The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by auto.teeratham, 2021-03-21 07:46:15

คำศัพท์13 นะะะ

คำศัพท์13 นะะะ

คาํ ศพั ท์

ระบบยอ่ ยอาหาร

จดั ทาํ โดย

stomach

((สโตมาช))

กระเพาะอาหาร : อวยั วะสว่ นหนึ่งของทางเดนิ อาหารมีลกั ษณะเป็นถุง
เป็นทพี่ กั อาหาร และยอ่ ยอาหารบางชนิดกอ่ นทจี่ ะสง่ ตอ่ ไปยงั ลาํ ไสเ้ ล็ก

esophagus

อโิ ซฟาเกต

•หลอดอาหาร : หลอดซง่ึ เป็นทางผา่ นของอาหารอยูร่ ะหวา่ งคอหอย
กบั กระเพาะอาหาร หลอดอาหารของคนยาวประมาณ 24 เซนตเิ มตร

small intestine

สมอล อนิ เทสต้งิ

ลาํ ไสเ้ ล็ก : อวยั วะทเ่ี ป็นทางเดนิ อาหารตอ่ จากกระเพาะอาหารไปยงั ลาํ ไส้
ใหญ่ ทาํ หนา้ ที่ ยอ่ ยและดดู ซมึ อาหารไปเล้ยี งรา่ งกาย ลาํ ไสเ้ ล็กของคนมี
ความยาวประมาณ 6 เมตร

lagre intestine

ลาํ ไสใ้ หญ่ : อวยั วะทเ่ี ป็นทางเดนิ อาหารตอ่ จากลาํ ไสเ้ ล็กไปยงั ทวาร
หนกั ทาํ หนา้ ทรี่ บั กากอาหารจากลาํ ไสแ้ ละดูดนาํ้ จากกากอาหาร
ลาํ ไสใ้ หญข่ องคนมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร

pharynx

เฟอรงิ

• คอหอย : สว่ นหนึ่งของทางเดนิ อาหารในสตั วท์ มี่ ีกระดูกสนั หลงั ชนั้ สูง
เป็นชอ่ งทางรว่ ม ของหลอดลมกบั หลอดอาหารระบบยอ่ ยอาหาร

salivary glands

((ซารวิ ารี่ แกรน ))

ตอ่ มนาํ้ ลาย : ตอ่ มสรา้ งนาํ้ ลายของคนมี 3 คคู่ อื บรเิ วณโคน
ขากรรไกร 1 คู่ ใต้ ขากรรไกร 1 คู่ และใตล้ ้นิ อกี 1 คsู่ alivaนาํ้ ลาย :
ของเหลวซงึ่ ถกู ขบั ออกมาจากตอ่ มนาํ้ ลาย ประกอบดว้ ยนาํ้ เมือก
เอนไซม์ อะไมเลสและสารอน่ื ๆ สาํ หรบั ชว่ ยในการยอ่ ยอาหาร

pancreas

ตบั ออ่ น : อวยั วะภายในชอ่ งทอ้ งของสตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั ทาํ หนา้ ที่
สรา้ งนาํ้ ยอ่ ยบาง ชนิดมาขว่ ยยอ่ ยอาหารในลาํ ไสเ้ ล็ก และสรา้ ง
ฮอรโ์ มนอนิ ซลู นิ กบั กลคู ากอน

liver

ลเิ วอร์

ตบั : อวยั วะภายในชอ่ งทอ้ งของสตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั มีนหา้ ท่ี
สาํ คญั หลายประการเชน่ ผลติ นาํ้ ดี สะสมอาหาร ขจดั สารทเ่ี ป็นพิษ

Tongue

( ( ทงั้ ) )

• ล้ิน หนา้ ที่ รบั รส คลุกเคลา้ อาหาร กลนื อาหาร เป็นอวยั วะเสรมิ ใน
ระบบยอ่ ยอาหาร (Accessory organ) เป็นกลา้ มเน้ือลายคลุมดว้ ยเย่อื
เมือก ใตล้ ้นิ ดา้ นหนา้ จะมี Frenulum ยึดใตล้ ้ินใหต้ ดิ กบั เพดานปาก

Gall bladder

ถุงนาํ้ ดี หนา้ ที่ Bile salt ทาํ หนา้ ทด่ี ูดซมึ การยอ่ ยไขมนั
ขบั สแี ละของเสยี อน่ื ๆออกจากรา่ งกาย
ดดู ซมึ วติ ามนิ A และ K
เป็น co-enzyme ของ pancreatic lipase เพื่อชว่ ยใหท้ าํ งานไดเ้ ร็วข้ึน
Bile salt ทาํ หนา้ ทค่ี วบคมุ cholesterol ใหอ้ ยใู่ นสภาพของสารละลายและยบั ยง้ั
การทาํ งานของ Thromboplastin

Anus

•ทวารหนกั ทางออกของอุจจาระ

Peritoneum

• หนา้ ทข่ี องเยอ่ื บุชอ่ งทอ้ ง
1.สรา้ ง Peritoneal fluid มาหลอ่ ลืน่ เพ่ือลดแรงเสยี ดทาน เมื่ออวยั วะภายใน
มกี ารเคล่อื นไหว
2.ป้ องกนั การกระจายของเช้อื โรค
3.แขวนอวยั วะตา่ งๆใหค้ งอยใู่ นตาํ แหน่งและเป็นทเี่ กาะของหลอดเลือด หลอด
นาํ้ เหลือง และเสน้ ประสาท

Trypsin

ทรปิ ซนิ เอนไซมท์ เ่ี ปล่ียนมาจาก ทรปิ ซโิ นเจน

Chymotrypsin

• ไคโมทรปิ ซนิ Chymotrypsinเอนไซมท์ เ่ี ปล่ียนมาจาก ไคโมทรปิ ซโิ นเจน

Soft palate

• เพดานออ่ น ทาํ หนา้ ทปี่ ิดกน้ั อาหารไมใ่ หผ้ า่ นเขา้ ไปในโพรงจมูก
ขณะกลนื อาหาร

คาํ ศพั ท์

ระบบหายใจ

Bronchiole

หลอดลมฝอย (Bronchiole)
เป็นแขนงยอ่ ยของหลอดลมของปอด หลอดลมฝอยเหลา่ น้ีบางสว่ น
นอกจากจะสามารถนาํ กา๊ ซเขา้ สูป่ อดไดแ้ ลว้ ยงั สามารถทาํ หนา้ ทใี่ นการ
แลกเปลี่ยนกา๊ ซไดด้ ว้ ย

trachea

หลอดลม (trachea)
เป็นสว่ นหนึ่งของระบบหายใจ มีหนา้ ทห่ี ลกั คอื การนาํ สง่ อากาศจาก
ภายนอกรา่ งกายเขา้ สูป่ อด

respiratory division

สว่ นแลกเปลย่ี นแกส๊ (respiratory division)
สว่ นแลกเปลีย่ นแกส๊ เป็นสว่ นของหลอดลมฝอยทตี่ อ่ จากหลอดลมฝอย
เทอรม์ ินอล คอื หลอดลมฝอยแลกเปล่ยี นแกส๊ ซงึ่ จะมีการโป่ งพองเป็นถุง
ลมยอ่ ย (pulmonary-alveoli)

conducting division

ส่วนนาํ อากาศเขา้ สรู่ ่างกาย (conducting division)
สว่ นน้ีประกอบดว้ ยอวยั วะทที่ าํ หนา้ ทเี่ ป็นทางผา่ นของอากาศเขา้ สสู่ ว่ นทมี่ ี
การแลกเปล่ยี นแกส๊

asthma

โรคหอบหืด (asthma)
เป็นโรคทมี่ ีการอกั เสบเร้อื รงั ของเย่อื บุหลอดลม รว่ มกบั ภาวะผดิ ปกตขิ อง
หลอดลมทไี่ วตอ่ สงิ่ กระตนุ้ ตา่ งๆ มากกวา่ ปกติ

Bronchitis

โรคหลอดลมอกั เสบ (Bronchitis)
เป็นโรคทเี่ กิดจากการอกั เสบของเยอ่ื บุหลอดลม ทาํ ใหเ้ ยือ่ บุหลอดลมบวม
มีเสมหะในหลอดลม

Tuberculosis

โรควณั โรค (Tuberculosis)
ทเ่ี กิดจากเช้อื แบคทเี รยี Mycobacterium ซง่ึ มีหลายชนิด วณั โรคเกิดไดใ้ น
ทุกอวยั วะของรา่ งกาย สว่ นใหญม่ กั เกิดทปี่ อดพบรอ้ ยละ 80

Lung cancer

โรคมะเรง็ ปอด (Lung cancer)
เกิดจากการเจรญิ เตบิ โตของเซลลท์ ผี่ ดิ ปกตอิ ยา่ งรวดเรว็ และไมส่ ามารถ
ควบคมุ ได้ มะเรง็ ปอดจะทาํ ลายชวี ติ ของผูป้ ่ วยไดร้ วดเรว็ แคไ่ หน

Pneumonia

โรคปอดบวม (Pneumonia)
หมายถึงภาวะปอดซง่ึ เกิดการอกั เสบ ซงึ่ อาจเป็นเช้อื แบคทเี รยี เช้อื ไวรสั

Emphysema

โรคถุงลมโป่ งพอง (Emphysema)
เกิดจากการอกั เสบและแตกของเน้ือปอดทบี่ รเิ วณถุงลมปอด ทาํ ให้
ออกซเิ จนในปอดลดลง หรอื มีอากาศคา้ งในปอดมากกวา่ ปกติ

Nostril

รจู มูก (Nostril)
คอื รูทเี่ ป็นทางผา่ นเขา้ ออกของอากาศเขา้ สูโ่ พรงจมูก

Respiration system

ระบบหายใจ(Respiration system)
คอื ระบบทรี่ า่ งกายแลกเปลี่ยนแกส๊ โดยรา่ งกายจะรบั แกส๊ ออกซเิ จนทอ่ี ยู่
ภายนอกเขา้ สรู่ า่ งกาย และขบั แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดอ์ อกจากรา่ งกาย

Nasal cavity

โพรงจมูก (Nasal cavity)
อยูถ่ ดั จากรูจมูกเขา้ ไปขา้ งใน ชง่ึ เป็นทพี่ กั ของอากาศกอ่ นจะถกู สดู เขา้ ปอด
โพรงจมูกทาํ หนา้ ทคี่ วบคมุ อณุ หภมู ิและความช้นึ ของอากาศ

คาํ ศพั ท์

หมุนเวียนเลอื ดและ
ระบบนาํ้ เหลอื ง

Antigen

แอนตเิ จน (Antigen)
หมายถึง สง่ิ แปลกปลอมทเี่ มื่อเขา้ สูร่ า่ งกายแลว้ จะกระตุน้ ใหร้ า่ งกายสรา้ ง
แอนตบิ อดี (Antibody)

hemorrhagic stroke

หลอดเลอื ดสมองปรแิ ตกหรอื ฉกี ขาด (hemorrhagic stroke)
พบไดป้ ระมาณ 20% ของโรคหลอดเลือดสมอง เกิดจากหลอดเลือดมี
ความเปราะบางรว่ มกบั ภาวะความดนั โลหติ สงู

ischemic stroke

หลอดเลอื ดสมองตีบหรอื อดุ ตนั (ischemic stroke)
เป็นสาเหตุสว่ นใหญท่ ที่ าํ ใหเ้ กิดโรคหลอดเลือดสมอง พบไดป้ ระมาณ 80%

Venous blood vessels

หลอดเลอื ดเวน (Venous blood vessels)
หลอดเลอื ดชนิดน้ี จดั ตวั อยูใ่ นรา่ งกายคลา้ ยกบั อารเ์ ทอรี และมกั พบอยู่
เป็นคขู่ นานกบั หลอดเลอื ดอารเ์ ทอรแี ตห่ ลอดเลือดเวนมีขนาดใหญก่ วา่
ผนงั บางกวา่ และมีกลา้ มเน้ือเป็นองคป์ ระกอบนอ้ ยกวา่

Lymph vessel

หลอดนาํ้ เหลอื ง (Lymph vessel)
เป็นหลอดหรอื ทอ่ ทมี่ ีผนงั บางและมีโครงสรา้ งคลา้ ยหลอดเลอื ด ทาํ หนา้ ที่
ขนสง่ นาํ้ เหลอื ง เป็นสว่ นเสรมิ ของระบบหวั ใจและหลอดเลอื ด

Hemophilia

โรคฮโี มฟิ เลยี (Hemophilia) หรอื โรคเลอื ดไหลไม่หยุด
เป็นโรคทางพนั ธุกรรมซง่ึ มีความผดิ ปกตเิ ฉพาะในโครโมโซม X ทาํ ให้
ผปู้ ่ วยทเี่ ป็นโรคน้ี มีอาการเลือดออกนานกวา่ คนปกติ

Atherosclerosis

โรคหลอดเลอื ดแดงแขง็ (Atherosclerosis)
เป็นโรคทหี่ ลอดเลือดแดงอกั เสบจนทาํ ใหห้ ลอดเลือดแดงแข็งหรอื ตบี ตนั
สง่ ผลใหเ้ ลอื ดและออกซเิ จนไปเล้ยี งเน้ือเยื่อไมเ่ พียงพอ

Opened circulatory
system

ระบบหมุนเวียนเลอื ดแบบเปิ ด (Opened circulatory system)
เป็นระบบทเ่ี ลอื ดไมไ่ ดไ้ หลเวยี นในหลอดเลอื ดตลอดเวลา บางชว่ งเลอื ดจะแทรก
ไปตามชอ่ งวา่ งลาํ ตวั

Closed circulatory
system

ระบบหมุนเวียนเลอื ดแบบปิ ด (Closed circulatory system)
เป็นระบบทเี่ ลอื ดไหลเวยี นในหลอดเลอื ดตลอดวลา พบเสน้ เลอื ดฝอย
(capillary)

Lymphatic system

ระบบนา้ํ เหลอื ง (Lymphatic system)
จดั เป็นสว่ นหนึ่งของระบบหมุนเวยี น (circulatory system) ในรา่ งกาย

Platelet

เพลตเลต หรอื เกรด็ เลอื ด (Platelet หรอื PLT) เป็นเม็ดเลือดทมี่ ีขนาด
เล็กทสี่ ุด มีขนาดเล็กกวา่ เม็ดเลอื ดแดง เกล็ดเลอื ดทาํ หนา้ ทเี่ กี่ยวกบั การ
ทาํ ใหเ้ ลอื ดแข็งตวั

Basophil

เบโซฟิ ล (Basophil)
เป็นเม็ดเลอื ดขาวทมี่ ีบทบาทเกี่ยวกบั การอกั เสบและภาวะภูมิแพ้
เชน่ เดยี วกบั เม็ดเลอื ดขาว

Neutrophil

นวิ โทรฟิ ล (Neutrophil)
เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดทม่ี จี าํ นวนมากทส่ี ุด ทาํ หนา้ ทต่ี อ่ ตา้ นเช้อื แบคทเี รยี (Bacteria)
และเช้อื รา (Fungi)

Lymph

นา้ํ เหลอื ง (Lymph)
เป็นของเหลวทซ่ี มึ ผา่ นผนงั เสน้ เลือดฝอยออกมาอยูร่ ะหวา่ งเซลลห์ รอื รอบ ๆ เซลล์
ตอ่ มาของเหลวบางสว่ นกลบั เขา้ สหู่ ลอดนาํ้ เหลอื ง

Erythrocyte

เซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง (Erythrocyte)
มีลกั ษณะคอ่ นขา้ งกลมตรงกลางจะเวา้ เขา้ หากนั ( คลา้ ยขนมโดนทั )
เนื่องจากไมม่ ีนิวเคลยี ส
องคป์ ระกอบสว่ นใหญเ่ ป็นสารประเภทโปรตนี ทเ่ี รยี กวา่ “ ฮโี มโกลบิน ”

Leukocyte

เซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว (Leukocyte)
มีลกั ษณะคอ่ นขา้ งกลม ไมม่ ีสแี ละมีนิวเคลียส เม็ดเลือดขาวในรา่ งกายมีอยู่
ดว้ ยกนั หลายชนิด

Diastolic pressure

ความดนั ไดแอสโทลกิ (Diastolic pressure) หรอื ความดนั ชว่ งลา่ ง
หมายถึง แรงดนั เลือดในขณะทหี่ วั ใจคลายตวั

Systolic pressure

ความดนั ซสิ โทลกิ (Systolic pressure) หรอื ความดนั ชว่ งบน หมายถึง
แรงดนั เลอื ดในขณะทห่ี วั ใจบีบตวั ซงึ่ อาจจะสงู ตามอายุ

Granulocyte

แกรนูโลไซต์ (Granulocyte)
เป็นเซลลเ์ ม็ดเลือดขาวทมี่ ีแกรนูลอยภู่ ายในเซลล์ แบง่ ยอ่ ยไดเ้ ป็น
นิวโตรฟิล (neutrophil)


Click to View FlipBook Version