ส่อื การสอนเรอ่ื ง:
เครื่องดนตรพี ้นื เมอื งภาคเหนอื
เคร่อื งดนตรพี ืน้ เมอื งภาคเหนือ
ประเภทเคร่ืองดีด
ซงึ
ซงึ ทำด้วยไมแ้ กน่ เนอ้ื แขง็ ช้นิ เดียวกัน ขุดควำ้ นบรเิ วณท่เี ป็นกะโหลก (กล่องเสยี ง)ให้เป็นโพรง และใชไ้ มต้ ดั กลมเจำะรกู ลำงแผ่น
ทำเป็นฝำปดิ ด้ำนหนำ้ เพือ่ อุ้มเสยี งให้เกดิ กังวำน คันทวน(คอ)ทำเป็นเหลยี่ มโดยด้ำนหน้ำถำกเหลำให้แบนเรยี บเพือ่ วำงพำดสำย
ตอนปลำยด้ำนบนของตัวซึงขดุ เปน็ รอ่ งเจำะรูสอดลูกบิดขำ้ งละ 2 อนั รวม 4 อันเขำ้ ไปในรอ่ งสำหรับขงึ สำย โดยสำยจะต้งั เสยี ง
ไวซ้ ้ำกันเปน็ คู่ คอื สำยเอก 2 สำย สำยทุ้ม 2 สำย เพือ่ ทำให้เสยี งดังกงั วำนขึ้น ซงึ มี 3 ประเภท คือ ซงึ หลวง ซึงกลำง ซึงเลก็
เครอื่ งดนตรีพนื้ เมอื งภาคเหนือ
ประเภทเคร่อื งดีด
พิณเปี๊ยะ
พิณเปยี๊ ะ (4สำย) เปน็ พณิ พนื้ บำ้ นโบรำณซง่ึ ตกทอดกนั มำในแผ่นดนิ ล้ำนนำ มีพฒั นำนำกำรมำจำกพณิ ธนู หลกั กำรเกดิ เสียง
และกำรดีดคล้ำยพณิ นำ้ เต้ำ (ซึง่ เป็นพิณสำยดว้ ย) พณิ เปี๊ยะนใี้ ชก้ ะลำมะพร้ำวซกี เปน็ กล่องเสยี งยึดติดกับคนั พิณท่ตี ำแหนง่
ประมำณ 2/3 จำกปลำยพิณ แตเ่ ดิมมี 2 สำย ตอ่ มำจงึ พฒั นำเป็น 3 สำย 4 สำย จนถงึ 7 สำย ดำ้ มคันทวนทำด้วยไม้เนื้อแขง็
เครื่องดนตรีพ้นื เมอื งภาคเหนือ
ประเภทเครือ่ งดดี
เตหน่า
เตหนำ่ หรอื เตนำ เปน็ เครอื่ งดนตรปี ระเภทดดี ของชนกล่มุ น้อยเผำ่ กระเหร่ียงหรือยำง ซ่ึงเรียกตนเองวำ่ ปกำเกอะญอ
อำศัยอยทู่ ำงภำคเหนอื ตอนบนของประเทศไทย มีคอยำวโคง้ งอคลำ้ ยพิณของพมำ่ มี 6 สำย ทำจำกโลหะ ยดึ ติดกบั ลกู บิดพำด
จำกคอพณิ มำถึงลำตวั มีควำมส่นั -ยำวไม่เทำ่ กนั จึงทำใหเ้ กิดระดบั เสยี งทแ่ี ตกตำ่ งกัน สว่ นใหญจ่ ะดีดดว้ ยนว้ิ ตวั พณิ เปน็ กล่อง
ดำ้ นในกลวงเปน็ กระพงุ้ เสยี ง ทำจำกวสั ดทุ ีห่ ำไดใ้ นท้องถิน่ เป็นเครื่องดนตรที ีใ่ ช้ในชีวิตประจำวนั และใชป้ ระกอบในพธิ กี รรม
สำคญั ต่ำงๆ อำจจะใช้บรรเลงอย่ำงเดยี ว หรอื ประกอบกำรขับรอ้ งดว้ ยกไ็ ด้
เครอื่ งดนตรพี น้ื เมืองภาคเหนือ
ประเภทเครอื่ งดดี
ซือบอื
“ซือบือ” เปน็ เครอ่ื งดนตรชี ำวเขำ ซึง่ อำศัยอยู่ทำงภำคเหนอื ตอนบนของประเทศไทย ซอื บือ เปน็ คำท่ใี ชเ้ รียก ซึง ของชนเผำ่ รซี อ ซ่ึงเรยี ก
ตวั เองวำ่ ลีซู ลกั ษณะรูปร่ำงคลำ้ ยคลึงกับของชำวอำข่ำ หรอื ท่ีคนไทยนิยมเรยี กวำ่ อีก้อ ซอื บือ ทำด้วยไมแ้ ก่นเน้อื แข็ง ขุดคว้ำนตอนท่เี ปน็
กะโหลกให้เป็นโพรง นยิ มใช้หนงั งูเหลอื มมำปิดด้ำนหน้ำเพอ่ื อุ้มเสียงให้เกดิ กังวำน ต่ำงกบั ของชำวอำขำ่ ทน่ี ยิ มใชห้ นงั สัตวท์ ัว่ ไปทล่ี ่ำมำได้
คันทวนทำเปน็ เหลีย่ มด้ำนหนำ้ แบน ตอนปลำยทำโค้งและขุดให้เปน็ รอ่ งเจำะรูสอดลกู บดิ มี 3 สำย มหี ยอ่ งสำหรับหนุนสำยตรงกลำงกะโหลก
ดำ้ นหน้ำ ไม่มตี ะพำนหรือนมรับนวิ้ เหมือนอย่ำงซึงทว่ั ไป ปลำยทวนทำให้แบนและงอมำทำงด้ำนหนำ้ ใชไ้ มด้ ดี ซึ่งทำดว้ ยเขำหรือกระดกู สตั วด์ ีด
เครือ่ งดนตรีพนื้ เมอื งภาคเหนือ
ประเภทเครอ่ื งสี
สะล้อ
สะล้อ กลอ่ งเสียงทำด้วยกะลำมะพรำ้ วคลำ้ ยซออู้ของภำคกลำง กะโหลกซอทำด้วยกะลำมะพร้ำวตัดปำดกะลำออกเสยี ด้ำนหนง่ึ
แลว้ ใช้แผ่นไมบ้ ำงปิดแทนกำรขึ้นหนัง คันชกั ทำด้วยไม้จรงิ ยำว ประมำณ 70 ซ.ม. ใชข้ นหำงมำ้ หรอื เสน้ เอ็นขนำดเลก็ สำหรบั ขน้ึ
คนั ชกั เวลำสคี ันชักจะแยกออกจำกตวั สะล้อ สะลอ้ โดยทวั่ ไปจะมีเพียง 2 สำย ทำด้วยลวดโลหะ ลกู บิดมี 2 อนั เจำะรูเสียบทแยง
ไปในคันทวน ชำ่ งทำสะลอ้ มีกำรแกะสลกั ลวดลำยกะโหลกและคันทวนด้วย มี 3 ขนำด คือ สะลอ้ หลวง สะลอ้ กลำง และสะล้อเล็ก
เคร่อื งดนตรีพ้นื เมืองภาคเหนือ
ประเภทเครื่องตี
กลองสะบัดชัย
ตัวกลองมขี นำดใหญ่และมนี ้ำหนักมำก ภำยหลงั เมื่อมีกำรนำไปเขำ้ ในขบวนแห่ จงึ ไดล้ ดขนำดใหส้ ำมำรถใช้คนหำมได้ 2 คน โดยย่อขนำดใหส้ ั้นลง
ประมำณ 1 ใน 3 ส่วน ซึง่ เปน็ อย่ำงทเี่ ห็นในปัจจบุ ัน หนำ้ กลองสะบัดชัยโดยทั่วไปมีเส้นผำ่ นศูนย์กลำงประมำณ 60 ซม. ควำมกวำ้ งของตัวกลอง
ประมำณ 30 ซม. ขึงหนงั สองหน้ำ ร้งั ด้วยเส้นเชอื ก หรือเสน้ หนงั ไมท้ ่ีใชต้ มี ี 2 ขำ้ ง สำหรับลูกตุบปัจจุบันยงั มกี ำรใชง้ ำนอยู่ ซึง่ ทัง้ 3 ใบ มขี นำดแตกตำ่ ง
กันไป ลูกใหญ่สุดหนำ้ กลองมเี สน้ ผ่ำนศนู ยก์ ลำงประมำณ 25 ซม. ลกู รองลงมำประมำณ 22 ซม. และลูกเล็กประมำณ 20 ซม. ควำมยำวของหุ่นลกู ตบุ
ประมำณ 26 ซม. ข้นึ หนังหนำ้ เดยี ว โดยกำรตอกหมดุ ซง่ึ ทำด้วยไม้ เป็นลิม่ เล็กๆ ตอกยดึ ไวใ้ ห้เหลือปลำยหมดุ ยน่ื ออกมำในลกั ษณะสลบั ฟนั ปลำ
เครอ่ื งดนตรีพน้ื เมอื งภาคเหนือ
ประเภทเครอ่ื งตี
กลองกน้ ยาว
กลองก้นยำว หรือกลองปู่เจ่ เปน็ กลองขึงหนังหนำ้ เดยี ว รปู ร่ำงคลำ้ ยกลองยำวในภำคกลำงแต่ยำวกวำ่ มหี นงั เส้นดึงหนำ้ กลองไวโ้ ดยรอบยำวตลอดไหล่
กลอง ตัวกลองทำด้วยไมจ้ รงิ ตอนหนำ้ ใหญ่ ตอนท้ำยมีลักษณะเรยี ว แล้วปลำยบำนเปน็ รปู วงกลมแบน หนำ้ กลองกวำ้ งประมำณ 30 ซ.ม.ยำวตลอด
ตงั้ แต่หน้ำกลองถงึ ปลำยหำงประมำณ 180 ซ.ม. ปลำยปำนเป็นรูปวงกลมเสน้ ผ่ำนศนู ยก์ ลำงประมำณ 30 ซ.ม. ตรงกลำงของหน้ำกลองจะตตี ้องมีกำรติด
จ่ำเพื่อถ่วงเสยี ง หนุ่ กลองสว่ นหำงควัน่ เป็นปลอ้ งๆ นิยมท่ำดว้ ยสดี ำคำดแดงสลบั กันให้ดูสวยงำม มีสำยสะพำยผูกขำ้ งหน่งึ ท่ีรหู ว่ งรมิ ขอบกลอง อีกข้ำง
หน่ึงผกู ไว้ทีห่ ำงสำหรบั คล้องสะพำยบำ่ ใชต้ ีดว้ ยมอื คอื ใช้ทัง้ ฝ่ำมือและน้วิ มอื กำป้นั ตีเต็มเสียงตคี ร่ึงเสียง ลักจังหวะ มกี ำรกดหน้ำกลองใหเ้ กดิ เสียงตำ่ งๆ
เคร่ืองดนตรพี นื้ เมืองภาคเหนือ
ประเภทเคร่อื งตี
กลองเตง่ ท่ิง
“เตง่ ท่งิ ” หรอื กลอง “เต่งทงึ้ ” เป็นชื่อทเ่ี รียกตำมเสยี งกลองทใ่ี ชบ้ รรเลงคู่กบั กลองปง่ โป๊งด้วยแบบแผนหน้ทบั เฉพำะตัวอยู่ใน
วงพำทยฆ์ ้องหรือวงป่ีพำทย์ของลำ้ นนำ ซงึ่ ประกอบดว้ ย ระนำดเอกระนำดทมุ้ ระนำดเหลก็ ฆ้องวง แนนอ้ ย แนหลวง ฉงิ่
ฉำบ เป็นต้น กลองเต่งทิ่งมลี กั ษณะเหมือนตะโพนมอญในวงปพี่ ำทย์ภำคกลำง หนุ่ กลองเปน็ ทรงกรวยปอ่ งตรงกลำง
(ยำวประมำณ 70 ซม.) นิยมทำด้วยไม้สกั หรือไมข้ นนุ ควำ้ นด้ำนในออกเป็นกลอ่ งเสยี ง
เครอ่ื งดนตรพี ้ืนเมืองภาคเหนอื
ประเภทเครอ่ื งตี
กลองมองเซิง
กลองมองเซิง ขึงดว้ ยหนงั ทั้งสองหน้ำ มีสำยหนงั โยงเร่งเสยี ง รปู รำ่ งคลำ้ ยตะโพนมอญ ไม่มขี ำตั้งแต่มสี ำยรอ้ ยสำหรับคลอ้ งคอ
เวลำตี หน้ำกลองดำ้ นเลก็ มเี สน้ ผ่ำนศนู ย์กลำงประมำณ 33-35 ซ.ม. สว่ นด้ำนใหญ่กว้ำงประมำณ 37-40 ซ.ม. ควำมยำวของหุ่น
กลอง ประมำณ 53-55 ซ.ม. เวลำตไี มต่ อ้ งตดิ จ่ำกลอง “ มอง” เปน็ ภำษำถ่นิ ของชำวไต หรอื ไทใหญ่ แปลว่ำ ฆ้อง
สว่ นคำวำ่ เซิง แปลวำ่ ชดุ ดังน้นั จึงสรปุ ไดว้ ่ำ กลองมองเซงิ คอื กลองทต่ี ีประกอบกำรตฆี ้องหลำยๆ ใบ
โดยเนน้ เสียงฆอ้ งเปน็ หลกั (1 ชุด มีตง้ั แต่ 5-9 ใบ) ท้ังยงั มกี ำรฟ้อนประกอบอกี ด้วย
เครื่องดนตรพี ้ืนเมอื งภาคเหนือ
ประเภทเครอื่ งตี
กลองแอว
กลองแอว เปน็ กลองท่ีมลี กั ษณะคลำ้ ยกบั กลองหลวง แตม่ ีขนำดเลก็ และสัน้ กว่ำประมำณ 4 เท่ำ ตวั กลองทำด้วยไมเ้ นอื้ แขง็ เปน็ กลองขงึ ดว้ ย
หนงั หนำ้ เดียว มีหนังเส้นใหญ่ดงึ หนำ้ กลองไวโ้ ดยรอบยำวตลอดไหล่กลอง เอวคอด ตอนทำ้ ยเรยี วและบำนปลำยคลำ้ ยรปู กรวย กลึงควั่นตอน
ช่วงทำ้ ยของกลองเปน็ ปล้องๆ มหี ลำยขนำด โดยมีหนำ้ กลองกวำ้ งประมำณ 35-40 ซ.ม. ควำมยำวของไหล่กลองประมำณ 75-80 ซ.ม. และ
ควำมยำวชว่ งท้ำยประมำณ 95-100 ซ.ม. กลองแอวเปน็ ชือ่ เรียกท่ีมีควำมหมำยถงึ ลกั ษณะรปู รำ่ งของหุ่นกลองทมี่ คี วำมคิดคล้ำย “สะเอว”
เครอ่ื งดนตรีพื้นเมืองภาคเหนอื
ประเภทเครื่องตี
กงั สดาล
กังสดำล สนั นิษฐำนว่ำเปน็ เครอ่ื งดนตรีท่มี ีมำตัง้ แตส่ มัยสุโขทยั จำกหลัก-ฐำนทคี่ น้ พบมีกลำ่ วถงึ ในหนงั สอื ไตรภมู พิ ระร่วง
ตอนหนึ่งวำ่ ประชำชนร่นื เริงสนุกสนำนบรรเลงดนตรดี ดี สตี ีเปำ่ “พนื้ ฆ้องกลองแตรสงั ข์ระฆังกังสดำลมโหระทกึ ”
โดยทวั่ ไปกังสดำลเป็นระฆงั วงเดือน หลอ่ จำกสัมฤทธ์ิ หรอื ทองเหลือง ด้ำนบนเจำะรไู วแ้ ขวน ใช้เป็นเคร่ืองตีบอก
สญั ญำณ ของพระสงฆ์ในสมยั โบรำณ เช่น ในเวลำบณิ ฑบำต และใช้ประกอบกำรบรรเลงดนตรใี นบำงโอกำส
เครือ่ งดนตรพี น้ื เมืองภาคเหนอื
ประเภทเคร่อื งเป่า
ปจ่ี ุม
ปี่จุมเปน็ เครอ่ื งดนตรพี ืน้ บำ้ นล้ำนนำ ไม่ทรำบประวัตคิ วำมเป็นมำท่ีชัดเจน เลำป่ีทำจำกลำไมร้ วก ปลำยด้ำนหน่งึ บริเวณรูเป่ำเจำะทะลเุ ปน็
รูป 4 เหลีย่ มผืนผ้ำ สำหรบั สอดลิน้ ทท่ี ำจำกทองเหลือง เงิน หรอื โลหะชนดิ อืน่ เพ่ือทำให้เกดิ กำรส่ันสะเทือนเป็นเสยี งไพเรำะเมือ่ ผบู้ รรเลงเป่ำ
หรือดดู ลมผำ่ นล้นิ โลหะนนั้ ๆ ดำ้ นหนึง่ ของเลำปเ่ี จำะดว้ ยเหลก็ เผำไฟ เรียงลำดบั ลงมำ 7 รู ตำมระยะหำ่ งของแตล่ ะเสียง โดยเจำะใหช้ อนทะลุ
ยอ้ นขึ้นไปทำงหัวปี่ทใี่ ส่ล้นิ ดังนั้นปจี่ ุมแต่ละเลำจึงมีขนำดยำว-ส้นั และเลก็ -ใหญ่แตกต่ำงกันไปตำมเสียงที่ตอ้ งกำร เหตุทเี่ รยี กว่ำ ปี่จมุ
เพรำะใช้บรรเลงเปน็ จมุ (ชดุ ) คอื ประกอบด้วยป่ตี งั้ แตส่ ำมเลำขนึ้ ไป สำมำรถแบง่ ตำมขนำดได้ 5 ชนิด คือ ปีแ่ ม่ ปี่กลำง ปก่ี ้อย ปเี่ ล็ก ปี่ตัด
เคร่อื งดนตรพี ืน้ เมืองภาคเหนือ
ประเภทเคร่อื งเปา่
ปแ่ี น
ปแี่ น เป็นเคร่ืองเปำ่ ประเภทใชล้ ิ้นในกำรกำเนิดเสยี ง มีลกั ษณะคล้ำยปชี่ วำ หรอื ปี่มอญ ประกอบไปด้วยสองส่วนสำคัญท่ีสำมำรถแยกออกจำกกนั ได้ คอื
1.เลาป่ี ทำดว้ ยไมจ้ รงิ (ไมเ้ นอ้ื แขง็ ) กลงึ กลมเรยี ว บรเิ วณใกล้หวั เลำป่ี(ด้ำนบนใกล้ปำกเป่ำ) กลงึ เป็นลูกแก้วคว่ันเพอื่ ควำมสวยงำม และเป็นตำแหนง่ ใน
กำรผูกโยงเลำป่ี และลำโพงใหต้ ิดกนั ด้ำนหน้ำของเลำป่ีใช้เหลก็ เผำไฟเจำะนำเปน็ รูบงั คบั เสยี งเพ่ือป้องกนั กำรแตกของเนือ้ ไม้ เรยี งน้ิวไล่เสียง จำนวน 7 รู
2.ลาโพงปี่ ทำด้วยทองเหลอื งหรือโลหะชนดิ ตำ่ งๆ หลอม ตใี หป้ ลำยบำนออกคลำ้ ยดอกำโพงเพื่อเป็นกำรกระจำยเสียงให้ดังกังวำนขนึ้
3.ล้นิ ป่ี ของปแี่ นนนั้ เป็นลกั ษณะลน้ิ คู่ทำจำกใบตำลซอ้ นกัน 4 ช้นั ตัดผูกติดกับท่อลมกลมๆ เรยี กวำ่ กำพวด ทำด้วยโลหะชนิดต่ำงๆ เช่น ทองเหลือง, เงิน,
นำค เปน็ ต้น ซ่งึ จะมคี วำมยำวแตกตำ่ งกนั ไปตำมชนดิ และขนำดของปี่แน ซ่งึ ไดแ้ ก่ แนหลวง และแนน้อย
เคร่อื งดนตรพี ้นื เมืองภาคเหนือ
ประเภทเครื่องเปา่
แคนมง้
แคนมง้ เป็นเคร่อื งดนตรีชำวเขำเผ่ำมง้ ซงึ่ ปัจจุบันไดอ้ พยพเขำ้ มำอยอู่ ำศัยทำงภำคเหนอื ตอนบนของประเทศไทย ซึ่งชำวไทยทัว่ ไปเรียก
พวกเขำวำ่ แม้ว สำหรับคำว่ำ แคน เรียกเปน็ ภำษำม้งว่ำ เก้ง มี 2 ขนำด เรียกวำ่ แคนเล็ก กบั แคนใหญ่ ใชเ้ ปำ่ พร้อมๆ กัน
ในพิธกี รรม โดยเฉพำะงำนศพ มีข้อบงั คบั ว่ำตอ้ งเป่ำสง่ วิญญำณผ้ตู ำยตดิ ตอ่ กนั ถงึ 7 วัน เพรำะเชือ่ กันมำแตเ่ ดิมว่ำวิญญำณของบรรพ
ชนจะเดนิ ทำงมำรบั วิญญำณของผตู้ ำยไปอย่ดู ้วย ณ สถำนทแี่ หง่ หนง่ึ ซ่ึงต้องใชเ้ วลำเดินทำงถึง 7 วนั ถ้ำเป็นเวลำปกติตอ้ งกำรคลำย
เครียด ประเทืองอำรมณ์ หรือเกย้ี วสำวกส็ ำมำรถนำมำใช้เปำ่ ได้เหมือนกนั ขึ้นอยกู่ บั ควำมถนัดของผเู้ ป่ำวำ่ จะใช้แคนเลก็ หรอื แคนใหญ่
สือ่ การสอนเร่ือง :
เคร่อื งดนตรพี ้นื เมอื งภาคเหนอื
ท่มี า : http://tkapp.tkpark.or.th