The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

4.เครื่องดนตรีพื้นเมืองภาคอีสาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วิวัฒน์ แก้วอุ้ย, 2021-07-31 00:16:43

4.เครื่องดนตรีพื้นเมืองภาคอีสาน

4.เครื่องดนตรีพื้นเมืองภาคอีสาน

สื่อการสอนเรอ่ื ง :
เคร่ืองดนตรีพ้ืนเมืองอสี าน

เครื่องดนตรีพื้นเมอื งอีสาน

พิณ

“พิณ”หรือ พิณโปร่ง มีหลายชนิดแตกต่างตามท้องท่ีในภาคอีสานของประเทศไทย พิณอาจมี เครอ่ื งดนตรี
ชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องถ่ิน เช่น "ซุง" หรือ "เต่ง" จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภท ประเภท
เคร่ืองสาย มีรูปร่างคล้ายกีตาร์แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยทั่วไปมี 3 สาย ในบางท้องถิ่นอาจมี
2 หรือ 4 สาย บรรเลงโดยการดีดด้วยวัสดุทีเป็นแผ่นบาง เช่นไม้ไผ่เหลา หรืออาจใช้ปิ้กกีตาร์ ดดี
ดดี ก็ได้ สมัยก่อนจะเล่นเครือ่ งเดยี วเพอ่ื เกยี้ วสาว ปจั จบุ นั มักใช้บรรเลงในวงดนตรีโปงลาง

วงดนตรีลาซิ่ง หรือวงดนตรลี กู ทุง่

เคร่อื งดนตรพี ื้นเมืองอสี าน

จ๊องหนอ่ ง

“จ๊องหน่อง” เคร่ืองดนตรีประเภทเครื่องดีด ทาจากไม้ไผ่ เวลาดีดต้องสอดคาบไว้ในปาก โดยมี เครอื่ งดนตรี
กระพุ้งแก้มทาหน้าที่เป็นกล่องเสียง ภาคกลางเรียกว่า จ้องหน่อง บางท้องถ่ินอาจจะเรียก หุน ประเภท
หึน หนื หรอื โกย ในแถบอสี านใต้ เรียกวา่ อังกยุ จ์ จอ๊ งหน่องน้ันทาจากชิ้นไมไ้ ผ่ขนาดเล็ก ยาว
ประมาณ 12-15 ซม. กว้างประมาณ 1-2 ซม. นามาเซาะร่องตรงกลางเปน็ ลักษณะของล้นิ ไม้ ดีด

ปลายดา้ นหน่งึ ใช้เปน็ ทีจ่ ับ สว่ นอีกดา้ นใชน้ ว้ิ ดีดเพื่อให้เกิดการส่ันสะเทือน เสียงที่เกดิ ขึ้นน้ันจะ
แตกต่างก็ต่อเมอ่ื ผู้บรรเลงใช้การเปดิ ปดิ กระพ้งุ แกม้ ให้กว้างหรอื แคบ

เครื่องดนตรีพื้นเมืองอีสาน

ซอกระดองเต่า

“ซอกระดองเต่า” คือ เครื่องดนตรีประเภทเครอ่ื งสาย เกิดเสียงโดยการใช้คันชักถูสายให้เกิด เครอ่ื งดนตรี
การส่นั สะเทอื น ทีเ่ รยี กวา่ ซอกระดองเต่านัน้ กเ็ พราะส่วนท่ีเป็นกะโหลก กระบอก หรือกล่องเสียงของ ประเภท
ซอชนิดนี้ ทาจากกระดองเต่า โดยตัดส่วนหน้าออก แล้วขึงด้วยหนังงู หรือใช้ไม้แผ่นบางติดไว้เป็น
หน้าซอ บนหน้าซอวางชิ้นไม้เล็กๆ ทาหน้าที่รองสายท่ีทาจากลวด หรือสายห้อล้อจักรยานจานวน สี
2 สาย พาดไปยงั ลูกบดิ 2 ชิน้ ทอี่ ยบู่ ริเวณทวนบนซอกระดองเต่าน้ัน จะเทยี บเสยี งเปน็ ลักษณะคู่ 4

ใหเ้ ข้ากับเครอ่ื งดนตรที ีม่ ีเสียงทแ่ี น่นนอนไม่สามารถปรบั ได้ เชน่ เคร่อื งเป่า
โดยนิยมนามาร่วมเล่นในวงกันตรมึ ของทางอีสานใต้

เคร่อื งดนตรพี ้ืนเมอื งอีสาน

ซอบ้ัง

ซอบ้ังหรือซอไม้ไผ่ /ซอผู้ไทยเป็นเคร่ืองดนตรีท่ีทาจากปล้องไม่ไผ่ ทาหน้าท่ีเป็นท้ังกะโหลกซอและคันซอแตกต่าง เครอ่ื งดนตรี
จากซอในภูมิภาคอื่น ซอบั้งทาจากไม้ไผ่ชนิดหน่ึงซึ่งข้ึนอยู่บนภูเขาในช่วงท่ีกาลังผลิแขนงแตกใบอ่อน เรียกว่า ไม้กุ ประเภท
แล้วนาไปตากแดดจนแห้งอยู่ตัว ก่อนจะนาไปขูดเปลือก เจาะรู ร้อยสาย เข้ากับลูกบิด บั้งหรือกระบอกไม่ไผ่นั้นทา
หน้าท่เี ป็นกลอ่ งเสียงเชน่ เดียวกับกะโหลกซอ ด้านหน่งึ ของกระบอกวางชิ้นไมเ้ ล็กๆ เรยี กว่าหย่อง ทาหน้าท่ยี กสายซอท้ัง สี
สองสาย ซ่ึงทาจากสายห้ามล้อจักรยาน สายหน่ึงเรียกว่า สายไล่เสียง ทาหน้าท่ีดาเนินทานอง สายที่สองเรียกว่า
สายกล่อมเสียง ทาหน้าที่เป็นเสยี งประสานให้สูงขึ้น วางพาดขงึ ไปยงั ลูกบิดทท่ี าจากลิ่มไม่สองชิ้นบรเิ วณปลายด้านตรง

ข้ามของกระบอก ถดั มาเล็กนอ้ ยมีรดั อกทที่ าจากหวายรดั สายซอท้ังสองใหส้ ัมผัสเข้ากบั ตัวกระบอก
ซอบั้งนยิ มบรรเลงรว่ มกับเคร่ืองดนตรีอื่น โดยใช้คันชักสใี หเ้ กิดเสียง
ร่วมกบั แคน และปี่ มเี สยี งท่อี ่อนหวานเป็นเอกลักษณ์
เฉพาะตัว

เครอื่ งดนตรีพื้นเมอื งอีสาน

ซอกนั ตรึม

“ซอกันตรึม” เป็นเครือ่ งดนตรขี องกลมุ่ ชาวไทยเช้อื สายเขมรและชาวไทยอีสาน เป็นเคร่ืองสายใช้สี เครือ่ งดนตรี
ทาด้วยไม้ กะโหลกซอขึงด้วยหนังงูหรือหนังจาพวกตะกวด มีช่องเสียง อยู่ด้านตรงข้ามหน้าซอ ประเภท
ใช้สายลวดมี 2 สาย คันชักอยู่ระหว่างสาย คันซอยาวประมาณ 60 ซม. มีลูกบิดอยู่ตอนนอกซอใช้
รัดดว้ ยเชือก ขนาดของซอแตกตา่ งกันไปตามความ ประสงค์ของผูส้ ร้าง โดยทัว่ ไปมี 3 ขนาด คือ สี

ขนาดเลก็ เรยี ก ตรวั จ้ี ขนาดกลางเรียก ตรัวเอก ขนาดใหญเ่ รยี ก ตรัว บางครัง้ จะเห็นมี
การดัดแปลงประยกุ ต์กะโหลกซอโดยใชก้ ระปอ๋ งหรือปีบ๊ ซง่ึ อาจ
เรยี กแทนว่า ซอกระป๋องหรือซอปบ๊ี ได้

เคร่อื งดนตรีพื้นเมืองอสี าน

กลองกันตรึม

“กลองกันตรึม” รูปร่างคล้ายโทนภาคกลาง ทาด้วยไม้ขนุนหรือต้นมะพร้าว เครื่องดนตรี
ขนาดหน้ากลอง 20 ซม. ยาว 50 - 60 ซม. โดยประมาณ ขึ้นหนังหน้าเดียว ดึงให้ตึง ประเภท
ด้วยเชือก ชุดหน่ึงมี 2 ลูก คือ ตัวผู้ (เสียงสูง) กับตัวเมีย (เสียงต่า) ตีด้วยมือเปล่า
เปน็ เครอื่ งดนตรีของภาคอีสานทางตอนใต้ และใชป้ ระกอบจังหวะใน วงกนั ตรมึ ตี

และการเลน่ พนื้ บา้ นทกุ ประเภท

เครื่องดนตรีพื้นเมืองอีสาน

โปงลาง

“โปงลาง” ดนตรีพ้ืนเมืองอีสานถือว่าจังหวะสาคัญมาก เคร่ืองดนตรีประเภทตีใช้ดาเนินทานองอย่างเดียวคือ เครื่องดนตรี
โปงลาง โปงลางมีวิวัฒนาการมาจากระฆังแขวนคอสัตว์เพ่ือให้เกิดเสียงโปงลางที่ใช้บรรเลงอยู่ในภาคอีสาน ประเภท
มี 2 ชนิด คือ โปงลางไม้และโปงลางเหล็ก ภาพท่ีแสดงคือ โปงลางไม้ซึ่งประกอบด้วยลูกโปงลางประมาณ
สิบสองลูกเรียงตามลาดับเสียงสูง ต่า ใช้เชือกร้อยเป็นแผงระนาด แต่โปงลางไม่ใช้รางเพราะเห็นว่าเสียงดัง ตี
อยแู่ ลว้ แต่นามาแขวนกับทแ่ี ขวน ซ่ึงยดึ สว่ นปลายกบั ส่วนโคนใหแ้ ผงโปงลางทามมุ กับพ้นื 45 องศา ไม้ตี

โปงลางทาดว้ ยแกน่ ไมม้ หี วั งอนคล้ายค้อนสาหรบั ผู้บรรเลงใช้ตีดาเนินทานอง 1 คูแ่ ละอีก 1 คู่
สาหรบั ผู้ชว่ ยใชเ้ คาะทาให้เกดิ เสียงประสานและจงั หวะตาม
ลักษณะของดนตรีพ้ืนเมืองอีสานที่มเี สยี ง
ประสานรา

เครื่องดนตรีพ้ืนเมอื งอสี าน

กลองหาง

“กลองหาง” หรือกลองยาวอีสาน เป็นกลองขึงหนังหน้าเดียว หุ่นกลองทาจากไม้เนื้ออ่อนท่ีมี เครอ่ื งดนตรี
น้าหนกั เบา เชน่ ไม้ขนุน นามาขดุ กลวงภายใน โดยปลายด้านหนึ่งจะบานออกคล้ายดอกลาโพง เรียกว่า ประเภท
“ตนี กลอง” ตอนกลางเรียวคอด ด้านบน ป่องออกเป็นกล่องเสียง ขึงหนังข้ึนหน้าด้วยสายเร่งท่ีทาจาก
เชือกชนิดต่างๆ เช่น หวาย หนัง ไนลอ่ น กลองหางนยิ มบรรเลงรว่ มกับ กลองตึ้ง โดยมกี ลองตึง้ 1ใบ ตี

กลองหาง หรอื กลองยาว 4 ใบรวมเปน็ ชดุ กลองอสี าน หรอื อาจจะใช้บรรเลงในขบวนแห่
ต่างๆ เรียกว่า วงกลองยาว

เคร่ืองดนตรพี ้ืนเมืองอสี าน

กลองเส็ง

“กลองเส็ง” ใช้ตีประชันแข่งขันกัน ใครดังกว่าชนะ เส็ง แปลว่า แข่งขัน บางทีเรียกกลองกิ่ง เครือ่ งดนตรี
หรือ จ่ิง ตามเสียงที่ได้ยิน ชาวผู้ไทเรียก กลองเส็ง หรือ กลองแต้ กลองขนาดใหญ่ขึงหนังสองหน้า ประเภท
ดา้ นหนึง่ เล็ก อีกด้านหน่ึงใหญ่ใช้ไม้ตีเฉพาะด้านใหญ่ มักนิยมนามาแข่งขันกันในตอนกลางคืนช่วง
เทศกาลบญุ บั้งไฟ ไม้ตนี ิยมทาจากไม้ที่มีความเหนียวไม่แตกหกั ง่าย นยิ มใช้ไมม้ ะขาม หรือไม้เคง็ เหลา ตี

ให้ไดข้ นาดประมาณน้วิ กอ้ ยยาก หนึง่ ศอก โดยใชผ้ ้าพันเปน็ ดา้ มจับเพ่ือความกระชับมอื
ส่วนปลายไมน้ ิยมใช้ตะกว่ั หุ้มเพ่ือให้เกดิ นา้ หนักในการตี

เครอื่ งดนตรพี ้ืนเมอื งอีสาน

ผางฮาด

ผางฮาด พางฮาด หรือ พังฮาด เป็นเคร่ืองดนตรีที่ทาจากโลหะ มีรูปร่างลักษณะคล้าย เครอื่ งดนตรี
ฆ้อง โหม่ง แต่ไม่มีปุ่มตรงกลางเหมือนฆ้องโดยทั่วไป มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40 ซม. ประเภท
ใช้ไม้ท่ีหุ้มด้วยผ้าตีบริเวณตรงกลาง ผางฮาดน้ัน เปน็ เครื่องดนตรีโบราณที่ตั้งชื่อตามลักษณะ
ของเสยี งทไี่ ด้ยนิ มักใช้บรรเลงประกอบการฟ้อนกลองตุม้ ฟ้อนซวยมอื หรอื ฟ้อนภไู ท ตี

เคร่ืองดนตรีพื้นเมืองอีสาน

กบ๊ั แกบ้

“กั๊บแก้บ” เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องประกอบจังหวะ เรียกชื่อเลียนเสียงที่เกิดขึ้น เคร่อื งดนตรี
ทาจากไม้เน้ือแข็งหนาประมาณ 2 ซม. กว้าง ประมาณ 5 ซม. หรืออาจจะสั้นยาวแล้วแต่ ประเภท
ความต้องการ จนถึงขนาด 30 ซม. ก็มี ในบางที่นิยมติดฝาเครื่องดื่มที่ทาจากโลหะนามาตีให้
เป็นแผ่นแบน แล้วติดไว้ท่ีปลายด้านหนึ่งเพ่ือให้เกิดเสียงที่ดังไพเราะในการบรรเลงน้ัน จะใช้ ตี
การตกี ระทบกนั เป็นคู่ โดยอาจจะถอื มอื ละคู่ หรอื มอื ละข้างแล้วใช้การตีกระทบทีฝ่ า่ มอื กไ็ ด้

เครอ่ื งดนตรพี ื้นเมอื งอีสาน

แคน

“แคน” เปน็ เครอื่ งดนตรขี องชาวลาวหรือสปป.ลาว และถือเป็นสัญลักษณ์ประจาชาติของชนชาติลาวอีกด้วย เครื่องดนตรี
โดยเครื่องดนตรีชนิดน้ีจะใชไ้ ม้ซางขนาดตา่ งๆ ประกอบกนั เข้าเปน็ ตัวแคน แคนเป็นเครือ่ งเปา่ มีลนิ้ โลหะ เสียง ประเภท
เกดิ จากลมผ่านลิน้ โลหะไปตามลาไม้ท่เี ป็นลูกแคน การเปา่ แคนตอ้ งใช้ทงั้ เป่าลมเขา้ และดูดลมออกด้วย จึงเป่า
ยากพอสมควรและแคนมีหลายขนาด ถือเป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งท่ีให้เสียงไพเราะ เป็นเอกลักษณเ์ ฉพาะตัว เป่า
สรา้ งเสยี งประสานได้ในตัวเอง บ่งบอกถงึ วถิ ชี วี ติ ของชาวพ้นื เมอื งบริเวณลุ่มแมน่ า้ โขงได้เปน็ อย่างดี ใครเปน็ ผู้

คดิ ประดิษฐ์เครื่องดนตรีท่เี รยี กวา่ “แคน” เป็น คนแรก และทาไมจงึ เรยี กวา่ “แคน” นนั้
ยงั ไมม่ ีหลักฐานท่ีแนน่ อนยนื ยนั ได้

เครอ่ื งดนตรีพื้นเมอื งอีสาน

โหวด

“โหวด” เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าหรือแกว่ง มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกคล้ายกับบ้ังไฟ เครอ่ื งดนตรี
ทาจากไม้กู่แคนซ่ึงเป็นไม้ซางชนิดเดียวกับท่ีใช้ทาแคนด้านบนมีชันโรง (ข้ีสูด) มีลักษณะคล้ายกับ ประเภท
เครื่องดนตรีกรีกโบราณ ที่เรียกว่า “Pan Pipe” ในสมัยโบราณมักจะใช้ผูกกับเชือกแล้วแกว่งให้
เกดิ เสียง โหวดเป็นเครอ่ื งดนตรีประจาจงั หวดั ร้อยเอ็ด ผคู้ ดิ คน้ พัฒนาใหโ้ หวดมีลักษณะแบบทเี่ ห็น เป่า

ในปจั จุบันคือ นายทรงศักด์ิ ประทมุ สินธ์ุ อาจารย์ประจามหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม
เครื่องดนตรีชนดิ น้ไี ด้รับความนิยมในเพลงลกู ทุ่งในชว่ งหลงั
นบั ต้ังแตช่ ่วงปี 2540 เป็นตน้ มา

เครื่องดนตรพี ้ืนเมืองอสี าน

ป่ ีภไู ท

“ป่ภี ไู ท” เปน็ เคร่อื งดนตรปี ระเภทเครอ่ื งเป่าของชาวภไู ท ท่ีมีลักษณะของการประสมขลุ่ยกับแคนเข้าด้วยกัน โดยตัวปี่ เครื่องดนตรี
น้ันทาจากไม้เฮ้ีย หรือไม้กู่แคน เช่นเดียวกับการทาแคน เนื่องจากป่ีชนิดนี้ทาจากไม้กู่แคน จึงมีผู้เรียกว่า ปี่ลูกแคน ก็มี ประเภท
การทาป่ีลูกแคนน้ัน เร่ิมจากการตัดไม้เฮ้ียออกเป็นท่อนให้มีความยาวเท่ากับ 1 ปล้อง โดยด้านบนตัดให้ขังข้อ
ส่วนดา้ นลา่ งตดั ข้อทงิ้ ให้ปลายเปดิ ด้านบนของก่แู คนใกล้กบั ขอ้ เจาะรูสเี่ หลยี่ มผนื ผ้าเปน็ ทีส่ าหรับสอดล้ินป่ี ทท่ี าจากผิว เปา่

ไม้ไผ่หรือท่ีนิยมในปัจจุบันคอื โลหะ เชน่ ทองเหลือง ทองแดง หรอื เงิน แลว้ จงึ เจาะรูนิว้ ไล่เรยี งลาดบั ลงมา 5 รู โดย
ดา้ นบนสุดเจาะรพู ิเศษหน่งึ รูแลว้ จงึ นาเยื่อไมไ้ ผ่มาปิดไว้ เรยี กว่า รูเยอ่ื ซึง่ มีหน้าทีต่ กแต่งเสียงให้เกดิ ความพล้ิวไหว

ไพเราะ ป่ีลกู แคนนน้ั นิยมบรรเลงรว่ มกบั เครือ่ งดนตรชี นิดอนื่ เช่น พิณ แคน ซอ ทั้งยัง
สามารถเปา่ เข้าวงประกอบการฟอ้ นภูไทได้อยา่ งไพเราะสนทิ สนม

ส่ือการสอนเร่ือง :
เคร่อื งดนตรพี ้ืนเมอื งอีสาน

เครดิต http://tkapp.tkpark.or.th , youtube


Click to View FlipBook Version