The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suphamart phakakat, 2021-07-04 13:29:38

วิสาหกิจบ้านทีกะเป่อ

ข้อมูลทั่วไป

วิสาหกิจชมุ ชนบ้านทีกะเป่อ
หมทู่ ี่ 5 ตาบลชอ่ งแคบ อาเภอพบพระ จงั หวดั ตาก

อตั ลักษณข์ องหมู่บา้ น ป่าชุมชนท่อี ุดมสมบูรณ์ ประเพณีวัฒนธรรมชนเผา่
ผา้ ทอกะเหรี่ยง
จดุ ยนื การพฒั นาหมู่บา้ น พฒั นาการเกษตรแบบผสมผสานที่ยง่ั ยนื ลดตน้ ทนุ ลดสารเคมี
ตาแหนง่ การพัฒนาอาชพี พฒั นาด้านการเกษตรบรู ณการณส์ ่เู กษตรทฤษฎีใหม่
วิสัยทัศนข์ องหมู่บา้ น อนุรักษว์ ัฒนธรรมประเพณีพ้ืนบา้ นสบื สานภูมปิ ญั ญาชนเผา่
หมู่บ้านเขม้ แข็ง

๑. ขอ้ มลู พืน้ ฐานของชมุ ชน

๑.๑. ข้อมูลทวั่ ไป บ้านทีกะเป่อตัง้ อยู่หมทู่ ่ี 5 ตาบลชอ่ งแคบ อาเภอพบพระ จงั หวัดตาก
เดมิ มชี ่ือหมบู่ ้านวา่ หมู่บ้าน “เซอะวีโ่ ค๊ะ” เปน็ ชอ่ื ของต้นไมช้ นดิ หนง่ึ ในภาษากะเหรี่ยง โดยตั้งถนิ่
ฐานอยูบ่ ริเวณริมแมน่ า้ เมยใกล้ฝ่ังประเทศพมา่ เนื่องจากประชาชนท่พี ักอาศยั เป็นชาวเขาเผา่
กะเหรีย่ งต่อมาเม่อื มีการขยายครอบครวั และหมบู่ ้าน นายหมอ่ โทเพ่ หัวหน้าเผา่ กะเหร่ียงได้รวม
ชาวบา้ นกลับมาตั้งถนิ่ ฐานในเขตพ้ืนท่ีดังกล่าวและได้เปลย่ี นชอ่ื หมู่บา้ นวา่ “ทกี ะเป่อ” เป็นช่อื ภาษา
กะเหรย่ี ง แปลวา่ หนองนา้ เนื่องจากในสมยั น้ันมีหนองน้าเปน็ จานวนมาก จากการเจริญเติมโต
ของหมู่บา้ นทาให้พนี่ ้องชาวไทยเข้ามาคา้ ขายและสร้างหลักปักฐานอาศยั อย่รู ว่ มกนั ต่อมาเมอื่ มกี าร
แบ่งการปกครองจึงอยู่ในเขตความรบั ผดิ ชอบของตาบลช่องแคบ อาเภอพบพระ จังหวัดตาก และ
ไดแ้ ตง่ ต้ังผู้ใหญ่บ้านคนแรก ช่ือนายจะเพ่ ปาหา คนทส่ี อง ชื่อนายหมอ่ ละเจ ศรศี ักดิ์พนาสณฑ์
คนที่สาม ชื่อนายชัยนนั ท์ มนตรีปญั ญา คนทส่ี ช่ี ่อื นายอภริ กั ษ์ นฤบรรณ์ดี และคนท่ีห้าซ่งึ ดารง
ตาแหนง่ อยู่ ณ ปัจจุบนั ชื่อ นางสาวราตรี เทากมลเดช ตวั ข้าพเจ้าเอง

บ้านทีกะเปอ่ ตั้งอยู่ทางทิศเหนอื ของที่ว่าการอาเภอพบพระ ระยะทางจากหมู่บา้ นไปยัง
ที่ว่าการอาเภอพบพระ ๑๕ กิโลเมตร และห่างจากศาลากลางจังหวัดตากเปน็ ระยะทาง ๑๔๐
กิโลเมตร

รปู แผนผังหมู่บ้านทีกะเป่อ หมู่ที่ 5 ตาบลช่องแคบ อาเภอพบพระ จังหวดั ตาก

บา้ นท่กี ะเปอ่ มีจานวนครวั เรือนท้ังหมด ๖๕ ครัวเรอื น ประชากรทง้ั หมดจานวน ๒๗๕
คน แยกเปน็ ชาย ๑๓๗ คน หญิง ๑๔๘ คน (ขอ้ มูลจาก จปฐ. ปี ๒๕๕๙) สาหรบั ข้อมูล ณ
เดอื นตลุ าคม ๒๕๕๙ จากทะเบียนราษฎร มีจานวนครวั เรือนทั้งสน้ิ ๒๑๒ ครัวเรอื น ประชากร
ทงั้ หมดจานวน ๔๖๐ คน แยกเป็นชาย ๒๓๒ คน หญงิ ๒๒๘ คน

๑.๒. ลักษณะภูมิประเทศโดยทวั่ ไปของบ้านทีกะเป่อ เป็นหมบู่ ้านท่มี ีที่ตั้งอยู่บนทร่ี าบสลับ
กับเนินเขามแี หลง่ นา้ ค่อนข้างอุดมสมบรู ณ์ มปี า่ ไม้ลอ้ มรอบ เหมาะสาหรบั ประกอบอาชพี
เกษตรกรรม สภาพภูมอิ ากาศโดยทั่วไป ตอนกลางวนั อากาศจะรอ้ นช้ืน ตอนเช้า ตอนเย็น และ
ตอนกลางคืนอากาศจะค่อนข้างเย็น โดยแบ่งออกได้เปน็ ๓ ฤดู ดงั น้ี

๑. ฤดฝู น โดยท่วั ไปจะเริม่ ตงั้ แต่ชว่ งกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปีไปจนถึงสนิ้
เดอื นตุลาคม รวมระยะเวลาประมาณ ๕ เดือนครง่ึ

๒. ฤดหู นาว โดยท่วั ไปจะเร่มิ ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนจนถงึ ปลายเดือน
กมุ ภาพนั ธ์ รวมระยะเวลาประมาณ ๔ เดอื น

๓. ฤดูรอ้ น โดยท่ัวไปจะเร่มิ ต้งั แต่ต้นเดือนมนี าคมของทุกปีไปจนถงึ กลางเดือน
พฤษภาคม รวมระยะเวลาราว ๒ เดือนครง่ึ

๑.๓. มีอาณาเขตติดต่อกัน ดังน้ี
ทศิ เหนือ ติดต่อกับ บ้านหว้ ยนกแล หมู่ท่ี ๙ ตาบลชอ่ งแคบ
ทศิ ใต้ ติดต่อกับ บา้ นซอโอ หมทู่ ่ี ๒ ตาบลชอ่ งแคบ
ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ตอ่ กับ บ้านห้วยนกแล หมทู่ ี่ ๙ ตาบลชอ่ งแคบ
ทิศตะวนั ตก ตดิ ต่อกับ บ้านขนุ หว้ ยช่องแคบ หมทู่ ่ี ๓ ตาบลช่องแคบ

๑.๔ ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมของหม่บู า้ น
๑. ดนิ พื้นดนิ มสี ภาพเปน็ ดินรว่ น เหมาะสมในการปลูกพชื ผกั และผลไม้ เชน่

ขา้ ว ข้าวโพด อ้อย มะม่วง ลาไย ชะอม กะหล่าปลี ผกั กาดขาว พรกิ เป็นต้น
๒. น้า มแี หล่งน้าธรรมชาติใชใ้ นการทาการเกษตร ๒ แหง่ สระน้าใช้ทา

การเกษตร ๒ แห่ง บ่อบาดาลใช้สาหรับการบรโิ ภค ๒ แห่ง บ่อน้าธรรมชาติ ๓ แห่ง และมสี ระ
นา้ ส่วนบุคคลเพ่ือใชใ้ นการเกษตร ๔๒ แหง่

๓. ปา่ ไม้/ป่าชมุ ชน มีป่าชุมชน ๑ แหง่ เน้ือท่ี ๑๑๐ ไร่ และป่าตน้ น้า ๒

แหง่ เนอ้ื ท่ี ๒๐ ไร่ ปา่ ท้งั สองแหง่ อุดมสมบูรณ์ดี

๔. ทรัพยากรธรรมชาตอิ น่ื ๆ เชน่ เหด็ ทีอ่ อกตามฤดูกาลในปา่ ทอ่ี ุดมสมบูรณ์
และตามแมน่ า้ ลาคลองธรรมชาติในหมูบ่ า้ นยงั มี กุ้ง หอย ปู ปลา ทีช่ าวบา้ นสามารถนามาประกอบ
อาหาร ลดรายจ่ายในครัวเรอื นได้อีกทางหน่ึง

๑.๕ สภาพทางเศรษฐกจิ ของหมบู่ า้ น
๑. ประชากรส่วนใหญป่ ระกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม โดยมอี าชีพหลักคือการทา

นา จานวน ๑๒ ครัวเรอื น ทาไร่ จานวน ๔๕ ครวั เรอื น อาชีพเสรมิ ได้แก่ การทอผา้ กะเหรี่ยง
จานวน ๔๐ ครวั เรือน รายได้เฉลีย่ ของราษฎรในหมู่บ้าน ๕๕,๐๑๗ บาท/คน/ปี (ขอ้ มลู ตาม จปฐ.
ปี ๒๕๕๙) รายได้รวมของหมูบ่ ้าน (GVP) ประมาณ ๑๓,๑๒๕,๔๐๐ บาท/ปี รายจา่ ยรวมของ
หมบู่ ้านประมาณ ๑๑,๖๓๙,๔๒๐ บาท/ปี

กราฟแสดงการประกอบอาชีพของประชาชน 17%

รำ ส ง ำร ร บ ำ ง ร ำ น

6% 14%

63%

ทำนำ ทำไร่ ทำสวน รับจ้ำง

๑.๖ โครงสรา้ งพ้นื ฐานและสาธารณปู โภค
๑. การคมนาคมในหมู่บา้ น เส้นทางที่ใชใ้ นการคมนาคมมีท้งั หมด ดงั นี้
- ถนนลาดยางทางเข้าหมู่บ้าน ๑ เส้น ระยะทาง ๑.๗๕๐ กโิ ลเมตร
- ถนนคอนกรเี สริมเหล็กในหม่บู า้ น ๑ เสน้ ๓ ซอย ระยะทาง ๑.๕๐๐

กโิ ลเมตร
- ถนนคอนกรีตเสริมเหล็กเพ่ือการเกษตร ๒ เสน้ ระยะทาง ๓๐๐ กิโลเมตร
- ถนนดนิ เพ่ือการเกษตร ๒ เส้น ระยะทาง ๑๕ กิโลเมตร

๒. สาธารณูปโภค ดงั นี้
- มไี ฟฟ้าใช้ ๖๕ ครวั เรือน
- ใช้น้าประปา ๖๕ ครวั เรือน
- มบี อ่ บาดาล ๒ บ่อ
- มีอ่างเก็บน้าไว้ใช้ทาการเกษตร ๑ แห่ง
- มสี ระนา้ สาธารณะ ๑ แหง่

๑.๗ การสาธารณสขุ
ในหมู่บ้านมีอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ า้ น (อสม.) จานวน ๑๐ คน ทา

หน้าทบ่ี ริการประชาชนด้านสาธารณสุขเบอ้ื งต้น โดยพบวา่ ชาวบา้ นเปน็ โรคความดนั โลหิตสงู จานวน
๒๘ ราย โรคเบาหวาน จานวน ๕ ราย และผพู้ ิการ จานวน ๔ ราย ใชว้ ธิ ีรักษาโดยการไปพบ
แพทย์ทโ่ี รงพยาบาลพบพระ และโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตาบลช่องแคบ

๑.๘ การศกึ ษา
โรงเรียน ในหมู่บ้านมี ๑ แห่ง คือ โรงเรียนบ้านทกี ะเป่อ สอนต้ังแตช่ ้นั อนุบาลถึง

ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ มีนักเรียนจานวน ๘๙ คน ครู ๕ คน ผ้อู านวยการ ๑ คน
ระดับการศกึ ษาของราษฎรในหมูบ่ า้ น กาลังศึกษาอยูร่ ะดบั ช้ันอนุบาลเดก็ เลก็

จานวน ๑๒ คน ระดบั อนุบาล จานวน ๑๑ คน ระดบั ชนั้ ประถมศึกษา จานวน ๓๑ คน
ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาตอนต้น จานวน ๑๗ คน ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ๖ คน ระดบั ช้นั
ปวช. จานวน ๒ คน ระดบั ชั้น ปวส. จานวน ๑ คน ระดบั ปริญญาตรี จานวน ๒ คน จบ
การศึกษาระดบั ชน้ั ประถมศึกษา จานวน ๕๕ คนระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ จานวน ๔๒ คน
ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน ๖ คน และระดับปริญญาตรี จานวน ๘ คน

๑.๙ ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี ีวิต และความเช่ือ
ราษฎรในหมบู่ า้ นส่วนใหญน่ ับถือศาสนาพทุ ธ ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ ของ

ชาวบา้ นในปจั จุบนั ซึง่ ได้แก่ ประเพณสี งกรานต์ ลอยกระทง เขา้ พรรษา ออกพรรษา สะเดาะ
เคราะห์สบื ชะตาหมู่บ้าน ประเพณีแห่ตงุ เป็นตน้

๑.๑๐ การเมือง การปกครอง
การปกครองในหมูบ่ ้านมี ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ การปกครองส่วนท้องทโี่ ดยมผี ู้ใหญบ่ ้านและ
คณะกรรมการหมู่บา้ น ส่วนท่ี ๒ การปกครองส่วนท้องถ่ิน ปกครองโดยองค์การบริหารส่วนตาบล
ช่องแคบ มีสมาชิกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล จานวน ๑ คน มาจากการเลอื กตั้งเปน็ ตัวแทนของ
หม่บู า้ นในการดูแลปัญหาความเดือนร้อนของประชาชน

๑.๑๑ สถานท่ีสาคญั /ศาสนสถานในหมบู่ า้ นทปี่ ระชาชนนบั ถอื
๑. เจดยี ์ทราย ในหมบู่ ้าน ๑ แห่ง
๒. สถานธรรม ในหม่บู า้ นมี ๑ แห่ง คือ สถานธรรมจ่ันตา๋

2. กลุ่มองคก์ รในชมุ ชน

2.1 กลุ่มแม่บ้าน เร่ิมก่อต้งั ขึ้นเม่อื วนั ที่ ๙ เดอื นมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ปจั จุบนั มสี มาชิก ๔๐ รายโดยมี นางอริสา มูลอาร์ เปน็ ประธาน นางนอ้ ตื้อโพ เทากมลเดช เป็น
รองประธาน มีการบริหารจัดการกลมุ่ มีการออมเงนิ ยอดปจั จุบนั จานวน ๕๐,๐๐๐ บาท
ตลอดจนการส่งเสริมกิจกรรมตา่ งๆ ของชุมชนเน้นการทางานเปน็ ทมี เชิงลงแขก

2.2 กลุ่มสตรี เริ่มก่อตั้งขน้ึ เมือ่ วนั ที่ ๑ เดอื นกนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ปัจจบุ นั มี
สมาชกิ ๔๐ ราย โดยมี นางณฐั าพร อ่อมฤทธิ์ เป็นประธาน นางเนาะจะพอ ชนะบุญ เป็นรอง
ประธาน นางสาวราตรี เทากมลเดช เป็นเลขานุการ นางอรสิ า มลู อาร์ เปน็ เหรญั ญกิ เพอ่ื ให้
สอดคลอ้ งกับแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ในการพัฒนาคณุ ภาพสตรี ให้มคี วามพรอ้ ม
เกย่ี วกับคุณลักษณะส่วนตัว ชีวิตในครอบครัว และการมีสว่ นรว่ มในสงั คม โดยการกระตุ้นให้สตรมี ี
ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ ตลอดจนการวางแผนยกระดับอาชพี ใน
หมู่บ้าน เป็นแกนนาของการขบั เคลือ่ นการพัฒนาสตรีในหมบู่ า้ น

2.3 กลุม่ เยาวชน เรม่ิ ก่อตั้งขนึ้ เมื่อวนั ท่ี ๙ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗
ปัจจบุ ันมสี มาชิก ๕๗ ราย โดยมี นายธีรเดช เชดิ ชชู าติไทย เป็นประธาน นางสาวบุณยนุช เทา
กมลเดช เป็นรองประธาน นางสาวปัถยา เพชรจันทรา เป็นเลขานกุ าร นายถนติ พงศ์ชนะธรรมา
เป็นเหรญั ญกิ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือให้เยาวชนเสรมิ สร้างความสามคั คี ลดปญั หาทางสังคม อาทิ
เช่น ปญั หายาเสพติด ปัญหาเดก็ แว้น ปญั หาครอบครวั และที่สาคัญเปน็ การเสริมสรา้ งการทางาน
เปน็ ทมี อย่างเป็นระบบใหเ้ ยาวชนมีคุณภาพชีวิตทีด่ ีในการดารงชพี ในสงั คม เป็นการสนบั สนุนให้
เยาวชนรจู้ ักหลกั การบรหิ าร/การครองตน/การครองคน และการครองงานอย่างย่ังยนื

2.4 กลุม่ อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เรม่ิ ก่อตง้ั ขน้ึ เมื่อวันท่ี ๒๐ เดือน
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ปัจจุบนั มสี มาชิก ๑๐ ราย โดยมี นางเพญ็ ศรี กัณทะวงษ์ เป็นประธาน นางอรนิ
ดา อดุ มกลวุ ารี เปน็ รองประธาน จดั ตัง้ กลุ่มขึ้นเพือ่ ตอบสนองความต้องการของประชาชนในการ

บรกิ ารดา้ นสาธารณสุข เป็นกลไกการดูแลครอบครวั สคู่ รวั เรอื น อาทเิ ชน่ การออกให้ความรู้คนใน

หมู่บา้ นใหต้ ระหนักถึงการดูแลสุขภาพท้งั ด้านการบริโภคอาหาร การออกกาลงั กาย ตลอดจนการ

ปฏบิ ตั ิตนอยา่ งถูกสขุ อนามยั ซง่ึ เป็นการลดปัญหาการเจ็บป่วยไดเ้ ป็นอยา่ งดแี ละมีประสิทธภิ าพ

โดยเฉพาะการรกั ษาสง่ิ แวดล้อมท่วั ท้ังหม่บู ้านในการเป็นแกนนาให้กับเด็กๆ เยาวชน และชาวบ้านใน

การเก็บขยะทาลายแหล่งเพาะพนั ธุ์ลูกนา้ ยุงลายในทุกเดือนๆ ละหนึง่ คร้งั เป็นอยา่ งน้อย

2.5 กลุม่ วิสาหกิจชมุ ชน มีจานวน ๒ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผา้ ทอกะเหรี่ยงบา้ นที

กะเป่อ และกลุม่ เลย้ี งหมู ซึ่งเปน็ กล่มุ ท่ีมีการขบั เคลื่อนกิจกรรมอย่างตอ่ เนื่อง เช่น

2.5.1 กลุ่มผา้ ทอกะเหร่ียงบา้ นทีกะเปอ่ ก่อต้งั ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ มี
สมาชกิ ๔๒ คน โดยมี นางน้อตอ้ื โพ เทากมลเดช เปน็ ประธาน นางปิยนนั ท์ บารมีสมั ฤทธิ์ เป็น
รองประธาน นางอรนดิ า อดุ มกลุ วารี เป็นเลขานกุ าร ตอ่ มาปี พ.ศ. ๒๕๕๗ หนว่ ยงานพัฒนา
ชุมชนอาเภอพบพระ ไดเ้ ขา้ มาจดั ตั้งกลุ่มเบบ้โี อทอป จนได้ผ่านการประเมินเปน็ ผู้ประกอบการเพอ่ื
สังคมตามโครงการการพฒั นาศักยภาพเครือขา่ ย ผู้ผลิต ผปู้ ระกอบการ OTOP เพ่อื สงั คม พ.ศ.
๒๕๕๘ มกี ารบริหารจดั การกลุ่ม ตลอดจนการรบั ผลิตสินค้าตามความต้องการของผบู้ ริโภค

2.5.2 กลุม่ เลีย้ งหมู กลุ่มบ้านทีกะเปอ่ มีสมาชกิ ทง้ั สิน้ ๔๐ ครวั เรอื น กรม
พฒั นาสงั คมและสวัสดิการศูนยช์ าวเขาดอยมูเซอ สง่ เสริมการเลี้ยงหมใู นครวั เรือน และสนับสนุน
งบประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท เพ่อื เป็นทุนในการเลย้ี งหมู โดยมเี จา้ หนา้ ทีป่ ศสุ ัตว์อาเภอพบพระคอย
ให้คาปรกึ ษาในการฉดี วคั ซีนตลอดจนการลงพืน้ ท่ีให้บริการซดี วคั ซีนให้สตั ว์ในหมบู่ ้าน/ชุมชน

2.6 กล่มุ กองทนุ แมข่ องแผน่ ดิน เร่มิ ก่อตง้ั ข้ึนเมื่อวนั ที่ ๑๒ เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
ในนามกองทนุ เฝ้าระวงั ปอ้ งกันปญั หายาเสพติดบ้านทีกะเป่อ แรกเร่ิมมีสมาชิก ๑๖๓ คน สมาชกิ
ทกุ คนในครัวเรอื นยินดบี ริจาคเงินเปน็ ทุนศรทั ธา ๑ บาท /คน/สัปดาห์ (ตามมติทีป่ ระชุมเห็น
ร่วมกนั ) มที นุ ศรัทธา ๒๘,๙๑๗ บาท มีคณะกรรมการ ๙ คน โดยมี นางสาวราตรี เทากมล
เดช เป็นประธาน นายอนชุ า อนันต์อาจหาญ เปน็ รองประธาน และนางอรนดิ า อุดมกลุ วารี เป็น
เลขานุการ มเี ป้าหมายเพื่อป้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพติดและเพื่อเอาชนะยาเสพตดิ ต่อมาได้
เปลยี่ นช่อื เปน็ กองทนุ แม่ของแผน่ ดนิ เม่อื วนั ท่ี ๑๘ เดอื นธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ และได้รบั เงินขวัญ
ถงุ พระราชทานเม่ือวนั ที่ ๓ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๘ ปัจจุบันมสี มาชิก ๑๙๗ คน ๕๐
ครวั เรอื น มที นุ ศรัทธา ๔๕,๓๒๓ บาท และมคี รวั เรอื นทไ่ี ดร้ ับการรบั รองเป็นครัวเรือนปลอดยาเสพ
ตดิ จานวน ๕๐ ครวั เรอื น จากกองอานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๓ ส่วนแยก ๑ เมื่อ
วันท่ี ๑๖ เดือนสงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

3. เงินกองทุนของชมุ ชน

3.1 กองทนุ แกไ้ ขปัญหาความยากจนบา้ นทีกะเป่อ เร่ิมก่อตัง้ ขึน้ เมื่อปี พ.ศ.
๒๕๓๙ มสี มาชิกกลมุ่ จานวน ๖๕ ครัวเรือน โดยมี นางสาวราตรี เทากมลเดช เป็นประธาน
นางอรนิดา อุดมกลุ วารี เปน็ รองประธาน นางสาวอรทัย หตั ถศกั ดวิ์ ิไล เปน็ เลขานุการ นางสาว
จันทร์นภิ า โชตชิ ว่ งเกษตร เปน็ เหรัญญกิ เพ่ือแกไ้ ขปัญหาความยากจนของครัวเรอื นยากจน และ
ยกระดบั คุณภาพชวี ิตของประชาชนในหม่บู ้าน สมาชกิ ครัวเรือนเป้าหมายมาจากขอ้ มลู จปฐ. โดย
รัฐบาลสนบั สนนุ เงนิ จานวน ๒๘๐,๐๐๐ บาท กรรมการกองทนุ กข.คจ. ประจาหมบู่ ้านคดั เลอื ก
และจดั ลาดับครวั เรือน จัดทาบญั ชีทะเบียนครวั เรือน ปัจจบุ ันการบรหิ ารจัดการของคณะกรรมการ
กองทนุ กข.คจ. หม่บู ้านมเี งินหมุนเวยี น จานวน ๓๒๔,๓๓๑.๕๗ บาท

3.2 กองทุนหม่บู า้ นทกี ะเป่อ เร่มิ กอ่ ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ปจั จบุ นั มสี มาชกิ
กลุ่ม จานวน ๗๙ ราย โดยมี นางสาวราตรี เทากมลเดช เป็นประธาน นางปยิ นนั ท์ บารมี
สมั ฤทธ์ิ เป็นรองประธาน นางอรนิดา อุดมกุลวารี เป็นเลขานุการ นางสาวอรทัย หัตถศักด์วิ ิไล
เป็นเหรญั ญกิ สถานภาพกองทนุ มีความมัน่ คง มีการดาเนินกจิ กรรมของกลุ่มอยา่ งต่อเน่ือง เพ่ือ
เสริมสรา้ งการออมเงนิ ด้วยวิธกี ารฝากเงินออมแบบรายปีๆ ละ ๒๔๐ บาท/คน ปัจจบุ ันมเี งินออม
จานวน ๑๕๐,๙๐๓ บาท เปน็ แหล่งเงินทุนหมนุ เวยี นให้กับสมาชกิ ในการกู้ยมื เพ่อื การลงทนุ ประกอบ
อาชพี หลกั และอาชีพเสรมิ จากการสนับสนุน เงนิ ของภาครัฐ ระยะท่ี ๑ จานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐
บาท ระยะท่ี ๒ จานวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ระยะท่ี ๓ จานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเปน็
จานวนทงั้ สิน้ ๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท ปจั จบุ นั การบริหารจดั การกองทนุ หม่บู า้ นมีเงนิ หมุนเวียน จานวน
๒,๔๒๒,๑๘๒.๗๖ บาท

3.3 กลุ่มออมทรัพยเ์ พ่ือการผลติ เร่ิมก่อตัง้ ขนึ้ เมอื่ วนั ท่ี ๒๖ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.
๒๕๕๗ มสี มาชกิ จานวน ๖๕ คนโดยมี นายยงยุทธ เพชรจนั ทรา เป็นประธาน นางอรนดิ า
อดุ มกุลวารี เปน็ รองประธาน นางสาวราตรี เทากมลเดช เป็นเลขานกุ าร นางสาวจันทร์นิภา โชติ
ชว่ งเกษตร เปน็ เหรัญญกิ สถานภาพกองทนุ มีความม่ันคง มีการดาเนินกิจกรรมของกลุ่มอย่าง
ตอ่ เนอ่ื ง เพอ่ื เสรมิ สรา้ งการออมเงินด้วยวธิ ีการฝากเงินออมแบบรายเดือนๆ ละ ๓๐ บาท เพ่ือ
มุ่งเน้นหลักการออมเงนิ ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นการสง่ เสรมิ ระบบเงินทนุ
หมนุ เวยี น เพอ่ื กระตุ้นระบบเศรษฐกจิ ฐานรากของหมู่บ้านให้มคี วามมนั่ คงย่งั ยนื ปจั จบุ ันมีเงนิ
หมุนเวยี นในหมู่บา้ น จานวน ๕๕,๕๑๐ บาท

4. ศกั ยภาพของชมุ ชน

การวิเคราะห์ศกั ยภาพชุมชน เพื่อกาหนดตาแหนง่ ของหมู่บา้ น/ชมุ ชนและให้นาไปสู่ทิศ
ทางการพัฒนาหมบู่ ้านทย่ี ง่ั ยืน

จุดแขง็
๑. มีปา่ ชมุ ชนท่อี ุดมสมบรู ณ์
๒. คณะกรรมการหมบู่ า้ นใหค้ วามร่วมมอื มีความสามคั คี เสียสละเพอื่ สว่ นรวม
๓. มชี ุดรักษาความปลอดภยั หมูบ่ า้ นที่เข้มแขง็
๔. เยาวชนมีความสามารถพัฒนาชุมชน ชุมชนปลอดยาเสพตดิ
๕. มกี ารจดั ระบบการบรหิ ารงานในชุมชนที่ดี
๖. มีกลุม่ ออมทรัพยท์ ี่เข้มแขง็
๗. มีกลุม่ ทอผา้ กะเหรย่ี งรักษาวฒั นธรรมประเพณี
จดุ อ่อน
๑. ระบบไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อความตอ้ งการของชาวบ้าน เชน่ กระแสไฟฟ้าตก
บอ่ ยคร้ัง
๒. ไมม่ บี อ่ ขยะภายในหม่บู า้ น
๓. ระบบนา้ ไม่เพยี งพอต่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตร
โอกาส
๑. หน่วยงานทุกภาคส่วนให้การช่วยเหลือสนับสนุนอย่างสม่าเสมอ อาทิ อาเภอ ,
สาธารณะสขุ , เกษตร, ปศุสัตว์ ,พฒั นาชมุ ชน ,อบต. ,ทหาร ,สสส. เป็นต้น
๒.หน่วยงานภาคเอกชน อาทิ บริษัทซีพี บริษัทปุ๋ยยาต่างๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือร่วม
กจิ กรรมหมบู่ ้าน
อปุ สรรค
๑.ประชากรบางส่วนขาดความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาตนเอง สิ่งจูงใจกระตุ้นให้
ตื่นตวั ในการพัฒนาอยา่ งไมเ่ พยี งพอ
๒.แรงงานต่างดา้ ว ที่มาพรอ้ มกับปญั หาต่างๆ อาทิ โรคติดต่อ อาชญากรรม เปน็ ตน้

5. ปญั หาท่ีสาคัญของชุมชน

ปญั หาท่สี าคญั ของชมุ ชนบา้ นทีกะเป่อ ไดแ้ ก่
5.1 นา้ อปุ โภคบรโิ ภค/นา้ เพื่อการเกษตรยังไมเ่ พยี งพอ

5.2 ถนนเพือ่ การเกษตรยังไมท่ ั่วถงึ และสะดวกโดยเฉพาะในฤดูฝน
5.3 เอกสารสิทธ์ิท่ีในท่ดี ินทากินยงั มีน้อย

5.4 ราคาพืชไรต่ กตา่

6.ผู้นาชมุ ชน ผูใ้ หญ่บา้ น
ผ้ชู ่วยผ้ใู หญ่บา้ น ฝ่ายปกครอง
6.1 นางสาวราตรี เทากมลเดช ผูช้ ว่ ยผู้ใหญบ่ ้าน ฝ่ายปกครอง
6.2 นายอนุชา อนันตอ์ าจหาญ ผูช้ ่วยผใู้ หญ่บา้ น ฝ่ายรักษาความสงบ
6.3 นางอรนิดา อุดมกุลวารี สมาชกิ องค์การบริหารสว่ นตาบล
6.4 นายสธุ ี เพชรจนั ทรา สมาชิกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล
6.5 นายจอทีพอ พงศช์ นะธรรมา
6.6 นายยงยทุ ธ เพชรจนั ทรา

โครงสร้างนักปกครองท้องท่ี

บ้านทีกะเป่อ หมู่ท่ี ๕ ตาบลช่องแคบ อาเภอพบพระ จงั หวดั ตาก

นางสาวราตรี เทากมลเดช
(ผใู้ หญบ่ า้ น)

นายอนุชา อนันต์อาจหาญ นางอรนิดา อุดมกลุ วารี นายสธุ ี เพชรจนั ทรา
(ผู้ช่วยฝา่ ยปกครอง) (ผู้ชว่ ยฝา่ ยปกครอง) (ผชู้ ว่ ยฝา่ ยรักษาความสงบ)

โครงสรา้ งนักปกครองทอ้ งถิ่น

นายจอทีพอ พงศช์ นะธรรมา นายยงยุทธ เพชรจนั ทรา

สมาชิกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลช่องแคบ สมาชกิ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลช่องแคบ

7. การสง่ เสรมิ อาชีพในชุมชน

หมบู่ า้ นทกี ะเป่อได้สง่ เสรมิ อาชีพทุกครัวเรือนดาเนนิ ชีวติ ตามแนวทางปรชั ญา
เศรษฐกจิ พอเพยี ง อาทเิ ช่น การปลกู พืชผักสวนครวั การเลี้ยงไก่ เล้ียงหมู การจัดทาบัญชีครวั เรอื น
หรือแม้แต่การเกบ็ ออมเงิน และในขณะเดยี วกนั ยังได้มีการสง่ เสริมการประกอบอาชพี หลักและอาชีพ
เสริมภายใต้หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงโดยการสง่ เสรมิ การลดตน้ ทุนและปัจจัยในการผลติ ดา้ น
การเกษตร

อาชพี หลัก ลดการใชส้ ารเคมีโดยวิธที างธรรมชาติ การไถกลบ การใช้ปุย๋ หมกั การ
ใช้ปุ๋ยชวี ภาพ การใช้มูลสตั ว์ และท่สี าคัญยังเสนอแนะให้บริหารจดั การอาชีพอยา่ งยงั่ ยืน คอื การทา
การเกษตรแบบผสมผสานปลูกพืชทห่ี ลากหลายตามแนวคดิ เกษตรทฤษฎีใหม่ ซ่ึงมหี นว่ ยงานเกษตร
อาเภอพบพระให้ความรู้ แก่เกษตรกร ตลอดจนลงพ้ืนทีต่ รวจสอบศัตรูพชื ไร่ และการรบั รอง
พ้ืนทแ่ี ปลงปลูกพชื ตา่ งๆให้เกษตรกรโดยมีอาสาสมัครเกษตรหมูบ่ า้ นเป็นตวั แทนประสานงานใน
หมู่บา้ น เพ่ืออานวยความสะดวกใหก้ ับราษฎร

อาชพี เสรมิ ได้มีหนว่ ยงานพัฒนาชุมชนอาเภอ จังหวัด และองค์การบริหารส่วน
ตาบลชอ่ งแคบ เขา้ มาส่งเสรมิ ในด้านของกลุ่มทอผา้ ด้วยความเปน็ ชาวเขาเผา่ กะเหรย่ี งจงึ มีภูมิปญั ญาที่
ลา้ เลศิ และ ไมแ่ พชาติใดในโลก เชน่ การผลิตผา้ ทอมอื หรือท่ีเรยี กอีกอยา่ งวา่ “กเ่ี อว” เป็นผา้ ทอมือที่
ไม่ใช้เครื่องจักร และการผลิตผา้ ทอแปรรปู คือการตัดเย็บมือท่ีเราเรียกว่า “แฮนด์เมด” ซ่งึ เป็นการ
พัฒนาผลิตภณั ฑใ์ ห้เปน็ ที่รู้จักแพร่หลายในวงการแฟชนั่ ผ้าทอ

ผ้าทอแบบดั่งเดิม

ผ้าทอแปรรปู “แฮนดเ์ มด” เดนิ โชว์ สินคา้ ณ เมืองทองธานี ๒๕๕๘

8. ประเพณีสาคญั ของชมุ ชน

8.1 ประเพณแี หต่ งุ เจดีย์ทราย
กิจกรรมแห่งการหลอมรวมจิตใจชาวเขาเผา่ กะเหรยี่ ง มีท้ังเด็กเลก็ คนชรา พ่อบา้ น แมบ่ ้าน
หรอื แมแ้ ตผ่ สู้ ูงอายุก็จะหลอมรวมกันเปน็ หนึ่งเดียวกบั วฒั นธรรมความเช่ือ บาป บญุ คุณ โทษ ที่ทกุ
คนตอ้ งช่วยกันสรา้ งบุญกศุ ล บุญบารมี เพื่อตนเอง เพื่อผูอ้ ่ืน ทง้ั ในชาตนิ ้ี และในภพหน้า เพราะเรานน้ั
มิอาจเลอื กเกิดได้ ตลอดจนการล้างบาปต่อบดิ ามารดาใตต้ ้นไทรใต้รม่ พระบารมีของพระเจดยี ์ทราย
อันคู่บ้านคู่เมืองของชนเผ่ากะเหรยี่ งทีส่ ืบทอดกนั มาชา้ นานแตบ่ รรพบรุ ุษ โดยเนน้ การแต่งกายแบบชน
เผ่า ซึ่งปจั จุบันชาวบ้านจะชว่ ยกนั จดั เตรีมทาความสะอาดสถานทเ่ี จดียท์ ราย การทักทอใบตุงจากไหม
และไผ่ และการแหท่ าบญุ ไปยงั สถานทส่ี าคญั ตา่ งๆ เช่น พระธาตเุ จดียท์ รายประจาหมูบ่ ้าน เจดยี ์
ทรายศาลเจ้าพ่อ พะวอ เจดยี ์ทรายถ้าผาโด้ พระธาตุเจดยี ์ทรายเจดยี โ์ ค๊ะ และพระธาตุเจดยี ท์ รายตาม
หม่บู ้านต่างๆ เปน็ ตน้

8.2 ประเพณงี านแตง่
ชว่ งเวลาแหง่ ความรกั อมตะ เปน็ ประเพณีหนง่ึ ที่มีข้นั ตอนวธิ กี ารท่ีซบั ซ้อนซ่ึงชนเผ่ากะเหรีย่ ง
มลี ัทธคิ วามเช่ือที่หลากหลาย กอ่ นทล่ี ัทธคิ วามเชือ่ พทุ ธศาสนาจะเข้ามาแพรห่ ลายในกลุ่มชนเผา่
กะเหร่ียงนั้น ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงมลี ัทธิความเชอ่ื มากมาย อาทิ ลัทธอิ ้อแฆะ่ ลัทธิฆ่ออเล้ิอ เป็นต้น
การแต่งงานนั้นจะต้องถือเอาประเพณที างฝ่ายหญิงทั้งหมด เริ่มจากฝา่ ยหญิงทบั ทางฝา่ ยชายกอ่ น
จากนนั้ ใหฝ้ า่ ยชายสง่ ผู้ทรงคุณวุฒมิ าสู่ขอ และกาหนดวนั เวลา สนิ สอด ตามฝา่ ยหญิงรอ้ งขอ อาจเป็น
เงนิ ตราสง่ิ ของ ทีจ่ าเปน็ ทางลัทธิความเชือ่ ที่มมี าแต่เดมิ จจุบันไดม้ ีการปล่อยวางลัทธชิ นเผา่ หันมานบั
ถือศาสนาพทุ ธอย่างแพรห่ ลายขนบธรรมเนียมก็เปลยี่ นแปลงไป แตก่ ย็ งั มอี ยู่บ้างไมไ่ ด้ปล่อยวางเสยี
ทั้งหมด

8.3 ประเพณีงานมัดมือฉมิ ื้อลาคุ และมัดมือส่ขู วัญ
วัฒนธรรมประเพณีแห่งการปลกู ขวญั และกาลังใจ ปลูกทกุ จติ วญิ ญาณ ทุก ๓๓ จิต กลับคืนสู่
ตัวตนทแ่ี ทจ้ รงิ ในรา่ งเดยี ว ชาวเขาเผา่ กะเหรี่ยงเปน็ อีกหน่ึงกลุ่มท่มี ีความเชือ่ ทางดา้ นไสยศาสตร์แต่
มิไดง้ มงายจนเกนิ ไปอยบู่ นพื้นฐานของสายกลาง
การมัดมือฉิม้ือลาคุ เปน็ เทศกาลแห่งความเปน็ สิรมิ งคลของชาวปกากะญอหรอื กะเหรี่ยงที่
ผู้ทรงคุณวฒุ ิ หัวหนา้ เผา่ พันธุ์ พ่อ แม่ ปู่ ยา่ ตา ยาย จะประทานพรแก่ลูกหลานให้มชี ีวิตความเปน็ อยู่
ทปี่ ราศจากทกุ ขภ์ ัยอันตราย จงมีแต่ความสุขความโชคดมี ชี ัยเหนือมารตลอดปี ซึ่งเทศกาลนจี้ ะจัดข้ึน
ในทุกๆ ปีของเดอื นสงิ หาคม ปลี ะ ๑ คร้ัง เทา่ น้ัน
การมดั มือสู่ขวัญ โดยท่ัวไปแล้วจะนยิ มมดั ปีละ ๑ ครงั้ ต่อคน หรอื อาจมากกว่าหนง่ึ ครั้งก็
ได้ หากมเี หตสุ มควร เช่น เจบ็ ปว่ ยบ่อยคร้ัง โชครา้ ย ดวงตก เป็นต้น ซึง่ เป็นการมัดมือเสริมดวงต่อ
ชะตา โดยใชห้ มอผีประจาหมู่บา้ นทีช่ าวบ้านใหก้ ารเคารพนับถอื เป็นผปู้ ระกอบพธิ ี และแขกอาวโุ สใน
หม่บู ้านมารว่ มการมดั มือส่ขู วัญให้

8.4 ประเพณีควั่ ข้าวทิพย์
วัฒนธรรมแหง่ การเสรมิ สร้างบุญท่ีมคี วามโดดเด่นทางด้านการให้ทาน คือการบริจาค
แจกจ่ายข้าวทิพยใ์ ห้กับผอู้ นื่ ซึง่ ประกอบดว้ ยผ้ใู ห้ และผู้รบั ให้ใน ณ ทน่ี ค้ี ือ เจ้าภาพผรู้ ่วมกันจัดงาน
และบรจิ าคทรัพย์อันเป็น ขา้ วเหนียว,นา้ ,นา้ ตาล,น้ามนั ,กระเทียม,ถวั่ ลสิ ง,มะพรา้ ว,งาดา,งาขาว,ขงิ
และเมลด็ พรกิ ไทย ผรู้ ับคือผเู้ ปน็ แขกทมี่ ารว่ มงานเพื่อนาข้าวทิพยก์ ลบั ไปให้ครอบครวั กินเพอื่ เปน็ สริ ิ
มงคลแกช่ วี ิต การค่วั ข้าวทิพย์ต้องมีพิธกี ารขนึ้ ครูเสน้ ไหว้ดว้ ยเครื่องหมาก ยาสบู และผู้มารว่ มงานต้อง
ควั่ วนคนละ ๓ รอบ ข้ึนไป การปรุงขา้ วทิพยน์ ้นั นอกจากสว่ นประกอบเคร่ืองปรงุ ข้างต้นแล้วยังมีเงิน
เหรยี ญใสล่ งไปดว้ ย เพื่อเป็นเงนิ ขวัญถุงให้กับผู้มีโชค เป็นต้น

8.5 ประเพณงี านศพ
วัฒนธรรมประเพณีท่ีสบื ทอดกนั มาแต่บรรพบรุ ษุ แสดงถงึ ความเคารพ ความอาลัย เป็นอกี
หนงึ่ พธิ กี รรมทางชนเผา่ ท่ีมีความซับซ้อน และยืดเย้ือนานที่สดุ โดยท่วั ไปแลว้ นิยมจัดพิธีเปน็ เวลา ๓
วนั ๓ คนื ซง่ึ แตล่ ะคนื จะต้องประกอบพธิ กี ารชท้ี างแหง่ แสงสวา่ งผา่ นพธิ กี รรมรอ้ งเพลง พธิ กี รรมขน้ึ
หมากกระดาน จนถึงรงุ่ อรุณปฏิบตั ิเชน่ นีเ้ ป็นเวลา ๓ คนื และวนั สดุ ท้ายจะต้องประกอบพธิ ีสง่ ดวง
วิญญาณผ่านการละเล่นลาวกระทบไม้ไผ่ ๕ กระบวนท่า ในเชา้ วันรุ่งขนึ้ ของวันที่ ๔ คือวันไว้ทุกข์ ซึ่ง
เป็นการไวอ้ าลยั ครัง้ สุดท้ายท่ีทกุ คนจะตอ้ งหยดุ การทางานภารกิจต่างๆ หรือในอกี กรณีหนึง่ คือ ๗ วัน
๗ คืน ซึง่ กรณนี จ้ี ะทากต็ อ่ เมือ่ ผูต้ าย ไดส้ ่ังเสยี ไวเ้ ท่านน้ั เพราะคาสง่ั เสยี ของผู้ตายนนั้ จะขัดมิได้ถือเป็น
ความหายนะทีจ่ ะมาสู่ลูกหลาน ปัจจบุ ันมกี ารประกอบพธิ ีกรรมงานศพแบบผสมผสานไปกับทาง
ศาสนาพุทธท่ีมีความกลมกลืนในอกี หนง่ึ มมุ มองของลทั ธคิ วามเชอื่ ของชาวเขาเผ่ากะเหรย่ี ง



8.6 ประเพณเี ลีย้ งผีพระแม่ธรณี หรอื ผตี น้ น้า
วัฒนธรรมแหง่ การถา่ ยทอดเจตนาของมนุษยช์ นเผา่ สู่พระแม่ธรณี ชาวเขาเผ่ากะเหรย่ี งมักต้งั
ถิน่ ฐานบา้ นเรอื นอยู่ตามริมน้าเพ่ือการอปุ โภคบริโภค และในขณะ เดียวกันกม็ ีการทานบุ ารุงรักษาไว้
เพอ่ื การลอ่ เลี้ยงชวี ติ เล็กๆของมนษุ ยช์ นเผ่า การแสดงความเคารพสกั การะดว้ ยเคร่ืองบูชา เชน่ หมู่ ไก่
เหลา้ ขาว หมาก ยาสบู ลว้ นแลว้ แต่เปน็ การแสดงออกถงึ การนอ้ มราลึกถงึ พระคุณพระแม่ธรณี เพราะ
น้าคอื ชวี ติ ทหี่ ลอ่ เลยี้ งทุกสรรพส่ิงบนโลกใบน้ี การบูชาในแต่ละคร้ังผทู้ ่จี ะประกอบพิธีน้นั คือผทู้ ีท่ า
หน้าท่ถี ่ายทอดตาแหน่งผเู้ ป็นเจ้าแหง่ นา้ ซงึ่ ตาแหน่งน้ีจะถูกแตง่ ตงั้ ขนึ้ ตามความเหมาะสมของผู้อาวโุ ส
และตอ้ งเปน็ ผูช้ ายเพยี ง 2 คนเท่านัน้ โดยมี นายสธุ ี เพชรจนั ทรา เปน็ หวั หนา้ เจ้าแห่งน้า และ นาย
พิทกั ษ์ วรพจนค์ ีรี เปน็ รองเจ้าแหง่ น้า

8.7 ประเพณเี ลยี้ งผพี ระแม่โพสพ หรอื ผีนาข้าว
ลว้ นแลว้ แต่เป็นวัฒนาธรรมประเพณีทเ่ี ราอนุรกั ษ์ไว้มใิ ห้ศูนยห์ ายไปจากชนเผ่า

ตลอดจนการทอผ้าพ้นื บา้ นตามหลกั ภมู ิปญั ญาท้องถิ่นท่ผี ้เู ป็นแม่บทต้องถา่ ยทอดวิชาความรู้อันเปน็
ศาสตรแ์ ละศลิ ปให้กบั ลูกหลาน เพื่อสรา้ งงานสร้างอาชีพเสรมิ ในการใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ ซึง่
ปัจจุบันพัฒนาชุมชนอาเภอ/จังหวดั ได้สง่ เสริมการจัดทาพิพธิ ภณั ฑก์ ะเหรี่ยงขน้ึ เพ่ือถ่ายทอดประวตั ิ
ความเป็นมาของชนเผ่าชาติพันธห์ุ น่ึงในองคป์ ระกอบของความเป็นไทยอกี หนึง่ ศาสตรท์ ี่น่าศึกษา
เรยี นรู้ มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ไมแ่ พใ้ ครในชาตเิ ลย


Click to View FlipBook Version