปดูงาน ณ ต่างประเทศ โดยได้รับเงินเดือน ครั้งหนึ่งไม่เกินสิบห้าวันนับตั้งแต่วันเดินทางไปจนถึงวันเดินทางกลับ คุณสมบัติทั่วไปของผู้ปฏิบัติงานที่ไปดูงาน ต้องเป็นผู้ปฏิบัติงานที่อธิการบดีหรือผู้ที่อธิการบดี มอบหมายอนุมัติให้ไปดูงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศตามที่เห็นสมควร สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับอนุมัติให้ไปดูงานภายในประเทศ ให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติงานให้แก่ สถาบัน ในกรณีที่การไปดูงานภายในประเทศเกิน 7 วันให้ถือว่าเป็นการไปฝึกงาน ซึ่งต้องดำเนินการตาม ที่กำหนดไว้เกี่ยวกับการลาไปฝึกอบรม เมื่อครบกำหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ไปดูงาน ให้ผู้ปฏิบัติงานรายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติงานภายใน ระยะเวลา 3 วันทำการนับแต่วันเสร็จสิ้นการดูงาน ณ ต่างประเทศ และต้องจัดทำรายงานพร้อมส่งเอกสาร ที่ได้รับจากการดูงงานให้แก่สถาบันภายใน 7 วันทำการ นับแต่วันที่รายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติงาน สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับอนุมัติให้ไปดูงานภายในประเทศ ให้จัดทำรายงานพร้อมส่งเอกสาร ที่ได้รับจากการดูงานให้แก่สถาบันภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันเสร็จสิ้นการดูงาน หน้าที่ 22
สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนากำหนดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานพนักงาน สถาบันและลูกจ้างปีงบประมาณละ 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ให้ประเมินผลการปฏิบัติงานในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป ครั้งที่ 2 ให้ประเมินในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 กันยายนของปีเดียวกัน ทั้งนี้ ผลการประเมินทั้งสองครั้งจะนำมาใช้ประกอบการ พิจารณาเพื่อการเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน การต่อสัญญาจ้าง การเลิกจ้าง การปรับเพิ่ม เงินเดือน การให้รางวัลพิเศษประจำปี การเลื่อนระดับ การเลื่อนตำแหน่ง การเปลี่ยนตำแหน่ง หรือการย้าย พนักงานสถาบันหรือลูกจ้างแล้วแต่กรณี พนักงานสถาบันและลูกจ้างที่ต้องเข้ารับการประเมินคือผู้ที่ปฏิบัติงานต่อเนื่องกันเป็นเวลาไม่น้อย กว่า 6 เดือน สำหรับผู้ที่เข้าปฏิบัติงานในปีแรกให้นับวันปฏิบัติงานตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเข้าปฏิบัติงานที่สถาบัน และหากปฏิบัติงานต่อเนื่องกันไม่ถึง 6 เดือน อธิการบดีอาจพิจารณาสั่งการให้มีการประเมินผลการ ปฏิบัติงานก็ได้ 1. ตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน ให้มีค่าน้ำหนักร้อยละ 70 โดยให้ประเมินจากภาระงานที่เป็นภาระ งานประจำ ภาระงานตามกลยุทธ์ ภาระงานส่วนรวม และงานอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา โดยพิจารณาจากตัวชี้วัดความสำเร็จของงาน การกำหนดตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานและผู้ประเมิน มีหลักเกณฑ์ดังนี้ 1. ตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานต้องเป็นการกำหนดร่วมกันระหว่างพนักงานสถาบัน กับผู้บังคับบัญชาที่อธิการบดีมอบหมายและคณะทำงาน โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากอธิการบดี แล้วจึง ให้ลงนามเป็นหลักฐานร่วมกันไว้ 2. ผู้บังคับบัญชาที่อธิการบดีมอบหมายจักเป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน สถาบันในสังกัดตามตัวชี้วัดที่ตกลงร่วมกัน แล้วนำเสนอผลการประเมินต่อคณะทำงานเพื่อพิจารณา กลั่นกรองเสนออธิการบดีให้ความเห็นชอบ แล้วจึงให้ลงนามเป็นหลักฐานร่วมกันไว้ ส่วนที่ 4 การประเมินผลการปฏิบัติงาน การประเมินผลการปฏิบัติงาน องค์ประกอบและค่าน้ำหนักในการประเมินพนักงานสถาบันประเภทปฏิบัติการ มีดังนี้ หน้าที่ 23
2. คุณสมบัติการปฏิบัติงาน ให้มีค่าน้ำหนักร้อยละ 20 โดยให้ประเมินคุณสมบัติระดับองค์กร (Core Competency) คุณสมบัติระดับสายงานประเภทปฏิบัติการ (Functional Competency) และ คุณสมบัติประจำตำแหน่ง (Specific Competency) การกำหนดตัวชี้วัดคุณสมบัติการปฏิบัติงาน มีดังนี้ 1. คุณสมบัติระดับองค์กร (Core Competency) มีจำนวน 2 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1.1 การปรับตัวและการทำงานร่วมกับผู้อื่น 1.2 การมีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ 2. คุณสมบัติระดับสายงานประเภทปฏิบัติการ (Functional Competency) มีจำนวน 2 ตัวชี้วัด ได้แก่ 2.1 มีจิตสำนึกในการให้บริการ 2.2 การเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 3. คุณสมบัติประจำตำแหน่ง (Specific Competency) 3. เวลาการทำงาน ให้มีค่าน้ำหนักร้อยละ 10 โดยใช้หลักเกณฑ์ ดังนี้ 3.1 จำนวนวันลากิจและลาป่วยในการประเมินแต่ละครั้งให้มีคะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ จำนวนวันลากิจและลาป่วย ระดับคะแนน ไม่เกิน 2 วัน 5 4 วัน 4.5 6 วัน 4 8 วัน 3.5 10 วัน 3 12 วัน 2.5 14 วัน 2 16 วัน 1.5 18 วัน 1 20 วัน 0.5 เกิน 20 วัน ขึ้นไป 0 ในการคำนวณระดับคะแนนของจำนวนวันลากิจและลาป่วยที่คาบเกี่ยวระหว่างช่วงชั้น ให้คำนวณ ตามสัดส่วนของจำนวนวันที่ลากิจและลาป่วยของตารางข้างต้น ทั้งนี้ การลาป่วยที่ไม่นำมาคิดในการพิจารณาการประเมินเวลาทำงาน จะต้องมีใบรองรองแพทย์ จากสถานพยาบาลของรัฐ หรือสถานพยาบาลเอกชนประกอบการลาป่วยเท่านั้น หน้าที่ 24
3.2 การมาปฏิบัติงานสายเกินกว่าเวลาที่กำหนด ในการประเมินแต่ละครั้งให้มีคะแนน เต็ม 5 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ จำนวนนาที ระดับคะแนน ไม่สายเลย 5 60 นาที 4.5 120 นาที 4 180 นาที 3.5 240 นาที 3 300 นาที 2.5 360 นาที 2 420 นาที 1.5 480 นาที 1 540 นาที 0.5 เกิน 540 นาที ขึ้นไป 0 ในการคำนวณระดับคะแนนของจำนวนนาทีที่มาปฏิบัติงานสายเกินกว่าเวลาที่กำหนดที่คาบเกี่ยว ระหว่างช่วงชั้น ให้คำนวณตามสัดส่วนของจำนวนนาทีที่มาปฏิบัติงานสายเกินกว่าเวลาที่กำหนดของตาราง ข้างต้น ทั้งนี้ ในกรณีที่พนักงานสถาบันมาสายเกิน 600 นาที ให้นับจำนวนนาทีในส่วนที่เกินดังกล่าว ไปรวมกับจำนวนวันลากิจและลาป่วย หน้าที่ 25
สถาบันจัดให้มีการประกันชีวิตและสุขภาพแก่ผู้ปฏิบัติงานในลักษณะของการประกันแบบกลุ่ม โดยจัดทำประกันกับบริษัท เอไอเอ จำกัด มีเงื่อนไขความคุ้มครอง ข้อกำหนด และข้อยกเว้น ดังนี้ 5.1.1 การประกันชีวิต ความคุ้มครอง 1. ผลประโยชน์มรณกรรม จ่ายเต็มจำนวนให้แก่ผู้รับประโยชน์ 2. การขยายความคุ้มครองกรณีทุพพลภาพ ผู้เอาประกันทุพพลภาพได้รับการขยาย ระยะเวลาคุ้มครองโดยไม่ต้องชำระเบี้ยเท่ากับจำนวนเดือนซึ่งสมาชิกได้เอาประกันมาโดยติดต่อกันสูงสุด ไม่เกิน 12 เดือน และก่อนที่จะมีอายุครบ 60 ปี ข้อยกเว้น 1. การฆ่าตัวตายด้วยใจสมัครภายใน 1 ปีแรก 2. ถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา 5.1.2 การประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มแบบคอนติเนนตัล ความคุ้มครอง กรณีที่ผู้เอาประกันประสบอุบัติเหตุจากสาเหตุโดยตรงจากอุบัติเหตุเพียงอย่างเดียว และโดยปราศจากสาเหตุอื่นใดเว้นแต่การเจ็บป่วยหรือการรักษาพยาบาล หรือการปฏิบัติการผ่าตัดที่เป็นผล โดยตรงมาจากอุบัติเหตุ ส่วนที่ 5 สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลอื่น สำหรับผู้ปฏิบัติงานในสถาบัน 5.1 การประกันชีวิตและสุขภาพ หน้าที่ 26
ตารางเงินทดแทน ข้อ การสูญเสีย อัตราร้อยละ เงินทดแทน 1 เสียชีวิต 100 2 ตาบอดสนิทข้างเดียวหรือสองข้าง 100 3 เสียแขนหรือขาข้างเดียวหรือสองข้าง 100 4 สูญเสียความสามารถในการฟังและการพูด 100 5 แขนและขาทั้งสองข้างอัมพาต 100 6 หูหนวกทั้งสองข้าง 75 7 หูหนวกข้างเดียว 25 8 สูญเสียความสามารถในการพูด 50 9 สูญเสียเลนส์ตาข้างเดียว 50 10 สูญเสียนิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว - มือขวา - มือซ้าย 70 50 11 นิ้วมือทั้ง 4 นิ้ว (ไม่รวมนิ้วหัวแม่มือ) - มือขวา - มือซ้าย 40 30 12 สูญเสียนิ้วหัวแม่มือ - 2 ข้อ จากมือขวา - 1 ข้อ จากมือขวา - 2 ข้อ จากมือซ้าย - 1 ข้อ จากมือซ้าย 30 15 20 10 13 สูญเสียนิ้วมือนิ้วใดนิ้วหนึ่งนอกเหนือจากนิ้วหัวแม่มือ - 3 ข้อ จากมือขวา - 2 ข้อ จากมือขวา - 1 ข้อ จากมือขวา - 3 ข้อ จากมือขวา - 2 ข้อ จากมือซ้าย - 1 ข้อ จากมือซ้าย 10 7.5 5 7.5 5 2 14 สูญเสียนิ้วเท้า - ทุกนิ้วจากเท้าทั้ง 2 ข้าง - หัวแม่เท้า – 2 ข้อ - หัวแม่เท้า – 1 ข้อ - นิ้วอื่น ๆ นอกเหนือจากนิ้วหัวแม่เท้าแต่ละนิ้ว 15 5 3 1 15 กระดูกสะบ้าหักหรือกระดูกขาแตกจนไม่สามารถเชื่อมโยงและใช้งานได้ 10 16 การสั้นลงของขาตั้งแต่ 5 เซ็นติเมตรขึ้นไป 7.5 17 ทุพพลภาพถาวรนั้นมิได้บัญญัติให้ได้รับความคุ้มครองภายใต้เหตุการณ์ ตั้งแต่ข้อ 6 – 16 ของตาราง หน้าที่ 27
ข้อยกเว้น 1. การฆ่าตัวตายและการทำร้ายตนเอง ไม่ว่าในขณะที่วิกลจริตหรือไม่ก็ตาม 2. สงคราม (ไม่ว่าจะประกาศหรือไม่ก็ตาม) การปฏิวัติหรือการปฏิบัติเยี่ยงสงคราม 3. การเข้าร่วมการจลาจล สงครามกลางเมือง การประท้วงหรือการก่อการร้าย 4. การฝ่าฝืน หรือพยายามฝ่าฝืนกฎหมาย หรือการขัดขืนการขับกุมของเจ้าหน้าที่ 5. เป็นผู้ขับขี่ ผู้ควบคุม ผู้ให้บริการขณะขึ้นหรือลง หรือกำลังเข้าไปอยู่ในอากาศยานใด ๆ ไม่ว่า จะขับเคลื่อนด้วยตัวของมันเองหรือไม่ก็ตาม เว้นแต่สมาชิกผู้เอาประกันภัยอยู่ในอากาศยานที่ไป ประกอบการโดยสารการบินพาณิชย์รับขนส่งผู้โดยสาร 6. การแข่งม้าหรือการแข่งขันที่ใช้ล้อ 5.1.3 การประกันภัยทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร ความคุ้มครอง การทุพพลภาพต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 180 วัน จ่ายเงินชดเชยงวดแรก 50% ของ จำนวนเงินเอาประกันให้แก่สมาชิกผู้เอาประกันภัยทันทีที่ได้รับข้อพิสูจน์ของการทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร ครบถ้วนแล้ว หลังจากชดเชยงวดแรกครบ 180 วัน การทุพพลภาพดังกล่าวยังคงอยู่ จะจ่ายเงินชดเชยส่วน ที่เหลืออีก 50% ของจำนวนเงินเอาประกันกรณีเสียชีวิตภายใน 180 วัน หลังเงินชดเชยงวดแรก จะชดเชย ส่วนที่เหลือ 50% ให้แก่ผู้รับประโยชน์ ข้อยกเว้น 1. การฆ่าตัวตาย การพยายามฆ่าตัวตาย หรือการทำร้ายตนเอง 2. ภาวะสงคราม ไม่ว่ามีประกาศหรือไม่ สงครามกลางเมือง การปฏิวัติ จลาจล กบฏ 3. ปฏิบัติหน้าที่เป็นทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร เข้าปฏิบัติการในสงคราม 4. ขณะที่ก่ออาชญากรรมที่มีความผิดสถานหนัก ถูกจับกุม หรือหลบหนีการจับกุม 5. ขณะที่สมาชิกผู้เอาประกันภัยขึ้นหรือลง หรือโดยสารบนอากาศยานที่มิได้จดทะเบียนเพื่อ บรรทุกผู้โดยสาร และมิได้ประกอบการโดยสายการบินพาณิชย์ 6. การทุพพลภาพที่เกิดขึ้นก่อนการประกันภัย ซึ่งเคยได้รับการรักษา การวินิจฉัยโรคการปรึกษา สั่งจ่ายยาในระยะเวลา 90 วันก่อนวันมีผลคุ้มครอง เว้นแต่สมาชิกผู้เอาประกันภัยผู้นั้นได้เอาประกันภัย มาแล้วเป็นเวลา 12 เดือน หน้าที่ 28
5.1.4 การประกันค่ารักษาในโรงพยาบาลและศัลยกรรม (แบบไม่อ้างอิงตามตารางผ่าตัด) ความคุ้มครอง ให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันตลอด 24 ชั่วโมงทุกสถานที่ สำหรับรักษาแบบ ผู้ป่วยในเป็นอย่างน้อย 6 ชั่วโมงติดต่อกัน เนื่องมาจากเจ็บป่วย หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ผลประโยชน์ การชดเชยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะกำหนดดังต่อไปนี้ 1. ค่าห้องและค่าอาหารประจำวันไม่เกินอัตราผลประโยชน์ต่อวัน และจำนวนวันสูงสุดต่อการ เจ็บป่วย 1 ครั้งตามที่ระบุไว้ในตารางการประกันภัย สำหรับการเข้ารักษาในห้องผู้ป่วยหนัก จะไม่เกินสอง เท่าของอัตราผลประโยชน์ค่าห้องและค่าอาหารประจำวัน 2. ค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ ชดเชยค่าใช้จ่าย ซึ่งโรงพยาบาลได้เรียกเก็บจริง ไม่เกินจำนวนสูงสุด ของผลประโยชน์ต่อการเจ็บป่วย 1 ครั้ง ตามที่กำหนดไว้ในตารางการประกันภัย 3. ผลประโยชน์สำหรับการผ่าตัด ชดเชยค่าใช้จ่ายซึ่งแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดได้เรียกเก็บจริง ลักษณะการผ่าตัดและการจัดประเภทการผ่าตัดให้เป็นไปตามตารางอัตราค่าธรรมเนียมการผ่าตัด และจะต้องไม่เกินจำนวนสูงสุดของผลประโยชน์การผ่าตัดที่ระบุในตารางการประกันภัย 4. ผลประโยชน์สำหรับการเยี่ยมของแพทย์ในโรงพยาบาลในระหว่างที่ผู้เอาประกันภัยพักรักษา ในโรงพยาบาล ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดและจำนวนวันตามที่ระบุไว้ในตารางการประกันภัย 5. การรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอกฉุกเฉิน (กรณีอุบัติเหตุ) ชดเชยกรณีที่ผู้เอาประกันภัยได้รับ บาดเจ็บเนื่องจากอุบัติเหตุและรับการรักษาภายใน 24 ชั่วโมง เป็นผู้ป่วยนอกฉุกเฉิน รวมทั้งค่าใช้จ่ายการ รักษาภายใน 31 วันนับจากวันที่ได้รับการบาดเจ็บ ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดที่ระบุไว้ในตารางการ ประกันภัย 6. ผลประโยชน์การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค ในกรณีที่ไม่มีการผ่าตัด จะชดเชย ค่าใช้จ่ายซึ่งเรียกเก็บจริง ทั้งนี้ไม่เกินจำนวนผลประโยชน์ที่กำหนดไว้ในตารางการประกันภัย รวมค่าใช้จ่าย เข้ากับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ ในข้อ (2) สำหรับกรณีที่มีการผ่าตัดจำนวนผลประโยชน์สูงสุดจะ รวมเข้ากับยอดเงินทั้งหมดของจำนวนผลประโยชน์สำหรับการผ่าตัดในข้อ (3) 7. ผลประโยชน์ค่าฌาปนกิจสงเคราะห์ ชดเชยค่าฌาปนกิจสงเคราะห์ตามจำนวนที่กำหนดไว้ใน ตารางการประกันภัยเมื่อได้รับหลักฐานที่ยืนยันได้ถึงการเสียชีวิตของสมาชิกผู้เอาประกันภัย ข้อยกเว้น 1. การเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บที่เป็นอยู่ก่อนระหว่างเวลา 90 วัน ก่อนที่สัญญามีผลบังคับเว้นแต่ผู้ เอาประกันภัยได้เอาประกันภัยตามสัญญาเพิ่มเติมนี้เป็นเวลา 12 เดือนติดต่อกันแล้ว 2. การฆ่าตัวตาย การทำร้ายร่างกายตนเอง 3. สงครามไม่ว่าจะประกาศหรือไม่ก็ตาม การนัดหยุดงาน การก่อการร้าย การปฏิวัติขณะที่ สมาชิกผู้เอาประกันภัยก่ออาชญากรรม หรือขณะถูกจับกุม 4. การตั้งครรภ์ แท้งบุตร การคลอดบุตร โรคแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ การคุมกำเนิด 5. การรักษาโรคหรืออาการหยุดหายใจขณะหลับ โรคจิตเภท โรคไมเกรน การรักษาโรคพิษสุรา เรื้อรัง หรือติดยาเสพติดให้โทษ 6. ปัญหาเกี่ยวกับสายตาสั้น ยาว เอียง หรือการรักษาความผิดปกติของการมองเห็น 7. การผ่าตัดเสริมสวยหรือศัลยกรรมตกแต่ง 8. การรักษาหรือผ่าตัดเกี่ยวกับฟัน การตรวจสุขภาพทั่วไป การพักฟื้น การฟื้นฟู หน้าที่ 29
5.1.5 ค่าตรวจรักษาแบบผู้ป่วยนอก ความคุ้มครอง ชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นต่อการพบแพทย์ครั้งหนึ่ง ๆ สำหรับการตรวจรักษาสำหรับ ผู้ป่วยนอก ในวงเงินไม่เกิน 1,500 บาท และไม่เกิน 1 ครั้งต่อวัน ข้อยกเว้น 1. ยาที่ซื้อโดยปราศจากใบสั่งแพทย์ 2. การตรวจวัดสายตา การประกอบแว่นตา เลนส์สัมผัส (Contact Lenses) หรืออุปกรณ์ช่วยใน การได้ยิน การรักษาเหงือกอักเสบ การรักษาช่องปาก 3. ความผิดปกติที่เกี่ยวกับการทำงานของร่างกายโดยไม่มีพยาธิสภาพแสดงให้เห็นรวมทั้งอาการ ท้องผูก อาหารไม่ย่อย ท้องอืด เบื่ออาหาร สิว 4. การเรียกร้องการจ่ายเงินชดเชย ที่มิได้ส่งใบเสร็จรับเงิน และ/หรือใบเรียกเก็บเงินให้ บริษัทฯ ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเกิดขึ้น สถาบันจัดให้มีสวัสดิการเพิ่มนอกเหนือจากการประกันชีวิตและสุขภาพ โดยเบิกจ่ายจาก เงินกองทุนสวัสดิการ ในวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท/คน/ปี เพื่อให้พนักงานสถาบันสามารถเบิกค่าใช้จ่าย เกี่ยวกับสวัสดิการสำหรับตนเอง บิดา มารดา คู่สมรสและบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย และสวัสดิการอื่น ๆ ดังนี้ 1. ค่ารักษาพยาบาลส่วนที่เกินจากวงเงินประกันชีวิตและสุขภาพที่สถาบันจัดทำให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน และค่ารักษาพยาบาลของบิดา มารดา คู่สมรสและบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย 2. ค่ารักษาสุขภาพฟัน ที่ไม่ใช่ทันตกรรมเพื่อความงาม 3. ค่าใช้จ่ายในการตัดแว่นสายตา หรือเลนส์สัมผัส หรือการรักษาโรคเกี่ยวกับนัยน์ตา หรือการผ่าตัด แก้ไขภาวะสายตาผิดปกติโดยการใช้เลเซอร์ (Lasik) 4. ค่าตรวจสุขภาพประจำปี หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการตรวจ ป้องกัน รักษาสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน 5. สวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรตามระเบียบกระทรวงการคลังโดยอนุโลม เกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เบิกจ่ายตามจริงแต่ไม่เกินวงเงินที่สถาบันจัดให้แก่พนักงาน สถาบัน โดยมีใบเสร็จรับเงินประกอบการเบิกจ่าย ในกรณีที่พนักงานสถาบันเข้ารับบริการทางการแพทย์ให้ มีใบรับรองแพทย์แนบประกอบการเบิกจ่ายตามควรแก่กรณีด้วย และให้ดำเนินการเบิกจ่ายภายใน ระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน นับจากวันที่ระบุในหลักฐานการจ่ายเงิน ในกรณีที่พนักงานสถาบันคนใดเบิกจ่ายไม่เต็มวงเงินที่สถาบันจัดให้ในแต่ละปี ให้สามารถสะสม ไปเบิกจ่ายในปีงบประมาณถัดไปได้ การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พนักงานสถาบันจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลไปก่อน แล้วนำ ใบเสร็จรับเงินมาขอเบิกเงินจากสถาบัน โดยยื่นคำขอตามแบบที่สถาบันกำหนด พร้อมแนบใบเสร็จรับเงิน และใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลของทางราชการ และสถานพยาบาลของเอกชนซึ่งได้รับอนุญาต ให้ประกอบกิจการและดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ทั้งนี้ หลักฐานต่าง ๆ จะต้องใช้ ต้นฉบับเท่านั้น 5.2 สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลและการศึกษาบุตร หน้าที่ 30
ตารางการแนบเอกสารประกอบการเบิกจ่ายสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล การเบิก เอกสารที่ใช้แนบ หมายเหตุ ตนเอง 1. ใบเสร็จรับเงิน 2. ใบรับรองแพทย์ บิดา มารดา 1. ใบเสร็จรับเงิน 2. ใบรับรองแพทย์ 3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนบิดา/มารดา 4. สำเนาทะเบียนบ้านพนักงาน คู่สมรส โดยชอบด้วยกฎหมาย 1. ใบเสร็จรับเงิน 2. ใบรับรองแพทย์ 3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส 4. สำเนาทะเบียนสมรส บุตร โดยชอบด้วยกฎหมาย 1. ใบเสร็จรับเงิน 2. ใบรับรองแพทย์ 3. สำเนาสูติบัตรบุตร เกณฑ์การเบิกจ่ายสวัสดิการการศึกษาของบุตร ให้พนักงานสถาบันยื่นเบิกสวัสดิการการศึกษาของบุตรตามแบบที่สถาบันกำหนด พร้อมแนบ ใบเสร็จรับเงินของสถานศึกษาที่แสดงรายการ ชื่อ/ที่อยู่ของสถานศึกษา วัน เดือน ปี ที่รับเงิน ชื่อ - สกุล นักเรียน ประจำปีการศึกษา ภาคการศึกษา รายการแสดงการรับเงิน จำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวอักษร ลายมือชื่อผู้รับเงินของสถานศึกษา และสำเนาสูติบัตรของบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ประเภทและอัตราเงินบำรุงการศึกษาและค่าเล่าเรียน ตามหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค 0422.3/ว257 ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559 และหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค 0408.5/ว22 ลงวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2561 ดังนี้ สถานศึกษาของทางราชการ 1. ระดับอนุบาลหรือเทียบเท่า ไม่เกินปีละ 5,800 บาท 2. ระดับประถมศึกษาหรือเทียบเท่า ไม่เกินปีละ 4,000 บาท 3. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือเทียบเท่า ไม่เกินปีละ 4,800 บาท 4. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช.หรือเทียบเท่า ไม่เกินปีละ 4,800 บาท 5. ระดับอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ไม่เกินปีละ 13,000 บาท 6. ระดับปริญญาตรี ไม่เกินปีละ 25,000 บาท เงินบำรุงการศึกษา ที่ให้เบิกจ่ายได้จะต้องเป็นเงินประเภทต่าง ๆ ที่สถานศึกษาของทางราชการ เรียกเก็บตามอัตราที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนราชการเจ้าสังกัด หรือที่กำกับมหาวิทยาลัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์ปกครอง ส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง หรือองค์การของรัฐบาล หน้าที่ 31
สถานศึกษาของเอกชน 1. สถานศึกษาประเภทสามัญ ระดับ ไม่รับเงินอุดหนุน (ปีละไม่เกิน) รับเงินอุดหนุน (ปีละไม่เกิน ระดับอนุบาลหรือเทียบเท่า 13,600 บาท 4,800 บาท ระดับประถมศึกษาหรือเทียบเท่า 13,200 บาท 4,200 บาท ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือเทียบเท่า 15,800 บาท 3,300 บาท ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า 16,200 บาท 3,200 บาท 2. สถานศึกษาประเภทอาชีวศึกษา 2.1 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า หลักสูตร ไม่รับเงินอุดหนุน (ปีละไม่เกิน) รับเงินอุดหนุน (ปีละไม่เกิน) คหกรรมหรือคหกรรมศาสตร์ 16,500 บาท 3,400 บาท พาณิชยกรรมหรือบริหารธุรกิจ 19,900 บาท 5,100 บาท ศิลปหัตถกรรม หรือศิลปกรรม 20,000 บาท 3,600 บาท เกษตรกรรมหรือเกษตรศาสตร์ 21,000 บาท 5,000 บาท ช่างอุตสาหกรรมหรืออุตสาหกรรม 24,400 บาท 7,200 บาท ประมง 21,100 บาท 5,000 บาท อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 19,900 บาท 5,100 บาท อุสาหกรรมสิ่งทอ 24,400 บาท 7,200 บาท เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 22,900 บาท 5,800 บาท 2.2 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวส.) หรือเทียบเท่าและหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาเทคนิค (ปวท.) หรือเทียบเท่า ให้เบิกได้ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่จ่ายจริงของค่าเล่าเรียนปี การศึกษาละไม่เกินในประเภทวิชาหรือสายวิชา ดังนี้ หลักสูตร ปีการศึกษาละไม่เกิน ช่างอุตสาหกรรม หรืออุตสาหกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทัศนศาสตร์ 30,000 บาท พาณิชยกรรม หรือบริหารธุรกิจ ศิลปหัตถกรรม หรือศิลปกรรม เกษตรกรรม หรือเกษตรศาสตร์ คหกรรมหรือคหกรรมศาสตร์ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 25,000 บาท สำหรับรายละเอียดของสาขาวิชาตามประเภทวิชาหรือสายวิชาของหลักสูตรที่กำหนด ดังกล่าวให้เป็นไปตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้อนุญาตให้สถานศึกษาเอกชนทำการเปิดสอนในสาขาวิชานั้น ๆ หน้าที่ 32
3. หลักสูตรระดับปริญญาตรีให้ได้รับค่าเล่าเรียนครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ได้จ่ายจริง แต่ไม่เกินปี การศึกษาละ 25,000 บาท ค่าเล่าเรียน ที่ให้เบิกจ่ายได้จะต้องเป็นค่าธรรมเนียมการเรียนหรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่ง สถานศึกษาเอกชนเรียกเก็บตามอัตราที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการ หรือมหาวิทยาลัย สถาบันจัดให้มีการจ่ายเงินทดแทนในกรณีที่ผู้ปฏิบัติงานเสียชีวิตหรือประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย เนื่องจากการปฏิบัติงานในหน้าที่ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1. กรณีเสียชีวิต หรือประสบอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงาน ที่สถาบันต่อไปได้ ให้สถาบันสมทบให้อีกหนึ่งเท่าของจำนวนเงินผลประโยชน์ที่ได้จากการเอาประกัน ที่สถาบันจัดทำให้สำหรับประเภทนั้น ๆ ในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท 2. กรณีประสบอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย พิการ ซึ่งสามารถกลับมาปฏิบัติงานที่สถาบันต่อไปได้ ให้สถาบันจ่ายสมทบค่ารักษาพยาบาลส่วนที่เกินจากเงินผลประโยชน์ของเงินประกันสุขภาพตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท การพิจารณาว่ากรณีใดเป็นการเจ็บป่วยเนื่องจากการปฏิบัติงานที่จะจ่ายเงินทดแทนให้พิจารณา ตามหลักเกณฑ์ในประกาศของกระทรวงแรงงานโดยอนุโลม ในกรณีผู้ปฏิบัติงานที่มีสิทธิ์ได้รับเงินทดแทนได้ถึงแก่กรรมไปก่อนที่จะได้รับเงินทดแทนดังกล่าว ให้จ่ายแก่ผู้รับประโยชน์ตามที่ผู้ปฏิบัติงานคนนั้นได้ระบุไว้ในหนังสือกำหนดผู้รับประโยชน์ตามแบบ ที่สถาบันกำหนด ในกรณีที่ผู้ปฏิบัติงานคนใดถึงแก่กรรม นอกจากเงินทดแทนหรือผลประโยชน์ที่พึงได้รับ นอกเหนือจากประกันชีวิตและสุขภาพแล้ว สถาบันจะจ่ายเงินสงเคราะห์กรณีถึงแก่กรรมให้แก่ผู้รับประโยชน์ ตามที่ผู้ปฏิบัติงานคนนั้นได้ระบุไว้ในหนังสือกำหนดผู้รับประโยชน์ ดังนี้ 1. เงินเดือนในเดือนที่ถึงแก่กรรม จะจ่ายให้เต็มเดือน 2. เงินค่าทำศพ จำนวน 30,000 บาท ในกรณีบิดาและมารดาโดยกำเนิดของผู้ปฏิบัติงาน คู่สมรส บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งไม่รวมถึง บุตรบุญธรรม ถึงแก่กรรม สถาบันจะจ่ายเงินค่าทำศพ รายละ 3,000 บาท 5.3 เงินทดแทนในกรณีเสียชีวิตหรือประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการปฏิบัติงานในหน้าที่ และการศึกษาบุตร 5.4 เงินสงเคราะห์กรณีถึงแก่กรรม และการศึกษาบุตร หน้าที่ 33
สถาบันจัดให้มีสวัสดิการเงินทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยจัดทำเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด ในชื่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สินสถาพร ผู้ปฏิบัติงานในสถาบันที่ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สินสถาพร สามารถ สมัครได้โดยแจ้งความจำนงตามแบบที่สถาบันแจ้งให้ใช้ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิกกองทุนต้องเป็น ผู้ปฏิบัติงานในสถาบันซึ่งมีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้ คุณสมบัติทั่วไป 1. มีสัญชาติไทย 2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 80 ปี บริบูรณ์และไม่เกิน 60 ปี บริบูรณ์ เว้นแต่กรณีจำเป็น คณะกรรมการอาจพิจารณากำหนดให้พนักงานสถาบันสาขาวิชาใดอยู่ปฏิบัติงานต่อไปอีกก็ได้ โดยให้ต่อ สัญญาจ้างทุกปี แต่จะต่อสัญญาจนอายุเกิน 65 ปีบริบูรณ์ไม่ได้ 3. เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 4. มีคุณวุฒิหรือประสบการณ์เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และอานาจหน้าที่ของสถาบัน ลักษณะต้องห้าม 1. เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของส่วนราชการ เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือเป็นพนักงานสถาบันหรือลูกจ้างของราชการส่วนท้องถิ่น 2. เป็นบุคคลล้มละลาย เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ 3. เคยถูกจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้ กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 4. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งซึ่งรับผิดชอบการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ ของพรรคการเมือง 5. เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการที่กระทำกับสถาบันไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม การจ่ายเงินสะสม สถาบันกำหนดอัตราเงินสะสมที่สมาชิกต้องจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน ในอัตราคงที่ร้อยละ 5 ของเงินเดือนหรือค่าจ้างของสมาชิก การจ่ายเงินสมทบ สถาบันจะจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้างในอัตราคงที่ร้อยละ 5 ของเงินเดือนหรือค่าจ้างของสมาชิก 5.5 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และการศึกษาบุตร หน้าที่ 34
การสิ้นสุดสมาชิกภาพ 1. พ้นสภาพการเป็นผู้ปฏิบัติงานในสถาบัน 2. กองทุนเป็นอันยกเลิก เมื่อสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง สมาชิกจะได้รับเงินสะสมและผลประโยชน์จากเงินสะสมเต็ม จำนวนในทุกกรณี ทั้งนี้ สมาชิกผู้นั้นจะได้รับเงินสมทบและผลประโยชน์จากเงินสมทบตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ อายุสมาชิก อัตราเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ ที่สมาชิกสิ้นสุดสมาชิกภาพมีสิทธิได้รับ (%) น้อยกว่า 1 ปี 0 ตั้งแต่ 1 ปี แต่น้อยกว่า 2 ปี 50 ตั้งแต่ 2 ปี แต่น้อยกว่า 3 ปี 60 ตั้งแต่ 3 ปี แต่น้อยกว่า 4 ปี 70 ตั้งแต่ 4 ปี แต่น้อยกว่า 5 ปี 80 ตั้งแต่ 5 ปี แต่น้อยกว่า 6 ปี 90 ตั้งแต่ 6 ปี ขึ้นไป 100 หน้าที่ 35
ภาคผนวก
คู่มือพนักงานสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาเล่มนี้ เป็นการรวบรวม เรียบเรียง และสังเคราะห์จาก ข้อบังคับ ระเบียบ และประกาศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและจำเป็นสำหรับพนักงานสถาบัน ซึ่งสามารถสืบค้น รายละเอียดและข้อมูลได้จาก www.pgvim.ac.th ของสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ดังนี้ 1. ข้อบังคับสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2555 2. ข้อบังคับสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ว่าด้วยสวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลอื่นสำหรับ ผู้ปฏิบัติงานในสถาบัน พ.ศ. 2556 3. ข้อบังคับสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ว่าด้วยสวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลอื่นสำหรับ ผู้ปฏิบัติงานในสถาบัน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 4. ข้อบังคับสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ว่าด้วยการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน สถาบันและลูกจ้างของสถาบัน พ.ศ. 2557 5. ระเบียบสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ว่าด้วยการลาของพนักงานสถาบัน พ.ศ. 2556 6. ระเบียบสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ว่าด้วยการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน พ.ศ. 2557 7. ประกาศสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา กำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนผู้ปฏิบัติงานของสถาบัน ฯ พ.ศ. 2555 8. ประกาศสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา เรื่อง วันและเวลาทำงาน และวันหยุดงานของผู้ปฏิบัติงาน สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา พ.ศ. 2556 9. ประกาศสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา เรื่อง คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการและการจ่ายเงิน เพื่อสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2557 10. ประกาศสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการประเมิน แบบประเมิน ผู้ประเมิน และค่าน้ำหนักขององค์ประกอบในการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานสถาบันประเภทปฏิบัติการ พ.ศ. 2560 เอกสารที่เกี่ยวข้อง และการศึกษาบุตร หน้าที่ 37 “ห้องสมุดกฎหมาย”
เอกสารสำหรับดาวน์โหลด และการศึกษาบุตร ใบลาป่วย ลากิจ ใบลาพักผ่อน ใบขอออกก่อนเวลา ขอยกเลิกวันลา ขอหนังสือรับรอง ขอมีบัตรเจ้าหน้าที่ของรัฐ เบิกค่ารักษาพยาบาล เบิกค่าการศึกษาบุตร หน้าที่ 38