สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256การรับรู้รายการ ประมาณการหนี้สินจะต้องรับรู้ก็ต่อเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขทุกข้อต่อ1. กิจการมีภาระผูกพันปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์ในอดีตไผูกพันนั้น จะเป็ นภาระผูกพันตามกฎหมายหรือภาระผูกพัอนุมาน 2. มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่กิจการจะสูญเสียทรัพยากรที่มีเชิงเศรษฐกิจต่อกิจการเพื่อจ่ายช าระภาระผูกพันดังกล่าว กิจการต้องไม่รับรู้หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น แต่ให้เปิ ดเผยรายละเอียดผูกพันที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งมูลค่าผลกระทบทางการเงินหาประมาณได้ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน กิจการต้องไม่รับรู้สินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น แต่หากมีความเป็นไปไแน่ที่กิจการจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ กิจการต้องเปิ ดเผยราโดยสังเขปเกี่ยวกับลักษณะของสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้ น ณ วัระยะเวลารายงาน และกิจการต้องเปิดเผยประมาณการผลกระทบทหากสามารถท าได้ในทางปฏิบัติอย่างไรก็ตาม หากมีความเสมือนรายได้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน รายการสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องไม่สินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น และการรับรู้รายการดังกล่าวถือว่าเหมาะสมการวัดมูลค่า กิจการต้องรับรู้ประมาณการหนี้สินด้วยจ านวนประมาณการที่ดีรายจ่ายที่ต้องน าไปจ่ายช าระผูกพันปัจจุบัน ณ วันสิ้นรอบระยะเวลา
r PAEs 52 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน อไปนี้ ไม่ว่าภาระ ันจากการ ประโยชน์ ดของภาระ กสามารถ ได้ค่อนข้าง ายละเอียด ันสิ้ นรอบ ทางการเงิน แน่นอนว่า ถือว่าเป็ น ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ ดีที่สุดของ ารายงาน ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ เว้นแต่ ประมาณการที่ดีที่สุดต้อง พิจารณาถึง • กิจการต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องอย่างไม่ อาจหลีกเลี่ยงได้กับสิ่งที่อยู่แวดล้อมเหตุการณ์และสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งประมาณการที่ดีที่สุดของประมาณการหนี้สิน
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256ก า ร เ ปิ ด เ ผ ย ข้อมูล กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลต่อไปนี้ส าหรับประมาณการหนี้สินแต่ละป1. จ านวนประมาณการหนี้สิน ณ วันต้นงวดและวันสิ้นรอบระยะเว2. จ านวนประมาณการหนี้สินที่รับรู้เพิ่มเติมในระหว่างงวด ซึ่งรวมที่เพิ่มขึ้นของประมาณการหนี้สินที่มีอยู่ 3. จ านวนที่ตัดออกจากบัญชีประมาณการหนี้สินในระหว่างงรายจ่ายที่เกิดขึ้นและน าไปลดประมาณการหนี้สิน) 4. จ านวนประมาณการหนี้สินที่ไม่ได้ใช้ที่ต้องกลับบัญชีในระหว่างง5. ค าอธิบายโดยสังเขปเกี่ยวกับลักษณะของภาระผูกพันและจังหกิจการคาดว่าจะสูญเสียประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ 6. สิ่งที่ชี้ บอกความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจ านวนหรือจังหวะเวลสูญเสียประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ กิจการต้องเปิ ดเผยข้อสมมติที่ส
r PAEs 53 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน • กิจการต้องก าหนดจ านวนประมาณการหนี้สินโดยใช้มูลค่าปัจจุบันของ รายจ่ายที่คาดว่าจะต้องน ามาจ่ายช าระภาระผูกพัน หากมูลค่าของเงินตาม เวลามีผลกระทบต่อจ านวนประมาณการหนี้สินนั้นอย่างมีสาระส าคัญ • จ านวนประมาณการหนี้สินต้องสะท้อนถึงเหตุการณ์ในอนาคตซึ่งอาจมี ผลกระทบต่อจ านวนที่กิจการต้องน ามาจ่ายช าระภาระผูกพัน หากมี หลักฐานที่เป็นรูปธรรมเพียงพอที่ท าให้เชื่อได้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตนั้น จะเกิดขึ้น ตัวอย่างประมาณการที่ได้รับผลกระทบ เช่น - การเปลี่ยนแปลงในหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการรื้อถอน การบูรณะ และหนี้สินที่ มีลักษณะคล้ายคลึงกัน (TFRIC 1) - โครงการผลประโยชน์ที่ก าหนดไว้ (Defined benefit plans) (TAS 19) - ประมาณการหนี้สิน (TAS 37) ประเภท ลารายงาน มถึงจ านวน งวด (เช่น งวด หวะเวลาที่ ลาของการ ส าคัญที่ใช้ ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต เมื่อกิจการจ าเป็นต้องเปิดเผยเพียงพอ
r PAEs 54 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ยข้อมูลให้
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forบทที่ 17 เรื่อง เหตุการณ์ภาข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256อ้างอิงถึง บทที่ 17 เรื่อง เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงาน ค านิยาม เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างวันสิ้นรอบระยะเวลารายงานกับวันที่ได้ให้ออกงบการเงิน ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นไปในทางดีหรือไม่ดีแยกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1. เหตุการณ์ที่เป็ นหลักฐานยืนยันว่าสถานการณ์ได้มีอยู่ ณ วัระยะเวลารายงาน (เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงปรับปรุง) 2. เหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ได้เกิดขึ้นภายหลังรอบรรายงาน (เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงานที่ไม่ต้องปรับรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนถึงวันที่อนุมัติให้ออกงบการเงิน แม้ว่าเหล่านั้นจะเกิดขึ้นภายหลังการประกาศผลก าไรหรือข้อมูลทางกให้สาธารณชนทราบ เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงานที่ต้องปรับปรุง กิจการต้องปรับปรุงจ านวนที่รับรู้ในงบการเงินเพื่อสะท้อนใเหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงานที่ต้องปรับปรุง เช่น ค าของคดีความในศาลภายหลังรอบระยะวลารายงาน ซึ่งยืนยันว่ากิจกผูกพันปัจจุบัน ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน การล้มละลายขที่เกิดขึ้นภายหลังรอบระยะเวลารายงาน การก าหนดภายหลังรอบรายงานส าหรับจ านวนส่วนแบ่งก าไรหรือการจ่ายโบนัสซึ่งเป็ นผเหตุการณ์ก่อนสิ้นรอบระยะเวลารายงาน
r PAEs 55 ายหลังรอบระยะเวลารายงาน 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 10 เรื่อง เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลา รายงาน ด้รับอนุมัติ ดีสามารถ วันสิ้นรอบ งานที่ต้อง ระยะเวลา บปรุง) าเหตุการณ์ การเงินอื่น ให้เห็นถึง าพิพากษา การมีภาระ ของลูกหนี้ บระยะเวลา ผลมาจาก ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงานที่ไม่ต้องปรับปรุง กิจการไม่ต้องปรับปรุงจ านวนที่รับรู้ในงบการเงินเพื่อสะท้อนถึงเภายหลังรอบระยะเวลารายงานที่ไม่ต้องปรับปรุง เช่น การลดลงตลาดของเงินลงทุนระหว่างวันสิ้นรอบระยะเวลารายงานกับวันที่ไดให้ออกงบการเงิน การประกาศจ่ายเงินปันผลภายหลังรอบระยะเวลก า ร เ ปิ ด เ ผ ย ข้อมูล กิจการต้องเปิ ดเผยวันที่ได้รับการอนุมัติให้ออกงบการเงิน แลอนุมัติงบการเงิน หากผู้เป็นเจ้าของกิจการหรือบุคคลอื่นมีอ านาจแก้ไขหลังจากที่ได้มีการออกงบการเงินแล้ว กิจการต้องเปิดเผยข้อเท็จจริเมื่อเหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงานที่ไม่ต้องปรับปรุงมีสจะท าให้การไม่เปิ ดเผยข้อมูลมีผลกระทบต่อการตัดสินใจเชิงเศรผู้ใช้งบการเงิน ดังนั้น กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลทุกข้อต่อไปนี้ 1. ลักษณะของเหตุการณ์ดังกล่าว 2. ประมาณการผลกระทบทางการเงิน หรือค าอธิบายที่กิจการไประมาณผลกระทบดังกล่าวได้
r PAEs 56 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน เหตุการณ์ ของมูลค่า ด้รับอนุมัติ ลารายงาน ะผู้ให้การ ขงบการเงิน ริงดังกล่าว สาระส าคัญ ษฐกิจของ ไม่สามารถ ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forบทที่ 18 เืข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256อ้างอิงถึง บทที่ 18 เรื่อง รายได้ การวัดมูลค่า รายได้ กิจการต้องวัดมูลค่าของรายได้โดยใช้มูลค่ายุติธรรมของสิ่งตอบแทหรือค้างรับ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ คือ จ านวนเงินที่กิจการได้รับหรือค้างตกลงราคาไว้กับผู้ซื้อสุทธิจากส่วนลดการค้าและส่วนลดตามปริมาณรายได้จากการ ขายสินค้า กิจการต้องรับรู้รายได้จากการขายสินค้าเมื่อเข้าเงื่อนไขทั้ง 5 ข้อ คือ1. ได้โอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยส าคัญในสินค้าให้กับผู้2. ผู้ขายไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารสินค้า หรือไม่ได้ควบคุมสินค้าที่ทั้งทางตรงและทางอ้อม 3. สามารถวัดมูลค่าของรายได้ได้อย่างน่าเชื่อถือ 4. มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ แ5. สามารถวัดมูลค่าต้นทุนที่เกี่ยวข้องได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยทั่วไป การโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยส าคัญจะเกิกจิการโอนกรรมสทิธ์ใินสินค้าให้กับผู้ซ้ือ แต่ในบางกรณีอาจเกดิข้ึนหลังการโอนกรรมสิทธ์ิได้ท้ังน้ีข้ึนอยู่กับสถานการณ์แวดล้อมขอบัญชีนั้น รายได้จากการ ให้บริการ กิจการต้องรับรู้รายได้จากการให้บริการตามขั้นความส าเร็จของงานประมาณจ านวนรายได้ที่ต้องรับรู้สามารถท าได้อย่างน่าเชื่อถือ กล่าเข้าเงื่อนไข 4 ข้อ คือ 1. วัดมูลค่าของรายได้ได้อย่างน่าเชื่อถือ 2. มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ 3. วัดขั้นความส าเร็จของงานได้อย่างน่าเชื่อถือ และ
r PAEs 57 รื่อง รายได้ 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 15 เรื่อง รายได้จากสัญญาที่ท ากับ ลูกค้า ทนที่ได้รับ งรับตามที่ ณซื้อ กิจการต้องรับรู้รายได้จากสัญญาที่ท ากับลูกค้าโดยพิจารณาตามหลักการ five-step model ดังนี้ 1. การระบุสัญญาที่ท ากับลูกค้า กล่าวคือ มีข้อตกลงระหว่างกิจการและลูกค้า ที่ท าให้เกิดสิทธิที่สามารถบังคับได้และภาระผูกพันขึ้น รวมถึงข้อพิจารณา การรวมสัญญา การแยกสัญญา การเปลี่ยนแปลงสัญญา 2. การระบุภาระที่ต้องปฏิบัติตามสัญญา เป็ นสินค้าหรือบริการที่มีความ แตกต่างกันซึ่งกิจการตกลงจะโอนการควบคุมให้แก่ลูกค้า 3. การก าหนดราคาของรายการ ในจ านวนที่กิจการคาดว่าจะมีสิทธิได้รับจาก ลูกค้าทั้งที่เป็นและไม่เป็นเงินสดซึ่งอาจเป็นจ านวนที่แน่นอนหรือผันแปร และปรับปรุงผลกระทบของค่าของเงินตามเวลาหากสัญญามีองค์ประกอบ การจัดหาเงินที่มีนัยส าคัญ สิ่งตอบแทนที่มิใช่เงินสด และสิ่งตอบแทนที่ ต้องจ่ายให้ลูกค้า 4. การปันส่วนราคาของรายการให้กับภาระที่ต้องปฏิบัติตามสัญญา โดย อ้างอิงจากราคาขายแบบเอกเทศของสินค้าหรือบริการนั้น 5. การรับรู้รายได้ เมื่อกิจการโอนอ านาจควบคุมในสินค้าหรือบริการให้แก่ ลูกค้าแล้ว โดยตลอดช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น กรณีโอนการควบคุมบริการ ทั่ว ๆ ไปให้ลูกค้า) หรืออาจเกิดขึ้น ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง (เช่น กรณีโอน การควบคุมสินค้าทั่ว ๆ ไปให้ลูกค้า) โดยกิจการต้องเลือกวิธีที่เหมาะสม ส าหรับการวัดระดับความก้าวหน้าของภาระที่ต้องปฏิบัติซึ่งเสร็จสิ้นตลอด ช่วงเวลาหนึ่ง อ ผู้ซื้อแล้ว ขายไปแล้ว และ กิดขึ้นเมื่อ นก่อนหรือ องรายการ น เมื่อการ าวคือ เมื่อ
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 2564. วัดมูลค่าต้นทุนที่เกี่ยวข้องได้อย่างน่าเชื่อถือ วิธีการก าหนดขั้นความส าเร็จของงานอาจท าได้หลายวิธี เช่น การส าได้ท าแล้ว หรือใช้อัตราส่วนของงานบริการที่ให้จนถึงปัจจุบันเทียบทั้งสิ้นที่ต้องให้ หรือใช้อัตราส่วนของต้นทุนที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบันประมาณการต้นทุนทั้งสิ้น เป็นต้น
r PAEs 58 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ารวจงานที่ บกับบริการ นเทียบกับ ด้วยเหตุนี้ หลักการรับรู้รายได้ตาม TFRS 15 จึงอาจมีความแตกต่างจาก TFRS for NPAEs ในบางกรณี ตัวอย่างเช่น • การรับรู้รายได้ตามหลักการ five-step model ข้างต้นจะใช้ได้กับสัญญาที่ ท ากับลูกค้าในทุกประเภทธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยไม่มีการแบ่งแยก ตามประเภทของรายได้ (เช่น รายได้จากการขายสินค้า หรือรายได้จาก การให้บริการ รายได้ค่าสิทธิ) แต่เป็นการพิจารณาตามภาระที่ต้องปฏิบัติ ซึ่งเสร็จสิ้นตลอดช่วงเวลาหนึ่ง (over time) หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง (point in time) ดังนั้น จึงอาจท าให้การรับรู้รายได้ของบางสัญญามีลักษณะ ที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อใช้ TFRS 15 • การรับรู้รายได้ตาม TFRS 15 จะพิจารณาจากการโอน “อ านาจควบคุม” ในสินค้าหรือบริการให้แก่ลูกค้าเป็ นหลัก แทนที่จะพิจารณาจากโอน “ความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยส าคัญ” ซึ่งแนวคิดนี้ TFRS 15 ใช้ เป็นเพียงเกณฑ์หนึ่งในการรับรู้รายได้ ณ จุดหนึ่งของเวลา • กรณีที่สัญญามีการโอนการควบคุมสินค้าหรือบริการหลาย ๆ อย่างให้แก่ ลูกค้า TFRS 15 ก าหนดให้กิจการต้องระบุภาระที่ต้องปฏิบัติตามสัญญา อย่างชัดแจ้งและปันส่วนรายได้ให้กับแต่ละภาระที่ต้องปฏิบัติเช่น กรณี ภาระที่ต้องปฏิบัตินั้นลูกค้าที่รับโอนการควบคุมสินค้าหรือบริการสามารถ ใช้งานได้กับทรัพยากรของกิจการ หรือภาระที่ต้องปฏิบัติมีรูปแบบการ โอนแตกต่างกัน เพื่อรับรู้รายได้อย่างเหมาะสม • กรณีที่ระยะเวลาในการจ่ายช าระค่าสินค้าหรือบริการก่อให้เกิดประโยชน์ ที่ส าคัญในรูปแบบของการจัดหาเงินให้กับลูกค้าหรือกิจการ ไม่ว่าจะโดย ชัดแจ้งหรือโดยนัยก็ตาม TFRS 15 ก าหนดให้กิจการต้องปรับปรุง ผลกระทบของค่าของเงินตามเวลา
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256รายได้ดอกเบี้ย รายได้ดอกเบี้ยรับรู้ตามวิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง หรือวิธีอื่นทีแตกต่างจากวิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอย่างมีสาระส าคัญ รายได้ค่าสิทธิ รายได้ค่าสิทธิรับรู้ตามเกณฑ์คงค้างตามข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง รายได้เงินปันผล รายได้เงินปันผลรับรู้เมื่อผู้ถือหุ้นมีสิทธิได้รับเงินปันผล โปรแกรมสิทธิ พิเศษแก่ลูกค้า ในกรณีที่กิจการมีการขายสินค้าหรือให้บริการ พร้อมทั้งให้คะแนนลูกค้า โดยลูกค้าสามารถน าคะแนนสะสมดังกล่าวไปแลกเป็ นสิบริการ หรือใช้เป็นส่วนลดได้ในอนาคต กิจการมีทางเลือกในกาวัดมูลค่าคะแนนสะสมที่เป็นสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้า ดังนี้ • รับรู้คะแนนสะสมเป็ นประมาณการหนี้สินพร้อมกับรับรู้ค่าใชจ านวนประมาณการที่ดีที่สุด ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน หรื
r PAEs 59 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน • กรณีที่กิจการมีการจ่ายเงินให้แก่ลูกค้า โดยที่กิจการไม่ได้รับสินค้าหรือ บริการใด ๆ จากลูกค้าเป็นการแลกเปลี่ยน TFRS 15 ก าหนดว่ากิจการ ต้องน าจ านวนเงินดังกล่าวมาหักออกจากรายได้เป็นต้น • TFRS 15 ยังได้ก าหนดวิธีปฏิบัติทางการบัญชีส าหรับต้นทุนของสัญญา ทั้งในส่วนของต้นทุนส่วนเพิ่มในการได้มาซึ่งสัญญาและต้นทุนการท าให้ เสร็จสิ้นตามสัญญา ที่ให้ผลไม่ รายได้ดอกเบี้ยรับรู้ตามวิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ตาม TFRS 9 การรับรู้รายได้ส าหรับการให้สิทธิแก่ลูกค้าในการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของ กิจการ มี 2 ลักษณะ ดังนี้ • สิทธิในการเข้าถึงทรัพย์สินทางปัญญาของกิจการ (กิจการยังมีต้นทุน เพิ่มเติมในการดูแลปรับปรุงทรัพย์สินทางปัญญา) ให้รับรู้รายได้ตลอด อายุของการให้สิทธิ • สิทธิในการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของกิจการ (กิจการไม่มีต้นทุนเพิ่มเติม ในการปรับปรุงทรัพย์สินทางปัญญา) ให้รับรู้รายได้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ในการให้สิทธิ ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ โดยปฏิบัติตาม TFRS 9 หรือ TAS 27 นสะสมแก่ สินค้าหรือ รรับรู้และ ช้จ่ายด้วย รือ กิจการมีสิทธิที่มีสาระส าคัญและการสละสิทธิ(Breakage) • ต้องรับรู้คะแนนสะสมเป็นรายได้รอการรับรู้ ซึ่งปันส่วนจากจ านวนเงินที่ กิจการได้รับหรือค้างรับจากรายการขายเริ่มแรก โดยอ้างอิงจากราคาขาย แบบเอกเทศ แล้วจะรับรู้เป็นรายได้เมื่อลูกค้ามาใช้สิทธิแลกคะแนนสะสม และกิจการได้ปฏิบัติตามภาระผูกพันที่มีต่อลูกค้านั้น • ในส่วนคะแนนสะสมที่คาดว่าลูกค้าจะไม่ใช้สิทธิอาจประเมินว่าจะรับรู้ รายได้ตามสัดส่วนของรูปแบบการใช้สิทธิโดยลูกค้า
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256• รับรู้คะแนนสะสมเป็ นรายได้รอการรับรู้ ซึ่งปันส่วนจากจ านกิจการได้รับหรือค้างรับจากรายการขายเริ่มแรก โดยอ้างอิงจยุติธรรมของคะแนนสะสม แล้วจะรับรู้เป็นรายได้เมื่อลูกค้ามาใชคะแนนสะสม และกิจการได้ปฏิบัติตามภาระผูกพันที่มีต่อลูกค้าตัวการหรือ ตัวแทน เมื่อบุคคลอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดหาสินค้าหรือบริการให้กิจการจะต้องประเมินว่ากิจการเป็ นตัวการหรือตัวแทน โดยพิกิจการได้รับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยส าคัญจากการขายสิการให้บริการหรือไม่ รวมถึงพิจารณาจากข้อบ่งชี้ดังต่อไปนี้ • ข้อบ่งชี้ว่ากิจการเป็นตัวการ o กิจการเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการจัดหาสินค้าหรือบริการใหo กิจการรับความเสี่ยงเกี่ยวกับตัวสินค้า o กิจการมีอิสระในการก าหนดราคา ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางo กิจการรับความเสี่ยงด้านสินเชื่อของลูกค้า • ข้อบ่งชี้ว่ากิจการเป็นตัวแทน o กิจการไม่ได้รับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยส าคัญจาสินค้าหรือการให้บริการ o จ านวนรายได้ที่กิจการจะได้รับถูกก าหนดไว้ล่วงหน้าใค่าธรรมเนียมคงที่ต่อรายการ หรือเป็นอัตราร้อยละของจ ที่เรียกเก็บจากลูกค้า กิจการซึ่งเป็นตัวการต้องแสดงรายได้ด้วยจ านวนเงินของสิ่งตอบแที่คาดว่าจะได้รับ แต่กิจการซึ่งเป็นตัวแทนต้องแสดงรายได้ด้วยจ ค่าธรรมเนียมหรือค่านายหน้าซึ่งคาดว่าจะได้รับ (สิ่งตอบแทนสุทธิท
r PAEs 60 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน นวนเงินที่ จากมูลค่า ช้สิทธิแลก านั้น ห้กับลูกค้า จารณาว่า สินค้าหรือ ห้แก่ลูกค้า งอ้อม ากการขาย นรูปแบบ จ านวนเงิน แทนขั้นต้น จ านวนเงิน ที่ได้รับ) ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ เว้นแต่ ในการประเมินว่ากิจการเป็น ตัวการหรือตัวแทนจะพิจารณาว่ากิจการควบคุมสินค้าหรือบริการก่อนที่จะ โอนให้กับลูกค้าหรือไม่ และข้อบ่งชี้ว่ากิจการเป็นตัวการ ประกอบด้วย • กิจการเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการจัดหาสินค้าหรือบริการให้แก่ลูกค้า • กิจการมีความเสี่ยงจากสินค้าคงเหลือ • กิจการมีสิทธิในการก าหนดราคา ทั้งนี้ ตัวแทนอาจมีสิทธิในการก าหนดราคาได้ในบางกรณี
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forบทที่ 19 เรื่อง การรับรู้รายไดข้อก าหนดเกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วสาธารณะ (ปรับปรุง 2565) อ้างอิงถึง บทที่ 19 เรื่อง การรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ขอบเขต ไม่ได้ระบุ ค านิยาม อสังหาริมทรัพย์ หมายถึง ที่ดินกับทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดิน หรืเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้น รวมทั้งสิทธิทั้งหลายอื่นเกี่ยวกับสิทธิใ• วิธีการบัญชี เพื่อรับรู้รายได้ส าหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แ3 ประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้ o การขายที่ดิน o การขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง o การขายอาคารชุด
r PAEs 61 ด้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ วนได้เสีย มาตรฐานการรายงานทางการเงิน มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 15 เรื่อง รายได้จากสัญญาที่ท า กับลูกค้า • กิจการต้องใช้TFRS 15 กับสัญญาที่ท ากับลูกค้าทุกฉบับ • TFRS 15 มิได้แยกการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ไว้เป็น การเฉพาะ แต่ให้พิจารณาการรับรู้รายการการขายอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้เงื่อนไขที่ก าหนดใน TFRS 15 เช่นเดียวกับการขายทั่วไป รือประกอบ ในที่ดินด้วย แบ่งออกเป็น • ไม่มีค านิยามเฉพาะเจาะจงส าหรับอสังหาริมทรัพย์ โดยได้พูดถึงค า นิยามทั่วไปในกรณีที่ท าสัญญากับลูกค้า • สัญญา หมายถึง ข้อตกลงตั้งแต่สองฝ่ ายขึ้นไป ซึ่งท าให้เกิดสิทธิและ ภาระผูกพันที่ใช้บังคับได้ • สินทรัพย์ที่เกิดจากสัญญา หมายถึง สิทธิที่กิจการจะได้ รับ ค่าตอบแทนเป็นการแลกเปลี่ยนกับสินค้า หรือบริการซึ่งกิจการได้โอน ให้กับลูกค้าแล้ว โดยสิทธิดังกล่าวจะเกิดขึ้นตามเงื่อนไขบางประการที่ ไม่ใช่เรื่องของระยะเวลาที่ผ่านไป • รายได้ (income) หมายถึง การเพิ่มขึ้นของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจใน รอบระยะเวลาบัญชีในรูปของกระแสรับเข้าของสินทรัพย์ หรือการ เพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ หรือการลดลงของหนี้สิน ซึ่งส่งผลให้ส่วนของ เจ้าของเพิ่มขึ้น โดยไม่รวมถึงส่วนทุนที่ได้รับจากผู้มีส่วนร่วมในส่วน ของเจ้าของ • ภาระที่ต้องปฏิบัติ หมายถึง ข้อตกลงในสัญญาที่ท ากับลูกค้าเพื่อโอน รายการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ไปให้กับลูกค้า o สินค้าหรือบริการที่แตกต่างกัน หรือ
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนดเกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วสาธารณะ (ปรับปรุง 2565) เงื่อนไขส าคัญที่ เกี่ยวข้องกับผู้ซื้ อ และผู้ขาย อสังหาริมทรัพย์ การรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ มีเงื่อนไขส าคัญดังนี้ • การขาย • ผู้ซื้อ • ผู้ขาย o การขาย • การขายเกิดขึ้นแล้ว เมื่อ (1) ผู้ซื้อและผู้ขายได้ท าสัญญาจและ (2) มีการช าระราคาตามสัญญา ส าหรับการขายห้องชุดของอาคารชุด ต้องมีการขายไดไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของพื้นที่ที่เปิ ดขายหรือพื้นที่ที่เปิ ดเป็ นจ านวนที่มากพอ ที่จะให้แน่ใจว่าอาคารชุดดังกล่าวจเป็นอาคารเพื่อให้เช่า โดยต้องพิจารณาถึงข้อก าหนดของเกี่ยวข้อง สัญญาจะซื้อจะขายอาคารชุดและเงื่อนไขข้อการเงินประกอบด้วย o ผู้ซื้ อ • ผู้ซ้ือไม่มีสทิธ์เิรียกเงินคืน ผู้ซื้อได้ช าระเงินวางเริ่มแรก จนกระทั่งสิ้นสุดระยะเวลาที่สัญญาตามที่ระบุไว้ในสัญญาและเรียกเงินดังกล่าวคืนไม่ได้• ผู้ซื้อได้ช าระเงินวางเริ่มแรกและเงินค่างวดไม่น้อยกว่าร้อยราคาขายตามสัญญา ถือว่ามีจ านวนมากพอที่แสดงว่าผู้ซื้การช าระค่าอสังหาริมทรัพย์ต่อจนครบสัญญา
r PAEs 62 วนได้เสีย มาตรฐานการรายงานทางการเงิน o ชุดของสินค้าและบริการที่แตกต่างกันแต่มีลักษณะเชิงเนื้อหา เหมือนกันและมีรูปแบบการโอนไปยังลูกค้าแบบเดียวกัน ญที่เกี่ยวข้อง การรับรู้รายการ • ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในบทที่ 18 เรื่อง รายได้ กิจการต้องรับรู้รายได้ จากสัญญาที่ท ากับลูกค้าโดยพิจารณาตามหลักการ Five-step model การวัดมูลค่า • เมื่อภาระที่ต้องปฏิบัติเสร็จสิ้น กิจการต้องรับรู้รายได้ตามจ านวนเงินที่ เป็นราคาของรายการ ตามส่วนที่ได้ปันให้กับภาระที่ต้องปฏิบัตินั้น การก าหนดราคาของรายการ • กิจการต้องค านึงถึงข้อก าหนดในสัญญาและธรรมเนียมปฏิบัติของ ธุรกิจในการก าหนดราคาของรายการ โดยราคาของรายการคือจ านวน เงินของสิ่งตอบแทนซึ่งกิจการคาดว่าจะมีสิทธิได้รับเพื่อเป็ นการ แลกเปลี่ยนกับการโอนสินค้าหรือบริการตามที่ได้ตกลงกันให้แก่ลูกค้า การปันส่วนของราคาของรายการให้กับภาระที่ต้องปฏิบัติ • การปันส่วนราคาของรายการคือการให้กิจการต้องปันส่วนราคาของ รายการให้กับแต่ละภาระที่ต้องปฏิบัติ ด้วยจ านวนเงินที่แสดงให้เห็นถึง จ านวนเงินของสิ่งตอบแทนที่กิจการคาดว่าจะมีสิทธิได้รับเพื่อเป็นการ แลกเปลี่ยนกับการโอนสินค้าหรือบริการที่สัญญาว่าจะให้แก่ลูกค้า จะซื้อจะขาย ด้ในจ านวน จองถือได้ว่า จะไม่เปลี่ยน งกฎหมายที่ อตกลงทาง ที่จะบอกเลิก ด้ ยละ 20 ของ ซื้อจะผูกพัน
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนดเกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วสาธารณะ (ปรับปรุง 2565) o ผู้ขาย • ผู้ขายสามารถเก็บเงินได้ตามสัญญา ความสามารถในการเก็บเงินได้จากผู้ซื้อแต่ละสัญญาไม่น้อย20 ของราคาขายตามสัญญาอาจถือเป็ นเกณฑ์หนึ่งที่ใช้วัดคในการเก็บเงินของผู้ขาย • งานพัฒนาและงานก่อสร้างได้ผ่านขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว งานพัฒนาและงานก่อสร้างโครงการที่ผ่านขั้นตอนเบื้องต้นแล้ร้อยละ 10 ของงานก่อสร้างตามโครงการที่เสนอขายซึ่รับรองโดยวิศวกรหรือสถาปนิกของโครงการถือว่าได้ผเบื้องต้นแล้ว • ผู้ขายมีความสามารถทางการเงิน และสามารถปฏิบัติตามค าชี้ชวนต่าง ๆ ที่ได้ให้ไว้ • งานก่อสร้างได้ก้าวหน้าไปด้วยดี นอกจากนี้ ต้องไม่มีสิ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงปัจจัยที่จะท าให้งานเช่น ไม่สามารถขอใบอนุญาต ไม่สามารถจัดจ้างผู้รับเหมหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ • ผู้ขายได้โอนความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่มีนัยส าคัญใให้แก่ผู้ซื้อแล้ว วิธีการรับรู้รายได้ ส าหรับธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ • การรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 3 ประเภเลือกการรับรู้ได้หลายวิธีตามเงื่อนไขของการเกิดขึ้นของราขายนั้น คือ o รับรู้เป็นรายได้ทั้งจ านวน o รับรู้เป็นรายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ท าเสร็จ
r PAEs 63 วนได้เสีย มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ยกว่าร้อยละ ความสามารถ ้วไม่น้อยกว่า ซึ่งได้รับการ ผ่านขั้นตอน มสัญญาและ นหยุดชะงัก มา จัดหาคน ในทรัพย์สิน ภท สามารถ ยได้จากการ
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนดเกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วสาธารณะ (ปรับปรุง 2565) o รับรู้เป็นรายได้ตามเงินค่างวดที่ถึงก าหนดช าระ เงื่อนไขการรับรู้เป็นรายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ท าเสร็จหรืองวดที่ถึงก าหนดช าระ • ต้องเข้าเงื่อนไขดังนี้ o การขายเกิดขึ้นแล้ว (ในกรณีของการขายห้องชุดของอาท าสัญญาจะซื้อจะขายต้องมีจ านวนที่ไม่น้อยกว่าร้อยพื้นที่ที่เปิดขายหรือที่เปิดจอง) o ผู้ซ้ื ้อไม่มีสทิธเิรียกเงินคืน o ผู้ซื้อและผู้ขายต้องมีความเป็ นอิสระต่อกันหรือเป็ นธุรกิจตามปกติ o เงินวางเริ่มแรกและเงินค่างวดของผู้ซื้อที่ช าระแล้วต้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของราคาขายตามสัญญา o ผู้ขายมีความสามารถเก็บเงินได้ตามสัญญา o งานพัฒนาและงานก่อสร้างของผู้ขายได้ผ่านขั้นตอนเไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของงานก่อสร้างตามโครงการที่เo ผู้ขายมีความสามารถทางการเงินดี o การก่อสร้างได้ก้าวหน้าไปด้วยดี o ผู้ขายสามารถประมาณเงินรับจากการขายรวมและต้นที่ต้องใช้ในการก่อสร้างได้อย่างมีหลักเกณฑ์ ต้นทุนที่ปรผู้ขายจ าเป็นต้องปรับปรุงอย่างน้อยปี ละครั้ง หรือถ้ามีการในจ านวนต้นทุนที่ประมาณการอย่างมีสาระส าคัญ • การรับรู้เป็นรายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ท าเสร็จ o วิธีการก าหนดอัตราส่วนของงานที่ท าเสร็จมีดังนี้
r PAEs 64 วนได้เสีย มาตรฐานการรายงานทางการเงิน อตามเงินค่า าคารชุด การ ละ 40 ของ นการด าเนิน องมีจ านวน บื้องต้นแล้ว เสนอขาย นทุนทั้งหมด ระมาณการไว้ รเปลี่ยนแปลง
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนดเกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วสาธารณะ (ปรับปรุง 2565) o อัตราส่วนของต้นทุนการก่อสร้างที่เกิดขึ้นของงาจนถึงปัจจุบันกับประมาณการต้นทุนการก่อสร้างทั้งสิ้นต้นทุนที่ดิน o การส ารวจเนื้องานที่ได้ท าแล้ว o การส ารวจอัตราส่วนของงานก่อสร้างที่ท าเสร็จกับงทั้งหมดตามสัญญาโดยพิจารณาจากการส ารวจทางกo ในกรณีที่ผู้ซื้ อผิดนัดช าระเงินเกินกว่า 3 งวดติดอัตราส่วนของงานที่ท าเสร็จสูงกว่าเงินค่างวดที่ถึงก าหนดชการรับรู้รายได้ทันที o ควรมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตามความเหมาะสม • การรับรู้เป็นรายได้ตามเงินค่างวดที่ถึงก าหนดช าระ o ใช้วิธีการรับรู้ตามอัตราก าไรขั้นต้น o ในกรณีที่อัตราส่วนของงานที่ท าเสร็จต ่ากว่าสัดส่วนของผ่อนช าระตามก าหนดต่อราคาขายผ่อนช าระ ให้รับรู้ราอัตราส่วนของงานที่ท าเสร็จ ส่วนเงินค่างวดที่ได้รับผ่อนชอัตราส่วนของงานที่ท าเสร็จให้ถือเป็นเงินรับล่วงหน้าจาo ในกรณีที่ผู้ซื้อผิดนัดช าระเงินเกินกว่า 3 งวดติดต่อกัน รายได้ทันที o ควรมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตามความเหมาะสม o ถ้าในระหว่างการผ่อนช าระ ผู้ซื้อสามารถช าระเงินสทั้งหมดได้ก่อนก าหนด หรือสามารถหาแหล่งเงินกู้อื่นการก่อสร้างได้เสร็จสมบูรณ์และผู้ขายได้โอนความผลประโยชน์ที่มีนัยส าคัญในทรัพย์สินให้แก่ผู้ซื้ อแจ านวนเงินดังกล่าวเป็นรายได้ทั้งจ านวนในงวดนั้น
r PAEs 65 วนได้เสีย มาตรฐานการรายงานทางการเงิน านที่ท าเสร็จ น โดยไม่รวม งานก่อสร้าง กายภาพ ดต่อกันและ ช าระ ให้หยุด งเงินที่ได้รับ ายได้ไม่เกิน ช าระเกินกว่า ากผู้ซื้อ ให้หยุดรับรู้ ส่วนที่เหลือ นใด รวมทั้ง มเสี่ยง และ แล้ว ให้รับรู้
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนดเกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วสาธารณะ (ปรับปรุง 2565) การบันทึกจ านวน เงินที่ได้รับเป็ นเงิน มัดจ า ในกรณีที่การขายอสังหาริมทรัพย์ไม่เข้าเงื่อนไขการรับรู้เป็นราให้บันทึกจ านวนเงินที่ได้รับเป็นเงินมัดจ าหรือเงินรับล่วงหนจนกว่าการขายดังกล่าวจะเข้าเงื่อนไขข้างต้น การเปิ ดเผยข้อมูล กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลต่อไปนี้ในงบการเงิน • วิธีการรับรู้รายได้ • ในกรณีที่ใช้วิธีรับรู้รายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ท าเสร็จวิธีการก าหนดอัตราส่วนของงานที่ท าเสร็จด้วย
r PAEs 66 วนได้เสีย มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ายได้ข้างต้น น้าจากผู้ซื้อ จให้เปิ ดเผย • กิจการต้องเปิ ดเผยข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณของรายการ ดังต่อไปนี้ o รายการสัญญาของกิจการที่ท ากับลูกค้า o ดุลยพินิจส าคัญที่ใช้ในการพิจารณารายการสัญญาที่กิจการท ากับ ลูกค้า และ o สินทรัพย์ที่รับรู้มาจากต้นทุนที่ท าให้ได้มาซึ่งสัญญาหรือต้นทุนในการ ท าให้เสร็จสิ้นตามสัญญาที่ท ากับลูกค้า • กิจการต้องเปิ ดเผยจ านวนเงินของรายการที่รับรู้ในระหว่างงวดที่ รายงาน o รายได้ที่รับรู้จากสัญญาที่ท ากับลูกค้า โดยกิจการต้องเปิดเผยข้อมูล แยกต่างหากจากรายได้ที่กิจการได้รับจากแหล่งของรายได้อื่น o ผลขาดทุนจากการด้อยค่าที่รับรู้ของลูกหนี้หรือสินทรัพย์ตาม สัญญาที่เกิดจากสัญญาของกิจการที่ท ากับลูกค้า
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forบทที่ 20 เรื่อง ข้อก าหนดเกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วสาธารณะ (ปรับปรุง 2565) อ้างอิงถึง บทที่ 20 เรื่อง สัญญาก่อสร้าง ค านิยาม สัญญาก่อสร้าง หมายถึง สัญญาที่ท าขึ้นโดยเฉพาะเพื่อก่อสร้รายการเดียว หรือก่อสร้างสินทรัพย์หลายรายการซึ่งสัมพันใกล้ชิด หรือต้องพึ่งพากันในด้านการออกแบบ เทคโนโลยีและวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์ขั้นสุดท้าย การรวมสัญญา ก่อสร้าง กิจการต้องปฏิบัติต่อกลุ่มสัญญาก่อสร้างเสมือนว่าเป็นสัญญากลุ่มสัญญานั้นจะท ากับผู้ว่าจ้างเพียงรายเดียวหรือหลายราย หาเงื่อนไขทุกข้อต่อไปนี้ • สัญญาหลายสัญญามีการต่อรองร่วมกันในลักษณะขอเดียวกัน • สัญญาทุกสัญญามีความสัมพันธ์กันอย่างมากจนท าให้สัสัญญาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเดียวซึ่งมีอัตราก าไรร่วมกั• การปฏิบัติตามสัญญาทุกสัญญาเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน เป็นล าดับต่อเนื่องกัน การรับรู้รายได้และ ต้นทุนค่าก่อสร้าง รายได้ค่าก่อสร้าง ประกอบด้วย จ านวนตามที่ระบุไว้ในสัญและจ านวนที่เกิดขึ้ นจากการเปลี่ยนแปลงสัญญาซึ่งอาจเดัดแปลงงาน ค่าชดเชย หรือเงินจูงใจ ต้นทุนค่าก่อสร้าง ประกอบด้วย ต้นทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง
r PAEs 67 สัญญาก่อสร้าง วนได้เสีย มาตรฐานการรายงานทางการเงิน มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 15 เรื่อง รายได้จากสัญญาที่ท า กับลูกค้า และมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 37 เรื่อง ประมาณการหนี้สิน หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น และสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น ร้างสินทรัพย์ นธ์กันอย่าง ะหน้าที่ หรือ ไม่มีระบุเป็นการเฉพาะเจาะจง าเดียว ไม่ว่า กเป็นไปตาม งสัญญาชุด สัญญาแต่ละ กัน หรือเกิดขึ้น ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็ นสาระส าคัญ เว้นแต่ กลุ่มสัญญาที่จะน ามา พิจารณาว่าเสมือนเป็นสัญญาเดียวกันจะต้องเป็นสัญญาที่ท ากับลูกค้าราย เดียวกัน (หรือกับบุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า) ในเวลาเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน และเป็นไปตามเงื่อนไขอย่างน้อยหนึ่งข้อต่อไปนี้ • สัญญาดังกล่าวได้ถูกต่อรองร่วมกันด้วยวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์ วัตถุประสงค์เดียวกัน • จ านวนเงินที่จะจ่ายในสัญญาฉบับหนึ่งขึ้ นอยู่กับราคาหรือผลการ ด าเนินงานของสัญญาอื่น หรือ • สินค้าหรือบริการที่สัญญาว่าจะให้ในสัญญาเหล่านั้นเป็นภาระเดียวกัน ที่ต้องปฏิบัติ ญญาก่อสร้าง กิดจากการ บงานก่อสร้าง ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ อย่างไรก็ตาม การรับรู้รายได้ตาม TFRS 15 อาจมีความแตกต่างจาก TFRS for NPAEs ได้ในบางกรณี เช่น • กรณีที่สัญญามีการส่งมอบสินค้าหรือบริการหลาย ๆ อย่างให้แก่ลูกค้า TFRS 15 ก าหนดให้กิจการต้องระบุภาระที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาและ ปันส่วนรายได้ให้กับแต่ละภาระที่ต้องปฏิบัติอย่างเหมาะสม
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนดเกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วสาธารณะ (ปรับปรุง 2565) กิจการต้องรับรู้รายได้และต้นทุนค่าก่อสร้างในแต่ละรอบบัความส าเร็จของงาน เมื่อกิจการสามารถประมาณผลของงานอย่างน่าเชื่อถือ (กล่าวคือ เมื่อสามารถวัดมูลค่ารายได้แลก่อสร้างได้อย่างน่าเชื่อถือ แน่ใจว่าจะเก็บเงินได้ตามสัญญา แประมาณขั้นความส าเร็จของงานก่อสร้างได้) หากกิจการไม่สามารถประมาณผลของงานก่อสร้างได้อย่างน่กิจการรับรู้ต้นทุนค่าก่อสร้างที่เกิดขึ้นในงวดเป็นค่าใช้จ่าย แลในจ านวนที่แน่ใจว่าจะเก็บเงินได้แต่ไม่เกินกว่าต้นทุนค่าก่อสร้าการประมาณขั้น ความส าเร็จของงาน กิจการต้องประมาณขั้นความส าเร็จของงานโดยใช้วิธีที่สามารถวัได้อย่างน่าเชื่อถือ ซึ่งอาจรวมถึงวิธีต่อไปนี้ • การเปรียบเทียบต้นทุนที่เกิดขึ้นแล้วกับต้นทุนทั้งหมดที่จะงานก่อสร้างเสร็จ • การประมาณการของวิศวกรจากการส ารวจงานที่ท าเสร็จจริ• การเปรียบเทียบจ านวนหน่วยของงานที่ส่งมอบกับจ านวนทีการรับรู้ขาดทุนที่ คาดว่าจะเกิดขึ้ น กิจการจะต้องบันทึกผลขาดทุนของโครงการทั้งหมดทันทีโครงการก่อสร้างนั้นจะขาดทุน
r PAEs 68 วนได้เสีย มาตรฐานการรายงานทางการเงิน บัญชีตามขั้น นก่อสร้างได้ ละต้นทุนค่า และสามารถ น่าเชื่อถือ ให้ ะรับรู้รายได้ างดังกล่าว • กรณีที่ระยะเวลาในการจ่ายช าระค่าสินค้าหรือบริการก่อให้เกิด ประโยชน์ที่ส าคัญในรูปแบบของการจัดหาเงินให้กับลูกค้าหรือกิจการ ไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยก็ตาม TFRS 15 ก าหนดให้กิจการต้อง ปรับปรุงผลกระทบของค่าของเงินตามเวลา • กรณีที่กิจการมีการจ่ายเงินให้แก่ลูกค้า โดยที่กิจการไม่ได้รับสินค้าหรือ บริการใด ๆ จากลูกค้าเป็ นการแลกเปลี่ยน TFRS 15 ก าหนดว่า กิจการต้องน าจ านวนเงินดังกล่าวมาหักออกจากรายได้เป็นต้น ัดผลของงาน ะต้องจ่ายจน ง ที่สั่งท า ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ ทีเมื่อคาดว่า ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ เว้นแต่ TAS 37 ได้ก าหนดว่า ต้นทุนการท าให้เสร็จสิ้นตามสัญญาที่น ามาใช้ในการประเมินว่าสัญญานั้น สร้างภาระ (Onerous contracts) หรือไม่ เป็นต้นทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ สัญญาซึ่งประกอบด้วย (1) ต้นทุนส่วนเพิ่มในการท าให้เสร็จสิ้นตาม สัญญา เช่น ค่าแรงทางตรง และค่าวัตถุดิบทางตรง และ (2) การปันส่วน ต้นทุนอื่นที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการท าให้เสร็จสิ้นตามสัญญา เช่น ค่าเสื่อม ราคาของสินทรัพย์ที่ใช้ในการท าให้เสร็จสิ้นตามสัญญา
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forบทที่ 21 เรื่อง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256อ้างอิงถึง บทที่ 21 เรื่อง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยต่างประเทศ ค านิยาม เงินตราต่างประเทศ หมายถึง เงินตราสกุลอื่นนอกเหนือจากสกุ(หรือ หมายถึงเงินตราสกุลอื่น หากกิจการถือปฏิบัติตาม TAS 21การแปลงค่า รายการที่เป็ น เงินตรา ต่างประเทศ เมื่อมีรายการที่เป็นเงินตราต่างประเทศเกิดขึ้น กิจการต้องแปลงคนั้นให้เป็นสกุลเงินบาท โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่เกิดรายการทุกวันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน กิจการต้องแปลงค่ายอดคงสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นตัวเงินที่เป็นเงินตราต่างประเทศโดยใช้อัวันสิ้นรอบระยะเวลารายงานนั้น ผลต่างของอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการรับเงินหรือช าระเงิน แลแปลงค่าสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็ นเงินตราต่างประเทศ ณ วัระยะเวลารายงาน ให้บันทึกในงบก าไรขาดทุนในงวดบัญชีนั้น การแปลงค่างบ ก า ร เ งิ น ข อ ง ห น่ ว ย ง า น ใ น ต่างประเทศ หน่วยงานในต่างประเทศ หมายถึง บริษัทย่อย บริษัทร่วม การร่วหรือสาขาที่จัดตั้งและประกอบกิจการในประเทศอื่น กิจการต้องแปลงค่าผลการด าเนินงานและฐานะการเงินของหน่ต่างประเทศที่เป็นสาขาให้เป็นสกุลเงินที่ใช้น าเสนองบการเงินดังนี้ • สินทรัพย์และหนี้สินให้แปลงค่าด้วยอัตราปิ ด ณ วันสิ้นรอบรรายงาน
r PAEs 69 ปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ยนเงินตรา มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 21 เรื่อง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ กุลเงินบาท ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ เว้นแต่ กิจการต้องระบุให้ได้ว่าสกุล เงินที่ใช้ในการด าเนินงานของตนคือเงินสกุลใด ซึ่งสกุลเงินที่ใช้ในการ ด าเนินงานอาจไม่ใช่สกุลเงินของประเทศที่กิจการจดทะเบียนหรือจัดตั้งอยู่ก็ได้ ค่ารายการ ร เหลือของ ัตราปิด ณ ละจากการ ันสิ้นรอบ ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ วมการงาน นวยงานใน ระยะเวลา ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256• รายได้และค่าใช้จ่ายให้แปลงค่าด้วยอัตราแลกเปลี่ยน ณ รายการ (ซึ่งในทางปฏิบัติกิจการสามารถใช้อัตราถัวเฉลี่ยระยะเวลานั้นก็ได้) • ผลต่างของอัตราแลกเปลี่ยนจากการแปลงค่าตามที่กล่าวข้างตในส่วนของเจ้าของ (หรือรายการก าไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น หเลือกจัดท างบก าไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ) ในกรณีที่กิจการจัดท างบการเงินรวม หรืองบการเงินตามวิธีส่กิจการต้องแปลงค่าผลการด าเนินงานและฐานะการเงินของหน่ต่างประเทศให้เป็นสกุลเงินที่ใช้น าเสนองบการเงินตาม TAS 21
r PAEs 70 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน วันที่เกิด ยของรอบ ต้นให้รับรู้ หากกิจการ วนได้เสีย วยงานใน
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forบทที่ 22 เรื่องข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256อ้างอิงถึง บทที่ 22 เรื่อง เกษตรกรรม ขอบเขต กิจการต้องถือปฏิบัติกับการบันทึกบัญชีของรายการต่อไปนี้ เมื่ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเกษตร 1. สินทรัพย์ชีวภาพ เว้นแต่พืชเพื่อการให้ผลิตผลที่เกี่ยวข้องกับทางการเกษตร ให้ถือปฏิบัติตามบทที่ 10 เรื่อง ที่ดิน อาคารแลและ 2. ผลิตผลทางการเกษตร ณ จุดเก็บเกี่ยว ค านิยาม กิจกรรมทางการเกษตร หมายถึง การบริหารการเปลี่ยนรูปเชิงชีวการเก็บเกี่ยวของสินทรัพย์ชีวภาพเพื่อการขาย หรือเพื่อเปลี่ยนเป็ทางทางการเกษตร หรือเพื่อเพิ่มจ านวนสินทรัพย์ชีวภาพ ผลิตผลทางการเกษตร หมายถึง ผลิตผลที่เก็บเกี่ยวได้จากสินทรัพของกิจการ สินทรัพย์ชีวภาพ หมายถึง สัตว์หรือพืชที่มีชีวิต พืชเพื่อการให้ผลิตผล หมายถึง พืชที่มีชีวิตซึ่ง 1. ใช้ในกระบวนการผลิตหรือเพื่อจัดหาซึ่งผลิตผลทางการเกษตร 2. คาดว่าจะให้ผลิตผลมากกว่าหนึ่งรอบระยะเวลา และ 3. มีความเป็นไปได้ที่ยากยิ่งที่จะขายเป็นผลิตผลทางการเกษตร เการขายเศษซากที่เป็นผลพลอยได้ การเก็บเกี่ยว หมายถึง การแยกผลผลิตออกจากสินทรัพย์ชีวภาพหกระบวนการด ารงชีวิตของสินทรัพย์ชีวภาพ
r PAEs 71 ง เกษตรกรรม 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 41 เรื่อง เกษตรกรรม มื่อรายการ บกิจกรรม ละอุปกรณ์ เพิ่มเติมขอบเขตของมาตรฐาน ดังนี้ กิจการต้องถือปฏิบัติกับการบันทึกบัญชีของรายการต่อไปนี้ เมื่อรายการ ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเกษตร 1. สินทรัพย์ชีวภาพ เว้นแต่พืชเพื่อการให้ผลิตผล 2. ผลิตผลทางการเกษตร ณ จุดเก็บเกี่ยว 3. เงินอุดหนุนจากรัฐบาล ตามที่กล่าวในย่อหน้าที่ 34 และ 35 วภาพและ ป็นผลิตผล พย์ชีวภาพ เว้นแต่เป็น หรือการยุติ เพิ่มเติมค านิยาม ดังนี้ กลุ่มของสินทรัพย์ชีวภาพ หมายถึง การรวมกลุ่มของสัตว์หรือพืชที่มีชีวิตที่ คล้ายคลึงกันเป็นกลุ่มเดียวกัน
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256การเปลี่ยนรูปเชิงชีวภาพ หมายถึง กระบวนการซึ่งก่อให้เกิดการเปในเชิงคุณภาพหรือปริมาณของสินทรัพย์ชีวภาพ ประกอบเจริญเติบโต การเสื่อมถอย การให้ผลิตผล และการขยายพันธุ์ ต้นทุนในการขาย หมายถึง ต้นทุนส่วนเพิ่มที่เกี่ยวข้องโดยตรจ าหน่ายสินทรัพย์ โดยไม่รวมถึงต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ การรับรู้รายการ กิจการต้องรับรู้สินทรัพย์ชีวภาพหรือผลิตผลทางการเกษตร เมื่อเป็เงื่อนไขทุกข้อดังนี้ 1. กิจการควบคุมสินทรัพย์นั้นซึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์ในอดีต 2. มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่กิจการจะได้รับผลประโยชน์เชิงในอนาคตจากสินทรัพย์นั้น และ 3. มูลค่ายุติธรรมหรือต้นทุนของสินทรัพย์สามารถวัดมูลค่าได้อย่างนการวัดมูลค่า กิจการต้องเลือกใช้นโยบายการบัญชีกับสินทรัพย์ชีวภาพหรือผลิการเกษตร โดยใช้วิธีราคาทุนหรือวิธีมูลค่ายุติธรรม วิธีราคาทุน 1. กิจการต้องวัดมูลค่าของสินทรัพย์ชีวภาพเมื่อรับรู้รายการเริ่มแวันสิ้นรอบระยะเวลารายงานโดยใช้ราคาทุน โดยแสดงรายราคาทุนหักค่าเสื่อมราคาสะสมและค่าเผื่อการลดลงของมูลค่า (2. กิจการต้องวัดมูลค่าของผลิตผลทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวจากชีวภาพด้วยราคาทุน ณ จุดเก็บเกี่ยว ราคาทุนที่ได้นี้ถือเป็นตสินค้าคงเหลือ ณ วันนั้น เมื่อถือปฏิบัติตามบทที่ 8 เรื่อง สินค้หรือบทอื่นที่เกี่ยวข้อง
r PAEs 72 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ลี่ยนแปลง บด้ วยการ รงกับการ ป็นไปตาม งเศรษฐกิจ น่าเชื่อถือ ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ ลิตผลทาง แรกและ ณ ยการด้วย (ถ้ามี) กสินทรัพย์ ต้นทุนของ ค้าคงเหลือ กิจการต้องวัดมูลค่าสินทรัพย์ชีวภาพด้วยมูลค่ายุติธรรมหักต้นทุนในการขาย เมื่อรับรู้รายการเริ่มแรก และ ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน เว้นแต่กรณีที่ ไม่สามารถวัดมูลค่ายุติธรรมได้อย่างน่าเชื่อถือ กรณีที่ไม่สามารถวัดมูลค่ายุติธรรมได้อย่างน่าเชื่อถือ สินทรัพย์ชีวภาพต้อง วัดมูลค่าด้วยราคาทุนหักค่าเสื่อมราคาสะสมและผลขาดทุนจากการด้อยค่า สะสม และในทันทีที่มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สามารถวัดมูลค่าได้อย่าง น่าเชื่อถือ กิจการต้องวัดมูลค่าของสินทรัพย์ชีวภาพนั้นด้วยมูลค่ายุติธรรมหัก ต้นทุนในการขาย การก าหนดมูลค่ายุติธรรม กิจการต้องถือปฏิบัติตามที่ก าหนดไว้ใน TFRS 13
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 2563. ในการก าหนดราคาทุน ค่าเสื่อมราคาสะสม และค่าเผื่อการมูลค่า กิจการต้องพิจารณาตามบทที่ 8 เรื่อง สินค้าคงเหลือ แลเรื่อง ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ วิธีมูลค่ายุติธรรม 1. กิจการต้องวัดมูลค่าของสินทรัพย์ชีวภาพเมื่อรับรู้รายการเริ่มแวันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน โดยใช้มูลค่ายุติธรรมหักด้วยต้นทุนและรับรู้การเปลี่ยนแปลงของมูลค่ายุติธรรมหักด้วยต้นทุนในกงบก าไรขาดทุนส าหรับงวด 2. กิจการต้องวัดมูลค่าของผลิตผลทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวจากชีวภาพด้วยมูลค่ายุติธรรมหักต้นทุนในการขาย ณ จุดเก็บเกียุติธรรมที่ได้นี้ถือเป็นต้นทุนของสินค้าคงเหลือ TFRS for NPAEs ได้ก าหนดวิธีพิจารณามูลค่ายุติธรรม ทั้งในกรณมีสภาพคล่อง และกรณีไม่มีตลาดที่มีสภาพคล่องไว้ ก า ร เ ปิ ด เ ผ ย ข้อมูล วิธีราคาทุน กิจการต้องเปิ ดเผยรายละเอียดของสินทรัพย์ชีวภาพที่วัดมูลคราคาทุนทุกข้อดังต่อไปนี้ 1. รายละเอียดของสินทรัพย์ชีวภาพแต่ละกลุ่ม 2. วิธีการคิดค่าเสื่อมราคา 3. อายุการใช้ประโยชน์หรืออัตราค่าเสื่อมราคาที่ใช้ และ 4. มูลค่าตามบัญชีก่อนหักค่าเสื่อมราคาสะสม และค่าเผื่อการมูลค่า (ถ้ามี) ณ วันต้นงวดและสิ้นงวด และรายการกระทบมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ชีวภาพระหว่างวันต้นงวดถึงวันแสดงถึงรายการต่อไปนี้ 4.1 มูลค่าที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากการซื้อ หรือการรวมธุรกิจ (ถ้ามี
r PAEs 73 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ลดลงของ ละบทที่ 10 แรกและ ณ นในการขาย การขายใน กสินทรัพย์ กี่ยว มูลค่า ณีมีตลาดที่ ค่าด้วยวิธี ลดลงของ บยอดของ นสิ้นงวดที่ ) ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 2564.2 มูลค่าที่ลดลงซึ่งเกิดจากการเก็บเกี่ยว หรือการขาย 4.3 ค่าเสื่อมราคา 4.4 การเปลี่ยนแปลงอื่น วิธีมูลค่ายุติธรรม กิจการต้องเปิ ดเผยรายละเอียดของสินทรัพย์ชีวภาพที่วัดมูลค่าดยุติธรรมทุกข้อดังต่อไปนี้ 1. รายละเอียดของสินทรัพย์ชีวภาพแต่ละกลุ่ม 2. วิธีที่ใช้และข้อสมมติที่มีนัยส าคัญในการก าหนดมูลค่ายุติธสินทรัพย์ชีวภาพแต่ละกลุ่ม และของผลิตผลทางการเกษตรแต่จุดเก็บเกี่ยว 3. รายการกระทบยอดของมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ชีวภาวันต้นงวดถึงวันสิ้นงวดที่แสดงถึงรายการต่อไปนี้ 3.1 ผลก าไรหรือขาดทุนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของมูลค่หักต้นทุนในการขาย 3.2 มูลค่าที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากการซื้อ หรือการรวมธุรกิจ (ถ้ามี3.3 มูลค่าที่ลดลงซึ่งเกิดจากการเก็บเกี่ยว หรือการขาย 3.4 ผลต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิที่เกิดจากการแปลงค่างบเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการน าเสนองบการเงินที่ต่างไป และกาหน่วยงานต่างประเทศให้เป็นสกุลเงินที่ใช้ในการน าเสนองของกิจการที่เสนอรายงาน (ถ้ามี) และ 3.5 การเปลี่ยนแปลงอื่น
r PAEs 74 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ด้วยมูลค่า ธรรมของ ่ละกลุ่ม ณ พระหว่าง ายุติธรรม ) การเงินให้ ารแปลงค่า งบการเงิน
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forบทที่ 23 เรื่อง เงินข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 256อ้างอิงถึง บทที่ 23 เรื่อง เงินอุดหนุนจากรัฐบาล ค านิยาม เงินอุดหนุนจากรัฐบาล หมายถึง ความช่วยเหลือจากรัฐบาลในรูโอนทรัพยากรแก่กิจการเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่กิจการต้องปเงื่อนไขเกี่ยวกับการด าเนินงานของกิจการทั้งที่ได้ปฏิบัติแล้วในอดีปฏิบัติในอนาคต ความช่วยเหลือจากรัฐบาล หมายถึง การที่รัฐบาลให้ประโยชน์เชิงโดยเฉพาะเจาะจงแก่กิจการใดกิจการหนึ่งหรือกลุ่มกิจการที่มีคุณสเงื่อนไขที่รัฐบาลก าหนด ทั้งนี้ไม่รวมถึงประโยชน์ที่รัฐบาลให้โดยทมีผลต่อสภาพทางการค้าโดยทั่วไป เช่น การจัดสร้างสาธารณูปโภที่มีการพัฒนา หรือการก าหนดข้อจ ากัดทางการค้าต่อคู่แข่ง เป็นต้นเงินอุดหนุนจากรัฐบาลไม่รวมถึง 1. ความช่วยเหลือจากรัฐบาลที่ไม่สามารถก าหนดมูลค่าได้อย่างสมเช่น ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคหรือค าแนะน าทางด้านการไม่คิดมูลค่า การให้การค ้าประกันและการให้กู้ยืมโดยไม่คิดดอคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต ่า เป็นต้น 2. รายการค้าที่ท ากับรัฐบาลซึ่งไม่สามารถแยกจากรายการค้าตามกิจการ เช่น นโยบายการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาลที่มีผลต่อบางส่วนของกิจการ เป็นต้น การรับรู้รายการ กิจการต้ องไม่รับรู้ เงินอุดหนุนจากรัฐบาลจนกว่าจะเชื่อมั่นสมเหตุสมผลว่า 1. กิจการจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของเงินอุดหนุนที่ก าหนดไว้ และ
r PAEs 75 นอุดหนุนจากรัฐบาล 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 20 เรื่อง การบัญชีส าหรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล และการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ปของการ ปฏิบัติตาม ดีตและที่จะ งเศรษฐกิจ สมบัติตาม ทางอ้อมซึ่ง ภคในพื้นที่ น มเหตุสมผล รตลาดโดย อกเบี้ยหรือ มปกติของ อยอดขาย ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ นได้ อย่าง ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ เว้นแต่เรื่องการรับรู้เงินอุดหนุนจาก รัฐบาลซึ่งไม่ได้ระบุว่า “กรณีเงินอุดหนุนก าหนดเงื่อนไขที่ผู้รับต้องปฏิบัติ
สรุปความแตกต่างระหว่าง TFRS for NPAEs (ปรับปรุง 2565) และ TFRS forข้อก าหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (ปรับปรุง 2562. กิจการจะได้รับเงินอุดหนุนนั้น กิจการต้องรับรู้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นรายได้ก็ต่อเมื่อเป็นไปตาดังนี้ 1. กรณีที่เงินอุดหนุนไม่ได้ก าหนดเงื่อนไขที่ผู้รับต้องปฏิบัติตามใกิจการจะรับรู้เป็นรายได้ก็ต่อเมื่อมีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนนั้น 2. กรณีเงินอุดหนุนก าหนดเงื่อนไขที่ผู้รับต้องปฏิบัติตามในอนาคจะรับรู้เป็นรายได้ก็ต่อเมื่อกิจการได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเงินก าหนดไว้เท่านั้น กรณีเงินอุดหนุนที่ได้รับก่อนเข้าเกณฑ์การรับรู้เป็นรายได้กิจการจไว้เป็นรายได้รอการรับรู้ในงบแสดงฐานะการเงิน กิจการต้องรับรู้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นรายได้ในงบก าไรขาดทุนระบบตลอดระยะเวลาที่กิจการรับรู้ต้นทุนที่เงินอุดหนุนนั้นจ่ายใชดเชย การวัดมูลค่า กิจการต้องวัดมูลค่าของเงินอุดหนุนด้วยมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพหรือที่มีสิทธิที่จะได้รับ การแสดงรายการ การแสดงรายการเงินอุดหนุนที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ กิจการต้องแสดงเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ในฐานะการเงิน โดยสามารถเลือกแสดงได้ 2 วิธี ดังนี้ 1. กิจการรับรู้เงินอุดหนุนเป็นรายได้รอการรับรู้และทยอยรับรู้ใขาดทุนตามเกณฑ์ที่เป็ นระบบและสมเหตุสมผลตลอดอประโยชน์ของสินทรัพย์หรือ 2. กิจการน าเงินอุดหนุนมาแสดงหักจากมูลค่าของสินทรัพย์ที่เพื่อให้ได้มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ และทยอยรับรู้ในงบก า
r PAEs 76 65) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ามเงื่อนไข ในอนาคต คต กิจการ นอุดหนุนที่ จะต้องรับรู้ นอย่างเป็น ให้เป็นการ ตามในอนาคต กิจการจะรับรู้เป็นรายได้ก็ต่อเมื่อกิจการได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ของเงินอุดหนุนที่ก าหนดไว้เท่านั้น” พย์ที่ได้รับ ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ นงบแสดง ในงบก าไร ายุการใช้ ที่เกี่ยวข้อง าไรขาดทุน ไม่มีความแตกต่างอย่างเป็นสาระส าคัญ