ก่ อ น จ ะ ม า เ ป็ น
ทะเลสาบ
ด อ ย เ ต่ า
เ รื่ อ ง ร า ว วิ วั ฒ น า ก า ร ข อ ง ท ะ เ ล ส า บ ด อ ย เ ต่ า อำ เ ภ อ ด อ ย เ ต่ า
จั ง ห วั ด เ ชี ย ง ใ ห ม่
ป ริ ศ น า คำ แ ก้ ว
ก.
คำนำ
ทะเลสาบดอยเต่ามีพื้นที่กว้างถึง 54 ตารางกิโลเมตร หรือมากกว่า 33,000ไร่ ห่างจาก
เขื่อนภูมิพล140 กิโลเมตรสภาพแวดล้อมทั่วไปเป็นทิวเขาทอดยาวสลับซับซ้อนมีทิวทัศน์สวยงาม
อยู่ทางตอนเหนือของเขื่อนภูมิพล เมื่อราว 35 ปีก่อน หรือประมาณ พ.ศ. 2507 ปีที่สร้างเขื่อน
ภูมิพล ทะเลสาบดอยเต่าถือเป็นแหล่งต้นน้ำของเขื่อนหรือถ้าเป็นถนนก็ต้องบอกว่าทะเลสาบ
ดอยเต่าเป็นหลักกิโลเมตรหลักแรกของทะเลสาบเหนือเขื่อนและเป็นต้นน้ำของแม่น้ำปิง โดยมีหลัก
สุดท้ายอยู่ปลายสุดที่จังหวัดตาก ชาวเขาซึ่งอาศัยอยู่ในที่ลุ่มของอ่างเก็บน้ำได้อพยพย้ายถิ่นฐานมา
ตั้งรกรากอยู่บนที่สูงเหนือเขื่อนตามนโยบายของรัฐบาลเมื่อปี พ.ศ. 2510 ซึ่งขณะนั้นพวกเขา
ประกอบอาชีพปลูกพืชผักสวนครัวตามเชิงเขาริมน้ำ ต่อมาในระยะหลังๆราวปี 2542 เป็นต้นมา มี
ฝนตกชุกตามปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้น้ำในอ่างมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมบริเวณแปลง
เพาะปลูก การจับปลาในทะเลสาบจึงกลายเป็นอาชีพหลัก โดยมีร้านอาหารบนแพ และแพที่พัก
เป็นธุรกิจที่ติดตามมาพร้อมๆกับการท่องเที่ยวประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากทะเลสาบดอยเต่าใน
หลายด้าน เช่น เป็นแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการทำการเกษตรกรรมในพื้นที่อำเภอดอยเต่าและบริเวณ
ใกล้เคียง เป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคของประชาชนเป็นแหล่งทรัพยากรประมงแหล่งเพาะ
พันธ์สัตว์น้ำประเภทต่างๆ เป็นต้น
ข.
สารบัญ
เรื่อง หน้า
คำนำ ก.
สารบัญ ข
ยุคการสร้างเขื่อน (พ.ศ.2494-2517) 1
ยุคบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยกลุ่มผู้ประกอบการแพ (2518-2537) 6
ยุคบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยสภาตำบลท่าเดื่อร่วมกับผู้ประกอบการแพ 8
(พ.ศ.2538-2539)
ยุคการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยองค์การบริหารส่วนตำบลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 9
(พ.ศ.2540-ปัจจุบัน)
บรรณานุกรม ค.
ข้อมูลผู้จัดทำ ง.
1.
ยุคการสร้างเขื่อน (พ.ศ.2494-2517)
ก่อนจะกลายเป็นทะเลสาบหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในอดีตนั้นเคยเป็นเส้นทางสัญจรทาง
น้ำที่สำคัญเพื่อขนถ่ายสินค้าระหว่างนครสวรรค์ สู่เชียงใหม่ และจากเชียงใหม่สู่ภาคกลาง โดยมีปลาย
ทางที่กรุงเทพ สินค้าสำคัญที่ล่องมาจากเชียงใหม่สู่ภาคกลางได้แก่ ไม้สัก โดยล่องกันมาเป็นแพไม้สัก
ขนาดใหญ่หรือเรียกว่าแพไม้ซุง ซึ่งในสมัยนั้นการคมนาคมทางบกยังไม่สะดวก ถนนหนทางก็ผ่านป่าเขา
มากมาย การล่องซุงมาตามลำน้ำถือว่าสะดวกและเสียค่าใช้จ่ายน้อย เพียงแต่อาจต้องเสียเวลานานนับ
เดือนหรือหลายเดือนกว่าไม้สักจะถึงปลายทางสู่โรงเลื่อยไม้ตามจังหวัดต่างๆทางภาคกลางการล่องแพซุง
ค่อยๆหมดไปเมื่อการขนส่งทางรถไฟเข้ามามีบทบาทในสมัยของรัชกาลที่ 7 ส่วนการขนส่งทางน้ำบริเวณ
เหนือเขื่อนได้สิ้นสุดลงนับตั้งแต่เริ่มก่อสร้างเขื่อนภูมิพลเมื่อราวปี พ.ศ.2496
ในอดีตอำเภอดอยเต่าเป็นตำบลหนึ่งซึ่งขึ้นอยู่กับอำเภอฮอดจังหวัดเชียงใหม่ ราษฎรตั้งบ้าน
เรือนอาศัยอยู่บริเวณสองฝั่งแม่น้ำปิงซึ่งเป็นที่อุดมสมบูรณ์มีอาชีพทำการเกษตร เช่น ทำไร่ ทำนา ปลูก
พืชได้ตลอดทั้งปี และเลี้ยงสัตว์ มีความสัมพันธ์แบบพี่น้อง เครือญาติ ใช้แรงงานร่วมกันเป็นกลุ่ม เช่น ทำ
เหมือง ทางฝายและทำกังหัน เพื่อนำน้ำเข้าทำการเกษตร
2
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2494 รัฐบาลไทย โดยการนำของคณะจอม
พลป.พิบูลย์สงคราม มีมติให้สร้างเขื่อนขนาดใหญ่กั้นลำน้ำปิงที่เขาแก้ว อำเภอสามเงา จังหวัดตาก โดย
ผ่านการสำรวจและศึกษาความเหมาะสมจากกรมชลประธาน กระทรวงเกษตร ภายใต้ชื่อโครงการ “เขื่อน
ยันฮี” มีมุ่งหมายเพื่อนำทรัพยากรน้ำที่มีตามธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ให้ได้อย่างสูงสุด คุ้มค่า โดยจัดให้
เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและระบบชลประทานควบคู่กับการผลิตพลังงานไฟฟ้า ในขณะนั้นความคิด
เห็นของผู้เกี่ยวข้องกับการสร้างเขื่อนแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่เนื่องด้วย
ความจำเป็นในการพัฒนาประเทศทั้งด้านการชลประทานและการไฟฟ้า รัฐบาลไทยจึงดำเนินการขอกู้เงิน
จากธนาคารโลก ซึ่งได้รับการอนุมัติเงินกู้ทั้งสิ้น 66 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อใช้เป็นงบประมาณการก่อสร้าง
เขื่อน
ในช่วงต้นสมัยรัชกาลที่ 9 เขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของไทยจึงเกิดขึ้น โดยมีกรมชลประทาน
เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการก่อสร้างเบื้องต้น ในปี พ.ศ.2495 ได้มีการสร้างเขื่อนยันฮี โดยทำการกั้น
แม่น้ำปิง ตรงบริเวณช่องเขายันฮี อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ซึ่งทำให้พื้นที่แม่น้ำปิงบริเวณเหนือเขื่อนมี
ระดับน้ำเพิ่มขึ้น ทำให้น้ำเอ่อขึ้นมาท่วมพื้นที่ราบสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านเรือนและพื้นที่ทำกินของ
ราษฎร และเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2500พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระ
ปรมาภิไธยให้เป็นชื่อเขื่อนว่า “เขื่อนภูมิพล” ลักษณะของเขื่อนเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งเพียงแห่งเดียวใน
ประเทศไทย และเอเชียอาคเนย์ และเป็นอันดับ 8 ของโลก สร้างปิดกั้นลำน้ำปิงที่บริเวณเขาแก้ว อำเภอ
สามเงา จังหวัดตาก มีรัศมีความโค้ง 250 เมตรสูง 154 เมตรยาว 486 เมตรความกว้างของสันเขื่อน 6
เมตร อ่างเก็บน้ำสามารถ รองรับน้ำได้สูงสุด 3,462 ล้านลูกบาศก์เมตร
3.
ในปีพ.ศ.2502 ทางเขื่อนภูมิพลได้ทำการเวนคืนที่ดินในเขตน้ำท่วม เริ่มตั้งแต่บ้านงิ้วเฒ่าจนถึงบ้านวัง
หม้อและต่อไปอำเภอฮอด แต่ชาวบ้านได้ปฏิเสธที่จะโยกย้ายไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เพราะทุกคนเห็นว่า
พื้นที่ที่ทางการเตรียมไว้ให้นั้น ยังขาดสาธารณูปโภคด้านต่างๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา ถนน และอาชีพหลัก
ของชาวบ้านซึ่งไม่สามารถประกอบอาชีพในพื้นที่นั้นได้ทำให้ชาวบ้านได้ย้ายกลับมาที่เดิม วันที่ 24
มิถุนายน 2504 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์การ
ก่อสร้าง ในระยะแรกประกอบด้วยงานก่อสร้างตัวเขื่อน ระบบส่งไฟฟ้า และอาคารโรงไฟฟ้า ซึ่งได้ติดตั้ง
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องที่ 1-2 ลูก กำลังผลิตเครื่องละ 70,000 กิโลวัตต์ เขื่อนภูมิพลสร้างเสร็จเมื่อปี
พ.ศ.2506 และคณะรัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจรได้เริ่มทำการปิดเขื่อนกั้นน้ำ และสามารถจ่าย
กระแสไฟฟ้าได้เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมและ 15 มิถุนายน 2507
4.
จากนั้นในวันที่ 17 พฤษภาคม 2507 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จ
พระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อนภูมิพล ชะตากรรมของชาวบ้านทางตอนเหนือของเขื่อนภูมิพล รวมถึงชาว
บ้านดอยเต่าเริ่มสั่นคลอน สองฝั่งลำน้ำปิงที่เคยมีต้นไม้นานาพรรณให้ชาวบ้านล่องเรือแพชื่นชมความงาม
ตีฆ้องตีกลองร้องเพลง ล่องขึ้นมาเป็นวัดวัดก็หายไป เป็นการสูญเสียวัฒนธรรมอันล้ำค่า ซึ่งน้ำเริ่มแพร่
ขยายเข้าท่วมพื้นที่ตำบลมืดกา ตำบลท่าเดื่อ และตำบลบ้านแอน หมู่บ้านที่เจอน้ำท่วมบ้านแรกคือ
หมู่บ้านงิ้วเฒ่า ถัดมาน้ำได้เข้าท่วมหมู่บ้านมืดกาตะวันตก มืดกาตะวันออก บ้านชั่ง บ้านตีนดอย บ้าน
หนองบัวคำ บ้านท่าคลั่ง บ้านท่าเดื่อ บ้านโท้ง บ้านน้อย บ้านนาแก่ง บ้านแพะ บ้านแอ่น บ้านวังหม้อ บ้าน
หนองอีปุ้ม ตามลำดับ หลังจากย้ายหมู่บ้านแล้วยังมีอีกหลายสิ่งที่ย้ายไปจากชุมชนเดิมไม่ได้ คือ วัฒนธรรม
และโบราณสถาณที่เหลือแค่ร่องรอย และพื้นที่แห่งนั้นได้กลายมาเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า
ทะเลสาบดอยเต่าในปัจจุบัน
5.
จากนั้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2512 รัฐบาลได้ออกพระราชกฤษฎีกา ให้กระทรวงมหาดไทยจัด
ตั้งนิคมสร้างตนเอง เขื่อนภูมิพล โดยมีกรมประชาสงเคราะห์เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการพื้นที่ เพื่อช่วย
เหลือราษฎรที่อพยพขึ้นมาจากเขตน้ำท่วม ทั้ง 4 ตำบล ประมาณ 2,400 ครัวเรือน (ทั้ง 4 ตำบล คือ
ตำบลบ้านแอ่น ตำบลมืดกา ตำบลท่าเดื่อ และตำบลดอยเต่า) แต่จากการขาดประสบการณ์ประกอบกับมี
ปัจจัยทั้งด้านบุคลากร อุปกรณ์ และงบประมาณที่ไม่เพียงพอ ทำให้การจัดสรรพื้นที่และการจัดระบบ
สาธารณูปโภคให้กับผู้อพยพเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดผลกระทบด้านลบตามมา เช่นหลาย
หมู่บ้านไม่มีน้ำกิน น้ำใช้ จนราษฎรในหลายหมู่บ้านตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น ในขณะนั้นราษฎรที่
อพยพตกอยู่ในสภาพที่เรียกว่า บ้านแตกสาแหรกขาด มองไม่เห็นอนาคต ที่ดินที่ได้รับการจัดสรรก็ไม่
สามารถทำการเพาะปลูกได้ เพราะสภาพดินขาดความสมบูรณ์ น้ำที่ใช้ในการเพาะปลูกก็ไม่เพียงพอผนวก
กับลักษณะพื้นที่เป็นที่ลุ่มๆดอนๆไม่สามารถทำคลองส่งน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกได้ หน่วยงานของรัฐทำได้
เพียงนำเครื่องอุปโภคบริโภคมาแจกเป็นบางครั้งบางคราวซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของราษฎร ผลที่
ตามมาคือชาวบ้านหันมายึดอาชีพในการตัดไม้ในพื้นที่อำเภออดอยเต่าซึ่งมีไม้สักเป็นจำนวนมาก และนำ
มาแปรรูปขายให้กับพ่อค้าต่างถิ่นเป็นรายได้พอยังชีพ เพียงไม่กี่ปีไม้เหล่านั้นก็ถูกตัดจนหมดสิ้น จึงทำให้
คนดอยเต่าเหมือนตกอยู่ในความมืดมนทางอาชีพ จนเกิดความท้อแท้และหันหน้าไปประกอบอาชีพเป็น
แรงงานรับจ้าง จนได้ชื่อว่าดอยเต่ามีแรงงานอพยพมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ และส่งผลให้เกิด
ปัญหาสังคมตามมา ไม่ว่าจะเป็นการละทิ้งครอบครัว ปัญหายาเสพติดเป็นต้น
ต่อมาในวันที่ 17 ตุลาคม 2515 แยกพื้นที่ตำบลท่าเดื่อตำบลดอยเต่าตำบลมืดกาและตำบล
บ้านแอ่น มาตั้งเป็นกิ่งอำเภอดอยเต่า
6.
ยุคบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยกลุ่มผู้ประกอบการแพ (2518-2537)
ทะเลสาบดอยเต่าถูกเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของอำเภอดอยเต่าประชาชนได้ใช้ประโยชน์จาก
ทะเลสาบดอยเต่าในหลายหลายด้านเช่นเป็นแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการทำการเกษตรกรรมในพื้นที่อำเภอดอยเต่า
และบริเวณใกล้เคียงเป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคของประชาชนเป็นไรทรัพยากรประมงและเป็นแหล่ง
เพาะพันธ์สัตว์น้ำประเภทต่างๆเป็นต้น ซึ่งในปีพ.ศ. 2518 ทะเลสาบดอยเต่าได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่
ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเริ่มต้นเจ้าของแพลากต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงร่วม
กันจัดตั้งกลุ่ม “ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่า”ขึ้น จัดให้มีกิจกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่ แพ
ลากท่องเที่ยว เพื่อเยี่ยมชมทัศนียภาพโดยรอบบริเวณดอย เรือนักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมและสัมผัสกับ
ธรรมชาติอย่างใกล้ชิดซึ่งมีการให้บริการอาหารเครื่องดื่มควบคู่ไปกับกิจกรรมการร้องเพลงคาราโอเกะ
เป็นต้น
ในยุคนี้จะเป็นการบริหารจัดการท่องเที่ยวโดยกลุ่มผู้ประกอบการแพร่วมกับชุมชนในพื้นที่
ใกล้เคียง มีการบริหารจัดการตนเองด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการจากการคัดเลือกกันเองภายใน
กลุ่ม ดำเนินการจัดตารางการให้บริการแพลากท่องเที่ยวสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน มีการกำหนดอัตรา
ค่าธรรมเนียมตามลักษณะของการท่องเที่ยว เช่นท่องเที่ยวแบบพักค้างคืนคิดอัตราค่าทำเนียมราย
บุคคลแบบเหมาจ่ายทั้งที่พักและค่าอาหารรวมถึงบริการแพลากท่องเที่ยว ส่วนการท่องเที่ยวแบบ
ชั่วคราวคิดบริการค่าแพลากท่องเที่ยวและค่าอาหารตามรายการเป็นต้น มีการนำรายได้ส่วนหนึ่งเก็บ
ไว้ใช้เป็นทุนในการพัฒนาสถานที่บริเวณทะเลสาบดอยเต่า เช่น การจัดที่จอดรถสำหรับนักท่องเที่ยว
การจัดทำป้ายบอกทาง การกำจัดขยะเป็นต้น ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวทะเลสาบ
ดอยเต่าอย่างจริงจัง เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวทะเลสาบอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่มีการ
ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเท่าที่ควร
7.
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวส่วนใหญ่ทราบข้อมูลจากการบอกต่อของนักท่องเที่ยวที่เคยเดินทาง
มาเที่ยวก่อนหน้า และเนื่องจากเป็นการบริหารจัดการกันเองภายในกลุ่มยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีความรู้
เกี่ยวกับการจัดการท่องเที่ยวมาร่วมเป็นคณะกรรมการหรือที่ปรึกษา ทำให้การพัฒนาการท่องเที่ยวในยุคนี้
เป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยสมาชิกทุกคนร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงด้วยตนเองในฐานะเป็น
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกัน และเป็นผู้เผชิญปัญหาด้วยตนเอง ทำให้ทราบสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาและนำมา
หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งนักท่องเที่ยวรู้จักแหล่งท่องเที่ยวและสนใจที่จะเดินทางมาเที่ยวจาก
การบอกต่อของประชาชนในชุมชนพื้นที่ใกล้เคียง แต่ยังไม่มีการประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง หน่วยงานภาครัฐ
ยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร
ในปีพ.ศ.2529 ได้เปิดตัวธุรกิจเรือสำราญในทะเลสาบแม่ปิง ช่วงนั้นถือว่าเป็นที่ฮือฮาอย่างยิ่ง เพราะ
เป็นครั้งแรกที่มีผู้ลงทุนทำธุรกิจเรือสำราญในทะเลสาบน้ำจืด สำหรับเรือสำราญในทะเลสาบแม่ปิงหรือ
ทะเลสาบเหนือเขื่อนภูมิพลไม่ได้ใหญ่โตเหมือนเรือสำราญในต่างประเทศ เพราะแล่นในทะเลสาบที่ไม่ลึกมาก
นักแต่สามารถจุคนได้เป็นร้อยและกินอยู่หลับนอนกันใน เดิมทราบว่ามีผู้ประกอบการอยู่ 2 ราย แต่ปัจจุบัน
เหลือเพียงรายเดียว ได้แก่บริษัท ท่องนที จำกัด มีเรือสำราญที่ชื่อว่า Royal Diamondเรือ Royal
Diamond ซึ่งพาย้อนลำน้ำปิงขึ้นไปทางเหนือมีระยะทางราว 140 กม. เรือแล่นไปอย่างช้าๆ ลัดเลาะไปตาม
เกาะแก่งและหุบเขาที่สลับซับซ้อน ซึ่งตามโปรแกรมแล้วจะถึงจุดหมายปลายทางที่ดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่
รวมเวลาที่อยู่บนเรือนี้ประมาณ 20 ชั่วโมงลำน้ำปิงบริเวณเหนือเขื่อน
8
ยุคบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยสภาตำบลท่าเดื่อร่วมกับผู้ประกอบการแพ
(พ.ศ.2538-2539)
ในปีพ.ศ. 2538 สภาตำบลท่าเดื่อ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการบริหารจัดการพื้นที่ เริ่มเข้ามามี
บทบาทในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่ามากขึ้น ซึ่งมีการบริหารจัดการการท่องเที่ยว
นำโดยประธานคณะกรรมการการบริหารสภาตำบลท่าเดื่อ โดยที่สภาตำบลท่าเดื่อเริ่มเข้ามามีบทบาทใน
การบริหารจัดการด้านตารางการให้บริการแพลากท่องเที่ยว โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่จากสภาตำบลให้คอย
ดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ให้คำปรึกษาแก่กลุ่มผู้ประกอบการแพ โดยมีคำสั่งแต่งตั้งให้ร่วมเป็นคณะ
กรรมการการบริหารจัดการการท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่าร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการแพต่างๆ และมีหน้า
ที่รับผิดชอบในการจัดตารางเวรการให้บริการและจำหน่ายตั๋วบริการ สภาตำบลท่าเดื่อมีหน้าที่จัดเก็บภาษี
จากผู้ประกอบการตามอัตราที่กำหนดและจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่การสร้าง
จุดชมวิว การจัดเก็บขยะมูลฝอย การปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณทะเลสาบดอยเต่า เป็นต้น
9.
ยุคการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยองค์การบริหารส่วนตำบลและหน่วยงานที่
เกี่ยวข้อง (พ.ศ.2540-ปัจจุบัน)
ในยุคนี้การท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่าเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากขึ้น จนกระทั่งใน
ปีพ.ศ.2540 สภาตำบลท่าเดื่อ ได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเดื่อและเป็นหน่วยงาน
หลักที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่า ซึ่งในทุกปี อบต. ท่าเดื่อ จะจัดสรรงบประมาณ
ในการพัฒนาการท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อบต.ท่าเดื่อยังขอความอนุเคราะห์
ไปยังหน่วยงานต่างๆเพื่อสนับสนุนการพัฒนาการท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่า อาทิ การท่องเที่ยวแห่ง
ประเทศไทย(ททท.) องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น ต่อมาในปีพ.ศ.2546 การท่องเที่ยวแห่ง
ประเทศไทย (ททท.) เล็งเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่า จึงได้จัดสรรงบประมาณให้
กับองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเดื่อในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่า โดยดำเนินการก่อสร้าง
อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่าและทำการปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรอบ รวมถึงติดตั้ง
ระบบสาธารณูปโภค ได้แก่ระบบไฟฟ้า และน้ำประปาบริเวณแหล่งท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่า ซึ่งใช้งบ
ประมาณในการทำรายการทั้งสิ้นจำนวนรวม 6,000,000 บาทจากนั้นอบต.ท่าเดื่อ จึงได้ดำเนินการจัดตั้ง
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ
โดยเฉพาะ
10
ในปีพ.ศ.2547 อบต.ท่าเดื่อ ได้ก่อสร้างศูนย์ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของฝากและของที่
ระลึกและศูนย์จำหน่ายสินค้า OTOP ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่เพิ่มขึ้น มีการดำเนิน
การก่อสร้างห้องสุขาไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยว หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ สภาตำบลท่าเดื่อเริ่มเข้ามามี
บทบาทในการบริหารจัดการการท่องเที่ยว ทำให้การบริหารจัดการการท่องเที่ยวเริ่มเป็นรูปธรรม มีการ
แต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบและให้คำปรึกษาด้านการท่องเที่ยวและมีการกำหนดกฎระเบียบข้อบังคับและ
ข้อตกลงในการใช้ทรัพยากรการท่องเที่ยวร่วมกันกล่าวคือ มีการกำหนดบทลงโทษหากมีการละเมิดหรือ
ทำผิดกฎข้อบังคับ หรือข้อตกลง มีการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการบริการที่ชัดเจน มีการจัดเก็บภาษี
และจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เช่น ก่อสร้างจุดชมวิว ที่จอดรถ ตลอดจนการเก็บขยะ
มูลฝอย
นอกจากอบต.ท่าเดื่อที่เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวทะเลสาบ
ดอยเต่าแล้วยังมีหน่วยงานของรัฐอีกหลายหน่วยงานที่เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการในแต่ละ
ด้าน ได้แก่ด้านการรักษาความปลอดภัย โดยสถานีตำรวจภูธรดอยเต่าจะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามา
ตรวจตราดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณแหล่งท่องเที่ยว ด้านสาธารณสุขได้รับความอนุเคราะห์
จากสาธารณสุขอำเภอดอยเต่ารวมทั้งโรงพยาบาลดอยเต่าในการตรวจสอบมาตรฐานการให้บริการแพ
ร้านอาหาร แพที่พัก เพื่อสร้างมาตรฐานในการให้บริการและการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ในด้านสาธารณูปโภคก็ได้รับความอนุเคราะห์จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอฮอด ในการ
ติดตั้งระบบไฟฟ้าบริเวณแหล่งท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่าเป็นต้น
11.
ปีพ.ศ.2552 อบต.ท่าเดื่อ ได้จัดทำข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเดื่อว่าด้วยเรื่องการจัด
ระเบียบทะเลสาบดอยเต่าพ.ศ. 2552 โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับกฎระเบียบ ข้อบังคับร่วมกันของผู้ประกอบการแพ
หน่วยงานภาครัฐ และชุมชนในพื้นที่ เช่น การกำหนดจุดจอดแพ จุดชมวิว ร้านค้า ที่จอดรถ การรักษาความ
สะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นต้น ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการการท่องเที่ยว
ทะเลสาบดอยเต่า โดยมีผลบังคับมาจนถึงปัจจุบัน
ในปีพ.ศ.2551-2553 ในรอบกว่า 3 ปี ทะเลสาบดอยเต่าซึ่งเป็นแหล่งต้นทุนของน้ำในเขื่อนภูมิพล
แห้งลงอย่างรวดเร็วและถือว่าวิกฤติหนักที่สุด ส่วนร่องน้ำแห้งลงไปไกลกว่า 3 กิโลเมตร แพท่องเที่ยวและแพ
ประมงของชาวบ้านต้องเกยตื้นเร็วกว่าทุกปีถึง 3 เดือน สถานการณ์ภัยแล้งของพื้นที่ภาคเหนือเริ่มเข้าขั้นวิกฤต
โดยเฉพาะปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอสำหรับการเกษตร แหล่งน้ำต้นทุน
ของเขื่อนทั้ง 2 แห่งอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือที่ไหลลงสู่เขื่อนทั้ง 2 แห่ง หนึ่งในแหล่งน้ำต้นทุนใหญ่ของเขื่อนภูมิพล
อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน โดยเฉพาะที่ทะเลสาบดอยเต่าอำเภอดอยเต่าจังหวัดเชียงใหม่
12.
พ.ศ. 2554 สถานการณ์รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ปริมาณน้ำของทะเลสาบดอยเต่าลดระดับ
ลงอย่างรวดเร็ว ตามปกติแล้วระดับน้ำจะเริ่มแห้งในช่วงฤดูแล้งประมาณเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม แต่
ในปีพ.ศ. 2554 พบว่าระดับน้ำแห้งลงเร็วกว่าปกติถึง 3 เดือนตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ปริมาณน้ำเริ่มลดลง
อย่างรวดเร็ว ส่วนนึงเนื่องจากปริมาณน้ำกักเก็บของเขื่อนภูมิพลน้อยลงและการปล่อยน้ำของเขื่อนภูมิพลเพื่อ
ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรทางภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ทำให้ระดับน้ำในทะเลสาบดอยเต่าลดลงไป
ด้วย แพท่องเที่ยว แพร้านอาหาร และแพประมงของชาวบ้านในทะเลสาบดอยเต่าต้องจอดเกยตื้นอยู่ริม
ทะเลสาบ ซึ่งช่วงปกติจะมีน้ำเต็มอ่าง ขณะนี้ร่องน้ำห่างไปไกลกว่าริมทะเลสาบกว่า 3 กิโลเมตร ทำให้ การ
ท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่าหยุดชะงักและซบเซาลงไปอย่างมาก เนื่องจากการท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่าไม่มี
กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านอื่นๆอีกเลยนอกจากการล่องแพ
13
นอกจากนี้ยังพบว่ามีปัญหาทางด้านต่างๆอาทิความสะอาดของน้ำในทะเลสาบดอยเต่า ความ
สะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของแพร้านอาหาร สินค้าอาหารมีราคาแพง อีกทั้งยังขาดการบริหาร
จัดการด้านการท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่าอย่างจริงจังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเกิดภัย
ธรรมชาติต่างๆที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อลักษณะทางภูมิทัศน์ของแหล่งท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่าอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งปัญหาการเกิดอุทกภัย การเกิดภัยแล้ง ปัญหามลพิษทางอากาศ (หมอกควัน) และการ
เกิดไฟป่าในฤดูแล้ง รวมไปถึงการบุกรุกที่ดินในเขตพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่า ส่งผลให้แหล่ง
ท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่าเสื่อมโทรมเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวลดจำนวนลง พื้นที่น้ำแห้งทำให้ดินแตก
ระแหง กลายเป็นทุ่งกว้างที่มีดินแตก บางจุดที่ยังพอมีต้นหญ้าขึ้นชาวบ้านก็นำโค กระบือมาเลี้ยง หรือบาง
รายใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกพืชที่ใช้ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวสั้นสามารถเก็บเกี่ยวได้ก่อนที่นำสลากมาอีกครั้ง
อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้กำหนดแผนร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเดื่อ อำเภอดอยเต่า
จังหวัดเชียงใหม่ ให้มีการสร้างฝายชะลอน้ำบริเวณทะเลสาบดอยเต่า เพื่อกักเก็บน้ำให้ปริมาณน้ำในใน
ทะเลสาบคงที่ เพื่อให้ชาวบ้านซึ่งมีอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักสามารถใช้น้ำในการเพาะปลูกได้ รวมไปถึง
ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพประมงและชาวบ้านที่ทำธุรกิจนำเที่ยวบริเวณทะเลสาบสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นใน
ชุมชนได้ตลอดทั้งปีตลอดจนสถานีสูบน้ำพลังงานไฟฟ้าสามารถสูบน้ำไปในพื้นที่ทำการเกษตรที่ขาดแคลน
แหล่งน้ำในพื้นที่ราบสูงได้
14.
เมื่อปี 2560 มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงซึ่งเป็น
พื้นที่ต้นน้ำ แม่น้ำสาขาต่างๆไหลสู่แม่น้ำปิงเพิ่มขึ้นส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลสูงขึ้นด้วย เป็นผลดี
กับทะเลสาบดอยเต่า ทำให้ระดับน้ำในทะเลสาบดอยเต่าเพิ่มขึ้นทะเลสาบดอยเต่า ในอำเภอดอยเต่า
จังหวัดเชียงใหม่ กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากต้องเผชิญปัญหาภัยแล้งจนน้ำแห้งขอดจนกลายเป็นทุ่ง
หญ้าเลี้ยงสัตว์และทำไร่ข้าวโพดนานกว่า 5 ปี ขณะที่ผู้ประกอบการเรือนแพร้านอาหารและท่องเที่ยวที่
จะเข้ามาเยือนทะเลสาบดอยเต่า นายประเสริฐ สุนันตา เจ้าของเรือนแพธารทิพย์ เปิดเผยว่า
สถานการณ์การท่องเที่ยวของทะเลสาบดอยเต่ากลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยระดับน้ำเพิ่มขึ้นกว่า 80
เปอร์เซ็นต์ แม้จะไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์เหมือนในอดีต แต่เชื่อว่าน้ำที่สูงขึ้นระดับนี้จะทาวแพอยู่กันได้อีก
ไม่ต่ำกว่า 1 ปี นายอำเภอดอยเต่า กล่าวว่าระดับน้ำในทะเลสาบดอยเต่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจาก
ยังมีน้ำฝนและน้ำจากแหล่งแม่น้ำสาขาต่างๆไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการแพที่เคยลากแพ
ไปอาศัยอยู่ในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ได้ชักลากแพกลับมาอยู่บริเวณทะเลสาบดอยเต่ามากขึ้น ขณะที่
นักท่องเที่ยวก็เริ่มทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกันอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะในวันหยุด ส่งผล
ให้เศรษฐกิจภายในท้องถิ่นกลับมาคึกคักอีกครั้ง
15
ต่อมาในปีพ.ศ.2562 ระดับน้ำในทะเลสาบดอยเต่าได้ลดลงอีกครั้ง มีสภาพแห้งขอดมองเห็น
พื้นดินที่แตกระแหงสุดลูกหูลูกตา ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดและเปลวแดดแผดเผา จนแทบไม่เหลือสภาพ
เดิมที่เต็มไปด้วยน้ำและมีการล่องแพเพื่อการท่องเที่ยว รวมทั้งจับสัตว์น้ำ ทั้งนี้เนื่องจากเป็นช่วงฤดูแล้งส่ง
ผลให้เจ้าของแพต่างๆต้องทำการยกแพเกยขึ้นบก โดยในส่วนของแพเพื่อการท่องเที่ยวและเปิดเป็นร้าน
อาหารที่มีจำนวนมากนั้น เกือบทั้งหมดต่างต้องพากันปิดให้บริการไปก่อนเป็นการชั่วคราวในช่วงที่น้ำแห้ง
เนื่องจากแทบไม่มีนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามในส่วนของชาวบ้านที่มีอาชีพจับสัตว์น้ำและหาปลาต้องใช้การ
เดินแทนเรือไปหลายกิโลเมตร เพื่อไปยังจุดที่ยังมีน้ำขังอยู่และจับปลานำไปขายหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว
นอกจากนี้ยังมีการนำโคมาเลี้ยงและให้กินหญ้าหรือวัชพืชที่ขึ้นเต็มทั่วทะเลสาบดอยเต่า ทั้งนี้ผู้ประกอบการ
“เรือนแพลูกแม่ปิง” ในทะเลสาบดอยเต่า ที่ยังคงเปิดบริการอาหาร ได้กล่าวว่า แม้ทะเลสาบดอยเต่าจะ
ประสบวิกฤติความแห้งแล้งจนทำให้น้ำเหือดแห้งจนเหลือแต่พื้นดินแตกระแหง แต่ยังคงเปิดให้บริการลูกค้า
ตามปกติ โดยยกแพเกยขึ้นบกและรับซื้อปลาจากชาวบ้านมาใช้ประกอบอาหาร ส่วนน้ำกินน้ำใช้นั้นใช้วิธี
การเจาะน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ไปก่อน หลังจากย่างเข้าฤดูฝน ทะเลสาบดอยเต่าก็จะกลับมามีน้ำเต็มเช่นเดิม
ซึ่งชาวประมงที่หาปลาในทะเลสาบดอยเต่า ได้กล่าวว่า ในช่วงที่ทะเลสาบดอยเต่าแห้งแล้งนั้น ทำให้ไม่
สามารถใช้เรือแพออกหาปลาได้ตามปกติ และต้องใช้การเดินวันละหลายกิโลเมตรไปหาปลาในจุดที่ยังพอมี
น้ำอยู่ และต้องหาปลาด้วยความยากลำบากกว่าเดิม เนื่องจากจุดที่มีน้ำอยู่ส่วนใหญ่เป็นโคลนลึก ส่วนปลาที่
จับได้แม้จะขายได้ราคาไม่มากนักแต่ยังได้เงินไปใช้จ่ายในครอบครัวบ้าง โดยที่ปลาส่วนใหญ่ทาง “เรือนแพ
ลูกแม่ปิง” ที่ยังเปิดให้บริการอยู่จะเป็นผู้ช่วยรับซื้อไว้ ซึ่งชาวประมงต่างรอลุ้นให้มีฝนตกลงมาในเร็ววัน
16
ในปีพ.ศ.2564 ทะเลสาบดอยเต่า แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่
ที่มีน้ำแห้งขอดมาหลายปีจนกลายเป็นทุ่งเลี้ยงวัว ผู้ประกอบการแพส่วนใหญ่หลายเจ้าได้เลิกกิจการรื้อถอน
เรือนแพไปในพื้นที่ คงเหลือเรือนแพลูกแม่ปิง และเรือนแพดอยเต่าริมปิง (นกน้อยเดิม) ปักหลักอยู่ที่เดิมไม่
ไปไหน จนทั้งสองเรือนแพติดเกาะไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ในช่วงที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลาย
วันทางทิศเหนือของอำเภอดอยเต่า ส่งผลให้แม่น้ำจากสายต่างๆไหลลงสู่แม่น้ำปิงและไหลลงสู่ทะเลสาบ
ดอยเต่า ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้เรือนแพลูกแม่ปิง และเรือนแพดอยเต่าริมปิงที่ติดเกาะมาหลาย
ปีได้ลอยน้ำขึ้นเหนือน้ำ สร้างความดีใจให้กับผู้ประกอบการเรือนแพ และชาวดอยเต่าเป็นอย่างมาก เพราะ
ได้สถานที่ท่องเที่ยวกลับคืนมาอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันนี้น้ำในทะเลสาบดอยเต่ามีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น เนื่องจากฝน
ที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงต้นเดือนกันยายน ทำให้น้ำปิงได้หนุนขึ้นทำให้น้ำในทะเลสาบดอยเต่าเพิ่มขึ้น
อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บรรยากาศการของการท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้ง ชาวบ้านในพื้นที่ที่มีอาชีพหาปลา
ส่วนหนึ่งก็ขายให้กับนักท่องเที่ยว และทำกินการการแพให้นักท่องเที่ยวเช่าค้างคืนหรือล่องแพชมบริเวณ
ทะเลสาบดอยเต่า เรือนแพลูกแม่ปิงและเรือนแพจองชาวบ้านที่อยู่คู่ทะเลสาบดอยเต่ามาเกือบ 30 ปี และ
เรือนแพอื่นๆได้กลับมาเปิดให้บริการ ซึ่งบรรยากาศของทะเลสาบดอยเต่าสวยงามด้วยธรรมชาติ มองเห็น
เวิ้งน้ำขนาดกว้าง ไกลออกไปเป็นวิวทิวทัศน์ภูเขา ส่วนสาเหตุของน้ำที่มีสีขุ่นในตอนนี้ เนื่องจากยังอยู่ในช่วง
ฤดูฝน เจ้าของกิจการเรือนแพดอยเต่าริมปิง เผยว่า แม้ทะเลสาบน้ำแห้งขอด แพติดเกาะมานานไม่ได้โยก
ย้ายหรือเลิกกิจการ หลังจากปริมาณน้ำในทะเลสาบดอยเต่าเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่กลางเดือนกันยายนได้เปิด
บริการเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นเจ้าแรกแล้ว ทุกวันมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมทะเลสาบดอยเต่าไม่ขาด
สาย และมีลูกค้าจองแพกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ช่วงเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจนถึงสิ้นปีภายใต้มาตรการของ
ศคบ.การแพร่ระบาดโควิด-19อย่างเคร่งครัด
ค.
บรรณานุกรม
การบริหารจัดการการท่องเที่ยวทะเลสาบดอยเต่าเชิงบูรณาการ. (2556). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
http:webpac.library.mju.ac.th. (วันที่สืบค้นข้อมูล : 28 สิงหาคม 2565).
การวิจัยการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมต่อชุมชนกรณีการสร้างฝายกักเก็บน้ำในพื้นที่ ทะเล
สาปดอยเต่า . (2560). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://archive.lib.cmu.ac.th (วันที่สืบค้น
ข้อมูล : 30 สิงหาคม 2565).
ดร.วิทยา พัฒนเมธาดา. (2563). เล่าขานตำนานดอยเต่า. จาก https://anyflip.com
ทะเลสาบดอยเต่า ล่องแพ (2564). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://thailandtourismdirectory.go.th (วันที่สืบค้นข้อมูล : 30 สิงหาคม 2565).
ทะเลสาบดอยเต่า (2563). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.museumthailand.com (วัน
ที่สืบค้นข้อมูล : 30 สิงหาคม 2565).
ทิพสุคนธ์ พิมพ์พิมล. การศึกษาแนวทางการจัดการและการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรประมงบริเวณ
เขื่อนภูมิพลตอนบน(อ่างเก็บน้ำดอยเต่า). (2550). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://librea.mju.ac.th. (วันที่สืบค้นข้อมูล : 2 กันยายน 2565)
เรือนแพดอยเต่า. (2563). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.wongnai.com. (วันที่สืบค้น
ข้อมูล : 5 กันยายน 2565).
แอ่วเหนือ ทะเลสาบดอยเต่า. (2563). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก : https://travel.trueid.net . (วันที่
สืบค้นข้อมูล : 30 สิงหาคม 2565).
ง.
ข้อมูลผู้จัดทำ
ชื่อ-สกุล : นางสาวปริศนา คำแก้ว ชื่อเล่น หย่าย
วันเดือนปีเกิด : 18 พฤษภาคม 2544 ปัจจุบันอายุ 21 ปี
หมู่เลือด : AB
ข้อมูลการศึกษา
ระดับชั้นมัธยมศึกษา : โรงเรียนฮอดพิทยาคม
ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 สาขาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่