บทนำ บทละครเรื่องสังข์ทองนี้ เป็นวรรณคดี เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจในการศึกษามีมาตั้ง ตั้ แต่ สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีลักษณะของละครนอก มีตัวละครที่เป็นรู้จัก กันเป็นอย่างดี คือ เจ้าเงาะซึ่งคือพระสังข์ กับ นางรจนา เนื้อเรื่องมีความสนุกสนานและเป็น นิยม จึงมีการนำ เนื้อเรื่องบางบทที่นิยม ได้แก่ บทพระสังข์ได้นางรจนา เพื่อนำ มา ประยุกต์เป็นการแสดงชุดรจนา-เสี่ยงพวง มาลัย สังข์ทองเป็นเรื่องที่ได้มาจากสุวัณสังขชาดก เป็นหนึ่งใน ชาดกพุทธประวัติ เป็นนิทานพื้น บ้านในภาคเหนือและภาคใต้โดยที่สถานที่ที่ กล่าวถึงเนื้อเรื่องในสังข์ทอง
ความเป็นมา นิทานเรื่องสังข์ทอง อีกวรรณกรรมพื้นบ้านและเป็น นิทานพื้นบ้านไทย ที่มีเนื้อเรื่องมีความสนุกสนานและเป็นนิยมมี ตัวละครที่เป็นรู้จักกันเป็นอย่างดี คือ เจ้าเงาะซึ่งคือพระสังข์กับ นางรจนา เป็นนิทานที่คนไทยในท้องถิ่นต่างๆ คุ้นเคยและชื่น ชอบดังปรากฎแพร่หลายในท้องถิ่นต่างๆ หลากหลายสำ นวน นอกจากความนิยมนิทานสังข์ทองในรูปแบบของวรรณกรรม แล้ว นิทานสังข์ทองยังมีความสัมพันธ์และบทบาทในวิถีชีวิต ไทยด้านต่างๆ เช่น ชื่อสถานที่ สำ นวนไทย เพลงพื้นบ้าน ปริศนาคำ ทาย ตำ ราพยากรณ์ชีวิต จิตรกรรม ตลอดจนศิลปะ แขนงต่างๆแม้ในปัจจุบัน นิทานสังข์ทองก็ยังได้รับความนิยม และดำ รงอยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น เนื้อหาในหนังสือแบบเรียน หลายหูลักสูตรหนังสือการ์ตูน หนังสือนิทาน ภาพยนตร์การ์ตูน ละครพื้นบ้านนวนิยาย ตลอดจนงานศิลปะร่วมสมัย เช่น งาน ประติมากรรมการแสดงละครหุ่นสมัยใหม่ นอกจากนี้เนื้อหาและ ตัวละครจากนิทานสังข์ทองยังสัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆ เช่น ชื่อพันธุ์ ไม้ ชื่อรายการโทรทัศน์ ฯลฯ กล่าวได้ว่านิทานสังข์ทอง เป็น นิทานที่คนไทยคุ้นเคยและชื่นชอบมาหลายยุคหลายสมัยนับเป็น มรดกทางจินตนาการของคนไทย ที่ดำ รงอยู่ในวิถีชีวิตไทยอย่าง ต่อเนื่องตั้งตั้แต่อดีตถึงปัจจุบัน
ประวัติผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันพุธ เดือน ๔ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีกุน ตรงกับวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ มีพระนามเดิมตามหนังสือราชวงศ์สกุลว่า ฉิม เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกและสมเด็จพระอมรินทรา และ บรมราชินี ในเวลานั้นนั้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกยัง มีบรรดาศักดิ์เ ดิ์ ป็นหลวง ยกกระบัตรเมืองราชบุรี นามเดิมว่า ทองด้วง พระองค์ทรงพระราชสมภพ ณ บ้านสวนอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีกู้อิสรภาพ ตั้งตั้พระนครหลวงยกเมือง ธนบุรีขึ้นเป็นราชธานีแล้ว ได้เชิญให้หลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรีมา ปฏิบัติราชการในตำ แหน่งที่ราชฐานันดร เป็นพระราชวรินทร์เจ้ากรม พระตำ รวจนอกขวามีนิวาสสถานอยู่ใต้วัดระฆังโฆสิตา ราม จนได้รับ การเลื่อนยศบรรดาศักดิ์ขึ้ ดิ์ ขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตษัริย์ศึกฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงตามเสด็จพระราชบิดาไป ในการศึกสงคราม ตั้งตั้แต่มีพระชนมายุเพียง ๘ ชันษา เมื่อพระชนมายุ ได้ ๑๓ ชันษา สมเด็จพระราชบิดาให้ทำ พิธีโสกันต์ (โกนจุก) แล้วนำ ไป ฝากมอบไว้กับสมเด็จพระวันรัต (ทองอยู่) ที่วัดระฆังโฆสิตารามหรือ วัดบางหว้าใหญ่ ได้ศึกษาอักษรศาสตร์จากที่นั่นนั่และได้ตามเสด็จไปใน การสงครามหลายครั้งรั้ พ.ศ. ๒๓๒๔ กรุงธนบุรีเกิดยุคเข็ญ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตษัริย์ศึกฯ ได้เสด็จปราบดาภิเษกเป็นปฐมบรมกษัตษัริย์แห่งราชวงศ์จักรีวงศ์และ ทรงย้ายพระ นครหลวงมายั้งยั้อยู่ฝั่งตะวันออกของกรุงธนบุรี พระราชทานนามว่า กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ และโปรดให้สถาปนาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ซึ่งขณะนั้นนั้มีพระชนมายุ ๑๖ พรรษา ให้เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร
ประวัติผู้แต่ง(ต่อ) พ.ศ. ๒๓๓๑ ทรงผนวชที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มี สมเด็จพระสังฆราช (สี) วัดระฆังเป็นพระอุปัชฌาย์ แล้ว เสด็จไปประทับที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) จนกระทั่งทั่ออก พรรษา เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระอนุชาธิราชของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตแล้ว ทรงได้รับพระอิสริยยศเป็นพระมหาอุปราชา ผู้รับรัชทายาท โปรดให้มีการตั้ง ตั้ พระราชพิธีอุปราชาภิเษก เมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๙ พ.ศ. ๒๓๕๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จ สวรรคต พระองค์ก็เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ขณะมีพระ ชนมายุ ๔๒ พรรษา แล้งเสด็จประทับ ณ พระบรมมหาราชวัง ทรงพระบรมนามาภิไธยว่า พระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็น รัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จดำ รงอยู่ในสิริ ราชสมบัติตลอดเวลา ๑๕ ปี สวรรคตเมื่อวันพุธ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีวอก ตรงกับวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๖๗ เวลาประมาณ ๑๘.๓๐ น. ตามพระราชพงศาวดาร
ลักษณะคำ ประพันธ์ เป็นกลอนบทละคร บทหนึ่งมี 4 วรรค วรรคละ 6 คำ หนึ่งบทมี 2บาท เรียกว่าบาท เอกและบาทโท 1 บาท เท่ากับ 1 คำ กลอน 2.คำ ขึ้นต้นบท กลอนบทละครมีคำ ขึ้นต้น หลายแบบ และคำ ขึ้นต้นนั้น นั้ ไม่จำ เป็นต้องมี จำ นวนเท่ากับวรรคสดับ อาจจะมีเพียง 2 คำ ก็ได้
แนะนำ ตัวละคร พระสังข์ นางรจนา นางพันธุ์รัตน์ เงาะป่า
เนื้อเรื่องนิทานพื้นบ้าน เรื่อง สังข์ทอง ตอนที่ 1 กำ เนิดพระสังข์
ตอนที่ 1 กำ เนิดพระสังข์ กาลปางก่อน มีพระเจ้าพรหมทัต(ท้าวยศวิมล) ครองเมือง พรหมนคร(เมืองยศวิมล) พระเจ้าพรหมทัตมีมเหสีสององค์ มเหสีฝ่าย ขวาชื่อพระนางจันทราเทวี (นางจันเทวี) มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อพระนางสุ วรรณจัมปากะ (นางจันทา) พระเจ้าพรหมทัตโปรดมเหสีฝ่ายซ้ายมาก ต่อมามเหสีทั้งทั้สองทรงครรภ์ โหรทำ นายว่าบุตร ของมเหสีฝ่ายขวา เป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง พระนางสุวรรณจัมปากะรู้สึก เสียใจที่จะได้ธิดาแทนจะเป็นโอรส และเกรงว่าพระนางจันทราเทวีจะ ได้ดีกว่า จึงใส่ร้ายพระนางจันทราเทวีจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อ ขับ ไล่พระนางจันทราเทเวีออกจากพระราชวัง พระนางจันทราเทวเดิน ทางด้วยความยากลำ บาก เมื่อถึงชายป่านอกเมือง ยายตาสองคนสง สารจึกชวนให้พักอยู่ด้วย โอรสในครรภ์ของพระนางจันทราเทวีเห็น ความยากลำ บากของพระมารดาจึงแปลงกายเป็นหอยสังข์เพื่อไม่ให้ พระมารดาต้องลำ บากเลี้ยลี้งดู เมื่อครบกำ หนดคลอด พระนางจันทรา เทวีก็คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์ ซึ่งพระนางก็รักใคร่ เลี้ยลี้งดู เหมือนลูกมนุษย์ วันหนึ่งพระนางจันทราเทวีออกจากบ้านไปช่วยตายายเก็บผักหักฟืน ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอยสังข์ช่วยปัดกวาดบ้านเรือน และ หุงหาอาหารไว้ พอเสร็จก็กลับเข้าไปในรูปหอยสังข์ตามเดิม พระนาง จันทราเทวีเมื่อกลับมาก็แปลกใจว่าใครมาช่วยทำ งาน และเมื่อนาง จันทราเทวีออกจากบ้านไป ลูกน้อยในหอยสังข์ก็จะออกมาทำ งานบ้าน ให้เรียบร้อยทุกครั้งรั้พระนางจันทราเทวีอยากรู้ว่าเป็นใคร วันหนึ่งจึง ทำ ทีออกจากบ้านไปป่าเช่นเคย แต่แล้วก็ย้อยกลับมาที่บ้าน โอรสใน หอยสังข์ก็ออกมาทำ งานบ้าน พระนางจันทราเทวีเห็นโอรสเป็นมนุษย์ ก็ดีใจ จึงทุบหอยสังข์เสียและกอดโอรสด้วย ความยินดี และตั้งตั้ชื่อให้ ว่า ” สังข์ทอง ”
ตอนที่ 1 กำ เนิดพระสังข์ (ต่อ) เมื่อพระเจ้าพรหมทัตรู้ข่าวว่าพระนางจันทรา เทวีประสูติพระโอรสก็ยินดีจะรับพระนางจันทราเทวี กลับ พระนางสุวรรณจัมปากะเทวีริษยาจึงได้เท็จทูลว่า พระโอรสเดิมเป็นหอยสังข์ พระเจ้าพรหมทัตก็หลง เชื่อเกรงจะเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง จึงให้อำ มาตย์จับ พระนางจันทราเทวีและลูกน้อยสังข์ทองใส่แพลอยไป เมื่อแพลอนออกทะเลเกิดพายุใหญ่แพแตก พระนา จันทราเทวีถูกคลื่นซัดลอยไปติดที่ชายหาดเมืองมัท ราษฎร์ พระนางก็เดินทาซัดเซพเนจรไปอาศัยบ้าน เศรษฐีเมืองมัทราษฎร์ชื่อ ธนัญชัยเศรษฐี และทำ หน้าที่เป็นแม่ครัว ฝ่ายพระสังข์ทองนั้น นั้ จมน้ำ ลงไปยังนาคพิภพ พระยานาคมีจิตสงสารจึงเนรมิตเรือทอง แล้วอุ้มพระ สังข์ทองใส่ไว้ในเรือ เรือทองลอยไปถึงเมืองยักษ์ซึ่ ษ์ ซึ่ง นางยักษ์พั ษ์ พั นธุรัตปกครองอยู่ นางยักษ์เ ษ์ ห็นพระสังข์ ทองในเรือทองเกิดความรักใคร่เอ็นดู จึงนำ พระสังข์ ทองมาเลี้ย ลี้ งดูในปราสาท และให้พี่เลี้ย ลี้ งนางนมแปลง ร่างเป็นคนเพื่อมิให้พระสังข์ทองหวาดกลัว พระสังข์ ทองก็เติบโตอยู่กับนางยักษ์พั ษ์ พั นธุรัต
ตอนที่ 1 กำ เนิดพระสังข์ (ต่อ) นางยักษ์พั ษ์ พันธุรัตปกติจะต้องออกไปหาสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร เมื่อ นางออกไปป่าก็จะไปครั้งรั้ละสามวันหรือเจ็ดวัน ทุกครั้งรั้ที่ไปก็จะสั่งสั่พระ สังข์ทองว่าอย่าขึ้นไปเล่นบนปราสาทชั้นชั้บน และในสวน พระสังข์ทอง ก็เชื่อฟัง แต่เมื่อโตขึ้นก็เกิดความสงสัยอยากรู้ วันหนึ่งเมื่อนางยักษ์ พันธุรัตไปป่า พระสังข์ทองก็แอบไปในสวนส่วนที่ห้ามไว้ เห็นกระดูก สัตว์และคนเป็นจำ นวนมากที่นางยักษ์กิ ษ์ กินเนื้อแล้วทิ้งทิ้กระดูกไว้เป็น จำ นวนมาก พระสังข์ทองเห็นเช่นนั้นนั้ก็ตกใจ นึกรู้ว่ามารดาเลี้ยลี้งเป็น ยักษ์ก็ ษ์ ก็ รู้สึกหวาดกลัว และเมื่อเดิต่อไปเห็นบ่อเงินบ่อทองสวยงามพอ พระสังทองเอานิ้วก้อยจุ่มลงไปนิ้วก็กลายเป็นสีทอง พระสังข์ทองจึงลง ไปอาบทั้งทั้ตัว ร่างกายก็กลายเป็นสีทองงดงาม แล้วพระสังข์ทองก็ขึ้น ไปบนปราสาทชั้นชั้บน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทองและพระขรรค์ พระสังข์ทองเอาเกราะเงาะป่ามาสวมก็กลายร่างเป็นเงาะป่าพอใส่เกือก ทองก็รู้สึกว่าลอยได้ พระสังข์ทองจึงหยิบพระขรรค์แล้วเหาะหนีออก จากเมืองยักษ์ และข้ามแม่น้ำ ไปยังเมืองตักศิลา ตกเย็นจึงพักอยู่ที่ ศาลาริมน้ำ ฝ่ายนางยักษ์ก ษ์ ลับมาไม่เห็นลูก และขึ้นไปที่ปราสาทชั้นชั้บนเห็น เกราะรูปเงาะป่า เกือกทองและพระขรรค์หายไป ก็รู้ทันทีว่าพระสังข์ ทองรู้ว่าตนเป็นยักษ์แ ษ์ ล้วหลบหนีไป นางจึงเหาะตามไป เมื่อถึงฝั่งน้ำ เห็นพระสังข์ทองพักอยู่ นางไม่สามารถเหาะข้ามไปได้ จึงร้องไห้ อ้อนวอนให้พระสังข์ทองกลับไป พระสังข์ทองยังหวาดกลัวจึงไม่ยอม กลับ นางพันธุรัตเสียใจจนหัวใจแตกสลาย แต่ก่อนตายนางก็สอนมนต์ หาเนื้อหาปลาให้พระสังข์ทองแล้วนางก็สิ้นสิ้ ใจตาย พระสังข์ทองรู้สึก เสียใจมาก หลังจากได้จัดเผาศพนางยักษ์แ ษ์ ล้ว พระสังข์ทองก็เหาะเดิน ทางไปเมืองพาราณสี และได้ไปอาศัชาวบ้านช่วยเลี้ยลี้งโค พระสังข์ทอง ตอนนี้รูปร่างเป็นเงาะป่า พวกเด็กเลี้ยลี้งโคก็มาเล่นสนิทสนมกับพระ สังข์ทอง
ตอนที่ 1 กำ เนิดพระสังข์ (ต่อ) ที่เมืองพาราณสีนี้เจ้าเมืองมีธิดา 7 องค์ เจ้า เมืองคิดจะให้พระธิดาทั้ง ทั้ 7 องค์ได้อภิเษกสมรส จึงมีรับสั่งสั่ ให้ประกาศแก่เจ้าผู้ครองนครต่าง ๆ ให้ส่งโอรสมาให้พระ ธิดาเลือก พระธิดาทั้ง ทั้ 6 องค์ก็เลือกได้เจ้าชายทที่เหมาะสม แต่พระธิดาองค์สุดท้องชื่อรจนาไม่ยอมเลือกเจ้าชายองค์ใด เจ้าเมืองพาราณสีทรงกริ้ว ริ้ มากจึงประชดโดยให้อำ มาตย์ไป ประกาศให้ชายทุกคนในเมืองให้เข้ามาในวังให้พระราชธิดา เลือก พระสังข์ทองในรูปเงาะป่า ก็ถูกเกณฑ์เข้ามาด้วย เมื่อ นางรจนาออกมาเลือกคู่ บุญบันดาลให้เห็นรูปทองของพระ สังข์ทองแทนที่จะเป็นเงาะป่า นางจึงเลือกเงาะป่า เจ้าเมือง พาราณสีกริ้ว ริ้ มากขับไล่นางรจนาออกไปอยู่นอกเมือง เจ้าเมืองพาราณสีมีความแค้นเคืองเงาะป่าคิดจะกำ จัดจึง ออกคำ สั่งสั่ ให้เขยทั้ง ทั้ หกและเงาะป่าไปหาเนื้อมาคนละตัว ใครหามาไม่ได้จะถูกประหารชีวิต เงาะป่าเข้าไปในป่า ถอดรูปเงาะออกแล้วร่ายมนต์เรียกเนื้อ เนื้อทั้ง ทั้ หลายก็มาออ อยู่ที่พระสังข์ทอง หกเขยหาเนื้อทั้ง ทั้ วันก็ไม่ได้จนกระทั่งทั่มา พบพระสังข์ทอง ซึ่งหกเขยคิดว่าเป็นเทวดา หกเขยขอเนื้อ จากพระสังข์ทอง พระสังข์ทองให้โดยขอตัดใบหูคนละ หน่อย หกเขยก็ยอม ทั้ง ทั้ หมดก็นำ เนื้อไปให้เจ้าเมืองพาราณ สี
ตอนที่1กำ เนิดพระสังข์ (ต่อ) เจ้าเมืองพาราณสียังทำ ร้ายเงาะป่าไม่ได้ก็แค้นใจจึงมีคำ สั่งสั่ ให้เขยทุกคนหาปลาไปถวาย พระสังข์ทองก็ถอดรูปเงาะป่าแล้ว ร่ายมนต์เรียกปลา ปลาก็มาออคับคั่งคั่อยู่ที่พระสังข์ทอง หกเขยหา ปลาไม่ได้ทั้งทั้วันและเมื่อพบปลามาอออยู่ที่พระสังข์ทองก็กราบ ไหว้อ้ออนวอนขอปลา พระสังข์ทองยกให้โดยขอตัดปลายจมูก หกเขยคนละหน่อย แล้วหกเขยกับเงาะป่านำ ปลาไปถวายเจ้า เมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีขัดแค้นใจที่ทำ อันตรายเงาะป่าไม่ได้ก็เฝ้าคิดหา วิธีการอื่นที่จะกำ จัดเงาะป่า พระอินทร์บนสวรรค์ทราบถึงการคิด ร้ายของเจ้าเมืองพาราณสีต่อเงาะป่าจึงลงมาช่วย โดยเหาะลงมา ลอยอยู่หน้าพระที่นั่งนั่ของเจ้าเมืองพาราณสี และกล่าวท้าทายว่า ให้เจ้าเมืองพาราณสีหาคนดีมีฝีมือเหาะขึ้นมาตีคลีกับพระอินทร์ บนอากาศภายในเจ็ดวัน ถ้าหาไม่ได้ก็จะฆ่าเจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีตกใจมากให้หกเขยและบรรดาเสนาอำ มาตย์ ช่วยกันหาผู้อาสาเหาะไปตีคลี ทุกคนก็จนปัญญา เจ้าเมืองพาราณ สีจึงให้ป่าวประกาศว่าผู้ใดที่สามารถเหาะไปตีคลีกับพระอินทร์บน อากาศได้จะยกราชสมบัติให้ แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดมาอาสา นางมณฑา เทวีพระมเหสีของเจ้าเมืองพาราณสีจึงแอบไปหานางรจนา และ ขอให้นางรจนาอ้อนวอนให้เงาะป่าช่วย เงาะป่าสงสารทั้งทั้สองนาง จึงรับปาก และในวันที่เจ็ดเงาะป่าก็ถอดรูปเป็นพระสังข์ทองใส่ เกือกแก้วเหาะขึ้นไปตีคลีกับพระอินทร์จนชนะ พระอินทร์ก็กลับ ไปบนสวรรค
ตอนที่ 1 กำ เนิดพระสังข์ (ต่อ) เจ้าเมืองพาราณสีดีพระทัยมากได้ขอโทษพระสังข์ทอง และยกราชสมบัติให้ตามสัญญา พระสังข์ทองขอลาไปตามหา พระนางจันทราเทวีก่อน พระสังข์ทองเดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ จนกระทั่งทั่มาถึงเมืองมัทราษฎร์ จึงไปสืบถามที่บ้านธนัญชัย เศรษฐีว่ารู้จักหญิงที่ชื่อจันทราเทวีหรือไม่ ธนัญชัยเศรษฐีบอกว่า ไม่รู้จัก แต่ก็เชิญพระสังข์ทองอยู่รับประทานอาหาร พระสังข์ ทองสังเกตว่าอาหารมีรสปราณีตซึ่งผู้ทำ จะต้องเป็นผู้ทำ อาหาร ถวายพระเจ้าแผ่นดิน จึงขอพบแม่ครัวและซักถามประวัติก็ ทราบว่าเป็นพระนางจันทราเทวีจึงดีใจมาก และขอธนัญชัย เศรษฐีที่จะรับพระมารดากลับไป พระสังข์ทองนำ พระมารดากลับไปอยู่ที่เมืองพาราณสี พระสังข์ ทอง ปกครองเมืองพาราณสีจนเจริญรุ่งเรือง กิติศัพท์แพร่ไปยัง นครอื่น ๆจนถึงเมืองพรหมนคร ชาวเมืองพรหมนครก็อพยพมา อยู่เมืองพาราณสี เสนาอำ มาตย์เมืองพรหมนครจึงทูลเสนอ พระเจ้าพรหมทัตว่าพระสังข์ทองพระราชโอรสครองเมืองพาราณ สีมีความสามารถทำ ให้รุ่งเรืองจึงเห็นสมควรที่จะอัญเชิญพระ สังข์ทองมาครองเมืองพรหมนครเพื่อสร้างความเจริญ พระเจ้า พรหมทัตเมื่อทรงทราบว่าพระโอรสยังมีชีวิตอยู่และมีความ สามารถก็ยินดี และสำ นึกผิดให้อำ มาตย์ผู้ใหญ่ไปเมืองพาราณสี และทูลเชิญพระสังข์ทองและพระนางจันทราเทวีกลับเมือง พรหมนคร พระสังข์ทองสงสารพระบิดาจึงอ้อนวอนพระมารดา ให้อภัยพระเจ้าพรหมทัตและเดินทางกลับเมืองพรหมนคร พระเจ้าพรหมทัตก็มอบราชสมบัติให้พระสังข์ทองปกครองบ้าน เมืองเป็นสุขสืบมา
เนื้อเรื่องนิทานพื้นบ้าน เรื่อง สังข์ทอง ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ ๏ เมื่อนั้น นั้ ท่านท้าวภุชงค์องค์สหาย กับตักกระตักโหรคนทาย ล้ำ เลิศเพริศพรายในบาดาล ปรากฏพระยศศักดิ์ศ ดิ์ รี บรรดานาคีไม่ต่อต้าน ศาลารักษาศีลทาน อยู่ใต้บาดาลพิมานชัย เทพเจ้าเข้าในใจดล ท่านท้าวกำ พลหม่นไหม้ ด้วยพระสังข์ทองยองใย ลำ บากยากใจในคงคา จะใคร่ไปตามวิสัยนาค ออกจากเปลวปล่องช่องผา ระวังตัวด้วยกลัวครุฑา ทอดตาเหลียวดูมาแต่ไกล ๏ เที่ยวเล่นมาเห็นกุมาร นอนจมดินดานธารไหล เห็นศิลาผูกมาก็แจ้งใจ ลูกใครทิ้ง ทิ้ ถ่วงลงคงคา โฉมศรีบริสุทธิ์ม ธิ์ นุษย์น้อย กะจ้อยร่อยน่ารักหนักหนา ภุชงค์สงสารกุมารา เข้าต้องดูรู้ว่าไม่บรรลัย จับกรช้อนองค์เห็นกงจักร น้อยหรือบุญหนักศักดิ์ใดิ์ หญ่ จะเกิดเหตุเภทพาลประการใด ใครช่างทำ ได้ไม่ปรานี จะเอาเจ้าไปไว้เป็นลูกยา เห็นว่าบุญหนักศักดิ์ศ ดิ์ รี แล้วแก้ศิลาพลันทันที นาคีอุ้มพาไปบาดาล
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ ครั้น รั้ ถึงจึงวางบนแท่นแก้ว ผ่องแผ้วปรีดิ์เ ดิ์ ปรม เกษมศานต์ บอกเมียรักพลันมิทันนาน บริวารแวดล้อมอยู่พร้อม เพรียง พี่ไปได้มาแต่วารี จมในชลธีไม่มีเสียง ช่วยแก้ไขให้คืนจะได้เลี้ย ลี้ ง กล่อมเกลี้ย ลี้ งเลี้ย ลี้ งไว้เอาบุญ ว่าพลางตั้ง ตั้ สัตย์อธิษฐาน ถ้าบุญเรากับกุมารเคยอุดหนุน แต่ชาติหลังทั้ง ทั้ สองเคยค้ำ จุน เดชะบุญกุมารไม่วอดวาย เสี่ยงพลางพลางเอาสุคนธ์ทิพย์ ลูบหลังดังหยิบให้เหือด หาย ค่อยฟื้นคืนสมประดีคลาย โฉมฉายเป่ามนตร์ด้วยฤทธี ๏ เมื่อนั้น นั้ พระสุวรรณสังข์เรืองศรี ฟื้นองค์หลงว่ายวารี แลเห็นนาคีก็ดีใจ รูปร่างโสภาเป็นมนุษย์ ทรงภุชบังคมประนมไหว้ ผินผันอั้น อั้ อ้นฉงนใจ กล่าวความถามไปกับนาคา ข้าเจ้าเขาเอามาถ่วงน้ำ บาปกรรมทำ ไว้เป็นหนักหนา ผู้ใดไปเอาข้าเจ้ามา โปรดช่วยชีวาให้คืนคง
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ เมื่อนั้น นั้ ท้าวนาคีมีจิตพิศวง ตรัสถามเนื้อความไปโดยจง เจ้าเชื้อแถวแนววงศ์ พระองค์ใด ใครเล่าถ่วงเจ้าลงวารี โฉมศรีโทษทัณฑ์นั้น นั้ ไฉน เราช่วยจึงไม่ม้วยบรรลัย จึงพามาไว้ในบ้านเมือง ๏ เมื่อนั้น นั้ พระสังข์เล่าความตามเรื่อง บิดาข้าไซร้ได้ผ่านเมือง ราวเรื่องแม่ว่าให้ข้าฟัง เมียน้อยมันชื่อนางจันทา มารดาคลอดข้าเป็นหอยสังข์ เขาขับไล่ให้ไปอยู่ไพรรัง มันชิงชังทูลว่าข้าจัญไร อยู่หลังข้าออกมานอกหอย เขาคอยจับข้าหาช้าไม่ ทุบตีฆ่าฟันไม่บรรลัย จึงให้ถ่วงข้าลงสาคร บอกพลางทางทรงโศกี คิดถึงชนนีสะอื้นอ้อน พระองค์ช่วยส่งให้มารดร วิงวอนร่ำ ไห้อยู่ไปมา
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ เมื่อนั้น นั้ ท้าวภุชงค์สงสารเป็นนักหนา ได้ฟังทั้ง ทั้ นางนาคา เสน่หาฟักฟูมอุ้มองค์ บุญญาธิการก็มากมี จึงเข่นฆ่าร้าตีไม่ผุยผง แกล้งเดียดฉันท์กันเป็นมั่นมั่คง ยุยงชิงชังว่าจังไร อยู่ด้วยแม่เถิดจะเลี้ย ลี้ งเจ้า ร่วมวันขวัญข้าวอย่าโหยไห้ ชนนีเจ้านั้น นั้ มิบรรลัย นานไปจะพบประสบกัน จึงให้ชำ ระสระล้าง ล้อมข้างดังนางในสวรรค์ เอมโอชโภชนาสารพัน นึกสิ่งไรนั้น นั้ ก็มีมา ๏ ฝ่ายท้าวภุชงค์ทรงศักดิ์ คิดถึงแม่รักยักษา อย่าเลยจะให้กุมารา ไปเป็นบุตรายาใจ ผัวตายเป็นหม้ายมาช้านาน ลูกหลานยักษีห ษี ามีไม่ จึงบอกพระสังข์ทองยองใย พ่อไซร้มิใช่เป็นมนุษย์ ถึงรักเจ้าเอาไว้ไม่ได้ด้วย จะชูช่วยบำ รุงให้สูงสุด ไปกว่าบิดาจะม้วยมุด สิ้น สิ้ สุดทุกข์ภัยที่ได้มา เจ้าคิดถึงบิดาจะมาถึง ครู่หนึ่งบัดใจจะไปหา ว่าพลางทางสั่งสั่นาคา ตกแต่งกายาให้อ่าองค์ ทองกรอ่อนห้อยสร้อยสะอิ้ง อิ้ เพริศพริ้ง ริ้ เฟื่องฟูดูระหง นาคาเข้าพร้อมล้อมวง อุ้มองค์พามาจากบาดาล
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ ขึ้นจากฟากฝั่งพระสมุทร พ้นแดนมนุษย์สุด สถาน ริมสะดือทะเลคะเนการ หมายมุ่งกรุงมารไม่ใกล้ไกล จึงนฤมิตด้วยฤทธา เป็นมหาสำ เภาทองผ่องใส โภชนาสารพันทันใด พร้อมไปในลำ สำ เภาทอง ๏ จึงอุ้มลูกน้อยกลอยสวาท นาคราชทูนเกล้าเศร้า หมอง วางไว้ในลำ สำ เภาทอง ทั้ง ทั้ สองโศกาด้วยปรานี แล้วเอาแผ่นสุวรรณบันทึก จารึกเป็นราชสารศรี สั่งสั่ลูกชายพลันทันที จงส่งให้ยักษีที่ ษี ที่ ลงมา แล้วเธอตั้ง ตั้ สัตย์อธิษฐาน ขุนมารอันคิดริษยา จะจับลูกอย่าให้ถูกลำ เภตรา ให้ตรงซึ่งพาราอย่าซัดไป เสี่ยงพลางทางเสือกสำ เภาทอง ลอยล่องในท้องทะเล ใหญ่ สงสารลูกแก้วแววไว แล้วกลับหลังวังในสู่ไพชน
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ เมื่อนั้น นั้ พระสุวรรณสังข์ระเหระหน คว้างคว้างมาในกลางทะเลวน ทุกข์ทนแลเหลียวเปลี่ยวใจ มีอยู่แต่น้ำ กับฟ้า จะแลเห็นฝั่งฝาก็หาไม่ ดูเป็นหมอกมัวออกทั่วทั่ ไป หวั่นวั่ ไหวไม่เคยไปมา เห็นฉนากฉลามตามกัน ดาษดื่นหมื่นพันล้วนมัจฉา เงือกงูราหูเหรา ทั้ง ทั้ กระโห้โลมาปลาวาฬ มังกรลอยล่องท้องน้ำ คลื่นซัดซัดน้ำ มาฉ่าฉาน คิดถึงพระแม่อยู่แดดาล เหมือนม้วยวายปราณไปจากกัน ลูกรักพลัดไปแห่งใด แม่อยู่หนไหนไม่ผายผัน มิตายใหญ่กล้าจะมาพลัน เสาะหาแม่นั้น นั้ ให้พบพาน ร่ำ ไรอยู่ในเภตรา เทวาพิศวงน่าสงสาร ช่วยส่งให้ตรงเมืองมาร เข้ายังสถานด่านแดน ๏ บัดนั้น นั้ กุมภัณฑ์ยักษาอยู่กว่าแสน ลาดตระเวนเกณฑ์กันปันแดน แว่นแคว้นนางมารชาญชัย ยืนเยี่ยมหอคอยลอยลิ่ว เห็นกระโดงธงทิวปลิวไสว แลลิบลิบพริบตามาไวไว เข้าใกล้แลเห็นเป็นสำ เภา คิดว่าข้าศึกมาฮึกฮัก ขุนยักษ์วุ่ ษ์วุ่นวายทั้ง ทั้ นายบ่าว ออกรับจะจับเอาสำ เภา เร่งป่าวร้องเสร็จระเห็จมา
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ ตรูกันลงหาดทรายชายฝั่ง เห็นสำ เภายังไม่กังขา ทองคำ ทั้ง ทั้ ลำ ทำ มา คนในเภตราก็ไม่มี เห็นอยู่แต่กุมารน้อย แช่มช้อยจรัสรัศมี แจ้งใจมิใช่ไพรี ยักษีต ษี รูกันมาทันใด เผ่นโผนโจนฉวยด้วยความอยาก อ้าปากแลบลิ้น ลิ้ น้ำ ลาย ไหล เร่งรีบฉวยพลันทันใด ประหลาดใจไม่ถูกเภตรา ทะลึ่งโลดโดดคว้าผวาเปล่า เหมือนหนึ่งจับดาวในเวหา ลอยเด่นเห็นอยู่แก่ตา ยักษากริ้ว ริ้ โกรธพิโรธใจ ตีด้วยกระบองก้องเวหา จะถูกลำ เภตราก็หาไม่ ล้อมรุมกลุ้มกันเข้าทันใด เปล่าไปไม่ปะปะทะกัน ๏ เมื่อนั้น นั้ สุวรรณสังข์นรังสรรค์ เห็นหมู่อสูรกุมภัณฑ์ คร้ามครั่นรั่พรั่นรั่อกตกใจ แต่ละตัวหัวพริกหยิกหยอง ดำ กาตาพองท้องใหญ่ เขี้ย ขี้ วขาวยาวรีไม่มีใจ คิดได้ถึงท้าวนาคี แล้วจึงตั้ง ตั้ สัตย์อธิษฐาน อย่าให้ขุนมารยักษี มาทำ อันตรายราวี แก่ตัวข้านี้เลยนาคิดแล้วเท่านั้น นั้ มิ ทันนาน จึงโยนแผ่นทองสารให้ยักษา แผ่นทองลอยละลิ่วปลิวมา คอยท่ายักษีดั ษี ดั งมีใจ
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ ยักษาโลดโผนโจนจับ กลอกกลับรับราชสารได้ คืนเข้าฝั่งพลันทันใด หอบรวนหายใจอยู่ไปมา จึงรู้สาราที่จารึก มิใช่ข้าศึกจึงปรึกษา สารทองของท้าวเจ้านาคา เภตราเขียนรายระบายทอง จำ เพาะให้โฉมยงลงมารับ เราจึงจู่จับมิได้ต้อง ปรึกษาแล้วนำ เอาแผ่นทอง นายรองระเห็จเตร็ดมา ๏ ครั้น รั้ ถึงซึ่งราชธานี จึงนำ สารศรีเข้าไปหา บอกแจ้งแถลงกิจจา แก่ท่านมหาเสนาใน ๏ เสนารับสารใส่พานแก้ว คลาดแคล้วพามาหาช้าไม่ เข้าเฝ้านางมารชาญชัย ที่ในพระโรงอันรูจี ๏ มาถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้า ก้มเกล้าบังคมเหนือเกศี แล้วทูลไปพลันทันที ท้าวนาคีมีราชสารมา ให้ราชทูตมนุษย์น้อย ล่องลอยสำ เภาไม่เข้าหา ทองคำ ทั้ง ทั้ ลำ ทำ มา คนในเภตราก็ไม่มี จับต้องจะถูกก็หาไม่ โยนให้แต่ราชสารศรี ผิดอย่างปางก่อนบอห่อนมี เทวีจงทราบพระบาทา
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ เมื่อนั้น นั้ นางพันธุรัตยักษา เร่งคิดถวิลจินตนา ทูตถือสาราประหลาดใจ จึงสั่ง สั่ สาวศรีที่หมอบเฝ้า รับเอาสาราเข้ามาให้ แล้วอ่านดูพลันทันใด ที่ในพระราชสารา ๏ สารท้าวภุชงค์ทรงศักดิ์ คิดถึงแม่รักยักษา แต่สหายวายปราณนานมา ชั่ว ชั่ ช้ามิได้มาเยี่ยม เยือน องค์ท้าวกุมภัณฑ์ที่บรรลัย ความสมัครรักใคร่ใคร จะเหมือน เจ้าน้อยใจที่ไม่เยี่ยมเยือน รักเจ้าเท่าเทียมเหมือน กัน เป็นหญิงครองเมืองมณฑล เสนีรี้พ รี้ ลจะเดียดฉันท์ เราไซร้ได้บุตรบุญธรรม์ มนุษย์จ้อยน้อยนั้น นั้ ถือสาร ไป เจ้าจงเลี้ย ลี้ งไว้เป็นลูกรัก เราเห็นบุญหนักศักดิ์ใดิ์ หญ่ จะได้ครอบครองพระเวียงชัย เลี้ย ลี้ งไว้ค้ำ ชูแทนหู ตา
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ อ่านจบแจ้งในสารศรี คิดถวิลยินดีเป็นหนักหนา เอาสารทูนเกล้าไว้มิได้ช้า ขอบใจหนักหนาท้าวนาคี องค์ท้าวกุมภัณฑ์ที่บรรลัย ยังคิดรักใคร่ไม่หน่ายหนี ซื่อตรงต่อองค์พระสามี คุณของนาคีดังบิดา แล้วตรัสแก่มหาเสนาใน ใครเห็นอย่างไรให้ปรึกษา มนุษย์น้อยจ้อยในเภตรา นาคาให้มาให้รับรอง ให้เลี้ย ลี้ งต่างลูกดวงใจ บุญหนักศักดิ์ใดิ์ หญ่ไม่มีสอง เรานี้มีจิตคิดปอง จะใคร่รับรองกุมารา ๏ บัดนั้น นั้ กุมภัณฑ์โหรใหญ่ฝ่ายขวา พินิจคิดคูณแล้วทูลมา โหราขอโทษได้โปรดปราน อย่าเพ่อชื่นชมภิรมย์ใจ มิได้สงสัยที่ในสาร ตำ ราทายว่าพระกุมาร มิใช่ลูกหลานท้าวนาคา มนุษย์กับยักษ์จ ษ์ ะรักกัน ห้ามปรามกวดขันเป็นหนัก หนา เหมือนหนึ่งดุเหว่าเหล่ากา เลี้ย ลี้ งรักษาได้เมื่อไรมี ทำ นองเมรีกับพระรถ ลักหยูกยาหมดแล้วลอบหนี โฉมยงเหมือนองค์เมรี รับมาน่าที่จะวายปราณ
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ ได้เอยได้ฟัง มืดคลุ้มกลุ้มคลั่ง ลั่ ดังเพลิงผลาญ เหม่อ้ายโหรใหญ่ใจพาล ช่างเปรียบเทียบทัดทานด้วย มารยา มึงนี้ผูกจิตคิดคด จะขบถจริงจังกระมังหนา กูไซร้จะได้ลูกยา กีดหน้าขวางตาหรือว่าไร กูไซร้ใช่นางเมรี หลงด้วยโลกีย์หาดีไม่ อันท้าวภุชงค์ทรงชัย ชั่ว ชั่ แล้วที่ไหนจะให้มา ว่าพลางทางสั่ง สั่ สาวสรรค์ จงช่วยกันขับไล่ไสเกศา แต่นี้สืบไปอย่าให้มา มันว่ากูเล่นให้เป็นลาง ๏ แล้วสั่ง สั่ กุมภัณฑ์ให้จัดแจง ตกแต่งเร่งรัดอย่าขัด ขวาง อีกทั้ง ทั้ ข้าเฝ้าท้าวนาง ต่างต่างแผลงฤทธิ์นิ ธิ์ นิ มิตกาย ให้เป็นมนุษย์สุดสิ้น สิ้ ตรัสพลางเทพินผันผาย เข้าที่นฤมิตบิดเบือนกาย เฉิดฉายโสภาอ่าองค์ ออกจากวังแก้วแพรวพรรณ กำ นัลพรั่ง รั่ พรูดูระหง แห่แหนแน่นอัดจัตุรงค์ เสนาพาลงไปคงคา
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ มาถึงหาดทรายชายทะเล เห็นเภตราลอยคอยท่า ลดองค์ลงริมชลธา หัตถาจบน้ำ ได้สามที แล้วนางตั้ง ตั้ จิตพิษฐาน กุมารบุญหนักศักดิ์ศ ดิ์ รี จะมาเป็นลูกข้าในครานี้ เทวัญจันทรีจงเล็งแล ขอให้ลอยเข้ามาถึงฝั่ง เหมือนหนึ่งยังข้าเห็นให้เป็น แน่ เสี่ยงพลางแล้วนางผันแปร ลุกยืนชะแง้แลไป สำ เภาลอยเลื่อนเคลื่อนคลา ไม่ทันพริบตาเข้ามาใกล้ เกยยังฝั่งพลันทันใด บัดใจเห็นทั่ว ทั่ ทุกตัวมาร ๏ แล้วนางย่างลงในเภตรา มิช้าเห็นองค์น่าสงสาร พินิจพิศดูพระกุมาร งามปานรูปทรงดังองค์อินทร์ ฝ่ายว่าพระสังข์ก็บังคม ชื่นชมในจิตคิดถวิล แม่นยำ เหมือนคำ ท้าวนาคิน เสร็จสิ้น สิ้ ทุกสิ่งไม่กริ่งใจ นางมารฟักฟูมอุ้มองค์ โฉมยงยินดีจะมีไหน ลงจากเภตราคลาไคล สำ เภาหายไปมิได้นาน สาวศรีรับรองประคองเคียง พร้อมเพรียงพิศวงสงสาร เบียดเสียดกันดูพระกุมาร คืนเข้ายังสถานสำ ราญใจ
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ มาถึงวังพลันทันที วางยังแท่นมณีศรีใส จึงดำ รัสตรัสถามความใน พ่อเป็นลูกหลานใครไฉนนา จึงพระยาภุชงค์ทรงศักดิ์ ส่งองค์ลูกรักให้แก่ข้า เหตุผลต้นปลายอย่างไรมา ลูกยาทรงนามกรใด ๏ เมื่อนั้น นั้ พระสังข์ทูลแจ้งแถลงไข คิดถึงมารดายิ่งอาลัย ร่ำ ไรทูลความแต่หลังมา อันพระบิตุรงค์ทรงภพ ประเสริฐเลิศลบจบทิศา เมียน้อยนั้น นั้ ชื่อจันทา เขายุยงบิดาให้ฆ่าตี จับลูกถ่วงท้องชลาลัย ตัวแม่ขับไล่อยู่ไพรสี บุญช่วยจึงไม่ม้วยชีวี ท้าวนาคีจึงใส่สำ เภามา ๏ ฟังเอยฟังการ นางมารสงสารเป็นหนักหนา รับขวัญไม่กลั้น ลั้ น้ำ ตา ลูบหลังลูบหน้าให้ปรานี แม่จะถนอมกล่อมเกลี้ย ลี้ ง จะเลี้ย ลี้ งเจ้าเป็นบุตรนะโฉมศรี พ่ออย่าได้กังขาราคี พระบุรีจะให้แก่ลูกยา จูบพลางนางอุ้มขึ้นใส่ตัก ความรักแสนสุดเสน่หา ดังดวงฤทัยนัยนา แล้วสั่งสั่มหาเสนาใน ท่านจงเร่งรัดจัดแจง ตกแต่งพาราอย่าช้าได้ จะสมโภชลูกแก้วแววไว บาดหมายกันไปอย่าได้นาน
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ บัดนั้น นั้ เสนารับราชบรรหาร แล้วถวายบังคมก้มกราน มาสั่งสั่การตามมีพระบัญชา ๏ ให้แต่งโรงราชพิธี เทียนชัยบายศรีตั้ง ตั้ ซ้ายขวา หุ่นละครโขนหนังช่องระทา เครื่องเล่นนานาบรรดามี ทั้ง ทั้ ระเบงระบำ ปล้ำ มวย พร้อมด้วยสังคีตดีดสี งิ้ว งิ้ ง้าวเสภาชาตรี มโหรีครึ่งท่อนมอญรำ ๏ แล้วกลับมาทูลความตามเรื่อง บ้านเมืองแต่ง อร่ามงามขำ ราชวัติฉัตรธงโรงรำ พร้อมสำ เร็จแล้วพระเทวี ๏ ฟังเอยฟังสาร นางมารปรีดิ์เ ดิ์ ปรมเกษมศรี ครั้น รั้ ว่าสนธยาราตรี ก็เข้าที่บรรทมภิรมย์ใน ๏ ครั้น รั้ รุ่งแจ้งแต่งองค์ลูกยา ภูษาอย่างดีศรีใส ทองกรสังวาลตระการใจ แล้วมุ่นจุไรใส่ชฎา สรรพเสร็จเสด็จจรลี สาวศรีไสวทั้ง ทั้ ซ้ายขวา เชิญเครื่องตามกันเป็นหลั่นลั่มา ยาตราสถิตยังพิธี
ตอนที่ 2 นางพันธุรัต เลี้ยงพระสังข์ (ต่อ) ๏ ได้เอยได้ฤกษ์ นางมารให้เบิกบายศรี ลั่นลั่ฆ้องกลองชัยเภรี ดีดสีตีทับฉับพลัน จุดแว่นเวียนซ้ายย้ายขวา โห่ขึ้นสามลาขมีขมัน เซ็งแซ่แตรสังข์ประดังกัน ฆาตฆ้องกลองลั่นลั่สนั่นนั่ ไป ๏ เวียนเทียนสำ เร็จเสร็จสรรพ โบกจับจุณเจิมเฉลิม ให้ แล้วนา
เนื้อเรื่องนิทานพื้นบ้าน เรื่อง สังข์ทอง ตอนที่ 3 รจนาเสี่ยงทายเลือกคู่
ตอนที่ 3 รจนาเสี่ยงทายเลือกคู่ ท้าวสามนต์ คิดว่าผู้ชายที่นำ ที่ นำมาให้รจนาเลือกทั้ง ทั้ หมดยังไม่ถูกใจ รจนาจึงปรึกษาอำ มาตย์ว่า ผู้ชายที่ร ที่ จนาชอบอาจไม่เหมือ มื นคน ธรรมดา ต้องมีอ มี ะไรที่พิ ที่ พิเศษหรือแตกต่างจากคนทั่ว ทั่ไป อำ มาตย์ จึงทูลว่า ก็มี ก็ เ มี จ้าเงาะป่าบ้าใบ้เท่า ท่ นั้นที่แ ที่ปลกกว่าคน เชิญเสด็จ ด็ไป ดู ท้าวสามนต์เ ต์ ห็น ห็ ความน่าเกลียดน่าชังของเจ้าเงาะถึง ถึ กับ กั ทนดู ไม่ได้แต่ใจก็คิ ก็คิดจะ แกล้งประชดรจนา สั่ง สั่ อำ มาตย์ให้พาไปให้ รจนาเลือก รจนาแม้ไม่อยากมีคู่ มีคู่ แต่ก็อ ก็ ยากเห็น ห็ เจ้าเงาะป่าตัว ตั ประหลาดจึงออกไปดู สัง สั ข์ท ข์ องในรูป รู เงาะป่าเกิดกิถูกใจรจนาจึง อธิฐธิานของให้รจนาเห็น ห็ รูป รู ทองที่อ ที่ ยู่ ข้างใน เมื่อ มื่ รจนาเห็น ห็ จึงโยน มาลัยไปให้ ท้าวสามนต์ ทั้ง ทั้โกรธทั้ง ทั้ แค้นจัดจนเป็นลม อยากจะฆ่าเจ้าเงาะป่า ทิ้งทิ้ก็ก ก็ ลัวคนจะนินทา จึงขับ ขัไล่รจนาและเจ้าเงาะให้ไปปลูก กระท่อ ท่ มอยู่ที่ปที่ ลายนา
อ่านนิทานจบแล้ว เรามาทำ แบบทดสอบ วัดความรู้กันดีกว่าค่ะ