The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัย การพัฒนาทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nlm_2244, 2021-11-29 09:40:33

วิจัย การพัฒนาทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่

วิจัย การพัฒนาทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่

1

การพัฒนาทกั ษะกล้ามเนอ้ื มัดใหญ่
โดยใชช้ ดุ ฝึกบลกิ ซ์พอ็ พ (BLIX POP) สาหรับเดก็ ทมี่ คี วามบกพร่อง
ทางสติปัญญา ศนู ย์การศกึ ษาพเิ ศษ เขตการศกึ ษา ๖ จังหวัดลพบุรี

นางสาวภคั จริ า เตจะ๊ เป็ง
ตาแหน่ง ครู

ศูนย์การศกึ ษาพเิ ศษ เขตการศึกษา 6 จงั หวัดลพบุรี
สานกั บริหารงานการศกึ ษาพิเศษ

สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ



ช่ือเร่ือง การพัฒนาทักษะกล้ามเน้ือมัดใหญ่ โดยใช้ชดุ ฝึกบลิกซพ์ ็อพ (BLIX POP) สาหรับเด็ก
ทมี่ คี วามบกพร่องทางสตปิ ัญญา ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา ๖ จงั หวัด
ผ้วู จิ ัย ลพบุรี
ปีการศกึ ษา นางสาวภคั จริ า เตจ๊ะเปง็
256๒

บทคดั ยอ่
การวิจัยครั้งน้ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกทักษะกล้ามเน้ือมัดใหญ่ของเด็กท่ีมีความบกพร่องทาง
สติปัญญา โดยใช้ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP) ซ่ึงกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนที่มีความบกพร่องทาง
สตปิ ญั ญา ของศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ เขตการศกึ ษา ๖ จงั หวดั ลพบุรี อายุ ๕ ปี ท่ีขาดความสามารถใน
การใช้กล้ามเน้ือมัดใหญ่ โดยการเลือกแบบเจาะจง จานวน 1 คน เครื่องมือในการวิจัยครั้งนี้ คือ
ชดุ ฝกึ บลิกซ์พอ็ พ (BLIX POP) สถติ ิทใี่ ช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูล คือ ร้อยละ
ผลการศกึ ษาพบว่า จากการพัฒนาทักษะกลา้ มเน้อื มดั ใหญ่ โดยใช้ชดุ ฝึกบลกิ ซพ์ ็อพ (BLIX
POP) สาหรับเด็กทมี่ ีความบกพร่องทางสตปิ ัญญา ศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษ เขตการศึกษา ๖ จงั หวัด
ลพบรุ ี นกั เรยี นสามารถพัฒนาทักษะกลา้ มเนอ้ื มดั ใหญ่ได้ดีข้ึน สามารถทาคะแนนหลังจากไดร้ บั การฝึก
ทกั ษะ สูงกวา่ ก่อนได้รบั การฝึกทกั ษะ คิดเปน็ รอ้ ยละ 80



กติ ติกรรมประกาศ

การศึกษาวิจัยฉบับนี้สาเร็จได้ด้วยดี เพราะได้รับความกรุณาช่วยเหลือและการให้คาแนะนา
เป็นอย่างดี จาก นายชัยพร พันธุ์น้อย ผู้อานวยการศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 6 จังหวัด
ลพบุรี ท่ีได้กรุณาให้คาแนะนาท่ีดี ท่ีเป็นประโยชน์อย่างย่ิงต่อการดาเนินงานการศึกษาวิจัยในคร้ังน้ี
จนสาเร็จลุล่วงได้ด้วยดี และได้ให้โอกาสและอนุญาตให้เดินทางไปศึกษาวิจัย รวมท้ังเพื่อนร่วมงานทุก
ทา่ นท่ีให้ความช่วยเหลือในการทาการทดลองและสนับสนุนการวิจยั อนั ทรงคุณค่าคร้งั นี้

ขอขอบพระคุณนักเรยี นและผู้ปกครองของกลุ่มตัวอย่างท่ีให้ความร่วมมือในคร้ังนี้เป็นอย่างสูง
ขอมอบเป็นเคร่ืองบูชาพระคุณบิดา มารดาและ ครู อาจารย์ ที่ได้อบรมเล้ียงดูและสั่งสอน ให้ความ
อุปการะท้งั ในด้านกาลงั ใจและกาลงั ทรัพยส์ นบั สนนุ การศึกษาของผู้วจิ ยั ตลอดมา



สารบัญ หน้า

บทคัดยอ่ ข
กิตติกรรมประกาศ ค
สารบญั ๑
บทที่ ๑ บทนา ๑

ท่ีมาและความสาคัญ ๒
วตั ถุประสงค์ของการวิจยั ๒
สมมตฐิ านในการวจิ ยั ๒
ขอบเขตของการวิจัย ๒
นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ ๓
ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ ๔
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ๔
เอกสารงานวจิ ยั ทม่ี คี วามเก่ียวข้องกับเด็กที่มีความบกพรอ่ งทางสตปิ ัญญา ๔
ความหมายของเด็กทม่ี ีความบกพร่องทางสติปญั ญา ๕
พฤตกิ รรมการปรับตน ๖
การแบง่ ประเภทของภาวะบกพร่องทางสติปญั ญา ๗
หลักการสอนสาหรับบุคคลทม่ี คี วามบกพร่องทางสติปญั ญา ๘
เทคนคิ การสอนเดก็ ท่ีมคี วามบกพร่องทางสติปัญญา ๘
เอกสารงานวจิ ัยทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับกลา้ มเนอื้ มัดใหญ่ ๙
ความหมายและความแขง็ แรงของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ๙
ความสาคัญและกลไกการทางานของกล้ามเนอื้ มัดใหญ่
ลักษณะพฒั นาการและความสามารถในการใช้กลา้ มเนอ้ื มัดใหญข่ องนักเรียนทมี่ ี ๙
ความบกพร่องทางสติปญั ญา ๑๐
การพฒั นากล้ามเนื้อมัดใหญ่ของนักเรยี นท่ีมคี วามบกพร่องทางสติปัญญา ๑๐
เอกสารงานวิจัยท่ีเกี่ยวกบั ชุด บลิกซ์พอ็ พ สนามจนิ ตนาการ ๑๑
ชุดบลกิ ซพ์ ็อพ สนามจนิ ตนาการ 11
รูปแบบโครงสรา้ งของชุดบลกิ ซพ์ ็อพ สนามจนิ ตนาการ 11
เอกสารงานวจิ ยั ทเ่ี ก่ียวข้องกับชดุ ฝกึ ทักษะ 11
ความหมายของชดุ ฝึกทกั ษะ 12
หลกั การสรา้ งชุดฝึกทักษะ 1๓
ลักษณะของชุดฝึกทักษะท่ีดี
ประโยชนข์ องชดุ ฝกึ ทักษะ

สารบญั (ต่อ) ง

บทที่ ๓ วิธดี าเนินการวิจยั หน้า
ตวั อยา่ งท่ีใช้ศกึ ษา 1๔
ตัวแปรทศี่ ึกษา 1๔
เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการวจิ ัย 1๔
วิธกี ารดาเนนิ การทดลอง 1๔
การวเิ คราะหข์ ้อมูล 1๕
1๕
บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู 1๖
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 1๗
1๗
สรปุ ผลการวิจยั 1๗
การอภิปรายผล 1๗
ขอ้ เสนอแนะ 1๘
บรรณานุกรม 1๙
ภาคผนวก 2๖
ประวตั ิย่อผู้วจิ ยั



บทท่ี 1
บทนา

ท่ีมาและความสาคญั

กล้ามเน้ือมัดใหญ่ เปน็ กล้ามเนอ้ื ลายทมี่ สี ่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทว่ั ๆ ไปของร่างกาย
การเคลื่อนไหวท่ีต้องใชก้ ลา้ มเนอื้ มัดใหญ่ของลาตัว แขน ขา มคี วามสาคญั มากในการเคลื่อนไหว
รา่ งกายในชวี ิตประจาวนั ไดแ้ ก่ การเดิน การว่งิ การกระโดด การทรงตัว และความสามารถในการใช้
กลา้ มเนื้อจะเปน็ ตัวบ่งบอกถึงความเจริญเติบโต จงึ จาเป็นต้องวางรากฐานดา้ นการเคลื่อนไหว พ้ืนฐาน
ให้นักเรยี นท่มี ีความบกพร่องทางสติปัญญา เน่ืองจากนักเรียนจะมีพัฒนาการของความสามารถ ในการ
ใช้กลา้ มเนอ้ื มดั ใหญ่ เริม่ จากการเคล่ือนไหวอวัยวะในสว่ นตา่ ง ๆ ท่เี รียกว่ากล้ามเน้อื มัดใหญ่ ก่อนแล้ว
จงึ คอ่ ย ๆ พัฒนามาเป็นการใช้กลา้ มเนอ้ื มัดเลก็ ซ่งึ จะเปน็ ไปตามวฒุ ิภาวะและการเรียนรู้ ของนกั เรยี น
โดยการพฒั นาซง่ึ การใช้กล้ามเน้อื มัดใหญข่ องนกั เรยี นท่มี ีความบกพร่องทางสตปิ ัญญาค่อนขา้ งจากดั
กว่านกั เรยี นปกติในวัยเดยี วกัน จึงจาเป็นตอ้ งวางรากฐานด้านการเคล่ือนไหว พนื้ ฐานให้นกั เรยี นทม่ี ี
ความบกพร่องทางสตปิ ัญญา

ชุดบลกิ ซพ์ ็อพ (BLIX POP) สนามจนิ ตนาการ ซึ่งเปน็ ชดุ สื่อการสอนผสมผสานการเลน่ เพื่อฝึก
ทกั ษะดา้ นต่างๆแบบองคร์ วม ทไี่ ด้ผา่ นการศกึ ษาวิจยั และออกแบบโดยคานึงถึงศกั ยภาพของเด็ก และ
ความปลอดภัยเป็นหลกั เปน็ การฝกึ ทักษะด้านประสาทสัมผสั ด้านกายภาพในการเสริมสรา้ งกลา้ มเนือ้
มดั ใหญม่ ดั เล็กท้ังแขนขา จากการหยบิ จบั สร้าง การคลาน การเดิน การทรงตวั บนพนื้ ผิวทแ่ี ตกต่าง
เพ่ือให้ร่างกายแขง็ แรง สง่ เสรมิ การใชค้ วามคดิ สร้างสรรค์

เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาน้ัน การพัฒนาทักษะกล้ามเน้ือมัดใหญ่เป็นส่ิงจาเป็น
เพราะกล้ามเนื้อมัดใหญ่เป็นพื้นฐานของการเคล่ือนไหวในการทากิจกรรมต่างๆในชีวิตประจาวันของ
นักเรียนได้ดีข้ึน ต้องได้รับการเตรียมความพร้อมและศักยภาพของร่างกาย โอกาสในการฝึกฝน และ
ประสบการณ์ในการฝึกทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้แข็งแรง หลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน

ตานแผนการสอนเฉพาะบคุ คล (IIP) เรอื่ งการเดินขึ้นและลงบันไดโดยจับราวบันไดแบบสลับเท้า พบว่า
นกั เรียนยงั ขาดความมั่นใจ มีความยากลาบากในการทรงตัว และก้าวข้ึนและลงบันได ยังต้องมีคนช่วย
พยุงในการเดินขึ้นและลงบันไดโดยการจับราวแบบสลับเท้า เดินเชื่องช้า ต้องใช้การกระตุ้นบ่อยๆ ทา
ให้เดินตามเพ่ือนไม่ทัน จากการสอบถามผู้ปกครองนักเรียน เวลาเดินขึ้นและลงบันไดท่ีบ้าน ก็พบ
ปัญหานกั เรียนมคี วามยากลาบากในการเดนิ ขนึ้ และลง ทาใหบ้ างครง้ั ผ้ปู กครองต้องชว่ ยพยุง

จากสภาพปญั หาและความสาคญั ดังกลา่ วข้างตน้ ผู้วจิ ยั จึงได้จัดทาวจิ ยั เรือ่ ง การพฒั นา
ทกั ษะกลา้ มเนอ้ื มดั ใหญ่ โดยใช้ชดุ ฝึกบลกิ ซพ์ ็อพ (BLIX POP) สาหรบั เด็กทม่ี คี วามบกพร่องทาง
สตปิ ญั ญา ศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษ เขตการศกึ ษา ๖ จงั หวดั ลพบรุ ี



วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เพื่อฝึกทักษะกลา้ มเน้ือมดั ใหญ่ของเดก็ ท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา โดยใชช้ ดุ ฝึก

บลกิ ซ์พ็อพ (BLIX POP)

สมมตฐิ านในการวิจัย
นกั เรยี นทีม่ ีความบกพร่องทางสติปญั ญา เม่ือใช้ชดุ ฝึกบลกิ ซ์พ็อพ (BLIX POP) แล้ว มี

พฒั นาการกล้ามเนื้อใหญ่ที่ดีขึ้น

ขอบเขตของการวิจัย
1. กลุ่มเปูาหมาย เป็นนักเรียนท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา ของศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษ

เขตการศึกษา ๖ จังหวัดลพบรุ ี อายุ ๕ ปี ที่ขาดความสามารถในการใช้กลา้ มเนื้อมัดใหญ่ โดยการ
เลอื กแบบเจาะจง จานวน 1 คน

2. เน้ือหาในการวิจัย ไดแ้ ก่ การเดนิ ขน้ึ และลงแบบสลบั เท้า
3. ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการวิจัย ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๒
4. ตวั แปรท่ีศกึ ษา คือ ตัวแปรต้น ไดแ้ ก่ การใช้ชุดฝกึ บลกิ ซ์พ็อพ (BLIX POP)

ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่ ความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนือ้ มัดใหญ่

นิยามศพั ท์เฉพาะ
1. นักเรยี นทีม่ ีความบกพร่องทางสตปิ ญั ญา หมายถงึ นกั เรียนท่มี ารบั บรกิ ารห้องเตรียมความ

พร้อมเด็กที่มบี กพร่องทางสติปญั ญา ของศูนย์การศึกษาพเิ ศษ เขตการศึกษา ๖ จงั หวดั ลพบุรี ทม่ี ี
ปัญหาทักษะกล้ามเน้ือมดั ใหญ่

2. ทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ หมายถึง ความสามารถในการใช้กลา้ มเน้อื มัดใหญ่ในการเดินขนึ้
และลงบนั ไดแบบสลับเทา้ โดยไมต่ ้องมีการชว่ ยเหลอื จากผู้อื่น ซ่ึงวัดได้จากแบบประเมินความสามารถ
ของผู้วิจัยทจ่ี ัดทาข้ึน

3. ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP) หมายถึง ชุดฝึกทักษะท่ีจัดทาข้ึนเพ่ือความสามารถในการ
ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ของนักเรียนท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา โดยในชุดฝึกทักษะแบ่งย่อยออกเป็น
๓ ชดุ การพฒั นา ได้แก่ ชุดท่ี 1 การเดนิ ข้ึนและลง 3 ขั้น ชุดท่ี 2 การเดินข้ึนและลง ๕ ข้ัน และชุดท่ี
๓ การเดนิ ขน้ึ และลง ๗ ขน้ึ

ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ ับ
นักเรียนท่ีมีความบกพร่องทางสตปิ ัญญา ของศนู ย์การศึกษาพเิ ศษ เขตการศึกษา ๖ จังหวัด

ลพบรุ ี มกี ารพฒั นาความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนื้อมดั ใหญ่ดขี นึ้



บทที่ 2
เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง

การวิจัยเร่ือง การพัฒนาทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ โดยใช้ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP)
สาหรับเด็กท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา ๖ จังหวัดลพบุรี
ผวู้ จิ ยั ไดล้ าดบั การศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ทเี่ ก่ยี วข้องในการรายงานโดยกาหนดเป็นหัวข้อ ดังน้ี

1. เอกสารงานวจิ ัยท่ีมคี วามเกย่ี วขอ้ งกับเด็กทมี่ ีความบกพร่องทางสติปัญญา
- ความหมายของเดก็ ที่มคี วามบกพร่องทางสติปัญญา
- พฤติกรรมการปรบั ตน
- การแบ่งประเภทของภาวะบกพร่องทางสตปิ ัญญา
- หลักการสอนสาหรบั บคุ คลท่ีมคี วามบกพร่องทางสติปัญญา
- เทคนิคการสอนเดก็ ทม่ี คี วามบกพร่องทางสตปิ ัญญา

2. เอกสารงานวิจัยท่ีเกยี่ วข้องกบั กลา้ มเนอื้ มัดใหญ่
- ความหมายและความแข็งแรงของกลา้ มเน้ือมดั ใหญ่
- ความสาคัญและกลไกการทางานของกลา้ มเนอ้ื มัดใหญ่
- ลกั ษณะพฒั นาการและความสามารถในการใชก้ ล้ามเน้อื มัดใหญ่ของนักเรียนทมี่ ีความ
บกพร่องทางสติปญั ญา
- การพฒั นากล้ามเน้ือมัดใหญ่ของนักเรียนท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา

๓. เอกสารงานวิจัยทเ่ี กีย่ วกบั ชุด บลิกซ์พ็อพ สนามจินตนาการ
- ชดุ บลกิ ซพ์ ็อพ สนามจินตนาการ
- รูปแบบโครงสรา้ งของชุดบลิกซพ์ ็อพ สนามจนิ ตนาการ

๔. เอกสารงานวจิ ยั ทเี่ กีย่ วข้องกับชดุ ฝกึ ทักษะ
- ความหมายของชุดฝึกทักษะ
- หลกั การสร้างชดุ ฝึกทักษะ
- ลกั ษณะของชุดฝึกทักษะท่ีดี
- ประโยชน์ของชดุ ฝึกทักษะ



1. เอกสารงานวิจัยท่ีมีความเกี่ยวข้องกับเดก็ ที่มีความบกพรอ่ งทางสติปัญญา

ความหมายของเดก็ ท่ีมคี วามบกพรอ่ งทางสติปัญญา
เดก็ ทีม่ ีความบกพร่องทางสติปัญญา คือ เด็กทีมรี ะดับสติปัญญาตา่ กวา่ ปกติมปี ัญหาทาง
พฤติกรรม การเรียนรู้ด้านการใชท้ ักษะใน ชวี ติ ประจาวันของเด็ก มรี ะดบั สติปัญญาต่ามากกวา่ ปกติ
ประมาณ70-75 หรืออาจต่ากว่าน้ี (ประกฤติ พูลพัฒน์, 2544: 2)
เด็กทีม่ ีความบกพร่องทางสติปัญญา มักจะมีปญั หาในการเรียนร้ทู ้ังทักษะการอ่าน การเขียน
การ ฟงั และการพดู โดยเฉพาะอย่างยง่ิ การอ่านซ่ึงเปน็ ทักษะทางภาษาท่ีมคี วามสาคัญต่อการดาเนิน
ชีวิตของเด็ก (ปราณี วงษช์ ยั ,2550: 2)
เดก็ ทีมีความบกพร่องทางสติปัญญา ต้องการชว่ ยเหลอื ระยะแรกเริ่ม เป็นสงิ่ ท่ีมีความสาคัญ
อย่างย่งิ ในการส่งเสรมิ ให้เด็กมีพฒั นาการใกลเ้ คยี งกับเดก็ ปกตทิ ส่ี ุด และเรว็ ท่สี ุดตามศักยภาพของเด็ก
ทมี่ อี ยู่ โดยเฉพาะการเรยี นรู้ที่จะดแู ลตนเองในเรื่องการทากิจวตั รประจาวันซ่ึงเปน็ พนื้ ฐานสาคญั ของ
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เพื่อเป็นพืน้ ฐานในการดาเนินชวี ิตประจาวนั และเกิดพฒั นาการใน
ด้านอน่ื ๆ เนื่องจากเดก็ ทุกคนมีช่วงพฒั นาการท่ลี า่ ช้าหรือเร็วตา่ งกัน ในชว่ งแรกของชีวิตเป็นเวลาที่ดี
ทส่ี ุดในการเรยี นรู้ทจี่ ะดูแลตนเอง ชว่ งเวลานเ้ี ดก็ จะต่อสู้ดนิ้ รนเพอ่ื อสิ รภาพเด็กต้องการช่วยตนเอง ซงึ่
เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ (สมเกตุ อทุ ธโยธา. 2539: 1)
ตามเกณฑข์ อง Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders, Fourth
Edition, Text Revision (DSM- IV-TR) โดย American Psychiatric Association (APA) ในปี พ.ศ.
2543 ภาวะบกพรอ่ งทางสติปัญญาหรือภาวะปัญญาอ่อน หมายถงึ ภาวะท่ีมี

1.ระดับเชาวน์ปัญญาต่ากว่าเกณฑ์เฉลีย่
2.พฤติกรรมการปรบั ตนบกพร่องตงั้ แต่ 2 ดา้ นขน้ึ ไป จากทั้งหมด 10 ด้าน
3.อาการแสดงก่อนอายุ 18 ปี

พฤติกรรมการปรับตน
หมายถึง การปฏบิ ัตติ นในชีวติ ประจาวันทั่วๆ ไป ซ่ึงเป็นความสามารถของบุคคลนั้นท่ีจะ
สามารถดารงชีวิตได้ดว้ ยตนเองในสังคม ประกอบด้วย

1. การสื่อความหมาย (Communication)
2. การดแู ลตนเอง (Self-care)
3. การดารงชวี ติ ภายในบา้ น (Home living)
4. การปฏสิ ัมพันธก์ บั ผอู้ ่ืนในสงั คม (Social and Interpersonal Skills)
5. การใช้แหลง่ ทรัพยากรในชมุ ชน (Use of Community Resources)
6. การควบคุมตนเอง (Self- direction)
7. การนาความรมู้ าใช้ในชีวิตประจาวนั (Functional Academic Skills)
8. การใช้เวลาวา่ ง (Leisure)
9. การทางาน (Work)
10. การมีสุขอนามัยและความปลอดภัยเบ้ืองต้น (Health and Safety)



การประเมนิ พฤติกรรมการปรับตนตามเกณฑ์การวนิ ิจฉยั ในปี พ.ศ.2535 ซึง่ จะตอ้ งบกพร่อง
อยา่ งน้อย 2 ดา้ นจาก 10 ด้าน การวินิจฉยั เรื่องพฤติกรรมการปรับตนเปน็ การปฏบิ ตั ิตนท่ีต่ากวา่
คา่ เฉลย่ี ในข้อ ก หรือ ข้อ ข ดังน้ี

ก. ทกั ษะดา้ นใดด้านหนงึ่ ใน 3 ด้านของพฤตกิ รรมการปรับตน ไดแ้ ก่ ทักษะดา้ นความคดิ รวบ
ยอด (conceptual skills) ทักษะด้านสงั คม (social skills) หรอื ทกั ษะดา้ นการปฏิบตั ติ น (practical
skills) หรอื

ข. ทักษะทงั้ 3 ดา้ น ตามข้อ ก โดยดจู ากคะแนนรวมท้งั หมด
ท้ังนก้ี ารประเมินพฤติกรรมการปรบั ตนน้ี AAMR หรอื AAIDD ได้พฒั นาเคร่ืองมือการประเมิน
คอื Diagnostic Adaptive Behavior Scale เพ่ือให้การประเมนิ มีมาตรฐานมากข้ึน

การแบ่งประเภทของภาวะบกพร่องทางสตปิ ัญญา
1. ภาวะบกพรอ่ งทางสติปัญญาระดับรุนแรงมาก พฒั นาการล่าชา้ ชัดเจนต้งั แตเ่ ล็กๆท้ังใน
ด้านประสาทสมั ผสั และการเคลื่อนไหว อาจจะฝึกการชว่ ยเหลอื ตนเองได้บา้ ง แตต่ ้องอาศัยการฝกึ
อย่างมาก ส่วนใหญพ่ บว่ามีพยาธสิ ภาพ ต้องการการดูแลตลอดเวลา ตลอดชวี ิต แม้จะเป็นผูใ้ หญแ่ ล้วก็
ตาม
2. ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาระดับรนุ แรง พบความผดิ ปกตขิ องพัฒนาการตง้ั แต่ขวบปี
แรก มักมพี ัฒนาการล่าชา้ ทุกด้าน โดยเฉพาะพัฒนาการดา้ นภาษา ส่ือความหมายได้เพียงเลก็ นอ้ ยหรือ
พูดไมไ่ ดเ้ ลย บางรายเริม่ พูดไดเ้ ม่อื เข้าสูว่ ัยเรยี น มีปญั หาในการเคล่อื นไหว ในบางรายพบพยาธสิ ภาพ
มากกว่า 1 อย่าง มีทักษะการปูองกนั ตนเองน้อย มีความจากัดในการดูแลตนเอง ทางานง่ายๆได้ ส่วน
ใหญ่ตอ้ งการการดแู ลอยา่ งใกลช้ ิดหรือต้องช่วยในทุกๆด้านอย่างมาก ตลอดชวี ิต
3. ภาวะบกพรอ่ งทางสติปญั ญาระดบั ปานกลาง มกั ไดร้ บั การวนิ ิจฉยั ต้ังแตว่ ยั ก่อนเรียน เมือ่
อายปุ ระมาณ 2-3 ปี โดยพบว่าอาจมคี วามแตกต่างของระดับความสามารถในดา้ นต่างๆ เชน่ กลุ่ม
อาการดาวนล์ ่าชา้ ในด้านการใชภ้ าษา กลมุ่ อาการวลิ เลี่ยม (Williams syndrome) บกพรอ่ งในทักษะ
การเรยี นร้ทู ีเ่ กยี่ วข้องกบั มติ สิ ัมพันธ์ (visuo-spatial processing skills) และบางรายมคี วามสามารถ
ทางภาษาเดน่ ในบางรายพบพยาธิสภาพชดั เจน สามารถเรียนไดถ้ ึงชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2-3 ในวยั
เรยี นมกั ต้องการการจัดการศึกษาพิเศษ สามารถเรียนร้กู ารเดินทางตามลาพังไดใ้ นสถานท่ีทีค่ นุ้ เคย ใช้
ชวี ติ ในชมุ ชนได้ดที ั้งการดารงชวี ิตและการงาน แต่ต้องการความช่วยเหลือปานกลาง ตลอดชีวิต
ประมาณร้อยละ 20 ดารงชีวิตอยูไ่ ด้ด้วยตนเอง
4. ภาวะบกพร่องทางสติปญั ญาระดับเลก็ น้อย มักไดร้ บั การวนิ จิ ฉยั เมอื่ เด็กเข้าสู่วัยเรียนแล้ว
เน่อื งจากในวยั ก่อนเรียนพฒั นาทักษะทางสงั คมและการสื่อความหมายไดเ้ พียงพอ ส่วนใหญ่เรียนได้ถงึ
ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 หรือสูงกวา่ เม่ือเป็นผ้ใู หญ่สามารถทางาน แตง่ งาน ดูแลครอบครวั ได้ แตอ่ าจ
ต้องการความช่วยเหลอื บ้างเป็นครง้ั คราวเม่ือมีปญั หาชวี ติ หรือหนา้ ท่กี ารงาน มักไม่พบสาเหตุทางพยาธิ
สภาพ สว่ นใหญ่จะสัมพันธ์กับปัจจยั ทางสงั คมและเศรษฐกิจ สถานะยากจนหรือด้อยโอกาส ซึ่งแสดงให้
เห็นถึงความสาคัญของปัจจัยดา้ นส่ิงแวดลอ้ มและวัฒนธรรมทมี่ ผี ลตอ่ ภาวะบกพรอ่ งทางสตปิ ัญญา



หลักการสอนสาหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่
๑. บคุ คลท่มี คี วามบกพร่องทางสตปิ ญั ญาทส่ี ามารถเรียนได้ (Educable mentally
retarded) ควรครอบคลุมเน้ือหา 4 หมวด ได้แก่
- ความพรอ้ มและเน้ือหาวชิ าการทจ่ี าเป็น
- การสอ่ื สาร (การตดิ ตอ่ กับผอู้ ่ืน ภาษา และพัฒนาการทางความคิด ความจา
- ทักษะทางสงั คม การดารงชีพ นันทนาการ และการพฒั นาบุคลิกภาพ
- พน้ื ฐานทางดา้ นการงานและอาชีพ
๓. สาหรบั บุคคลทมี่ คี วามบกพร่องทางสติปญั ญาทีส่ ามารถฝึกได้ (Trainable mentally
retarded) ควรครอบคลุมเนื้อหา 7 ด้าน ได้แก่
- การช่วยเหลือตนเอง
- การสื่อความหมายกับผอู้ ืน่
- การใชอ้ วัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย
- ทกั ษะที่จาเปน็ ท่ีใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
- พฤตกิ รรมทางสงั คมที่จาเป็นในชวี ติ ประจาวนั
- ความรพู้ ืน้ ฐานทจ่ี าเป็น
- ความรูพ้ นื้ ฐานในการงานและอาชีพ
๓. บุคคลทม่ี ีความบกพร่องทางสตปิ ญั ญาทตี่ ่ามาก (Severe and Profound mentally
retarded) ควรครอบคลุมเนื้อหา 6 ด้าน ได้แก่
- ทกั ษะในการชว่ ยเหลอื ตนเอง
- ทักษะในการสื่อสาร
- ทักษะในการดารงชีวิตประจาวัน
- ทักษะในการอ่าน การเขียน และเลขคณิตทจี่ าเป็นในการดารงชพี
- ทักษะด้านนนั ทนาการ
- ทักษะพนื้ ฐานดา้ นการงานและอาชีพ
ควรเน้นการพัฒนาทกั ษะทางสงั คม ทักษะการชว่ ยเหลือตนเอง และทกั ษะท่สี าคญั ได้แก่
ทักษะดา้ นอาชีพ เป็นตน้

เทคนิคการสอนเดก็ ท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา
เทคนคิ การสอนเด็กท่ีมีความบกพร่องทางสตปิ ญั ญา อาจสอนเปน็ รายบุคคลหรือรายกลมุ่ กไ็ ด้
การสอนควรยึดหลักระดบั ความสามารถของแตล่ ะบุคคลเป็นหลกั การจดั การเรยี นการสอนควรขอ
ความร่วมมือจากหนว่ ยงานอ่ืนในชุมชน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การฟ้ืนฟูสมรรถภาพทางอาชีพ และผสู้ อน
ควรมีวธิ กี ารสอนทแ่ี ตกต่างไปจากการสอนปกติ โดยมีเทคนิค ดังน้ี
(1) คานงึ ถึงความพรอ้ มในการเรยี นของบุคคลท่ีมีความบกพร่องทางสตปิ ญั ญา เพราะมีความ
พรอ้ มชา้ กว่าบุคคลทั่วไป ก่อนทาการสอนครูต้องเตรยี มความพร้อมก่อน



(2) สอนตามความสามารถและความต้องการของบคุ คลท่มี ีความบกพร่องทางสตปิ ญั ญาแต่ละ
คน โดยจัดสภาพการเรียนการสอนให้เหมาะกบั สภาพและลกั ษณะของแตล่ ะคนและสอนตามระดับ
สตปิ ัญญา

(3) ยอมรับความสามารถและสง่ เสริมความสามารถของแต่ละบคุ คลที่มคี วามบกพร่องทาง
สตปิ ัญญา

(4) พยายามฝกึ ให้บุคคลท่มี ีความบกพร่องทางสติปญั ญาชว่ ยตนเองได้มากท่ีสดุ จะเป็นการ
ช่วยใหบ้ ุคคลทมี่ ีความบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญาเกิดความเชือ่ มน่ั ในตนเองเพิ่มขึ้น และทาใหเ้ กดิ ความรูส้ กึ
ภาคภมู ใิ จในตนเอง

(5) สอนตามวเิ คราะห์งาน (Task Analysis) โดยแบ่งงานเปน็ ข้ันตอนย่อย เรียงลาดบั จากง่าย
ไปหายาก เพ่ือไมใ่ ห้เกดิ ความสบั สนและให้สามารถทางานชิ้นนนั้ ๆ ได้ และประสบความสาเร็จในงาน
ซึง่ เป็นการสร้างความเช่อื ม่ันในตนเองยงิ่ ข้ึน

(6) ใชห้ ลกั การสอนแบบ 3 R
· Repetition คอื สอนซา้ และใชเ้ วลาสอนมากกว่าบุคคลท่ัวไป ใช้วธิ ีสอนหลายวิธใี นเนอื้ หา
แบบเดมิ
· Relaxation คือการสอนแบบไมต่ รึงเครียด ไมส่ อนวิชาเดียวนานเกนิ ไป 15 นาที ควร
เปลีย่ นกิจกรรมการสอนวชิ าการเปน็ การเลน่ รอ้ งเพลง ดนตรี เล่านทิ าน หรอื ให้ลงมือปฏบิ ัติจริง
· Routine คือ การสอนให้เป็นกจิ วัตรประจาวัน เปน็ กิจกรรมท่ีจะต้องทาเป็นประจาสม่าเสมอ
ในแตล่ ะวัน
(7) สอนโดยการแบ่งกลมุ่ ตามตารางสอน สามารถทาไดด้ ใี นกรณที บ่ี ุคคลท่ีมีความบกพร่อง
ทางสตปิ ญั ญาอย่ใู นระดบั เดียวกัน
(8) สอนโดยการทากจิ กรรมหนึ่งต้องแทรกการฝึกทักษะดา้ นอน่ื ด้วย
(9) ช่วยสง่ เสริม และพัฒนาความเช่อื มน่ั ในตนเองแกบ่ คุ คลท่มี ีความบกพร่องทางสตปิ ัญญา
เพ่ือจะสามารถเรยี นไดด้ ีข้ึน
(10) สอนจากสงิ่ ใกลต้ วั ไปหาสงิ่ ทไ่ี กลตวั
(11) สอนโดยลงมอื ปฏบิ ัตจิ ริง
(12) สอนสิ่งทมี่ ีความหมายสาหรบั บุคคลที่มีความบกพร่องทางสตปิ ญั ญา และสามารถ
นาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้ โดยเฉพาะส่ิงทีเ่ ปน็ นามธรรม ซง่ึ เปน็ สง่ิ ทเ่ี ข้าใจยาก ครตู อ้ งใชค้ าง่ายๆ
และยกตัวอยา่ งประกอบ
(13) จดั การเรียนการสอนให้บคุ คลที่มีความบกพร่องทางปัญญามีประสบการณ์ใหม่ๆ เพ่ือฝึก
การคิด
(14) สอนโดยใชอ้ ปุ กรณ์ หรอื ของจรงิ ประกอบทุกครัง้ และต้องให้เวลาพอสมควรในการ
เปลี่ยนกจิ กรรมหน่งึ ไปสอู่ ีกกิจกรรมหนึ่ง
(15) การสอนต้องมีการสรา้ งแรงจงู ใจและการเสริมแรงให้กับผูเ้ รยี น
(16) ประเมินผลความก้าวหนา้ ของบุคคลที่มคี วามบกพร่องทางสติปญั ญาในทุกด้านอย่าง
สมา่ เสมอ เพ่ือนาข้อมลู ทไี่ ด้ปรบั เปลีย่ นวิธกี ารสอนใหม้ ีประสิทธิภาพยง่ิ ข้ึน



(17) มีความเชื่อม่นั วา่ บคุ คลทม่ี คี วามบกพร่องทางสติปญั ญามคี วามสามารถ และศักยภาพใน
ตนเอง และสามารถพัฒนาให้เปน็ บคุ คลที่มีประมีประสิทธภิ าพยงิ่ ขน้ึ

(18) สง่ เสรมิ พฤติกรรมการปรับตวั นอกจากสอนดา้ นวชิ าการแล้ว ต้องคานงึ ถึงการส่งเสริม
พฤติกรรมการปรับตัวทไ่ี ม่พึงประสงคแ์ ละสง่ เสริมพฒั นาการทางด้านอารมณ์ ภาษาและพัฒนา
บคุ ลิกภาพไปพร้อมกนั

(19) สอนใหบ้ คุ คลท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญาลดการพ่ึงพาบุคคลลง (Step of
Independence) ตอ้ งสอนทักษะทจ่ี าเป็นในการดารงชีวิตและการเตรียมความพร้อมดา้ นอาชพี ดว้ ย
(พชั รลี ย์ เกตแุ กน่ จนั ทร์. ๒๕๔๒: 15-16)

2. เอกสารงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกบั กล้ามเนอ้ื มดั ใหญ่

ความหมายและความแขง็ แรงของกลา้ มเนื้อมัดใหญ่
จากการศึกษาเก่ียวกบั กลา้ มเนื้อมดั ใหญ่พบว่ามนี ักวชิ าการ นกั การศึกษา รวมถึงแพทย์ไดใ้ ห้
ความหมายของกล้ามเนื้อมัดใหญไ่ ว้ ดงั น้ี
ชาตรี วฑิ ูรชาติ (2555) ไดใ้ หค้ วามหมายของกล้ามเนื้อมัดใหญไ่ ว้ว่า เป็นกล้ามเนื้อมดั ใหญใ่ น
กล้ามเน้ือลายที่มสี ว่ นเกีย่ วข้องกบั การเคล่ือนไหว เช่น กล้ามเนื้อศีรษะและลาคอ กลา้ มเนื้อลาตวั
กล้ามเนอ้ื ส่วนขาและกลา้ มเนื้อสว่ นแขนช่วยในการทรงตัว เคลอื่ นไหวรา่ งกาย ทาให้นักเรียนสามารถ
ชันคอ ควา่ หงาย คลานและเดินได้ ซ่งึ สอดคล้องกบั
ระววิ รรณ แซ่หลี (2558) ทักษะกล้ามเน้ือมดั ใหญ่ หมายถึง กลา้ มเน้ือมัดใหญ่ในกล้ามเน้อื
ลาย ซ่ึงทาหน้าท่ีควบคมุ ทักษะในการเคล่อื นไหวทั่ว ๆ ไปของรา่ งกาย ได้แก่ ทักษะการทรงตัว การเดิน
การวงิ่ การกระโดด การเตะลูกบอล การปีนปุายและการรับ-ส่งลูกบอล เป็นต้น ซ่งึ การเคลอื่ นไหว
เหล่านจี้ ะทาได้ดมี ากน้อยเพยี งใดขึน้ อยู่กับความพร้อมและศกั ยภาพของร่างกาย โอกาสในการฝึกฝน
และประสบการณ์ในการเคลื่อนไหวของตัวนักเรยี น
ดงั นน้ั สรุปไดว้ ่า ทักษะกลา้ มเนอ้ื มดั ใหญ่ หมายถงึ เปน็ กลา้ มเนือ้ ลายท่ีมสี ่วนเกีย่ วข้องกับการ
เคล่ือนไหวทัว่ ๆ ไปของร่างกายการเคลื่อนไหวที่ต้องใชก้ ล้ามเนือ้ มัดใหญข่ องลาตวั แขน ขา มี
ความสาคญั มากในการเคล่ือนไหวร่างกายในชีวติ ประจาวนั ไดแ้ ก่ การเดนิ การวง่ิ การกระโดด การ
ทรงตัว

ความสาคญั และกลไกการทางานของกล้ามเนอ้ื มดั ใหญ่
จากการศึกษาความสาคัญและกลไกการทางานของกล้ามเนอ้ื มัดใหญ่ พบว่ามีนักวิชาการและ
นกั การศึกษา ได้กลา่ วถึงความสาคญั และกลไกการทางานของกล้ามเน้ือมัดใหญ่ไว้ ดงั นี้
ชมรมจติ แพทย์เดก็ และวยั ร่นุ แหง่ ประเทศไทย (2555) กล่าวว่า การใช้ กล้ามเนอ้ื มดั ใหญ่มี
ความสาคญั มากในการเคล่ือนไหวรา่ งกายในชวี ติ ประจาวัน เช่น การเดิน การวิ่ง การกระโดด การทรง
ตวั เป็นต้น หากเราทากิจกรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวันได้ดีโดยใชก้ ลา้ มเนื้อ มดั ใหญ่ นนั่ กแ็ สดงวา่
ร่างกายมีความเจรญิ เติบโต มปี ระสิทธิภาพ



ระววิ รรณ แซ่หลี (2558) ได้ให้ความสาคัญและกลไกการทางานของกล้ามเน้ือมัดใหญ่ มี
ความสาคัญ มากในการเคลื่อนไหวรา่ งกายในชีวิตประจาวัน เชน่ การเดนิ การวง่ิ การกระโดด การทรง
ตวั เป็นต้น ความสามารถในการใชก้ ล้ามเน้ือจะเปน็ ตวั บ่งบอกถึงความเจริญเติบโต เชน่ เมอื่ นกั เรยี นโต
ขึน้ ก็จะมี ความสามารถในการควบคุมกล้ามเน้ือหรืออวัยวะต่าง ๆ ได้ดขี ึ้น ซง่ึ การเคลื่อนไหวร่างกายใน
ท่ีนห้ี มายถึง การเคลื่อนไหวท่ีต้องใชก้ ล้ามเนอ้ื มดั ใหญ่ของลาตวั แขน ขา แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท

1. การเคลอ่ื นไหวแบบอยู่กับที่ หมายถึง การเคลอื่ นไหวสว่ นใดสว่ นหน่ึงของรา่ งกาย โดยไม่
เคลื่อนห่างไปจากจดุ เดิมแต่จะเป็นการใชร้ า่ งกายทุกส่วนให้ตอบสนองการเคล่ือนไหวของรา่ งกาย สว่ น
ใหญ่

2. การเคล่ือนไหวแบบเคลื่อนท่ี หมายถงึ การเคลอื่ นไหวที่มี ระยะทางเกิดขน้ึ โดยเนน้
เคลอ่ื นทีจ่ ากท่หี นงึ่ ไปยงั อกี ท่ีหนง่ึ

3. การเคลือ่ นไหวสว่ นต่าง ๆ ประกอบอปุ กรณ์ หมายถึง การเคลือ่ นไหวท้ังแบบเคลอ่ื นที่และ
ไม่เคล่ือนที่พร้อมกับมีอุปกรณบ์ างอย่างประกอบ เชน่ ลกู บอล หว่ งยาง บาร์ เชอื ก ถุงถั่ว กระดานทรง
ตวั เป็นตน้

ดงั น้นั ความสาคญั และกลไกการทางานของกลา้ มเนื้อมัดใหญ่มีความสาคัญมากท่จี ะช่วยให้
เคลื่อนไหวรา่ งกายในชวี ติ ประจาวันใหส้ ามารถไปในทิศทางท่ีต้องการ รวมถึงยงั บ่งบอกถึงการ
เจริญเติบโตในแต่ละคนอีกดว้ ย

ลักษณะพัฒนาการและความสามารถในการใชก้ ลา้ มเน้อื มัดใหญ่ของนกั เรยี นทมี่ คี วาม
บกพรอ่ งทางสติปัญญา

ความสามารถในการใช้กล้ามเน้อื มดั ใหญ่ของนกั เรยี นทม่ี คี วามบกพร่องทางสติปญั ญาค่อนข้าง
จากัดกวา่ นกั เรยี นปกติในวัยเดียวกนั จงึ จาเปน็ ต้องวางรากฐานดา้ นการเคล่ือนไหว พ้ืนฐานให้นักเรียน
ท่มี คี วามบกพร่องทางสติปัญญา เนื่องจากนกั เรียนจะมีพฒั นาการของความสามารถ ในการใช้
กลา้ มเน้อื มัดใหญ่ เรมิ่ จากการเคลือ่ นไหวอวัยวะในสว่ นตา่ ง ๆ ทีเ่ รยี กวา่ กล้ามเนื้อมัดใหญ่ กอ่ นแลว้ จงึ
คอ่ ย ๆ พัฒนามาเปน็ การใชก้ ล้ามเนอื้ มดั เล็กซ่ึงจะเป็นไปตามวุฒภิ าวะและการเรียนรู้ ของนกั เรียน
โดยการพัฒนาความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อมดั ใหญข่ องนกั เรียนที่มีความบกพรอ่ ง ทางสตปิ ญั ญา
ระดบั เล็กน้อยถึงปานกลางนี้ ระวิวรรณ แซห่ ลี (๒๕๕๘) ดังน้ัน ก่อนพฒั นาในดา้ นอ่ืนๆ ควรจะตอ้ ง
พฒั นากลา้ มเนื้อมัดใหญข่ องนักเรียนใหแ้ ข็งแรงก่อน เพือ่ ชว่ ยใหน้ ักเรยี นทากิจกรรมอีกๆ ไดด้ ีต่อไป

การพัฒนากลา้ มเนอื้ มดั ใหญ่ของนกั เรยี นท่ีมีความบกพร่องทางสตปิ ัญญา
มีนักวิชาการและนักการศกึ ษาหลายท่านได้กลา่ วถึงการพัฒนากล้ามเน้อื มัดใหญ่ของ นักเรยี น
ท่มี ีความบกพร่องทางสติปญั ญา ไว้ดงั น้ี

๑๐

สุวิมล อดุ มพริ ยิ ะศักดิ์ (2549) ไดก้ ล่าวว่า นกั เรียนที่มีความบกพร่องทางดา้ นสตปิ ัญญาน้ัน จะ
มีพฒั นาการต่าง ๆ ล่าชา้ โดยเฉพาะทักษะทางดา้ นกลา้ มเน้ือมดั ใหญ่ในการเคลื่อนไหวคอ่ นข้างจากัด
กวา่ นักเรยี นปกติในวยั เดียวกัน กลา้ มเนอ้ื มัดใหญ่ของนักเรียนท่คี วามบกพร่องทางด้านสติปัญญา จะไม่
แขง็ แรง ออ่ นน่ิม ขอ้ ตอ่ ตา่ ง ๆ ยืดไดม้ าก โดยเฉพาะนักเรียนกลมุ่ อาการดาวน์ซนิ โดรม ซึ่งมีผลทาให้
ความสามารถในการทากจิ กรรมลา่ ชา้ และมขี ้อจากดั การรบั รู้และการเรยี นรู้ไม่เหมาะสมกบั อายจุ รงิ
ดังน้ัน ควรมีการพัฒนาทักษะกล้ามเนอื้ มดั ใหญ่ก่อน เนอื่ งจากกล้ามเน้ือมัดใหญ่มีหน้าท่ีสาคญั ในการ
เคล่ือนไหวอวัยวะหรือสว่ น ตา่ ง ๆ ของร่างกาย และยงั ชว่ ยในการทรงตัวเพ่อื ทากิจกรรมตา่ ง ๆ เช่น
การเดนิ การวิ่ง การกระโดด จงึ จาเป็นอย่างย่ิงที่จะตอ้ งฝึกกลา้ มเนอ้ื ใหแ้ ขง็ แรง เพอ่ื ที่จะสามารถทา
กจิ กรรมตา่ ง ๆ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพยิง่ ขึ้น การสง่ เสริมโดยการจัดกิจกรรมใหส้ อดคล้องกับ ข้นั
พฒั นาการของนักเรียนจะเป็นสง่ิ ท่ชี ่วยให้นกั เรียนได้พัฒนาไดร้ วดเร็ว และพฒั นาได้สูงสุดตาม
ศกั ยภาพ การจดั กจิ กรรมใหน้ ักเรยี นได้พฒั นากล้ามเน้ือต่าง ๆ น้ันควรเริม่ พฒั นากล้ามเนื้อมดั ใหญ่ก่อน
เพราะพัฒนาการทางด้านกล้ามเน้ือมัดใหญจ่ ะเกดิ ขึน้ ก่อนการพัฒนาการประสานสมั พันธข์ อง
กล้ามเน้ือมดั เลก็ (เบญจา ชลธานนท์, 2536)

๓. เอกสารงานวจิ ัยท่เี ก่ียวกับชดุ บลิกซ์พ็อพ สนามจินตนาการ

ชดุ บลิกซ์พอ็ พ สนามจนิ ตนาการ
BLIX POP เป็นของเลน่ ท่อี อกแบบพัฒนากลา้ มเนื้อมัดใหญ่ ได้มีพนื้ ทฝ่ี กึ ทกั ษะการทรงตัว
เหมอื นเด็กอ่ืนๆ มีลกั ษณะเป็นตัวตอ่ เพ่ือประกอบเปน็ สนามเดก็ เล่น ผลิตขึ้นโดยบรษิ ทั บลกิ ซ์ พ็อพ
จากดั “หนึง่ ในผ้สู ร้างสรรคผ์ ลิตภณั ฑส์ ่งิ ประดิษฐ์เพ่ือเสริมสรา้ งพัฒนาการเด็กทุกคน” ภายใต้แนวคิด
“พัฒนาการ คือ รากฐานของชีวติ " เล็งเหน็ ถงึ ความสาคญั ของเด็กโดยเฉพาะเด็กทมี่ ีความบกพร่องดา้ น
ตา่ งๆ จงึ ได้ออกแบบและผลติ ชุด บลกิ ซ์พ็อพ สนามจินตนาการ ซ่งึ เป็นชุดสอื่ การสอนผสมผสานการ
เลน่ เพือ่ ฝึกทกั ษะด้านตา่ งๆแบบองคร์ วม ที่ได้ผ่านการศึกษาวิจยั และออกแบบโดยคานึงถงึ ศกั ยภาพ
ของเด็ก และความปลอดภัยเป็นหลัก มีการออกแบบการต่อเชื่อมทม่ี ่นั คงไม่ซบั ซ้อน มีแม่เหลก็ เป็นตัว
ชว่ ย รปู ทรงและพืน้ ผิวแต่ละชนิ้ งานมีความแตกต่างกนั เช่น หญา้ เทยี ม ผวิ เปลือกไม้ ทาใหเ้ ด็กเขา้ ถึง
ธรรมชาตโิ ดยการสัมผัส วสั ดทุ ่ใี ชท้ าจาก อวี ีเอโฟม ปลอดสารพิษ ขนาด นา้ หนัก พอเหมาะกับเด็ก
ขอบไม่มีความคม ไม่ระคายเคอื ง ชว่ ยในการฝกึ ทกั ษะด้านประสาทสมั ผสั ด้านกายภาพในการ
เสรมิ สรา้ งกลา้ มเน้ือมดั ใหญ่มัดเลก็ ทง้ั แขนขา จากการหยิบ จบั สร้าง การคลาน การเดนิ การทรงตวั
บนพ้นื ผวิ ที่แตกตา่ งเพื่อให้ร่างกายแขง็ แรง ส่งเสริมการใช้ความคิดสรา้ งสรรค์ สามารถนามาสรา้ งตอ่
ชนิ้ งานเป็นขอบเขตของสนามการเลน่ ได้หลากหลายรูปแบบตามจนิ ตนาการด้วยตนเองหรือกบั กลมุ่
เพ่ือน พ้นื ผิวทแ่ี ตกตา่ งและสสี ันของแตล่ ะชิ้นงานสวยงามสะดุดตา

๑๑

รปู แบบโครงสร้างของชดุ บลิกซพ์ อ็ พ สนามจนิ ตนาการ
มโี ครงสร้าง 4 แบบ คือ

1) ตวั รองท่ีท้งั 6 ดา้ นมรี ่องและป่มุ นูนเพื่อใชต้ ่อเปน็ รูปทรงตา่ งๆ โดยมแี ถบแม่เหล็ก
เปน็ ตวั ยดึ

2) ตวั เพมิ่ ความสูง ที่สามารถต่อชั้นใหส้ ูงข้นึ ไปเพื่อเพ่ิมความลาดชดั
3) แผ่นหญ้า ใหเ้ สมือนได้เลน่ อย่ภู ายนอกอาคาร
4) พ้นื ไม้ลวดลายต่างๆ พรอ้ มความโค้งนูนเพ่ือฝึกการทรงตัว

๔. เอกสารงานวจิ ยั ทเี่ ก่ยี วข้องกับชุดฝึกทักษะ

ความหมายของชดุ ฝึกทกั ษะ
สคุ นธ์ สินธพานนท์ (2553 : 96) ไดใ้ ห้ความหมายของชุดฝึกทักษะวา่ ส่ือทสี่ รา้ งข้ึนเพ่ือให้
นักเรยี นไดท้ ากิจกรรมทเ่ี ป็นการทบทวนหรอื เสรมิ เพิม่ เติมความรใู้ หแ้ กน่ ักเรียน หรือให้นักเรยี นได้ฝึก
ทกั ษะการเรยี นรหู้ ลายๆรูปแบบเพ่ือสรา้ งเสรมิ ประสบการณก์ ารเรยี นร้ใู หแ้ ก่ผ้เู รยี นได้มีคุณลกั ษณะ
ตามทตี่ ้องการ
ศนั สนยี ์ ส่ือสกุล (2554: 24) งานหรือกิจกรรมท่ีครูผู้สอนมอบหมายใหน้ กั เรียนทาเพื่อฝึก
ทักษะและทบทวนความรู้ท่ไี ด้เรยี นไปแลว้ ให้เกิดความชานาญ ถูกต้อง คลอ่ งแคล่ว จนสามารถนา
ความรู้ไปแก้ปญั หาไดโ้ ดยอตั โนมัติ

หลักการสร้างชุดฝึกทกั ษะ
จิรเดช เหมือนสมาน (2551: 8) ไดใ้ ห้แนวทางในการดาเนินการสร้างชดุ ฝึกทักษะไว้ดงั น้ี
๑. กาหนดจดุ ม่งุ หมายและวางแผนในการดาเนินการสร้างชุดฝกึ ทักษะ
๒. วิเคราะหท์ ักษะและเน้ือหาวิชาท่ตี ้องการสร้างชดุ ฝึกทักษะเปน็ ทักษะยอ่ ยๆ และเขียน
จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมตามทักษะและเน้ือหาย่อยๆนัน้
๓. เขยี นชดุ ฝึกทักษะตามเนื้อหาและจดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรมท่กี าหนดไว้ให้สอดคลอ้ งกับ
หลักจติ วิทยาการเรยี นรู้ และจิตวทิ ยาพฒั นาการตามวัยของผู้เรยี น
๔. กาหนดรปู แบบของชุดฝึกทักษะ

สุคนธ์ สนิ ธพานนท์ (2553:97) กลา่ ววา่ ชุดฝึกทักษะมหี ลักสาคญั เปน็ แนวในการจดั ทา
ชดุ ฝึกทกั ษะ ดงั นี้

๑. จดั เนอ้ื หาสาระในการฝึกตรงตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๒. เน้ือหาสาระ และกจิ กรรมการฝึกเหมาะสมกับวยั และความสามารถของผเู้ รียน
๓. การวางรูปแบบของชุดฝึกทกั ษะมีความสัมพันธ์กับโครงเรือ่ ง และเน้ือหาสาระ
๔. ชดุ ฝึกทกั ษะต้องมีคาชแ้ี จงง่ายๆ ส้นั ๆ เพื่อให้ผเู้ รยี นอา่ นเขา้ ใจ เรยี งจากงา่ ยไปยากมีแบบ
ฝกึ ทกั ษะทน่ี ่าสนใจ และท้าทายใหผ้ เู้ รยี นได้แสดงความสามารถ

๑๒

๕. มีความถูกต้อง ครูผสู้ อนจะต้องพิจารณาตรวจสอบให้ดีอยา่ ใหม้ ีขอ้ ผิดพลาด
๖. กาหนดเวลาท่ใี ชช้ ุดฝกึ ทักษะแตล่ ะตอนให้เหมาะสม นอกจากนี้ยงั อธิบายถงึ ขน้ั ตอนการ
สรา้ งชุดฝกึ ทกั ษะ ดังนี้
๗. ศกึ ษาหลักสูตร หลักการ จุดมงุ่ หมายของหลักสตู ร
๘. วเิ คราะหม์ าตรฐานการเรียนรขู้ องกล่มุ สาระการเรียนรู้ และสาระการเรยี นรู้ เพ่ือวิเคราะห์
เนื้อหา จุดประสงคใ์ นแตล่ ะชดุ การฝกึ
๙. จดั ทาโครงสร้างและชดุ ฝึกในแตล่ ะชดุ
๑๐. ออกแบบชดุ ฝึกทกั ษะในแตล่ ะชดุ ใหม้ รี ปู แบบท่หี ลากหลาย และนา่ สนใจ
๑๑. ลงมือสรา้ งแบบฝึกในแต่ละชุดรวมท้งั ออกข้อสอบก่อน และหลงั เรียนให้สอดคลอ้ งกับ
เน้อื หา และจดุ ประสงค์การเรียนรู้
๑๒. นาไปใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญตรวจสอบ
๑๓. นาชุดฝกึ ทักษะไปทดลองใชบ้ ันทึกผลแล้วปรับปรงุ แก้ไขส่วนท่ีบกพร่อง
๑๔. ปรับปรงุ ชุดฝกึ ทกั ษะให้มปี ระสิทธิภาพ
๑๕. นาไปใช้จริง

ลกั ษณะของชดุ ฝึกทกั ษะท่ดี ี
ปุณณภา จงอนุกูลธนากร (2553:14) กล่าววา่ ลกั ษณะของชดุ ฝกึ ทักษะที่ดี ควรประกอบไป
ด้วย
๑. เนือ้ หาท่ีตรงกบั จุดประสงค์
๒. กิจกรรมเหมาะสมกบั ระดับวยั หรือความสามารถของนักเรียน
๓. มีภาพประกอบ หรือวางฟอร์มท่ดี ี
๔. มที วี่ า่ งเหมาะสมสาหรบั การฝึกเขยี น
๕. ใช้เวลาทเ่ี หมาะสม
๖. ท้าทายความสามารถของผเู้ รยี น และความสามารถนาไปฝึกดว้ ยตนเองได้
ไพรวรรณ บญุ มา (2552:27) ได้กลา่ วถงึ ชดุ ฝึกทักษะท่ีดีว่าหนงั สือแบบเรยี นน้ันครูควร
สรา้ งเรอ่ื งใดเร่ืองหนึง่ เพ่ือฝึกหัดนกั เรยี นโดยเฉพาะไม่มีการผสมผสานปนเปกนั ผูเ้ รียนจะกระตือรือร้น
และสนใจที่จะทา ครูควรใชภ้ าษาท่สี ่อื ความหมายไดเ้ หมาะสมกบั วัย วัฒนธรรม ประเพณี และภูมิหลัง
ทางภาษาของนักเรยี น ซงึ่ ชุดฝึกทักษะทนี่ ักเรยี นสนใจ และมคี วามกระตือรอื รน้ ทีจ่ ะทามีลักษณะ ดงั นี้
๑. ต้องมกี ารฝึกนักเรียนมากพอสมควรในเรอื่ งหนึ่งๆ ก่อนท่จี ะมีการฝกึ ในเร่ืองอ่นื ตอ่ ไป ทง้ั น้ี
ทาขึ้นเพอ่ื สอนมใิ ชท่ าขึ้นเพ่ือการทดสอบ
๒. ควรมคี วามชัดเจนทง้ั คาส่งั และวิธที าตัวอย่างแสดงวิธีทาไมค่ วรยากเกนิ ไปเพราะจะทาให้
เขา้ ใจยาก ควรปรับปรุงใหง้ ่าย และเหมาะสมกับผู้ใช้
๓. ควรแยกเปน็ เรื่องๆ แตล่ ะเร่ืองไม่ควรยาวเกนิ ไป ควรมีกิจกรรมหลายรปู แบบเพื่อเรา้ ความ
สนใจ และเพ่ือฝกึ ทักษะใดทกั ษะหน่งึ จนเกิดความชานาญ
๔. ควรเปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รยี นได้ศึกษาดว้ ยตนเองให้รู้จักคน้ คว้า และรู้จกั นาความรูไ้ ปใชใ้ น
ชีวิตประจาวนั ไดถ้ ูกต้องมหี ลักเกณฑ์

๑๓

๕. ควรตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล การจดั ทาชุดฝึกควรมที ุกระดบั ตั้งแตง่ ่าย ปาน
กลาง จนถงึ ระดับค่อนขา้ งยากเพื่อนกั เรียนจะได้เลอื กทาตามความสามารถ

๖. สามารถเรา้ ความสนใจของนักเรยี นตัง้ แตห่ น้าปกจนถึงหนา้ สุดท้าย

ประโยชนข์ องชดุ ฝึกทักษะ
สคุ นธ์ สินธพานนท์ (2553:96-97) ไดก้ ล่าวถงึ ประโยชน์ของชดุ ฝกึ ทกั ษะ ดังน้ี
๑. ช่วยใหผ้ ู้เรียนได้เรียนรู้ดว้ ยตนเองตามอัตภาพ เด็กแตล่ ะคนมคี วามสามารถแตกต่างกัน
การให้ผู้เรียนได้ทาชดุ ฝกึ ทักษะทีเ่ หมาะสมกับความสามารถของแตล่ ะคนใช้เวลาทแ่ี ตกต่างกนั ออกไป
ตามลักษณะการเรียนรู้ของแตล่ ะคนจะทาให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนร้ดู ้วยตนเองอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ทา
ใหผ้ ู้เรียนเกิดกาลงั ใจในการเรียนรู้ นอกจากนั้นยังเปน็ การซ่อมเสริมผเู้ รียนที่เรียนไมผ่ ่านเกณฑ์การ
ประเมนิ
๒. ชดุ ฝึกทกั ษะชว่ ยเสริมใหผ้ ู้เรยี นเกิดทักษะทคี่ งทน ชดุ ฝกึ ทักษะสามารถใหผ้ ู้เรียนได้ฝึกทันที
หลงั จากจบบทเรยี นนัน้ ๆ หรือให้มีการฝกึ ซา้ หลายๆครง้ั เพ่ือความแม่นยาในเรื่องทีต่ ้องการฝกึ หรอื เน้น
ยา้ ใหน้ ักเรียนทาชดุ ฝึกทกั ษะเพมิ่ เตมิ ในเร่ืองท่ีผิด
๓. ชุดการฝกึ สามารถเปน็ เครื่องมือในการวัดผลหลงั จากทผ่ี ู้เรยี นเรยี นจบบทเรียนในแต่ละครง้ั
ผเู้ รยี นสามารถตรวจสอบความร้คู วามสามารถของตนเองได้และเมื่อไม่เข้าใจ และทาผิดในเร่ืองใดๆ
ผู้เรยี นก็สามารถซ่อมเสริมตนเองได้ จัดไดว้ า่ เป็นเครอื่ งมือท่ีมีคุณคา่ ท้ังครผู ู้สอน และผู้เรยี น
๔. เปน็ สอ่ื ทีช่ ว่ ยเสรมิ บทเรียนหรอื หนังสือเรียนหรือคาสอนของครูผ้สู อน ชุดฝกึ ทกั ษะที่ครทู า
ขึน้ เพ่ือฝกึ ทักษะการเรยี นนอกเหนอื จากความรูใ้ นหนังสอื เรยี นหรือบทเรียน
๕. ลดภาระการสอนของครผู ู้สอน ไมต่ ้องฝกึ ทบทวนความรใู้ ห้แก่นักเรยี นตลอดเวลาไม่ตอ้ ง
ตรวจงานด้วยตนเองทุกครง้ั นอกจากกรณีที่ชดุ ฝึกทักษะนั้นเป็นการฝกึ ทักษะการคดิ ที่ไม่มเี ฉลยตายตวั
หรอื มแี นวเฉลยทห่ี ลากหลาย
๖. เปน็ การฝกึ ความรับผิดชอบของผเู้ รยี น การใหผ้ เู้ รยี นได้เรยี นรู้โดยการทาชดุ ฝึกทักษะตาม
ลาพังโดยมภี าระให้ทาตามท่มี อบหมาย จดั ได้วา่ เป็นการเสริมสร้างประสบการณก์ ารทางานให้ผู้เรยี นได้
นาไปประยุกต์ปฏิบตั ิในการดาเนนิ ชวี ิต
๗. ผู้เรียนมเี จตคติทด่ี ีตอ่ การเรยี นรู้ การทผ่ี ูเ้ รยี นได้ทาชดุ ฝกึ ทักษะการเรียนรู้ท่ีมรี ปู แบบ
หลากหลายจะทาใหผ้ เู้ รยี นสนุกและเพลิดเพลนิ เป็นการทา้ ทายใหล้ งมือทากิจกรรมตา่ งๆตามชุดฝึก
ทกั ษะนั้นๆ

๑๔

บทท่ี 3
วธิ ีดาเนินการวิจัย

การวิจัยเร่ือง การพัฒนาทักษะกล้ามเน้ือมัดใหญ่ โดยใช้ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP)
สาหรับเด็กท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา ๖ จังหวัดลพบุรี
ปีการศึกษา 25๖๒ เป็นการวิจัยเชิงทดลอง โดยศึกษารายกรณี (Case study Design) ผู้วิจัยมีการ
ดาเนนิ การตามขัน้ ตอนดังน้ี

๑. ตวั อยา่ งทใ่ี ช้ศกึ ษา
๒. ตัวแปรทศ่ี ึกษา
๓. เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการวจิ ัย
๔. วิธกี ารดาเนินการทดลอง
๕. การวิเคราะหข์ ้อมูล

๑. ตัวอยา่ งที่ใชศ้ ึกษา
นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ของศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา ๖ จังหวัด

ลพบุรี อายุ ๕ ปี ท่ีขาดความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ โดยการเลือกแบบเจาะจง จานวน
1 คน

๒. ตวั แปรทีศ่ กึ ษา
ตวั แปรตน้ ไดแ้ ก่ การใช้ชุดฝึกบลกิ ซพ์ อ็ พ (BLIX POP)
ตัวแปรตาม ได้แก่ ความสามารถในการใชก้ ล้ามเนือ้ มัดใหญ่

๓. เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการวจิ ัย
๓.๑ เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นการวิจัย ได้แก่ ชดุ ฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP)
๓.๒ เคร่อื งมือทีใ่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ไดแ้ ก่ แบบบนั ทกึ ผลการใช้ชุดฝกึ ทักษะ
๓.๓ ขน้ั ตอนการสรา้ งเคร่ืองมือ ดังนี้
1. ศึกษาเอกสาร หนงั สือ หรือตาราและงานวิจยั ท่เี ก่ียวข้องกบั การสร้างชดุ ฝกึ ทกั ษะ
2. สร้างชุดฝกึ ทกั ษะ จานวน ๓ ชุด ไดแ้ ก่
ชดุ ท่ี 1 การเดินขน้ึ และลง 3 ขัน้
ชดุ ที่ 2 การเดนิ ขนึ้ และลง ๕ ข้ัน
ชุดที่ ๓ การเดินขึ้นและลง ๗ ขึน้
3. นาชุดฝึกทกั ษะไปใช้กบั กรณศี ึกษา

๑๕

๔. วิธีดาเนินการวจิ ยั
๔.๑ แบบแผนการทดลอง
ใช้แบบแผนการทดลอง One – Group Pretest –Posttest Design (สิริมา ภิญโญ อนันตพงษ์

.2550 : 15 )

กลมุ่ ทดสอบก่อน ทดลอง ทดสอบหลัง

E T1 X T2

เมือ่ E แทน กลุม่ ตัวอยา่ ง
T1 แทน การวัดความสามารถด้านการแตง่ กาย
X แทน การจดั กิจกรรมโดยการใชช้ ดุ ฝึกทกั ษะ
T2 แทน การวัดความสามารถในการใช้กล้ามเน้ือมัดใหญ่หลังการ
ทดลอง

๔.๒ วิธีดาเนนิ การทดลอง
การทดลองในครั้งน้ีดาเนินการทดลองในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 256๒ โดยกลุ่มทดลอง
ได้รบั การจัดกจิ กรรมโดยใชเ้ วลา ในช่วง 10.00–10.30น. ได้แก่ วนั จนั ทร์ และวนั อังคาร

๕. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู

4.1 สถติ ทิ ีใ่ ชใ้ นการวิจัย
ค่าสถิติพื้นฐานหาจานวนร้อยละ คานวณพัฒนาการด้านความสามารถและสังเกตพฤติกรรม
ของนักเรยี นหลงั การสอนโดยวิธีสัมพทั ธ์ (ศิรชิ ัย กาญจนวาสี, ทวีวฒั น์ ปิตยานนท์, ดเิ รก
ศรีสโุ ข. 2551) โดยสตู รดงั นี้

คะแนนพัฒนาการ = 100 x [คะแนนทีไ่ ด้]
4.2 การวิเคราะหข์ ้อมลู
คะแนนเต็ม

วิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP) ก่อนและหลังการจัดการเรียนการ

สอน

๑๖

บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู

การวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะกล้ามเน้ือมัดใหญ่ โดยใช้ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP)
สาหรับเด็กท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา ๖ จังหวัดลพบุรี
ปกี ารศึกษา 25๖๒ ซ่ึงเคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP) และเก็บรวบรม
ข้อมูล โดยใช้แบบบันทกึ ผลการใช้ชดุ ฝึกทักษะ ผู้วิจัยได้ดาเนินการวิเคราะห์และเสนอผลการวิเคราะห์
ดังนี้

ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

ตารางท่ี 1 แสดงคะแนนในการฝึกทักษะกล้ามเน้ือมัดใหญ่ โดยใช้ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ

(BLIX POP)

ความสามารถในการใช้กลา้ มเนือ้ มดั ใหญ่ คะแนนเต็ม ก่อนการ หลงั การ ผลตา่ ง
จดั กจิ กรรม จดั กจิ กรรม

ชุดที่ 1 การเดนิ ขึ้นและลง 3 ขนั้ 10 2 10 8

ชุดที่ 2 การเดนิ ข้นึ และลง ๕ ขัน้ 10 1 9 8

ชุดท่ี ๓ การเดนิ ข้ึนและลง ๗ ข้นึ ๑๐ ๒ ๑๐ ๘

รวม ๓0 ๕ ๒๙ ๒๔

จากตาราง 1 พบว่า นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ฝึกทักษะโดยใช้ชุดฝึก
บลิกซ์พ็อพ (BLIX POP) มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียน

ตาราง ที่ 2 แสดงคะแนนความสามารถในการใช้กล้ามเน้ือมัดใหญ่โดยใช้ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX

POP)

คะแนน (20) คะแนน (20) ผลต่าง พฒั นาการ

ก่อนเรียน หลังเรยี น ของคะแนน (รอ้ ยละ)

๕ ๒9 ๒๔ 80

จากตาราง 2 พบว่านักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาท่ีรับการฝึกทักษะโดยใช้ชุด
บลิกซพ์ ็อพ (BLIX POP) มีคะแนนหลังเรยี นสูงกว่าคะแนนกอ่ นเรยี น

๑๗

บทท่ี 5
สรปุ ผลการวิจยั อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ

การวิจัยเร่ือง การพัฒนาทักษะกล้ามเน้ือมัดใหญ่ โดยใช้ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP)
สาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา ๖ จังหวัดลพบุรี
ปีการศึกษา 25๖๒ ซง่ึ เคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นการวิจัย ได้แก่ ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP) และเก็บรวบรม
ขอ้ มลู โดยใช้แบบบันทึกผลการใชช้ ดุ ฝึกทักษะ ผู้วิจัยได้ดาเนินการวิเคราะห์และเสนอผลการวิเคราะห์
โดยสรุปผล อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะดงั นี้

สรุปผลการวจิ ยั
จากการพฒั นาทักษะกลา้ มเน้ือมดั ใหญ่ โดยใช้ชดุ ฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP) สาหรบั เดก็ ที่มี

ความบกพรอ่ งทางสติปญั ญา ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา ๖ จงั หวดั ลพบุรี พบวา่ นักเรยี น
สามารถพัฒนาทกั ษะกล้ามเน้ือมดั ใหญ่ได้ดีขน้ึ สามารถทาคะแนนหลังจากไดร้ ับการฝกึ ทักษะ สูงกว่า
กอ่ นไดร้ ับการฝึกทกั ษะดา้ นการแต่งกายโดยใช้ชุดฝึกบลกิ ซ์พอ็ พ (BLIX POP) คิดเป็นร้อยละ 80

การอภิปรายผล
ผลจากการพฒั นากลา้ มเน้ือมัดใหญ่ โดยใช้ชุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP) สาหรับนกั เรยี นทม่ี ี

ความบกพร่องทางสติปญั ญา ของศนู ย์การศึกษาพเิ ศษ เขตการศึกษา ๖ จังหวดั ลพบรุ ี พบว่า คะแนน
ทดสอบหลังจากการใช้ชุดฝกึ บลิกซ์พ็อพ (BLIX POP) สงู กว่าก่อนใช้ชดุ ฝึกบลกิ ซ์พ็อพ (BLIX POP)
ช้ีให้เห็นว่า ชุดฝกึ บลกิ ซ์พ็อพ (BLIX POP) มผี ลต่อทกั ษะกลา้ มเน้ือมัดใหญ่ของนักเรียนท่ีมคี วาม
บกพร่องทางสตปิ ัญญา เน่ืองจากนกั เรียนได้รับการฝึกทักษะการเคลื่อนไหวในส่วนกลา้ มเนอื้ มดั ใหญ่
ของลาตัว แขน ขา เป็นการเคลอ่ื นไหวแบบอยู่กับท่ี การเคลื่อนไหวแบบเคลอ่ื นท่ี และการเคลือ่ นไหว
สว่ นตา่ ง ๆ ประกอบอุปกรณ์ ตามท่ี ระวิวรรณ แซ่หลี (2558) ได้กลา่ วมา รวมถึง ชดุ บลิกซ์พ็อพ (BLIX
POP) ท่ไี ดผ้ ่านการศึกษาวจิ ยั และออกแบบโดยคานงึ ถึงศักยภาพของเดก็ และความปลอดภัยเป็นหลัก
และจากการใชช้ ุดฝึกบลิกซ์พ็อพ (BLIX POP) พบวา่ นกั เรียนท่มี คี วามบกพร่องทางสตปิ ัญญา ทใ่ี ช้
ชดุ ฝกึ ทักษะสามารถทาคะแนนหลงั ใช้ชดุ ฝึกทกั ษะ สงู กว่าคะแนนก่อนใชช้ ดุ ฝึกทักษะอีกด้วย

ขอ้ เสนอแนะ
ควรจัดทาชุดฝึกทักษะที่มีเน้ือหาหลากหลายย่ิงขึ้น เพื่อที่จะส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน

และทาให้นักเรียนมีพฒั นาการทด่ี ขี น้ึ ต่อไป

๑๘

บรรณานุกรม

กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2551). พระราชบัญญัติการจัดการศกึ ษาสาหรับคนพกิ าร พ.ศ.2551 และ
อนุบัญญัตติ ามพระราชบัญญัติฯ จานวน 6 ฉบบั . กรงุ เทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน.

เบญจา ชลธาร์นนท์. (2543). การศกึ ษาแบบเรยี นรวม. กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนดุสิต
ชมรมจิตแพทย์เด็กและวยั รนุ่ แหง่ ประเทศไทย. คู่มอื เลี้ยงลูก วยั 6-12 ปี (Online).

http://plearnstage2.blogspot.com/p/6-12. Html, 9 ธันวาคม 2555.
ชาตรี วฑิ ูรชาต.ิ (2555). เรยี นรูด้ ว้ ยการเลน่ (Online). http://www.manager.co.th/QOL/View

News.aspx?NewsID=9490000147383&TabID=1&, 20 มกราคม 2558.
ปราณีย์ วงษ์ชยั . (2560). ลกั ษณะของเด็กท่ีมคี วามบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญา : กรงุ เทพฯ .คณะ

ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสุนันทา
ระวิวรรณ แซ่หลี.(2558). การวิจัยเรื่องการพัฒนาความสามารถในการใช้กลา้ มเนอื้ มัดใหญข่ อง

นักเรียนทม่ี ีความบกพร่องทางสติปัญญาระดับเลก็ นอ้ ยถึงปานกลางโดยการใช้
โปรแกรมการฝกึ เพื่อส่งเสริมกล้ามเนือ้ มดั ใหญ่ : สงขลา.มหาวิทยาลัยราชภัฏ
สงขลา
สานักงานเขตพ้นื ทต่ี รัง เขต 1. (2548). สรปุ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช
2540. ตรัง : สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน.
สมเกตุ อทุ ธโยธา. (2540). การศกึ ษาแบบเรียนรวม. เชยี งใหม่ : มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่
สคุ นธ์ สินธพานนท์. (2553). นวัตกรรมการเรียนการสอนเพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพของเยาวชน.
กรุงเทพฯ: หา้ งห้นุ ส่วนจากดั 9119 เทคนิคพรนิ้ ตงิ้ .
สุวิมล อุดมพิริยะศักิด.์ (2549). การจัดประสบการณเ์ พือ่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยท่ีมีความต้องการพเิ ศษ
ในประมวลสาระชดุ วิชาการจัดประสบการณ์สาหรบั เด็กปฐมวัย หนว่ ยที่ 13.
นนทบุรี:สานักพิมพม์ หาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช.
โรงพยาบาลราชานกุ ลู . (2541). คูม่ ือฝกึ เดก็ ในการดารงชีวติ ประจาวัน : กรุงเทพฯ .ฝาุ ยพยาบาล
โรงพยาบาลราชานกุ ูล

๑๙

ภาคผนวก
- นวัตกรรม (เคร่ืองมอื แกป้ ัญหา)

๒๐

คู่มือการใช้ชุดฝกึ บลกิ ซ์พ็อพ
(BLIX POP)

๒๑

ชุดที่ 1 การเดินขึ้นและลง 3 ข้นั

ชื่อแผน การเดินข้นึ และลง 3 ข้ัน

เนือ้ หา การเดนิ ขึ้นและลง ๓ ขนั้

จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
นกั เรยี นสามารถเดินขน้ึ และลง ๓ ขน้ึ ได้

สอ่ื การสอน

ขั้นตอนการสอน
ขนั้ นา

- ครูทกั ทายนักเรยี น เพ่ือให้นกั เรยี นเกดิ ความคุ้นชินและไม่เกรง็
ขน้ั สอน

- ครนู าอปุ กรณม์ าแนะนาใหน้ ักเรียน วิธใี ช้และข้อระมัดระวงั
- นักเรียนและครูรว่ มกันนาชุดบลิกซ์พ็อพมาต่อเปน็ ขั้นบันได ๓ ขน้ั
- นักเรียนและครรู ว่ มกันเดินข้ึนและลงบันได โดยที่ครูคอยใหค้ าแนะนาอยา่ งใกลช้ ิด
ขั้นสรปุ
- นกั เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดว้ ยตนเอง จานวน ๑๐ คร้งั
- ครบู ันทกึ คะแนนประเมนิ ความสามารถของผูเ้ รยี นหลงั ใช้ชุดฝึก

๒๒

ชุดที่ ๒ การเดินขึ้นและลง ๕ ข้นั

ชื่อแผน การเดินข้นึ และลง ๕ ขนั้

เนือ้ หา การเดนิ ขึ้นและลง ๕ ขั้น

จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
นกั เรยี นสามารถเดินขน้ึ และลง ๕ ขน้ึ ได้

สอ่ื การสอน

ขั้นตอนการสอน
ขนั้ นา

- ครูทกั ทายนักเรยี น เพ่ือให้นกั เรยี นเกดิ ความคุ้นชินและไมเ่ กรง็
ขน้ั สอน

- ครูนาอปุ กรณม์ าแนะนาใหน้ ักเรียน วิธใี ช้และข้อระมัดระวงั
- นักเรียนและครูรว่ มกันนาชุดบลิกซ์พ็อพมาต่อเปน็ ขั้นบันได ๕ ขน้ั
- นักเรียนและครรู ว่ มกันเดินข้ึนและลงบันได โดยที่ครูคอยใหค้ าแนะนาอยา่ งใกลช้ ิด
ขั้นสรปุ
- นกั เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดว้ ยตนเอง จานวน ๑๐ คร้งั
- ครบู ันทกึ คะแนนประเมนิ ความสามารถของผูเ้ รยี นหลงั ใช้ชุดฝึก

๒๓

ชุดที่ ๒ การเดินขึ้นและลง ๗ ข้นั

ชื่อแผน การเดินข้นึ และลง ๗ ขนั้

เนือ้ หา การเดนิ ขึ้นและลง ๗ ขั้น

จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
นกั เรยี นสามารถเดินขน้ึ และลง ๗ ขน้ึ ได้

สอ่ื การสอน

ขั้นตอนการสอน
ขนั้ นา

- ครูทกั ทายนักเรยี น เพ่ือให้นกั เรยี นเกดิ ความคุ้นชินและไมเ่ กรง็
ขน้ั สอน

- ครูนาอปุ กรณม์ าแนะนาใหน้ ักเรียน วิธใี ช้และข้อระมัดระวงั
- นักเรียนและครูรว่ มกันนาชุดบลิกซ์พ็อพมาต่อเปน็ ขั้นบันได ๗ ขน้ั
- นักเรียนและครรู ว่ มกันเดินข้ึนและลงบันได โดยที่ครูคอยใหค้ าแนะนาอยา่ งใกลช้ ิด
ขั้นสรปุ
- นกั เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดว้ ยตนเอง จานวน ๑๐ คร้งั
- ครบู ันทกึ คะแนนประเมนิ ความสามารถของผูเ้ รยี นหลงั ใช้ชุดฝึก

๒๔

คู่มอื การใช้แบบประเมินความสามารถในการใช้กล้ามเน้ือมัดใหญ่

๒๕

แบบประเมินความสามารถในการใชก้ ล้ามเนื้อมดั ใหญ่
ชอ่ื นกั เรยี น............................................................... ครง้ั ท.่ี ..............................
ชือ่ ผูป้ ระเมนิ ............................................................ วันทป่ี ระเมนิ ....................

คาชี้แจง ให้เขียนเลข ๐ หรือ ๑ ลงในช่องทีน่ ักเรยี นสามารถทาได้ตามเกณฑ์ทกี่ าหนด
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ระดับคะแนน 0 หมายถึง นกั เรียนไม่สามารถปฏิบัติกจิ กรรมได้ดว้ ยตนเอง

ไมใ่ ห้ความรว่ มมือในการปฏิบัติกจิ กรรม แมผ้ สู้ อนช่วยใน

การเสริมแรงใดๆก็ตาม

ระดับคะแนน 1 หมายถึง นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิกิจกรรมได้ดว้ ยตนเองบา้ ง โดยท่ี

ผู้สอนคอยให้คาแนะนา และคอยให้ความชว่ ยเหลอื และมี

การเสริมแรงแกน่ กั เรียนเล็กน้อย นกั เรียนสามารถปฏิบัติ

กิจกรรมไดด้ ว้ ยตนเอง

ชุดที่ ระดับความสามารถ
หมายเหตุ
ชดุ ท่ี ๑ การเดินขึ้นและลง ๓ ขน้ั
ชุดที่ ๒ การเดินข้ึนและลง ๕ ขั้น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐
ชดุ ที่ ๓ การเดินขึน้ และลง ๗ ข้ัน

ลงชือ่ ผ้ปู ระเมนิ
()

๒๖

ชือ่ ประวตั ยิ ่อของผ้วู ิจยั
วัน เดอื น ปีเกดิ
สถานท่ีอยู่ปจั จบุ นั นางสาวภัคจิรา เตจ๊ะเปง็
วันท่ี ๔ เดอื น กรกฎาคม พ.ศ. 2535
ตาแหนง่ 41/27 หมู่ที่ 7 ตาบลปุาตาล อาเภอเมอื ง
สถานที่ทางาน จังหวดั ลพบุรี รหัสไปรษณีย์ 15000
โทรศัพท์ 087-3008768
ประวัติการศึกษา E- mail : [email protected]
พ.ศ. 254๖ ครู
พ.ศ. 25๔๙ ศนู ย์การศึกษาพิเศษ เขตการศกึ ษา ๖ จงั หวัดลพบรุ ี
พ.ศ. 25๕๒ อาเภอเมือง จงั หวัดลพบรุ ี
พ.ศ. 2558 สานกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ

จบช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรยี นบ้านปุาปง

อาเภอฝาง จังหวัดเชยี งใหม่

จบชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรียนบา้ นห้วยไซ

อาเภอบา้ นธิ จังหวังลาพูน

จบช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรียนจกั รคาคณาทร จังหวัดลาพูน

อาเภอเมืองลาพูน จังหวดั ลาพูน

จบปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลัยราชภฎั เชียงใหม่

ครุศาสตรบ์ ัณฑติ สาขาการศึกษาพเิ ศษ

อาเภอเมือง จงั หวัดเชยี งใหม่


Click to View FlipBook Version