ใบปะหน้า ผลงานหรือแนวปฏิบัติที่ดี ด้านบริหารจัดการศึกษา ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการนิเทศการศึกษา ชื่อ -สกุล นางสาวนลินี สุปราณี เรื่อง กิจกรรมพัฒนาสมองการเรียนด้วยห้องศูนย์การเรียน การส่งรายงาน ๑. หัวข้อที่กำหนดนี้ไม่ได้ขึ้นหน้าใหม่ เนื่องจากประหยัดกระดาษกรณีที่พิมพ์ออกมา เวลา ๒. ทำรายงานให้จัดรูปแบบให้เป็นไปตามรูปแบบที่ท่านเลือกใช้หรือเขียนแบบรายงานวิจัย หรือเขียนแบบ ผลงานวิชาการ ๓. ส่งรายงานเป็นเล่ม จำนวน 1 เล่ม ๔. ส่งรายงานเป็นไฟล์ ไปที่ [email protected] และขอให้ตั้งชื่อไฟล์เป็น ชื่อโรงเรียน ชื่อเจ้าของรายงาน ส่งไฟล์ ๒ ไฟล์ ไฟล์ word ๑ ไฟล์ และ pdf ๑ ไฟล์เช่น ปฐมวัยวัดคู้สนามจันทร์_ ณัฐธิชา.docx ปฐมวัยวัดคู้สนามจันทร์_ณัฐธิชา.pdf ๕. ไฟล์นำเสนอ ๑ ไฟล์ ปฐมวัยวัดคู้สนามจันทร์_ณัฐธิชา_Present.pdf หรือเป็นคลิปหรือเป็นไฟล์ ประเภทอื่นๆ ๖. ไฟล์นวัตกรรม ขอให้ตั้งชื่อไฟล์เป็น ชื่อโรงเรียน_ชื่อเจ้าของรายงาน_ผลงานหรือแนวปฏิบัติที่ดีบันทึก เป็นไฟล์pdf เช่น ปฐมวัยวัดคู้สนามจันทร์_ณัฐธิชา_ปฐมวัย √
รายงานการพัฒนาผลงานหรือแนวปฏิบัติที่ดีด้าน ด้านการจัดการเรียนการสอน ชื่อผลงาน กิจกรรมพัฒนาสมองการเรียนด้วยห้องศูนย์การเรียน โดย นางสาวนลินี สุปราณี ตำแหน่ง ครู โรงเรียนดรุณานุเคราะห์
ชื่อผลงานหรือแนวปฏิบัติที่ดี : กิจกรรมพัฒนาสมองการเรียนด้วยห้องศูนย์การเรียน ชื่อผู้พัฒนาผลงานหรือแนวปฏิบัติที่ดี : นางสาวนลินี สุปราณี สถานศึกษา : โรงเรียนดรุณานุเคราะห์ ด้าน : การจัดการเรียนการสอน ปี : 2566 บทคัดย่อ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยการบูรณาการกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตผ่านกิจวัตรประจำวันและการเล่น ของเด็กปฐมวัย การนำโครงการและกิจกรรมเข้ามาบูรณาการในการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาสมองด้วยห้องศูนย์ การเรียน ประกอบด้วย 6 กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรมเสริมประสบการณ์กิจกรรม กลางแจ้ง กิจกรรมสร้างสรรค์กิจกรรมเสรีกิจกรรมเกมการศึกษา เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยจัด กิจกรรมเสริมประสบการณ์บูรณาการหน่วยการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมองของเด็กด้วยห้องศูนย์การเรียนที่สอดคล้องกับ การกิจกรรมหลัก ๖ กิจกรรม โดยมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการดำเนินงานเพื่อ 1. เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยทั้ง 4 ด้านสู่การเรียนรู้ 2. เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้มีความสุข ร่าเริง แจ่มใส รู้สึกมั่นคงปลอดภัย แสดงออกทางอารมณ์ ได้อย่างเหมาะสม และมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น 3. เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้มีความมั่นใจ กล้าพูด กล้าแสดงออก รู้จักการยับยั้งชั่งใจอดทนในการรอคอย 4. เพื่อส่งเสริมพัฒนาการให้เด็กนำทักษะไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมกับวัยสู่การเรียนรู้ มีขั้นตอนการดำเนินงาน คือ 1. การออกแบบผลงาน 2. ดำเนินการตามกิจกรรม 3. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4. วัดและประเมินผลการการปฏิบัติ ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 – 3 ปีการศึกษา 2566 ผลดำเนินงานดังนี้ ครูได้พัฒนาการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์บูรณาการหน่วยการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมองของเด็กด้วยห้องศูนย์การ เรียนที่สอดคล้องกับการกิจกรรมหลัก ๖ กิจกรรม เด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ มีความสุข ร่าเริง แจ่มใส ความมั่นใจ กล้าพูด กล้าแสดงออก แสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม และมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น นำทักษะไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมกับวัยสู่การเรียนรู้ ก
คำนำ การจัดทำรายงานผลงานแนวปฏิบัติที่ดีด้านการจัดการเรียนการสอน มีวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ ( Best Practice ) ของเด็ก มีพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๖ ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเอกสารหลักฐานประกอบการ นำเสนอผลงานที่เป็นเลิศ เรื่อง กิจกรรมพัฒนาสมองการเรียนด้วยห้องศูนย์การเรียน ของเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 – อนุบาล 3 ขอขอบคุณคณะผู้บริหาร คณะครูทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนในการดำเนินกิจกรรมสำเร็จ ผู้จัดทำเอกสาร ประกอบการพิจารณาวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ ( Best Practice ) ระดับปฐมวัย ฉบับนี้ จะสามารถเป็นข้อมูลในการ พัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก ระดับปฐมวัยต่อไป นางสาวนลินี สุปราณี ตำแหน่ง ครู ข
สารบัญ หน้า บทคัดย่อ ก คำนำ ข สารบัญ ค 1. ความเป็นมาและสภาพของปัญหา ๑ 2. วัตถุประสงค์ 2 3. ขั้นตอนการนำเนินงาน 3 4. บรรลุเป้าหมาย ส่งผลต่อผู้เรียน 3 5. ปัจจัยความสำเร็จ 4 6. บทเรียนที่ได้รับ 4 7. การเผยแพร่/การได้รับการยอมรับรางวัลที่ได้รับ 4 ภาคผนวก ค
ชื่อผลงาน : กิจกรรมพัฒนาสมองการเรียนด้วยห้องศูนย์การเรียน ชื่อเจ้าของผลงาน : นางสาวนลินี สุปราณี ระดับชั้น : อนุบาล 1 – 3 โรงเรียนดรุณานุเคราะห์ สังกัด : สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสงคราม 1. ความเป็นมาและสภาพของปัญหา การจัดการศึกษาระดับปฐมวัยเป็นการจัดการศึกษาเพื่อวางรากฐานชีวิตของเด็กให้เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ มีพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัยอย่างสมดุล ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจสังคมและสติปัญญา บนพื้นฐานความสามารถ และความแตกต่างระหว่างบุคคลโดยใช้กิจกรรมกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการของสมองอย่างเต็มที่ การพัฒนาเด็ก โดยองค์รวม โดยเริ่มจากการพัฒนาด้านร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ พัฒนาด้านจิตใจและอารมณ์ให้เป็นผู้ที่มีความรู้สึก ที่ดีต่อตนเอง เชื่อมั่นในตนเอง ร่าเริงแจ่มใส สามารถควบคุมตนเองได้ พัฒนาการด้านสังคมโดยให้เด็กมีโอกาส ปฏิสัมพันธ์กับบุคคล และสิ่งแวดล้อมรอบตัว มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สามารถดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและ ส่งผลต่อการพัฒนาการเรียนรู้ที่บรรลุเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง 1. แนวคิดเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก พัฒนาการของมนุษย์เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวมนุษย์เริ่มตั้งแต่ ปฏิสนธิต่อเนื่องไปจนตลอดชีวิต ซึ่งครอบคลุมการเปลี่ยนแปลงในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพพัฒนาการทางด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาจะมีความสัมพันธ์และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นพร้อมกันทุกด้าน เด็กแต่ ละคนจะเติบโตและมีลักษณะพัฒนาการแตกต่างกันไปตามวัยโดยได้รับการตอบสนองในสิ่งที่ตนพอใจ ได้รับความรัก ความอบอุ่นอย่างเพียงพอจากผู้ใกล้ชิด มีโอกาสช่วยตนเอง ทำงานที่เหมาะสมกับวัยและมีอิสระที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ตน อยากรู้รอบ ๆ ตนเอง 2. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ การเรียนรู้ของมนุษย์เรามีผลสืบเนื่องมาจากประสบการณ์ต่าง ๆที่ได้รับการ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเกิดขึ้นจากกระบวนการที่ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลและสิ่งแวดล้อมรอบตัวโดยผู้เรียน จะต้องเป็นผู้กระทำให้เกิดขึ้นด้วยตนเองและการเรียนรู้จะเป็นไปได้ดีถ้าผู้เรียนได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้เคลื่อนไหว มีโอกาส คิดริเริ่มตามความต้องการและความสนใจของตนเองรวมทั้งอยู่ในบรรยากาศที่เป็นอิสระ อบอุ่นและปลอดภัย การจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กและเนื่องจากการเรียนรู้ นั้นเป็นพื้นฐานของพัฒนาการในระดับที่สูงขึ้น 3. แนวคิดเกี่ยวกับการเล่นของเด็ก การเล่นถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญในชีวิตเด็กทุกคน เด็กจะรู้สึกสนุกสนาน เพลิดเพลิน ได้สังเกต มีโอกาสทำการทดลอง สร้างสรรค์ คิดแก้ปัญหาและค้นพบด้วยตนเองการเล่นจะมีอิทธิพลและมี ผลดีต่อการเจริญเติบโต ช่วยพัฒนาร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาดังนั้น หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยฉบับ นี้จึงถือ “การเล่น” อย่างมีจุดมุ่งหมาย เป็นหัวใจสำคัญของการจัดประสบการณ์ให้กับเด็ก 4. แนวคิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมและสังคม บริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่หรือแวดล้อมตัวเด็ก ทำให้เด็กแต่ละคนแตกต่างกันไป หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยฉบับนี้ถือว่าผู้สอนจำเป็นต้องเข้าใจและยอมรับว่า วัฒนธรรมและสังคมที่แวดล้อมตัวเด็กมีอิทธิพลต่อ การเรียนรู้ การพัฒนาศักยภาพ และพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ผู้สอนควรต้องเรียนรู้บริบททางสังคมและวัฒนธรรมของเด็กที่ตนรับผิดชอบ เพื่อช่วยให้เด็กได้พัฒนา เกิดการเรียนรู้ และอยู่ในกลุ่มคนที่มาจากพื้นฐานเหมือนหรือต่างจากตนได้อย่างราบรื่น มีความสุข แนวคิด/ทฤษฎี/นวัตกรรม การนำสู่การประยุกต์ใช้เกเซลล์ (Gesell) กล่าวถึงทฤษฎีพัฒนาการทาง ร่างกายว่า การเจริญเติบโตของเด็กจะแสดงออก เป็นพฤติกรรมด้านต่าง ๆ สำหรับพัฒนาการทางร่างกายนั้นหมายถึง การที่เด็กแสดงความสามารถในการจัดกระทำ กับวัสดุ เช่น การเล่น ลูกบอล การขีดเขียน เด็กต้องใช้ความสามารถ 1
ของการใช้สายตาและกล้ามเนื้อมือ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ต้องอาศัยการเจริญเติบโตของระบบประสาทและการกล้ามเนื้อ การพัฒนาความสามารถ ในการควบคุมร่างกาย การบังคับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดย เกเซลล์ ได้ศึกษาความสามารถของเด็กตามแบบธรรมชาติ โดยสังเกตพฤติกรรมของเด็กตั้งแต่ แรกเกิด จนเติบโตเต็มที่ การสังเกตมีทั้งสังเกตด้วยตาและถ่ายภาพยนตร์เอาไว้ศึกษาโดยละเอียดภายหลังผลการศึกษา เกเซลล์ สรุปว่า ความสามารถของเด็กมีเป็นระยะและขั้นตอน แต่ละช่วงอายุมีความหมายและมีความสำคัญแก่ชีวิต เพราะเป็น รากฐานของบุคคล เมื่อเป็นผู้ใหญ่พฤติกรรมของบุคคลเมื่อเป็นผู้ใหญ่พฤติกรรมของบุคคลจะมีอิทธิพลมาจากสภาพ ความพร้อมทางร่างกาย ได้แก่ กล้ามเนื้อ ต่อมกระดูก และประสาทต่าง ๆ สิ่งแวดล้อมเป็นเพียงส่วนประกอบของการเปลี่ยนแปลง และเกเซลล์ได้แบ่งพัฒนาการเด็กออกเป็น 4 ด้านดังนี้ 1. พฤติกรรมด้านการเคลื่อนไหว (gross motor development) เป็นความสามารถของร่างกายที่ครอบคลุมถึงการบังคับอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายและความ สัมพันธ์ ทางด้านการเคลื่อนไหวทั้งหมด 2. พฤติกรรมด้านการปรับตัว(fine motor or adaptive development) เป็นความสามารถในการประสานงานระหว่างระบบการเคลื่อนไหวกับระบบความรู้สึก เช่น การ ประสานงานระหว่างตากับมือ ซึ่งดูได้จากความสามารถในการใช้มือของเด็ก เช่น ในการตอบสนองต่อสิ่งที่เป็น ลูกบาศก์ การสั่นกระดิ่ง การแกว่งกำไล ฯลฯ ฉะนั้น พฤติกรรมด้านการปรับตัวจึงสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางด้านการ เคลื่อนไหว 3. พฤติกรรมทางด้านภาษา(language development) ประกอบด้วยวิธีสื่อสารทุกชนิด เช่น การแสดงออกทาง หน้าตา ท่าทาง การเคลื่อนไหวท่าทางของ ร่างกาย ความสามารถในการเปล่งเสียง และภาษาพูดการเข้าใจในการสื่อสารกับผู้อื่น 4. พฤติกรรมทางด้านนิสัยส่วนตัวและสังคม (personal social development) เป็นความสามารถในการปรับตัวของเด็ก ระหว่างบุคคลกับบุคคลและบุคคลกับกลุ่ม ภายใต้ภาวะแวดล้อมและสภาพ ความเป็นจริง การจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยการบูรณาการกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตผ่านกิจวัตรประจำวันและการเล่น ของเด็กปฐมวัย การนำโครงการและกิจกรรมเข้ามาบูรณาการในการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาสมองด้วยห้องศูนย์ การเรียน ประกอบด้วย 6 กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรมเสริมประสบการณ์กิจกรรม กลางแจ้ง กิจกรรมสร้างสรรค์กิจกรรมเสรีกิจกรรมเกมการศึกษา เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยจัด กิจกรรม ดังนี้ 1. จัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์บูรณาการการเรียนรู้2. จัดกิจกรรมพัฒนาสมองการเรียนด้วยห้อง ศูนย์การเรียนด้วย 6 กิจกรรมหลัก 2. วัตถุประสงค์ 1. เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยทั้ง 4 ด้านสู่การเรียนรู้ 2. เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้มีความสุข ร่าเริง แจ่มใส รู้สึกมั่นคงปลอดภัย แสดงออกทางอารมณ์ได้ อย่างเหมาะสม และมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น 3. เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้มีความมั่นใจ กล้าพูด กล้าแสดงออก รู้จักการยับยั้งชั่งใจ อดทน ในการรอคอย 4. เพื่อส่งเสริมพัฒนาการให้เด็กนำทักษะไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมกับวัยสู่การเรียนรู้ 2
3. ขั้นตอนการดำเนินงาน 1. การออกแบบ การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์บูรณาการหน่วยการเรียนรู้และจัดกิจกรรมพัฒนาสมอง การเรียนด้วยห้องศูนย์การเรียนด้วย 6 กิจกรรมหลัก 2. ดำเนินงาน วางแผนในการดำเนินการจัดการกิจกรรม (P) 2.1 ออกแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยการบูรณาการกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตผ่านกิจวัตร ประจำวันและการเล่นของเด็ก เพื่อพัฒนาสมองด้วยห้องศูนย์การเรียน ประกอบด้วย 6 กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรม เคลื่อนไหวและจังหวะกิจกรรมเสริมประสบการณ์กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมสร้างสรรค์กิจกรรมเสรีกิจกรรมเกม การศึกษา จัดตาราง/ชั่วโมงการเข้า ตั้งระเบียบในการเข้ามุมการเรียนรู้ แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินกิจกรรม ๒.2 ประชุมคณะกรรมการดำเนินกิจกรรมตามวันเวลาที่กำหนดไว้ 3. ขั้นลงมือทำ (D) 3.1 จัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์บูรณาการการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยทั้ง 4 ด้าน 3.2 จัดกิจกรรมพัฒนาสมองการเรียนด้วยห้องศูนย์การเรียนด้วย 6 กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมเคลื่อนไหว และจังหวะกิจกรรมเสริมประสบการณ์กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมสร้างสรรค์กิจกรรมเสรีกิจกรรมเกมการศึกษา 4. ขั้นตรวจสอบ (C) 4.1 ผู้บริหารและครูวิชาการทำการนิเทศกำกับติดตามการดำเนินงาน 4.2 ประเมินผลระหว่างการจัดประสบการณ์การบูรณาการ ด้วยห้องศูนย์การเรียน เพื่อให้การพัฒนา และการเสริมสร้างทักษะชีวิตเด็กปฐมวัยดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล 4.3 วัดและประเมินผลการการปฏิบัติของเด็กตามสภาพจริง โดยใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย ประกอบด้วยการสังเกตและบันทึกพฤติกรรมของเด็กขณะที่ทำกิจกรรม 4.4 ทำการเผยแพร่ผลงานและชิ้นงานของนักเรียน 5. ขั้นปรับปรุงแก้ไข (A) 5.1 ครูสรุปผลนำผลการจัดกกิจกรรมด้านพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ และนำผลการประเมินจากการ สังเกตพฤติกรรมของเด็กมาปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. บรรลุเป้าหมาย ส่งผลต่อผู้เรียน เป้าหมายสภาพความสำเร็จที่ตั้งไว้ในการดำเนินกิจกรรมจากแผนพัฒนาปีการศึกษา ๒๕๖๗ ร้อยละ ๙๐ จากผลการดำเนินงานส่งผลให้เด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 – อนุบาล 3 มีพัฒนาการด้านอารมณ์และ จิตใจ เพื่อพัฒนาสมองด้วยห้องศูนย์การเรียน ประกอบด้วย 6 กิจกรรม มีผลการดำเนินงานบรรลุเป้าหมายในการ เรียนรู้อยู่ในระดับดีเยี่ยม ดังนี้ 1. เด็กมีพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน เหมาะสมกับช่วงวัย ร้อยละ 96.80 3
2. เด็กให้มีความสุข ร่าเริง แจ่มใส รู้สึกมั่นคงปลอดภัย แสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม และมี ความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น ร้อยละ 96.38 3. เด็กให้มีความมั่นใจ กล้าพูด กล้าแสดงออก รู้จักการยับยั้งชั่งใจ อดทนในการรอคอย ร้อยละ 96.96 4. เด็กนำทักษะไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมกับวัยสู่การเรียนรู้ร้อยละ 96.80 5. ปัจจัยความสำเร็จ ผู้บริหาร คณะครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงและมีวัฒนธรรมการทำงานทีม การมี ส่วนร่วมของทุกภาคส่วน คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครูผู้สอนดำเนิน กิจกรรมตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบส่งผลให้เกิดผลการดำเนินงานบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพแลประสิทธิผล 6. บทเรียนที่ได้รับ จัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์บูรณาการหน่วยการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาสมองการเรียนด้วยห้องศูนย์การ เรียนด้วย 6 กิจกรรมหลัก เป็นการส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ มีความสุข ร่าเริง แจ่มใส ความ มั่นใจ กล้าพูด กล้าแสดงออก แสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม และมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น นำ ทักษะไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมกับวัยสู่การเรียนรู้ 7. หลักฐานการเผยแพร่ มีผู้นำไปใช้ประโยชน์ มีการเผยแพร่ภาพกิจกรรม ผ่านหน้าเพจเฟซบุ๊กของโรงเรียน ไลน์กลุ่มผู้ปกครอง เป็นที่ชื่นชมและยอมรับ ของผู้ปกครอง เด็กมีความสุขและสนุกกับการปฏิบัติกิจกรรม และยังเผยแพร่ไปในโรงเรียนใกล้เคียงและโรงเรียนใน สังกัดสังฆมณฑลราชบุรี 4
ภาคผนวก มุมกิจกรรมเสรี: ส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการ ด้านอารมณ์และจิตใจ จากการเล่นเครื่อง เล่นส่งเสริมพัฒนาการที่ห้องศูนย์การเรียนรู้
มุมเสริมประสบการณ์: ส่งเสริมให้เด็ก กล้าพูด กล้าแสดงออก จากการเรียนรู้ เสริมประสบการณ์บูรณาการจากหน่วย การเรียน
มุมศิลปะสร้างสรรค์: ส่งเสริมให้เด็กมี จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ชิ้นงาน รู้จักการยับยั้งชั่งใจ อดทน ในการรอคอย การช่วยเหลือ การแบ่งปัน
มุมหนังสือ : ส่งเสริมทักษะทางภาษา ด้านการฟัง การพูด การอ่าน การเล่า เรื่อง
มุมเกมการศึกษา : ส่งเสริมการ สังเกต จำแนกและการประสาน สัมพันธ์ระหว่างมือกับตา การคิด หาเหตุผล การตัดสินใจแก้ปัญหา เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่ง ที่เรียนรู้ เรียนรู้ทักษะและ พื้นฐานต่าง ๆ