โรงเรียนสตรวี ัดระฆัง
โครงการสอน
รหสั วชิ า ท ๒๒๑๐๑ รายวิชา ภาษาไทย
ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๒
จานวน ๑.๕ หน่วยกิต ๓ คาบ/ สัปดาห์
ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕
จดั ทาโดย
นายพิสิทธิ์ สวุ รรณธาดา
ตาแหนง่ ครู ชานาญการ
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
โรงเรียนสตรีวัดระฆัง เขตบางกอกนอ้ ย กรุงเทพมหานคร
สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๑
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
บันทึกขอ้ ความ
สว่ นราชการ โรงเรยี นสตรีวัดระฆัง
ท่ี ...................................................... วันที่ ……………………………………..
เรอื่ ง ขออนญุ าตจดั การเรียนร้รู ายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา ท ๒๒๑๐๑
เรียน ผู้อานวยการโรงเรยี นสตรีวดั ระฆงั
ข้าพเจ้า นายพิสิทธิ์ สุวรรณธาดา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ได้ดาเนินการออกแบบการจัดการ
เรียนรูร้ ายวิชาภาษาไทย รหสั วิชา ท ๒๒๑๐๑ ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ จานวน ๑.๕ หน่วยกติ เวลาเรียน ๓
คาบ/สัปดาห์ สาเรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้
จึงเรยี นมาเพ่ือโปรดพจิ ารณาอนญุ าตใหด้ าเนินการจดั การเรยี นรตู้ ามประมวลการจดั การเรยี นรูท้ น่ี าเสนอ
ตอ่ ไป
ลงช่ือ
(นายพิสิทธ์ิ สุวรรณธาดา)
ตาแหนง่ ครู คศ. ๒
ความคิดเหน็ ของหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้
เหมาะสม ครบถว้ น สามารถใช้จดั การเรียนการสอนได้
ปรบั ปรงุ /เพิม่ เตมิ ........................................................................................................................................
ลงชอื่
(นางสาวสาวิตรี วฒั นะประเสริฐ)
ความคดิ เหน็ ของรองผู้อานวยการกล่มุ บริหารวชิ าการ
เหน็ ควรอนญุ าตให้จัดการเรียนรตู้ ามประมวลการจัดการเรียนร้รู ายวิชาตามเสนอ
ปรบั ปรงุ /เพิม่ เตมิ ........................................................................................................................................
ลงชื่อ
(นางสาวจินต์จฑุ า พรหมรักษ์)
รองผู้อานวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ
การพจิ ารณาของผอู้ านวยการโรงเรียน
อนญุ าตให้จดั การเรยี นรู้ตามประมวลการจดั การเรียนรู้รายวชิ าตามเสนอ
อืน่ ๆ..............................................................
ลงชอ่ื .............................................
(นางสาววมิ ลนาถ บวั แก้ว)
ผ้อู านวยการโรงเรยี นสตรวี ัดระฆัง
ก
คานา
กาหนดการสอนท่ีจัดทาขึ้นนี้เพื่อให้ครูผู้สอนได้เตรียมการในการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ภาษาไทย
โดยมีการศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ปรับปรุง พุทธศักราช
๒๕๖๐) ตามสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ จัดทาคาอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา
กาหนดเวลาเรยี น นา้ หนักคะแนน กาหนดทกั ษะกระบวนการในการเรียนการสอนตลอดจนการวดั และประเมินผล
การเรยี นการสอนของครู หวังเปน็ อย่างย่งิ ว่าจะเป็นประโยชน์สาหรับครผู สู้ อนในการพัฒนาคุณภาพการเรยี นรู้และ
ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของนกั เรยี นโรงเรยี นสตรวี ดั ระฆังต่อไป
นายพิสิทธ์ิ สุวรรณธาดา
สารบญั ข
คานา หน้า
๑. หลกั การและจุดมุ่งหมายของหลกั สูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ๒๕๕๑(ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๐) ก
๑
หลกั การ ๑
จุดหมาย ๑
๒. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ๒
๓. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๒
๔. วิสยั ทัศนข์ องกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๓
พนั ธกิจ
เปา้ ประสงค์ ๔
๕. การกาหนดโครงการสอน
สาระ/มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด ๗
คาอธบิ ายรายวชิ า ๙
มาตรฐานการเรียนรู้ ๑๐
ตัวชีว้ ดั หรอื ผลการเรยี นรู้
๖. ตารางโครงสรา้ งรายวิชา
๗. การกาหนดโครงการสอนและกิจกรรมตลอดภาคเรียน
๘. แผนการวดั ผลและภาระงาน
แนวการวัดผล
แผนการวดั ผล
การกาหนดภาระงานนักเรียน
หน้า | ๑
๑. หลกั การและจุดมงุ่ หมายของหลักสูตรการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ๒๕๕๑(ปรับปรุง พุทธศกั ราช
๒๕๖๐)
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน มุ่งพฒั นาผู้เรยี นทุกคน ซึ่งเป็นกาลังของชาตใิ ห้เป็นมนุษย์ท่ีมีความ
สมดุลท้ังดา้ นร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มจี ิตสานึกในความเปน็ พลเมืองไทยและเปน็ พลโลก ยดึ ม่ันในการปกครองตาม
ระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพืน้ ฐาน รวมทั้ง เจตคติ ท่ีจาเป็นต่อ
การศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศกึ ษาตลอดชวี ติ โดยมุ่งเนน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคัญบนพ้นื ฐานความเช่ือว่า
ทุกคนสามารถเรยี นรแู้ ละพัฒนาตนเองไดเ้ ตม็ ตามศักยภาพ
หลักการ
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน มีหลักการท่ีสาคัญ ดงั น้ี
๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็น
เป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความเป็นไทย
ควบคกู่ บั ความเป็นสากล
๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค และมี
คณุ ภาพ
๓. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้
สอดคล้องกบั สภาพและความต้องการของท้องถน่ิ
๔. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีมีโครงสร้างยืดหยุ่นท้ังด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัด
การเรียนรู้
๕. เป็นหลกั สูตรการศึกษาทีเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ
๖. เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก
กลมุ่ เป้าหมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์
จดุ หมาย
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข
มีศกั ยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ จึงกาหนดเปน็ จุดหมายเพ่ือให้เกิดกับผู้เรยี น เม่ือจบการศึกษาข้ัน
พน้ื ฐาน ดงั น้ี
๑. มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม
หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนบั ถอื ยึดหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
๒. มีความรู้ ความสามารถในการสอ่ื สาร การคิด การแก้ปญั หา การใช้เทคโนโลยี และมที ักษะชวี ติ
๓. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจิตทดี่ ี มสี ขุ นสิ ยั และรกั การออกกาลงั กาย
๔. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองตาม
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข
๕. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิต
สาธารณะท่ีมุ่งทาประโยชน์และสร้างสิ่งท่ีดีงามในสงั คม และอยรู่ ว่ มกันในสงั คมอยา่ งมคี วามสขุ
หน้า | ๒
๒. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน มงุ่ ให้ผูเ้ รยี นเกดิ สมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ ดงั นี้
๑. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา
ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหา
ความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้
วธิ ีการสือ่ สาร ท่ีมปี ระสิทธิภาพโดยคานงึ ถึงผลกระทบที่มีตอ่ ตนเองและสังคม
๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง
สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ และการคดิ เป็นระบบ เพือ่ นาไปสู่การสรา้ งองค์ความรูห้ รือสารสนเทศเพ่ือ
การตดั สินใจเก่ยี วกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม
๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เปน็ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและอุปสรรคต่างๆ ท่ีเผชญิ ได้อย่าง
ถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ
เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา
และมีการตัดสนิ ใจทีม่ ปี ระสิทธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบทเ่ี กดิ ขึ้นต่อตนเอง สงั คมและสงิ่ แวดลอ้ ม
๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการดาเนิน
ชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการ
สร้างเสริมความสมั พันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้
ทนั กบั การเปลี่ยนแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม และการรจู้ ักหลกี เลยี่ งพฤตกิ รรมไม่พงึ ประสงค์ทส่ี ่งผลกระทบ
ตอ่ ตนเองและผอู้ ื่น
๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่างๆ และมี
ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทางาน การ
แก้ปัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมคี ุณธรรม
๓. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน มุ่งพฒั นาผู้เรยี นใหม้ คี ณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เพื่อให้สามารถ
อยู่ร่วมกับผู้อน่ื ในสังคมได้อยา่ งมคี วามสุข ในฐานะเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ดงั น้ี
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
๒. ซื่อสัตย์สจุ รติ
๓. มวี นิ ัย
๔. ใฝเ่ รียนรู้
๕. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
๖. ม่งุ ม่นั ในการทางาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มีจติ สาธารณะ
หน้า | ๓
๔. วสิ ยั ทัศนข์ องกลุม่ สาระการเรยี นรู้
ใส่ใจทักษะทางภาษา รู้คุณค่าความเป็น ไทย ก้าวไกลสู่สากล " ภาษาไทยเป็นเคร่ืองมือของคน ในชาติ
เพื่อการสื่อสารทาความเข้าใจกัน และใช้ภาษา ใน การประกอบกิจการงานทั้งส่วนตน ครอบครัว กิจกรรมทาง
สังคมและประเทศชาติ เป็นเครื่อง มือบันทึกเร่ืองราวจากอดีตถึงปัจจุบันและเป็น วัฒนธรรมของชาติ ดังนั้น
การเรียนภาษาไทยจึง ต้องเรียนรูเ้ พือ่ ให้เกดิ ทักษะอยา่ งถกู ต้องเหมาะ สมในการสือ่ สาร เป็นเครือ่ งมอื ในการเรียนรู้
แสวงหาความรู้และประสบการณ์เรียนรู้ในฐานะ เป็นวัฒนธรรมทางภาษา ให้เกิดความชื่นชม ซาบซึ้ง และภูมิใจ
ในภาษาไทย โดยเฉพาะ คุณคา่ ของวรรณคดแี ละภูมิปญั ญาทางภาษาของ บรรพบุรุษที่ไดส้ ร้างสรรคไ์ ว้ อันเป็นส่วน
เสริม สร้างความงดงามในชีวิต การเรียนรู้ภาษาไทยย่อมเก่ียวพันกับความ คิดของมนุษย์ เพราะภาษาเป็นส่ือของ
ความคดิ การเรียนรู้ภาษาไทยจงึ ต้องส่งเสริม ให้ผู้เรียนได้ คิดสร้างสรรค์ คิดวิพากษ์ วิจารณ์ คดิ ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหา
และวินิจฉัยอย่างมีเหตุผล ขณะเดียวกัน การใช้ภาษาอย่างมีเหตุผล ใช้ในทางสร้างสรรค์ และใช้ภาษาอย่าง
สละสลวยงดงามย่อมสรา้ ง เสรมิ บคุ ลกิ ภาพของผใู้ ชภ้ าษาให้เกิดความน่า เชื่อถือ
ภาษาไทย เปน็ ทักษะท่ตี ้องฝึกฝนจนเกิด ความชานาญในการใชภ้ าษาเพื่อการส่ือสาร การอา่ นและการฟัง
เป็นทักษะของการรับรู้เร่ืองราว ความรู้และประสบการณ์ สว่ นการพูดและการ เขยี นเปน็ ทักษะของการแสดงออก
ด้วยการแสดง ความคิด ความเห็น ความรู้ และประสบการณ์ การเรียนภาษาไทยจึงต้องเรียนเพ่ือการส่ือสาร ให้
สามารถรับรู้ขอ้ มูลข่าวสารได้อยา่ งพนิ ิจ พเิ คราะห์ สามารถเลือกใช้คา เรยี บเรยี งความ คิด ความรู้ และใช้ภาษาได้
ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ ได้ตรงตามความหมายและถูกต้องตามกาลเทศะ บุคคล และมีประสิทธิภาพ" ภาษาไทยมี
ส่วนท่ีเป็นเนื้อหาสาระ ได้แก่ กฎเกณฑ์ทางภาษาซ่ึงผู้ใช้ภาษาจะต้องรู้และใช้ ภาษาให้ถูกต้อง นอกจากนั้น
วรรณคดีและ วรรณกรรม ตลอดจนบทร้องเลน่ ของเดก็ เพลงกล่อมเด็ก ปริศนาคาทาย เพลงพ้ืนบ้าน วรรณกรรม
พืน้ บ้าน เป็นสว่ นหนงึ่ ของวัฒนธรรม ซึง่ มคี ณุ คา่ การเรยี นภาษาไทยจึงต้องเรยี น วรรณคดี วรรณกรรม ภูมปิ ัญญา
ทางภาษาที่ ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี เรื่องราวของสังคมในอดีต และ
ความงดงามของภาษา ในบท ประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองประเภทต่างๆ เพื่อให้เกิดความชุบซึ้ง และความ
ภูมใิ จ ใน สง่ิ ทบ่ี รรพบุรษุ ได้ส่ังสม และสืบทอดมาจนถงึ ปจั จุบนั
พันธกจิ
๑. พฒั นาระบบการเรยี นการสอนกลุ่มสาระ การเรียนร้ภู าษาไทยให้มีประสทิ ธภิ าพ
๒. พฒั นาผู้เรียนให้มีทกั ษะในการอ่าน เขียน ฟงั ดู พูดตลอดจนการใชภ้ าษาไทยให้มี ประสิทธิภาพ
๓. ปลกู ฝังให้ผ้เู รียนเหน็ คณุ ค่าและความภาค ภูมิใจในภาษาไทย ภมู ปิ ญั ญาไทย ในฐานะเป็น มรดกชาติ
เปา้ ประสงค์
นักเรยี นนาความรู้ดา้ นภาษาไทยไปใชใ้ นการ สื่อสารได้อย่างมีประสิทธภิ าพ สามารถพฒั นางานและนาไป
ประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิตอย่าง เหมาะสม มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึง ประสงค์ มีความรักและความ
ภูมใิ จในภาษาไทย
หน้า | ๔
๕. การกาหนดโครงการสอน
โครงการสอนรายวิชา โรงเรียนสตรีวัดระฆัง
รหัสวิชา ท ๒๒๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒
จานวน ๑.๕ หน่วยกิต ๓ คาบ/ สปั ดาห์ ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕
สาระ/มาตรฐาน/ตัวชี้วดั
ตัวชีว้ ัดและสาระการเรียนรู้
สาระท่ี ๑ การอา่ น
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคิดเพือ่ นาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปญั หาในการดาเนนิ ชีวิต
และมีนสิ ัยรกั การอ่าน
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จับใจความสาคัญ สรุปความและอธบิ ายรายละเอียดจากเรอ่ื งทีอ่ า่ น
ท ๑.๑ ม.๒/๓ เขยี นผังความคิดเพ่ือแสดงความเข้าใจในบทเรียนตา่ งๆ ท่ีอ่าน
ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภิปรายแสดงความคิดเห็นและขอ้ โตแ้ ย้งเกี่ยวกับเรื่องท่อี ่าน
ท ๑.๑ ม.๒/๘ มีมารยาทในการอ่าน
สาระที่ ๒ การเขยี น
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่อื งราวในรปู แบบต่างๆ
เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
ท ๒.๑ ม.๒/๑ คดั ลายมอื ตวั บรรจงคร่ึงบรรทดั
ท ๒.๑ ม.๒/๒ เขยี นบรรยายและพรรณนา
ท ๒.๑ ม.๒/๓ เขยี นเรยี งความ
ท ๒.๑ ม.๒/๔ เขียนยอ่ ความ
ท ๒.๑ ม. ๒/๘ มีมารยาทในการเขียน
สาระท่ี ๓ การฟงั การดู และการพดู
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดอู ยา่ งมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และความร้สู ึกในโอกาส
ตา่ งๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรุปใจความสาคัญของเรื่องทีฟ่ ังและดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะหข์ ้อเท็จจริง ข้อคิดเห็นและความน่าเช่ือถือของข่าวสารจากส่ือตา่ งๆ
ท ๓.๑ ม.๒/๓ วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณเ์ รื่องทฟ่ี ังและดูอยา่ งมีเหตผุ ล เพือ่ นาขอ้ คิดมาประยุกต์ใชใ้ นการดาเนนิ ชีวิต
ท ๓.๑ ม.๒/๔ พดู ในโอกาสตา่ งๆ ได้ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มมี ารยาทในการฟังการดแู ละการพูด
หน้า | ๕
สาระที่ ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา
ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ
ท ๔.๑ ม.๒/๑ สรา้ งคาในภาษาไทย
ท ๔.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน
ท ๔.๑ ม.๒/๓ แตง่ บทร้อยกรอง
สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เห็นวิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คณุ ค่าและนามา
ประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง
ท ๕.๑ ม.๒/๑ สรุปเนอ้ื หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอา่ นในระดับทีย่ ากขน้ึ
ท ๕.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะห์และวิจารณว์ รรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมทอ้ งถิ่นที่อ่านพร้อมยกเหตุผล
ประกอบ
ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอ่ี ่าน
ท ๕.๑ ม.๒/๔ สรปุ ความร้แู ละข้อคดิ จากการอ่านไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง
ท ๕.๑ ม.๒/๕ ทอ่ งจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทรอ้ ยกรองท่ีมีคณุ คา่ ตามความสนใจ
หน้า | ๖
คาอธบิ ายรายวชิ า
รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท ๒๒๑๐๑
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วประเภทบรรยาย พรรณนา และอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภท กลอนบท
ละคร กลอนนิทาน กลอนเพลงยาว โคลงสี่สุภาพ เป็นทานองเสนาะได้ถูกต้อง อ่านจับใจความ สรุปความ และ
อธิบายรายละเอียด เขียนแผนผังความคดิ เพ่ือสรุปความ อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ย้งอยา่ งมีเหตผุ ล มี
มารยาทในการอ่าน เขียนส่ือสารด้วยลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัดอ่านง่ายชัดเจน เขียนบรรยายและพรรณนา
เขียนเรียงความเกี่ยวกับประสบการณ์ เขียนย่อความจากสื่อ ต่าง ๆ เช่น นิทานคาสอน นิทานชาดก บทความทาง
วิชาการ มีมารยาทในการเขียน พูดสรุปความ วิเคราะห์ ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และความน่าเชื่อถือของข่าวสาร
จากส่ือต่าง ๆ วิเคราะห์ และวิจารณ์ เรื่องท่ีฟังและดูอย่างมีเหตุผล นาข้อคิดจากการฟัง การดู มาประยุกต์ใช้ใน
ชีวิตประจาวนั พดู ในโอกาสต่าง ๆ เชน่ พดู อวยพร พูดโนม้ นา้ ว พดู โฆษณา มศี ลิ ปะในการพูด รวมท้ัง มมี ารยาท
ในการฟัง การดู และการพูด เข้าใจหลักการสร้างคาในภาษาไทย ภาษาไทย วิเคราะห์โครงสร้างประโยคสามัญ
ประโยครวม และประโยคซ้อน สรุปเนื้อหาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่เก่ียวกับศาสนา เหตุการณ์ทาง
ประวัติศาสตร์ บันเทิงคดี บันทึกการเดินทาง อธิบายคุณค่าของวรรณคดี และวรรณกรรมที่อ่านสรุปความรู้และ
ข้อคิดจากการอ่านไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจริงท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนด และบทรอ้ ยกรองท่มี คี ุณค่าตามความ
สนใจ
มีความสามารถการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา ใช้ทักษะชีวิต และเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม
ตลอดจนมีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มีความเพียรพยายามในการทางาน
รกั ความเป็นไทยและมีจติ สาธารณะ
ตัวช้วี ัด
ท ๑.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๘
ท ๒.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๘
ท ๓.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๖
ท ๔.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓
ท ๕.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๕
รวม ๒๓ ตัวช้ีวัด
หน้า | ๗
๖. ตารางโครงสร้างรายวิชา
ลาดับที่ ช่อื หนว่ ยการ ตวั ชวี้ ดั หรือ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั
เรยี น ผลการเรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน
อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วประเภทบรรยาย พรรณนา
๑ รอบรู้ดว้ ยการอา่ น ท ๑.๑ ม. ๒/๑, และอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภท กลอนบท ๑๒ ๒๐
ละคร กลอนนิทาน กลอนเพลงยาว โคลงสี่สุภาพ เป็น
๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ทานองเสนาะได้ถูกต้อง อ่านจับใจความ สรุปความ
๒/๘ และอธิบายรายละเอยี ด เขียนแผนผังความคิดเพอ่ื สรุป
ความ อภิปรายแสดงความคิดเห็น โต้แย้งอย่างมี
๒ ชานาญการเขยี น ท ๒.๑ ม. ๒/๑, เหตผุ ล มมี ารยาทในการอา่ น ๑๐ ๑๐
๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, เขียนสื่อสารด้วยลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัดอ่านง่าย ๑๐ ๑๐
๒/๘ ชัดเจน เขียนบรรยายและพรรณนา เขียนเรียงความ
เก่ียวกับประสบการณ์ เขียนย่อความจากสื่อ ต่าง ๆ
๓ มวี จิ ารณญาณ ท ๓.๑ ม. ๒/๑, เช่น นิทานคาสอน นิทานชาดก บทความทางวิชาการ
ฟัง พดู ดู ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, มีมารยาทในการเขยี น
๒/๘ พดู สรปุ ความ วิเคราะห์ ขอ้ เท็จจรงิ ข้อคิดเหน็ และ
ความนา่ เชอื่ ถอื ของขา่ วสารจากสื่อตา่ ง ๆ วิเคราะห์
๔ เรียนรูห้ ลัก ท ๔.๑ ม. ๒/๑, และวิจารณ์ เรื่องทฟี่ ังและดูอยา่ งมีเหตุผล นาข้อคดิ ๑๐ ๑๐
ภาษาไทย ๒/๒, ๒/๓ จากการฟัง การดู มาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน พูด ๑๔ ๑๐
ในโอกาสตา่ ง ๆ เชน่ พดู อวยพร พดู โน้มน้าว พูด
๕ รน่ื ฤทัยด้วย ท ๕.๑ ม. ๒/๑, โฆษณา มีศิลปะในการพูด รวมทัง้ มีมารยาทในการฟงั ๒ ๒๐
วรรณคดี ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, การดู และการพดู ๒ ๒๐
๒/๕ เขา้ ใจหลักการสรา้ งคาในภาษาไทย วเิ คราะหโ์ ครงสร้าง ๖๐ ๑๐๐
ประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซ้อน เข้าใจ
หลกั การ แต่งบทร้อยกรอง
สรุปเนอื้ หาของวรรณคดีและวรรณกรรมทเ่ี กย่ี วกบั
ศาสนา เหตกุ ารณท์ างประวัติศาสตร์ บันเทงิ คดี บนั ทกึ
การเดนิ ทาง อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดี และ
วรรณกรรมท่อี ่านสรปุ ความรแู้ ละขอ้ คดิ จากการอา่ นไป
ประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ จริงทอ่ งจาบทอาขยานตามทกี่ าหนด
และบทรอ้ ยกรองท่ีมคี ณุ ค่าตามความสนใจ
สอบกลางภาค
สอบปลายภาค
รวม
หน้า | ๘
อัตราส่วนคะแนน
คะแนนเกบ็ ระหวา่ งภาค : คะแนนปลายภาค = ๘๐ : ๒๐
รวม ๑๐๐ คะแนน
คะแนนเกบ็ ก่อนสอบกลางภาค = ๒๕ คะแนน
คะแนน
สอบกลางภาค = ๒๐ คะแนน
คะแนน
คะแนนเกบ็ ก่อนสอบปลายภาค = ๒๕ คะแนน
แฟม้ สะสมงาน/รักการอา่ น = ๑๐
สอบปลายภาค = ๒๐
รวม ๑๐๐ คะแนน
๗. การกาหนดโครงการสอนและกิจกรรมตลอดภาคเรียน หน้า | ๙
สปั ดาห์ที่ วนั /เดอื น/ปี หน่วยการเรียน/เนื้อหาสาระทส่ี อน จานวนคาบ คะแนน เครื่องมอื วัดผล หมายเหตุ
๑ ๒๐
๒ ๑๗-๒๐ พ.ค.๖๕ ปฐมนิเทศ/ศลิ ปะการประพนั ธว์ รรณคดไี ทย ๒/๑ แบบฝกึ หดั /
๓ แบบทดสอบ/
๔ ๒๓-๒๗ พ.ค. ๖๕ ศลิ ปะการประพนั ธ์วรรณคดีไทย ๓
๕ ชน้ิ งาน
๖ ๓๐ พ.ค.-๓ ม.ิ ย.๖๕ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ๓
๗ แบบทดสอบ
๑๓-๑๗ ม.ิ ย.๖๕ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ๓ แบบฝกึ หดั /
แบบทดสอบ/
๒๐-๒๔ มิ.ย.๖๕ บทเสภาสามคั คเี สวก ๓
ชิ้นงาน
๒๗ มิ.ย.-๑ ก.ค.๖๕ บทเสภาสามคั คเี สวก ๓ แบบทดสอบ
๔-๘ ก.ค. ๖๕ การอ่านออกเสยี งรอ้ ยแก้วรอ้ ยกรอง ๑/๑/๑
๘-๙ ๑๑-๑๕ ก.ค.๖๕ การเขยี นย่อความ/การเขียนเรยี งความ/ ๑/๑/๑ ๒๐
การเขียนบรรยาย/การเขยี นพรรณนา/การ ๒๐
เขียนจดหมายกิจธุระ/การเขียนรายงาน
การศึกษาคน้ ควา้ / การเขยี นรายงาน
โครงงาน /การเขียนแสดงความร/ู้ การ
เขียนแสดงความคดิ เหน็ /การเขยี นโต้แย้ง
๑๐ ๑๘-๒๒ ก.ค. ๖๕ สอบกลางภาค
๑๑-๑๒ ๒๕ ก.ค.-๕ ส.ค. ๖๕ ศิลาจารึกหลกั ที่ ๑ ๓
๑๓-๑๔ ๘-๑๙ ส.ค.๖๕ บทละครเร่อื งรามเกียรต์ิ ตอนนารายณ์ ๖ ๒๐
ปราบนนทก ๓
๑๕-๑๖-
๑๗ ๒๒ ส.ค.–๙ ก.ย.๖๕ บทละครเรือ่ งรามเกยี รติ์ ตอนนารายณ์
ปราบนนทก
๑๘-๒๐ ๑๒-๑๖ ก.ย. ๖๕ สอบปลายภาค ๒๐
(๘๐+ ๒๐)
รวม ๑๐๐
*** เปล่ยี นแปลงไดต้ ามความเหมาะสม**** สถานการณก์ ารแพร่ระบาดโรคตดิ เชอื้ ไวรสั COVID-19
- การเรยี นการสอน Online เต็มรปู แบบ
- การเรียนการสอนปรบั เปลีย่ นไปตามสถานการณ์
หน้า | ๑๐
๘. แผนการวัดผลและภาระงาน
แนวการวดั ผล อัตราสว่ น คะแนนระหวา่ งภาค : คะแนนปลายภาค = ๘๐ : ๒๐
แผนการวดั ผล
การประเมิน คะแนน วิธีวดั ชนิดของเครือ่ งมือ ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรูข้ อ้ ท่ี เวลาทีใ่ ช้
(นาท/ี คร้ัง)
ก่อนกลางภาค ๒๕ สงั เกต/ตรวจชิ้นงาน/ แบบทดสอบ/แบบ ท ๑.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๘ ๕๐
สังเกต/แบบประเมนิ ท ๒.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๘
ทดสอบ ท ๓.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๖
ท ๔.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓
ท ๕.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๕
กลางภาค ๒๐ ทดสอบ แบบทดสอบ ท ๑.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๘ ๕๐
หลงั กลางภาค ท ๒.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๘ ๕๐
แฟม้ สะสมงาน/ ตลอด
ท ๓.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๖
ท ๔.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓
ท ๕.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๕
๒๕ สงั เกต/ตรวจช้ินงาน/ แบบทดสอบ/แบบ ท ๑.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๘
สังเกต/แบบประเมิน ท ๒.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๘
ทดสอบ ท ๓.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๖
ท ๔.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓
ท ๕.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔, ๒/๕
๑๐ ประเมิน แบบประเมนิ
รักการอา่ น ภาคเรียน
ปลายภาค ๕๐
รวม ๑๐๐ คะแนน
การกาหนดภาระงานนกั เรยี น
ในการเรียนรายวิชาภาษาไทย ไดก้ าหนดให้นักเรยี นทากจิ กรรม/ ปฏบิ ตั ิงาน(ชน้ิ งาน)........ช้ิน ดงั นี้
ท่ี ชอ่ื งาน ตัวชี้วดั /ผลการเรยี นรขู้ อ้ ท่ี ประเภทงาน กาหนดส่ง
กลุ่ม เดย่ี ว วนั /เดอื น/ปี
๑ อ่านออกเสยี งร้อยแกว้ ท ๑.๑ ม.๒/๑ สิ้นเดือน กรกฎาคม
สิ้นเดือน มิถุนายน
๒ ท่องอาขยาน ท ๕.๑ ม.๒/๕ ตลอดภาคเรยี น
๓ การสรปุ ขอ้ คดิ จากวรรณคดที เ่ี รยี น ท ๑.๑ ม. ๒/๑ ๒/๒ ๒/๓ ตลอดภาคเรยี น
ตลอดภาคเรียน
(นักเรยี นเขียนสรปุ และแผนผงั ความคิด ลงในสมดุ ) ท ๕.๑ ม. ๒/๑, ๒/๒, ๒/๓, ๒/๔
๔ เขียนยอ่ ความ เขยี นบรรยาย เขยี นพรรณนา เขียนเรยี งความ ท ๒.๑ ม. ๒/๑ ๒/๒ ๒/๓ ๒/๔
๕ แบบทดสอบประจาหนว่ ยการเรียน
ปรบั เปลย่ี นได้ตามความเหมาะสม ของนกั เรยี น
หน้า | ๑๑
การตัดสินผลการเรียน
ผลการเรยี น ๘ ระดบั และความหมายของแต่ละระดับ ดังน้ี
๔ หมายถงึ ดีเยีย่ ม คะแนน ๘๐-๑๐๐
๓.๕ หมายถงึ ดมี าก คะแนน ๗๕-๗๙
๓ หมายถึง ดี คะแนน ๗๐-๗๔
๒.๕ หมายถึง ค่อนข้างดี คะแนน ๖๕-๖๙
๒ หมายถงึ ปานกลาง คะแนน ๖๐-๖๔
๑.๕ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๕๕-๕๙
๑ หมายถึง ผา่ นเกณฑ์ขัน้ ต่า คะแนน ๕๐-๕๔
๐ หมายถึง ต่ากว่าเกณฑ์ คะแนน ๐-๔๙
ในกรณีที่ไมส่ ามารถให้ระดับผลการเรยี นเปน็ ๘ ระดบั ได้ให้ใช้ตวั อักษรระบเุ ง่ือนไขของผลการเรยี นดงั นี้
“มส” หมายถึง นักเรียนไม่มีสิทธเิ ข้ารบั การวัดผลปลายภาคเรยี นเนื่องจากนกั เรยี นมีเวลาเรียนไมถ่ ึงรอ้ ย
ละ ๘๐ ของเวลาเรยี นในแต่ละรายวชิ าและไม่ไดร้ บั การผอ่ นผนั ให้เขา้ รบั การวดั ผลปลายภาคเรียน
“ร” หมายถึง รอการตดั สินและยงั ตัดสนิ ผลการเรียนไม่ไดเ้ นอ่ื งจากนักเรียนไมม่ ีข้อมลู ผลการเรียน
รายวชิ านัน้ ครบถ้วนไดแ้ ก่ไม่ไดว้ ัดผลระหวา่ งภาคเรยี น/ปลายภาคเรยี นไม่ได้ส่งงานท่ีมอบหมายให้ทาซึ่งงานน้ัน
เปน็ ส่วนหนึ่งของการตดั สนิ ผลการเรียนหรอื มเี หตสุ ดุ วิสยั ท่ีทาใหป้ ระเมินผลการเรียนไมไ่ ด้
การผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ขั้นตา่ (ระบภุ าระงานทนี่ ักเรียนทาแลว้ สามารถผ่านเกณฑ์ขั้นตา่ ได)้
-
-
-
ลงชื่อ........................................ครูผสู้ อน ลงช่ือ...........................................หัวหนา้ กลมุ่ สาระฯ
(นายพสิ ทิ ธ์ิ สวุ รรณธาดา) (นางสาวสาวติ รี วฒั นะประเสรฐิ )
ลงชื่อ........................................
(นางสาวจนิ ตจ์ ุฑา พรหมรักษ์)
รองผู้อานวยการกล่มุ บริหารวิชาการ
ลงชอ่ื .............................................
(นางสาววมิ ลนาถ บวั แกว้ )
ผอู้ านวยการโรงเรยี นสตรีวัดระฆงั