การท่ท่ ท่ อ ท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยว เชิชิ ชิ งชิ งอนุนุ นุ รั นุ รั รักรัษ์ษ์ ษ์ ห ษ์ หรืรื รื อรื อเชิชิ ชิ งชิ งนินิ นิ เนิ เวศ (ecotourism orecotourism)
นิยามและความหมายการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ 1 แนวคิดพื้นฐานของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ 2 องค์ประกอบของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ 3 หลักการไปท่องเที่ยว"เชิงอนุรักษ์หรือเชิงนิเวศ" 4 การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีวิธีอย่างไรบ้าง 5 การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีประโยชน์ยังไง? 6 กิจกรรมที่สอดคล้องกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ 7 กิจกรรมการท่องเที่ยวแนวชายฝั่งทะเลประเทศไทย 8 10 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในประเทศไทย 9-18 สารบับัญ บั ญ บั เรื่อง หน้า
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เป็นแนวความคิดที่พึ่งปรากฏขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และยังมีการใช้คำ ภาษา อังกฤษอื่นๆที่ให้ความหมายเช่นเดียวกัน ที่สำ คัญได้แก่ Nature Tourism, Biotourism, Green Tourism เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวดังกล่าวล้วนแต่เป็นการบ่งบอกถึง การท่องเที่ยวแบบ ยั่งยืน (sustainable tourism) ซึ่งจากการประชุม Globe 1990 ณ ประเทศแคนาดาได้ให้คำ จำ กัด ความของการท่องเที่ยว แบบยั่งยืนว่า"การพัฒนาที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวและ ผู้เป็นเจ้าของท้องถิ่นในปัจจุบัน โดยมีการปกป้องและสงวน รักษาโอกาสต่างๆของอนุชนรุ่นหลังด้วย การท่องเที่ยวนี้มีความหมายรวมถึงการจัดการทรัพยากรเพื่อตอบสนองความจำ เป็นทางเศรษฐกิจสังคม และความงามทางสุนทรียภาพ ในขณะที่สามารถรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและระบบนิเวศด้วย" โดยมีลักษณะที่สำ คัญคือ เป็นการท่องเที่ยว ที่ดำ เนินการภายใต้ขีดจำ กัดความสามารถของธรรมชาติ และต้องตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของประชากร ชุมชน ขนบธรรมเนียม ประเพณี ที่มีต่อขบวนการท่อง เที่ยว อีกทั้งต้องยอมรับให้ประชาชนทุกส่วนได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการท่องเที่ยว อย่างเสมอภาคเท่าเทียม กัน และต้องชี้นำ ภายใต้ความปรารถนาของประชาชนท้องถิ่นและชุมชนใน พื้นที่ท่องเที่ยวนั้นๆ (สถานบันวิจัยวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม แห่งประเทศไทย, 2539) สำ หรับ ความหมายของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ได้มีบุคคลหรือองค์กรต่างๆให้ความหมายและคำ จำ กัดความไว้ มากมาย เป็นที่ยอมรับในระดับหนึ่งและได้รับการอ้างอิงถึงเสมอ นินินิยนิามและความหมาย การท่ท่ท่อท่ งเที่ที่ ที่ ยที่ ยวเชิชิชิงชิอนุนุนุ รั นุ รั รั กรั กษ์ษ์ ษ์ษ์ 1
สุรเชษฎ์ เชษฐมาส และดรรชนี เอมพันธุ์ (2538ข) ; สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่ง ประเทศไทย (2539) ได้กล่าวถึงแนวคิดที่เป็นพื้นฐานหรือหลักการของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยสรุปได้ดังนี้ 1. เป็นการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ (nature-based) รวมถึงแหล่งวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ซึ่งมี ความเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะถิ่น (identical or uniqe) และทรงคุณค่าในพื้นที่นั้น 2. เป็นการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ (responsibly travel) และมีการจัดการอย่างยั่งยืน (sustainable management) ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบ หรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมค่อนข้างต่ำ (no or low impact) และช่วยส่ง เสริมการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ของแหล่งท่องเที่ยวให้ยั่งยืนตลอดไป 3. เป็นการท่องเที่ยวที่มีกระบวนการเรียนรู้ (learning) และการให้การศึกษา (education) เกี่ยวกับระบบนิเวศ และ สิ่งแวดล้อมของ แหล่งท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มพูนความรู้ (knowledge) ความประทับใจ (appreciation)และประสบการณ์ (experience) ที่มีคุณค่า ซึ่งจะสร้างความตระหนักและจิตสำ นึกที่ถูกต้องทางด้านการอนุรักษ์ ทั้งต่อนักท่องเที่ยว ประชาชนท้องถิ่น ตลอดจนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง 4. เป็นการท่องเที่ยวที่นำ ไปสู่การกระจายรายได้ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ โดยคำ นึงถึงการมีส่วนร่วมของ ชุมชนท้องถิ่น(involvement of local commuity or people participation)ในภาคบริการต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดผล ประโยชน์ต่อท้องถิ่น (local benefit) มากกว่าการท่องเที่ยวที่เคยส่งเสริมกันมาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งปัจจุบันที่เรียกว่า conventional tourism ซึ่งมักจะเป็น การท่องเที่ยวแบบหมู่คณะใหญ่ๆ (mass tourism) ที่ผลประโยชน์ส่วนใหญ่มัก จะตกอยู่กับผู้ประกอบการ หรือบริษัทนำ เที่ยวเท่านั้น แนวคิคิคิดคิพื้พื้ พื้ นพื้ นฐาน ของการท่ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวเชิชิชิงชิอนุนุนุ รั นุ รัรักรัษ์ษ์ษ์ษ์ 2
องค์ค์ค์ปค์ ระกอบ ของการท่ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวเชิชิชิงชิอนุนุนุ รั นุ รัรักรัษ์ษ์ษ์ษ์ 1. ทรัพยากรการท่องเที่ยว (natural resource tourism) การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เกี่ยวข้องกับธรรมชาติที่ยังดำ รงไว้ซึ่ง สภาพดังเดิมของระบบนิเวศและวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่มีความเป็น เอกลักษณ์เฉพาะถิ่น แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ส่วนใหญ่ จึงมักปรากฏ อยู่ในพื้นที่พื้นที่อนุรักษ์ เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่า และอุทยานประวัติศาสตร์ เป็นต้น 2. นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (2540) ระบุว่านักท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์สามารถจำ แนกได้เป็น 4 ประเภทด้วยกันคือ ประเภทที่ 1 นักท่องเที่ยวแบบหัวกระทิ ประเภทที่ 2 นักท่องเที่ยวธรรมชาติแบบอุทิศตน ประเภทที่ 3 นักท่องเที่ยวธรรมชาติเป็นหลัก ประเภทที่ 4 นักท่องเที่ยวธรรมชาติตามโอกาส 3. การตลาด การตลาดนับเป็นส่วนสำ คัญในการชักจูงนักท่องเที่ยวให้ไปท่องเที่ยว โดยเป็นสื่อกลางระหว่างนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งในเชิงการตลาดจะต้องทำ ความเข้าใจให้ชัดเจนว่า การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีลักษณะอย่างไร โดยการให้ข้อมูลและสิ่งที่คาดหวังจากการท่องเที่ยว (expectation) อย่างถูกต้องแก่นักท่องเที่ยว 4. การบริการ การท่องเที่ยวซึ่งรวมถึงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ต้องการสิ่งอำ นวย ความสะดวกต่างๆ ที่จำ เป็นต่อการสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว ในขณะที่มีกิจกรรมการท่องเที่ยวแต่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นั้น ต้องการบริการที่เน้นการให้ข้อมูลข่าวสารและะการบริการเพื่อให้นักท่องเที่ยว ได้รับประสบการณ์ ความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับธรรมชาติและ วัฒนธรรมท้องถิ่นท้องถิ่น 3
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หรือเชิงนิเวศ เป็นกิจกรรมที่ให้ความสำ คัญกับการไม่ทำ ลายธรรมชาติ รวมถึง ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หรือเชิงนิเวศ มีความแตกต่างจากการท่องเที่ยวทั่วไปคือ จะให้ความสำ คัญกับการอนุรักษ์เป็นหลัก นอกจากนี้ยังมุ่งเน้น การส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่น่าสนใจของชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม หลักการไปท่องเที่ยว"เชิงอนุรักษ์หรือเชิงนิเวศ"ที่ควรปฎิบัติ 1. ไม่ทิ้งเศษอาหาร ขยะมูลฝอยลงในน้ำ ไม่เก็บก้อนหิน เปลือกหอย หรือสิ่งอื่นใดในบริเวณสถานที่ท่อง เที่ยวกลับบ้าน 2. ไม่ส่งเสียงดัง รบกวนผู้อื่นหรือสัตว์ในพื้นที่ ไม่ล่า ทำ ลาย หรือทำ อะไรที่ทำ ให้พืช สัตวฺ และสภาพ แวดล้อมเสียหาย 3. ไม่ประพฤติขัดต่อวิถีชีวิตของประเพณีนิยมของคนในท้องถิ่น โดยควรสังเกตจากการประพฤติปฏิบัติของ คนในพื้นที่ เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง รู้จักกาลเทศะอันควร 4. การท่องเที่ยวเชิงนิเวศหลายพื้นที่ มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติภัยได้ในหลากหลายรูปแบบ ก่อนเดินทาง ควรตรวจสอบสภาพอากาศและสภาพพื้นที่ จัดเตรียมอุปกรณ์และสิ่งของที่จำ เป็น เลือกสถานที่ในการเล่นน้ำ หรือดำ น้ำ ในบริเวณที่ปลอดภัย ปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือคำ แนะนำ อย่างเคร่งครัด ที่สำ คัญหากนำ เด็กไป ด้วยต้องดูแลอย่างใกล้ชิด หลัลัลักลัการไปท่ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยว "เชิชิชิงชิอนุนุนุ รั นุ รัรักรัษ์ษ์ษ์หษ์ รืรืรือรืเชิชิชิงชินินินิเนิวศ" 4
ถ้าหากพูดถึงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หลายๆ คนอาจจะยังมองไม่เห็นภาพมาก นัก แต่ถ้าหากพูดให้เห็นภาพมากที่สุดก็อาจจะเปรียบเสมือนการท่องเที่ยวในลักษณะ เดินป่า แต่ก็ต้องลดอัตราการเกิดของขยะ หรือสิ่งที่อาจจะส่งผลเสียต่อธรรมชาติ อย่างเช่น • วางแผนการเดินทางอย่างรัดกุม เพื่อช่วยประหยัดปริมาณน้ำ มัน • จัดกระเป๋า โดยเน้นปริมาณของที่จำ เป็น เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย • ลดอุปกรณ์ที่อาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อธรรมชาติ เช่น ทิชชู่เปียก หรือพลาสติก ต่างๆ • พกภาชนะใส่อาหารไปเอง เพื่อลดการใช้ภาชนะที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ ธรรมชาติ • พกถุงขยะส่วนตัวไปเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขยะในบริเวณดังกล่าวที่อาจจะส่ง ผลกระทบต่อธรรมชาติ หรือสัตว์ที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง • หลีกเลี่ยงการขีดเขียน หรือทำ สัญลักษณ์ใดๆ ลงบนต้นไม้ โขดหิน หรือโบราณ วัตถุต่างๆ • หลีกเลี่ยงการนำ สิ่งของจากธรรมชาติติดไม้ติดมือกลับบ้าน • สนับสนุนธุรกิจชุมชน เพื่อก่อให้เกิดการหมุนเวียนรายได้ของคนในพื้นที่ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีวิธี อย่างไรบ้าง? 5
ถ้าหากพูดถึงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หลายๆ คนอาจจะยังมองไม่เห็นภาพมาก นัก แต่ถ้าหากพูดให้เห็นภาพมากที่สุดก็อาจจะเปรียบเสมือนการท่องเที่ยวในลักษณะ เดินป่า แต่ก็ต้องลดอัตราการเกิดของขยะ หรือสิ่งที่อาจจะส่งผลเสียต่อธรรมชาติ อย่างเช่น • วางแผนการเดินทางอย่างรัดกุม เพื่อช่วยประหยัดปริมาณน้ำ มัน • จัดกระเป๋า โดยเน้นปริมาณของที่จำ เป็น เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย • ลดอุปกรณ์ที่อาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อธรรมชาติ เช่น ทิชชู่เปียก หรือพลาสติก ต่างๆ • พกภาชนะใส่อาหารไปเอง เพื่อลดการใช้ภาชนะที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ ธรรมชาติ • พกถุงขยะส่วนตัวไปเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขยะในบริเวณดังกล่าวที่อาจจะส่ง ผลกระทบต่อธรรมชาติ หรือสัตว์ที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง • หลีกเลี่ยงการขีดเขียน หรือทำ สัญลักษณ์ใดๆ ลงบนต้นไม้ โขดหิน หรือโบราณ วัตถุต่างๆ • หลีกเลี่ยงการนำ สิ่งของจากธรรมชาติติดไม้ติดมือกลับบ้าน • สนับสนุนธุรกิจชุมชน เพื่อก่อให้เกิดการหมุนเวียนรายได้ของคนในพื้นที่ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีวิธี อย่างไรบ้าง? 5
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่นอกจากจะช่วยรักษา และดำ รงไว้ซึ่งระบบนิเวศ และธรรมชาติ ณ สถานที่แห่งนั้นแล้ว การเที่ยวเชิงอนุรักษ์เองนั้นก็ส่งผลให้ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจบริเวณชุมชนใกล้เคียง นับว่าเป็นการกระจายรายได้ สู่ชุมชน อีกทั้งยังช่วยสร้างจิตสำ นึกที่ดีของนักท่องเที่ยวต่อการดูแลรักษาระบบ นิเวศ และธรรมชาติจากการร่วมด้วยช่วยกันลดปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบ โดยตรงกับธรรมชาติ เช่น การลดปริมาณการใช้พลาสติก หรือไม่ทิ้งขยะใน แหล่งธรรมชาติ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวเองก็จะได้เรียนรู้ความสำ คัญของ ธรรมชาติผ่านกระบวนการการศึกษาระบบนิเวศอีกด้วย การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มี ประโยชน์ยังไง? 6
กิจกรรมท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติและแหล่งวัฒนธรรม นับได้ว่ามีความหลากหลาย ซึ่งกิจกรรมบางประเภทอาจมีลักษณะที่ บ่งชี้ว่าเป็น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในขณะที่บางกิจกรรมอาจมีความก่ำ กึ่ง หรือคาบเกี่ยว ซึ่งต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบ วัตถุประสงค์ในการปฏิบัติ กิจกรรม และการให้บริการว่ามุ่งเน้นอะไร และอย่างไร เช่น เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ศึกษาหาความรู้ ผจญภัย กีฬาสนุกสนาน เพื่อความบันเทิง สัมผัสองค์ประกอบของแหล่งท่องเที่ยว แลกเปลี่ยนและถ่ายทอดประสบการณ์ เป็นต้น ดรรชนี เอมพันธุ์ และสุรเชษฎ์ เชษฐมาส (2539) กล่าวว่า กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์จะต้องมีเรื่องของการเรียนรู้ และได้รับ ประสบการณ์เกี่ยวกับธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งศูนย์วิจัยป่าไม้ (2538) ได้แบ่งกลุ่มกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ ออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งมีทั้งกิจกรรมหลัก และกิจกรรมเสริม คือ - กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (ecotourism activities) เป็นกิจกรรมหลัก - กิจกรรมท่องเที่ยวที่เน้นการได้ใกล้ชิดชื่นชมธรรมชาติ - กิจกรรมท่องเที่ยวที่เน้นการผจญภัยตื่นเต้นท้าทายกับธรรมชาติ (adventurous recreational activities) เป็นกิจกรรมเสริม ซึ่งจะต้องเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องและไปด้วยกันได้ดีกับกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กล่าวคือ เป็นกิจกรรมที่กระทำ ใน พื้นที่ธรรมชาติ มีการจำ กัดจำ นวนนักท่องเที่ยวต่อกลุ่มต่อกิจกรรม ทั้งนี้ เพื่อไม่สร้างผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมธรรมชาติ 1.กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ได้แก่ การเดินป่า (hiking/ trekking) กิจกรรมศึกษาธรรมชาติ (nature education) กิจกรรมถ่ายรูปธรรมชาติ บันทึกเทปวีดีโอ เทปเสียงธรรมชาติ (nature photography video taping and sound of nature audio taping) กิจกรรมส่องสัตว์/ดูนก (animal/bird watching) กิจกรรมศึกษา/เที่ยวถ้ำ (cave exploring/ visitig) กิจกรรมศึกษา ท้องฟ้าและดาราศาสตร์ (sky interpretation) กิจกรรมล่องเรือศึกษาธรรมชาติ (boat sightseeing) กิจกรรมพายเรือแคนู (canoeing)/ เรือคะยัค (kayak) / เรือบด (rowboating)/ เรือใบ (sailboating) กิจกรมดำ น้ำ ชมปะการังน้ำ ตื้น 2.กิจกรรมท่องเที่ยวประเภทชื่นชมธรรมชาติและกิจกรรมท่องเที่ยวประเภทตื่นเต้นผจญภัยท้าทายกับธรรมชาติ ได้แก่ กิจกรรมชม ทิวทัศน์ธรรมชาติในบรรยกาศที่สงบ (relaxing) กิจกรรมขี่จักรยานตามเส้นทางธรรมชาติ (terrain/ mountain biking) กิจกรรมปีน/ไต่เขา (rock/ mountain climbing) กิจกรรมพักแรมด้วยเต้น (tent camping) กิจกรรมเครื่องร่อนขนาดเล็ก (hang glider) กิจกรรมที่สอดคล้อง กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ 7
1. กิจกรรมดำ น้ำ ตื้น (snorkeling) เพื่อชมและเรียนรู้ความเป็นอยู่ของปะการัง และสัตว์ น้ำ ใต้ทะเล รวมถึงเก็บขยะที่ลอยอยู่เหนือน้ำ 2. กิจกรรมดำ น้ำ ลึก (scuba diving) เพื่อเก็บขยะที่ก้นทะเลหรือขยะที่อาจติดอยู่กับแนว ปะการังและสัตว์ทะเลรวมถึงจัดวางวัสดุเสมือนเพื่อเป็นที่อยู่ของปะการังและอนุบาลสัตว์น้ำ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำ หรับผู้ที่ไม่สามารถลงน้ำ ได้ หรือไม่ประสงค์ลงน้ำ เช่น การเก็บ ขยะริมหาดเพื่อป้องกันการชะของสารปนเปื้อนที่มากับขยะลงทะเล ซึ่งก่อให้เกิดอันตราย กับสิ่งมีชีวิตในทะเล และการเรียนรู้เรื่องกังหันลม กิจกรรมการท่องเที่ยว แนวชายฝั่งทะเลประเทศไทย 8
10 สถานที่ที่ ที่ ท่ที่ ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวในประเทศไทย 1. น้ำ ตกผากล้วยไม้ – น้ำ ตกเหวสุวัต ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ น้ำ ตกผากล้วยไม้ – น้ำ ตกเหวสุทัต ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้นเป็นเส้นทาง ศึกษาธรรมชาติที่ถูกเชื่อมระหว่างสองน้ำ ตกเข้าไว้ด้วยกัน ถ้าหากใครเป็นคนที่ชอบเที่ยว น้ำ ตกนับว่าเป็นเส้นทางที่ไม่ควรมองข้าม เพราะตลอดเส้นทางทุกคนจะได้เดินลัดเลาะ ไปตามห้วยลำ ตะคอง สลับกับป่าดิบ-แล้ง คลอด้วยเสียงน้ำ ตกที่ดึงกึกก้องไปทั่วอาณา บริเวณในฤดูฝน แต่ถ้าไปเที่ยวในฤดูแล้งนั้นทุกคนก็จะพบกับร่องรอยการไหลรวมตัว กันของหินลาวาภูเขาไฟเมื่อหลายร้อยปีก่อน อีกทั้งยังได้พบกับดอกไม้นานาพันธุ์ เช่น หวายแดง ที่เป็นที่มาของชื่อน้ำ ตกที่ผลิดอกบานสะพรั่งอวดช่อสีแดงตลอดช่วงเดือน เมษายน รวมถึงสัตว์ป่านานาชนิดที่ออกมาหากินทั่วบริเวณ 9
ศูนย์การเรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ททท. อำ เภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราวๆ 140 ไร่ โดยมีภูมิศาสตร์เป็น ทุ่งหญ้าพื้นราบขนาดใหญ่สลับกับเนิน สามารถรองรับทุกกิจกรรมของนักท่องเที่ยว ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการปลูกป่า วิ่ง ปั่นจักรยาน Mountain Bike และกิจกร รมอื่นๆ อีกมากมายที่พร้อมจะมอบความสนุกให้กับทุกคน แถมยังโอบล้อมไปด้วย ธรรมชาติของขุนเขา และป่าไม้แห่งเขาใหญ่ อีกทั้งยังช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอีก ด้วย 10 สถานที่ที่ ที่ ท่ที่ ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวในประเทศไทย 2. ศูนย์การเรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ททท. อำ เภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 10
10 สถานที่ที่ ที่ ท่ที่ ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวในประเทศไทย 3. ทุ่งโปร่งทอง จังหวัดระยอง สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างทุ่งโปร่งทอง จังหวัดระยองเป็นที่เที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ เหมาะกับสายถ่ายรูปเป็นอย่างมากเพราะทุกคนจะได้รูปสวยๆราวกับเดินอยู่บนทุ่งดอกไม้ สีทองจากต้นโปรง เมื่อถูกแสงแดดสะท้อนกระทบลงมาจนกลายเป็นสีทองระยิบระยับทั่ว อาณาบริเวณ จนกลายเป็นที่มาของชื่อทุ่งโปรงทองนั่นเอง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ราวๆ 6,000 ไร่ และตลอดเส้นทางที่ถูกปูทางด้วยไม้ระแนงทอดยาวไปกับแนวป่าชายเลนที่แสนอุดมสมบูรณ์ พร้อมกับโอบล้อมด้วยแมกไม้นานาพรรณ เหมาะสำ หรับคนที่ต้องการศึกษาระบบนิเวศของป่า ชายเลนเป็นอย่างมาก 11
สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ เป็นสถานที่ ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่หลายๆ คนอาจจะรู้จักกันดีในนามของ“ปอดของคน กรุงเทพฯ” ถือเป็นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแมก ไม้นานาพรรณ บนพื้นที่มากกว่า 148 ไร่ ที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ จึง ทำ ให้มีแต่ความร่มรื่น เหมาะสำ หรับการพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังมี กิจกรรมต่างๆ มากมายรองรับให้นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เช่น ปั่นจักรยาน ชมนกที่หอส่องนก เดินศึกษาธรรมชาติ พายเรือคายัคชม ให้อาหารปลา ออกกำ ลังกาย และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย 10 สถานที่ที่ ที่ ท่ที่ ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวในประเทศไทย 12 4. สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ
10 สถานที่ที่ ที่ ท่ที่ ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวในประเทศไทย 13 5. ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – น้ำ ตกกองแก้ว ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – น้ำ ตกกองแก้ว นับว่าเป็นที่ท่องเที่ยวเชิง อนุรักษ์ และเส้นทางเดินป่าระยะใกล้ และมีสภาพการเดินทางสะดวก เหมาะ สำ หรับนักเดินป่าทุกเพศทุกวัย ลักษณะภูมิศาสตร์จะเป็นในลักษณะป่าดิบ ชื้นสลับกับป่าดิบแล้งที่อุดมสมบูรณ์ โดยจะเหล่าแมกไม้นานาพันธุ์ที่มี ลักษณะเป็นไม้กฤษณา หรือไม้หอม และสัตว์น้อยใหญ่อีกมากมาย ซึ่งจุด หมายปลายทางก็จะพบกับน้ำ ตกกองแก้วที่พร้อมมอบความชุ่มฉ่ำ ที่เหมาะกับ การศึกษาระบบนิเวศอีกด้วย
10 สถานที่ที่ ที่ ท่ที่ ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวในประเทศไทย 14 6. สะพานทุ่งนามุ้ย จังหวัดนครนายก สะพานทุ่งนามุ้ย จังหวัดนครนายก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ถูกราย ล้อมไปด้วยทุ่งนาสีเขียว ที่พร้อมให้ทุกคนได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชน โดยจุด ดึงดูดนักท่องเที่ยวของสะพานทุ่งนามุ้ย คือ สะพานไม้ที่ทอดยาวสุดลูกตากลางทุ่ง นาที่เขียวขจี ไม่ว่าใครที่แวะเวียนมาก็ต้องถ่ายรูปลงโซเชียลอย่างแน่นอน นอกจาก นั้นยังมีคาเฟ่ให้ได้นั่งพักผ่อน รับลม และชมธรรมชาติจากทุ่งนา พร้อมดื่มด่ำ ปล่อย ใจไปกับเครื่องดื่มแก้วโปรด แถมยังสามารถสนับสนุนสินค้าจากคนในพื้นที่ หรือ เกษตรกรได้ที่โซนของฝากที่มีให้ทุกคนได้เลือกสรรอย่างมากมาย
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์ที่เป็นผืนป่ามรดกโลก ใกล้กรุงเทพฯ แดนสวรรค์ของนักเดินป่า บนพื้นที่กว่า 2,168 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม พื้นที่มากกว่า 4 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี นครราชสีมา นครนายก และปราจีนบุรี นับเป็น สถานที่ที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นอันดับต้นๆ โดยเป็นสถานที่ที่ก่อให้เกิด แหล่งต้นน้ำ ลำ ธารหลายสาย อีกทั้งยังเป็นบ้านหลังใหญ่ของเหล่าสัตว์ป่านานาชนิด รวม ถึงแมกไม้นานาพรรณเปรียบเสมือนโรงเรียนของนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาศึกษา ธรรมชาติ หรือระบบนิเวศ อีกทั้งยังสามารถทำ กิจกรรมได้หลากหลาย 10 สถานที่ที่ ที่ ท่ที่ ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวในประเทศไทย 15 7. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
เมืองคองเป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในหุบเขา อยู่ด้านหลังของดอยหลวง เชียงดาวที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีเสน่ห์ความเป็นพื้นบ้าน อากาศ บริสุทธิ์ และเงียบสงบ อุดมไปด้วย ปลา ผักป่า และสมุนไพรนานาชนิด ภายใน ชุมชนสามารถพึ่งตัวเองได้จากทรัพยากรที่มีอยู่ มีลำ น้ำ สายเล็ก ๆ ชื่อว่า แม่น้ำ คอง ไหลผ่านทั่วหมู่บ้าน หากมาเที่ยวในช่วงฤดูทำ นาก็จะได้พบกับความเขียวขจีของนา ข้าวตลอดสองข้างถนน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้อารมณ์ความเป็นสโลว์ไลฟ์อย่าง แท้จริงเป็นที่มีความเงียบสงบ เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่อบอุ่นชาวบ้านที่นี่อัธยาศัยดี คุณ จะได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบชนบทชาวเหนือด้วย และยยังมีกิจกรรมภายในโฮมสเตย์ให้ ทำ มากมาย 10 สถานที่ที่ ที่ ท่ที่ ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวในประเทศไทย 16 8. “เมืองคอง”อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
วนอุทยานปราณบุรี ตั้งอยู่ในอำ เภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอีก หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่นอกจากจะมีชายหาดบรรยากาศ สวยงามและสงบเงียบให้เที่ยวชมแล้ว ยังมีเส้นทางให้เดินศึกษาระบบนิเวศป่าชาย เลนระยะทางยาว 1 กิโลเมตร โดยจัดทำ เป็นสะพานไม้ยกระดับ สามารถเที่ยวชม และศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศป่าชายเลนอย่างใกล้ชิด บริเวณ ทางเดินติดตั้งป้ายสื่อความหมายตลอดเส้นทาง ระหว่าง2ข้างทางมีป้ายข้อมูลให้ ความรู้เป็นระยะ ๆ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ นอกจากจะได้รู้จักกับพรรณไม้ นานาชนิดแล้วในป่าชายเลนแล้วยังได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นป่า ชายเลนอีกด้วย 10 สถานที่ที่ ที่ ท่ที่ ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวในประเทศไทย 17 9. วนอุทยานปราณบุรี
10 สถานที่ที่ ที่ ท่ที่ ท่ ท่ อท่ องเที่ที่ ที่ ยที่ ยวในประเทศไทย 18 10. เกาะพิทักษ์ ชุมพร จังหวัดชุมพรไม่ใช่เมืองทางผ่าน ยังมีสถานที่ที่หลายคนสามารถไปสัมผัส กับวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวประมงได้รับการยกย่องเรื่อง การจัดการการท่องเที่ยว ดีเด่น และชุมชนที่อนุรักษ์สภาพแวดล้อมทางทะเลได้ดีเด่น จนมีหน่วยงาน ต่างๆเข้าไปศึกษาโดยเกาะพิทักษ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์ธรรมชาติที่ ท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตชุมชน ที่มีกิจกรรมต่างๆมากมายภายในชุมชน ทั้ง ชมวิถี ชุมชน ดำ น้ำ ตื้นชมปะการัง ตกปลาไดร์หมึก พายเรือชมธรรมชาติ ใครอยากลอง ใชชีวิตแบบชาวประมงชิว ๆ ไปติดเกาะสัก2-3วัน ที่นี่ไม่ควรพลาด