The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เเบบเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์_10_32_33

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-02-27 09:03:54

เเบบเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์_10_32_33

เเบบเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์_10_32_33

อัจอฉีกริ!ยะได้

นโวดนิยยายเขที่นม่าทตืั่ตนเตพ้นิพิธธนาบรรพ์

บริษัท เอ็กซ์เปอร์เน็ท จำกัด

คำนำ

หนังสือ อัจฉริยะได้อีก ! เล่มนี้ได้รวบรวมคำถามไม่มาก
ไม่น้อยที่คิดว่าคุณน่าจะสนใจและเป็นประโยชน์ ในเรื่อง

รอบตัวที่ เราอาจจะเคยเห็นมาจนคุ้นตา แต่ไม่เคย
ทำความเข้าใจกับมัน นำมาร้อยเรียงให้เข้าใจได้ง่าย เป็น
ความรู้ที่อ่านแล้วสนุก ไม่น่าเบื่อเหมือนตำราเรียนทั่วไป

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้จะช่วยจุด
ประกายให้คุณเกิดแรงใจในการค้นหาคําตอบในทุกสิ่งที่
ตัวเองสงสัย แม้บาง ครั้งคำตอบอาจจะไม่ได้มาง่ายๆ แต่

สิ่งที่เราได้มาในกระบวนการค้นหา คำตอบและตัวคำ
ตอบเองจะเป็นรางวัลที่มีค่า และมีประโยชน์กับตัวเราได้

ต่อไปอย่างแน่นอน

สารบัญ

1. รู้ไหมว่าปลาวาฬก็ร้องเพลงได้นะ
2. ทําไมไฟจากเตาแก๊สเป็นสีน้ำเงิน
3. ทำอย่างไรตัวถึงจะตัวสูง
4. ทำไมต้องเรียกกำลังเครื่องยนต์ว่าเเรงม้า
5. โคอาลาเป็นหมีจริงหรือ
6. รู้ไหมว่านอนตอนกลางวันดีต่อสุขภาพ
7. สุนัขมีประสาทสัมผัสเหนือกว่ามนุษย์หลายเท่าจริงหรือ
8. ทำไมต้องค้างคาวต้องห้อยหัว
9. ติ่งหูช่วยคลายร้อนได้จริงหรือ
10. ทําไมเราถึงเห็นฟ้าแลบก่อนฟ้าร้องอยู่เสมอ
11. ทําไมแมวถึงกลัวน้ำ
12. รู้ไหมว่าภาพในจอจริงๆ แล้วเป็นภาพนิ่ง
13. ทําไมดอกทานตะวันต้องหันตามดวงอาทิตย์
14. เฉาก๊วยทํามาจากอะไร
15. ทําไมเสียงของเราถึงเพราะเมื่อร้องเพลงในห้องน้ำ
16. ตั๊กแตนนักฆ่า น่ากลัวกว่าที่คิด
17. ปาท่องโก๋มีที่มาอย่างไร
18. นกอะไรบินเร็วที่สุดในโลก
19. อาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น แบบไหนดีกว่ากัน
20. ทําไมเห็นดาวตกแล้วจึงโชคดี
21. ไม่ใช่แค่โลกที่มีดวงจันทร์
22. รุ้งกินน้ำมีแค่ 7 สีจริงหรือ
23. รู้ไหมว่าความเผ็ดไม่ใช่รสชาติ
24. รู้ไหมว่ามีฟ้าผ่าจากพื้นขึ้นไปบนอากาศด้วย
25. รู้ไหมว่าจริงๆ แล้วช็อกโกแลตมีรสขม
26. รู้ไหมว่าความร้อนทำให้เกิดภาพลวงตาได้
27. ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับเส้นผม
28. ทำไมแมวถึงมี "9" ชีวิต
29. "แมง" กับ "แมลง" แตกต่างกันอย่างไร
30.เเก้พิษแมงกะพรุนง่ายๆด้วยใบไม้ใกล้ตัว

01

รู้ไหมว่าปลาวาฬก็ร้องเพลงได้นะ

วาฬหรือที่เราเรียกว่าปลาวาฬ แท้ที่จริงแล้วมันเป็นสัตว์เลี้ยง ลูก
ด้วยนม เราจึงได้จัดให้มันเป็นปลา พวกมันหายใจทางจมูกที่เห็น
เป็นอยู่บนหัวมันนั่นแหละ ทำให้เราได้เห็นว่า โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ อยู่
เป็นระยะๆ เมื่อขึ้นมาหายใจ การพ่นน้ำของงานที่เป็นการไล่น้ำ ออก

จากทางเดินหายใจของมันนั่นเอง
วาฬถือเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะภาพสีน้ำเงิน เป็น สัตว์ที่มี
ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความยาว 30 เมตร หนักได้มาก กว่า
200 ตันขนาดของมันเทียบเท่ากับรถบัสขนาดใหญ่ 2 คน เลยที
เดียว แถม แอนนากล่องเสียง สามารถส่งคลื่นเสียงความถี่ต่ำหรือ
อัลตราโซนิกได้ด้วย มันสามารถส่งเสียงได้ดังมากถึง 188 เดซิเบล
ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ส่งเสียงได้ดังที่สุดในโลก แถมเสียงของมัน ยังดัง
ไปไกล มันกิโลเมตร ได้มหาสมุทร จนหลายคนเปรียบเปรย ว่าวาม
มันร้องเพลง แล้วก็ไม่ใช่แค่วามสีน้ำเงินนะ ว่าชนิดอื่นๆ ก็ ร้อง
เพลงได้เช่นกัน พวกมันจะร้องเพลงไปมาอยู่อย่างนั้นนานนับ ชั่วโมง
แต่จุดประสงค์ในการร้องเพลงของพวกมันนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่
เชื่อกันว่าพวกมันส่งเสียงเพื่อติดต่อสื่อสารกัน หรือเกี่ยวข้องกับการ

เกี้ยวพาราสีระหว่างวาฬหนุ่มและวาฬสาว

02

ทำไมไฟจากเตา
เเก๊สเป็นสีนํ้าเงิน

ถ้าพูดถึงไฟ เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต้องคิดถึงเปลวสีแดงลุกโช ยิ่งมันลุกโพลง
มากเท่าไรก็ยิ่งร้อนแรงมากเท่านั้น แต่เราเคยสังเกตไม่ จากเตาแก๊สกันบ้าง
ไหม ไฟจากเตาแก๊สส่วนใหญ่เป็นสีน้ำเงิน แล้ว ทำไมไม่จากเตาแก๊สถึงเป็น

สีน้ำเงินล่ะ แล้วไฟสีน้ำเงินกับไฟสีแดง อย่างไหนร้อนกว่ากัน
ไฟจากเตาแก๊สก็ไม่ได้แตกต่างจากไฟทั่วไปหรอก เพราะว่ามัน ก็คือไม่เห
มือนๆ กัน แต่ที่เราเห็นไฟจากเตาแก๊สเป็นสีน้ำเงิน เป็น เพราะไฟจากเตา
แก๊สมีความร้อนสูงมาก หลักการของมันก็คือ พลังงานนั้นแปรผันตามคลื่น
ความถี่ของแสง ซึ่งคลื่นสั้นก็จะมีความถี่สูง พลังงาน ก็สูงตามไปด้วย สี
แดงมีคลื่นความถี่แสงยาว มีพลังงานน้อย ใน ขณะที่สีน้ำเงินมีคลื่นสั้นกว่า
ความถี่สูงกว่า ให้พลังงานมากกว่า หรือ พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ไฟสีน้ำเงิน
ร้อนกว่าไฟแดงยังไงล่ะ ทีนี้เราก็เข้าใจแล้วใช่ไหม เวลาคุณแม่ทำกับข้าวก็
ลองไป เตาแก๊สว่าเป็นอะไร ถ้าไฟเตาแก๊สที่บ้านเป็นสีแดงละ แปลว่า หัว
เตาเริ่มไม่ดีแล้ว ควรจะเปลี่ยนใหม่เพราะไฟไฟร้อนอย่างที่มันควร จะเป็น

หัวเตาแก๊สที่ไม่ได้คุณภาพแล้วนอกจากจะทำให้ไฟไม่แรง ยังทําให้เรา
เปลืองแก๊สอีกด้วย

03

ทำอย่างไรตัวถึงจะสูง



ใครๆ ก็อยากตัวสูง บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วต้องทำอย่างไร ถึงจะตัวสูง

กินนมอย่างเดียวไม่พอหรือ เรามาดูกันเลยดีกว่า
การที่ตัวเราจะสูงได้นั้นมีปัจจัยหลายอย่าง เริ่มจากการออกกำลังกาย ออก
กำลังกายที่จะช่วยกระตุ้นความสูงได้ดีที่สุดก็คือ การออกกำลังกายที่มีการลง
น้ำหนักที่เท้า ที่นิยมกันมากที่สุดเลยก็คือ บาสเกตบอล นอกจากนั้นก็มี วิ่ง
ฟุตบอล วอลเลย์บอล แบดมินตัน เทพ กระโดดเชือก ฯลฯ พูดง่ายๆ ว่ากีฬา
อะไรก็ตามที่มีการเคลื่อน ที่ของร่างกายด้วยการเลงกับพื้นก็แทบจะใช้ได้หมด
ซึ่งการออก กำลังกายประเภทนี้จะไปกระตุ้นแผ่นการเจริญเติบ ๆ ของกระดูก
ที่มีอยู่ ที่ปลายกระดูกแต่ละท่อน โดยจะทำให้ร่างกายได้เร็วกว่าปกติ แถมการ
ออกกำลังยังช่วยทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โร 3 ช่วยในการเจริญ เติบโอออกมาอีก
ด้วยอย่างไรก็ตาม แต่ออกกำลังกายอย่างเดียวอาจไม่ช่วยให้เรา ตัวสูงได้มาก
อย่างที่คิด เพราะการออกกำลังแค่กระตุ้นให้ร่างกายเจริญ เติบโต แต่ร่างกาย
จะเจริญเติบโตได้ก็ต้องมีแคลเซียมเพื่อสร้างกระดูก เพราะฉะนั้นจึงต้องรับ
ประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะ อาหารที่มีแคลเซียมสูง นอกจากนมที่
เรารู้ๆ กันแล้วก็งาดำ ถั่วเหลือง ผักใบเขียวเข้ม หรือปลาตัวเล็กๆ ทอดกรอบที่
กินได้ทั้งตัวกระตุ้นความสูงแล้ว แคลเซียมที่จะนำไปเพิ่มความสูงก็มีแล้ว ข้อ
สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ช่วงเวลาที่เราจะสูง ร่างกายของคนเรา จะเจริญ
เติบโตได้ดีในขณะที่เรากำลังหลับ สำหรับน้องๆ ที่อยากจะ ตัวสูง แค่นอนหลับ
6-8 ชั่วโมงต่อวันยังไม่เพียงพอ แต่ต้องนอน ตั้งแต่หัวค่ำด้วย นอนตั้งแต่ช่วง
3-4 ทุ่มได้ยิ่งดี เพราะร่างกายจะ หลั่งฮอร์โมนที่ช่วยให้ตัวสูงออกมาในช่วง
เที่ยงคืนนอกจากนี้ยังมีปัจจัยบางประการที่เราควบคุมไม่ได้อย่างธรรม พันธุ์ก็
เป็นตัวกำหนดความสูงแบบหนึ่ง คือถ้าพ่อแม่ไม่สูง ก็มีโอกาสที่เราจะไม่สูงตาม
ไปด้วย อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตัวที่ดีก็จะช่วยให้ เราตัวสูงได้ บางคนอาจจะ

สูงเกินพ่อแม่ชนิดแหกกรรมพันธุ์เลยก็มีให้เห็นเยอะไป

04

ทําไมถึงเรียกกําลังเครื่องยนต์ว่าเเรงม้า



เราคงเคยได้ยินกันใช่ไหมเวลาที่เขาเรียกกำลังเครื่องยนต์ของรถ
ว่า"แรงมา" "ร้อยแรงมา"บ้างล่ะ "ร้อยห้าสิบแรงม้า"บ้างล่ะ แต่
เราไม่เคย รู้เลยว่าเจ้าแรงม้ามันมีกำลังขนาดไหน แล้วทำไมต้อง

เป็นแรงม้า เป็น แรงวัว แรงควายไม่ได้หรือ
คำว่าแรงม้าที่ถูกคิดค้นโดยวิศวกรและนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษที่
ชื่อ “เจมส์ วัตต์” เขาเป็นผู้ที่ปรับปรุงเครื่องจักรไอน้ำจนทำให้
เกิดการ ปฏิวัติอุตสาหกรรม และทำให้สหราชอาณาจักรกลาย

เป็นมหาอำนาจ ของโลกในขณะนั้น
ที่มาของการตั้งชื่อ “แรงม้า” นั้นมีเรื่องเล่าอยู่ว่า วัตต์ ได้ คิดค้น
เครื่องจักรไอน้ำที่สามารถประหยัดถ่านหินได้ถึงหนึ่งในสามเมื่อ
เทียบกับเครื่องจักรแบบเก่า วัตต์ก็เลยต้องคิดค้น “แรงม้า” ขึ้น
มา เมื่อเก็บค่าลิขสิทธิ์จากคนเหล่านี้ด้วย โดยเขา การเทียบกำลัง

ในการทำงานของม้าจริงๆ ก็เลยเรียกว่า “แรง
ค่ากำลังแรงม้าที่วัตต์คิดขึ้นมาในขณะนั้น 1 แรงม้าเท่ากับ
3,000 ฟุตปอนด์/นาที ทุกวันนี้เป็นหน่วยวัดพลังงานที่ค่อน ข้าง
ล้าสมัยแล้ว ยกเว้นแต่ในการเรียกกำลังเครื่องของยานยนต์ที่ยัง
คงใช้อยู่ หน่วยวัดพลังงานที่เราใช้กันในปัจจุบันคือ “วัด” ซึ่งเป็น
หน่วย ของพลังงานไฟฟ้า ที่ได้ชื่อมาจาก เจมส์วัตต์นี่แหละ โดย
1 แรงม้าคาเท่ากับ 746 วัตต์ หลอดไฟตามบ้านกันไป 100 วัตต์
ถ้าใช้มา 1 ตัวมาปั่ นไฟก็ทำให้ไฟติดได้เกือบ 8 ดวงเชียวนะ
ทีนี้เราก็เข้าใจแล้วว่าหน่วยแรงมาคืออะไร ซึ่งวัดจากแรงม้าจริงๆ
นั่นแหละ เพราะฉะนั้นเครื่องยนต์ 200 แรงม้าท้องเท่ากับ การ
ใช้มา 200 ตัวในการลาก แค่นึกภาพ วุ่นวายแล้ว โชคดีที่ มัน

เป็นแค่ชื่อหน่วยวัดนะเนี่ย

05

โคอาลาเป็นหมีจริงหรือ



โคอาลา (kcale) สัตว์ตัวน้อยรูปร่างอ้วนจ้ำม่ำขนปุกปุยตัวนี้ คงเป็นที่
ชื่นชอบของใครหลายคนในความมัน หลายคนคงจะ เรียกเจ้าสัตว์ชนิด
นี้ว่าหมีโคอาลาเนื่องมาจากรูปร่างหน้าตาของมันใช่ไหม แต่อันที่จริง
แล้วโคอาลาไม่ใช่หมี แต่เป็นสัตว์ในกลุ่มเดียวกันกับจิงโจ้ โคอาลาตัว

เมียจะมีกระเป๋าหน้าท้องสำหรับเลี้ยงลูกเหมือนจิงโจอีกด้วย
ถิ่นฐานที่อยู่ของเจ้าโลอาคานี้จะพบได้เฉพาะที่ประเทศออสเตรเลีย
เท่านั้น โดนมันจะอาศัยอยู่ที่ต้นยูคาลิปตัส ซึ่งเป็นแหล่งอาหารเที่ยว
ของมัน ด้วยความที่คาไปในมีสารอาหารน้อยมาก แถมยังมีพิษอีกด้วย
ทำให้สัตว์อื่น ไม่แน่ใจในยูคาลิปกันเลย ในขณะที่โดยมาเป็นคนเดียวที่
สามารถกินลาบยังได้อย่างปลอดภัย มันจึงใช้ชีวิตได้อย่างสำราญด้วย
การนอนอยู่บนต้นยูคาลิปตัสได้ถึง วันละ 16-19 ชั่วโมง ส่วนในช่วง
เวลา 6-8 ชั่วโมงที่เหลือก็คือเวลาที่มันตื่นขึ้นมากินนั่นเอง โคอาลา
สามารถดูดซึมน้ำได้จากไปของต้นยูคาลิปตัส ทำให้มันแทบไม่ต้องออก
ไปหาแหล่งน้ำ มันจึงสามารถอาศัยอยู่บนต้นยูคาลิปตลได้โดยแทบไม่

ต้องลงมาแตะพื้นดินเลยตลอดชีวิตของมัน

06

รู้ไหมว่านอนตอนกลางวันดีต่อสุขภาพ



พอเห็นชื่อเรื่องพวกเราหลายคนอาจจะยิ้มกริ่มกันเลยใช่ไหม
ใช่แล้วการนอนกลางวันดีต่อสุขภาพของเราจริงๆ แต่มันจะดี
อย่างไรนั้นเราต้องมาดูกันมีการศึกษาจากต่างประเทศ การ
สืบหลับชั่วครู่ในตอนกลางวัน นั้นจะช่วยให้สมองจัดการกับ

ความทรงจำ เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ถูกเก็บไว้ ยังพื้นที่เก็บ
ความจําชั่วคราวในสมองที่เรียกว่า “ฮิปโปแคมป์ส” ไป เก็บ
ยังพื้นที่อื่น เพื่อให้สืบไปแคมปัสที่ว่างสำหรับการรับความทรง
จำ ใหม่ๆ ต่อไปการงีบหลับในตอนกลางวัน อาจจะเป็นช่วง

หลังรับประทาน อาหารกลางวันเพียง 15 นาที จะช่วยให้
สมองได้รับการพักผ่อน เมื่อตื่นมาเราจะรู้สึกสดชื่น

กระปรี้กระเปร่า ช่วยกระตุ้นการทำงาน ให้ฮอร์โมนใน
ร่างกาย ช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ยิ่งขึ้น
และมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นอย่างไรก็ตาม แม้เราจะรีบหลับตอน
กลางวันแล้ว แต่การเ หลับสนิทในตอนกลางคืนก็ยังคงมี
ความสําคัญต่อร่างกายอยู่ดี การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

วันละ 8 ชั่วโมง การเข้านอนให้เป็นเวลาทุกวัน

07

สุนัขมีประสาทสัมผัสเหนือกว่ามนุษย์หลายเท่าจริงหรือ



ว่ากันว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ คงจะเป็นคำพูด ไม่
ผิดจากความจริงนัก เพราะสุนัขสามารถเป็นทั้งเพื่อนเล่นคลาย

เหงา คอยเฝ้าบ้าน ช่วยนำทาง หรือถ้านำไปฝึกนิดหน่อยก็
สามารถใช้การไล่โจรผู้ร้ายหรือสิ่งของผิดกฎหมายได้เลยทีเดียว

แถมมันยังซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ ใครที่เป็นคนรักสุนัขหรือเลี้ยง
สุนัขไว้ที่บ้านคงรู้ดีว่ามันเป็น สัตว์เลี้ยงเพื่อนยากของเราจริงๆ
อย่างที่เรารู้กันว่าสุนัขมีความสามารถที่หลากหลาย สุนัขบาง มัน
ธุ์อย่างเกรย์ฮาวน์ สามารถวิ่งได้เร็วถึง 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ว่ายน้ำก็ได้ สุนัขแรคคูนสามารถดำน้ำล่าเหยื่อก็ได้ ที่สำคัญมัน
ยังมี ความอดทน สามารถวิ่งเป็นระยะทางไกลๆ ได้ด้วยความ
สามารถในการฟังเสียงสุนัข กว่ามนุษย์ เพราะคน เราสามารถ

ได้ยินเสียงในช่วงความถี่ 20-2 0 เฮิรตซ์ ในขณะที่ สุนัข
ได้ยินเสียงในช่วงความถี่ 15-30,000 เฮิรตซ์ แปลว่าสุนัข
สามารถ ได้ยินทั้งเสียงที่ต่ำและสูงกว่าที่มนุษย์สามารถได้ยินได้
กล้ามเนื้อที่ ของมันยังสามารถบิดนูเพื่อหันไปยังทิศทางมีเสียง
ได้ และที่พิเศษ ก็คือมันสามารถปิดหูชั้นในเพื่อกรองฟังแต่

เสียงที่มันต้องการได้

08

ทำไมค้างคาว
ต้องห้อยหัว

ค้างคาว นกมีหูหนูมีปีก ที่บางคนก็มองว่ามันน่ารัก หลายๆ
คนกลับไม่คิดอย่างนั้น เพราะอาจจะติดตามจากหนังว่า ค้าง
คาเป็นสัตว์ดุร้ายที่สุดเลือดคนเป็นอาหาร แต่อันที่จริงแล้ว
ค้างคาวนั้นกินผลไม้และแมลงเป็นอาหาร ความน่าอัศจรรย์
อย่างหนึ่งของมันก็คือ มันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงชนิด

เดียวในบรรดา 4,300 ชนิดที่ สามารถบินได้ แถมยังมี
จำนวนมากมายมหาศาลเป็นรองแค่เพียงหนูเท่านั้นเอง
ความน่าฉงนอย่างหนึ่งของเจ้าค้างคาวก็คือ ทำไมมันต้อง
นอน ห้อยหัวลงด้วยนะ? พฤติกรรมแปลกประหลาดของมัน
ยิ่งทำให้บางคนกลัวค้างคาวหมึกขึ้นไปอีก ซึ่งแท้จริงแล้ว ที่
ค้างคาวต้องนอนห้อยหัวลง ก็เพราะสรีระทางร่างกายของมัน
นั่นเอง ค้างคาวมีขาและอุ้งเท้าที่เล็ก และบอบบางมาก เมื่อ
เทียบกับขนาดตัวของมัน ค้างคาวจึงไม่สามารถ เดินตามปกติ
เหมือนสัตว์อื่นๆ ได้ ถ้ามันอยากจะเคลื่อนที่ในแนวราบ ก็ต้อง
ใช้ปีกช่วยในการตะกายไปตามพื้ส (ซึ่งมันก็สามารถเคลื่อนที่
ได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ) ด้วยเหตุนี้การใช้เท้าเล็กๆ เกาะกิ่ง
ไม้หรือ เพดานเอาไว้แล้วน้อยหัวลงตามแรงโน้มถ่วงโลกจึง
เป็นวิธีที่เหมาะกับมันมากกว่า แถมการนอนห้อยหัวแบบนี้ยัง

ทำให้มันบินออกได้อย่างสะดวกรวดเร็วอีกด้วย

09

ติ่งหูช่วยคลาย
ร้อนได้จริงหรือ

เชื่อแน่ว่าหลายคนคงเคยเห็น และอีกหลายคนคงได้
เคยลองดูด้วยตัวเองแล้วว่าเวลาที่เราเพิ่งรับอะไร
ร้อนๆ แล้วเอานิ้วมาจับติ่งหูของตัวเองเนี้ย มันช่วย

คลายร้อนได้ส่วนหนึ่งจริงๆ นั่นแหละ
แล้วดึงหูช่วยคลายร้อนได้ยังไงกันล่ะ...
คําตอบก็คือ เพราะติ่งเป็นส่วนของร่างกายที่เย็นกว่า
ส่วนอื่นๆ แถมติ่งหูยังมีเส้นประสาทน้อย ทำให้รับรู้
อุณหภูมิและความเจ็บปวด ได้น้อยกว่าส่วนอื่น
ถ่ายเทความร้อนได้ดี แถมยังคว้าจับได้ง่าย เมื่อเรา
ไปจับอะไรร้อนๆ เข้าแล้ว รีบจับที่ติ่งหู ความร้อน
จากนิ้วของเราจะกระจายไปยังตั้งทำให้ติ่งอุ่นขึ้น ใน
ขณะเดียวกันความเย็นจากติ่งหูก็จะทำให้นิ้วของเรา

เย็นขึ้นได้นั่นเอง

10

ทําไมเราถึงเห็นฟ้าแลบก่อนฟ้าร้องอยู่เสมอ



เวลาที่ฝนตกฟ้าคะนอง ปรากฏการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นอยู่เป็น ประจําก็

คือ ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ถ้าคนไหนที่กลัวฟ้าร้อง เวลาที่เห็น
ท้องฟ้าสว่างวับวาบเป็นสัญญาณ ก็คงจะรีบอุดหูด้วยสัญชาต
ญาณทันทีว่าเดี๋ยวจะต้องมีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นตามมาแน่ๆ แต่เรา

ทราบหรือไม่ว่าทําไมฟ้าแลบถึงมาก่อนฟ้าร้องเสมอ
อันที่จริงแล้วมแสบและฟ้าร้องเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน คือเพื่อประไฟฟ้า
ในก้อนเมฆเคลื่อนที่เข้าใกล้จนเกิดการเสียดสีกันจะทำให้เกิดแสง

สว่างขึ้น เรียกว่า “ฟ้าแลบ” และในการเสียดสีกันนั่นเอง ทำให้
อุณหภูมิและความดันของอากาศในบริเวณนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่าง
รวดเร็วและ รุนแรง ซึ่งทำให้เกิดเสียงดังที่เรียกว่า “ฟ้าร้อง” ขึ้น
แล้วทำไมเราถึงเห็นฟ้าแลบก่อนล่ะ เหตุผลง่ายๆ ก็เพราะว่า แสง
เดินทางได้ไวกว่าเสียงนั่นเอง โดยความเร็วของเสียงอยู่ที่ประมาณ
1/3 กิโลเมตร/วินาที ในขณะที่ความเร็วแสงในสุญญากาศเร็วถึง
ประมาณ 300,000 กิโลเมตร/วินาที จะเห็นว่าแสงนั้นเดินทางไว
กว่าเสียงเป็นแสนเท่า ดังนั้นเมื่อเกิดฟ้าแลบฟ้าร้อง เราจึงมองเห็น
ฟ้าแลบได้แทบจะในทันที ในขณะที่ต้องรออีกสักระยะหนึ่งเราถึงจะ

ได้ยินเสียงฟ้าร้องตามมา

11

ทำไมเเมวถึงกลัวนํ้า




ดูเหมือนจะมีความเชื่อกันมานานแล้ว แล้วกลัวๆ หลายคนอาจเคยแกล้ง
อุ้มแมวไปใกล้ๆน้ำ จะเห็นว่ามันตัวเกร็งเตรียมจะดิ้นหนีขึ้นมาทันที เราจึง

สรุปกันไปว่าแล้วมันกลัว แต่จริงๆแล้วแมวกลัวน้ำจริงๆหรือ?
อันที่จริงแมวมันไม่ได้กลัวหรอก เพียงแต่มันเป็นสัตว์ที่รักสะอาด การโดน
จะทำให้ขนมันเปียก แล้วถ้ามีฝุ่นมีโคลนมาจับจะทำให้ขนมันเป็นสังกะตัง

ไม่สวยงาม และมันก็ไม่ชอบวิธีอาบน้ำแบบที่คนอยากจะอาบให้มันด้วย
เพราะแมวมันสามารถทําความสะอาดตัวเองได้ด้วยการเลีย น้ำลายแมว
เป็นสบู่ธรรมชาติอย่างดีที่สามารถลดความมันที่ขน แถมที่ลิ้นของมันยัง
เหมือนมีหนามเล็กๆ ทำหน้าที่คล้ายแปรงซึ่งจะทำให้ขนของมันเรียบสวย
แถมสะอาดอีกด้วย แต่ถ้าใครอยากจะอาบน้ำให้แมวจริงๆอาบน้ำให้มันได้
ตั้งแต่นั้นยังเล็กๆ หรือจะใช้วิธีเอาผ้าชุบ ตกง มาเช็ดตัวให้มันก็ได้ แต่

หลังจากนั้นมันก็จะไปเลียตัวเองให้แห้งสะอาดอีกรอบหนึ่งอยู่ดี

12

รู้ไหมว่าภาพในจอจริงๆ แล้วเป็นภาพนิ่ง



ทุกวันนี้ภาพเคลื่อนไหวอย่างการดูโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์ ถือเป็นเรื่อง
ธรรมดาสามัญสำหรับคนที่เกิดในยุคดิจิทัลใช่ไหม เรารู้ว่าภาพจากโทรทัศน์
นั้นมาจากการส่งสัญญาณคลื่น ในขณะที่ภาพยนตร์ที่ฉายกันอยู่ในโรงนั้นมา
จากเครื่องฉายที่รับภาพจากฟิล์มหรือสื่อบันทึก ภาพอีกทอดหนึ่ง แต่คุณรู้

ไหมว่าภาพเหล่านั้นจริงๆ แล้วมันไม่ได้เคลื่อนไหวอยู่จริงๆ หรอก
ภาพเคลื่อนไหวที่เราเห็นขยับอยู่บนหน้าจอนั้น อันที่จริงแล้วประกอบด้วย
ภาพนิ่งจำนวนมากที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนสายตาเราจับไม่ทัน ถ้าพูดถึง

สัญญาณคลื่นในโทรทัศน์เราอาจจะนึกภาพไม่ออกก็ลองนึกถึงฟิล์ม
ภาพยนตร์ ฟิล์มภาพยนตร์จะเป็นภาพ นับร้อยพันภาพต่อเนื่องกันไป ภาพ
นิ่งแต่ละภาพบนม้วนฟิล์มเราเรียกว่าเฟรม เวลาที่เขานำมาฉาย ฟิล์มจะหมุน
อย่างรวดเร็ว ทำให้ภาพแต่ละเฟรมผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วย สายตาของ
มนุษย์ไม่อาจจับภาพนิ่ง ที่สับเปลี่ยนด้วยความเร็วขนาดนั้นได้ ทำให้เกิดเป็น
ภาพติดตาเมื่อภาพเก่าซ้อนทับกับภาพใหม่ทำให้เกิดเป็นภาพลวงตาที่เราเห็น

ว่าภาพ นั้นเคลื่อนไหวได้นั่นเอง

13

ทําไมดอกทานตะวันต้องหันตามดวงอาทิตย์



เจ้าดอกทานตะวันตอนที่มันยังไม่บานเต็มที่นั้น มันจะหันเข้าหา
ดวงอาทิตย์เสมอ ไม่ว่าทางอาทิตยจะเคลื่อนไปทางใดมันก็จะหัน
หน้าตามไปด้วยเรื่อยๆ จนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าทางทิศ
ตะวันตก มันก็จะหันหน้ากลับไปรอแสงวันใหม่ทางทิศตะวันออก
อีกครั้ง จนกระทั่ง ตลกของมันบานเต็มทีนั่นแหละ มันถึงจะหยุด
นั้นหน้าตามแรงตะวัน แต่จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกอยู่เสมอ
สาเหตุที่เป็นเพราะมันเป็น ดอกไม้ที่ต้องการแสงแดดอย่างเต็มที่
เพื่อช่วยในการเจริญเติบโตของมัน แต่ดอกทานตะวันขึ้นอยู่ตาม
ป่าทั่วไปก็ไม่จำเป็นว่ามันจะหันไป ทางทิศตะวันออกเสมอไป

14

เฉาก๊วยทํามาจากอะไร



เฉาก๊วย ขนมหวานในน้ำเชื่อมดำๆ กินแล้วชื่นใจ แต่ดู เหมือนจะไม่
ค่อยมีใครรู้ว่าเฉาก๊วยทำมาจากอะไร บางคนกินเฉาก๊วยมาตลอดชีวิต
ยังไม่รู้เลยว่ามันทำมาจากอะไร บางทีอาจจะแอบคิดว่าเป็นนมเยลลี่ใส่

สีหรือเปล่า แล้วคุณจะรู้ไหมว่าเฉาก๊วยทำมาจากอะไร ?
เฉาก๊วย เป็นขนมหวานจากพื้นที่แพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เจ้าขนมคล้ายเยลลี่สีดำ แท้ที่จริงแล้วทำมาจาก “ต้นไม้" ที่เรียกว่าต้น
เฉาก๊วยนั่นแหละ ต้นเฉาก๊วยเป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อยขนาดเล็ก ในตระกูล
เดียวกับมนต์ โหระพา กระเพรา สะระแหน่ ยี่หร่า และ แมงล็ก ซึ่ง
การแปรสภาพจากต้นไม้มาเป็นขนมหวาน ก็ไม่ได้แปลก พิสดารเลย
แค่เอาต้นเฉาก๊วยไปต้มจนเดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำ ที่ได้ก็จะเป็นสี
น้ำตาลเกือบดำ แล้วก็ใส่แป้งมัน ซึ่งจะทำให้เราด้วยนิ่ม กับแป้งท้าว

ยายม่อมที่จะทำให้เนื้อเฉาก๋วยคงรูปผสมกันลงไป ส่วนสัดส่วนนั้น
ก็ตามแต่ที่เด็ด เคล็ดลับของแต่ละร้าน ปัจจุบันอาจจะมีการใส่ส่วน
ผสมอื่นๆ ลงไป เพื่อให้ตัวเฉาก๊วยมีเนื้อที่แปลกออกไป หลังจากนั้นก็

ทิ้งไว้ให้เย็นก็จะกลายเป็นเฉาก๊วยแสนอร่อยแล้ว

15

ทําไมเสียงของเราถึงเพราะเมื่อร้องเพลง
ในห้อ
งน้ำ

เชื่อไหมว่าเราจะได้ยินเสียงตัวเองเวลาพูดหรือร้องเพลงไม่
เหมือนกับเสียงที่ออกจากปากเราให้คนอื่นได้ยิน เพราะว่า
เวลาที่คนเราเปล่งเสียงนั้น เสียงจะต้องอยู่ในร่างกายของ
เราตามระบบทางเดิน หายใจ ตั้งแต่โครงหน้าอก คอ ช่อง
ปาก จมูก และกะโหลกศีรษะ เวลาที่เสียงออกจากปากเรา
เสียงก็จะเข้า มาที่หูของเราก่อนที่จะไปถึงคนฟัง ทำให้เรา
รู้สึกว่าเสียงมันก้องกังวาน เพราะดีอยู่แล้วส่วนเหตุที่ว่า
ทําไมร้องเพลงในห้องน้ำถึงฟังเพราะ นั่นก็เพราะ ว่าห้องน้ำ

มักจะปูพื้นกระหายคอนกรีตหรือกระเบื้อง แถมเครื่อง
สุขภัณฑ์ทั้งหลายยังเป็นกระเบื้องมันวับ ขนาดของห้องน้ำที่
ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป องค์นี้ทำให้เสียงเกิดการสะท้อน
กลับไป กลับมาในห้องน้ำแล้วเข้าที่หู ทำให้เรารู้สึกว่าเสียง
เราก้องกังวาน และไพเราะ ไม่ต้องถึงขนาดร้องเพลงหรอก
แค่เราพูดในห้องน้ำเรายังรู้สึกเลยว่าเสียงเราก้องใช่ไหมล่ะ

16

ตั๊กแตนนักฆ่าน่ากลัวกว่าที่คิด

ตั๊กแดนเป็นสัตว์ที่เราพบเห็นได้ง่ายและมีกระจัดกระจาย
อยู่ทั่วไปหลากหลายชนิด แต่ตั๊กแตนที่เราจะพูดถึงในที่นี้ก็
คือ ตั๊กแตนข้าวตัวสีเขียว หร
ือบางชนิดที่ตัวสีน้ำตาล ตก
แตนตำข้าวเป็นแมลงที่ตัวค่อนข้างใหญ่ จัดเป็นแมลงนัก
ล่า มีขาคู่หน้าลักษณะเหมือนเคียว มีหนามแหลมเวลาที่มัน

จะจับเหยื่อมันจะตวัดขาคู่หน้าอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
พูดมาถึงตรงนี้อาจจะงงกันว่าน่ากลัวตรงไหน ใจเย็นๆ เรา
กำลังจะเฉลยแล้ว ตั๊กแตนตำข้าวตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่า
ตัวผู้มาก เวลาที่มันจะผสมพันธุ์กัน ตัวเมียจะปล่อยกลิ่น

พิเศษออกมาเพื่อดึงดูดตัวผู้ แต่เจ้าตัวจะไม่เข้าไปหาตัว
เมียในทันที มันจะรอหาจังหวะเหมาะแล้วมันจะกระโดดไป
เกาะตัวเมียเพื่อผสมพันธุ์ ส่วนตัวเมียก็จะเอาขาหน้ากอด
ตัวผู้ไว้ ในขณะที่กำลังผสมพันธุ์นั้นตัวเมียจะมีความดุร้าย
มาก เมื่อผสมพันธุ์กันเสร็จตัวผู้ต้องรีบหนีทันที ไม่อย่างนั้น
แล้วมันจะถูกตัวเมียจับกินจนไม่เหลือซาก บางครั้งตัวเมีย
ก็จะกินตัวผู้ตั้งแต่ขณะที่กำลังผสมพันธุ์กันอยู่เลยทีเดียว
แต่เนื่องจาก ระบบประสาทของตกแตนตำข้าวไม่ได้อยู่ที่

หัว มันจึงสามารถผสมพันธุ์ ต่อไปได้จะเสร็จ

17

ปาท่องโก๋มีที่มาอย่างไร



ปาท่องโก๋ แป้งประกบ 2 ชิ้นที่หลายๆ คนนิยมรับ
ประทาน ในตอนเช้า คู่กับ น้ำเต้าหู้ กาแฟ โกโก้
สังขยา หรือ โจ๊ก เนื่องจากความอร่อยเข้ากัน แถม
ยังอิ่มสบายท้อง ได้ในราคาย่อมเยา ทำให้เราพบเห็น
ร้านขายปาท่องโก๋ได้แทบจะทั่ว ฝทุกพื้นที่ แต่คุณ
ทราบไหมว่าเจ้าปาท่องโก๋นี้มีที่มาที่ไม่ธรรมดาทีเดียว
ปาท่องโก๋ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนใช้ชื่อว่า
“อิ่วจาดก้วย" ส่วนชื่อปาท่องโก๋เป็นชื่อที่เราจำกันมา
ผิด เพราะที่จริงแล้วปาท่องโก๋ เป็นขนมน้ำตาลทราย

มีสีขาว (สำเนียงจีนออกว่า แป๊ะ ทั้ง กอ)

18

นกอะไรบินเร็วที่สุดในโลก



ถ้าพูดถึงนก แน่นอนว่าเราต้องนึกถึงการบิน แต่นกอะไรที่

บินเร็วที่สุดในโลกล่ะ คำตอบก็คือ เหยี่ยวพริกริน ซึ่ง
สามารถพบ ได้ทั่วไปแทบทุกพื้นที่ในโลก เหยี่ยวพริกรินมี
ความเร็วในการบินอย่าง น้อย 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และสามารถเร่งได้มากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน
ขณะที่มันร่อนลงจากที่สูง หรือโฉบเหยื่อ ด้วยความเร็ว
ระดับนี้ทำให้มันครองตำแหน่งสิ่งมีชีวิตที่เร็วที่สุดในโลก ไป

ครองด้วย ส่วนนกที่บินได้ช้าที่สุดในโลกต้องยกให้เจ้า
อเมริกันวูดค็อก และยูเรเซียน ซึ่งบินได้เร็วแค่ 8 กิโลเมตร

ต่อ ชั่วโมงเท่านั้นเอง

19

อาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น แบบไหนดีกว่ากัน



การอาบน้ำถือเป็นกิจวัตรประจำวันที่สำคัญอย่างหนึ่ง คนเรา
ควรอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งในตอนเย็น เพื่อชำระล้าง
ร่างกายให้สะอาด ไม่หมักหมมจนเป็นบ่อเกิดของโรคผิวหนังและ
โรคอื่นๆ ที่จะตามมา แต่ว่าเราจะอาบน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นดีล่ะ
อันที่จริงแล้วการอาบน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่แตก
ต่างกัน เรามาเริ่มกันที่น้ำเย็นก่อนดีกว่า น้ำเย็นในที่นี้คงไม่ใช่น้ำ
ใส่น้ำแข็งหรอก แต่เป็นน้ำที่อุณหภูมิปกติ (ต่ำกว่า 27 องศา
เซลเซียส) น้ำเย็นจะช่วยให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า กระชับรูขุม
ขน ทำให้ผิวพรรณ เต่งตึง ในขณะที่อาบถ้าเราเอามือตบๆ ไป
บนผิวเบาๆ จะช่วยกระตุ้นผิวและทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ ส่วน
น้ำอุ่นจะช่วยให้เรารู้สึกสบาย ลดความตึงเครียด กระตุ้นการ
ทำงานของประสาทอัตโนมัติ ถ้าอาบน้ำอุ่นตอนกลางคืนจะช่วยให้
เราหลับง่ายและหลับสบาย ซึ่งถ้าอาบเป็นน้ำร้อน (สูงกว่า 37
องศาเซลเซียส) จะช่วยกระตุ้นให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น แต่ถ้า
อาบนานเกินไปจะทำให้ผิวแห้ง มีผื่นขึ้น เหี่ยวเร็ว อาจไปถึงขั้น

ทำให้เหนื่อยกระวนกระวาย ง่วงเหงา ซึมเซาได้
วิธีการอาบน้ำที่ดีที่สุดคืออาบสลับกัน ไม่ใช่เช้าเย็น-เย็น น้ำร้อน
แต่อาบสลับร้อนเย็นในการอาบครั้งเดียวนั่นแหละ จะช่วยให้การ
หมุนเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลืองในร่างกายคนเราทำงานได้

มากยิ่งขึ้น แบบว่าผสมข้อดีของทั้งสองแบบไว้ด้วยกันเลย

20

ทําไมเห็นดาวตกแล้วจึงโชคดี



ดาวตก คือสะเก็ดดาวหรือเทหวัตถุในอวกาศที่มุ่งเข้าใส่
โลก หรืออาจจะแค่บังเอิญผ่านทางแล้วถูกแรงดึงดูดของ

โลกดึงเข้ามา ที่เราเห็นมันสุกสว่างเป็นแสงวาบผ่าน
ท้องฟ้าก็เพราะเทหวัตถุเหล่านั้นเอียดสีกับชั้นบรรยากาศ
ของโลกจนลุกเป็นไฟ เราอาจจะนึกไม่ถึงแต่รู้ไหมว่าวัน
หนึ่งๆ มีดาวตกพุ่งมาเป็นหมื่นล้านดวง เพียงแต่ดาวตก
แทบทั้งหมดจะลุกไหม้สลายเป็นผงธุลีไปในชั้นบรรยากาศ
ฟังดูอาจจะเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ แต่ดาวตกเหล่านี้ส่วน
ใหญ่ที่มีขนาดเล็กมากและถูกเผาไหม้หายไปโดยที่เราไม่
ได้สังเกตเห็น แต่ถ้าลูกไหนเกิดเผาไหม้ไม่หมดตกลงมา

ได้ถึงพื้นโลกจริงเราก็จะเรียกมันว่า อุกกาบาต

21

ไม่ใช่แค่โลกที
่มีดวงจันทร์

ดวงจันทร์เป็นดาวเคราะห์ จึงไม่มีแสงสว่างในตัวเอง แต่ที่เรา เห็น
มันทอแสงสว่างนวลอยู่บนฟ้าได้นั้นเป็นเพราะมันสะท้อนแสงจาก
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ซึ่งมีขนาดประมาณ 1/4 ของโลกดวงนี้มี

อิทธิพล ต่อเราหลายอย่าง เช่น ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง
แรงดึงดูดที่มีต่อกันของดวงจันทร์และโลกทำให้โลกหมุนรอบตัว
เอง 24 ชมแต่คุณรู้ไหมว่าในจักรวาลของเราไม่ได้มีดวงจันทร์
เพียงดวงเดียว อันที่จริงวัตถุที่โคจรรอบดาวเคราะห์นอกจากจะ
เรียกว่าดาวบริวารแล้ว เรายังเรียกมันเป็นดวงจันทร์บริวารอีกด้วย
เท่าที่เรารู้ตอนนี้ระบบสุริยะของเรามีดวงจันทร์อยู่ถึง 140 ดวง
โลกเรามี 1 ดวง ดาวอังคาร มี 2 ดวงดาวพฤหัสบดีที่ดวงจันทร์
ขนาดใหญ่อยู่ถึง 4 ดวง ดวงจันทร์คาลลิสโตมีขนาดพอๆ กับดาว
พุธ ในขณะที่ดวงจันทร์แกนีมีดมีขนาดใหญ่กว่า แถมดาวพฤหัสบดี
ยังมีดวงจันทร์เล็กๆ น้อยๆ อีกไม่ ต่ำกว่า 47 ดวง ในขณะที่ดาว
พุธและดาวศุกร์กลับไม่มีดวงจันทร์เลย ดวงจันทร์ไททันเป็นดวง

จันทร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์ ถือเป็น ดาวดวงเดียว
นอกจากโลกที่มีร่องรอยของน้ำอยู่ เห็นไหมว่าไม่ใช่แค่โลกที่มีดวง

จันทร์ ดาวดวงอื่นก็มีเหมือนกัน แถมมีเยอะกว่าเราด้วย

22

รุ้งกินน้ำมีแค่ 7 สีจริงหรือ



เราคงเคยเห็นรุ้งกินน้ำกันใช่ไหม มันมักจะเกิดขึ้นหลังฝน
ตก ใหม่ๆ แล้วทราบไหมว่าเจ้ารุ้งกินน้ำเกิดขึ้นได้อย่างไร

หลังฝนตกใหม่ๆ ละอองน้ำจากฝนยังคงค้างอยู่ในชั้น
บรรยากาศ แสงจากดวงอาทิตย์ที่แต่เดิมเป็นแสงขาวนั้น
เมื่อถูกกระตุ้น กับละอองนํ้าเหล่านั้นก็เกิดการหักเหของ
แสง ทำให้เราเห็นเป็นสีสัน ต่างๆ เรียงตามลำดับคือ ม่วง
คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ซึ่งรุ้งจะมีอยู่ด้วยกัน
สอง คือรุ้งปฐมภูมิ มีสีม่วงอยู่ล่างสุด สีแดงอยู่บนสุด และ

ทุติยะ กันคือสีแดงอยู่ล่างสุดและสีม่วง อยู่บนสุด

23

รู้ไหมว่าความเผ็ดไม่ใช่รสชาติ



คุณชอบกินอาหารรสอะไรกันบ้าง บางคนชอบกินหวาน
บางคนรอบเค็ม บางคนก็ชอบเปรี้ยว แต่คงไม่ค่อยมีใคร
ชอบทานอะไรขมๆ กันใช่ไหม แล้วมีใครชอบทานเผ็ดบ้าง
คุณรู้ไหมว่า ที่จริงแล้วความ เผ็ดนั้นไม่ใช่รสชาตินะ
สินของคนเรารับรสได้ 4 รส นั่นคือ ความ เค็ม เปรี้ยว
และขม ส่วนจืดนั้นก็ไม่ใช่รส แต่มันไม่มีรสชาติต่างหาก
ส่วนถ้าพูด ถึงเผ็ดนั้น แน่นอนว่าต้นตอของความเผ็ดมา
จากพริก และในพริก นี่เองมีสารที่เรียกว่า เคปไซซิน ที่

ทำให้รู้สึกแสบร้อน ไม่ต้องกิน เข้าไปหรอก แค่พริก
กระเด็นเข้าตาหรือแตะโดนปากเรา เราก็รู้สึก แสบร้อนแล้ว
ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นเรากินเผ็ดมากเท่าไร การ เคปไซซิ
นก็ยังมีมาก พอลงไปในกระเพาะที่ทำให้เรารู้สึกแสบร้อน

ใน กระเพาะ และถ้ามันยังหลงเหลืออยู่ตอนที่เราขับถ่าย
ออกมา มันก็ทำให้เราแสบก้นได้ด้วยเช่นกัน

เจ้าสารแคปไซซินเนี่ยมันไม่ค่อยจะละลายในน้ำ เพราะ
ฉะนั้น การดื่มน้ำจึงไม่ค่อยจะช่วยอะไรเมื่อเรารู้สึกเผ็ด อัน
ที่จริงแล้วน้ำลายของเรานี่แหละที่ช่วยบรรเทาอาการเผ็ดได้

24

รู้มั้ยว่ามีฟ้าที่ผ่าจากพื้นขึ้นไปบนอากาศด้วย



เมื่อพูดถึงฟ้าผ่า หลายคนคงนึกภาพลำแสงสายฟ้าที่ผ่าลงมา
จากบนอากาศฟาดใส่พื้นดิน แต่เราอาจจะนึกไม่ถึงว่ามีฟ้าที่ผ่า
จากพื้นดินขึ้นไปสู่อากาศได้ด้วยฟ้าผ่านั้นเกิดขึ้นจากความต่าง
ศักย์ของประจุไฟฟ้าในอากาศกับพื้นดิน ทั้งบนอากาศและพื้น
ดินนั้นต่างก็มีทั้งประจุบวกและลบกระจายอยู่รวมกัน ฟ้าผ่าจึง
เกิดขึ้นได้ในหลายลักษณะ ฟ้าผ่าก็คือการปลดปล่อยพลังงาน
ของสนามไฟฟ้า ถ้าเรามองในแง่ของประจบขั้วบวกลบระหว่าง
ก้อนเมฆและพื้นดิน ซึ่งฟ้าจะผ่าจากประจุหนึ่งไปยังอีกประจุ
หนึ่งเราจะได้ฟ้าผ่าในหลายรูปแบบ เช่น ฟ้าผ่าจากก้อนเมฆลง
ดิน ฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นระหว่างก้อนเมฆ ฟ้าที่ผ่าจากก้อนเมฆไปยัง
อากาศและฟ้าผ่าที่เกิดจากกระแสไฟฟ้ากระโดดจากพื้นขึ้นไป
ยังก้อนเมฆ ซึ่งหาได้ยากมากโดยมักเกิดบนตึกสูงมากๆหรือบน

ยอดเขาที่สูงมากๆนั่นเอง

25

รู้มั้ยว่ามีฟ้าที่ผ่าจากพื้นขึ้นไปบนอากาศด้วย



เมื่อพูดถึงฟ้าผ่า หลายคนคงนึกภาพลำแสงสายฟ้าที่ผ่าลงมา
จากบนอากาศฟาดใส่พื้นดิน แต่เราอาจจะนึกไม่ถึงว่ามีฟ้าที่ผ่า
จากพื้นดินขึ้นไปสู่อากาศได้ด้วยฟ้าผ่านั้นเกิดขึ้นจากความต่าง
ศักย์ของประจุไฟฟ้าในอากาศกับพื้นดิน ทั้งบนอากาศและพื้น
ดินนั้นต่างก็มีทั้งประจุบวกและลบกระจายอยู่รวมกัน ฟ้าผ่าจึง
เกิดขึ้นได้ในหลายลักษณะ ฟ้าผ่าก็คือการปลดปล่อยพลังงาน
ของสนามไฟฟ้า ถ้าเรามองในแง่ของประจบขั้วบวกลบระหว่าง
ก้อนเมฆและพื้นดิน ซึ่งฟ้าจะผ่าจากประจุหนึ่งไปยังอีกประจุ
หนึ่งเราจะได้ฟ้าผ่าในหลายรูปแบบ เช่น ฟ้าผ่าจากก้อนเมฆลง
ดิน ฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นระหว่างก้อนเมฆ ฟ้าที่ผ่าจากก้อนเมฆไปยัง
อากาศและฟ้าผ่าที่เกิดจากกระแสไฟฟ้ากระโดดจากพื้นขึ้นไป
ยังก้อนเมฆ ซึ่งหาได้ยากมากโดยมักเกิดบนตึกสูงมากๆหรือบน

ยอดเขาที่สูงมากๆนั่นเอง

26

รู้ไหมว่าความร้อนทำให้เกิดภาพลวงตาได้

เวลาที่นั่งอยู่บนรถแล้วมองไปตามพื้นถนนไกลๆ คุณเคยสังเกต
เห็นเหมือนมีแอ่งน้ำสะท้อนเงาอยู่บนพื้นถนนไหม แล้วพอรถเรา
เคลื่อนเข้าไปไกลแอ่งน้ำนั้นก็จะหายไป ถนนก็แห้งไม่ได้มีน้ำอะไร
แต่พอมองออกไปไกลอีก อ้าว! มีแอ่งน้ำอยู่ข้างหน้าอีกแล้ว คุณ
สงสัยไหมครับปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ปรากฏการณ์ที่ว่านี้มีชื่อว่า มิราจ (mirage) ก่อนอื่นต้องเข้าใจ
ความจริง 3 ข้อก่อนว่า
1. เรามองเห็นภาพต่างๆ ได้เพราะแสงสะท้อนกับวัตถุผ่านอากาศ
ก่อนจะมาสะท้อนเข้าตาเราอีกทีหนึ่ง
2. อากาศเย็นจะมีความหนาแน่นของอากาศมาก
3. อากาศร้อนจะมีความหนาแน่นของอากาศน้อยมิราจะเกิดขึ้น
เมื่อความหนาแน่นใกล้พื้นดินมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศใน
ชั้นที่อยู่สูงขึ้นไป แสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องลงมาถูกวัตถุจะเกิด
การสะท้อนกลับหมด ทำให้เราเห็นเป็นภาพเสมือนจริงหัวกลับ
คล้ายๆ มีแอ่งน้ำสะท้อนเงาอยู่บนพื้นนั่นเอง

27

ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับเส้นผม



การดูแลสุขภาพผมถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งเลยทีเดียว แต่เราก็
มีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเส้้นผมหลายอย่างที่ต้องนำมาบอกกันเอาไว้
ก่อน “การตัดผมจะทำให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น งอกใหม่ได้เร็วขึ้น”
เป็นเรื่องไม่จริง……ไม่จริง สิ่งเดียวที่เราจะได้จากการตัดผมคือเส้นผม
ที่สั้นขึ้น ซึ่งผมคนเราจะยาวประมาณครึ่งนิ้วต่อเดือนเป็นปกติ ความ
เข้าใจผิดนี้อาจมาจากที่เราเอาไปเทียบกับการโกนหนวดก็ได้ เส้นขนใน
ร่างกายงอกเร็วช้าต่างกัน โดยเส้นผมจะยาวเร็วที่สุด โดยในขณะที่ขน
ขาหรือรักแร้จะยาวช้ามาก ส่วนที่ว่าเวลาโกนหนวดแล้วขนแข็งขึ้นนั้น
เป็นเพราะการโกนของเราทำให้เกิดตอขนไงล่ะ ส่วนที่ว่าขนจะดกขึ้น
นั้นก็ไม่จริง เพราะรากขนยังมีจำนวนเท่าเดิม…… “หวีผมมากๆ จะ
ทำให้สุขภาพผมดี เพราะจะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด” จากการ
ศึกษาทางการแพทย์พบว่ายิ่งหวีผมมาก ยิ่งทำให้ผมหลุดร่วงมากยิ่ง
ขึ้น ปกติคนเราผมจะร่วงตามธรรมชาติวันละ 50-100 เส้นอยู่แล้ว
ในคนที่ผมไม่ดกอาจร่วงมากขึ้นถึง 3 เท่าของคนที่หวีผมเพียงวันละ
ครั้งสิ่งเดียวที่เราจะได้จากการหวีผมคือ ผมที่เรียบเป็นทรงดูสวยงาม

28

ทำไมแมวถึงมี “9ชีวิต”



แมว 9 ชีวิตนั้นเป็นความเชื่อซึ่งมีอยู่หลากหลายเรื่อง และไม่มี
ใครแน่ใจว่าจะใช่ที่มาของความเชื่อนี้จริงๆ หรือเปล่า แต่ที่น่าสนใจ
คงมาจากตำนานเทพของชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งเชื่อกันว่าแมวเป็น
ตัวแทนแห่งเทพ โดยเทพผู้ยิ่งใหญ่ของอียิปต์โบราณจะมีทั้งหมด
9 องค์ มีเทพสูงสุดคือ อัคมุนราห์ สุริยเทพ ซึ่งเวลาที่เทพราห์จะ
เดินทางไปยังยมโลก พระองค์ก็จะไปในรูปร่างของแมว โดยได้รวม
ชีวิตของเทพทั้ง 9 องค์ไว้ในร่างของผู้สร้างคือพระองค์ ในร่างแมว
เพียงร่างเดียวนั่นเองมีอีกเรื่องราวหนึ่งมาจากทางฝั่ งยุโรป ในช่วง
ประมาณยุคปี ค.ศ.1500มีความเชื่อในเรื่องของแม่มดและมีการ
ออกล่าแม่มดกันขนานใหญ่ ซึ่งแมวโดยเฉพาะแมวดำนั้นก็พลอยถูก
กล่าวหาว่าเป็นตัวแทนแม่มดไปด้วย จากความเชื่อที่ว่าแม่มดหรือพ่อ

มดจะกลายร่างเป็นแมว

29

“แมง” กับ “แมลง” แตกต่างกันอย่างไร



นับเป็นคำที่คนใช้ผิดใช้ถูกมากที่สุดคำหนึ่งเลยก็ว่าได้
ระหว่างคำว่า “แมง” และ “แมลง” หลายคนไม่แน่ใจว่าควรจะ
เรียกสัตว์ชนิดนี้ว่า แมงหรือแมลง บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันแตก
ต่างกันแล้วก็ใช้เรียกมั่วกันไปเลย เอาล่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่า
ตกลงแล้ว แมงกลับมาแมลงแตกต่างกันอย่างไรทางแมงและ
แมลงต่างก็ใช้เรียกสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเหมือนกัน วิธีสังเกต
ง่ายๆว่าตัวไหนเป็นอะไรก็คือให้เราดูที่ตัวของมันเลย “แมลง” จะ
มีร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือหัว อก และท้อง แมลงเป็นสัตว์
ไม่มีกระดูกสันหลังชนิดเดียวที่มีปีก ซึ่งอาจจะมี 1 คู่หรือ 2 คู่
ต่างกันไปตามชนิดของมัน ที่สำคัญคือมี 6 ขา ตัวอย่างของแมลง
ก็เช่นแมลงวัน ยุง แมลงสาบ แมงปอ ผึ้ง เป็นต้นสำหรับ “แมง”
แล้ว จะมีร่างกายแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนเท่านั้น คือ ส่วนหัวและ
อกรวมเป็นส่วนเดียวกัน กับส่วนท้อง มี 8 ขา ไม่มีหนวด ไม่มีปีก
ตัวอย่างของแมง เช่น แมงมุม แมงป่อง เห็บ ไร เป็นต้น

30

เเก้พิษแมงกะพรุนง่ายๆด้วยต้นไม้ใกล้ตัว



เวลาที่ไปเที่ยวทะเล สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ขยาดและไม่
อยากเจอมากที่สุดคือแมงกะพรุน คุณเองก็คงไม่อยากเจอเจ้า
แมงกะพรุนตัวใสๆ ลอยไปลอยมาอยู่ในน้ำใช่ไหม ถ้ามีมาตัวเดียวคง
ไม่เท่าไร แต่บางทีเจ้าแมงกะพรุนดูจะยกทัพกันมาลอยอยู่เต็มไปหมด
สาเหตุที่เราเกลียดกลัวแมงกะพรุนกันส่วนหนึ่งก็เพราะรูปร่างหน้าตาที่
ไม่น่าพิสมัยของมัน แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเรากลัวว่าถ้าไปแตะ
โดนมันเข้าก็จะโดนพิษของมันทำให้เราเจ็บตัวได้ง่ายๆ อันที่จริงแล้ว
ไม่ใช่แมงกะพรุนทุกตัวหรอกนะที่มีพิษ ถ้าจะให้แบ่งเราก็แบ่ง
แมงกะพรุนออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ได้ก็คือ แมงกะพรุนธรรมดาที่ไม่มี
พิษมีภัย ( แถมเรายังเอามาใส่เย็นตาโฟหรือหม้อสุกี้กินได้ด้วย ! ) กับ
แมงกะพรุนไฟที่มีพิษทำให้เราปวดแสบปวดร้อน ความแตกต่าง
ระหว่างแมงกะพรุน 2 ชนิดนี้ก็ดูได้ง่ายๆ แมงกะพรุนธรรมดาจะตัว
ใสๆ ในขณะที่แมงกะพรุนไฟจะมีสีสดแถมมีหนวดยาวด้วย27.ความ
เชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเส้นผมการดูแลสุขภาพผมถือเป็นเรื่องสำคัญอย่าง
หนึ่งเลยทีเดียว แต่เราก็มีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเส้นผมหลายอย่างที่

ต้องนำมาบอกกันเอาไว้ก่อน

“การตัดผมจะทำให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น งอกใหม่ได้เร็วขึ้น”
เป็นเรื่องไม่จริง……ไม่จริง สิ่งเดียวที่เราจะได้จากการตัดผมคือ
เส้นผมที่สั้นขึ้น ซึ่งผมคนเราจะยาวประมาณครึ่งนิ้วต่อเดือนเป็นปกติ
ความเข้าใจผิดนี้อาจมาจากที่เราเอาไปเทียบกับการโกนหนวดก็ได้ เส้น
ขนในร่างกายงอกเร็วช้าต่างกัน โดยเส้นผมจะยาวเร็วที่สุด โดยใน
ขณะที่ขนขาหรือรักแร้จะยาวช้ามาก ส่วนที่ว่าเวลาโกนหนวดแล้วขน
แข็งขึ้นนั้น เป็นเพราะการโกนของเราทำให้เกิดตอขนไงล่ะ ส่วนที่ว่า

ขนจะดกขึ้นนั้นก็ไม่จริง เพราะรากขนยังมีจำนวนเท่าเดิม……
“หวีผมมากๆ จะทำให้สุขภาพผมดี เพราะจะไปกระตุ้นการไหลเวียน
เลือด” จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่ายิ่งหวีผมมาก ยิ่งทำให้ผม

หลุดร่วงมากยิ่งขึ้น ปกติคนเราผมจะร่วงตามธรรมชาติวันละ
50-100 เส้นอยู่แล้ว ในคนที่ผมไม่ดกอาจร่วงมากขึ้นถึง 3 เท่าของ
คนที่หวีผมเพียงวันละครั้งสิ่งเดียวที่เราจะได้จากการหวีผมคือ ผมที่

เรียบเป็นทรงดูสวยงาม

บรรณานุกรม

ผู้เขียน : เขมทัต พิพิธธนาบรรพ์
ชื่อหนังสือ : อัจฉริยะได้อีก!
พิมพ์ครั้งที่ 3 : กุมภาพันธ์ 2555
จัดพิมพ์โดย : บริษัท เอ็กซเปอร์เน็ท จำกัด

สมาชิก

ด.ญ.เขมิกา คนเก่ง เลขที่10 ม.3/7
ด.ญ.มนธิิดา พงษ์เกตุ เลขที่32 ม.3/7
ด.ญ.มลธิรา ขุนจร เลขที่33 ม.3/7


Click to View FlipBook Version