ก่ อ น ศ ต ว ร ร ษ ที่ 1 4
อาณา จักรฟูนาน เป็นรัฐ รั ที่รุ่ ที่ รุ่ ง รุ่ เรือ รื งอยู่ร ยู่ ะหว่า ว่ งคริสริ ต์ศต์ ตวรรษที่ 1 – 6 ที่ตั้ ที่ ง ตั้ ของรัฐ รั อยู่บ ยู่ ริเ ริ วณลุ่ม ลุ่ แม่น้ำ ม่ น้ำ โขงตอนล่า ล่ งปัจจุบั จุ น บั เป็นที่ตั้ ที่ ง ตั้ ประเทศกัม กั พูช พู า เวีย วี ดนามตอนใต้ภ ต้ าคตะวัน วั ออกเฉียงเหนือของไทยบางตอนของ ลุ่ม ลุ่ แม่น้ำ ม่ น้ำ เจ้า จ้ พระยา และภาคใต้ข ต้ องไทย ลงมาถึง ถึ แหลมมลายู ฟูนั ฟู นั น รวมตัว ตั กัน กั เป็นรัฐ รั แรกของเอเชีย ชี ตะวัน วั ออกเฉียงใต้ ก า รปก ค ร อ ง มีก มี ารปกครองแบบเทวราชาลัท ลั ธิไธิศวะนิกายตามความเชื่อ ชื่ ของ ศาสนาพรหมณ์ฮินดู
อาณาจักรเจนละ เจนละแตกแยกออกเป็นสองส่วน คือ เจนละบกกับ กั เจนละน้ำ เจนละบกคาดว่า ว่ มีศูมี น ศู ย์ก ย์ ลางอยู่บ ยู่ ริเ ริ วณลาวตอนกลางภาคอิสอิ าน ส่วนเจนละน้ำ คาดว่า ว่ มีศูมี น ศู ย์ก ย์ ลางอยู่บ ยู่ ริเ ริ วณอาณาจัก จั รฟูน ฟู านเดิม ดิ การปกครอง มีรู มี รู ปแบบการปกครองแบบเทวราชาคือ มีค มี วามชอบธรรมตาม หลัก ลั ความเชื่อ ชื่ ทางศาสนาฮินดูลั ดู ท ลั ธิไธิศวะนิกายโดยมีห มี ลัก ลั ฐานคือ ปราสาทหินวัด วั ภู กการเมืองการปกครองกัมพูชา ารเมืองการปกครองกัมพูชา
การเมืองการปกครองกัม กั พูชา
ระบบ เศรษฐกิจ กิ ของกัม กั พูช พู า ก่อ ก่ นศตวรรษที่ 14
ชาวกัม กั พูช พู าเริ่ม ริ่ รู้จั รู้ ก จั การเลี้ย ลี้ งสัตว์ และเพาะปลูก ลู ข้า ข้ วได้ตั้ ด้ ง ตั้ แต่เ ต่ มื่อ มื่ ราว 2,000 ก่อ ก่ นคริสริ ตกาล สามารถทำ เครื่อ รื่ งมือ มื จากเหล็ก ล็ ได้ตั้ ด้ ง ตั้ แต่ร ต่ าว 600 ปีก่อ ก่ นคริสริ ตกาล ก่อ ก่ นหน้าที่ อิท อิ ธิพ ธิ ลจากวัฒ วั นธรรมอิน อิ เดีย ดี จะ แผ่น ผ่ เข้า ข้ มาถึง ถึ ดิน ดิ แดนแถบนี้ในราว ปีที่ 100 ก่อ ก่ นคริสริ ตกาล ยุคก่อนประวัติวัติศาสตร์ ของกัม กั พูชา
ฟูนันมีรายได้มาจากการค้าทางเรือ สินค้าของฟูนันคือสินค้าพื้นเมือง ชาวฟูนัน มีฝีมือทางแกะสลักไม้ ทำ เครื่องทองรูปพรรณได้สวยงามมาก เศรษฐกิจ ของ ฟูนันขึ้นอยู่กับการค้าและการเกษตร ฟูนันมีการส่งทูตติดต่อ กับจีน ครั้งแรกในสมัย ของฟันซิมัน กลางคริสต์ศตวรรษที่ 3 ตรงกับสมัยจีนแบ่งเป็น 3 ก๊ก พวกก๊กทางใต้สุดแถบกวางตุ้ง เห็นความสำ คัญในการติดต่อกับทางแหลมอินโดจีนทางการค้า มาก จึงมีไมตรีอันดีต่อกันอยู่เสมอ จีนได้ส่งทูตมาฟูนันด้วยแต่ เป็นการ ติดต่อทางการค้ากันเป็นส่วนใหญ่ อาณาจัก จั รฟูนั ฟู น นั
ราษฎรมีอาชีพ ชี หลัก คือ การทำ นา อยู่กั ยู่ กั นเป็น ครอบครัว รั รวมกันเป็นหมู่บ้าน ยังคงนับถือวิญญาณ บรรพบุรุษและภูตผีต่ ผี ต่ าง ๆ และให้ความสำ คัญแก่สตรี และเชื้อ ชื้สายที่ม ที่ าจากสตรี โดยที่อิ ที่ อิ ทธิพ ธิ ลอินเดียยังไม่มี บทบาทต่อประชาชนแต่อย่างใด อาณาจัก จั รเจนละ
อาชีพ ชี หลัก ลั ของชาวเขมร คือ คื การเกษตรกรรม พระเจ้า จ้ แผ่น ผ่ ดินดิทรงตระหนัก นั ดี จึง จึโปรด ให้มี ห้ ก มี ารสร้า ร้ งราษฎรมีอ มี าชีพ ชี หลัก ลั คือ คื การทำ นา อยู่กัยู่ น กั เป็นครอบครัว รั รวมกัน กั เป็นหมู่บ้มู่ า บ้ น ยัง ยั คงนับ นั ถือวิญวิญาณบรรพบุรุ บุ ษ รุ และภูต ภู ผีต่ ผี า ต่ ง ๆ และให้ค ห้ วามสำ คัญ คั แก่สก่ ตรี และเชื้อ ชื้ สาย ที่ม ที่ าจากสตรี โดยที่อิ ที่ ทอิธิพธิลอินอิเดีย ดี ยัง ยัไม่มี ม่ บ มี ทบาทต่อ ต่ ประชาชนแต่อ ต่ ย่า ย่ งใดตลอดจนมีก มี าร ขุด ขุ คลองระบายน้ำ ไปยัง ยัไร่น ร่ าของราษฎร ทำ ให้ร ห้ าษฎรทำ นาได้ผ ด้ ลผลิตลิและเศรษฐกิจกิ ของประเทศมั่น มั่ คง
สังสั คมของกัม กั พูชพูา ก่อนศตวรรษที่14
รับ รั เอาวัฒ วั นธรรมมาจากอิน อิ เดีย ดี ที่เ ที่ ด่น ด่ ชัด ชั ได้แ ด้ ก่ การปกครองในระบอบ กษัตริย์ ริ ย์ และศาสนาพราหมณ์ ทำ ให้เงิน งิ ตราที่ช ที่ าวฟูนั ฟู นั นใช้ใช้ นการค้าขาย มี สัญลัก ลั ษณ์เกี่ย กี่ วกับ กั กษัตริย์ ริ ย์ การปกครองและศาสนา มีลั มี ก ลั ษณะเป็นเหรีย รี ญ กลมแบน ส่วนใหญ่ทำ ญ่ ทำด้ว ด้ ยโลหะเงิน งิ ลวดลายของเหรีย รี ญที่พ ที่ บด้า ด้ นหนึ่งเป็น รูปพระอาทิต ทิ ย์ค ย์ รึ่ง รึ่ ดวงแผ่รั ผ่ ศรั มี มีจุ มี ด จุ ไข่ปข่ ลาเรีย รี ง 2 แถว อีก อี ด้า ด้ นมีสัมี สั ญลัก ลั ษณ์ ศรีวั รี ต วั สะ ซึ่ง ซึ่ เป็นสัญลัก ลั ษณ์ของพระนารายณ์อยู่ต ยู่ รงกลาง ข้า ข้ งหนึ่งของศรี วัต วั สะเป็นบัณ บั เฑาะว์ หมายถึง ถึ กลองเล็ก ล็ ชนิดหนึ่งที่พ ที่ ราหมณ์ใช้ใช้ นพิธีต่ ธี า ต่ ง ๆ อีก อี ข้า ข้ งหนึ่งเป็นเครื่อ รื่ งหมายสวัสวั ดิก ดิ ะ ส่วนบนสุด สุ ของเหรีย รี ญเป็นรูปดวง อาทิต ทิ ย์แ ย์ ละดวงจัน จั ทร์ล ร์ วดลายที่ป ที่ รากฏบนเหรีย รี ญแสดงให้เห็นถึง ถึ คติค ติ วาม เชื่อ ชื่ ทางศาสนาพราหมณ์ของชาว อิน อิ เดีย ดี โบราณ สัง สั คมของอาณาจัก จั รฟูนันนั
ความเจริญ ริ ทางวัฒ วั นธรรม ได้รั ด้ บ รั อิท อิ ธิพ ธิ ลของอิน อิ เดีย ดี ตั้ง ตั้ แต่สต่ มัย มั เป็นเมือ มื งขึ้น ขึ้ ของ อาณาจัก จั รฟูนั ฟู นั น ด้า ด้ นศาสนา นับถือ ถื ศาสนาพราหมณ์ ลัท ลั ธิไธิศวนิกาย ส่วนพุท พุ ธศาสนามหายานมีบ้ มี า บ้ ง แต่ไต่ ม่แ ม่ พร่ห ร่ ลาย ด้า ด้ นอัก อั ษรศาสตร์ ใช้ภ ช้ าษาสันสกฤตในการบัน บั ทึก ทึ ในศิลาจารึก รึ รับ รั เอาวรรณคดี เรื่อ รื่ งมหากาพย์ร ย์ ามายาณะ และมหาภารตะและวรรณคดีท ดี างพุท พุ ธศาสนาคือ ปุร ปุ าณะ ด้า ด้ นสถาปัตยกรรม มีก มี ารสร้า ร้ งวิห วิ ารตามแบบศาสนาพราหมณ์ ก่อ ก่ ด้ว ด้ ยอิฐ อิ คล้า ล้ ย สถาปัตยกรรมอิน อิ เดีย ดี แต่ใต่ นขณะเดีย ดี วกัน กั ช่า ช่ งของเขมรก็ไก็ ด้ใด้ ส่ลัก ลั ษณะเขมรได้ด้ ด้ ว ด้ ย เช่น ช่ ภาพสลัก ลั
แบ่ง บ่ ออกเป็น 3 ชนชั้น ชั้ คือ กษัตริย์ ริ แ ย์ ละพระราชวงศ์ ขุน ขุ นางและพราหมณ์ สามัญ มั ชน สตรีไรี ด้รั ด้ บ รั การยกย่อ ย่ งในสังคม โดยเฉพาะเกี่ย กี่ วกับ กั ราชสำ นัก การสืบสันติว ติ งศ์ โดยนับเชื้อ ชื้สายทางมารดาซึ่ง ซึ่ เป็น ประเพณีของชาวเอเชีย ชี ตะวัน วั ออกเฉียงใต้ นอกจากนี้สตรีไรี ด้รั ด้ บ รั การสนับสนุน นุ ให้ศึกษาวิช วิ าการ แขนงต่า ต่ งๆ อย่า ย่ งลึก ลึ ซึ้ง ซึ้ จนมีค มี วามเชี่ย ชี่ วชาญทางด้า ด้ นรัฐ รั ศาสตร์ โหราศาสตร์ จนได้รั ด้ บ รั การแต่ง ต่ ตั้ง ตั้ ให้ดำ รงตำ แหน่งสำ คัญในราชการ ผู้ห ผู้ ญิง ญิ เองก็มี ก็ มี บทบาททางด้า ด้ นศิลปะไม่เ ม่ เพ้ชาย เช่น ช่ การสร้า ร้ งปราสาทบัน บั ทายศรีไรี ด้ง ด้ ดงาม มากจนได้ชื่ ด้ อ ชื่ ว่า ว่ ป้อมเมือ มื งของสตรี สัสัสั ง สั งคมของสมัมั มั ย มั ยยุยุยุ ค ยุ คพระนคร หรืรื รือรืจัจั จั ก จั กรวรรดิดิ ดิ เดิ เขมร
กัม กั พูชา หลังศตวรรษที่14
ยุค ยุ มืด มื ของกัม กั พูช พู าเริ่ม ริ่ ตั้ง ตั้ แต่อาณาจัก จั รอยุธ ยุ ยาได้โจมตีอ ตี าณาจัก จั รเขมร และได้ เผาพระนคร เมือ มื งหลวงของอาณาจัก จั รเขมร ทำ ให้อาณาจัก จั รเขมรเป็นส่วนหนึ่ง นึ่ ของสยามประเทศตั้ง ตั้ แต่บัด บั นั้น นั้ มา เขมรเป็นส่วนหนึ่ง นึ่ ของอาณาจัก จั รอยุธ ยุ ยาใน ฐานะดิน ดิ แดนประเทศราช อาณาจัก จั รอยุธ ยุ ยาปกครองเขมรเป็นเวลาเกือ กื บ 400 ปี ต่อมาในสมัย มั กรุงธนบุรี บุ แ รี ละกรุงรัต รั นโกสิน สิ ทร์เ ร์ ขมรตกอยู่ภ ยู่ ายใต้การควบคุม คุ ของจัก จั รวรรดิส ดิ ยามอย่างเข้มงวด ในสมัย มั รัช รั กาลที่3 ที่ ได้เกิด กิ สงครามอานาม สยามยุท ยุ ธทำ ให้กัม กั พูช พู าเป็นรัฐ รั อารัก รั ขาระหว่างสยามกับ กั ญวณ ก่อนที่จ ที่ ะตกเป็น ของฝรั่ง รั่ เศสในเวลาต่อมา
เป็นความขัด ขั แย้ง ย้ ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์กัม กั พูช พู า(เขมรแดง) สาธารณรัฐ รั ประชาธิปธิ ไตยเวียวี ดนาม (เวียวี ดนามเหนือ) และเวียวี ดกงฝ่ายหนึ่งกับ กั รัฐ รั บาล สาธารณรัฐ รั เขมรที่ไที่ ด้รั ด้ บ รั การสนับ นั สนุน นุ จากสหรัฐ รั อเมริก ริ าและสาธารณรัฐ รั เวียวี ดนาม (เวียวี ดนามใต้) อีกอี ฝ่ายหนึ่ง หลัง ลั จากการสู้รบผ่านไป 5 ปี รัฐ รั บาล ฝ่ายสาธารณรัฐ รั เขมรพ่ายแพ้เมื่อ มื่ 17 เมษายน พ.ศ. 2518 และเขมรแดงได้ ประกาศตั้ง ตั้ กัม กั พูช พู าประชาธิปธิ ไตย ความขัด ขั แย้ง ย้ นี้แม้จ ม้ ะเป็นการสู้รบในประเทศ แต่ก็ถื ก็ อ ถื เป็นส่วนหนึ่งของสงครามเวียวี ดนาม (พ.ศ. 2502 – 2518) และมีค มี วาม เกี่ย กี่ วข้องกับ กั ประเทศเพื่อนบ้านอย่างราชอาณาจัก จั รลาว เวียวี ดนามเหนือและ เวียวี ดนามใต้ สงครามกลางเมือ มื งนี้นำ ไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพัน พั ธุ์ช ธุ์ าวกัม กั พูช พู า สงครามกลางเมือ มื งกัม กั พูชา (2510–2518)
ในยุค ยุ เขมรแดงกล่าวได้ว่าเป็นยุค ยุ มืด มื ที่สุ ที่ ด สุ ของประวัติ วั ศ ติ าสตร์เขมร ที่มี ที่ ก มี ารเข่น ข่ ฆ่าคนชาติเ ติ ดียดี วกัน กั อย่างเหี้ยหี้ มโหด ทารุณ รุ ด้วยข้อหาขัด ขั ขวางการปฏิวั ฏิ ติ วั ติ ประกอบด้วยผู้ที่ ผู้ ที่ไ ที่ ม่ใม่ ห้ความร่วมมือ มื หรือ รื ตั้ง ตั้ ข้อสงสัย สั เกี่ย กี่ วกับ กั นโยบายของรัฐ รั บาลกัม กั พูช พู าประชาธิปธิ ไตย ในวัน วั ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2522 กองกำ ลัง ลั แนวร่วมสามัค มั คีปคี ระชาชนกู้ชาติ กัม กั พูช พู า สามารถปลดปล่อยกัม กั พูช พู าโดยยึด ยึ กรุง รุ พนมเปญได้สำ ด้ สำเร็จ ร็ เป็นอัน อั สิ้นสุด สุ ยุค ยุ เขมรแดง อัน อั เป็นยุค ยุ มืด มื ที่ย ที่ าวนานถึง ถึ 3 ปี 8 เดือ ดื น 20 วัน วั ยุคเขมรแดง (2518–2519)
เป็นรัฐ รั บาลที่จั ที่ ด จั ตั้ง ตั้ ในกัม กั พูช พู าโดยแนวร่วมปลดปล่อย ซึ่งเป็นกลุ่มของ กัม กั พูช พู าฝ่ายซ้ายที่อ ที่ ยู่ตรงข้ามกับ กั กลุ่มของเขมรแดง ล้มล้างรัฐ รั บาลกัม กั พูช พู า ประชาธิปธิ ไตยของพล พต โดยร่วมมือ มื กับ กั กองทัพ ทั ของเวีย วี ดนาม สาธารณรัฐ รั ประชามานิตกัม กั พูช พู าเปลี่ย ลี่ นชื่อ ชื่ เป็นรัฐ รั กัม กั พูช พู า (State of Cambodia : SOC) ในช่วง 4 ปีสุด สุ ท้าย เพื่อ พื่ ให้เกิด กิ การยอมรับ รั ในระดับ ดั นานาชาติ มีก มี ารพัฒ พั นา ฟื้นฟูป ฟู ระเทศขึ้น ขึ้ ใหม่ ฟื้นฟูพ ฟู ระพุท พุ ธศาสนา มีก มี ารบูร บู ณะวัด วั และมีก มี ารเฉลิม ลิ ฉลองเทศกาลทางศาสนา การบริห ริ ารของสาธารณรัฐ รั ประชามานิตกัม กั พูช พู าเป็น ไปด้วยความยากลำ บาก เพราะระบบต่าง ๆ ในประเทศถูก ถู ทำ ลายลงไปจน หมด ทุก ทุ สิ่ง สิ่ ค่อย ๆ สร้างขึ้น ขึ้ มาใหม่อย่างช้าๆ สาธารณรัฐรั ประชามานิต นิ กัม กั พูชา (2522–2536)
การปกครองในกัมพูชา การเมืองการปกครองมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบ รัฐสภา มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ มีนายกรัฐมนตรีเป็น หัวหน้ารัฐบาลที่มาจากการ เลือกตั้งของประชาชน แบ่งเขตการ ปกครองเป็น 23 จังหวัด (เขต) แต่ละจังหวัดจะมีอำ เภอ ศูนย์กลาง ปกครองเรียกว่า กรุง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปกครอง ราชอาณาจัก จั รกัม กั พูชา (2536–ปัจจุบันบั)
เศรษฐกิจกิในกัม กั พูช พู า มีก มี ารเจริญริเติบติ โตอย่า ย่ งรวดเร็ว ร็ ในทศวรรษที่ผ่ ที่ า ผ่ นมา แต่ก ต่ ารเติบติ โตก็ยั ก็ ง ยั ต่ำ เมื่อ มื่ เทีย ที บกับ กั ประเทศเพื่อ พื่ นบ้า บ้ น กิจกิกรรมทางเศรษฐกิจกิที่สำที่ สำ คัญ คั ภายในประเทศคือ คื การเกษตร โรงงานอุต อุ สาหกรรมมี ความหลากหลายแต่เ ต่ป็นโรงงานขนาดเล็ก ล็ ภาคบริกริาร ส่วนใหญ่เ ญ่ กี่ย กี่ วข้อ ข้ งกับ กั การค้า ค้ และความบัน บั เทิงทิมี รายงานว่า ว่ พบน้ำ มัน มั และ ก๊า ก๊ซธรรมชาติ ตามแนว ชายฝั่ง ฝั่
เกษตรกรรม อยู่บ ยู่ ริเ ริ วณที่ร ที่ าบภาคกลาง รอบทะเลสาบเขมร พืช พื ที่สำ ที่ สำคัญ คั คือ คื ข้าวเจ้า ยางพารา พริก ริ ไทย การประมง บริเ ริ วณรอบทะเลสาบเขมร เป็นแหล่งประมงน้ำ จืด จื ที่สำ ที่ สำคัญ คั ที่สุ ที่ สุ ดในภูมิภาค การทำ ป่าไม้ บริเ ริ วณเขตภูเขาทางภาคเหนือโดยล่องมาตามแม่น้ำ ม่ น้ำ โขง การทำ เหมือ มื งแร่ ยัง ยั ไม่ค่ ม่ ค่ อยสำ คัญ คั อุตสาหกรรม เป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อม ส่วนใหญ่เป็นโรงสีข้ สี ข้ าว โรงเลื่อ ลื่ ย รองเท้า เศรษฐกิจ กิ ในราชอาณาจัก จั รกัม กั พูชาที่สำ ที่ สำคัญ คั ประกอบไปด้วย 1. 2. 3. 4. 5.
สิน สิ ค้าส่งออก : เสื้อผ้าและสิ่งทอ รองเท้า ข้าว ยางพารา พริกไทยและสินค้า ประมง สิน สิ ค้านำ เข้า : วัสดุก่อสร้าง น้ำ มันเชื้อเพลิง วัตถุดิบสำ หรับใช้ในการผลิต เสื้อผ้า และสิ่งทอ
สังคมกัมพูชายุคปัจจุบัน กัมพูชาเป็นดินแดนที่เก็บอารยธรรมบนแผ่นดินไว้มากมายอย่างความใหญ่โต มโหฬาร ของนครวัดนครธม จึงไม่แปลกที่มีประชากรนับถือศาสนาพุทธกว่าร้อยละ 95 แต่ ประชาชนยังมีความเชื่อตามชาวเขมรโบราณที่มีความเชื่อในอำ นาจเร้นลับที่มีอยู่กับ ธรรมชาติ เมื่อชาวบ้านมีปฏิสัมพันธ์กับชาวต่างถิ่นก็อาจได้รับอิทธิพลจากความเชื่ออื่นๆ เพิ่มขึ้น โดยไม่จำ เป็นต้องละทิ้งความเชื่อดั้งเดิม ชาวกัมพูชาได้รับเอาความเชื่อทาง ศาสนาและลัทธิต่างแดนมากมายที่สำ คัญ คือ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ลัทธิขงจื้อ และ ลัทธิเต๋าจึงเป็นสังคมที่หลากหลายทางวัฒนธรรมที่คล้ายกับสังคมไทย มีพุทธศาสนา เป็นศาสนาหลัก ทำ ให้ประเพณีปฏิบัติต่างๆ ของประชาชนชาวกัมพูชาสอดคล้องใกล้ เคียงกับไทยเป็นอย่างมาก
นางสาวศรสวรรค์ ลำ ดวนรัตน์ รหัสนักศึกษา 65121100130 สาขาวิวิ วิชวิา สัสัสั งสั งคมศึศึศึ กศึ กษา