ระดั บชั้ น บทละคร รายวิ ชา
มั ธยมศึ กษาปี ที่ ๕/๓ ประวั ติ วรรณคดี ฯ
อุ ณรุ ทร้ อยเรื่ อง
นำเสนอโดย
๑๙. ณั ฐนิ ชา มณี รั ตน์ ๒๐.กั ญทิ มา จั นตรี พล ๒๓.ชิ ษณุ พงษ์ ภั ทรวั งฟั า
๒๔.ถิ รคุ ณ ดำอมร ๒๘.ณั ฐนั นท์ แซ่ อื้ อ ๓๔.สุ พั ตตรา ภู ลายศรี
แขกรั บเชิ ญ
๑.ภี มเดช สวั สดิ์ พั นธ์ ๗.สุ รวุ ฒิ มุ กข์ น้ อย
สารบั ญ
ประวั ติ ความเป็ นมา รู ปแบบคำประพั นธ์ คุ ณค่ า
๒ ๔ ๖
๑ ๓ ๕ ๗
ผู้ แต่ งและสมั ยที่ แต่ ง จุ ดมุ่ งหมายในการแต่ ง เนื้ อเรื่ องโดยสั งเขป ตั วอย่ างบทประพั นธ์
คำถามพิ ชิ ตคะแนน
๙-๑๓
๑๔
๘
เฉลย รสวรรณคดี / ศั พท์ควรรู้
ผู้ แต่ งและสมั ยที่ แต่ ง
คุ ณสุ วรรณ [กวี หญิ ง]
( ไม่ มี การบั นทึ กประวั ติ ไว้ แน่ ชั ด )
สมั ยรั ชกาลที่ ๓
พระบาทสมเด็ จพระนั่ งเกล้ าเจ้ าอยู่ หั ว
๑
ประวั ติ ความเป็ นมา
อุ ณรุ ทร้ อยเรื่ อง เป็ นกลอนบทละครที่ แต่ งขึ้ น
เพื่ อความสนุ กสนาน เน้ นความตลกขบขั น
ของเนื้ อหาเป็ นหลั ก แต่ งขึ้ นเพื่ อการอ่ านมิ ได้
มี จุ ดมุ่ งหมายในการแสดงละครแต่ อย่ างใด
กวี ได้ นำตั วละคร จากวรรณคดี เรื่ องต่ างๆนาๆ
มาเรี ยบเรี ยงเป็ นเรื่ องเดี ยวกั นโดยใช้ สำนวน
ภาษาที่ ไพเราะ เป็ นที่ รู้ จั กกั นอย่ างแพร่ หลาย
ในยุ คนั้ น เหตุ ที่ เรี ยกวรรณคดี เรื่ องนี้ ว่ า
อุ ณรุ ทร้ อยเรื่ อง เพราะวรรณคดี เรื่ องนี้ ขึ้ นต้ น
ด้ วยตั วละครชื่ อ อุ ณรุ ท และมี การเอ่ ยถึ งตั วละคร
จากวรรณคดี จำนวนมาก โดยมี ตั วละครนั บได้
๑๔๔ ตั ว และมาจากวรรณคดี เรื่ องต่ างๆ ถึ ง ๕๑
เรื่ อง โดยมากเป็ นตั วละครจากวรรณคดี เรื่ อง
ต่ างๆ ที่ รู้ จั กกั นดี เช่ น จากเรื่ อง พระอภั ยมณี
รามเกี ยรติ์ อิ เหนา ไกรทอง เป็ นต้ น นั บเป็ น
แนวทางการแต่ งวรรรคดี ที่ มี ความแปลกใหม่
๒
จุ ดมุ่ งหมายในการแต่ ง
แต่ งขึ้ นสำหรั บ
อ่ านเพื่ อความบั นเทิ ง
๓
รู ปแบบคำประพั นธ์
แต่ งด้ วยกลอนบทละคร
คื อ กลอนที่ แต่ งขึ้ นเพื่ อใช้ ในการแสดงละคร หลั กเกณฑ์ ในการแต่ ง ซึ่ ง
โดยทั่ วไปเหมื อนการแต่ งกลอนสุ ภาพแต่ แต่ ละวรรคมี คำได้ ตั้ งแต่ ๖-๙ คำ
การนั บกลอนบทละครจะนั บเป็ นคำกลอน นั่ นคื อ ๒ วรรคเท่ ากั บ ๑ คำกลอน
การจะใช้ คำมากน้ อยขึ้ นอยู่ กั บทำนองร้ องเป็ นสำคั ญ
๔
เนื้ อเรื่ องโดยสั งเขป
เนื้ อเรื่ องเป็ นแบบนิ ทานจั กร ๆ วงศ์ ๆ ทั่ วไป แต่ นำตั วละครและ
เรื่ องราวจากวรรณคดี เรื่ องต่ างๆ มาประมวลไว้ ด้ วยกั น เริ่ มด้ วยพระอุ ณรุ ท
ซึ่ งมี ชายาชื่ อนางจั นที แค้ นใจที่ อิ เหนากั บนางสุ วรรณมาลี นำนางจั นสุ ดา
ไปให้ แก่ พระสมุ ทจึ งยกทั พไปรบ ต่ อจากนั้ นมี บทพรรณนาการรบ
การแปลงกาย การเกี้ ยวพาราสี บทโกรธ บทโศกคร่ำครวญ บทต่ อว่ าเยาะเย้ ย
เรื่ องจบลงที่ วายุ บุ ตรต้ องศรพระรามแล้ วปากทั้ งสิ บร้ องสั่ งเสี ยผู้ เป็ นลู ก
๕
คุ ณค่ า
คุ ณค่ าทางเนื้ อเรื่ อง
บทละครเรื่ องอุ ณรุ ท มี โครงเรื่ องและเนื้ อเรื่ องที่ สนุ ก
เนื้ อเรื่ องสำคั ญก็ คื อ การปราบท้ าวกรุ งพาณ นารายณ์
อวตารสุ จิ ตราลงมาเกิ ด
คุ ณค่ าด้ านวรรณศิ ลป์
มี เนื้ อเรื่ องเกี่ ยวกั บกษั ตริ ย์ กลวิ ธี การดำเนิ นเรื่ องจึ งยึ ด ๖
รู ปแบบอย่ างเคร่ งครั ด อากั ปกิ ริ ยาของตั วละครต้ องมี
สง่ า มี ลี ลางดงามตามแบบแผนของละครใน
การบรรยายและการพรรณนามี ความละเอี ยดชั ดเจน
ทำให้ เกิ ดจิ นตภาพ
การเลื อกใช้ ถ้ อยคำดี เด่ นและไพเราะกิ นใจ การใช้ ถ้ อยคำ
ง่ าย แสดงความหมายลึ กซึ้ง
การใช้ ถ้ อยคำให้ เกิ ดเสี ยงเสนาะ คำสั มผั สในบทกลอน
ทำให้ เกิ ดเสี ยงเสนาะ มี ทั้ งสั มผั สสระและสั มผั สอั กษร
ตั วอย่ างคำประพั นธ์ที่ มี วรรณศิ ลป์
เมื่ อนั้ น
วิ มาลาอกสั่ นหวั่ นไหว
กอดบาทยุ ขั นเข้ าทั นใด
พระภู วไนยอย่ าเพ่ อโกรธา
ลู กได้ ผิ ดแล้ วอย่ าถื อโทษ
พระสุ ริ ยงค์ จงโปรดเกษา
เมื่ อข้ าประสู ติ ลู กยา
ได้ ยิ นเสี ยงโศกาจาบั ลย์
เจ็ ดนางเอาผ้ าพั นตาไว้
ภู วไนยอย่ าเพ่ อหุ นหั น
ว่ าพลางครวญคร่ำรำพั น
ศรี ประจั นไม่ เป็ นสมประดี ฯ
๗
รสวรรณคดี
วรรณคดี เรื่ องอุ ณรุ ทร้ อยเรื่ อง มี การใช้ ทุ กรสวรรณคดี ได้ แก่
เสาวรจนี คื อการกล่ าวชมความงามของตั วละครในเรื่ อง
นารี ปราโมทย์ คื อการกล่ าวแสดงอารมณ์ โศกเศร้ า อาลั ยรั ก
พิ โรธวาทั ง คื อการกล่ าวข้ อความแสดงอารมณ์ ไม่ พอใจ
สั ลปั งคพิ สั ย คื อการกล่ าวถึ งอารมณ์ โศกเศร้ า
คำศั พท์ที่ ควรรู้
จาบั ลย์ หมายถึ ง เสี ยงสะอื้ น เสี ยงคร่ำครวญ
คลาไคล หมายถึ ง ไป,เคลื่ อนไป,เดิ นไป
อหั งการ์ หมายถึ ง หยิ่ ง,ทะนงตงว่ าตนเองเป็ นใหญ่
นั ยนา หมายถึ ง ดวงตา
มุ จลิ นทร์ หมายถึ ง ต้ นจิ ก ที่ อยู่ ในป่ าหิ มพานต์
๘
คำถามพิ ชิ ตคะแนน
๑.เรื่ องอุ ณรุ ท มี ลั กษณะคำประพั นธ์ประเภทใด ?
ก.อิ นทรวิ เชี ยรฉั นท์ ๑๑
ข.โคลงสี่ สุ ภาพ
ค.กลอนบทละคร
ง.กาพย์ ฉบั ง ๑๖
๙
คำถามพิ ชิ ตคะแนน
๒.เรื่ องอุ ณรุ ท มี จุ ดมุ่ งหมายในการแต่ งเพื่ อออะไร ?
ก.แต่ งขึ้ นสำหรั บอ่ านเพื่ อความบั นเทิ ง
ข.เพื่ อใช้ เป็ นบทละครใน
ค.เพื่ อใช้ เป็ นบทละครนอก
ง.แต่ งขึ้ นสำหรั บการเป็ นบทเสภา
๑๐
คำถามพิ ชิ ตคะแนน
๓.เรื่ องอุ ณรุ ท มี ใครเป็ นผู้ แต่ งและแต่ งในสมั ยใด ?
ก.พระบาทสมเด็ จพระพุ ทธเลิ ศหล้ านภาลั ยและกวี ในสำนั ก
ข.คุ ณสุ วรรณ ในสมั ยพระบาทสมเด็ จพระนั่ งเกล้ าเจ้ าอยู่ หั ว
(รั ชกาลที่ ๓)
ค.สมเด็ จพระมหาสมณเจ้ า กรมพระปรมานุ ชิ ตชิ โนรส
ง.พระมหามนตรี (ทรั พย์ )
๑๑
คำถามพิ ชิ ตคะแนน
๔.คุ ณค่ าด้ านวรรณศิ ลป์ ที่ พบในเนื้ อเรื่ องคื อข้ อใด
ก.การดำเนิ นเรื่ องเน้ นความสบายๆไม่ เคร่ งครั ด
ข.มี เนื้ อเรื่ องเกี่ ยวกั บประชาชนทั่ วไป
ค.มี การเลื อกสรรคำที่ สละสลวย แต่ เป็ นคำยาก
ง.การใช้ ถ้ อยคำง่ าย แสดงความหมายลึ กซึ้ ง
๑๒
คำถามพิ ชิ ตคะแนน
๕.ยกตั วอย่ างวรรณดี ที่ ปรากฏในเรื่ องอุ ณรุ ท
ก.อิ เหนา
ข.ไกรทอง
ค.พระอภั ยมณี
ง.ถู กทุ กข้ อ
๑๓
เฉลย
๑.กลอนบทละคร
๒.แต่ งขึ้ นสำหรั บอ่ านเพื่ อความบั นเทิ ง
๓.คุ ณสุ วรรณในสมั ยพระบาทสมเด็ จพระนั่ งเกล้ าเจ้ าอยู่ หั ว
(รั ชกาลที่ ๓)
๔.การใช้ ถ้ อยคำง่ าย แสดงความหมายลึ กซึ้ ง
๕.ถู กทุ กข้ อ เช่ น พระอภั ยมณี ไกรทอง รามเกี ยรติ์ อิ เหนา เป็ นต้ น
๑๔
ขอบคุ ณสำหรั บ
การรั บชมและรั บฟั ง