The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nas_ NTC, 2021-03-28 04:23:54

E book อภิสรา

E book อภิสรา

Digestive system

Exocrine Glandตอ่ มมีท่อตอ่ มทเ่ี มือ่
สรา้ งสารแลว้ จะมที อ่ นาสารนน้ั ๆไปยงั
อวยั วะสว่ นทีต่ อ้ งใชส้ ารนน้ั ๆเช่น ตอ่ มเหงอื่
ตอ่ มนา้ ตา ตอ่ มนา้ ลาย เซลลส์ ว่ นหนงึ่ ของ
ตบั อ่อนที่สรา้ งนา้ ยอ่ ยอาหาร และตอ่ ม
ลกู หมากทชี่ ่วยสรา้ งนา้ อสจุ ใิ นผชู้ าย เป็ นตน้

Endocrine Glandตอ่ มไรท้ อ่ ตอ่ มทสี่ รา้ งสาร
ท่ีมกั เป็ นฮอรโ์ มนตา่ งๆซ่ึงฮอรโ์ มนเหล่านจ้ี ะสามารถ
ซึมเขา้ สกู่ ระแสโลหิตไดเ้ องโดยไมจ่ าเป็ นตอ้ งมีท่อ
นาส่งเช่น ตอ่ มใตส้ มอง ตอ่ มไทรอยด์ รงั ไข่

Liverตบั เป็ นอวัยวะสาคญั ทพ่ี บในสตั วม์ ี
กระดกู สนั หลงั และสัตวบ์ างชนดิ ในร่างกาย
มนษุ ยอ์ ย่ใู นชอ่ งทอ้ งซีกขวาดา้ นบนใตก้ ระบงั ลม

Bile นา้ ดี สารนา้ /ของเหลวทชี่ ว่ ยการยอ่ ย
ไขมนั ในลาไส้ นา้ ดสี รา้ งจากตบั และนามากกั เก็บ
ไวใ้ นถงุ นา้ ดี

Mucus เมือก เป็ นสารเมอื กที่
เคลอื บอย่ดู า้ นนอกของเยอื่ บผุ ิวของ
ระบบทางเดนิ อาหาร มีหนา้ ท่ี
ป้ องกนั เซลลเ์ ย่อื บผุ วิ ไมใ่ หส้ มั ผสั กบั
นา้ ย่อยตา่ งๆ

Complete Digestive Tractทางเดนิ อาหาร
สมบรู ณ์ ระบบทางเดนิ อาหารของส่งิ มชี ีวิตมีปากเป็ น
ทางเขา้ ของอาหาร มีทวารหนกั เป็ นทางออกของอาหาร

Crop กระเพาะพกั อาหาร เป็ นสว่ นของหลอด
อาหารทข่ี ยายออกสาหรบั เป็ นที่เก็บอาหาร
ระยะแรกและทาใหอ้ าหารอ่อนนมุ่

Gizzard กน๋ึ กระเพาอาหารของสตั วป์ ี ก
เป็ นกลา้ มเนอ้ื ท่ีมผี นงั หนา ทาหนา้ ที่บดอาหาร
ใหล้ ะเอียดกอ่ นที่จะสง่ ตอ่ ไปยงั ลาไส้

Cardiac Sphincterหรู ดู ที่กน้ั อยู่
ระหว่างหลอดอาหารกบั กระเพาะอาหาร ชว่ ย
ป้ องกนั ไมใ่ หอ้ าหารในกระเพาะอาหารเคลอ่ื นท่ี
ยอ้ นกลบั มายงั หลอดกระเพาะอาหาร

Pyloric Sphincterหรู ดู ที่กน้ั อยู่
ระหว่างกระเพาะอาหารกบั ลาไสเ้ ล็กป้ องกนั มิ
ให้ อาหารเคลือ่ นเลยกระเพาะอาหารขณะย่อย

Respiratory system

Trachea หลอดลม เป็ นสว่ นท่อี ย่ตู อ่ จาก
กล่องเสียงยาวลงไปจนถึงจดุ ทแ่ี ยกเขา้ สปู่ อด
ดา้ นซา้ ยและดา้ นขวา นาสง่ อากาศจากภายนอก
รา่ งกายเขา้ ส่ปู อดเพือ่ ทาหนา้ ทใี่ นการแลกเปลี่ยน
กา๊ ซออกซิเจนเขา้ สเู่ ลอื ด และนากา๊ ซ
คารบ์ อนไดออกไซดอ์ อกจากรา่ งกาย

Larynx กลอ่ งเสียง เป็ นกระดกู
อ่อน 3 ชนิ้ ภายในมีสายเสยี งเป็ น
เย่ือขงึ อยทู่ าใหเ้ กดิ เสียงเวลาผา่ น

Diaphragm กระบงั ลม กลา้ มเนอื้ ทม่ี ี
ลกั ษณะเป็ นแผน่ ยดึ ตดิ กบั ซี่โครงอันล่างสดุ
และกนั้ ระหว่างช่องอกกบั ชอ่ งทอ้ ง มีหนา้ ท่ี
เพ่มิ หรือลดปรมิ าตรของชอ่ งอก เพ่ือชว่ ยใน
การหายใจเขา้ ออก

Alveoli ถงุ ลมปอด เป็ นเนอ้ื เยอ่ื ท่ีอยสู่ ่วน
ปลายสดุ ของปอด มลี กั ษณะเป็ นถงุ อากาศ
เล็กๆ อย่ตู อ่ กบั หลอดลมฝอยแขนงตา่ งๆ
นบั จ านวนเป็ นลา้ นๆ ถงุ และโดยรอบของถงุ
ลมจะมหี ลอดเลอื ดฝอยห่อหมุ้ ถงุ ลมปอดจึง
เป็ นทีท่ ี่มกี ารแลกเปล่ียนอากาศ

Lung ปอด อวยั วะหนง่ึ ในรา่ งกายทมี่ คี วามสาคญั อย่าง
ยง่ิ ในสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั ใชใ้ นการหายใจ หนา้ ทีห่ ลกั ของ
ปอดกค็ ือ การแลกเปลย่ี นกา๊ ซออกซิเจนจากสิ่งแวดลอ้ ม
เขา้ ส่รู ะบบเลอื ดในร่างกาย และแลกเปล่ยี นเอากา๊ ซ
คารบ์ อนไดออกไซดอ์ อกจากระบบเลอื ดออกส่สู ง่ิ แวดลอ้ ม

Oral Cavity ช่องปาก เป็ น
อวยั วะทมี่ ีหนา้ ที่เก็บและกกั อาหารแลว้
ยงั เป็ นบริเวณทม่ี ีหนา้ ทีย่ อ่ ยอาหาร
โดยเริม่ ตง้ั แต่ขบเค้ียวอาหารใหเ้ ป็ นช้ิน
เล็กๆ

Bronchus ขว้ั ปอด หลอดซึ่ง
แยกออกจากหลอดลมไปยงั ปอด

Abdominal Cavity ช่องทอ้ ง ชอ่ งทมี่ ขี นาด
ใหญท่ ่ีสดุ ของร่างกาย อย่ดู า้ นหนา้ ของลาตวั ตง้ั แต่
ล้ินป่ี และกระบงั ลม ลงไปจนถึงองุ้ เชิงกราน

Thoracic Cavity ชอ่ งอก ชอ่ งอกประกอบ
ไปดว้ ย หวั ใจ ปอด หลอดลม กล่องเสียง หลอด
อาหาร ตอ่ มไธมสั และเสน้ เลือดใหญ่จานวนมาก
ผนงั ของช่องอกคอื กลา้ มเนอ้ื และกระดกู ในชอ่
งอกประกอบดว้ ยช่องยอ่ ยๆ

Sternum กระดกู ซี่โครง เป็ นกระดกู ชนดิ
กระดกู แบบแบนที่วางตวั อย่ตู รงกลางของทรวง
อก และตดิ ตอ่ กบั กระดกู ซี่โครงโดยขอ้ ตอ่ และ
กระดกู อ่อนซ่ีโครงเพื่อประกอบขน้ึ เป็ นโครงร่าง
แขง็ ของผนงั ช่องอก เพอื่ ป้ องกนั โครงสรา้ งท่ีอยู่
ภายในช่องอกจากการกระทบกระเทือน

Circulatory system

Open Circulatory System ระบบ
ไหลเวียนเลอื ดแบบเปิ ด ระบบนเ้ี ลอื ดจะไหลออกจาก
หวั ใจไปตามหลอดเลอื ดผ่านชอ่ งว่างระหว่างลาตวั
และท่ีว่างระหว่างอวยั วะตา่ ง ๆ มกั พบในสตั ว์
จาพวกแมลง กงุ้ ปู และหอย

Close Circulatory Systemระบบ
ไหลเวียนเลือดแบบปิ ด ระบบนเี้ ลอื ดจะไหลเวียนอยู่
ภายในหลอดเลือดและหัวใจตลอดเวลา โดยเลือดจะ
มที ิศทางการไหลออกจากหวั ใจไปตามหลอดเลือด
ชนดิ ตา่ ง ๆ แลว้ ไหลกลบั เขา้ สหู่ ัวใจใหม่ มกั พบใน
สตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั ทกุ ชนิด และสตั ว์จาพวกหนอน
ตวั กลมมีปลอ้ ง เชน่ ไสเ้ ดอื นดนิ ปลิงนา้ จืด

Artery เสน้ เลอื ดแดง เป็ นเสน้ เลอื ดที่นาเลือดดี
ออกจากหัวใจ เพอ่ื นาไปยงั เซลล์ เนอ้ื เย่อื อวัยวะ
ตา่ งๆ ทวั่ ร่างกาย เสน้ เลอื ดดา จะเริ่มตน้ ทเ่ี สน้ เลือด
ฝอย แลว้ กใ็ หญข่ น้ึ จนถึง หัวใจ จะมีขนาดใหญ่สดุ

Vein เสน้ เลือดดา เป็ นเสน้ เลือดท่ีนาเลอื ดเสีย เขา้ สู่
หัวใจ โดยเป็ นเลอื ดทม่ี าจากส่วนตา่ งๆ ของร่างกาย
เสน้ เลือดแดง จะเริม่ ตน้ ท่เี สน้ เลือดขนาดใหญ่ท่ีสดุ
แลว้ ค่อยๆ ลดขนาดลง จนเป็ นเสน้ เลือดฝอย

Myocardium กลา้ มเนอื้ หวั ใจ กลา้ มเนอ้ื หวั ใจ
เป็ นชน้ั กลา้ มเนอ้ื ของหัวใจรบั ผดิ ชอบตอ่ การ
ดาเนนิ การสบู ฉีดของหวั ใจซึ่งใหเ้ ลือดทวั่ รา่ งกาย

Blood Pressure ความดนั เลอื ด เป็ นความดนั ทเ่ี กดิ
จากเลือดหมนุ เวียนกระทาตอ่ ผนงั หลอดเลือดความดนั
เลือดในการไหลเวียนเลือดเกดิ จากการสบู ของหัวใจเป็ น
หลกั ผลตา่ งของความดนั เลอื ดเฉล่ยี เป็ นผลใหเ้ ลือดไหล
จากท่ีหนง่ึ ไปยงั อีกทีห่ นง่ึ ในการไหลเวียนเลอื ด อตั ราการ
ไหลของเลอื ดเฉลีย่ ขนึ้ อยกู่ บั ทงั้ ความดนั เลอื ดและความ
ตา้ นทานตอ่ การไหลของหลอดเลอื ด

Capillary หลอดเลือดฝอย เป็ นหลอดเลอื ดท่มี ีขนาด
เล็กละเอียดเป็ นฝอยตดิ ตอ่ อยรู่ ะหว่างแขนงเล็กๆ ของ
หลอดเลือดอารเ์ ตอรีและหลอดเลือดเวน หลอดเลอื ดฝอยนี้
มผี นงั บางมาก ประกอบดว้ ยเซลลช์ น้ั เดยี ว หลอดเลอื ด
ฝอยมอี ยทู่ วั่ เกอื บทกุ ส่วนของรา่ งกายและมีจานวนมาก
บรเิ วณผนงั ของหลอดเลอื ดฝอย เป็ นบรเิ วณทม่ี ีการ
แลกเปลย่ี นสารอาหาร แกส็ และของเสยี ตา่ งๆ ระหว่าง
เลือดกบั เซลลข์ องร่างกาย

Heart Valve ลนิ้ หัวใจ กน้ั มหี นา้ ท่คี วบคมุ การ
ไหลเวียนของเลอื ดภายในหวั ใจ โดยปกตแิ ลว้ ลนิ้ หวั ใจจะ
ควบคมุ การไหลของเลอื ดใหไ้ ปไดใ้ นทิศทางเดียว คือไม่มี
การไหลยอ้ นกลบั ของเลือดมายงั ทิศทางเดมิ

Coronary Systemระบบหลอดเลือด
หวั ใจ เป็ นหลอดเลือด ชนดิ หลอดเลือดแดงใน
การไหลเวียนของเลือดรอบหวั ใจ ซึ่งขนส่ง
เลอื ดที่เตมิ ออกซิเจนแลว้ ไปยงั กลา้ มเน้ือหวั ใจ
หัวใจจาเป็ นตอ้ งใชอ้ อกซิเจนตอ่ เนอ่ื ง
ตลอดเวลาในการทางานและดารงอยไู่ ด้

Blood Platelet เกล็ดเลือด เป็ นเม็ดเลือดท่ี
มขี นาดเล็กท่ีสดุ มขี นาดเล็กกว่าเม็ดเลอื ดแดง
เกล็ดเลือดทาหนา้ ทเี่ กยี่ วกบั การทาใหเ้ ลือด
แขง็ ตวั เมือ่ รา่ งกายเกดิ บาดแผลและมเี ลอื ดไหล
เกล็ดเลอื ดจะพองตวั และรวมกล่มุ กนั ทาใหเ้ กดิ
ลกั ษณะเป็ นกอ้ นเหนยี วภายในหลอดเลอื ด เพอ่ื
อดุ แผล ทาใหเ้ ลือดหยดุ ไหล

immunity

Sneezing การจาม คอื การทร่ี า่ งกายพยาม
กาจดั อนภุ าคทรี่ ะคายเคืองออกจากจมกู หรอื คอ
ของคณุ การจามนน้ั สามารถเกดิ ขนึ้ ไดท้ นั ทโี ดย
ไมม่ สี ญั ญาณเตอื น แตอ่ ยา่ งไรก็ตามการจามนนั้
ไม่ไดส้ ่งผลรา้ ยแรงตอ่ ร่างกายแตอ่ ย่างใด

Coughing การไอ กลไกของรา่ งกายท่ีเกดิ ขน้ึ เพอื่
ป้ องกนั และตอบสนองตอ่ สิง่ แปลกปลอมทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ
การระคายเคอื งตอ่ อวัยวะในระบบทางเดนิ หายใจ
หรอื เพอ่ื กาจดั เสมหะหรอื สิง่ แปลกปลอมออกจาก
ทางเดนิ หายใจ อาการไอเป็ นการตอบสนองตอ่ ส่ิง
กระตนุ้ ของเซลลป์ ระสาทแบบโดยอตั โนมตั ิ ท่ีอยนู่ อก
การควบคมุ ของจติ ใจ

Fever อาการไข้ เป็ นอาการเม่ืออณุ หภมู ิในร่างกาย
เพิม่ ขน้ึ มากกว่าปกตชิ วั่ คราว มกั จะมสี าเหตมุ าจาก
ความเจ็บป่ วยหรอื โรคภยั ตา่ ง ๆ ทพ่ี บบอ่ ยจะเป็ นโรคท่ี
เกดิ จากเชอื้ ไวรสั หรอื แบคทเี รยี

Immunodeficiency Disease โรคภมู ิคมุ้ กนั
บกพร่อง เป็ นภาวะทีค่ วามสามารถของระบบภมู ิคมุ้ กนั
ในการตอ่ สกู้ บั โรคตดิ เช้อื ลดลงหรือขาดไป ซ่ึงส่วนมาก
พบเป็ นแบบทตุ ยิ ภมู ิ หรอื เกดิ ขนึ้ ภายหลงั แตใ่ นผปู้ ่ วย
บางรายอาจมภี าวะนม้ี าตงั้ แตก่ าเนดิ

Inflammation กระบวนการอกั เสบ เป็ น
กระบวนการทร่ี า่ งกายตอบสนองตอ่ ส่ิงที่ทาใหเ้ นอ้ื เยอ่ื
ของร่างกายไดร้ บั บาดเจ็บ เชน่ เช้ือโรค การตายของ
เซลลจ์ ากการขาดเลือดหรอื ขาดออกซิเจน โดยการ
ตอบสนองโดยกระบวนการอกั เสบประกอบดว้ ย การ
เปลี่ยนแปลงของหลอดเลอื ด การเขา้ มาของเซลลเ์ ม็ด
เลอื ดขาว และผลกระทบทเี่ กดิ กบั ร่างกายทงั้ ระบบ

Thymus Gland ตอ่ มไทมสั เป็ นอวยั วะในรา่ งกาย
ทท่ี าหนา้ ท่ีเป็ นทง้ั เนอื้ เย่ือนา้ เหลอื งและตอ่ มไรท้ ่อ โดย
ตงั้ อย่บู รเิ วณหนา้ ตอ่ หวั ใจและเสน้ เลือดแดงใหญ่ หลงั ตอ่
กระดกู หนา้ อก ตวั ตอ่ มมีลกั ษณะรปู รา่ งคลา้ ยกบั ผีเสอ้ื

Allergy อาการภมู ิแพ้ โรคทางภมู แิ พเ้ ป็ นโรคทาง
ภมู คิ มุ้ กนั ชนดิ หนง่ึ ที่เกดิ จากร่างกายไดร้ บั สารท่แี พ้
เขา้ ไปและเกดิ ปฏิกริ ยิ าของสารแพก้ บั ภมู คิ มุ้ กนั อาจ
เกดิ ขนึ้ กบั อวยั วะหนง่ึ หรือหลายอวัยวะร่วมกนั ได้

Autoimmune Disease โรคแพภ้ มู ติ วั เอง เกดิ จาก
ภาวะภมู ติ า้ นตนเองท่ภี มู คิ มุ้ กนั ของร่างกายเกดิ ตอบสนอง
ตอ่ สารหรือเนอ้ื เยื่อที่มอี ย่เู ป็ นปกติในร่างกาย อาจเกดิ กบั
อวยั วะใดอวยั วะหนงึ่ หรอื เนอ้ื เยอื่ ประเภทหนึ่งๆ ในบรเิ วณ
ตา่ งๆกไ็ ด้

Antibody แอนตบิ อดี สารจาพวกไกลโค
โปรตนี ที่รา่ งกายสรา้ งขน้ึ เพอื่ ตอบสนองการ
กระตนุ้ ของแอนตเิ จน แอนตบิ อดพี บไดใ้ นเลอื ด
นา้ เหลือง และสารคดั หลงั่ ตา่ ง ๆ ในรา่ งกาย มี
หนา้ ท่จี บั สิ่งแปลกปลอมตา่ ง ๆ ทีเ่ ขา้ มาใน
รา่ งกาย เชน่ แบคทีเรีย ไวรสั หรอื สารพษิ ตา่ ง ๆ

Nonspecific Immune responses
กลไกการตอ่ ตา้ นสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จาเพาะ
เจาะจงภมู คิ มุ้ กนั แบบจาเพาะทเี่ กดิ ขน้ึ หลงั จากไดร้ บั
สิ่งแปลกปลอมหรือการป้ องกนั ดา่ นท่ี 3ในกรณี
การป้ องกนั ทงั้ สองดา่ นไมส่ ามารถกดี กนั เชอ้ื โรคได้
รา่ งกายจะตอบสนองตอ่ เชือ้ โรคอยา่ งจาเพาะ
เจาะจงผา่ นเม็ดเลอื ดขาว

Excretory System

Kidneyไต ไตเป็ นอวยั วะทสี่ าคญั ในระบบ
ขบั ถ่ายปัสสาวะ ในสตั วเ์ ลยี้ งทกุ ชนดิ มไี ตอยู่
1 คู่ อย่ภู ายนอกช่องทอ้ ง และมีตาแหนง่ อยู่
ตดิ กบั กระดกู สันหลงั สว่ นเอว

Ureter ท่อไต หรือหลอดปัสสาวะ ท่อไตเป็ นท่อกลวง
ทป่ี ระกอบดว้ ยกลา้ มเนอื้ เรียบทงั้ หมด เป็ นชอ่ งทาง
ตดิ ตอ่ ระหว่างไต และกระเพาะปัสสาวะ ท่อไตแตล่ ะขา้ ง
จะออกจากไตตรงตาแหนง่ ขว้ั ไต และทอดยาวมาตดิ ตอ่
กบั สว่ นคอของกระเพาะปัสสาวะ

Urinary System ระบบขบั ถ่ายปัสสาวะ ระบบอวัยวะ
ท่ีกรองหรือนานา้ ปัสสาวะเป็ นทางผ่านนา้ ปัสสาวะ เกบ็
ปัสสาวะชวั่ คราว และขบั นา้ ปัสสาวะออกทิ้ง นอกจากนน้ั ยงั
ทาหนา้ ทีเ่ กยี่ วกบั การการรกั ษาสมดลุ ของสารนา้ อิเลคโต
ลยั ท์ กรดและดา่ งในรา่ งกาย รวมถึงการสรา้ งฮอรโ์ มน
บางชนดิ

Renal Cortex เนอ้ื ไตชน้ั นอก มีสีแดง ลักษณะเป็ นจดุ
ๆ แตล่ ะจดุ เม่ือขยายดเู ป็ นกล่มุ ของเสน้ เลอื ดฝอยทีเ่ รยี กว่า
โกลเมอรลู สั และถงุ โบวแ์ มนสแ์ คบซลู ทาหนา้ ท่ีเกยี่ วกบั การ
กรองของเสียออกจากเลอื ด นอกจากนยี้ งั เป็ นท่ีอยขู่ องท่อ
หนว่ ยไตสว่ นตน้ และทอ่ หนว่ ยไตสว่ นปลาย ซึ่งเป็ น
สว่ นประกอบของหนว่ ยไต

Renal Medulla เนอ้ื ไตชน้ั ใน มีสจี างกว่าเนอ้ื
ไตชน้ั นอก มีลกั ษณะเป็ นเสน้ ๆ หรือหลอดเล็ก ๆ
รวมกนั เป็ นกลมุ่ ๆ นา้ ปัสสาวะจะส่งเขา้ สกู่ รวยไต

Nephron หนว่ ยไต เป็ นโครงสรา้ งพน้ื ฐานและหนว่ ย
ทางานพื้นฐานของไต มีหนา้ ทหี่ ลกั คอื ควบคมุ สมดลุ
ของสารนา้ และสารตา่ งๆ ในรา่ งกาย เช่นโซเดยี ม ผ่าน
การกรองเลอื ดท่ีผา่ นหนว่ ยไต ดดู กลับสารท่ีตอ้ งการ
และขบั สารท่ีไมต่ อ้ งการทิง้ ผ่านทางปัสสาวะ

Collecting Tubule ทอ่ รวมปัสสาวะ เป็ นบรเิ วณ
ท่ที อ่ ขดสว่ นปลายของหนว่ ยไตอื่น ๆ มาเปิ ดรวมกนั
เพ่อื นานา้ ปัสสาวะสง่ ตอ่ ไปยงั กรวยไต ทอ่ ไตกระเพาะ
ปัสสาวะและทอ่ ปัสสาวะตามลาดบั

Urinary Bladder กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะ
ปัสสาวะเป็ นอวัยวะทม่ี ลี กั ษณะเป็ นถงุ ส่วนทา้ ยของ
กระเพาะปัสสาวะจะตอ่ กบั ท่อปัสสาวะ ดา้ นในถงุ เป็ น
ช่องว่างขนาดใหญ่ เม่อื ปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะมากขน้ึ
ผนงั กระเพาะปัสสาวะจะยืดตวั ออก ถา้ ไมม่ ีนา้ ปัสสาวะผนงั
กระเพาะปัสสาวะจะหดตวั เล็กลง

Glomerulus Filtration การกรองที่โกล
เมอรลู สั เกดิ จากการกรองของเสยี ออกท่โี กลเมอรลู สั ซ่ึง
เป็ นหลอดเลือดฝอยทีอ่ ยใู่ นโบวแ์ มนสแ์ คปซลู ผนงั หลอด
เลือดฝอยโกลเมอรลู สั จะยอมใหส้ ารโมเลกลุ เล็กผ่านไปได้
พรอ้ มกบั นา้ การกรองผา่ นโกลเมอรลู สั เกิดจากแรงดนั
เลือดดนั ของเหลวจากหลอดเลือดฝอยผา่ นเยอ่ื บผุ ิวของ
โบวแ์ มนสแ์ คปซลู เขา้ สชู่ ่องว่างของโบวแ์ มนสแ์ คปซลู และ
เขา้ สทู่ ่อของหนว่ ยไต

Urethra ทอ่ ปัสสาวะ เป็ นสว่ นของทอ่ ท่ตี อ่ มาจากสว่ น
คอของกระเพาะปัสสาวะ และทอดยาวมายงั ชอ่ งเชงิ กราน
มีโครงสรา้ งเชน่ เดยี วกบั ท่อไต และกระเพาะปัสสาวะทอ่
ปัสสาวะจึงมหี นา้ ทห่ี ลกั ในการนานา้ ปัสสาวะจากกระเพาะ
ปัสสาวะออกมาส่ภู ายนอกร่างกาย

Thank you


Click to View FlipBook Version